กวี : สนุ ทรภู่ นิราศเมอื งเพชร
ประเภท : กลอนนิราศ
คาประพันธ์ : กลอนสุภาพ ๏ โอ้รอนรอนออ่ นแสงพระสุริยฉ์ าย
สมยั : รัชกาลท่ี ๔ พระพายชายชืน่ เชยราเพยพาน
ปที ่ีแตง่ : พ.ศ. ๒๓๘๘ ไปเมืองเพชรบรุ นิ ที่ถ่ินสถาน
อธษิ ฐานถงึ คณุ กรุณา
ทอ้ งฟา้ คลานาค้างลงพรา่ งพราย ถึงตา่ งเขตของประสงคค์ งอาสา
อนาถหนาวคราวอาสาเสด็จ แตน่ าวาเลียวลอ่ งเข้าคลองนอ้ ย ฯ
ลงนาวาหนา้ วดั นมสั การ
ชว่ ยชุบเลียงเพยี งชนกที่ปกเกศ ขายเครอ่ื งเทศเคร่อื งไทยไดใ้ ชส้ อย
จึงจดหมายรายทางกลางคงคา เปน็ หงส์หอ้ ยห่วงธงใช่หงสท์ อง
เห็นแตว่ ัดสังข์กระจายไม่วายหมอง
๏ ไดเ้ หน็ แต่แพแขกทแี่ ปลกเพศ มาถงึ คลองบางลาเจียกสาเหนยี กนาม
ถงึ วัดหงสเ์ หน็ แต่หงส์เสาธงลอย ตอ้ งจาอดออมระอาดว้ ยหนาหนาม
ถึงวดั พลบั ลับลีเป็นทีส่ งัด คิดถึงยามปลกู รักมักเป็นเตย
เหมือนกระจายพรายพลดั กาจดั น้อง ตอ้ งคว้างแควง้ คว้าหานจิ จาเอย๋
ลาเจยี กเอ๋ยเคยชื่นระรนื่ รส ชมแตเ่ ตยแตกหนามเมอ่ื ยามโซ
ถึงคลองเตยเตยแตกใบแฉกงาม ลว้ นบา้ นเจก๊ ขายหมูอยู่อกั โข
จนไม่มีท่ีรักเปน็ หลกั แหล่ง หัวอกโอ้อายใจมใิ ช่เล็ก
โอเ้ ปลยี่ วใจไรร้ ักท่ีจกั เชย ต้องขดั ขอ้ งแขง็ กระด้างเหมอื นอยา่ งเหล็ก
ถงึ บางหลวงล่วงลอ่ งเขา้ คลองเลก็ ถึงลวดเหลก็ ลนร้อนอ่อนละไม ฯ
เมยี ขาวขาวสาวสวยลว้ นรายโป
ไทยเหมอื นกันครันวา่ ขอเอาหอห้อง ไม่เหน็ องคน์ างชอี ยทู่ ไี่ หน
มีเงนิ งดั คัดง้างเหมือนอย่างเจ๊ก คดิ จะใคร่แวะหาปรึกษาชี
๏ ถงึ วัดบางนางชีมีแต่สงฆ์
หรอื หลวงชมี บี ้างเป็นอย่างไร
กม็ ืดคา่ อาลาทพิ าวาส เลยลีลาศลว่ งทางกลางวถิ ี
ถงึ วดั บางนางนองแม้นนอ้ งมี มาถงึ ท่กี ็จะต้องนองนาตา
ตวั คนเดียวเทยี่ วเลน่ ไมเ่ ปน็ หว่ ง แตเ่ ศรา้ ทรวงสุดหวังทฝี่ ่งั ฝา
ที่เหน็ เหน็ เป็นแตป่ ะไดป้ ระดา กล็ อบรกั ลกั ลาคิดอาลยั
จะแลเหลยี วเปลย่ี วเนตรเปน็ เขตสวน มะม่วงพรวนหมากมะพร้าวสาวสาวไสว
พฤกษาออกดอกลกู เขาปลกู ไว้ หอมดอกไม้กลิน่ กลบอบละออง ฯ
๏ โอร้ ่นื รืน่ ชื่นเชยเช่นเคยหอม เคยถนอมนวลปรางมาหมางหมอง
ถงึ บางหว้าอารามนามจอมทอง ดเู รืองรองรงุ่ โรจนท์ ีโ่ บสถร์ าม
สาธุสะพระองค์มาทรงสร้าง เป็นเยี่ยงอย่างไว้ในภาษาสยาม
ในพระโกศโปรดปรานประทานนาม โอรสราชอารามงามเจรญิ
มเี ขื่อนรอบขอบคดู พู ลิ กึ กฏุ ิตึกเก๋งกุฏิ์สุดสรรเสรญิ
ท่ีรมิ นาทาศาลาไว้น่าเพลิน จนเรอื เดนิ มาถึงทางบางขุนเทยี น
โอ้เทยี นเอย๋ เคยแจง้ แสงสวา่ ง มาหมองหมางมดื มดิ ตะขวิดตะเขวียน
เหมอื นมดื ในใจจนตอ้ งวนเวียน ไม่สอ่ งเทยี นให้สว่างหนทางเลย ฯ
๏ บางประทนุ เหมอื นประทุนได้อุน่ จติ พอป้องปดิ เป็นหลังคานิจจาเอย๋
หนาวนาค้างพรา่ งพรมลมราเพย ได้พิงเขนยนอนอนุ่ ประทนุ บัง ฯ
๏ ถึงคลองขวางบางระแนะแวะข้างขวา ใครหนอมาแนะแหนกนั แต่หลงั
ทุกวนั นวี ิตกเพียงอกพงั แนะใหม้ ่ังแล้วกเ็ หน็ จะเปน็ การ ฯ
๏ ถงึ วดั ไทรไทรใหญ่ใบชอมุ่ เป็นเซิงซุม้ สาขาพฤกษาศาล
ขอเดชะพระไทรซง่ึ ชัยชาญ ช่วยอมุ้ ฉานไปเชน่ พระอนริ ธุ
ได้รว่ มเตียงเคียงนอนแนบหมอนหนนุ พออนุ่ อุน่ แลว้ กด็ เี ป็นทสี่ ดุ
จะสงั เวยหมแู นมแกม้ มนษุ ย์ เทพบุตรจะได้ช่ืนทุกคืนวัน ฯ
๏ ถงึ บางบอนบอนท่นี ีม่ แี ต่ชอ่ื เขาเล่ืองลอื บอนขา้ งบางยีข่ นั
