การศึกษาเส้นทางท่องเท่ียวเชิงสรา้ งสรรคจ์ งั หวดั สมทุ รสงคราม
นโรดม เน่ืองทองน่ิม
ปกรณ์ เฉลิมทรง
ฐิติวฒั น์ กลนั่ ไพฑูรย์
ณภทั รศกั ด์ิ คาสดุ ที
จารวุ รรณ แสงมณี
การวิจยั นี้เป็นส่วนหน่ึงของการศึกษาตามหลกั สตู รศิลปศาสตรบณั ฑิต
สาขาวิชาภมู ิศาสตรแ์ ละประวตั ิศาสตรเ์ ชิงท่องเท่ียว
คณะมนุษยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั จนั ทรเกษม
มีนาคม 2565
การศึกษาเส้นทางท่องเท่ียวเชิงสร้างสรรคจ์ งั หวดั สมทุ รสงคราม
Study of Creative Tourism Routes in Samut Songkhram Province.
นโรดม เนื่องทองนิ่ม
ปกรณ์ เฉลิมทรง
ฐิติวฒั น์ กลนั่ ไพฑรู ย์
ณภทั รศกั ด์ิ คาสดุ ที
จารวุ รรณ แสงมณี
การวิจยั นี้เป็นส่วนหน่ึงของการศึกษาตามหลกั สตู รศิลปศาสตรบ์ ณั ฑิต
สาขาวิชาภมู ิศาสตรแ์ ละประวตั ิศาสตรเ์ ชิงท่องเที่ยว
คณะมนุษยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั จนั ทรเกษม
มนี าคม 2565
การวิจยั
เรือ่ ง
การศึกษาเส้นทางท่องเท่ียวเชิงสร้างสรรคจ์ งั หวดั สมทุ รสงคราม
ได้รบั การอนุมตั ิให้เป็นส่วนหนึ่งของการศกึ ษาตามหลกั สูตร
ปริญญา ศิลปศาสตรบณั ฑิต สาขาวิชาภมู ิศาสตรแ์ ละประวตั ิศาสตรเ์ ชิงท่องเท่ียว
มหาวิทยาลยั ราชภฏั จนั ทรเกษม
วนั ที่ 25 เดือนมนี าคม พ.ศ. 2565
……..……………………………………….
(อาจารย์ ภคั ธร ชาญฤทธเิ สน)
อาจารยท์ ป่ี รกึ ษาวจิ ยั หลกั
……..……………………………………….
(ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ สุกานดา สารน้อย)
อาจารยท์ ป่ี รกึ ษาวจิ ยั รว่ ม
……..……………………………………….
(ศาสตราจารย์ ดร.พรรณี บวั เลก็ )
ประธานกรรมการ
……..……………………………………….
(อาจารย์ พทั ธนันท์ รตั นวรเศวต)
กรรมการ
……..………………………………………. ……..……………………………………….
( อาจารย์ ดร.อรวรรณ เชอ้ื น้อย) (ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ วาทนิ ี นิลงาม)
ประธานสาขาวชิ า กรรมการผทู้ รงคณุ วุฒิ
4
การวจิ ยั การศกึ ษาเสน้ ทางท่องเทย่ี วเชงิ สรา้ งสรรคจ์ งั หวดั
ช่อื นกั ศกึ ษา สมุทรสงคราม
นโรดม เน่อื งทองนิ่ม
สาขา ปกรณ์ เฉลมิ ทรง
สถาบนั ฐติ วิ ฒั น์ กลนั่ ไพฑรู ย์
อาจารยท์ ป่ี รกึ ษาวทิ ยานพิ นธห์ ลกั ณภทั รศกั ดิ ์คาสุดที
อาจารยท์ ป่ี รกึ ษาวทิ ยานพิ นธร์ ่วม จารุวรรณ แสงมณี
ปีการศกึ ษา ภมู ศิ าสตรแ์ ละประวตั ศิ าสตรเ์ ชงิ ท่องเทย่ี ว
คณะมนุษยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์
มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั จนั ทรเกษม
อาจารย์ ภคั ธร ชาญฤทธเิ สน
ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ สุกานดา สารน้อย
2565
บทคดั ย่อ
งานวจิ ยั น้ีมวี ตั ถุประสงคเ์ พอ่ื 1. เพ่อื ศกึ ษาทรพั ยากรและความพรอ้ มของคนในพน้ื ท่ี
ของสถานทท่ี ่องเทย่ี วเชงิ สรา้ งสรรคใ์ นจงั หวดั สมุทรสงคราม 2. เพ่อื จดั ทาเสน้ ทางท่องเทย่ี วเชงิ
สร้างสรรค์ในจงั หวดั สมุทรสงคราม โดย “การศกึ ษาเส้นทางท่องเท่ยี วเชงิ สร้างสรรค์จงั หวดั
สมุทรสงคราม” เป็นการวจิ ยั ทผ่ี วู้ จิ ยั รวบรวมขอ้ มูลเอกสารทเ่ี ก่ยี วขอ้ งกบั จงั หวดั สมุทรสงคราม
และสถานท่ีท่องเท่ียวใน จงั หวดั สมุทรสงคราม รวมถึงเอกสารวิจยั ท่ีเก่ียวข้องและการใช้
แอพพลิเคชนั่ ท่ีเก่ียวข้องกับภูมศิ าสตร์และประวตั ิศาสตร์เชิงท่องเท่ียวเพ่อื ตอบโจทย์ตาม
วตั ถปุ ระสงคข์ องงานวจิ ยั
ผลการวจิ ยั พบว่า จงั หวดั สมุทรสงคราม เป็นจงั หวดั ในภาคกลางทม่ี ขี นาดเลก็ ทส่ี ุดใน
ประเทศไทย และเป็นจงั หวดั ท่มี อี าเภอเพยี ง 3 อาเภอ คอื อาเภอเมอื งสมุทรสงคราม อาเภอ
อัมพวา และอาเภอบางคนที จากการท่ีผู้วิจัยได้ศึกษาประวัติความเป็ นมาของจังหวัด
สมุทรสงคราม ทาใหท้ ราบว่าจงั หวดั สมุทรสงครามเป็นจงั หวดั ทม่ี คี วามหลากหลายในสถานท่ี
ท่องเท่ยี วไม่ว่าจะเป็น ดา้ นอาหาร ด้านประวตั ศิ าสตร์ ด้านวฒั นธรรม หรอื ดา้ นธรรมชาติ และ
ดว้ ยจงั หวดั สมุทรสงครามเป็นจงั หวดั ขนาดเลก็ ทาใหส้ ถานทท่ี ่องเทย่ี วในแต่ละอาเภออย่ไู ม่ไกล
กนั มาก ผู้วจิ ยั จงึ เกิดแนวคดิ ท่จี ะนาสถานทท่ี ่องเท่ยี วในดา้ นต่างๆ มาผสมผสานใหก้ ลายเป็น
การท่องเทย่ี วเชงิ สรา้ งสรรค์ ทาใหผ้ วู้ จิ ยั ไดอ้ อกแบบ และจดั ทาเสน้ ทางท่องเทย่ี วเชงิ สรา้ งสรรค์
ในจงั หวดั สมุทรสงคราม ทางผู้วจิ ยั ได้กาหนดรูปแบบเสน้ ทางการท่องเท่ยี วเชงิ สร้างสรรค์ 4
รปู แบบไดแ้ ก่ 1. เสน้ ทางท่องเทย่ี วธรรมชาตเิ ชงิ สรา้ งสรรค์ 2 วนั 1 คนื ซง่ึ ผวู้ จิ ยั กาหนดให้อยู่
ในพน้ื ท่ี อาเภอเมอื ง 2. เสน้ ทางท่องเท่ยี วผสมผสานระหว่างประวตั ศิ าสตร์ และวฒั นธรรมเชงิ
5
สร้างสรรค์ 2 วนั 1 คนื ซ่ึงผู้วจิ ยั กาหนดให้อยู่ในพ้นื ท่ี อาเภออมั พวา 3. เสน้ ทางท่องเท่ียว
ผสมผสานระหว่างวฒั นธรรม และธรรมชาตเิ ชงิ สรา้ งสรรค์ 2 วนั 1 คนื ซง่ึ ผวู้ จิ ยั กาหนดใหอ้ ย่ใู น
พ้ืนท่ี อาเภอบางคนที และ 4. เส้นทางท่องเท่ียววัฒนธรรมเชิงสร้างสรรค์ 1 วัน ซ่ึงผู้วิจยั
กาหนดใหอ้ ย่ใู นพน้ื ท่ี อาเภอเมอื ง และอาเภออมั พวา
สถานท่ที ่องเท่ยี วเชงิ สร้างสรรคท์ ่ที างผูว้ จิ ยั ได้กาหนดมา เป็นสถานท่ที ่องเท่ยี วทม่ี ี
กิจกรรม โดดเด่น และเอกลกั ษณ์เฉพาะตวั การท่องเท่ยี วเชิงสร้างสรรค์เป็นการบูรณาการ
รปู แบบการทอ่ งเทย่ี วทม่ี อี ย่แู ลว้ ในแต่ละชุมชนซง่ึ บางแหง่ มกี ารท่องเทย่ี วทห่ี ลากหลายแตกต่าง
กนั ไปตามสภาพแวดลอ้ ม ทรพั ยากรธรรมชาติ วถิ ชี วี ติ ขนบธรรมเนียมประเพณี ทท่ี าใหแ้ หล่ง
ท่องเท่ยี วแต่ละแห่งมเี อกลกั ษณ์และจุดเด่นแตกต่างกนั แต่กม็ บี างแหล่งท่ปี ระสบปัญหาในการ
จดั การแหล่งทอ่ งเทย่ี ว และบางแห่งประสบความสาเรจ็ ผวู้ จิ ยั จงึ ไดเ้ ลง็ เหน็ ถงึ ความเหมาะสมใน
การศึกษาสถานท่ีท่องเท่ียว และได้จัดทาเป็ นสถานท่ีท่องเท่ียวเชิงสร้างสรรค์จังหวัด
สมทุ รสงคราม
6
Abstract
The objectives of this research were
1 To study the resources and readiness of people in the area of creative tourist
attractions in Samut Songkhram Province. 2 To create a creative tourism route in Samut
Songkhram Province. By "Study on creative tourism routes in Samut Songkhram
Province" This is a research in which the researcher collects documents related to Samut
Songkhram Province. and attractions in Samut Songkhram Province. Including related
research papers and the use of applications related to tourism geography and history to
meet the research objectives.
The results showed that Samut Songkhram Province It is the smallest province in
the central region in Thailand and is a province that has only 3 districts, namely Mueang
Samut Songkhram District, Amphawa District, and Bang Khonthi District. From the
researcher has studied the history of Samut Songkhram Province, it made me realize that
Samut Songkhram Province is a province that has a variety of tourist attractions, whether
in terms of food, history, culture, or nature. And with Samut Songkhram Province being a
small province, the tourist attractions in each district are not very far from each other. The
researcher therefore came up with an idea to bring tourist attractions in various fields. to
combine them into a creative tourism allowing the researcher to design and creating a
creative tourism route in Samut Songkhram Province The researcher has defined 4 types
of creative tourism routes as follows: 1 . Creative nature tourism route 2 days 1 night,
which the researcher determined to be in the area of Muang District 2 . A tourist route
that combines history and creative culture 2 days 1 night, which the researcher has
determined to stay in Amphawa District 3. Travel routes mix between cultures and creative
nature for 2 days and 1 night, which the researcher determined to be in the area of Bang
Khonthi District 4. One-day trip creative cultural tourism route, which the researcher has
determined to be in the area of Mueang District and Amphawa District.
Creative tourist attractions that the researcher has set It is a tourist destination
with outstanding activities and uniqueness. But there are still some places that are still
unknown, thus causing some tourist attractions to lack tourists. The researcher therefore
foresaw the appropriateness of studying the history of tourist attractions. and has been
made as a creative tourist destination in Samut Songkhram Province.
7
กิตติกรรมประกาศ
งานวจิ ยั เร่อื ง การศกึ ษาเสน้ ทางท่องเทย่ี วเชงิ สรา้ งสรรคจ์ งั หวดั สมุทรสงคราม ฉบบั น้ี
สาเรจ็ ไดจ้ ากความรว่ มมอื ของบคุ ลากรหลากหลาย คณะผวู้ จิ ยั ขอขอบคณุ อาจารยภ์ คั ธร ชาญฤ
ทธเิ สน ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ สกุ านดา สารน้อย อาจารยท์ ป่ี รกึ ษางานวจิ ยั และคณุ คณิ
ตา เจรญิ ศลิ ป์ ทส่ี ละเวลามาดแู ล ใหค้ าปรกึ ษา และขอขอบคณุ รายการ 8ท จากช่อง RUBSARB
PRODUCTION ทเ่ี ป็น แรงบนั ดาลใจใหผ้ วู้ จิ ยั ไดจ้ ดั ทางานวจิ ยั ในครงั้ น้ี
คณะผวู้ จิ ยั ขอขอบคุณสาขาภูมศิ าสตรแ์ ละประวตั ศิ าสตรเ์ ชงิ ทอ่ งเทย่ี ว และเพอ่ื นๆ ใน
มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั จนั ทรเกษมทค่ี อยสนบั สนุน และแบง่ ปันขอ้ มลู งานวจิ ยั จนสาเรจ็
สุดท้ายน้ีคณะผู้วจิ ยั หวงั เป็นอย่างยงิ่ ผลงานวจิ ยั เล่มน้ีจะเป็นประโยชน์ต่อหน่วยงาน
ภาครฐั และเอกชน ชุมชน สถานศกึ ษา และผเู้ กย่ี วขอ้ งในดา้ นการทอ่ งเทย่ี วทจ่ี ะนางานวจิ ยั ไปใช้
ประโยชน์ และพฒั นาในครงั้ ต่อไป
คณะผวู้ จิ ยั ขอขอบพระคณุ ทุกทา่ นทม่ี สี ว่ นเกย่ี วขอ้ งไว้ ณ โอกาสน้ดี ว้ ย
(คณะผวู้ จิ ยั )
20 มนี าคม 2565
สารบญั 8
บทคดั ย่อภาษาไทย หน้า
บทคดั ยอ่ ภาษาองั กฤษ (4)
กติ ตกิ รรมประกาศ (6)
สารบญั (7)
สารบญั ตาราง (8)
สารบญั ภาพ (11)
บทท่ี 1 บทนา (12)
13
ทม่ี าและความสาคญั ของปัญหา 13
วตั ถุประสงคข์ องการวจิ ยั 14
ขอบเขตของการวจิ ยั 14
ประโยชน์ทไ่ี ดร้ บั จากงานวจิ ยั 15
นิยามศพั ทเ์ ฉพาะ 15
กรอบแนวคดิ 16
บทท่ี 2 เอกสารและงานวจิ ยั ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง 17
ขอ้ มลู ทวั่ ไปในจงั หวดั สมุทรสงคราม 17
แนวคดิ การท่องเทย่ี ว 20
แนวคดิ การท่องเทย่ี วเชงิ สรา้ งสรรค์ 23
แนวคดิ การจดั เสน้ ทางเชงิ ท่องเทย่ี ว 24
รปู แบบการทอ่ งเทย่ี ว 28
งานวจิ ยั ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง 30
บทที่ 3 วธิ ดี าเนนิ การวจิ ยั 31
การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู 31
เคร่อื งมอื ทใ่ี ชในการดาเนินงานวจิ ยั 31
การวเิ คราะหข์ อ้ มลู และการนาเสนอผลการวจิ ยั 31
9
สารบญั (ต่อ)
บทท่ี 4 ผลการวเิ คราะหข์ อ้ มลู หน้า
32
เพอ่ื ศกึ ษาประวตั คิ วามเป็นมาของสถานทท่ี อ่ งเทย่ี วเชงิ สรา้ งสรรคใ์ น 32
จงั หวดั สมุทรสงคราม
33
ดอนหอยหลอด 34
ตลาดร่มหุบ 35
ศูนยอ์ นุรกั ษ์ป่าชายเลนคลองโคน 36