อนั บอนตน้ บอนนาตาลยอ่ มหวานมนั แต่ปากคนั แก้ไขมิใคร่ฟัง ฯ
๏ ถึงวัดกกรกร้างอยขู่ ้างซ้าย เป็นรอยรายปืนพมา่ ที่ฝาผนัง
ถูกทะลุปรุไปแต่ไม่พัง แต่โบสถย์ ังทนปนื อย่ยู ืนนาน
แมน้ มัง่ มีมใิ หร้ า้ งจะสร้างฉลอง ให้เรืองรองรุ่งโรจนโ์ บสถว์ ิหาร
ดว้ ยทนี่ ี่ท่ีเคยตงั โขลนทวาร ได้เบกิ บานประตปู ่าพนาลัย ฯ
๏ โอ้อกเอ๋ยเลยออกประตปู า่ กาดดั ดึกนกึ น่านาตาไหล
จะเหลียวหลงั ส่งั สาราสุดาใด กจ็ นใจดว้ ยไมม่ ไี มตรตี รึง
ช่างเปน็ ไรไพรผ่ ดู้ กี ็มิรู้ ใครแลดูเราก็นกึ ราลึกถงึ
จะปรับไหมไดห้ รือไมอ่ อื องึ เป็นที่พึ่งพาสนาพอพาใจ
โอ้นกึ นกึ ดกึ เงียบยะเยียบอก เหน็ แตก่ กกอปรงเป็นพงไสว
ลดาวลั ย์พันพมุ่ ชอมุ่ ใบ เรไรไพเราะร้องซอ้ งสาเนียง
เสยี งกรอดเกรียดเขียดกบเข้าขบเขียว เหมอื นกรับเกรียวกรอดกรดี วะหวดี เสียง
หร่งิ หร่ิงแร่แม่มา่ ยลองไนเรยี ง แซส่ าเนยี งหนาวในใจราจวน
เหมอื นดนตรีปีป่ ่าประสายาก ทังสองฟากฟังใหอ้ าลัยหวน
ดงั ขบั ขานหวานเสียงสาเนียงนวล เมื่อโอดครวญคราวฟงั ใหว้ งั เวง ฯ
๏ ถึงศรี ษะกระบือเปน็ ช่ือบ้าน ระยะย่านยงุ ชมุ รุมขม่ เหง
ทงั กุมภากล้าหาญเขาพานเกรง ใหว้ ังเวงวญิ ญาณ์เอกากาย
ถงึ ศษิ ย์หามาตามเมอื่ ยามเปล่ยี ว เหมือนมาเดียวแดนไพรน่าใจหาย
ถงึ ศีรษะละหานเป็นย่านรา้ ย ขา้ งฝัง่ ซ้ายแสมดาเขาทาฟืน
ถึงโคกขามครา้ มใจได้ไตถ่ าม โคกมะขามดอกมใิ ช่อะไรอนื่
ไม่เห็นแจ้งแคลงทางเปน็ กลางคนื ย่ิงหนาวชืนชาใจมาในเรือ
ถงึ ย่านซ่อื สมชอ่ื ดว้ ยซ่ือสดุ ใจมนษุ ยเ์ หมอื นกระนีแล้วดีเหลอื
เป็นป่าปรงพงพ่มุ ดูครมุ เครือ เหมอื นซุ้มเสือซ่อนรา้ ยไว้ภายใน
ถึงบา้ นขอมลอมฟืนดดู น่ื ดาษ มอี าวาสวดั วาทีอ่ าศัย
ออกชะวากปากชลามหาชยั อโณทัยแยม้ เยีย่ มเหลย่ี มพระเมรุ ฯ
๏ ขา้ งฝงั่ ซา้ ยชายทะเลเปน็ ลมคลื่น นภางคพ์ ืนเผอื ดแดงดังแสงเสน
แมน่ ากวา้ งว้างเวงิ เปน็ เชงิ เลน ลาพูเอนอ่อนทอดยอดระย้า
หยดุ ประทบั ยบั ยงั อยฝู่ ั่งซ้าย แสนสบายบงั ลมรม่ รุกขา
บรรดาเรอื เหนอื ใตท้ งั ไปมา คอยคงคาเกล่ือนกลาดไมข่ าดคราว
บ้างหุงตม้ งมงายทงั ชายหญงิ บา้ งแกงป้ิงปากเรยี กกันเพรียกฉาว
เสียงแตต่ านาพริกอยู่กรกิ กราว เหมือนเสยี งสา้ วเกราะโกร่งที่โรงงาน ฯ
๏ เหน็ ฝูงลิงวง่ิ ตามกนั สอสอ มาคอยขอโภชนากระยาหาร
คนทงั หลายชายหญิงทงิ ใหท้ าน ต่างลนลานล้วงไดเ้ อาไพลพ่ ลวิ
เวทนาวานรอ่อนนอ้ ยน้อย กระจอ้ ยรอ่ ยกระจิริดจิดจดี จวิ๋
บา้ งเกาะแม่แลโลดกระโดดปลิว ดหู อบหิวมใิ หถ้ กู ตวั ลกู เลย ฯ
๏ โอพ้ อ่ แมแ่ ต่ชนั ลิงไมท่ งิ บตุ ร เพราะแสนสดุ เสนห่ านิจจาเอ๋ย
ที่ลกู ออ่ นป้อนนมนงั่ ชมเชย กระไรเลยแลเห็นนา่ เอ็นดู
แต่ลงิ ใหญ่อ้ายทโมนมนั โลนเหลือ จนชาวเรอื เมนิ หมดด้วยอดสู
ทงั ลงิ เผอื กเทอื กเถามนั เจา้ ชู้ ใครแลดูมนั นกั มนั ยักคิว
บา้ งกระโดดโลดหาแตอ่ าหาร ไดส้ มานยอดแสมพอแก้หวิ
เขาโหเ่ กรยี วประเดี๋ยวใจก็ไพลพ่ ลวิ กลับชีนิวให้ดอู ดสตู า ฯ
๏ ได้ชมเล่นเหน็ แต่นกวิหคกลุม้ เท่ียวดุ่มดุ่มเดนิ ดนิ กนิ มัจฉา
กลางสมทุ รผุดโผล่ล้วนโลมา ดหู น้าตาแต่ละตัวน่ากลวั เกรง
ลว้ นหัวบาตรวาดหางไปกลางคลืน่ ศรี ษะลน่ื เลย่ี นโล่งดูโจง่ เหม่ง
ดูมากมายหลายอยา่ งยงิ่ วางเวง จนนาขึนครนื เครงเปน็ คราวเรือ
บา้ งถอนหลักชกั ถ่อหัวรอ่ ร่า บ้างก็มาบ้างก็ไปทังใตเ้ หนือ