โรงเรยี นธรรมชาตปิ ่าชายเลน 37
หมบู่ า้ นคลองฉู่ฉ่ี 38
ศูนยก์ ารเรยี นรูช้ ุมชนบา้ นสวนทงุ่ 39
ตลาดน้าอมั พวา 40
อทุ ยานพระบรมราชานุสรณ์ พระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลศิ หลา้
นภาลยั (อทุ ยาน ร.2) 41
โครงการอมั พวาชยั พฒั นาอนุรกั ษ์ 42
ตลาดน้าท่าคา 43
วดั จุฬามณี 44
สวนลน้ิ จ่ี 200ปี 45
บา้ นพญาซอ 46
ตลาดเก่าบางนกแขวก 47
ตลาดน้าบางน้อย 48
บา้ นสวนมะนาวโห่ลุงศริ ิ 49
ศูนยก์ ารเรยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี งบา้ นสารภี 55
เพอ่ื จดั ทาเสน้ ทางท่องเทย่ี วเชงิ สรา้ งสรรคใ์ นจงั หวดั สมุทรสงคราม 55
เสน้ ทางการท่องเทย่ี วเชงิ สรา้ งสรรคจ์ งั หวดั สมุทรสงคราม อาเภอ
อมั พวา 2 วนั 1 คนื 57
เสน้ ทางการทอ่ งเทย่ี วเชงิ สรา้ งสรรคจ์ งั หวดั สมุทรสงคราม อาเภอบาง
คนที 2 วนั 1 คนื 59
เสน้ ทางการท่องเทย่ี วเชงิ สรา้ งสรรคจ์ งั หวดั สมุทรสงคราม อาเภอ
เมอื ง 2 วนั 1 คนื 61
เสน้ ทางการท่องเทย่ี วเชงิ สรา้ งสรรคจ์ งั หวดั สมุทรสงคราม อาเภอ
เมอื ง และอาเภออมั พวา
สารบญั (ต่อ) 10
บทที่ 5 สรปุ อภปิ รายผล และขอ้ เสนอแนะ หน้า
สรปุ 64
อภปิ รายผล 64
ขอ้ เสนอแนะ 64
65
บรรณานุกรม
ประวตั ผิ วู้ จิ ยั 66
68
สารบญั ตาราง 11
ตารางท่ี หน้า
1 ประเมนิ สถานทท่ี ่องเทย่ี วเชงิ สรา้ งสรรค์ อาเภอเมอื งสมุทรสงคราม 50
2 ประเมนิ สถานทท่ี ่องเทย่ี วเชงิ สรา้ งสรรค์ อาเภออมั พวา 50
3 ประเมนิ สถานทท่ี อ่ งเทย่ี วเชงิ สรา้ งสรรค์ อาเภอบางคนที 50
50
12
สารบญั ภาพ
ภาพท่ี หน้า
1 ผวู้ จิ ยั ไดท้ ำกำรลงพน้ื ทเ่ี พอ่ื ศกึ ษำ และรวบรวมขอ้ มลู 32
2 ดอนหอยหลอด 33
3 ตลำดร่มหุบ 34
4 ศนู ยอ์ นุรกั ษ์ป่ำชำยเลนคลองโคน 35
5 โรงเรยี นธรรมชำตปิ ่ำชำยเลน 36
6 หม่บู ำ้ นคลองฉู่ฉ่ี 37
7 ศูนยก์ ำรเรยี นรชู้ ุมชนบำ้ นสวนทุง่ 38
8 ตลำดน้ำอมั พวำ 39
9 อทุ ยำนพระบรมรำชำนุสรณ์ พระบำทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลำ้ นภำลยั 40
10 โครงกำรอมั พวำชยั พฒั นำอนุรกั ษ์ 41
11 ตลำดน้ำท่ำคำ 42
12 วดั จฬุ ำมณี 43
13 สวนลน้ิ จ่ี 200 ปี 44
14 บำ้ นพญำซอ 45
15 ตลำดเกำ่ บำงนกแขวก 46
16 ตลำดน้ำบำงน้อย 47
17 บำ้ นสวนมะนำวโห่ลงุ ศริ ิ 48
18 ศูนยก์ ำรเรยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี งบำ้ นสำรภี 49
19 เสน้ ทำงกำรท่องเทย่ี วเชง่ิ สรำ้ งสรรคจ์ งั หวดั สมุทรสงครำม อำเภออมั พวำวนั ท่ี 1 55
20 เสน้ ทำงกำรทอ่ งเทย่ี วเชง่ิ สรำ้ งสรรคจ์ งั หวดั สมุทรสงครำม อำเภออมั พวำวนั ท่ี 2 56
21 เสน้ ทำงกำรท่องเทย่ี วเชง่ิ สรำ้ งสรรคจ์ งั หวดั สมทุ รสงครำม อำเภอบำงคนทวี นั ท่ี 1 57
22 เสน้ ทำงกำรทอ่ งเทย่ี วเชง่ิ สรำ้ งสรรคจ์ งั หวดั สมุทรสงครำม อำเภอบำงคนทวี นั ท่ี 2 58
23 เสน้ ทำงกำรทอ่ งเทย่ี วเชงิ่ สรำ้ งสรรคจ์ งั หวดั สมทุ รสงครำม อำเภอเมอื งวนั ท่ี 1 59
24 เสน้ ทำงกำรท่องเทย่ี วเชง่ิ สรำ้ งสรรคจ์ งั หวดั สมุทรสงครำม อำเภอเมอื งวนั ท่ี 2 60
25 เสน้ ทำงกำรทอ่ งเทย่ี วเชง่ิ สรำ้ งสรรค์ อำเภอเมอื ง และอำเภออมั พวำ 61
26 ผวู้ จิ ยั ไดใ้ ชแ้ อพพลเิ คชนั่ ทำงภมู ศิ ำสตร์ 62
27 ผวู้ จิ ยั ใชโ้ ปรแกรมสำรสนเทศอทุ กวทิ ยำในกำรหำค่ำพกิ ดั UTM 63
13
บทที่ 1
บทนา
ที่มาและความสาคญั ของปัญหา
จงั หวดั สมุทรสงคราม เป็นจงั หวดั ในภาคกลางท่มี ขี นาดเลก็ ท่สี ุดในประเทศไทย และ
เป็นจงั หวดั ทม่ี อี าเภอเพยี ง 3 อาเภอเท่านนั้ คอื อาเภอเมอื งสมุทรสงคราม อาเภออมั พวา และ
อาเภอบางคนที จงั หวดั สมุทรสงครามนนั้ ผคู้ นทวั่ ไปรจู้ กั ในนามว่า เมอื งแม่กลอง ซ่งึ ตงั้ ตามช่อื
แม่น้าแม่กลอง ทไ่ี หลผ่านตวั จงั หวดั โดยจงั หวดั สมุทรสงครามหรอื เมอื งแม่กลองนัน้ เป็นแหล่ง
อาหารการกินบรโิ ภคท่สี มบูรณ์หรอื อาจจะเรยี กได้ว่าเป็น อู่ข้าวอู่น้าแห่งท่ี 2 รองจากจงั หวดั
พระนครศรอี ยุธยา เพราะความหลากหลายทางสภาพภูมศิ าสตร์ของตวั จงั หวดั และเน่ืองด้วย
ความหลากหลายทางสภาพภูมศิ าสตร์ของจงั หวดั ทาให้แหล่งท่องเท่ยี วในแต่ละอาเภอของ
จงั หวดั สมุทรสงครามมคี วามหลากหลาย เช่น อาเภออมั พวา ซ่งึ มภี ูมปิ ระเทศส่วนใหญ่เป็นท่ี
ราบลุม่ มคี ลองเลก็ คลองน้อย และสวนผลไมน้ านาชนิด ทาใหอ้ าเภออมั พวา มแี หลง่ ท่องเท่ยี วท่ี
เน้นไปทางวถิ ชี วี ติ ชาวบา้ นและชุมชน ท่องเทย่ี วเชงิ เกษตร เช่น 1. ตลาดน้าอมั พวา 2. ตลาด
น้าท่าคา 3. โครงการชยั พฒั นาอนุรกั ษ์ และอาเภอบางคนที ทม่ี ลี กั ษณะทางภูมศิ าสตรใ์ กล้เคยี ง
กบั อาเภออมั พวา ทาใหม้ แี หลง่ ท่องเทย่ี วคลา้ ยกบั อาเภออมั พวา เชน่ 1. ตลาดเกา่ บางนกแขวก
2. สวนมะนาวโหล่ ุงศริ ิ 3. ตลาดน้าบางน้อย และอาเภอเมอื งสมุทรสงครามกจ็ ะเป็นทร่ี าบลุ่มและ
ปากแม่น้า ทาใหม้ แี หล่งท่องเทย่ี วทเ่ี น้นไปทางแหล่งท่องเทย่ี วเชงิ นิเวศอนุรกั ษ์ป่าชายเลน เช่น
1. ดอนหอยหลอด 2. ศูนย์อนุรกั ษ์ป่ าชายเลนคลองโคน 3. หมู่บ้านคลองฉู่ฉ่ี จากแหล่ง
ท่องเท่ยี วแต่ละอาเภอนัน้ บางสถานท่กี ็เปิดเป็นศูนย์อนุรกั ษ์ แหล่งเรยี นรู้ให้ประชาชน และ
ชาวบ้านเข้าไปทากิจกรรม มีส่วนร่วมในการทาผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น และกระจายรายได้เขา้ สู่
ชมุ ชน
นักท่องเท่ียวมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ศิลปะวัฒนธรรมของพ้ืนท่ีจุดห มาย ซ่ึง
ประสบการณ์ดงั กล่าวทาให้นักท่องเท่ยี วได้ทาความเขา้ ใจผ่านประสบการณ์ของตวั เอง เกิด
ปฏสิ มั พนั ธอ์ นั ดรี ะหว่างเจา้ บา้ น และผมู้ าเยอื น และยงั เกดิ การแลกเปลย่ี นเรยี นรขู้ า้ มวฒั นธรรม
นอกจากน้ี นกั ท่องเทย่ี วยงั สามารถใชป้ ระสบการณ์ทเ่ี รยี นรใู้ หม่ มาประยกุ ตก์ บั ชวี ติ การงานของ
ตนหลงั จากการทอ่ งเทย่ี ว
(สุดแดน วสิ ุทธลิ กั ษณ์ และคณะ, 2556)
การท่องเท่ยี วท่สี มั พนั ธ์กบั ประวตั ิศาสตร์ ศลิ ปะวฒั นธรรม วถิ ชี ุมชนและเอกลักษณ์
สถานทโ่ี ดยนักท่องเทย่ี วไดเ้ รยี นรู้ เพ่อื สรา้ งประสบการณ์ตรง ร่วมกบั เจา้ ของวฒั นธรรม และ
เป็นการสร้างมูลค่าเพม่ิ ให้กับประวตั ิศาสตร์ ศิลปะวฒั นธรรม วถิ ีชุมชนและเอกลักษณ์ของ
14
สถานท่ี ท่ไี ม่ใช่กจิ กรรมท่เี น้นรายได้ของชุมชน แต่เป็นกจิ กรรมท่เี น้นคุณค่าของชุมชนเป็น
สาคญั (องคก์ ารบรหิ ารการพฒั นาพน้ื ทพ่ี เิ ศษเพอ่ื การทอ่ งเทย่ี วอย่างยงั่ ยนื , 2561)
การท่องเท่ยี วเป็นส่วนหน่ึงในวถี ชี วี ติ ของคนไทยมาอย่างยาวนาน ซ่งึ ในอดตี นัน้ การ
ท่องเทย่ี ว อาจจะยงั ไม่ไดร้ บั ความนิยมเท่าทค่ี วร และเป็นเพยี งแค่กจิ กรรมทไ่ี วพ้ กั ผ่อนหย่อน
ใจเพยี งเท่านนั้ แต่ปัจจุบนั การท่องเทย่ี วนนั้ เป็นสง่ิ ทเ่ี ป็นทน่ี ิยมและเป็นรายไดห้ ลกั ของประเทศ
ไทย เพราะในปัจจุบนั นัน้ การท่องเทย่ี วไดม้ หี ลายรปู แบบ อาทิ เช่น การท่องเทย่ี วประวตั ศิ าสตร์
การท่องเทย่ี วเชงิ นิเวศ การท่องเทย่ี วผจญภยั การท่องเท่ยี วเชงิ เกษตร และทไ่ี ดร้ บั ความนิยม
มากกค็ อื การทอ่ งเทย่ี วชมุ ชน เป็นตน้
เมอ่ื ชมุ ชนไดเ้ ขา้ มามสี ว่ นรว่ มในการทอ่ งเทย่ี ว และเป็นเจา้ ของรว่ มกนั มสี ว่ นร่วมในการ
จัดการ และใช้การท่องเท่ียวเป็นเคร่ืองมือในการพฒั นาคน และชุมชนให้คนในท้องถ่ินได้
ประโยชน์จากการท่องเท่ียว และการท่องเท่ียวในชุมชนเป็นฐานกลายเป็นภาพลกั ษณ์การ
ท่องเทย่ี วทต่ี อบโจทยเ์ รอ่ื งคนในทอ้ งถน่ิ ไดป้ ระโยชน์จากการทอ่ งเทย่ี วทาให้มกี ารสง่ เสรมิ เร่อื งน้ี
กนั มากขน้ึ (พจนา สวนศรี : 62)
ในปัจจุบันจังหวัดสมุทรสงคราม มีแหล่งท่องเท่ียวท่ีมีความหลากหลายทัง้ การ
ท่องเทย่ี วเชงิ นิเวศ การท่องเทย่ี วเชงิ วฒั นธรรม และยงั เป็นสถานทท่ี เ่ี หมาะสมในการศกึ ษาหา
ความรู้ ใหก้ บั ทงั้ ชุมชนและนกั ทอ่ งเท่ยี วทต่ี อ้ งการมาเทย่ี วในจงั หวดั สมทุ รสงคราม
ผวู้ จิ ยั ไดเ้ ดนิ ทางไปลงพน้ื ทใ่ี นจงั หวดั สมุทรสงคราม ไดพ้ บว่า แหล่งท่องเทย่ี วบางแห่ง
ในจงั หวดั สมุทรสงครามนัน้ ยงั ไม่ไดร้ บั การสนับสนุนจากภาครฐั และองค์กรส่วนทอ้ งถนิ่ ทาให้
ขา้ พเจา้ เลง็ เหน็ ว่า ถา้ ใหอ้ งคก์ รจากภาครฐั เขา้ มาสนบั สนุน กจ็ ะทาใหแ้ หล่งท่องเทย่ี วแต่ละแห่ง
นนั้ มชี ่อื เสยี งและเป็นทร่ี จู้ กั มากขน้ึ ทาใหช้ าวบา้ น และนกั ท่องเทย่ี วทส่ี นใจสามารถเขา้ ไปร่วมทา
กจิ กรรมทเ่ี ป็นประโยชน์ต่อชุมชน มคี วามคดิ สรา้ งสรรคท์ จ่ี ะพฒั นา ต่อยอด อนุรกั ษ์วถิ ชี วี ติ ของ
จงั หวดั อนั จะเป็นการพฒั นาไปสู่ การท่องเทย่ี วเชงิ สรา้ งสรรค์
ดงั นัน้ ในการศึกษาครงั้ น้ี ผู้วจิ ยั จึงต้องการนาเสนอและจาลองเส้นทางท่องเท่ียวท่ี
น่าสนใจ ใหก้ บั นักท่องเท่ยี วท่สี นใจมาเท่ยี วในจงั หวดั สมุทรสงคราม ทจ่ี ะเป็นทางเลอื กให้กบั
นกั ทอ่ งเทย่ี วทกุ วยั
วตั ถปุ ระสงคก์ ารวิจยั
1. เพ่ือศึกษาทรัพยากรและความพร้อมของคนในพ้ืนท่ีของสถานท่ีท่องเท่ียวเชิง
สรา้ งสรรคใ์ นจงั หวดั สมุทรสงคราม
2. เพอ่ื จดั ทาเสน้ ทางทอ่ งเทย่ี วเชงิ สรา้ งสรรคใ์ นจงั หวดั สมทุ รสงคราม
15
ขอบเขตการวิจยั
1. ขอบเขตด้านสถานที่
การวจิ ยั ครงั้ น้ี ผู้วจิ ยั ได้กาหนดขอบเขตการทาวจิ ยั 17 สถานท่ที ่องเท่ยี วแบ่งเป็น 3
อาเภอ ไดแ้ ก่ อาเภอเมอื ง อาเภออมั พวา อาเภอบางคนที
อาเภอเมือง 6 สถานท่ี ได้แก่ 1. ตลาดร่มหุบ 2. ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนบ้านสวนทุ่ง
3. ศูนย์อนุรกั ษ์ป่ าชายเลนคลองโคลน 4. ดอนหอยหลอด 5. หมู่บ้านคลองฉู่ฉ่ี 6. โรงเรียน
ธรรมชาติ ป่าชายเลน
อาเภออมั พวา 6 สถานท่ี ได้แก่ 1. ตลาดน้าอมั พวา 2. อุทยานพระบรมราชานุสรณ์
3. โครงการอมั พวาชยั พฒั นาอนุรกั ษ์ 4. สวนลน้ิ จ่ี 200ปี 5. ตลาดน้าทา่ คา 6. วดั จฬุ ามณี
อาเภอบางคนที 5 สถานท่ี ไดแ้ ก่ 1. บา้ นพญาซอ 2. ตลาดน้าบางน้อย 3. ตลาดเก่าบาง
นกแขวก 4. ศนู ยก์ ารเรยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี งบา้ นสารภี 5. สวนมะนาวโห่ลุงศริ ิ
2. ขอบเขตด้านเนื้อหา
ในการวจิ ยั ครงั้ น้ีผู้ทาวจิ ยั ได้กาหนดเน้ือหาในด้านภูมศิ าสตร์และประวตั ิศาสตร์เชิง
ท่องเทย่ี วของสถานทท่ี อ่ งเทย่ี ว และการจดั เสน้ ทางการทอ่ งเทย่ี วเชงิ สรา้ งสรรค์
3. ขอบเขตด้านเวลา
กรกฎาคม พ.ศ. 2564 - มนี าคม พ.ศ. 2565
4. ขอบเขตด้านประชากร
คณุ อมรรตั น์ ปรชี าศลิ ป์ เจา้ หน้าทอ่ี ทุ ยานพระบรมราชานุสรณ์
คณุ ศรญั ญา รนั พงศธ์ ระ เจา้ หน้าทป่ี ระจาศูนยป์ ่าชายเลนคลองโคน
คณุ สมพร เกตุแกว้ ชา่ งทาซอบา้ นพญาซอ
ประโยชน์ท่ีได้รบั จากงานวิจยั
1. ไดท้ ราบถงึ ขอ้ มลู ความเป็นมา และสถานทท่ี อ่ งเทย่ี วจงั หวดั สมทุ รสงคราม
2. เพ่อื จาลองเสน้ ทางการท่องเท่ยี วเชิงสร้างสรรค์ในจงั หวดั สมุทรสงคราม เพ่อื เป็น
ทางเลอื ก
ใหผ้ คู้ นหรอื นกั ทอ่ งเทย่ี วทส่ี นใจ สามารถมาเทย่ี วยงั สถานทต่ี ่างๆ ในจงั หวดั สมทุ รสงครามไดใ้ น
ระยะเวลา 2 วนั 1 คนื และระยะเวลา 1 วนั
นิยามศพั ทเ์ ฉพาะ
การท่องเทย่ี วเชงิ สรา้ งสรรค์ หมายถงึ การท่องเทย่ี วทน่ี กั ท่องเทย่ี วไดม้ สี ่วนร่วมในการ
ทากจิ กรรมกบั คนในชมุ ชนและมอบโอกาสใหก้ บั นกั ทอ่ งเทย่ี วไดม้ คี วามคดิ สรา้ งสรรค์
เสน้ ทางท่องเทย่ี ว หมายถงึ เสน้ ทางทผ่ี วู้ จิ ยั สรา้ งขน้ึ โดยผ่านการเช่อื มต่อของสถานท่ี
ท่องเทย่ี วเพอ่ื ใหส้ อดคลอ้ งกบั การทอ่ งเทย่ี วเชงิ สรา้ งสรรค์
16
กรอบแนวคิดวิจยั
Input Process Output Impact
การท่องเทย่ี ว รวบรวมขอ้ มลู ประเมนิ ความ - คนในพน้ื ท่ี
เชงิ สรา้ งสรรค์ ของสถานท่ี เป็นไปไดใ้ นการ - นกั ทอ่ งเทย่ี ว
ท่องเทย่ี วเชงิ จดั เสน้ ทาง - หน่วยงานภาครฐั และ
จงั หวดั สรา้ งสรรค์ ท่องเทย่ี วเชงิ ภาคเอกชน
สมุทรสงคราม
สารวจความพรอ้ ม สรา้ งสรรค์
ของคนในพน้ื ทแ่ี ละ
ทรพั ยากรตาม กาหนดและ
ประเภทของสถานท่ี วางแผนจดั ทา
ทอ่ งเทย่ี วเชงิ เสน้ ทางทอ่ งเทย่ี ว
สรา้ งสรรค์ เชงิ สรา้ งสรรค์
- มสี ว่ นรว่ ม
- ผสมผสาน
- ปฏสิ มั พนั ธ์
- ปรบั ตวั
17
บทท่ี 2
เอกสารและงานวิจยั ที่เก่ียวข้อง
ในการวจิ ยั ครงั้ น้ี ผู้วจิ ยั ได้ศึกษาเอกสารและงานวจิ ยั ท่เี ก่ียวข้องและได้นาเสนอตาม
หวั ขอ้ ตอ่ ไปน้ี
1. ขอ้ มลู ทวั่ ไปในจงั หวดั สมุทรสงคราม
2. แนวคดิ การทอ่ งเทย่ี ว
3. แนวคดิ การท่องเทย่ี วเชงิ สรา้ งสรรค์
4. แนวคดิ การจดั เสน้ ทางเชงิ ทอ่ งเทย่ี ว
5. รปู แบบการท่องเทย่ี ว
6. งานวจิ ยั ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง
ข้อมลู ทวั่ ไปและประวตั ิจงั หวดั สมทุ รสงคราม
ประวตั ิ
จงั หวดั สมุทรสงครามตงั้ อยู่ทางภาคกลางของประเทศไทยค่อนลงมาทางใต้ตามแนว
ชายฝัง่ ทะเลอ่าวไทยดา้ นตะวนั ตก ลกั ษณะพน้ื ทเ่ี ป็นทร่ี าบลุ่มน้าและทร่ี าบชายฝัง่ ทะเลบรเิ วณ
ปากน้าแม่กลอง เมอื งน้ีตงั้ อยู่ปากน้าแม่น้า “แม่กลอง” จึงได้นามเมอื งว่า “เมืองแม่กลอง”
เช่นเดยี วกบั เมอื งทา่ จนี (สมุทรสาคร) ซง่ึ ตงั้ อย่ปู ากแม่น้า “ท่าจนี ” จงึ ไดช้ ่อื ว่า “เมอื งท่าจนี สว่ น
“เมอื งแม่กลอง” เป็นช่อื เดิมของจงั หวดั สมุทรสงคราม ตงั้ ข้นึ ตงั้ แต่เม่อื ใดไม่ปรากฏหลกั ฐาน
ยนื ยนั แน่ชดั ทราบแต่เพยี งว่า เมอื งแม่กลองเป็นเมอื งเก่ามาตงั้ แต่ครงั้ สมยั กรุงศรอี ยุธยา ดงั
ปรากฏช่อื เมอื งในพระไอยการนาทหารหวั เมอื ง กฎหมายตราสามดวง ซ่ึงตราข้นึ ในรชั สมยั
สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถ (พ.ศ.1991 - พ.ศ. 2031) แห่งกรงุ ศรอี ยธุ ยา เจา้ เมอื งมรี าชทนิ นาม
ว่า “พระสมุทรสงคราม เมอื งแห่งน้ีจงึ มปี ระวตั ศิ าสตร์ความเป็นมาจนถงึ ปัจจุบนั กว่า 500 ปี
(กรุงเทพฯ ราชบณั ฑติ ยสถาน,2550)
อย่างไรก็ดี ไม่ปรากฏหลกั ฐานทางโบราณคดีท่เี ป็นกาแพงเมอื ง คูเมอื งของเมอื งแม่
กลอง สนั นิษฐานว่า กาแพงเมอื งไม่ได้เป็นกาแพงก่ออฐิ ถอื ปูน และมกี ารย้ายทต่ี งั้ เมืองหลาย
ครงั้ ในสมยั รตั นโกสนิ ทร์ตวั เมอื งน่าจะตงั้ อยู่ในบรเิ วณป้อมพฆิ าตขา้ ศึก ซ่ึงสร้างข้นึ ในสมยั
รชั กาลท่ี 3 เพราะตวั ป้อมทส่ี รา้ งขน้ึ นัน้ จะสรา้ งในบรเิ วณเดยี วกบั ทต่ี งั้ เมอื ง ทงั้ น้ี ไม่พบหลกั ฐาน
การสร้างหลกั เมอื ง ต่อมาเม่อื พ.ศ. 2517 จงั หวดั สมุทรสงครามจึงได้สร้างหลกั เมอื งข้นึ ใหม่
สว่ นการสมโภชเมอื งในอดตี ยงั ไมพ่ บหลกั ฐาน เชน่ เดยี วกนั จงั หวดั สมทุ รสงครามมปี ระวตั คิ วาม
เป็นมาโดยสงั เขปดงั น้ี ช่อื “เมอื งแม่กลอง” น้ี ปรากฏอย่ใู นแผนทต่ี ่างๆ เช่น แผนทแ่ี สดงเมอื ง
18
ต่างๆ ตงั้ แต่อ่าว ไทยขน้ึ ไปถงึ พระนครศรอี ยุธยาและบรรดาหวั เมอื งฝ่ ายเหนือ ซง่ึ ชาวฮอลนั ดา
จดั ทาข้นึ เม่อื ประมาณ พ.ศ. 2179 และในแผนทแ่ี สดงเสน้ ทางทางน้าตงั้ แต่สมยั กรุงศรอี ยุธยา
จนถงึ อ่าวไทยของมองซเิ ออร์ เดอ ลาลแู บร์ ซง่ึ เดนิ ทางมากรงุ ศรอี ยธุ ยาเม่อื พ.ศ. 2230 ปรากฏ
ช่ือ “แม่กลอง” (Canal of Mector) เป็นช่ือ กลองท่ีไหลเช่ือมต่อกับแม่น้าท่าจีนทางด้านทิศ
ตะวนั ตก (กรงุ เทพฯ: ศรปี ัญญา, 2544)
ในจดหมายเหตุของเมอซเิ ออร์ เซเบเรต์ ซ่งึ เป็นหน่ึงในคณะทตู ของพระเจา้ หลุยสท์ ่ี 14
ประเทศฝรงั่ เศส เดนิ ทางเขา้ มาเจรญิ ทางพระราชไมตรกี บั กรงุ ศรอี ยุธยาเมอ่ื พ.ศ. 2230 - 2231
ใน รชั สมยั สมเดจ็ พระนารายณ์มหาราช ไดใ้ ชเ้ สน้ ทางคลองด่านไปท่าจนี ผ่านแม่กลองเขา้ เมอื ง
เพชรบุรี เพ่อื เดนิ ทางบกไปลงเรอื กาปั้นทเ่ี มอื งตะนาวศรกี ลบั ปารสี โดยผ่านบ้านเมอื งต่างๆ
เชน่ บา้ นชะอา เมอื งปราณบรุ ี เมอื งกุยบรุ ี เป็นตน้ เมอ่ื ผา่ นเมอื งแม่กลองไดบ้ รรยายไวว้ า่
“…เมอื งแม่กลองน้ีเป็นเมอื งใหญ่กว่าท่าจนี และตงั้ อยู่รมิ แม่น้า ซ่งึ เรยี กกนั ว่าแม่น้า
แม่กลอง และอย่หู ่างกบั ทะเลหนทางประมาณ 1 ไมล์ น้ารบั ประทานในเมอื งน้ีเป็นน้าท่ดี ี เมอื ง
แม่กลองหามกี าแพงไม่ แต่มปี ้อมเล็กๆ สเ่ี หล่ยี มอยู่ 1 ป้อม บนป้อมนัน้ มหี อรบอยู่ 4 แห่ง แต่
เป็นหอรบเลก็ มาก ก่อดว้ ยอฐิ กห็ ามไี ม่ แต่น้าท่วมอย่รู อบป้อม กาแพง เมอื งหรอื รวั้ ในระหว่าง
หอรบนัน้ ทาด้วยเสาใหญ่ๆ ปักลงในดิน และมี เคราขวางถึงกนั เป็นระยะๆ...” (กรุงเทพฯ :
องคก์ ารคา้ ของคุรสุ ภา, 2543)
เมอื งแม่กลองเปลย่ี นช่อื เป็น “เมอื งสมุทรสงคราม ในสมยั ใดไม่ปรากฏหลกั ฐานชดั เจน
แตใ่ นพระราชพงศาวดารกรงุ สยาม ฉบบั นติ ชิ มวิ เซยี ม กรุงลอนดอน และพระราชพงศาวดารกรุง
ศรอี ยธุ ยา ฉบบั พนั จนั ทนุมาศ (เดมิ ) กล่าวถงึ เหตุการณ์ในรชั กาลสมเดจ็ พระเจา้ เสอื โปรดเกล้าฯ
ใหเ้ จา้ พระยาจกั รี เกณฑแ์ รงงานจากหวั เมอื งต่างๆ 8 หวั เมอื ง ไดแ้ ก่ เมอื งนนทบุรี เมอื งธนบุรี
เมืองนครชัยศรี เมืองสาครบุรี เมืองสมุทรสงคราม เมืองเพชรบุรี เมืองราชบุรี และเมือง
สมุทรปราการ มาขดุ คลองโคกขาม สว่ นใน พระราชกาหนดเก่า ฉบบั ท่ี 21 ในกฎหมายตราสาม
ดวง ตราขน้ึ เม่อื จุลศกั ราช 1084 (พ.ศ. 2265) รชั สมยั พระเจ้าอยู่หวั ท้ายสระ ยงั คงเรยี ก
เมอื งสมุทรสงครามว่า “เมอื งแม่กลอง แต่ในพระราชกาหนด เก่า ฉบบั ท่ี 33 เร่อื ง ค่าตงั้ ตรา
ผรู้ กั ษาเมอื งผตู้ งั้ กรมการฯ ตราขน้ึ เม่อื จุลศกั ราช 1121 (พ.ศ. 2302) รชั สมยั สมเดจ็ พระเจ้า
เอกทัศ (สมเด็จพระท่ีนัง่ สุริยาศน์อมรินทร์) เรียกเมืองแม่กลองว่า “เมือง
สมุทรสงคราม” ระบุว่า เป็นเมอื งจตั วา (กรุงเทพฯ : กองวรรณกรรมและประวตั ิศาสตร์ กรม
ศลิ ปากร, 2542)
จะเห็นได้ว่า ในสมัยอยุธยาตอนปลายใต้ราชทินนามของเจ้าเมืองแม่กลองคือ
“พระสมทุ รสงคราม” มาใชเ้ ป็นชอ่ื “เมอื งสมุทรสงคราม” และได้เป็นช่อื เมอื งอย่างเป็นทางการสบื
มาจนถงึ สมทุ รสงคราม และไดเ้ ป็นชอ่ื ปัจจบุ นั อย่างไรกด็ ี ช่อื “เมอื งแมก่ ลอง” กย็ งั คงปรากฏใน
19
เอกสารประวตั ศิ าสตรแ์ ละช่อื ทงั้ สองยงั คงใช้สบื เน่ืองมาจนถงึ ปัจจุบนั เม่อื พ.ศ. 2311 ในสมยั
กรุงธนบุรี พม่ายกทพั เรอื ประมาณสองพนั คนเศษ เขา้ มาลอ้ มค่าย บางกุ้ง เมอื งสมุทรสงคราม
สมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ มหาราชทรงยกทพั เรอื ประมาณ 20 ลาเศษ เขา้ มาช่วย รบจนทพั พมา่ แตก
พา่ ยแพไ้ ปในทส่ี ุด (กรงุ เทพฯ กองวรรณกรรมและประวตั ศิ าสตร์ กรมศลิ ปากร, 2542)
ต่อมาในสมยั รตั นโกสนิ ทรม์ หี ลกั ฐานการเรยี กชอ่ื เมอื งชดั เจนว่า เมอื งสมุทรสงคราม ดงั
ปรากฏว่า ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดเกลา้ ฯ ใหแ้ บ่งเมอื ง
สมทุ รสงครามซ่งึ ขน้ึ กรมมหาดไทยมาแต่เดมิ เปลย่ี นมาขน้ึ กรมท่า ทาใหก้ รมท่ามเี มอื งในบงั คบั
9 เมอื ง คอื เมอื งนนทบุรี เมอื งสาครบุรี เมอื งสมุทรปราการ เมอื งชลบุรี เมอื งบางละมุง เมอื ง
ระยอง เมอื งจนั ทบุรี เมอื ง ตราด และเมอื งสมุทรสงคราม (กรงุ เทพฯ : อมรนิ ทรว์ ชิ าการ, 2534)
พ.ศ. 2375 พระบาทสมเด็จพระนัง่ เกล้าเจ้าอยู่หวั รชั กาลท่ี 3 โปรดเกล้าฯ ใหส้ มเด็จ
พระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าฯ กรมขุนอศิ เรศรงั สรรค์เป็นแม่กองอานวยการสร้าง “ป้อมพฆิ าต
ขา้ ศกึ ” ทเ่ี มอื ง สมทุ รสงคราม เพอ่ื ป้องกนั ศกึ ญวน สบื เน่อื งจากไทยเกดิ กรณีพพิ าทกบั ญวนเร่อื ง
เจา้ อนุวงศ์ เมอื ง เวยี งจนั ทน์ ทรงเกรงวา่ ญวนจะยกกาลงั ทางเรอื เขา้ มารกุ รานไทยจงึ โปรดเกลา้
ฯ ใหส้ รา้ งป้อมขน้ึ ตาม ปากน้าสาคญั รวมทงั้ ปากแม่น้าแม่กลองดว้ ย เจา้ กรมป้อมพฆิ าตข้าศกึ
ช่อื วา่ “หลวงสมยั แม่นมอื ฝรงั่ ปลดั กรมชอ่ื “ขนุ ถมงั แม่นปืน” ต่อมาเม่อื พ.ศ. 2449 ในรชั กาลท่ี
5 ป้ อมน้ีได้ถูกร้ือและจัดตัง้ กองโรงเรียนพลทหารเรือท่ี 1 สาหรับฝึกทหารใหม่ข้ึนแทน
(กรุงเทพฯ: สมาคมมติ รภาพญป่ี ุ่น - ไทย, 2550)
พ.ศ. 2435 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หวั ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้
เปลย่ี นแปลงระเบยี บบรหิ ารราชการแผ่นดนิ โดยในสว่ นภูมภิ าคได้จดั ตงั้ มณฑลเทศาภบิ าลข้นึ
และใน พ.ศ. 2437 ไดจ้ ดั ตงั้ มณฑลราชบุรขี น้ึ โดยมเี มอื งสมุทรสงครามเป็นเมอื งหน่ึงในมณฑล
ราชบุรี มกี ารจดั แบ่งแยกท้องท่กี ารปกครองในเขตเมอื งสมุทรสงครามออกเป็น 2 อาเภอคอื
อาเภออมั พวา และอาเภอ ลมทวน ถงึ พ.ศ. 2441 ไดจ้ ดั ตงั้ อาเภอขน้ึ อกี อาเภอหน่ึงคอื อาเภอ
เมอื ง มที ่ที าการอยู่ทป่ี ากคลองลดั จาน ตาบลบ้านปรกรมิ แม่น้าแม่กลองฝัง่ ตะวนั ออก ครนั้ ถงึ
พ.ศ. 2443 ไดย้ ุบอาเภอลมทวน โดยใหอ้ าเภอลมทวนไปรวมกบั อาเภออมั พวาและอาเภอเมอื ง
จนกระทงั่ พ.ศ. 2444 ทางราชการจงึ ไดจ้ ดั สร้างสถานท่ที าการของศาลากลางจงั หวดั กบั อาเภอ
เมืองข้ึนในท่ีดินธรณีสงฆ์ของวดั ใหญ่ริมแม่น้าแม่กลองฝัง่ ตะวันออก (กรุงเทพฯ: สมาคม
มติ รภาพญป่ี ่นุ - ไทย, 2550)
พ.ศ. 2465 รชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยู่หวั ได้ทรงยุบกองโรงเรยี นพล
ทหารเรอื กระทรวงทหารเรอื และยกอาคารทด่ี นิ ให้กระทรวงมหาดไทยเพ่อื ใชเ้ ป็นศาลากลาง
จงั หวดั สมุทรสงคราม ใชเ้ ป็นทท่ี างานมาตงั้ แต่ พ.ศ. 2468 - พ.ศ. 2499 จงึ ได้ทาการก่อสร้าง
ศาลากลางหลงั ใหม่ และโอนศาลากลางจงั หวดั หลงั เดิมให้กระทรวงสาธารณสุขใช้ในกิจการ
โรงพยาบาลจงั หวดั สมุทรสงครามมาจนถงึ ปัจจุบนั จงั หวดั สมุทรสงครามในปัจจุบนั แบ่งการ
20
ปกครองออกเป็น 3 อาเภอ สมุทรสงคราม อาเภอเมอื ง อาเภออมั พวา และอาเภอบางคนที
(กรุงเทพฯ: สมาคมมติ รภาพญป่ี ่นุ - ไทย, 2550)
แนวคิดการท่องเที่ยว
การท่องเทย่ี วเป็นอุตสาหกรรมทม่ี อี ตั ราการเจรญิ เตบิ โตอย่างต่อเน่ือง สรา้ งรายไดเ้ ข้า
ประเทศอย่างมากในแต่ละปีและช่วยในการกระจายรายไดใ้ หก้ บั กลุ่มคนในระดบั ต่าง ๆ รวมทงั้
การ ท่องเทย่ี วถอื เป็นกจิ กรรมหน่ึงท่มี นุษย์ใช้เพ่อื การแสวงหาความรู้ และเพ่อื การพกั ผ่อน ใน
หัวข้อ แนวคิดการท่องเท่ียว มีเน้ือหาหลัก 3 หัวข้อ คือ ความหมายของการท่องเท่ียว
ความสาคญั ของการทอ่ งเทย่ี ว และประเภทของการท่องเทย่ี ว
1. ความหมายของการท่องเท่ยี ว ความหมายของคาว่าการท่องเท่ยี วมแี ตกต่างกนั ไป
บ้างให้ความหมายกว้างบ้างแคบบ้างตลอดจนข้นึ อยู่กบั ใครเป็นผู้ใหน้ ิยาม ด้วยวตั ถุประสงค์
อย่างไร ดงั นัน้ ความหมายการท่องเท่ยี วจงึ ไม่มคี วามเป็นสากล เม่อื ประมาณ 53 ปี องคก์ าร
การท่องเทย่ี วโลกให้ความหมายไวว้ ่าการท่องเท่ยี ว ประกอบด้วยกจิ กรรมต่างๆ ของบุคคลท่ี
เดนิ ทางไปและอยู่ในสถานท่ที ่ตี ่างไปจากสงิ่ แวดล้อมเดิม ติดต่อกนั ไม่เกิน 1 ปี เพ่อื พกั ผ่อน
ธุรกจิ และด้วยวตั ถุประสงคใ์ ดกต็ าม ต่อมาองคก์ ารการท่องเท่ยี ว โลกไดร้ ะบุเพมิ่ เตมิ ว่าคาว่า
วตั ถุประสงคห์ ลกั ใดๆ กต็ ามอาจหมายถงึ นันทนาการ สุขภาพการศกึ ษา หรอื เพ่อื วตั ถุประสงค์
อ่นื ๆ แต่มผี ใู้ หข้ อ้ มลู เพมิ่ เตมิ อกี ว่าการเดนิ ทางน้ีตอ้ งเป็นไปดว้ ยความสมคั รใจ และขยายความ
วตั ถุประสงคอ์ ่นื ๆ รวมการกฬี า การเย่ยี มญาติ และการประชุมสมั มนา (Goeldner & Ritchie.