บ้างขบั ร้องซ้องสาเนียงจนเสยี งเครอื ต่างเลยี วเรือลงหนา้ บา้ นท่าจีน
เปน็ ประมงหลงละโมบดว้ ยโลภลาภ ไม่กลวั บาปเลยชา่ งนบั แต่ทรัพย์สิน
ตลงิ่ พังฝัง่ ชลาล้วนปลาตีน ตะกายปนี เลนเลน่ ออกเปน็ แปลง ฯ
๏ ในลาคลองสองฟากล้วนจากปลกู ทะลายลูกดอกจากขึนฝากแฝง
ตน้ จากถูกลกู ชิดนนั ติดแพง เขาช่างแปลงชือ่ ถกู เรียกลกู ชิด
ถึงบา้ นบ่อกอจากมอิ ยากสนิ เหมอื นจากถิน่ ท่องเทีย่ วมาเปลย่ี วจติ
อันใบจากรากกอไมข่ อคดิ แตล่ ูกชดิ ชอบใจจะใครช่ ม ฯ
๏ ถงึ คลองทอี่ รี าท่าแรง้ เรยี ก สดุ สาเหนียกทีจ่ ะถามความปฐม
เขาทานาทานาปลาอุดม เปน็ นคิ มเขตบา้ นพวกพรานปลา
ทปี่ ากคลองกองฟนื ไว้ดื่นดาษ ดูเกลื่อนกลาดเรียงรายทงั ซา้ ยขวา
ถงึ บางขวางขา้ งซ้ายชายชลา ไขคงคาขังนาไวท้ าเกลือ
หรือบ้านนที เ่ี ขาวา่ ตาราร่า ชา่ งป้นั นาเป็นตวั น่ากลวั เหลือ
ดูครึมครึกพฤกษาลดาเครอื ล้วนรกเรือราเริงเปน็ เซิงซุ้ม
ตะบูนต้นผลห้อยย้อยระยา้ ดาษดาดงั หน่งึ ผูกดว้ ยลกู ตมุ้
เปน็ คราบนาคร่าครา่ แตกตารุม ดูกระปุ่มกระปิม่ ตมุ่ ต่ิมเต็ม
ลาพูรายชายตล่งิ ดกู ิง่ คอ้ ม มขี วากลอ้ มแหลมรายดงั ปลายเข็ม
เหน็ ปเู ป้ยี วเทีย่ วไตก่ ินไคลเคม็ บา้ งเกบ็ เลม็ ลากก้ามคร่มุ ครา่ มครัน
โอ้เอน็ ดปู ูไม่มีซง่ึ ศรี ษะ เท้าระกะก้อมโกงโมง่ โค่งขัน
ไมม่ ีเลือดเชือดฉะปะแตม่ ัน เปน็ เพศพันธ์ไุ รผ้ วั เพราะมัวเมา
แมน้ เมยี ออกลอกคราบไปคาบเหยอื่ เอามาเผอ่ื ภรรยาเมตตาเขา
ระวงั ดูอยู่ประจาทกุ ค่าเชา้ อตุ ส่าห์เฝ้าฟมู ฟักเพราะรกั เมีย
ถงึ ทผี วั ตัวลอกพอออกคราบ เมยี มนั คาบคบี เนอื เปน็ เหยอ่ื เสีย
จึงเกดิ ไข่ไรผ้ วั เทีย่ วยัวเยยี ยังแต่เมยี เคลือ่ นคล้อยขนึ ลอยแพ
สมเพชสัตวท์ ศั นาพฤกษาสล้าง ล้วนโกงกางกุ่มแกมแซมแสม
สงัดเหงาเปล่าเปล่ียวเมื่อเหลียวแล เสยี งแอ้แจ้จักจน่ั หว่ันวิญญาณ์ ฯ
๏ ถึงคลองนามสามสิบสองคดค้งุ ชะวากวงุ้ เวียนซา้ ยมาฝา่ ยขวา
ให้หนนู อ้ ยคอยนับในนาวา แตห่ น่ึงมาถ้วนสามสบิ สองคด
อันคดอ่ืนหมน่ื คดกาหนดแน่ เวน้ เสียแตใ่ จมนุษยส์ ุดกาหนด
ทงั ลวงลอ่ งอเงียวทังเลยี วลด ถึงคลองคดกย็ งั ไมเ่ หมือนใจคน ฯ
๏ ถงึ ปากชอ่ งคลองช่ือสุนขั หอน ทงั เรือแพแลสลอนเสลอื กสลน
ตา่ งแขง็ ข้อถอ่ คาทน่ี าวน คงคาขน้ ขุ่นตนื แต่พนื เลน
เขา้ ยัดเยียดเสยี ดแทรกบา้ งแตกหัก บา้ งถอ่ ผลกั อึดอัดขดั เขมร
บ้างทุ่มเถียงเสยี งหญงิ ขึนเกนเกน ลว้ นโคลนเลนเปื้อนเปรอะเลอะทังตวั
ท่นี ้อยตัวผวั เมยี ลงลากฉุด นางเมยี หยดุ ผัวโกรธเมียโทษผวั
ดว้ ยยากเยน็ เข็นฝืดทงั มดื มวั พอตึงตวั เต็มเบยี ดเข้าเสียดแซะ
ทังยงุ ชุมรมุ กัดปัดเปรยี ะประ เสยี งผัวะผะพบึ พบั ปบุ ปบั แปะ
ท่เี ขน็ เรียงเคยี งลาขยาแขยะ มันเกาะแกะกนั จรงิ จริงหญงิ กบั ชาย ฯ
๏ จนตกทางบางสะใภค้ รรไลลอ่ ง มีบา้ นชอ่ งซา้ ยขวาเขาค้าขาย
ปลูกทบั ทมิ ริมทางสองข้างราย ไมเ่ ปล่าดายดกระยา้ ทงั ตาปี
บา้ งดิบห่ามงามงอมจนคอ้ มก่ิง เป็นดอกตง่ิ แตกประดบั สลับสี
บ้างแตกรา้ วพราวเม็ดเพชรโนรี เขาขายดีเก็บได้ใส่กระเชอ
มาตังขายฝ่ายเจ้าของไม่ต้องถือ เหน็ เรือลอ่ งรอ้ งว่าซอื ทบั ทิมเหนอ
จะพูดจาคารวะทงั คะเออ เสยี งเหนอ่ เหนอ่ หนา้ ตาน่าเอน็ ดู
นึกเสยี ดายหมายมนั่ ใคร่พันผูก ไว้เปน็ ลกู สะใภใ้ หเ้ จ้าหนู