2009 :7)
ความหมายของการท่องเท่ยี วสาหรบั อกี กลุ่มให้ความหมายการท่องเท่ยี วคล้ายกบั ท่ี
กล่าวมาข้างต้น แต่มคี วามแตกต่างเล็กน้อยในส่วนของวตั ถุประสงค์การเดนิ ทาง นัน้ คอื การ
ทอ่ งเทย่ี ว ตอ้ งไม่รวมถงึ การเดนิ ทางเพอ่ื ธุรกจิ การคา้ การรบ การศกึ ษา การรกั ษาพยาบาล การ
กลบั ภมู ลิ าเนา หรอื การพานกั อย่เู ป็นการถาวร
จากความหมายข้างต้นสามารถสรุปความหมายของการท่องเท่ียวได้ในเง่อื นไข 3
ประการ คอื ประการแรก ต้องมกี ารเดนิ ทางจากถ่นิ ท่อี ยู่อาศยั ไปยงั ท่อี ่นื ในลกั ษณะชวั่ คราว
ประการท่ีสอง ต้องเดินทางไปด้วยความสมคั รใจ และประการสุดท้าย ต้องเดินทางด้วย
จดุ มงุ่ หมายใด ๆ กไ็ ดย้ กเวน้ ประกอบอาชพี หรอื หารายไดก้ ารรบ การศกึ ษา การรกั ษาพยาบาล
การกลบั ภมู ลิ าเนาหรอื การพานกั อยเู่ ป็นการถาวร
ในขณะท่ีประเสรฐิ วิทยารฐั กล่าวถึงความหมายของการท่องเท่ียวในลกั ษณะท่ีเป็น
สนิ คา้ อกี ประเภทหน่ึงทแ่ี ตกตา่ งจากสนิ คา้ อ่นื ๆ ทผ่ี ซู้ ้อื (นักท่องเทย่ี ว) ไม่สามารถเกบ็ สนิ คา้ ไว้
กบั ตนเองไดแ้ ละไม่สามารถขนสง่ เคล่อื นยา้ ยได้ ผซู้ อ้ื ตอ้ งมาหาสนิ คา้ สงิ่ ทผ่ี ซู้ ้อื จะไดร้ บั จากการ
ซอ้ื หาสนิ คา้ ประเภทน้ี เช่น ความรู้ ความบนั เทงิ ความแปลกใหม่ ประสบการณ์ ความสุข เป็น
21
ตน้ จากนนั้ ความรสู้ กึ ทไ่ี ดเ้ หลา่ น้ี จะแปรเปล่ยี นไปเป็นความพงึ พอใจ ความประทบั ใจ และจะถูก
ถา่ ยทอดไปยงั บุคคลอน่ื ในรปู แบบต่าง ๆ (ประเสรฐิ วทิ ยารฐั . 2530 :3)
กล่าวสรุปได้ว่า ความหมายการท่องเทย่ี วท่กี ล่าวมา เป็นการนิยามความหมายว่าการ
ท่องเท่ียวในลกั ษณะเป็นกิจกรรมหรือท่ีท้าให้ผู้ทากิจกรรมสามารถบรรลุวตั ถุประส งค์บาง
ประการรวมทงั้ เป็นการความสาคญั อยู่ท่ีผู้ทากิจกรรม ในขณะท่ีการท่องเท่ียวอีกนิยามให้
ความหมายว่าเป็นสินค้าท่ถี ูกผลติ ข้นึ มาเพ่อื สร้างรายได้ให้กับผู้ผลิต โดยให้ความสาคญั กับ
ผู้ผลติ ดงั นัน้ ถ้าต้องการใหส้ นิ ค้าได้รบั ความนิยมผูผ้ ลติ ต้องรกั ษาคุณภาพของสนิ ค้าให้เป็ นท่ี
พอใจของผซู้ อ้ื อย่างต่อเน่ือง กล่าวไดว้ ่าการใหค้ วามหมายทงั้ สองหากมองในมุมของการตลาด
เป็นการใหค้ วามหมายในมุมของผผู้ ลติ และผบู้ รโิ ภคนนั้ เอง
2. ความสาคญั ของการท่องเทย่ี ว ประเทศไทยมรี ายไดท้ เ่ี กดิ จากการท่องเทย่ี วในแต่ละ
ปีเป็นจานวนพันพันล้านบาท เช่น ในปี 2559 การท่องเท่ียวสามารถทารายได้ให้ประเทศ
ประมาณ 2.58 ล้านล้านบาท (ฐานเศรษฐกิจ.ออนไลน์. 2560) นอกจากความสาคญั ในด้าน
เศรษฐกจิ แลว้ การท่องเทย่ี วยงั มคี วามสาคญั ในดา้ น อ่นื ๆ ดว้ ย นคิ ม จารมุ ณี (2544) ไดอ้ ธบิ าย
ถงึ ความสาคญั ของการท่องเทย่ี วสรุปไดว้ า่ การท่องเทย่ี วมคี วามสาคญั ตอ่ เศรษฐกจิ สงั คม และ
การเมอื ง ดงั น้ี
2.1 ด้านเศรษฐกิจ การท่องเท่ียวช่วยสร้างเสถียรภาพทางด้านการเงิน
ภายในประเทศในระดบั หน่งึ รวมทงั้ สามารถสรา้ งงาน สรา้ งอาชพี ผลจากการท่องเท่ยี ว
สามารถกระจายรายได้ไปสู่ประชาชนอย่างกวา้ งขวาง สามารถกระตุ้นให้เกดิ การผลติ
และนาทรพั ยากรธรรมชาติ หรอื ทรพั ยากรท่ีมนุษย์สร้างข้นึ ในประเทศมาใช้ก่อเกดิ
ประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากน้ี การท่องเท่ียวดึงดูดการลงทุนจาก
ต่างประเทศ เช่น การสรา้ งโรงแรม สร้างสนามบนิ และการท่องเทย่ี วช่วยกระตุ้นให้มี
การพฒั นาโครงสรา้ งขนั้ พน้ื ฐาน
2.2 ดา้ นสงั คมและวฒั นธรรม การท่องเทย่ี วสามารถช่วยสนบั สนุนฟ้ืนฟู อนุรกั ษ์
ศลิ ปวฒั นธรรม ประเพณี รวมทงั้ เป็นการพฒั นาศกั ยภาพของคนในชุมชนด้านต่าง ๆ
เช่น ทกั ษะการจดั การ การตดั สนิ ใจ การติดต่อส่อื สาร โดยเฉพาะการท่องเท่ยี วโดย
ชุมชน การท่องเทย่ี วช่วยสร้างสรรคค์ วามเจรญิ ไปสู่ภูมภิ าค หรอื การท่องเทย่ี วช่วยใน
การพฒั นาชมุ ชน และทส่ี าคญั การทอ่ งเทย่ี วแห่งประเทศไทยช้ี ว่า การทอ่ งเทย่ี วช่วยให้
เกดิ ความผกู พนั ภายในครอบครวั (การทอ่ งเทย่ี วแหง่ ประเทศไทย. ออนไลน์. 2559: 10)
รวมทงั้ การท่องเทย่ี วช่วยส่งเสรมิ การเรยี นรแู้ ละศกึ ษาหาขอ้ มลู เกย่ี วกบั แหลง่ ท่องเทย่ี ว
ต่าง ๆ ทา้ ให้มคี วามรูจ้ ากการศกึ ษาค้นควา้ มากขน้ึ ยงิ่ ท่องเท่ยี วมาก ยงิ่ มคี วามรูเ้ พมิ่
สงู ขน้ึ (ศรญั ยา วรากุลวทิ ย.์ 2551 : 12-13)
22
2.3 ด้านการเมอื ง การท่องเท่ยี วช่วยเสรมิ สรา้ งสนั ตภิ าพสมั พนั ธไมตรี เพราะ
การท่องเทย่ี วช่วยใหค้ นทอ่ี ยู่ต่างถน่ิ แตกต่างกนั ในเร่อื งภาษาและวฒั นธรรมได้พบปะ
และสรา้ งความเขา้ ใจทด่ี ตี อ่ กนั เพราะการท่องเทย่ี วเป็นเคร่อื งมอื ทม่ี นุษยต์ ่างสงั คมได้มี
โอกาสพบปะทาความรจู้ กั และเขา้ ใจกนั ความสาคญั ของการทอ่ งเทย่ี วทก่ี ล่าวมาขา้ งต้น
เป็นความสาคญั ในระดบั ประเทศ ในปัจจุบันการท่องเท่ียวมีบทบาทสาคญั ในระดบั
ชุมชนมากขน้ึ เร่อื ย ๆ เน่ืองจากนักท่องเท่ยี วปัจจุบนั นิยมท่องเท่ยี วทใ่ี กลช้ ดิ กบั ชุมชน
ดงั นัน้ การท่องเท่ียวจึงกลายมาเป็นเคร่อื งมอื ในการพฒั นาชุมชน ในมติ ิต่าง ๆ ไม่
แตกต่างไปจากระดบั ประเทศแต่อย่างใด เช่น การท่องเท่ยี วสามารถนามาใช้พฒั นา
เศรษฐกจิ ในชุมชน โดยเฉพาะการสรา้ งรายไดใ้ หก้ บั ชุมชนไม่ว่าจากการจ้างงาน การ
ใหบ้ รกิ าร หรอื จากธรุ กจิ ขนาดเลก็ ทเ่ี กดิ ขน้ึ ในชุมชนเพอ่ื มารองรบั การท่องเทย่ี ว ในดา้ น
พฒั นาสงั คม การท่องเท่ยี วช่วยพฒั นาทกั ษะต่าง ๆ โดยเฉพาะทกั ษะการจดั การ การ
ส่ือสาร การบริการ รวมทงั้ ในด้านอนุรักษ์ ศิลปวฒั นธรรม การท่องเท่ียวสามารถ
นามาใช้เป็นเคร่อื งมอื ในการฟ้ืนฟู อนุรกั ษ์วฒั นธรรม สง่ิ แวดลอ้ ม (กุลวดี ละม้ายจีน,
เทดิ ชาย ชว่ ยบา้ รงุ . 2558 : 55-66)
สรุปว่า การท่องเทย่ี วก่อใหเ้ กดิ ประโยชน์หลายระดบั คอื ทงั้ ในระดับประเทศ และระดบั
ชุมชนและในหลายด้าน คอื ทงั้ สงั คม วฒั นธรรม ทรพั ยากรธรรมชาติ การเมอื ง และโดยเฉพาะ
อย่างยง่ิ ในดา้ นเศรษฐกจิ ถอื เป็นประโยชน์ทเ่ี กดิ จากการท่องเทย่ี วสงู สดุ เพราะผลประโยชน์ด้าน
น้สี ง่ ผลตอ่ ประโยชน์ในดา้ นอ่นื ๆ
3. ประเภทของการท่องเทย่ี ว การท่องเทย่ี วมกี ารจาแนกไดห้ ลายประเภท เช่น จาแนก
ตามลกั ษณะพ้นื ฐานของการท่องเท่ยี ว ตามวตั ถุประสงค์การท่องเท่ยี วของนักท่องเท่ยี วเป็น
สาคญั ตามมาตรฐานสากล (การท่องเทย่ี วภายในประเทศ ต่างประเทศ สว่ นตวั หม่คู ณะ) หรอื
จาแนกตามลกั ษณะการจดั การ เช่น ระยะเวลาการท่องเทย่ี ว หรอื ระยะทางการท่องเทย่ี ว) (ศรญั
ยา วรากุลวทิ ย:์ 2551 :17-23) อย่างไรกต็ าม ประเภทการท่องเทย่ี วทน่ี ิยมจาแนกมี 2 ประเภท
คอื จาแนกตามวตั ถุประสงคก์ ารท่องเทย่ี วและจาแนกตามประเภทของทรพั ยากรการท่องเทย่ี ว
จาแนกตามวตั ถุประสงค์ เช่น การเดนิ ทางเพ่อื พกั ผ่อน การกฬี า สุขภาพ การศกึ ษา
ศาสนา เป็นตน้ โดยจาแนกตามทรพั ยากรท่องเทย่ี ว ซง่ึ สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คอื
3.1 การท่องเทย่ี วธรรมชาติ เช่น เทย่ี วน้าตก ภูเขา วนอุทยาน ทะเลสาบ หาด
ทราย คลอง หนองบงึ เป็นตน้
3.2 การท่องเท่ยี วศลิ ปวฒั นธรรม และประเพณีพ้นื บ้าน เช่น การเท่ยี วชมวถิ ี
ชวี ติ ประเพณีพน้ื บา้ น หตั ถกรรมพน้ื บา้ น ศลิ ปวฒั นธรรม เป็นตน้
3.3 การทอ่ งเทย่ี วโบราณสถานทางประวตั ศิ าสตรแ์ ละศาสนา เช่น โบราณสถาน
พพิ ธิ ภณั ฑ์ อนุสาวรยี ์ อทุ ยานประวตั ศิ าสตร์ วดั เป็นตน้
23
อย่างไรก็ตาม การท่องเท่ยี วสามารถจดั แบ่งได้ออกเป็นอีกประเภท คอื การ
ท่องเทย่ี วแบบผสมผสาน คอื การท่องเทย่ี วอาจผสมทรพั ยากรท่องเทย่ี ว เช่น การมที งั้
การทอ่ งเทย่ี วธรรมชาตผิ สมกบั การทอ่ งเทย่ี ววฒั นธรรม เป็นตน้
สรุปไดว้ ่าแนวคดิ การท่องเท่ยี ว คอื การเดนิ ทางออกสภาพแวดลอ้ มปกติ เช่น บ้าน ท่ี
งาน ไปยงั สถานทต่ี ่างๆ เป็นการชวั่ คราวทงั้ ภายในและระหว่างประเทศ ดว้ ยความสมคั รใจ โดย
มวี ตั ถุประสงค์เพ่อื การพกั ผ่อนหย่อนใจ การศกึ ษา ธุรกจิ ประชุมสมั มนา แต่ต้องไม่เป็นการ
ไดม้ าซง่ึ รายไดจ้ ากสถานทท่ี ไ่ี ปถงึ นนั้ ๆ
แนวคิดการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์
มนี ักวชิ าการหลายท่านไดก้ ล่าวถงึ แนวคดิ การท่องเทย่ี วเชงิ สรา้ งสรรค์ ซ่งึ สามารถแยก
เป็น
ประเดน็ ตา่ งๆทน่ี ่าสนใจ ดงั น้ี
1. การท่องเท่ยี วเชงิ สร้างสรรค์ (Creative Tourism) เป็นรูปแบบการท่องเท่ียวท่ีเปิด
โอกาส ให้นักท่องเท่ียวหรอื ผู้มาเยือนได้พัฒนาหรอื ได้ใช้ศกั ยภาพหรอื ความสามารถด้าน
แนวคดิ สร้างสรรคข์ องนักท่องเทย่ี วเองเข้าไปมสี ่วนร่วมในวถิ ที างและประสบการณ์เรยี นรู้กบั
ผู้คนในพ้ืนท่ี ซ่ึงเป็ นส่ิงท่ีทากันอยู่เป็ นประจาของผู้คนในแหล่งท่องเท่ียวนั้นๆ โดยท่ี
นกั ท่องเทย่ี วอาสาเขา้ ไปทาหรอื เขา้ ไปมสี ว่ นร่วมดว้ ย
2. การท่องเท่ยี วเชิงสร้างสรรค์ (Creative Tourism) เป็นการสร้างสรรค์กจิ กรรมหรอื
ผลติ ภณั ฑจ์ ากภูมปิ ัญญาดงั้ เดมิ ของทอ้ งถน่ิ ผสมผสานกบั แนวคดิ จนิ ตนาการของนักท่องเท่ยี ว
สรา้ งสรรคก์ จิ กรรมขน้ึ มาใหม่
3. การทอ่ งเทย่ี วเชงิ สรา้ งสรรค์ นกั ท่องเทย่ี วมใิ ช่เป็นเพยี งผดู้ หู รอื ผสู้ งั เกตการณ์หรอื ไป
ปรากฏตวั ในท่นี ัน้ ๆ แต่เป็นผมู้ ปี ฏสิ มั พนั ธ์หรอื เป็นผูม้ สี ว่ นในการดาเนินกจิ กรรมร่วมกบั คนใน
ทอ้ งถนิ่
4. การท่องเท่ยี วเชงิ สรา้ งสรรคเ์ ป็นหน้าทข่ี องนักท่องเท่ยี ว ทจ่ี ะต้องปรบั ตวั ให้เขา้ กบั
สภาพแวดลอ้ มรอบตวั และใชค้ วามรใู้ หเ้ ป็นประโยชน์เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความชานาญในการพฒั นาชวี ติ
ความเป็นอย่กู บั ชุมชนดงั้ เดมิ
หลกั เกณฑก์ ารท่องเท่ียวเชิงสรา้ งสรรค์ (Basic of Creative Tourism)
1. เป็นความคดิ สร้างสรรค์ท่ไี ม่ได้เลียนแบบใครและเป็นต้นแบบอย่างแท้จรงิ และมี
ความเป็นของแทด้ งั้ เดมิ (Authenticity)
2. มกี ารจนิ ตนาการ (Imagination) และมคี วามจรรโลงใจ (Inspiration) ทแ่ี สดงออกเป็น
ความคดิ เชงิ สรา้ งสรรค์
24
3. มีองค์ความรู้ (Knowledge) แฝงไว้ด้วยศิลปะ (Arts) และกลิ่นอายของวฒั นธรรม
ทอ้ งถน่ิ
4. เกดิ จากการฉลาดคดิ (Ingenuity) กลายมาเป็นประดษิ ฐกรรม (Inventiveness)
5. เป็นทรพั ยส์ นิ ทางปัญญาของคนในชมุ ชน (Intellectual assets)
กระบวนการของการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ (Process of Creative Tourism)
1. นักท่องเท่ียวเข้าไปมีส่วนร่วม (Active participation) และเรียนรู้ประสบการณ์
(Learning experience) ในวิถีชีวิตประจาวนั ของผู้คนในชุมชน และมีปฏิสมั พนั ธ์ระหว่างกัน
(Interaction)
2. นักท่องเท่ยี วมโี อกาสแลกเปลย่ี นความคดิ สร้างสรรค์และประสบการณ์กบั ชุมชนใน
ทอ้ งถนิ่ ในขณะเดยี วกนั กไ็ ดร้ บั ความรูป้ ระสบการณ์ ช่วยเพม่ิ ความชานาญให้แก่นักท่องเท่ยี ว
ดว้ ย
สรปุ ไดว้ า่ แนวคดิ การท่องเทย่ี วเชงิ สรา้ งสรรค์ คอื การท่องเทย่ี วทเ่ี ปิดโอกาสใหน้ กั ท่องเทย่ี วไดม้ ี
ส่วนร่วมและปฏสิ มั พนั ธ์กบั คนในทอ้ งถนิ่ ไดท้ ากจิ กรรมร่วมกนั แลว้ สรา้ งผลติ ภณั ฑข์ ้นึ จากการ
ผสมผสานแนวคิดของคนในท้องถิ่นและนักท่องเท่ียว ท่ีปรบั ตัวให้เข้ากับชุมชนทาให้เกิด
ประโยชน์มาพฒั นาชมุ ชน
แนวคิดการจดั เส้นทางการท่องเที่ยว
การจดั เส้นทางสญั จรเพอื่ การท่องเที่ยว
การกาหนดเสน้ ทางสญั จรเพอ่ื การทอ่ งเทย่ี ว ควรสารวจและสงั เกตการณ์จากพฤตกิ รรม
ของนักท่องเท่ียวประกอบกับแนวโน้มท่ีควรจะเป็นในการจดั เส้นทาง โดยเร่ิมต้นจากการ
พจิ ารณาตาแหน่งของแหล่งท่องเทย่ี วประเภทต่างๆ ภายในเมอื ง แลว้ จดั ลาดบั ความสาคญั และ
ความน่าสนใจจากนนั้ พจิ ารณาความสามารถในการเช่อื มโยงแหล่งท่องเทย่ี วต่างๆ เขา้ ดว้ ยกนั
ซง่ึ การจดั เสน้ ทางสญั จรเพอ่ื การทอ่ งเทย่ี วกาหนดในลกั ษณะวงจรบรรจบ ซง่ึ ทาใหน้ กั ท่องเทย่ี ว
ได้พบเห็นสงิ่ แปลกใหม่ และเกิดความเพลิดเพลินตลอดเส้นทางโดยไม่ต้องย้อนกลับไปยงั
เสน้ ทางเดิมอกี ซ่ึงอาจจะจดั ให้มกี ารเดนิ ทางในสองลกั ษณะเช่นเรมิ่ ต้นด้วยการเดินเท้า และ
เปลย่ี นเป็นการสญั จรทางเรอื ในขากลบั เป็นตน้ นอกจากน้ียงั มกี ารจดั เสน้ ทางในลกั ษณะแบบ
หลายเสน้ ทางมคี วามสนใจแตกต่างกนั ซ่งึ การจดั เสน้ ทางเพอ่ื การท่องเทย่ี วนนั้ ควบคุมเสน้ ทาง
และรูปแบบการสญั จรไม่ใหส้ บั สน ดงั นัน้ ควรให้ขอ้ มูลข่าวสารในเสน้ ทางเพ่อื การท่องเทย่ี วนนั้
ควบคมุ เสน้ ทางและรปู แบบการสญั จรไม่ใหส้ บั สน ดงั นนั้ ควรใหข้ อ้ มลู ขา่ วสารในเสน้ ทางโดยการ
จดั ทาการประชาสมั พนั ธ์แก่นักท่องเทย่ี วตลอดเสน้ ทางอย่างสม่าเสมอ ซ่งึ อาจจะเป็นแผ่นพบั
ซ่งึ จุดเรม่ิ ต้นของเสน้ ทางอาจจะอยู่ในย่านใจกลางเมอื ง สามารถเขา้ ถงึ ไดโ้ ดยง่ายและมีขอ้ มูล
ต่างๆ รวมอยู่เพ่อื ให้นักท่องเท่ียวใช้ประกอบการตัดสนิ ใจ และการวางแผนในการเดินทาง
25
รวมถงึ มสี ง่ิ อานวยความสะดวกต่างๆ ไว้บรกิ าร เช่น ท่จี อดรถ ทพ่ี กั หอ้ งน้า ถงั ขยะ เป็นต้น
การจดั เสน้ ทางการท่องเทย่ี วในเขตเมอื งอาจจดั เสน้ ทางไวห้ ลายเสน้ ทาง ดงั นัน้ จุดเรมิ่ ต้นน้ีไม่
จาเป็นต้องมอี ยู่จุดเดยี ว แต่อาจกระจายกนั อยู่ตามบรเิ วณท่มี แี หล่งท่องเทย่ี วรวมกลุ่มกนั ซ่งึ
ลกั ษณะของสง่ิ ก่อสรา้ ง และสงิ่ อานวยความสะดวก ควรจะจดั เป็นรูปแบบของศลิ ปวฒั นธรรมท่ี
เป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่นท่ีนามาปรบั ปรุงให้สอดคล้องกับความสะดวกในการให้บริการ
นอกจากน้ีแลว้ การดูแลรกั ษาสถานท่ี และสว่ นบรกิ ารต่างๆ ใหส้ ะอาดเรยี บรอ้ ยและใชง้ านไดอ้ ยู่
ตลอดเวลาเป็นสง่ิ ท่สี าคญั ท่ีจะละเลยไม่ได้ นอกจากน้ียงั มีความคดิ เห็นเก่ยี วกบั การจดั แบ่ง
เสน้ ทางท่องเทย่ี วตา่ งๆดงั ต่อไปน้ี
1. เสน้ ทางท่องเทย่ี วในเขตเมอื ง เมอื งทม่ี บี ทบาทดงึ ดดู ใจในการท่องเทย่ี ว มกี จิ กรรมท่ี
น่าสนใจ มคี วามหลากหลายของกจิ กรรมประเภทต่างๆ เช่น การคา้ สงั คม วฒั นธรรม เสน้ ทาง
สญั จรโดยการเดนิ เท้าได้กลายเป็นกิจกรรมประเภทหน่ึงท่ไี ด้รบั การพจิ ารณากาหนดเสน้ ทาง
เป็นพเิ ศษ ซง่ึ โดยส่วนมากแลว้ จะเป็นการกาหนดเสน้ ทางทเ่ี หมาะสมต่อการเดนิ ทางในหน่ึงวนั
เสน้ ทางเหล่าน้ีจะผ่านไปในย่านธุรกจิ ผ่านอาคาร หรอื สถานท่ที างประวตั ิศาสตร์ท่ีน่าสนใจ
สวนสาธารณะ หรอื จดุ ชมววิ ทส่ี าคญั ๆ
2. เสน้ ทางท่องเทย่ี วโดยการเดนิ เทา้ เป็นวธิ กี ารท่องเทย่ี วใชไ้ ดส้ าหรบั ทุกเมอื ง เป็นวธิ ี
ทค่ี ่อนขา้ งอสิ ระ มคี วามสะดวกสาหรบั นักท่องเท่ยี วทงั้ กลุ่มเดก็ และกลุ่มผู้ใหญ่ เน่ืองจากการ
เดนิ นัน้ มกี ารกาหนดระยะเวลาสามารถหยุดแวะชมตามจุดท่ีน่าสนใจต่างๆ ได้ตามต้องการ
นอกจากน้ีการเดนิ เทา้ ยงั สามารถพบเหน็ รายละเอยี ดของสภาพบ้านเมอื งวถิ ชี วี ติ ของผคู้ นตาม
เมอื งต่างๆ ได้อย่างใกล้ชิด อีกทงั้ ยงั เป็นการออกกาลงั กายด้วย ในขณะเดียวกนั การจดั ทา
ทางเดนิ เท้าในเมอื งกส็ ามารถทาได้โดยง่ายและการลงทุนมคี ่าใช้จ่ายสูงไม่มากนัก ประชาชน
ของเมอื งก็ได้รบั ประโยชน์จากการมีทางเดินเท้าท่ีต่อเน่ืองกนั ตลอด เหตุผลท่ีสาคญั ในการ
พฒั นาทางเดนิ เทา้ ในเมอื งคอื การขยายและพฒั นาพน้ื ท่ี ในบรเิ วณศูนยก์ ลางการจบั จ่ายใชส้ อย
หรอื การสร้างภาพพจน์ใหม่ให้กบั เมอื งก่อให้เกดิ ความต้องการกจิ กรรมท่หี ลากหลายมากข้นึ
ภายในเมอื ง ไม่ว่าจะเป็นนิทรรศการการแสดงเทศกาลกจิ กรรมอ่นื ๆ หากทางเดนิ เทา้ ไดร้ บั การ
ออกแบบและวางแผนทด่ี ี จะช่วยปรบั ปรงุ สภาพแวดลอ้ ม สงั คม และพน้ื ทเ่ี กย่ี วเน่อื งใหไ้ ดร้ บั การ
พฒั นาดว้ ยเชน่ กนั โดยมหี ลกั การจดั เสน้ ทางเทา้ ดงั น้ี
2.1 สงวนรกั ษาย่านฟ้ืนฟูเศรษฐกิจของย่านป้องกันไม่ให้ย่านใจกลางเมือง
ขยายตวั ออกไปยงั ชานเมอื ง ใชใ้ นการวางแผนพฒั นาเมอื งเพ่อื ปรบั ปรุงการเขา้ ถงึ ย่าน
ใจกลางเมอื งและรกั ษาสภาพแวดลอ้ มของเมอื ง
2.2 ช่วยใหเ้ กดิ ความปลอดภยั แก่ผเู้ ดนิ เทา้ รวมทงั้ สง่ เสรมิ ใหเ้ กดิ การจบั จ่ายใช้
สอย
26
2.3 ช่วยลดปัญหาจราจรติดขัด และปัญหาการกีดขวางทางสัญจรของ
ยานพาหนะ
2.4 ช่วยปรบั ปรุงลกั ษณะทางจนิ ตภาพของชุมชนเมอื งให้สวยงามและชดั เจน
ขน้ึ
2.5 ช่วยลดมลภาวะทางเสยี ง และมลภาวะทางอากาศทเ่ี กดิ จากการจราจรบน
ทอ้ งถนน
2.6 รองรบั ปริมาณนักท่องเท่ียว และนานักท่องเท่ียวเข้าสู่สถานท่ีได้อย่าง
สะดวกและ
ใกลช้ ดิ มากขน้ึ
2.7 ส่งเสริมความสัมพันธ์ทางสังคมภายในเมืองให้บริการสาธารณะและ
กจิ กรรมต่างๆของประชาชน เช่นการพบปะสงั สรรค์ การแสดงต่างๆ เป็นตน้
2.8 ส่งเสริมการอนุรกั ษ์โบราณสถาน อาคารทางประวตั ิศาสตร์และป้องกนั
ไม่ใหโ้ บราณสถานทรดุ โทรมลงอนั เน่อื งจากแรงสนั่ สะเทอื นของรถยนต์ เป็นตน้
3. เสน้ ทางประวตั ศิ าสตร์ การท่องเทย่ี วในเมอื งประวตั ศิ าสตร์นบั เป็นการท่องเท่ยี วอกี
ประเภทหน่ึงทไ่ี ดร้ บั ความนิยมอย่างสูงในปัจจุบนั เน่ืองจากเมอื งประวตั ศิ าสตรแ์ ละวฒั นธรรม
ไดร้ บั การวางแผนในดา้ นการอนุรกั ษ์ทางประวตั ศิ าสตรร์ วมทงั้ ยงั มกี ารพฒั นาให้เกดิ กจิ กรรมท่ี
หลากหลายข้นึ เช่นการจดั แสดงแสง สี เสยี ง เพ่อื เพิม่ ความน่าสนใจแก่นักท่องเท่ียวโดยมี
หลกั การจดั เสน้ ทางทอ่ งเทย่ี วทางประวตั ศิ าสตรด์ งั น้ี
3.1 นาเสนอวัฒนธรรมความเช่ือ วิถีชีวิตความเป็นอยู่รวมถึงธรรมเนียม
ประเพณี การแต่งกายระเบียบแบบแผนในการดารงชวี ติ ศาสนา การได้เขา้ ไปมสี ่วน
รว่ มในวถิ ชี วี ติ ของทอ้ งถน่ิ
3.2 นาเสนอศิลปะท้องถ่ิน เช่น ดนตรี การละเล่น การฟ้ อนรา และ
ศลิ ปะหตั ถกรรมทผ่ี ลติ ข้นี เช่น วาดภาพ งานประตมิ ากรรม เคร่อื งมอื เคร่อื งใช้ต่างๆ
นอกจากน้รี ปู แบบทางสถาปัตยกรรมกเ็ ป็นสง่ิ ทด่ี งึ ดดู ใจนกั ทอ่ งเทย่ี วทส่ี าคญั อกี เช่นกนั
3.3 นาเสนอกิจกรรมทางเศรษฐกิจ จากการสารวจความคิดเห็นด้านการ
ท่องเท่ยี วท่ปี ระสบความสาเรจ็ นัน้ มผี ลมาจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจท่ีน่าสนใจของ
แหล่งท่องเท่ยี วนัน้ ๆ เช่นการแสดงช้างในเขตป่ าร้อนช้นื เทศการล่าสตั ว์ งานแสดง
สนิ ค้า เกษตรกรรม ซ่ึงข้นึ อยู่กบั เทคนิคในการจดั ของแหล่งท่องเท่ยี ว การท่องเท่ยี ว
อตุ สาหกรรมทอ้ งถน่ิ ตลาด ชมุ ชน กไ็ ดร้ บั ความนิยมเชน่ เดยี วกนั
3.4 นาเสนอความแตกต่างของเมอื งและชุมชน ความแตกต่างของเมอื งและ
ชนบทอาคาร บ้านเรือนความเป็นอยู่ของผู้คนเมือง ย่านศูนย์กลางเมือง ร้านค้า
รา้ นอาหาร สง่ิ อานวยความสะดวก สวนสาธารณะ พพิ ธิ ภณั ฑ์ อาคารสาธารณะ เหมาะ
27
สาหรบั นักท่องเทย่ี วท่ชี อบการเรยี นรู้ ศกึ ษาและซึมซบั ความรู้ต่อแหล่งท่องเทย่ี ว การ
นงั่ รถไฟตามถนนสายสาคญั ต่างๆ ภายในเมอื ง ผ่านสถานทส่ี าคญั ซ่งึ การแสดงเหล่าน้ี
ไดร้ บั ความสนใจจากนกั ท่องเทย่ี วเสมอ
3.5 นาเสนอรปู แบบทางวฒั นธรรม ความสนใจของพพิ ธิ ภณั ฑ์ คอื การสามารถ
บอกกล่าวเล่าเร่อื งราวทางประวตั ศิ าสตร์ อารยธรรม งานศลิ ปะทอ้ งถนิ่ วตั ถุประสงค์
ของพพิ ิธภัณฑ์นัน้ ก่อตงั้ เพ่อื ให้ความรู้แก่ประชาชนในเมอื งและดึงดูดนักท่องเท่ียว
ชาวตา่ งชาติ
3.6 นาเสนอประเพณีและเทศกาลท้องถิ่น ความเช่อื คานิยมในท้องถิน่ หรอื
อทิ ธพิ ลทางศาสนาประเพณี และเทศกาลเหล่าน้ีก่อใหเ้ กดิ ฤดูกาลท่องเทย่ี วจากความนิยมของ
นกั ท่องเทย่ี วทงั้ สน้ิ
4. เสน้ ทางธรรมชาติ เสน้ ทางธรรมชาตเิ ป็นเสน้ ทางสาคญั สาหรบั แหล่งท่องเทย่ี วเชงิ
นิเวศ เพราะนอกจากจะทาหน้าท่ีเช่ือมโยงจุดท่องเท่ียวแล้ว ยังช่วยป้ องกันรักษา
ทรพั ยากรธรรมชาตใิ นแหล่งท่องเท่ยี วจากผลกระทบของการเหยยี บย่าและกิจกรรมในการใช้
ประโยชน์ต่างๆ นอกจากน้ียงั เป็นส่อื กลางท่จี ะทาใหน้ กั ท่องเท่ยี วเขา้ ไปเรยี นรเู้ พ่อื สรา้ งความ
เขา้ ใจ และซาบซง้ึ ตอ่ ธรรมชาติ โดยมหี ลกั การจดั เสน้ ทางท่องเทย่ี ธรรมชาตดิ งั น้ี
4.1 เสน้ ทางเดนิ ชมธรรมชาตทิ ม่ี วี ตั ถุประสงคเ์ พอ่ื นานักท่องเทย่ี วเขา้ ไปช่นื ชม
ธรรมชาตริ ะหว่างการใชเ้ สน้ ทางอาจมกี ารเรยี นรธู้ รรมชาติ
4.2 เสน้ ทางเดนิ ป่าระยะไกล เป็นเสน้ ทางเดนิ ระยะไกลจดั สรา้ งข้นี เพ่อื ใชง้ าน
เพ่อื เดนิ ชมธรรมชาตหิ รอื เพ่อื เสรมิ สรา้ งความแขง็ แรงของร่างกาย หรอื เพ่อื การเรยี นรู้
และความเขา้ ใจความเป็นมาของธรรมชาตริ อบๆตวั
4.3 เส้นทางส่ือความหมายธรรมชาติ เป็นเส้นทางท่ีสร้างข้ึนเพ่ือการส่ือ
ความหมายใหค้ วามรู้ และความเพลดิ เพลนิ แก่นักท่องเท่ยี ว เสน้ ทางส่อื ความหมายน้ี
อาจจาแนกแยกย่อยเป็นเสน้ ทางสอ่ื ความหมายทม่ี บี ุคคลนาหรอื เสน้ ทางสอ่ื ความหมาย
ศกึ ษาธรรมชาตดิ ว้ ยตนเอง
4.4 เสน้ ทางเช่อื มโยงจุดท่องเทย่ี ว หรอื สงิ่ อานวยความสะดวกเป็นเสน้ ทางท่ี
สรา้ งขน้ึ เพ่อื วตั ถุประสงคห์ ลกั ในการนานกั ท่องเท่ยี วจากจุดหมายไปยงั อกี จุดหมายใน
แหลง่ ทอ่ งเทย่ี วใหเ้ ป็นระยะสนั้ เพอ่ื ใหไ้ ปถงึ จดุ หมายไวทส่ี ุด
5. เสน้ ทางแบบผสมผสาน เสน้ ทางการทอ่ งเทย่ี วแบบผสมผสานเกดิ จากการวางแผนผงั
ในบริเวณแหล่งท่องเท่ียวท่ีมีความหมายโดดเด่นหลายประเภทในท่ีเดียวกัน เพ่ือกาหนด
เสน้ ทางการท่องเทย่ี ว คอื เสน้ ทางทก่ี าหนดขน้ึ เพ่อื ใหน้ ักท่องเทย่ี วสามารถพบเห็น หรอื เขา้ ชม
จุดทส่ี นใจตามแหล่งท่องเทย่ี วต่างไดง้ ่าย สะดวกปลอดภยั ไดร้ บั ความรู้ และความเพลดิ เพลิน
จากการใช้เส้นทางท่ีจดั ทาข้ึน เส้นทางการท่องเท่ียว อาจเกิดข้ึนโดยอัตโนมัติจากการท่ี
28
นักท่องเท่ยี วหลายๆกลุ่มใชเ้ สน้ ทางอยู่เป็นประจา หรอื อาจเป็นเสน้ ทางท่กี าหนดขน้ึ มาเฉพาะ
เพ่อื เหมาะกบั สภาพภูมปิ ระเทศ แหล่งการท่องเทย่ี ว โดยมหี ลกั การจดั เสน้ ทางท่องเท่ยี วแบบ
ผสมผสานดงั น้ี
5.1 การกาหนดเส้นทางควรสารวจและสังเกตการณ์จากพฤติกรรมของ
นักท่องเท่ยี ว ประกอบกบั แนวโน้มท่คี วรเป็นการจดั การเส้นทางควรเรมิ่ ต้นจากการ
พจิ ารณาตาแหน่งของแหล่งการท่องเทย่ี วประเภทต่างๆ และจดั ลาดบั ความสาคญั และ
ความน่าสนใจจากนนั้ จงึ พจิ ารณาความสามารถในการเชอ่ื มโยงเขา้ ดว้ ยกนั
5.2 การจดั เสน้ ทางในลกั ษณะวงจรบรรจบ ทาให้นักท่องเท่ียวได้พบเห็นสง่ิ
แปลกใหม่เกดิ ความเพลดิ เพลนิ ไปตลอดเสน้ ทาง โดยไมต่ อ้ งยอ้ นไปเสน้ ทางเดมิ
5.3 การจดั เสน้ ทางใหม้ คี วามแตกต่าง การกาหนดเสน้ ทางอาจทาขน้ึ หลายทาง
หรอื หลายระบบเพ่อื เป็นทางเลอื กสาหรบั นักท่องเทย่ี วท่มี เี วลามากน้อยต่างกนั ความ
แตกต่างกนั เน่ืองมาจากความสนใจของนกั ท่องเทย่ี ว เช่น เสน้ ทางสาหรบั ผสู้ นใจศลิ ปะ
และวฒั นธรรมอาจจะพานักท่องเทย่ี วไปตามแม่น้าลาคลองเพ่อื ดูวถิ ชี วี ติ ความเป็นอยู่
และสภาพบา้ นเมอื ง ทม่ี คี วามหลากหลายอยดู่ ว้ ยกนั
5.4 พิจารณาจัดประเภทของยานพาหนะสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศ
เสน้ ทางการทอ่ งเทย่ี วอาจใชย้ านพาหนะในการเดนิ ทางต่างกนั ทาใหเ้ กดิ ความน่าสนใจ
แตกต่างกันตามความเหมาะสมของสภาพภูมิประเทศ สภาพภูมิอากาศและ
ลกั ษณะเฉพาะของตวั เมอื งนนั้ ๆ
5.5 ความต่อเน่ืองกับเส้นทางการท่องเท่ียวภายนอกเมือง เส้นทางการ
ท่องเท่ยี วไม่ควรจะจากดั อยู่เพยี งภายในเมอื งเท่านัน้ ควรมคี วามต่อเน่ืองกบั เสน้ ทาง
ภายนอกเมืองในแหล่งท่องเท่ียวธรรมชาติด้วย ซ่ึงอาจจะเป็นเส้นทางเดียวกนั หรอื