พอนึกหยดุ บตุ รเราก็เจ้าชู้ อตุ ส่าห์ร้รู ้องต่อจะขอชิม
เขาอายเอียงเมยี งเมินทาเดินเฉย ไมเ่ กินเลยลวนลามงามหงิมหงมิ
ได้ตอบต่อล้อเหล่าเจา้ ทับทมิ พอแย้มยิมเฮฮาประสาชาย ฯ
๏ ถงึ แมก่ ลองสองฝง่ั เขาตังบ้าน นา่ สาราญเรอื นเรอื ดูเหลือหลาย
บ้างย่างปลาค่าเคยี งเรียงเรียงราย ดวู ุ่นวายว่งิ ไขว่กนั ใหญ่น้อย
ขายสาเร็จเป็ดไกท่ ังไขพ่ อก กระเบนกระบอกปลาททู งั ปูหอย
ลูกคา้ รบั นบั กนั เป็นพนั ร้อย ปลาเลก็ นอ้ ยขมงโกรยโกยกระบงุ
นางแมค่ ้าปลาเคม็ ก็เต็มสวย กาไรรวยรวมประจบจนครบถงุ
บ้างเหนบ็ ท้องปอ่ งปยุ่ ตยุ่ ตุ่ยตุง ตา่ งบารุงรูปร่างสาอางตา ฯ
๏ พอออกชอ่ งล่องลาแมน่ ากว้าง บา้ นบางชา้ งแฉกแชไปแควขวา
ขา้ งซา้ ยตรงลงทะเลพอเวลา พระสุริยามดื มัวทว่ั แผน่ ดนิ
ดซู า้ ยขวาปา่ ปะโลงหวายโป่งเป้ง ใหว้ งั เวงหวนั่ ไหวฤทัยถวิล
เวลาเย็นเหน็ นกวิหคบิน ไปหากนิ แล้วกพ็ ากันมารงั
บ้างเคยี งค่ชู ูคอเสียงซ้อแซ้ โอ้แลแลแลว้ ก็ใหอ้ าลัยหลงั
แม้นร่วมเรือนเหมอื นนกทกี่ กรงั จะไดน้ ั่งแนบข้างเหมอื นอยา่ งนก
น่กี ระไรไม่มีเท่าก่ีกอ้ ย โอบ้ ุญน้อยนกึ น่านาตาตก
ต้องลมวา่ วหนาวหนงั เหมอื นคังคก จะไดก้ กกอดใครกไ็ มม่ ี
จนเรอื ออกนอกอา่ วดูเปล่าโว่ง ทะเลโลง่ แลมัวทวั่ วถิ ี
ไมเ่ หน็ หนสนธยาเป็นราตรี แต่ลมดีดาวสว่างกระจ่างตา
สารวลร่นื คลื่นราบดงั ปราบเรีย่ ม ทังนาเปี่ยมปา่ แสมข้างแควขวา
ดาวกระจายพรายพร่างกลางนภา แสงคงคาเคม็ พราวราวกับพลอย
เห็นปลาว่ายกายสล้างกระจ่างแจม่ แลแอร่มเรอื งรุง่ ชนั กุ้งฝอย
เปน็ หมหู่ มฟู่ ฟู ่องขนึ ล่องลอย ตวั นอ้ ยน้อยนางมงั กงขมงโกรย
ชื่นอารมณ์ชมปลาเวลาดกึ หวนราลกึ แล้วเสยี ดายไม่วายโหย
แม้นเห็นปลาวารนิ จะดนิ โดย ทงั ลมโชยเฉอื่ ยช่นื ระร่นื เย็น
จะเพลนิ ชมยมนาเวหาหอ้ ง เช่นนีน้องไหนเลยจะเคยเห็น
ทะเลโลง่ โว่งวา่ งนาค้างกระเซน็ ดดู าวเดน่ ดวงสว่างเหมือนอยา่ งโคม
จะเปรมปรดี ิด์ ใี จมิใช่นอ้ ย น้องจะพลอยเพลินอารมณ์ด้วยชมโฉม
โอ้อายจิตคิดรกั ลกั ประโลม ทรวงจะโทรมตรงชอ่ งปากคลองโคน
ดว้ ยมดื คา่ สาคัญทน่ี ่ันแน่ เรยี กแสมตายห่าพฤกษาโกร๋น
ลาพรู ายชายเลนดูเอนโอน วายุโยนยอดระยา้ รมิ สาคร
หง่ิ ห้อยจับวับวามอรา่ มเหลอื ง ดูรงุ่ เรืองรายจารัสประภัสสร
เหมือนแหวนกอ้ ยพลอยพรายเมอ่ื กรายกร ยงั อาวรณ์แหวนประดับดว้ ยลบั ตา ฯ
๏ ถึงคลองช่องล่องเลยี บเงยี บสงัด เหน็ เมฆกลัดกลางทะเลบนเวหา
เสียงโครมครืนคล่ืนกระท่ังฝงั่ ชลา ลมสลาตันตงึ ห่งึ หงึ่ ฮอื
นาวาเหเซหันให้ป่นั ป่วน ต้องแจวทวนท้ายหนั ช่วยกนั ถอื
ถงึ ส่ีแจวแล้วเรอื ยงั เหลอื มอื ลมกระพือพดั โงงดูโคลงเคลง
ทงั คล่นื ซานาซัดให้ปัดปั่น โอแ้ ตช่ นั คล่ืนลมยงั ข่มเหง
นา่ อายเพือ่ นเหมือนคาเขาทาเพลง มาเท้งเต้งเรือลอยนา่ นอ้ ยใจ
ยิง่ แจวทวนป่วนป่ันยง่ิ หนั เห ลมทะเลเหลือจะตา้ นทานไม่ไหว
เสียงสวบเสยเกยตรงเข้าพงไพร ติดอยู่ใตต้ น้ โกงกางแต่กลางคืน
พอจดุ เทยี นเซ่ยี นขนั นามันคว่า ต้องวิดนานาวาไมฝ่ ่าฝนื
เสอ่ื ท่นี อนหมอนนวมนาทว่ มชนื เหลอื แต่ผนื ผา้ แพรของแมน่ อ้ ง
ไดก้ ันลมห่มหนาวเม่อื เชา้ ตรู่ ยังรักรจู้ ักคุณการญุ สนอง
ลมรนิ รินกลิน่ กลบอบละออง ไดป้ กครองคุมเครือเมอื่ เรือค้าง ฯ