ต่อเน่ืองกนั บางส่วนกไ็ ด้ การจดั เสน้ ทางการท่องเท่ยี วในเมอื ง เสน้ ทางการท่องเท่ยี ว
ทางประวตั ศิ าสตรแ์ ละวฒั นธรรมเสน้ ทางการท่องเทย่ี วทางธรรมชาติ และเสน้ ทางการ
ท่องเท่ยี วแบบผสมผสาน ล้วนเป็นเสน้ ทางท่ใี ช้เพ่อื เป็นส่อื กลางในการส่อื สารความ
หมายถงึ ค่าของมรดกทางธรรมชาติ ประวตั ศิ าสตร์และวฒั นธรรม ทงั้ น้ีเพ่อื เพมิ่ ความ
เขา้ ใจของนักท่องเทย่ี วต่อสภาพแวดลอ้ มในทอ้ งถนิ่ และส่งเสรมิ คุณค่าทางมรดกทาง
ธรรมชาตแิ ละประวตั ศิ าสตร์ รวมถงึ ให้ประสบการณ์ทางนันทนาการและการเรียนรู้
นอกจากน้ียงั เป็นการเพม่ิ ศกั ยภาพของพ้นื ทแ่ี หล่งการท่องเท่ยี วไดอ้ กี ดว้ ย (เดชา บุญ
คา้ :2547)
สรปุ ไดว้ ่าแนวคดิ การจดั เสน้ ทางทอ่ งเทย่ี ว คอื การกาหนดเสน้ ทางเพอ่ื ใหน้ กั ทอ่ งเทย่ี ว
เขา้ มาชมจุดทน่ี ่าสนใจตามแหล่งทอ่ งเทย่ี วต่างๆ ไดส้ ะดวกและปลอดภยั เสน้ ทางการท่องเทย่ี ว
อาจเกดิ ขน้ึ จากการทน่ี กั ท่องเทย่ี วหลายๆกลุม่ ใชเ้ สน้ ทางเดมิ อย่เู ป็นประจา ซง่ึ อาจจะเป็น
29
เสน้ ทางรถยนต์ ทางเรอื ทางเทา้ หรอื แมก้ ระทงั่ ทางอน่ื ๆ ทอ่ี าจใชร้ ่วมกบั เสน้ ทางสญั จรปกติ
ของเมอื ง หรอื อาจเป็นการกาหนดเสน้ ทางขน้ึ มาเฉพาะเป็นพเิ ศษ
รปู แบบการท่องเท่ียว
1. การท่องเท่ียวเชิงสุขภาพ หมายถึงการท่องเท่ียวในแหล่งธรรมชาติและแหล่ง
วฒั นธรรมเพ่อื การพกั ผ่อนและเรยี นรู้วธิ กี ารรกั ษาสุขภาพกายใจได้รบั ความเพลิดเพลนิ และ
สุนทรียภาพ มีความรู้ต่อการรักษาคุณค่า และคุณภาพชีวิตท่ีดี มีจิตสานึกต่อการรักษา
สง่ิ แวดลอ้ มและวฒั นธรรมทอ้ งถนิ่ โดยประชาชนในทอ้ งถน่ิ มสี ่วนร่วมต่อการจดั การท่องเท่ยี วท่ี
ยงั่ ยนื อน่งึ การท่องเทย่ี วเชงิ สุขภาพน้บี างแหง่ อาจจดั รปู แบบเป็นการทอ่ งเทย่ี วเพอ่ื สุขภาพและ
ความงาม
2. การท่องเท่ียวเชิงทศั นศึกษาและศาสนา หมายถึง การเดินทางเพ่ือทศั นศึกษา
แลกเปลย่ี นเรยี นรู้จากปรชั ญาทางศาสนา หาความรู้ สจั ธรรมแห่งชวี ติ มกี ารฝึกทาสมาธเิ พ่อื มี
ประสบการณ์และความรู้ใหม่เพิ่มข้นึ มคี ุณค่าและคุณภาพชีวติ ท่ดี ีเพม่ิ ข้นึ มีจิตสานึกต่อการ
รกั ษาสง่ิ แวดล้อมและวฒั นธรรมทอ้ งถนิ่ โดยประชาชนในทอ้ งถน่ิ มสี ่วนร่วมต่อการจดั การการ
ท่องเทย่ี วทย่ี งั่ ยนื นอกจากนนั้ นกั ทอ่ งเทย่ี วบางกลุ่มมงุ่ การเรยี นรวู้ ฒั นธรรมและภูมปิ ัญญาไทย
เช่น การทาอาหารไทยการนวดแผนไทย ราไทย มวยไทย การช่างและงานศลิ ปหตั ถกรรมไทย
รวมถงึ การบงั คบั ชา้ งและเป็นควาญชา้ ง เป็นตน้
3. การทอ่ งเทย่ี วเพอ่ื ศกึ ษากลุ่มชาตพิ นั ธุ์หรอื วฒั นธรรมกลุ่มน้อย หมายถงึ การเดนิ ทาง
ท่องเทย่ี วเพอ่ื เรยี นรวู้ ถิ ชี วี ติ ความเป็นอย่วู ฒั นธรรมของชาวบา้ นวฒั นธรรมของชนกลุ่มน้อยหรอื
ชนเผาต่าง ๆ เช่น หมู่บ้านชาวไทยโซ่ง หมู่บา้ นผู้ไทย หมู่บ้านชาวกูย หมู่บา้ นชาวกะเหร่ยี ง
หมบู่ า้ นชาวจนี ฮอ่ เป็นตน้ เพอ่ื มปี ระสบการณ์และความรใู้ หมเ่ พมิ่ ขน้ึ มคี ณุ คาและคุณภาพชวี ติ ท่ี
ดเี พม่ิ ข้นึ มจี ติ สานึกต่อการรกั ษาสงิ่ แวดลอมและวฒั นธรรมทอ้ งถนิ่ โดยประชาชนในท้องถิ่นมี
สว่ นร่วมต่อการจดั การการท่องเทย่ี วทย่ี งั่ ยนื
4. การท่องเท่ยี วเชงิ กฬี า หมายถงึ การเดนิ ทางท่องเท่ยี วเพ่อื เล่นกฬี าตามความถนัด
ความสนใจ ในประเภทกฬี า เช่น กอล์ฟ ดาน้า ตกปลา สนุ๊กเกอร์ กระดานโต้คล่นื สกนี ้า เป็น
ตน้ ใหไ้ ดร้ บั ความเพลดิ เพลนิ ความสนุกสนานต่นื เตน้ ไดร้ บั ประสบการณ์และความรใู้ หม่เพม่ิ ข้นึ
มคี ุณค่าและคุณภาพชวี ติ ทด่ี เี พม่ิ ขน้ึ มจี ติ สานึกต่อการรกั ษาสง่ิ แวดล้อมและวฒั นธรรมท้องถน่ิ
โดยประชาชนในทอ้ งถน่ิ มสี ว่ นร่วมต่อการจดั การการท่องเทย่ี วทย่ี งั่ ยนื
5. การทอ่ งเทย่ี วแบบผจญภยั หมายถงึ การเดนิ ทางทอ่ งเทย่ี วไปยงั แหล่งท่องเทย่ี วทาง
ธรรมชาติท่ีมีลักษณะพิเศษ ท่ีนักท่องเท่ียวเข้าไปเท่ียวแล้วได้รับความสนุกสนานต่ืนเต้น
หวาดเสยี ว ผจญภยั มคี วามทรงจา ความปลอดภยั และไดป้ ระสบการณ์ใหม่
30
6. การท่องเทย่ี วแบบโฮมสเตยแ์ ละฟารม์ สเตย์ หมายถงึ นกั ท่องเทย่ี วกล่มุ ทต่ี ้องการใช้
ชวี ติ ใกล้ชดิ กบั ครอบครวั ในทอ้ งถนิ่ ท่ไี ปเยอื นเพ่อื การเรยี นรูภ้ ูมปิ ัญญาทอ้ งถ่นิ และวฒั นธรรม
ทอ้ งถนิ่ ไดร้ บั ประสบการณ์ในชวี ติ เพม่ิ ขน้ึ โดยมจี ติ สานึกตอ่ การรกั ษาสงิ่ แวดลอ้ มและวฒั นธรรม
ทอ้ งถน่ิ เป็นการจดั การทอ่ งเทย่ี วอยา่ งมสี ว่ นร่วมของชมุ ชนในทอ้ งถนิ่ ทย่ี งั่ ยนื
7. การท่องเท่ยี วพานักระยะยาว หมายถงึ กลุ่มผูใ้ ชช้ วี ติ ในบนั้ ปลายหลงั เกษียณอายุ
จากการทางานท่ีต้องการมาใช้ชีวติ ต่างแดนเป็นหลัก เพ่อื เพมิ่ ปัจจยั ท่ีห้าของชีวิตคอื การ
ท่องเทย่ี ว โดยเดนิ ทางท่องเทย่ี วต่างประเทศเฉลย่ี 3 - 4 ครงั้ ตอ่ ปี คราวละนาน ๆ อยา่ งน้อย 1
เดอื น
8. การท่องเท่ียวแบบให้รางวลั หมายถงึ การจดั นาเท่ยี วให้แก่กลุ่มลูกค้าของบรษิ ัทท่ี
ประสบความสาเรจ็ (มคี วามเป็นเลศิ ) ในการขายสนิ ค้านัน้ ๆ ตามเป้าหมายหรอื เกนิ เป้าหมาย
เช่น กลุ่มผู้แทนบรษิ ัทจาหน่ายรถยนต์ ผู้แทนบรษิ ัทจาหน่ายเคร่อื งใช้ไฟฟ้า ผู้แทนบรษิ ัท
จาหน่ายเคร่อื งสาอาง จากภูมภิ าคหรอื จงั หวดั ต่างๆ ทส่ี ามารถขายสนิ ค้าประเภทนัน้ ได้มาก
ตามทบ่ี รษิ ทั ผแู้ ทนจาหน่ายในประเทศตงั้ เป้าหมายไวเ้ ป็นการใหร้ างวลั และจดั นาเทย่ี ว โดยออก
ค่าใชจ้ ่ายในการเดนิ ทาง ค่าพกั แรมและค่าอาหารระหว่างการเดนิ ทางใหก้ บั ผูร้ ่วมเดนิ ทาง เป็น
การจดั รายการพกั แรมตงั้ แต่ 2 - 7 วนั เป็นรายการนาเท่ยี วชมสถานท่องท่ตี ่างๆ อาจเป็น
รายการนาเทย่ี วแบบผสมผสาน หรอื รายการนาเทย่ี วในรูปแบบใดรปู แบบหน่ึง
9. การท่องเทย่ี วเพ่อื การประชุม หมายถงึ การจดั นาเท่ยี วใหแ้ ก่กลุ่มลูกค้าของผู้ท่ีจดั
ประชุม มรี ายการจดั นาเท่ยี วก่อนการประชุม (Pre-tour) และการจดั รายการนาเท่ยี วหลงั การ
ประชุม (Post-tour) โดยการจดั รายการท่องเทย่ี วในรปู แบบต่าง ๆ ไปทวั่ ประเทศ เพ่อื บรกิ าร
ใหก้ บั ผเู้ ขา้ ร่วมประชุมโดยตรง หรอื สาหรบั ผทู้ ร่ี ่วมเดนิ ทางกบั ผปู้ ระชุม (สามหี รอื ภรรยา) อาจ
เป็นรายการท่องเทย่ี ววนั เดยี ว หรอื รายการเทย่ี วพกั คา้ งแรม 2 - 4 วนั โดยคดิ ราคาแบบเหมา
รวมค่าอาหารและบรกิ ารท่องเทย่ี ว
10. การท่องเท่ยี วแบบผสมผสานเป็นอกี รูปแบบหน่ึงท่ผี ูจ้ ดั การการท่อง เท่ยี วคดั สรร
รูปแบบการท่องเทย่ี วทก่ี ล่าวมาแลว้ ขา้ งตน้ นามาจดั รายการนาเทย่ี ว เพ่อื ใหน้ กั ท่องเทย่ี วไดร้ บั
ความแตกต่างระหว่างการเดนิ ทางท่องเทย่ี วในระยะยาวนานตงั้ แต่ 2 - 7 วนั หรอื มากกว่านัน้
เช่น การท่องเท่ียวเชิงนิเวศและเกษตร (Eco–agro tourism) การท่องเท่ียวเชิงเกษตรและ
ประวตั ศิ าสตร์ (Agro-historical tourism) การท่องเทย่ี วเชงิ นิเวศและผจญภยั (Eco-adventure
travel) การท่องเทย่ี วเชงิ ธรณวี ทิ ยาและประวตั ศิ าสตร์ (Geo- historical tourism) การท่องเทย่ี ว
เชงิ เกษตรและวฒั นธรรม (Agro-cultural tourism)
นอกจากน้ีในปัจจุบัน การท่องเท่ียวได้พิจารณาจากความต้องการหรือพฤติกรรม
นักท่องเทย่ี วเพม่ิ เตมิ ทาใหม้ รี ูปแบบการท่องเทย่ี วท่ีมแี นวคดิ ใหม่ ขน้ึ มาเช่น Green tourism ท่ี
คนมาท่องเท่ยี วจะต้องการอนุรกั ษ์ธรรมชาตหิ รอื ช่วยลดภาวะโลกร้อน เช่น การท่องเท่ยี วใน
31
เกาะสมุย หรอื War tourism ทน่ี ักท่องเทย่ี วต้องการสมั ผสั กบั อดตี ในสมยั สงคราม เช่น การ
ท่องเทย่ี วสะพานขา้ มแม่น้าแคว จงั หวดั กาญจนบุรีหรอื Volunteer tourism ทน่ี ักท่องเทย่ี วเป็น
อาสาสมคั รมาช่วยทากจิ กรรมบาเพญ็ ประโยชน์ ในสถานทแ่ี ละเดนิ ทางท่องเทย่ี วต่อ เช่น การท่ี
มอี าสาสมคั รมาช่วยงานสนึ ามใิ นประเทศไทยเป็นตน้
สรุปไดว้ า่ รปู แบบการท่องเทย่ี ว คอื การท่องเทย่ี วทม่ี อี ย่หู ลากหลายรปู แบบประเภท เช่น
การท่องเท่ยี วเชิงสุขภาพ ท่ีพกั ผ่อนและเรยี นรู้วธิ กี ารรกั ษาสุขภาพกายใจ การท่องเท่ยี วเชงิ
ทศั นศกึ ษาและศาสนา ทศั นศกึ ษาแลกเปลย่ี นเรยี นรจู้ ากปรชั ญาทางศาสนา หาความรู้ สจั ธรรม
แหง่ ชวี ติ การท่องเทย่ี วแบบผจญภยั การเดนิ ทางท่อง เทย่ี วไปยงั แหล่งทอ่ งเทย่ี วทางธรรมชาตทิ ่ี
มีลักษณะพิเศษ และการท่องเท่ียวแบบผสมผสาน จะเป็นอีกรูปแบบหน่ึงท่ีผู้จัดการการ
ท่องเทย่ี วคดั สรรรปู แบบการท่องเทย่ี วทก่ี ล่าวมาแลว้ ขา้ งตน้
งานวิจยั ท่ีเก่ียวขอ้ ง
งานวิจยั การท่องเท่ียวเชิงสร้างสรรคบ์ นพน้ื ฐานของชมุ ชน
งานวจิ ยั น้ีต้องการให้เหน็ ถึงแนวคดิ เก่ยี วกบั การท่องเท่ยี วเชงิ สร้างสรรค์บน
พน้ื ฐานของชุมชนโดยกจิ กรรมเชงิ สร้างสรรคเ์ ป็นเสมอื นทางเลอื กหน่ึงทส่ี าคญั ของการ
ท่องเท่ยี วชุมชน ในการรกั ษาความสมดุลทงั้ ด้านเศรษฐกจิ สงั คม และวัฒนธรรมของ
ชุมชน และเป็นการผลักดนั ท่ีก่อให้เกดิ รูปแบบการท่องเท่ียวท่ีมกี ารผสมผสานทาง
วฒั นธรรมและทรพั ยากรทอ่ งเทย่ี วทม่ี อี ยู่
งานวิจยั การศกึ ษาเส้นทางท่องเท่ียวเชิงสร้างสรรคเ์ ขตมนี บรุ ี
เป็นงานวจิ ยั เพ่อื ใหท้ ราบถงึ ความเป็นมาของสถานท่แี ละจุดสาคญั ของสถานท่ี
ท่องเท่ียวรวมถึงเพ่อื ให้เกิดความเข้าใจด้านเส้นทางการท่องเท่ียวและแนวทางการ
พฒั นาสง่ เสรมิ การท่องเทย่ี วในเชงิ สรา้ งสรรค์
งานวิจยั คุณลกั ษณะการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ที่นักท่องเท่ียวคาดหวงั ใน
แหลง่ จดุ หมายปลายทางเชิงสรา้ งสรรคใ์ นประเทศไทย
จากงานวจิ ยั พบว่า ความต้องการของการท่องเทย่ี วเชงิ สรา้ งสรรคม์ อี ยู่มากใน
กลุ่มคนรุ่นใหม่อายุราว 18 ปี หรอื มากกว่า เน่ืองจากพวกเขาตอ้ งการศกึ ษาเรยี นรเู้ ร่อื ง
ศิลปะ หตั ถกรรม และเทคโนโลยที ่ีได้สูญหายไปในราวยุค 80 จนถึงศตวรรษท่ี 20
โดยเฉพาะในกลมุ่ ประเทศทใ่ี หค้ วามสาคญั กบั การสง่ ออก
งานวิจยั การท่องเที่ยวเชิงสรา้ งสรรค:์ ทางเลอื กใหม่ของการท่องเที่ยวไทย
ผวู้ จิ ยั พบว่า ประเทศไทยมปี ัจจยั สนับสนุนหลายประการในการพฒั นารูปแบบ
การท่องเทย่ี วไปสกู่ ารทอ่ งเทย่ี วเชงิ สรา้ งสรรค์ ซง่ึ การศกึ ษาเพอ่ื สรา้ งองคค์ วามรจู้ ะช่วย
32
ใหก้ ารจดั การท่องเทย่ี วรูปแบบใหม่น้มี แี บบแผนทช่ี ดั เจน และเป็นทร่ี จู้ กั อย่างกวา้ งขวาง
สรา้ งรายไดใ้ หก้ บั ประเทศ และนาไปสกู่ ารพฒั นาอตุ สาหกรรมทอ่ งเทย่ี วแบบยงั่ ยนื
33
บทที่ 3
วิธีการดาเนิ นวิจยั
“การศกึ ษาเสน้ ทางท่องเทย่ี วเชงิ สรา้ งสรรค์จงั หวดั สมุทรสงคราม” เป็นการวจิ ยั รวบรวม
ขอ้ มลู เอกสารทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั จงั หวดั สมทุ รสงคราม และสถานทท่ี อ่ งเทย่ี วในจงั หวดั สมุทรสงคราม
รวมถึงเอกสารวิจัยท่ีเก่ียวข้องและการใช้แอพพลิเคชัน่ ท่ีเก่ียวข้องกับภูมิศาสตร์และ
ประวตั ิศาสตร์เชิงท่องเท่ียวเพ่อื ตอบโจทย์ตามวตั ถุประสงค์ของงานวิจยั น้ี โดยมีขนั้ ในการ
ดาเนินงานวจิ ยั ดงั น้ี
การเกบ็ รวบรวมข้อมูล
ในการวจิ ยั ครงั้ น้ผี วู้ จิ ยั ไดศ้ กึ ษาขอ้ มลู และเสน้ ทางทอ่ งเท่ยี วภายในจงั หวดั สมุทรสงคราม
และเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู มาจดั เป็นเสน้ ทางทอ่ งเทย่ี วเชงิ สรา้ งสรรคจ์ งั หวดั สมุทรสงคราม
1. รวบรวมขอ้ มลู ต่างๆ รวมถงึ งานวจิ ยั ทเ่ี กย่ี วขอ้ งทไ่ี ดศ้ กึ ษา
2. เกบ็ ขอ้ มูลในเสน้ ทางจงั หวดั สมุทรสงคราม ผวู้ จิ ยั ไดศ้ กึ ษาเสน้ ทางจากแอพพลเิ คชนั่
Google location Mapและ Google Earth และจะมกี ารลงพน้ื ทไ่ี ปยงั สถานทจ่ี รงิ เพอ่ื สบื คน้ ขอ้ มูล
เพมิ่ เตมิ รวมถึงคานึงความเป็นไปได้และความสะดวกสบายท่สี ุดเพ่อื นามาศึกษา และสร้าง
เสน้ ทางการทอ่ งเทย่ี ว
เครื่องเมืองที่ใช้ในการดาเนิ นงานวิจยั
1. เอกสารท่เี ก่ยี วขอ้ งกบั 3อาเภอจงั หวดั สมุทรสงคราม ได้แก่ หนังสอื และงานวจิ ยั ท่ี
เกย่ี วขอ้ ง
2. ศกึ ษาขอ้ มลู จากอนิ เตอรเ์ นต็ จากแหล่งขอ้ มลู ทเ่ี ช่อื ถอื ได้
3. แอพพลเิ คชนั่ ทางภูมศิ าสตร์ Google Map , Google Earth , GIS , GPS
4. กลอ้ งถา่ ยรปู
การวิเคราะหข์ อ้ มูลและการนาเสนอผลการวิจยั
ผวู้ จิ ยั ไดศ้ กึ ษาขอ้ มูลจากแหลง่ ขอ้ มลู ทงั้ หนังสอื และเอกสารงานวจิ ยั ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง และได้
นาข้อมูลทงั้ หมดมาเรียบเรียงวิเคราะห์ให้ตรงตาม วตั ถุประสงค์ แล้วนาแอพพลิเคชัน่ ทาง
ภมู ศิ าสตรม์ าใชเ้ พอ่ื ใหไ้ ดต้ ามโจทยข์ องวตั ถปุ ระสงค์ ไดม้ กี าร ดาเนนิ งานในแตล่ ะขนั้ ตอนเพ่อื ใช้
แอพพลเิ คชนั่ ทางภูมศิ าสตรเ์ ขา้ มาชว่ ยเหลอื เพอ่ื ใหไ้ ดว้ ตั ถปุ ระสงค์ ตามทต่ี อ้ งการ
34
บทท่ี 4
ผลการวิเคราะห์ข้อมลู
ผลการศกึ ษาเร่อื ง การศกึ ษาเสน้ ทางการท่องเทย่ี วเชงิ สรา้ งสรรคจ์ งั หวดั สมุทรสงคราม
คณะผวู้ จิ ยั ไดแ้ บ่งการศกึ ษาตามวตั ถุประสงคด์ งั น้ี 1. เพอ่ื ศกึ ษาทรพั ยากรและความพรอ้ มของ
คนในพน้ื ท่ขี องสถานทท่ี ่องเทย่ี วเชงิ สร้างสรรคใ์ นจงั หวดั สมุทรสงคราม 2. เพ่อื จดั ทาเสน้ ทาง
ท่องเทย่ี วเชงิ สรา้ งสรรคใ์ นจงั หวดั สมทุ รสงคราม
ภาพท่ี 1 ผวู้ จิ ยั ไดท้ าการลงพน้ื ทเ่ี พอ่ื ศกึ ษา และรวบรวมขอ้ มลู สถานทท่ี อ่ งเทย่ี วเชงิ
สรา้ งสรรคภ์ ายในจงั หวดั สมุทรสงคราม
ทม่ี า : คณิตา เจรญิ ศลิ ป์
ภาพท่ี 2 ผวู้ จิ ยั ไดท้ าการลงพน้ื ทเ่ี พอ่ื ศกึ ษา และรวบรวมขอ้ มลู สถานทท่ี อ่ งเทย่ี วเชงิ
สรา้ งสรรคภ์ ายในจงั หวดั สมุทรสงคราม
ทม่ี า : คณติ า เจรญิ ศลิ ป์
35
1. เพื่อศึกษาทรพั ยากรและความพร้อมของคนในพื้นที่ของสถานท่ีท่องเที่ยวเชิง
สรา้ งสรรคใ์ นจงั หวดั สมุทรสงคราม
สมุทรสงครามเป็นจงั หวดั ท่มี สี ถานท่ที ่องเท่ยี วท่หี ลากหลายแต่ละสถานท่มี ปี ระวตั คิ วาม
เป็นมาทม่ี คี วามสอดคลอ้ งกบั การท่องเทย่ี วเชงิ สรา้ งสรรคใ์ นดา้ นต่างๆทงั้ ในทาง ประวตั ศิ าสตร์
วฒั นธรรม และ ทางธรรมชาติ
อาเภอเมอื งสมทุ รสงคราม
1. ดอนหอยหลอด
ที่ตงั้ : 13 21’ 46” N 100 01’21”E :1477483 610723 47PPQ 10723 77483
สถานทท่ี ่องเทย่ี วทม่ี ชี ่อื เสยี งของจงั หวดั สมุทรสงคราม เป็นสนั ดอนตงั้ อย่ปู ากแม่น้าแม่
กลอง เกดิ จากการตกตะกอนของดนิ ปนทราย หรอื ท่ชี าวบา้ นเรยี กว่า “ทรายข้เี ป็ด” เม่อื เป็น
ระยะเวลานานเขา้ บรเิ วณน้ีได้ก่อเกดิ เป็นสนั ดอนทม่ี ีอาณาบรเิ วณกวา้ งประมาณ 3 กโิ ลเมตร
ยาว 5 กโิ ลเมตร และยน่ื ออกไปในทะเลยาว 8 กโิ ลเมตร ครอบคลุมพน้ื ท่ี 2 แห่ง แหง่ แรก ไดแ้ ก่
ดอนนอก อยู่บรเิ วณปากอ่าวแม่กลอง เดนิ ทางไปได้โดยทางเรอื และดอนใน อยู่ท่ชี ายหาด
หมู่บ้านคลองฉู่ฉ่ี ตาบลบางจะเกรง็ และอีกแห่งคอื ชายหาด ในช่วงเวลาน้าลงท่สี นั ดอนโผล่
ขน้ึ มาชดั เจน ชาวบา้ นแถบนนั้ นิยมมาจบั หอยหลอดกนั ท่ีน่ี โดยใชไ้ มไ้ ผเ่ ลก็ ๆ ขนาดกา้ นธปู จุ่ม
ปูนขาวแล้วเทลงไปในรู เม่อื หอยหลอดเมาปูนจะโผล่ข้นึ มา ค่านัง่ เรอื ชมดอนหอยหลอด ราคา
เช่าลาละ 60 บาท หากต้องการเช่าไปชมปากอ่าว ราคาลาละ 200 บาท ชมทวิ ทศั น์ป่าชายเลน
ราคาลาละ 350 บาท
จุดเด่น ล่องเรือชมดอนหอยหลอด สมั ผสั วธิ ีจบั หอยหลอดของชาวบ้านและยงั เรา
สามารถลงไปจบั เองได้
ภาพท่ี 3 ดอนหอยหลอด
ทม่ี า : https://bangkaenoiindividu.wixsite.com/index/event1
36
2. ตลาดร่มหบุ
ท่ีตงั้ : 13 24’ 28”N 100 00’01”E :1482456 609650 47PPQ 08297 82450
ตลาดร่มหุบตงั้ อยู่บนทางรถไฟสายแม่กลองจงั หวดั สมุทรสงคราม โดยตลาดร่มหุบนัน้
ก่อกาเนิดข้นึ เม่อื ปีพ.ศ.2444 ซ่ึงเดิมทีนัน้ เป็นเพยี งการตงั้ ตลาดอยู่พ้นื ท่ีข้าง ๆ ทางรถไฟ
เท่านนั้ จนเม่อื ปี พ.ศ. 2527 ไดม้ กี ารปรบั ปรุงและขยายพน้ื ทใ่ี นการขายในมาวางขายอย่บู นทาง
รถไฟ โดยมจี านวนรา้ นคา้ อยู่ประมาณ 250 - 300 รา้ น โดยตลาดร่มหุบนัน้ เป็นตลาดเดยี วใน
โลกทม่ี กี ารก่อตงั้ อย่บู นทางรถไฟ จงึ ถูกจดั ใหเ้ ป็นตลาดทน่ี ่าหวาดเสยี วทส่ี ดุ ในโลก ซ่งึ รถไฟนนั้
จะวงิ่ ผ่านตลาดประมาณ 8 เทย่ี วต่อวนั ในสมยั ก่อนแต่ปัจจุบนั ไดม้ กี ารปรบั และลดจานวนเทย่ี ว
ลงเหลอื ประมาณ 4 เท่ยี วต่อวนั โดยเวลาเฉล่ยี ท่เี ราจะสามารถเดินทางไปและเจอกบั ช่วงท่ี
ชาวบ้านหุบร่มนัน้ จะมี 06.30น. 08.30น. 11.30น. 15.30 น. ซ่ึงช่วงเวลาดงั กล่าวจะมีบาง
ช่วงเวลาท่มี ที งั้ ขบวนขาเขา้ และขาออกท่เี วลาไล่เล่ยี กนั ทาให้ตลาดร่มหุบจงึ มคี วามคกึ คกั อยู่
ตลอดทงั้ วนั เพราะนักท่องเท่ยี วส่วนใหญ่ท่เี ดินทางมา เพราะต้องการท่จี ะมาเก็บบรรยากาศ
ขณะทร่ี ถไฟวง่ิ ผา่ นตลาด
จุดเด่น สารพดั ของกนิ ของใช้ มแี ผงขาย มพี ่อคา้ แม่ขาย มรี ่มผา้ ใบหลากสสี นั กางกนั
แดดกนั ฝนให้บรรดาลูกค้าท่มี าเดนิ เลอื กซ้อื ของ และอกี จุดสาคญั ของทน่ี ้ีคอื ไดเ้ หน็ รถไฟแล่น
ผ่านตลาดอย่างใกลช้ ดิ
ภาพท่ี 4 ตลาดร่มหุบ
ทม่ี า : https://travelxpress.co.th/
37
3. ศนู ยอ์ นุรกั ษ์ป่ าชายเลนคลองโคน
ที่ตงั้ : 13 19’53”N 99 58’08”E :1473988 609931 47PPQ 04931 73988
สมยั ก่อนพ้นื ท่ีป่ าชายเลนบ้านคลองโคนถูกบุกรุกทาลาย เพ่อื นามาทานากุ้งและทา
ประโยชน์อ่ืนๆ ความอุดมสมบูรณ์ของทรพั ยากรทางทะเลใกล้ชายฝัง่ ได้สูญเสียไป จนไม่
สามารถทาการประมงชายฝัง่ ได้ ทาใหป้ ระชากรในพ้นื ท่แี ยกย้ายไปประกอบอาชพี ทอ่ี ่นื ต่อมา
ในปี พ.ศ. 2534 ชาวบา้ นในพน้ื ทโ่ี ดยการนาของผใู้ หญ่ไพบูลย์ รตั นพงศ์ธระ (ชงค)์ ไดช้ ่วยกนั
ฟ้ืนฟูสภาพของป่าชายเลน เพอ่ื ใหม้ คี วามอดุ มสมบูรณ์เหมอื นแตก่ ่อน ในช่วง 3 ปีแรกไม่ประสบ
ความสาเร็จ ต่อมาหน่วยงานรฐั เรม่ิ เห็นความสาคญั โดยเฉพาะเป็นพระมหากรุณาธคิ ุณจาก
สมเดจ็ พระเทพฯ ทท่ี รงเห็นความสาคญั ของการปลูกป่าชายเลนทน่ี ่ี จงึ ไดเ้ สดจ็ มาทรงปลูกป่ า
ชายเลนทน่ี ่ีดว้ ยพระองคเ์ องในปี พ.ศ. 2540, 2541, 2542, 2545 และ 2547 จนปัจจุบนั พน้ื ท่ี
ป่าชายเลนของบา้ นคลองโคนกลบั มาอุดมสมบูรณ์อกี ครงั้ เกดิ มสี ตั วน์ ้าชายฝัง่ มากมาย สามารถ
ทาการประมงเลย้ี งชพี ไดอ้ ย่างพอเพยี ง ชาวบา้ นบางสว่ นไดร้ วมตวั กนั เป็นกลุ่มอาชพี ตามความ
ถนดั เช่น กลุ่มชาวเรอื กลุ่มทาอาหาร กลุ่มกระเตง (กระท่อมของชาวประมงทป่ี ลูกกลางทะเล
เพ่อื ใช้เฝ้าฟาร์มหอยแครง) และเกดิ เป็นการเท่ยี วเชงิ อนุรกั ษ์ข้นึ มา ค่าใช้จ่ายเรอื ต่าสุดอยู่ท่ี
800 บาท
จุดเด่น ระบบนิเวศน์ป่าชายเลน แวะใหอ้ าหารลงิ แสม ชมวถิ ชี วี ติ ชาวบา้ น ชมการถบี
กระดานเลนเก็บหอยแครง และรอเคยเพ่อื ทากะปิคลองโคน รบั ประทานอาหารทะเลแบบ
พน้ื บ้าน บนกระเตงกลางทะเล ล่องเรอื ชมฟารม์ หอยแมลงภู่ แถกเรอื บนเลน ร่วมปลูกป่าชาย
เลน เล่นสกกี ระดานเลน
ภาพท่ี 5 ศนู ยอ์ นุรกั ษป์ ่าชายเลนคลองโคน
38
4. โรงเรียนธรรมชาติป่ าชายเลน
ที่ตงั้ : 13 24’ 00”N 100 02’37”E :1481609 612992 47PPQ 12992 81609
โรงเรยี นธรรมชาตปิ ่าชายเลน (เสน้ ทางศกึ ษาธรรมชาตปิ ่าชายเลน) หมู่ 10 ตาบลบาง
แก้ว อาเภอเมอื งสมุทรสงคราม จงั หวดั สมุทรสงคราม หรอื ศูนย์เรยี นรู้การอนุรกั ษ์ป่าชายเลน
เป็นสถานทเ่ี รยี นรกู้ ารอนุรกั ษ์ธรรมชาตทิ ส่ี ามารถเอาชนะธรรมชาตทิ ค่ี ล่นื ทะเลกดั เซาะชายฝัง่
โดยการปักไมไ้ ผ่ เป็นแนวกนั้ ความยาวกว่า 1,800 เมตร รวมทงั้ ฟ้ืนฟูสภาพป่าชายเลนทเ่ี ส่อื ม
โทรมจนสาเร็จ ภายในพ้นื ท่ีนัน้ มีสะพานคอนกรีตเรยี บชายทะเลยาวกว่า 2 กิโลเมตร เพ่อื
อานวยความสะดวกใหก้ บั ผทู้ เ่ี ดนิ ทางมาศกึ ษาดงู านหรอื นกั ท่องเทย่ี วไดท้ ากจิ กรรมปลูกป่าชาย
เลน รวมถงึ การศกึ ษาระบบนเิ วศน์และพกั ผ่อนหยอ่ นใจ
จดุ เด่น เป็นศนู ยเ์ รยี นรกู้ ารอนุรกั ษ์ป่าชายเลนและทากจิ กรรมการท่องเทย่ี วเชงิ อนุรกั ษ์
โดยการปลกู ป่าชายเลน
ภาพท่ี 6 โรงเรยี นธรรมชาตปิ ่าชายเลน
ทม่ี า : https://thailandtourismdirectory.go.th/th/attraction/21711
39
5. หมบู่ า้ นคลองฉู่ฉี่
ที่ตงั้ : 13 22’ 13”N 100 00’ 46”E :1478308 609667 47PPQ 09667 78308
ชุมชนบรเิ วณคลองฉู่ฉ่ีอุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรพั ยากรทางธรรมชาตมิ ากมาย อาทิ พชื
พนั ธุ์ จาพวกโกงกาง แสม ลาพู ตะบูน ตน้ จาก ผกั เบย้ี หมามุย่ ชะครามขน้ึ อย่เู รยี งราย สตั วน์ ้า
จาพวก กุ้ง หอย ปู ปลาหลากหลาย โดยเฉพาะปลาอกี ง เป็นปลาทข่ี ้นึ ช่อื ของชุมชนมาตงั้ แต่
อดตี มกั อาศยั อยบู่ รเิ วณแมน่ ้าสายใหญๆ่ ทต่ี ดิ กบั ทะเลน้ากร่อย สามารถพบไดท้ วั่ ไปโดยเฉพาะ
แถบจงั หวดั สมุทรสงคราม สมทุ รสาคร และเพชรบุรี ลกั ษณะของปลาชนิดน้เี ป็นปลาทม่ี ลี กั ษณะ
ลาตวั ค่อนขา้ งกลมหนา ตวั มสี เี ทาอมทอง บางตวั มสี เี ทาอมม่วง ส่วนท้องจะเป็นสขี าว ความ
อุดมสมบูรณ์ของปลาอกี ง กลายเป็นทม่ี าของลาคลองแห่งตานานล่อื ชอ่ื เลอ่ื งลอื ในกลน่ิ หอมของ
อาหารทล่ี อยมาจากทา้ ยครวั ของแต่ละบา้ น ค่าบรกิ าร 300 บาท/ชวั่ โมง
จดุ เด่น การประมงของคนในชมุ ชนทใ่ี หน้ กั ทอ่ งเทย่ี วมสี ว่ นร่วมกบั ชุมชนได้
ภาพท่ี 7 หม่บู า้ นคลองฉู่ฉ่ี
ทม่ี า : https://travel.trueid.net/detail/vEmVVey2nD0z
40
6. ศนู ยก์ ารเรยี นรชู้ ุมชนบา้ นสวนท่งุ
ท่ีตงั้ : 13 26’38”N 99 58’56”E :1486436 606326 47PPQ 06326 86436
เป็นศูนยก์ ารเรยี นรูช้ ุมชน ทส่ี ามารถใหป้ ระชาชนเขา้ ไปศกึ ษา เรยี นรกู้ รรมวธิ เี ก่ยี วกบั
การทาน้าตาลมะพร้าว การเค่ยี วน้าตาลมะพร้าว โดยต้นมะพร้าวนัน้ เป็นผลไม้ท่พี บมากใน
จงั หวดั สมุทรสงคราม รองจากตน้ ลน้ิ จ่ี มกี ารจดั กจิ กรรม ใหป้ ระชาชนเขา้ ไปทากรรมวธิ กี ารทา
น้าตาลมะพรา้ ว การเคย่ี วน้าตาลมะพรา้ ว ไดด้ ว้ ยตวั เอง
จดุ เด่น การจดั แสดงและสาธติ ผลติ ภณั ฑเ์ กย่ี วกบั มะพรา้ ว
ภาพท่ี 8 ศนู ยก์ ารเรยี นรชู้ ุมชนบา้ นสวนทงุ่
ทม่ี า : https://th.worldorgs.com/
41
อาเภออมั พวา
1. ตลาดน้าอมั พวา
ท่ีตงั้ : 13 25’30”N 99 57’ 18”E :1484336 603387 47PPQ 03387 84336
เป็นตลาดน้าตงั้ อย่ใู นจงั หวดั สมุทรสงคราม ตงั้ อย่ใู กลว้ ดั อมั พวนั เจตยิ าราม เป็นตลาดน้าท่มี มี า
แต่โบราณนับร้อยปี และได้เลิกรามาระยะหน่ึง ต่อมาเทศบาลตาบลอมั พวาได้ฟ้ืนฟูตลาดน้า
ขน้ึ มาอกี ครงั้ ก่อตงั้ ขน้ึ อย่างเป็นทางการเมอ่ื วนั ท่ี 11 สงิ หาคม พ.ศ. 2547 นกั ท่องเทย่ี วไทยและ
ต่างประเทศนิยมพกั คา้ งคนื ในเรอื นแรม เวลาทท่ี าการคอื วนั ศุกร์ เสารแ์ ละอาทติ ย์ และวนั หยุด
นักขตั ฤกษ์ ในช่วงเวลาเยน็ ตงั้ แต่ช่วงเวลา 12.00–20.00 น. โดยมรี า้ นต่าง ๆ ท่เี ปิดขายเรยี ง
รายอย่ทู งั้ สองฝัง่ คลอง เช่น อาหารหรอื ขนมบางอย่างเป็นสตู รโบราณ สนิ คา้ ทร่ี ะลกึ ในรูปแบบ
ย้อนยุค มบี รกิ ารล่องเรอื ชมววิ ชมชวี ติ รมิ คลองอมั พวา และสถานทส่ี าคญั ต่าง ๆ รวมทงั้ การ
เฝ้าดูหิง่ ห้อย ส่องแสงรายรอบต้นลาพู ถึงกระนัน้ เน่ืองจากความพฒั นาจึงทาให้หง่ิ ห้อยเรม่ิ
หายไป รวมถงึ เกดิ ปัญหาตามมา เช่น ตลงิ่ ทรุด ขยะล้น รถตดิ สถาปัตยกรรมเก่าแก่ผดิ เพย้ี น
การรกุ คบื จากนายทุนนกั คา้ ทด่ี นิ จนถงึ วถิ ชี ุมชนดงั้ เดมิ สนั่ คลอน
จุดเด่น ตลาดน้ายามเยน็ และ การนงั่ เรอื ชมหงิ่ หอ้ ยตอนกลางคนื หรอื วฒั นธรรมแบบ
ชาวบา้ นตดิ รมิ น้าตอนกลางวนั
ภาพท่ี 9 ตลาดน้าอมั พวา