๏ เขาหลบั เร่ือยเหน่อื ยออ่ นนอนสนทิ พีน่ คี ดิ ใครค่ รวญจนจวนสว่าง
เสยี งนกร้องซอ้ งแซ่ครอแครคราง ทงั ลงิ คา่ งครอกโครกละโอกโอย
เสยี งชะนที ีเ่ หล่าเขาย่ีสาน วิเวกหวานหวัวหวัวผัวผวั โหวย
หววิ หววิ ไหวได้ยนิ ยิง่ ดนิ โดย ชะนโี หยหาคูไ่ มร่ ู้วาย
เหมอื นวิตกอกน้องทีต่ รองตรึก เหลือราลึกอาลยั มิใครห่ าย
จะเรียกบา้ งอยา่ งชะนกี ม็ ีอาย ตอ้ งเรยี กสายสวาทในใจราจวน
จนรงุ่ แจ้งแสงสว่างนภางค์พนื ต้องค้างตืนติดปา่ พากันสรวล
จะเข็นคาลาเหลอื เป็นเรอื ญวน พอเหน็ จวนนาขนึ คอ่ ยชน่ื ใจ
ต้นแสมแลดูลว้ นปแู สม ขึนไต่แตต่ น้ กง่ิ ว่งิ ไสว
เขาสั่นตน้ หล่นผอยผ็อยผอ็ ยไป ลงมดุ ใตต้ มเลนเหน็ แตต่ า ฯ
๏ โอ้เอ็นดหู นูนอ้ ยร้องหอยเหาะ ขึนไปเกาะกิ่งตลอดยอดพฤกษา
ล้วนจ๊บุ แจงแผลงฤทธ์เิ ขาปลิดมา กวักตรงหน้าเรียกใหม้ นั ได้ยนิ
จบุ๊ แจงเอย๋ เผยฝาหาข้าวเปียก แม่ยายเรียกจะใหไ้ ปกฐนิ
ทังงวงทังงาออกมากิน ชว่ ยปัดรนิ ปัดยงุ กระทงุ ราย
เขาร่าเรียกเพรยี กหูได้ดเู ล่น มันอยากเป็นลูกเขยทาเงยหงาย
เย่ยี มออกฟังทังตัวกลวั แม่ยาย โอ้นกึ อายดว้ ยจบุ๊ แจงแกลง้ สาออย
เหมอื นจะรอู้ ยใู่ นเลห่ ์เสน่หา แต่หากว่าพูดยากเป็นปากหอย
เปรียบเหมอื นคนจนทนุ ทังบญุ นอ้ ย จะกล่าวถ้อยออกไมไ่ ดด้ ังใจนกึ
พอลอยลานามากออกจากป่า ไดแ้ อบอาศัยแสมอยู่แต่ดกึ
ในดงฟืนชน่ื ชุ่มทกุ พุ่มพฤกษ์ ผู้ใดนึกฟนั ฟาดใหค้ ลาดแคล้ว
แลว้ เคล่ือนคลาลาจากปากคลองช่อง ไปตามรอ่ งนาหลกั ปักเป็นแถว
ขา้ มยี่สานบ้านสองพนี่ อ้ งแลว้ คอ่ ยคลอ่ งแคลว่ เขา้ ชะวากปากตะบูน
นายงั น้อยคอ่ ยคาพอลาเล่อื น ไมม่ ีเพ่อื นเรอื ประหลาดช่างขาดสูญ
ในคลองลดั ทศั นาย่งิ อาดูร เปน็ ดนิ พนู พานจะตนื แตพ่ นื โคลน
ปา่ ปะโลงโกงกางแกมแสม แตล่ ว้ นแตต่ ายฝอยกรองกรอ๋ ยโกร๋น
ตลอดหลามตามตลิ่งลว้ นลิงโลน อ้ายทโมนนาหน้าเทยี่ วควา้ ปู
ครนั ลว้ งชุดสดุ อย่างเอาหางยอน มันหนบี นอนรอ้ งเกลือกเสอื กหัวหู
เพือ่ นเข้าครา่ หนา้ หลังออกพร่งั พรู ลากเอาปอู อกมาไดไ้ อ้กะโต
ทังหอยแครงแมงดามันหาคล่อง ฉีกกระดองกนิ ไข่มิใช่โง่
ได้อ่ิมอ้วนท้วนหมดไม่อดโซ อกเอ๋ยโอเ้ อน็ ดหู มูแ่ มงดา
ให้สามขี ่หี ลงั เทย่ี วฝ่ังแฝง ตามหล้าแหล่งเลนเค็มเลม็ ภกั ษา
เขาจบั เปน็ เห็นสมเพชเวทนา ทิงแมงดาผัวเสียเอาเมยี ไป
ฝ่ายตวั ผู้อยู่เดียวเที่ยวไม่รอด เหมือนตาบอดมไิ ด้แจง้ ตาแหน่งไหน
ต้องอดอยากจากเมียเสยี นาใจ ก็บรรลยั แลกลาดดาษดา
แม้นเดย๋ี วนมี หี ญิงไม่ทิงผัว ถงึ รปู ช่ัวฉันจะรักใหห้ นกั หนา
โอ้อาลัยใจอย่างนางแมงดา แต่ดูหนา้ ในมนษุ ยเ์ ห็นสุดแล ฯ
๏ จนออกช่องคลองบางตะบนู ใหญ่ ลว้ นปา่ ไม้ตนี เป็ดเสม็ดแสม
นกกะลางยางกรอกกระรอกกระแต เสียงซอ้ แซส้ องข้างทางกันดารฯ
๏ ถงึ ทวี่ ังตงั ประทับรับเสด็จ มาทรงเบด็ ปลากะโหไ้ มส่ ังหาร
ให้ปลอ่ ยไปในทะเลเอาเพดาน แตโ่ บราณเรยี กว่าองค์พระทรงปลา
แต่เด๋ยี วนที ี่วงั ก็รังร้าง เปน็ รอยทางทบุ ปราบราบรกุ ขา
ยังแลเล่ียนเตียนดีทีพ่ ลับพลา นกึ ระอาอนิจจงั ไม่ย่งั ยนื
เดมิ เป็นป่ามาเป็นวงั ตงั ประทับ แลว้ ก็กลบั ไปเปน็ ป่าไมฝ่ ่าฝืน
เหมอื นมยี ศลดลงไม่คงคืน นึกสะอนื อายใจมาในเรอื ฯ
๏ ถึงบางหอหอใครท่ีไหนหนอ มาปลูกหอเสนห่ าในป่าเสอื
อนั ย่านนที บี่ นบกก็รกเรือ ทงั ทางเรือจระเขก้ ็เฉโก
ถึงเจ้าสาวชาวสวรรค์ฉันไม่อยู่ จะโศกสูเ้ อกาอนาโถ
ดว้ ยพรั่นตัวกลวั เสอื กเ็ หลือโซ เห็นแต่โพธ์ิทะเลจระเข้ลอย
ทงั เหลอื งดาครา่ คร่าล้วนกล้าแกลว้ จนเรือแจวจวนใกล้มิใครถ่ อย
ดนู า่ กลัวตัวใหญ่มใิ ช่นอ้ ย ต่างคนคอยภาวนาอุตส่าห์สารวม
เห็นนกบนิ กนิ ปลาลว้ นน่ารัก นกปักหลกั ลงนาเสียงตาปว๋ ม
นกกระเต็นเตน้ ตามนกกามกวม กับเหยี ต้วมเตียมต่ายตามชายเลน ฯ
๏ ไปครหู่ นึง่ ถงึ เขาตะครวิ สวาท มีอาวาสวดั วามหาเถร
มะพรา้ วรอบขอบทบี่ ริเวณ พอจวนเพลพักร้อนผอ่ นสาราญ
กับหนูพัดจดั ธูปเทียนดอกไม้ จะขนึ ไหวพ้ ระสัมฤทธพ์ิ ษิ ฐาน
เขานับถอื ลอื อยแู่ ตบ่ ุราณ ใครบนบานพระรับช่วยดบั รอ้ น
ขึนลานวัดทศั นาดูอาวาส ศิลาลาดเลยี บเดนิ เนินสงิ ขร
พฤกษาออกดอกชอ่ อรชร หอมขจรจาปาสารภี
ตน้ โพธไ์ิ ทรไมง้ อกตามซอกหนิ อนิ ทนลิ นางแย้มสอดแซมสี
เหลา่ ลัน่ ทมรม่ รอบขอบคริ ี สุมาลีหลน่ กลาดดูดาษดนิ
ได้ชมเพลนิ เดนิ มาถงึ หนา้ โบสถ์ สมาโทษถอื เทยี นเวียนทักษณิ
เคารพสามตามกาหนดหมดมลทนิ กบั หนนู ลิ หนูพดั เขา้ มัสการ
ได้สรงนาชาระพระสัมฤทธิ์ ถวายธูปเทยี นอุทิศพิษฐาน
ขอเดชะพระสมั ฤทธพิ์ สิ ดาร ท่านเชี่ยวชาญเชญิ ชว่ ยด้วยสักครัง
ให้ไดแ้ หวนแทนทรงสกั วงหนงึ่ กบั แพรซงึ่ หอมห่มให้สมหวงั
แมน้ ไดข้ องสองส่ิงเห็นจริงจงั จะแตง่ ตังบายศรมี ลี ะคร
ทงั เทยี นเงินเทยี นทองของเสวย เหมอื นเขาเคยบูชาหนา้ สงิ ขร
สาธุสะพระสมั ฤทธิ์ประสทิ ธ์ิพร ใหไ้ ดน้ อนฟกู ฟเู หมอื นชูชก ฯ
๏ แล้ววนั ทาลาเลียบลงเหลยี่ มเขา พอบงั เงาแดดรม่ ทงั ลมตก
ออกนาวามาทางบ้านบางครก มะพร้าวดกดสู ลา้ งสองขา้ งคลอง
มสี ม้ สูกลกู ไมเ้ หมือนในสวน ตลอดล้วนเรยี งรายเรียกขายของ
เขาเลยี นล้อตอ่ ถามตามทานอง ไมย่ ิมยอ่ งนิดหนอ่ ยอรอ่ ยใจ
จนเรอื ออกนอกชะวากปากบางครก ต้องเลยี ววกไปตามลาแม่นาไหล
เป็นถนิ่ ฐานบา้ นนาปา่ ราไร เขาทาไรถ่ ัว่ ผักปลกู ฟกั แฟง
แต่ฟักทองร้องเรยี กว่านาเต้า ฟกั เขยี วเลา่ เรียกวา่ ขพี รา้ แถลง
ล้วนเลียงวัวทัว่ ถ่นิ ได้กินแรง แต่เสียงแปร่งเปรียวหูไมร่ กู้ ลวั
เจ้าสานวนชวนตแี ต่ฝปี าก พดู ด้วยยากชาวบางกอกจนกลอกหวั
แสนแสงอนคอ้ นวา่ คอ่ นดา่ ววั เขาตัดหวั แขนห้อยร้อยประการ
ลว้ นแช่งซาลาเหลอื อา้ ยเสือขบ ลาเลกิ ทบทวนชาติเสยี งฉาดฉาน
อ้ายวัวเฒ่าเขาลม้ คอื สมภาร มนั ขคี ร้านทดขา้ วเขาจึง่ แทง ฯ
๏ ถึงบา้ นใหม่ไถ่ถามตามสงสยั ว่ายงั ไกลอยูห่ รือบ้านทา่ นขุนแขวง
ไม่บอกก่อนย้อนถามเปน็ ความแคลง จะพายแรงหรือว่านายจะพายเบา
ถา้ พายหนกั สกั ครู่หน่ึงก็ถงึ ดอก สานวนนอกนาเพชรแล้วเขด็ เขา
บ้างโหฉ่ าวกราวเกรยี วเกี่ยวขา้ วเบา บ้างตังเตาเคีย่ วตาลพานอุดม ฯ
๏ ถงึ บางกมุ่ หนมุ่ แกส่ าวแซซ่ อ้ ง มีบ้านสองฟากขา้ มนามประถม
ข้างซา้ ยมือชอ่ื บ้านสะทา้ นยายนม น่าใคร่ชมชน่ื จติ คดิ ราพึง
อยา่ งไรหรอื ชอื่ เชน่ นันขันหนักหนอ หรอื แกล้งล้อจะให้นกึ ราลกึ ถึง
ถึงบา้ นโพธิ์โอ้นกึ ไปลึกซึง เคยมาพง่ึ พกั ร้อนแต่ก่อนไร
กับขุนรองต้องเป็นแพง่ ตาแหน่งพ่ี สถติ ที่ทับนาพออาศยั
เป็นคราวเคราะห์เพราะนางนวลมากวนใจ จึงจาใจให้หมองหมางเพราะขวางคอ
นกึ ชมบุญขนุ รองร้องทา่ นแพง่ เธอซ่อมแปลงปลกู ทบั กลับเปน็ หอ
จนผเู้ ฒ่าเจา้ เมอื งนนั เคืองพอ เพราะล้วงคอเคืองขดั ถงึ ตดั รอน ฯ