ทม่ี า : https://thai.tourismthailand.org/Attraction /
42
2. อุทยานพระบรมราชานุสรณ์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
(อทุ ยาน ร.2)
ท่ีตงั้ : 13 25’ 28”N 99 57’10”E :1484273 603146 47PPQ 03416 84273
อุทยานพระบรมราชานุสรณ์ พระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลศิ หลา้ นภาลยั หรอื เรยี กสนั้ ๆ
ว่า อุทยาน ร.2 ตงั้ อยู่รมิ แม่น้าแม่กลอง ต.อมั พวา อ.อมั พวา จ.สมุทรสงคราม ตดิ กบั ตลาดน้า
อมั พวา มเี น้ือท่ี 11 ไร่ บรเิ วณท่กี ่อสรา้ งอุทยานพระบรมราชานุสรณ์น้ี พระราชสมุทรเมธี เจา้
อาวาสวดั อมั พวนั เจตยิ าราม เป็นผนู้ ้อมเกล้าฯ ถวาย ซง่ึ ทบ่ี รเิ วณน้ีมี ความสาคญั เพราะเป็นท่ี
พระราชสมภพของรชั กาลท่ี 2 ภายในอุทยานพระบรมราชานุสรณ์ มเี รอื นไทยหมู่ 5 หลงั ใชเ้ ป็น
พพิ ธิ ภณั ฑพ์ ระพุทธเลศิ หลา้ นภาลยั 4 หลงั จดั แสดงศลิ ปวตั ถใุ นสมยั ต้นรตั นโกสนิ ทร์ เคร่อื งใช้
ส่วนพระองค์ของร.2 เช่น พระแท่นบรรทมศลิ ปะจีน นอกจากน้ียงั แสดงความเป็นอยู่ของชาว
ไทยในสมยั ร.2 จดั แสดงอาวุธสงครามโบราณและขา้ วของเคร่อื งใชข้ องสตรมี ฐี านะในอดตี เรอื น
ไทยอกี หลงั ใชเ้ ป็นสถานทซ่ี ้อมโขนละคร ในวนั ท่ี 24 ก.พ. ของทุกปีจะมกี ารจดั แสดงโขนถวาย
หน้าพระท่นี ัง่ ในสวนของอุทยานฯ เน่ืองในวนั คล้ายวนั พระราชสมภพของรชั กาลท่ี 2 มสี งิ่ ท่ี
น่าสนใจดงั น้ีหอกลาง ประดษิ ฐานพระบรมรูป ร.2 และโบราณวตั ถุ หอนอนชาย และหอนอน
หญิงแสดงให้เหน็ ลกั ษณะความเป็นอยู่ของชายหญิงโบราณชานเรอื น จดั แสดงตามแบบบ้าน
ไทยโบราณหอ้ งครวั และหอ้ งน้า แสดงลกั ษณะครวั ไทยและหอ้ งน้าของชนชนั้ กลาง นอกจากน้ี
ยงั มโี รงละครกลางแจ้ง สวนพฤกษชาติ เป็นสวนพนั ธุ์ไมใ้ นวรรณคดนี านาชนิดกว่า 140 ชนิด
เช่น ย่ีสุ่น ช้างโน้ม ทับทิมหนู สารภี และมะพร้าวพญาซอพันธุ์หายากท่ีสมเด็จพระเทพ
รตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โปรดเกลา้ ฯ ใหน้ ามาปลูกภายในอุทยานฯ ค่าเขา้ ชมผใู้ หญ่
40 บาท เดก็ 20 บาท ชาวตา่ งชาติ 60 บาท
จดุ เด่น ภายในประดษิ ฐานพระบรมรูปรชั กาลท่ี 2 และจดั แสดงศลิ ปโบราณวตั ถสุ มยั ต้น
รตั นโกสนิ ทร์ เชน่ เครอ่ื งเบญจรงค์ เคร่อื งถว้ ย หวั โขน หอ้ งชาย จดั แสดง
43
ภาพท่ี 10 อุทยานพระบรมราชานุสรณ์ พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั
(อุทยาน ร.2)
ทม่ี า : https://thai.tourismthailand.org/Attraction/
44
3. โครงการอมั พวาชยั พฒั นาอนุรกั ษ์
ท่ีตงั้ : 13 25’37”N 99 57’19” E :1484551 603416 47PPQ03416 84551
เป็นโครงการท่สี มเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มพี ระราชดาริให้
สานกั งานมูลนิธชิ ยั พฒั นานาทด่ี นิ ทค่ี ุณประยงค์ นาคะวะรงั ค์ ชาวอมั พวา ไดน้ ้อมเกลา้ ฯ ถวาย
มาดาเนินการพฒั นาให้เกิดประโยชน์แก่ชุมชนอัมพวา เพ่อื สบื สานภูมปิ ัญญาชาวบ้านและ
อนุรกั ษ์วถิ กี ารดาเนินชวี ติ ของชาวอมั พวา ทน่ี ่เี หมอื นเป็นเสมอื นหอ้ งรบั แขกของชุมชนอมั พวาท่ี
บอกเล่าวถิ แี ห่งอมั พวาเม่อื สมยั ก่อนได้อย่างละเมยี ดละไม โดยภายในโครงการนัน้ แบ่งพ้นื ท่ี
ออกเป็นโซนต่าง ๆ ได้แก่ การเรียนรู้ตามแนวพระราชดาริเศรษฐกิจพอเพียง สวนสาธิต
การเกษตรเพ่อื การเรยี นรู้ เช่น สวนมะพรา้ วและพชื ต่าง ๆ มุมสาธติ การเคย่ี วน้าตาลมะพรา้ ว
ลาน "นาคะวะรงั ค"์ ลานวฒั นธรรมทต่ี งั้ ช่อื ตามผู้บรจิ าคทด่ี นิ ซ่งึ ใชเ้ ป็นทส่ี าหรบั จดั กจิ กรรมและ
จาหน่ายสนิ ค้าท่ีระลกึ จากอัมพวา ส่วนอาคารพพิ ธิ ภณั ฑ์นัน้ จดั แสดงขา้ วของเคร่อื งใช้สมัย
โบราณท่ีค้นพบในอาเภออัมพวา นอกจากน้ียังมีร้านค้าชุมชน ร้านชานชาลาท่ีจาหน่าย
เคร่อื งด่มื และของว่าง ท่ามกลางบรรยากาศร่มร่นื ทล่ี ้อไปกบั วถิ ีรมิ คลองของอาเภออมั พวาได้
อย่างน่าประทบั ใจ
จดุ เด่น พระราชดารเิ ศรษฐกจิ พอเพยี ง สวนสาธติ การเกษตรเพอ่ื การเรยี นรู้ อาทิ สวน
มะพรา้ วและพชื ตา่ ง ๆ รา้ นคา้ ชุมชน ลานวฒั นธรรมนาคะวะรงั ค์ ลานสาหรบั จดั กจิ กรรม
ภาพท่ี 11 โครงการอมั พวาชยั พฒั นาอนุรกั ษ์
ทม่ี า : https://sites.google.com/site/10thithxngtheiywxamphwa/home/kh-rng-kar-xamphwa-
chay-phathna-nu-raks
45
4. ตลาดน้าท่าคา
ท่ีตงั้ : 13 28’18”N 99 59’ 41”E :1483514 607667 47PPQ 07667 89514
ตลาดน้าท่าคา สถานทเ่ี ดมิ ตงั้ อยู่ท่ที านบท่าคา ชาวบา้ นมอี าชพี ทาสวนปลูกพชื ลม้ ลุก
ทุกชนิด ทม่ี ชี ่อื มากคอื หอม กระเทยี ม พรกิ สด พรกิ แห้ง ฯลฯ สมยั ก่อนชาวบา้ นจะนาพชื ผกั
ผลไมใ้ นสวนของแต่ละคน ท่เี หลอื จากการเก็บเอาไวร้ บั ประทานกนั ในครวั เรอื นมาแลกเปลย่ี น
กนั และกนั เชน่ ใครมี หอม กระเทยี ม ก็ มาแลกกบั เพอ่ื นบา้ นทม่ี พี รกิ แหง้ ผกั สด เป็นตน้ ต่อมา
เม่อื มีการแลกเปล่ียนระหว่างหมู่บ้านอ่ืนมากข้ึน จึงเกิดเป็นการค้าขายสินค้ากันเป็นต้นมา
การค้าขายเลกเปล่ยี นสนิ ค้า เรมิ่ กนั ตงั้ แต่เชา้ มดื ประมาณตี 5 และตลาดจะวายหมดประมาณ
บา่ ย 3 โมงเยน็ เป็นประจา จากนดั ทานบเรอื พอ่ คา้ แม่คา้ กจ็ ะพายเรอื มาเร่อื ย ๆ ตามลาคลองท่า
คา ในทส่ี ดุ กม็ าตดิ ตลาดเป็นกลุม่ เป็นกอ้ นกลายเป็นตลาดน้าทา่ คาในปัจจบุ นั
จดุ เด่น ล่องเรอื ชมสวน การสาธติ เคย่ี วน้าตาลมะพรา้ ว และ การหยอดน้าตาลมะพรา้ ว
ภาพท่ี 12 ตลาดน้าท่าคา
ทม่ี า : https://travel.trueid.net/detail/XqE3mJWZ8JZ1
46
5. วดั จฬุ ามณี
ท่ีตงั้ : 13 25’34”N 99 57’58”N:1484463 604589 47PPQ 04589 84463
วดั จุฬามณีเดมิ มชี ่อื เรยี กว่า วดั แม่เจ้าทพิ ย์ สรา้ งมาแต่รชั สมยั สมเดจ็ พระเจา้ ปราสาท
ทอง สนั นิษฐานวา่ สรา้ งขน้ึ ระหว่างปี พ.ศ. 2172–2190 ตามประวตั วิ า่ ทา่ นทา้ วแกว้ ผลกึ ธดิ าคน
หน่ึงของท่านพลายซ่งึ เป็นนายตลาดบางช้าง มหี น้าท่เี กบ็ ภาษีอากรขนอนตลาด ต้นวงศ์ราช
นิกูลบางชา้ ง เป็นผสู้ รา้ ง ในช่วงสงครามกรุงศรอี ยุธยากบั พม่า ท่านนาค (ต่อมาไดร้ บั สถาปนา
เป็นสมเดจ็ พระอมรนิ ทราบรมราชนิ ี) พระอคั รชายาเดมิ ในพระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟ้าจุฬา
โลกมหาราช ขณะทรงครรภ์แก่ ได้หลบซ่อนพม่าอยู่ในป่ าทึบหลังวัดจุฬามณี ต่อมาได้มี
ประสตู กิ าลท่านฉิม (พระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลศิ หลา้ นภาลยั ) คาดว่าสถานทป่ี ระสูตนิ ่าจะใกล้
ต้นจนั ทน์อนั เป็นนิวาสถานหลงั เก่าของท่านเศรษฐที อง อกี ทงั้ สมเดจ็ พระเจ้าพน่ี างเธอ เจ้าฟ้า
กรมพระศรสี ุดารกั ษ์ พระพน่ี างองคท์ ่ี 2 ของพระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ก็
ไดห้ ลบภยั พมา่ มาอาศยั อยกู่ บั พระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟ้าจฬุ าโลกมหาราชดว้ ย กาลงั อย่ใู น
ระหว่างทรงพระครรภ์แก่และได้มพี ระประสตู กิ ารพระธดิ าในป่าหลงั วดั จุฬามณีดว้ ยเช่นกนั คอื
สมเดจ็ พระศรสี ุรเิ ยนทราบรมราชนิ ี วดั จุฬามณีเคยรุ่งเรอื งในสมยั ท่านพระอธกิ ารเนียมเป็นเจ้า
อาวาสองคท์ ่ี 2 ท่านตงั้ โรงเรยี นสอนหนังสอื ไทยและหนังสอื ขอมขน้ึ ในวดั จุฬามณี เม่อื ส้นิ ท่าน
ไปเสยี แลว้ ในราวปี พ.ศ. 2459 วดั อย่ใู นสภาพเกอื บเป็นวดั รา้ ง มพี ระจาพรรษาอย่เู พยี งไม่กร่ี ปู
จนวดั เส่อื มสภาพทรุดโทรมปรกั หกั พงั เสยี เป็นสว่ นใหญ่ กานันตาบลปากงา่ ม ขออาราธนาพระ
อาจารย์แช่ม โสฬส ซ่ึงเป็นพระลูกวัดจาพรรษาอยู่ในวัดบางกะพ้อม มาปกครองวัดให้
เจริญรุ่งเรอื ง ในสมยั หลวงพ่อแช่ม ท่านได้รเิ รม่ิ ปลูกสร้างเสนาสนะสงฆ์และสร้างศาลาการ
เปรยี ญ จนกระทงั่ เสรจ็ เรยี บร้อยเม่อื ปี พ.ศ. 2463 หลงั จากนัน้ พระครูโกวทิ สมุทรคุณให้ข้นึ
ดารงตาแหน่งเจา้ อาวาสสบื ต่อไป วนั ท่ี 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2510 หลวงพ่อเน่ืองสรา้ งอุโบสถ
หลงั ใหม่แทนหลงั เก่าทเ่ี สอ่ื มโทรม ต่อจากนนั้ พระอาจารยอ์ ฏิ ฐ์ ภทฺทจาโร ไดก้ า้ วขน้ึ สู่ตาแหน่ง
เจา้ อาวาสวดั จุฬามณี ท่านไดส้ รา้ งอุโบสถของหลวงพอ่ เน่อื งทย่ี งั คา้ งอยู่ ปพู น้ื อุโบสถชนั้ บนสุดท่ี
ยงั คา้ งอย่ดู ว้ ยหนิ หยก จากการาจี ประเทศปากสี ถาน
จุดเด่น หลวงพ่อเน่ืองสงั ขารท่ไี ม่เน่าเป่ือย โบสถ์จตั ุรมุขหนิ อ่อน องค์ท่านพ่อท้าว
เวสสุวรรณ
47
ภาพท่ี 13 วดั จฬุ ามณ
ทม่ี า : นโรดม เน่อื งทองน่มิ
48
6. สวนลิ้นจ่ี 200 ปี
ท่ีตงั้ : 13 26’03” N 99 56’14”E:1485342 60145847PPQ 01458 85342
สวนล้ินจ่ี 200 ปีแห่งน้ีเป็นสวนท่ีได้รบั ความนิยมของนักท่องเท่ียวหรือแม้แต่นักชมิ
ทัง้ หลาย เพราะสวนแห่งน้ีนอกจากจะมีการส่งออกขายสู่ตลาดแล้ว ยังเปิดบริการให้กับ
นกั ท่องเทย่ี วไดม้ าชมและชมิ สวนและรสชาตทิ ม่ี เี อกลกั ษณ์เฉพาะตวั โดยทล่ี กั ษณะของตน้ ลน้ิ จ่ี
ในจงั หวดั สมทุ รสงคราม
จดุ เด่น “ล้นิ จพ่ี นั ธุ์ค่อม” ผู้เป็นราชนิ ีแห่งล้นิ จ่เี มอื งสมุทรสงคราม จะมตี ้นทไ่ี ม่ค่อยสูง
เป็นพมุ่ แจใ้ หผ้ ลดก จงึ ไดช้ ่อื วา่ ค่อม หรอื อคี อ่ ม
ภาพท่ี 14 สวนลน้ิ จ่ี 200 ปี
ทม่ี า : https://www.museumthailand.com/th/1604/storytelling/
49
อาเภอบางคนที
1. บา้ นพญาซอ
ที่ตงั้ : 13 27’06”N 99 56’52”E :13 27’06”N99 56’52”E :47PPQ 02593 87282
เป็นบ้านของศลิ ปินท่ชี ่อื คุณสมพร เกตุแก้ว ซ่งึ มคี วามสามารถในการเล่นดนตรไี ทย
และการผลติ ซอ โดยนาศลิ ปะการเล่นดนตรไี ทยมาผนวกกบั การแกะสลกั ซอเป็นลวดลายงดงาม
โดยแกะสลกั เป็นรูปร่างต่างๆ เช่น ลวดลายปีนกั ษตั ร ชวด ฉลู ลายตวั ละครต่างๆ ลายพุดตาน
และลายนามยอ่ ปัจจุบนั ได้เปิดเป็นแหล่งท่องเทย่ี วทางวฒั นธรรม ใหน้ กั ทอ่ งเทย่ี วทส่ี นใจเขา้ ไป
ชมการผลติ ซอได้
จดุ เด่น บา้ นพญาซอเป็นบา้ นช่างซออู้ ซง่ึ นาศลิ ปะการเล่นดนตรไี ทยมาผนวกกบั การ
แกะสลักซอเป็นลวดลายงดงาม โดยการนาผลมะพร้าวท่ีมีลักษณะพิเศษเพ่ือใช้ทาซอมา
แกะสลกั เป็นลวดลายตา่ ง ๆ เช่น ลายตวั ละคร ลายพุดตาน ลายนามยอ่ ลายปีนกั ษตั ร ชวด ฉลู
ภาพท่ี 15 บา้ นพญาซอ
ทม่ี า : https://mgronline.com/travel/detail/9570000113467
50
2. ตลาดเก่าบางนกแขวก
ท่ีตงั้ : 13 30’01”N 99 55’36”E :1492650 600288 47PPQ 00288 92650
ตลาดบางนกแขวกตงั้ อยู่เกือบขอบจงั หวดั สมุทรสงครามทางทิศเหนือ ติดกบั อาเภอ
ดาเนินสะดวก ตลาดบางนกแขวกมคี วามเก่าแก่มาโดยเรม่ิ มาตงั้ แต่สมยั รชั กาลท่ี 4 ทท่ี รงโปรด
ใหข้ ดุ คลองดาเนินสะดวกจากปากคลองบางนกแขวกไปถงึ ปากคลองภาษเี จรญิ รวมถงึ การสรา้ ง
ประตนู ้าบางนกแขวกในปี พ.ศ. 2452 ทน่ี ่จี งึ กลายเป็นจุดศนู ยร์ วมของการนดั การคา้ ขายทางน้า
ของชาวสวนแถบบางคนที อมั พวา ดาเนินสะดวก และเมอื งสมุทรสงคราม มาแลกเปล่ยี นของ
กนั หรอื ซอ้ื หาของทม่ี าจากทางพระนคร เน่อื งจากความเจรญิ ทางถนนทเ่ี ขา้ มาแทนการเป็นจุด
นดั พบทางน้าจงึ ไม่ไดม้ คี วามสาคญั อกี ต่อไป ตลาดบางนกแขวกแห่งน้ีไม่ไดม้ ขี นาดใหญ่โตและ
โด่งดงั เท่ากบั ตลาดน้าอมั พวาหรอื ตลาดน้าดาเนินสะดวกทอ่ี ยู่ใกล้เคยี งกนั มขี นาดความยาว
ของตลาดแค่ 256 เมตร แต่ความเลก็ ของทน่ี ่ีกลบั เตม็ ไปดว้ ยเสน่หม์ ติ รภาพและรอยยม้ิ ของชาว
ตลาด ทาใหส้ มั ผสั ถงึ ความเป็นกนั เอง
จดุ เด่น เดนิ เล่นชมบรรยากาศตลาดเกา่ ทม่ี เี ร่อื งเล่ามากมายผา่ นรา้ นคา้ ทม่ี มี าแตด่ งั้ เดมิ
ลอ่ งเรอื เทย่ี วแม่น้าแมก่ ลองเพอ่ื สมั ผสั วถิ ชี วี ติ รมิ น้าอยา่ งเตม็ อรรถรส
ภาพท่ี 16 ตลาดเก่าบางนกแขวก
ท่ี ม า : http://www.painaidii.com/business/1 3 5 6 0 4 / bang-nok-kwaek-old-market-
75120/lang/th/