๏ โอ้สงสารทา่ นรองเคยครองรกั เม่อื มาพักบา้ นโพธส์ิ โมสร
เคยรว่ มใจไหนจะรว่ มนวมทีน่ อน ทังรว่ มร้อนรว่ มสขุ สนุกสบาย
แต่เดือนส่ปี รี ะกานิราร้าง ไปอย่บู างกอกไกลกันใจหาย
เห็นถิน่ ฐานบ้านเรือนเพอ่ื นหญิงชาย แสนเสยี ดายดหู น้านึกอาลยั ฯ
๏ ถงึ ตน้ ตาลบา้ นคุณหม่อมบนุ นาค เม่ือยามยากจนมาได้อาศัย
มารดาเจา้ คราวพระวงั หลังครรไล มาทาไร่ทานาทา่ นการญุ
เม่ือเจ็บป่วยชว่ ยรักษาจะหาคู่ จะขอสูใ่ ห้เป็นเนอื ชว่ ยเกอื หนนุ
ยังยากไรไ้ ม่มขี องสนองคุณ ขอแบ่งบญุ ใหท้ า่ นทัว่ ทกุ ตัวตน
ทงั นารีทไี่ ด้รักลักราลกึ เป็นแตน่ กึ ลบั หลังหลายครงั หน
ขอสมาอยา่ ไดม้ ีราคีปน เป็นต่างคนตา่ งแคล้วแลว้ กนั ไป
แตป่ รางทองนอ้ งหญงิ ยงั จรงิ จติ แนบสนทิ นบั เชือวา่ เนอื ไข
จะแวะหาสารพดั ยังขัดใน ต้องอายใจจาลากลัวชา้ การ ฯ
๏ ถึงอารามนามท่กี ุฎที อง ดูเรืองรองรงุ่ โรจน์โบสถ์วิหาร
ริมอารามขา้ มนาทาตะพาน นมสั การเดนิ มาในวารี
ถงึ คงุ้ เคียวเลียวลดช่ือคดอ้อย ตะวันคล้อยคลาฟา้ ในราศี
ค่อยคล่องแคล่วแจวรีบถงึ พรบิ พรี ประทบั ทหี่ นา้ ท่าพลบั พลาชัย
ดว้ ยวัดนีทีส่ าหรับประทบั รอ้ น นรนิ ทรท้าวพระยามาอาศยั
ขอเดชะอานภุ าพชว่ ยปราบภัย ให้มีชยั เหมอื นเช่นนามอารามเมือง
ดเู รือแพแซ่ซ้องทังสองฟาก บา้ งขายหมากขายพลหู นวกหเู หือง
นอนค้างคืนตน่ื เช้าเห็นชาวเมอื ง ดนู องเนอื งนาวาบ้างมาไป ฯ
๏ ได้เยี่ยมเยือนเรอื นบ้านทา่ นขนุ แพ่ง มาปลกู แปลงแปลกกว่าเม่ืออาศัย
ด้วยศึกลาวคราวนนั เธอบรรลยั ไม่มใี ครครอบครองจ่งึ หมองมวั
แสนสงสารทา่ นผู้หญิงม่ิงเมียหลวง เฝา้ ขอ้ นทรวงเสียใจอาลยั ผวั
ทังเมยี นอ้ ยอ้อยอง่ิ หญงิ คนครวั พากนั มวั หมองคลาระกาตรอม
เมื่อมาเรอื นเยือนศพได้พบพกั ตร์ ไมห่ มองนักคราวนรี ปู ช่างซูบผอม
เพราะครวญครา่ กาสรดส้อู ดออม เหมือนแก่งอมหงมิ เงยี บเซยี บสาเนยี ง
โอ้อกเอ๋ยเคยสาราญอยบู่ า้ นนี ไดฟ้ ังปี่พาทย์เพราะเสนาะเสียง
ทังหญงิ ชายฝ่ายเพือ่ นรมิ เรือนเรยี ง เคยพรอ้ มเพรียงเพรางายสบายใจ
โอ้คดิ คุณขนุ แพง่ เสียแรงรกั ไมพ่ บพกั ตร์พลอยพานาตาไหล
ได้สวดทังบังสกุ ลุ แบ่งบญุ ไป ให้ท่านไดส้ ู่สวรรคช์ นั วมิ าน ฯ
๏ แล้วอาลาอาลัยใจจะขาด จานิราศแรมร้างหา่ งสถาน
ลงเรอื จอดทอดทา่ หนา้ ตะพาน แสนสงสารศิษย์หาออกมาอึง
เหน็ หน้านอ้ งทองมอี ารีรัก ครนั จะทกั เลา่ ก็กลวั ผัวจะหงึ
ได้เคยเห็นเป็นฝมี ือมักดอื ดงึ จะตมู ตึงแตกซาระยาเยนิ
ทงั ทปี่ รางค์นางใหญ่ไดใ้ หผ้ ้า เม่ือครังมาสอนบุตรสุดสรรเสรญิ
ไดห้ ่มหนาวคราวระกาจงจาเรญิ ยังเชอื เชญิ ชวนชักรักอารมณ์ ฯ
๏ แลว้ ไปบา้ นท่านแพ่งตาแหนง่ ใหม่ ยงั รักใครค่ รองจติ สนิทสนม
ที่ธรุ ะจะใคร่ได้ใจนยิ ม เขารับสมปรารถนาสามิภักด์ิ
จะกลับหลงั ยงั มิไดด้ ง่ั ใจชั่ว ตอ้ งไปทว่ั บ้านเรอื นเพื่อนรจู้ กั
เม่ือเป็นบ้ามาคนเดียวเท่ียวสานกั เขารับรักร้คู ณุ กรณุ า
ทีไ่ หนไหนไมตรยี ังดีสนิ เวน้ แต่อนิ วดั เกศของเชษฐา
ช่างตัดญาติขาดเดด็ ไม่เมตตา พอเห็นหนา้ น้องก็เบือนไม่เหมือนเคย
โอค้ ดิ แคน้ แหวนประดับกบั แพรเพลาะ เป็นคราวเคราะหเ์ พราะเป็นบา้ นจิ จาเอ๋ย
จนรักตายกลายตอเป็นกอเตย ไม่เห็นเลยวา่ จะเปน็ ไปเชน่ นัน ฯ
๏ โอค้ ิดถงึ พึ่งบญุ ท่านขุนแพง่ ไปหนา้ แล้งรับแขกแรกวสนั ต์
ตาข้าวเม่าเคลา้ นาตาลทงั หวานมนั ได้ชว่ ยกันคันขยานากะทิ
เขาไปเทยี่ วเกยี่ วข้าวอย่เู ฝ้าห้อง เหมือนพนี่ อ้ งนึกโอ้อโหสิ
เนือเอย๋ เนอื เหลอื เจบ็ จนเลบ็ ลิ ยงั ปริปรปิ รม่ิ พรอ้ ยเปน็ รอยราย
ครนั ไปเยอื นเรอื นหลานบ้านวดั เกาะ ยงั ทวงเพลาะแพรดาทที่ าหาย
ต้องใชส้ ที ับทิมจง่ึ ยมิ พรายฯ วิลาสลายลอยทองสนองคณุ ฯ
๏ แลว้ ไปบา้ นตาลเรียงเคยี งบา้ นไร่ ที่นบั ในน้องเนือช่วยเกือหนนุ
พอวนั นดั ชัดนาเขาทาบญุ เหน็ คนวนุ่ หยดุ ยังยนื รงั รอ
เขาวา่ นอ้ งของเราเปน็ เจ้าสาว ไม่รู้ราวเร่อื งเร่อมาเจอหอ
เหมือนจุดไตว้ า่ ยนามาตาตอ เสยี แรงถอ่ กายมาก็อาภพั
จะแทนบุญคณุ มาประสายาก ตอ้ งกระดากดังหนงึ่ ศรกระดอนกลบั
ไดฝ้ ากแตแ่ พรผ้ากบั ปา้ ทรพั ย์ ไว้สารบั หน่ึงนนั ทาขวญั น้อง
ไปปีหน่ึงครง่ึ ปีเม่ือมลี กู จะมาผกู มือบ้างอยา่ หมางหมอง
แล้วมาเรอื เหลือราลกึ เฝา้ ตรกึ ตรอง เทย่ี วฉลองคุณทา่ นทุกบ้านเรอื น ฯ
๏ แคน้ แตข่ ากรรมอะไรไฉนนอ้ ง เฝา้ ทอ้ งทอ้ งทกุ ทกุ ปไี มม่ ีเหมือน
ชา่ งกระไรใจจิตไม่บดิ เบอื น จะไปเยอื นเล่าก็ร้วู า่ อยู่ไฟ
จึงฝากคาทากลอนไว้สอนสั่ง เม่ือมฟิ งั พห่ี า้ มตามวสิ ัย
พอวนั พระศรัทธาพากันไป เที่ยวแวะไหว้พระอารามตามกาลัง
พระพทุ ธเจา้ หลวงสร้างแตป่ างหลงั สาธุสะพระนอนสงิ ขรเขา
ยี่สิบวาฝากันเป็นบัลลงั ก์ ดเู ปลง่ ปลัง่ ปลมื ใจกระไรเลย
พระเนตรหลับทับพระบาทไสยาสนเ์ หยยี ด อ่อนละเมยี ดอาสนะพระเขนย
พระเจา้ งามยามประทมน่าชมเชย ชว่ ยราเพยพชั นนี ั่งวีลม
แล้วนกึ ว่าหนา้ หนาวมาคราวนี ถึงแท่นที่พระสถิตสนิทสนม
ยังมแี ตแ่ พรหอมถนอมชม ได้คลห่ี ่มห้มุ อุระพระประธาน
อุทิศว่าผ้านขี องพ่ีน้อง ฝ่ายเจ้าของขาดรักสมัครสมาน
มาห่มพระจะให้ผลดลบันดาล ไดพ้ บพานภายหนา้ สถาพร
ทังรูปงามทรามประโลมโฉมแฉลม้ ขอให้แก้มสองข้างอย่างเกสร
ทังเนือหอมพรอ้ มสนิ กล่นิ ขจร คนแสนงอนให้มางอ้ มาขอชิม
หนึ่งผ้าข้าได้ห่มประทมพระ ขอทฏิ ฐะจงเห็นเปน็ ปจั ฉิม
ให้มใี หมไ่ ด้ดีสที ับทมิ ทังขลบิ ริมหอมฟุ้งปรุงสคุ นธ์
ทงั ศษิ ย์หาผ้ามตี า่ งคล่หี ม่ คลุมประทมพิษฐานการกศุ ล
ขอเนือหอมพร้อมกนั เหมอื นจันทนป์ น ไดเ้ ยาะคนขอจบู รักรูปเรา ฯ
๏ แลว้ ลดเลียวเท่ียวไปบันไดอิฐ ต่างเพลินพิศเพิงผารุกขาเขา
จิกจันทน์แจงแทงทวยกรวยกนั เกรา โมกข์แมงเมา่ ไมง้ อกซอกศลิ า
เหล่าลน่ั ทมยมโดยรว่ งโรยกลิ่น ระรวยรนิ ร่ืนร่ืนช่ืนนาสา
โบสถว์ หิ ารลานวดั ทัศนา ลว้ นศิลาแลสะอาดด้วยกวาดเตยี น
มกี ฎุ ีทพ่ี ระสงฆท์ รงสถิต พฤกษาชิดชนั ไผเ่ หมือนไม้เขยี น
น่าสนุกรกุ ขชาติดาษเดยี ร เท่ยี วเดินเวยี นวงรอบขอบคีรี ฯ
๏ พอแดดรม่ ลมชายสบายจติ เท่ยี วชมทิศทงุ่ ทางกลางวิถี
ทั่วประเทศเขตแควน้ แดนพริบพรี เหมอื นจะชไี ปไมพ่ น้ แต่ตน้ ตาล
ทีพ่ วกทานาโตนดประโยชนท์ รพั ย์ มีดสาหรบั เหน็บข้างอย่างทหาร
พะองยาวก้าวตีนปนี ทะยาน กระบอกตาลแขวนกนั คนละพวง
แตใ่ จดีทวี่ า่ ใครเขา้ ไปขอ ใหก้ ินพออิ่มอทุ รบหอ่ นหวง
ได้ชน่ื ฉ่านาตาลหวานหวานทรวง ขนึ เขาหลวงเลียบเดนิ เนินบันได
ดเู ยน็ ช่ืนรืน่ ร่มพนมมาศ รุกขชาตชิ ่อดอกออกไสว
บา้ งหลน่ ร่วงพวงผกาสมุ าลัย ตา่ งเดด็ ได้เดินดมบ้างชมดวง
ภมุ รนิ บินว่อนเท่ยี วรอ่ นรอ้ ง เหมือนเสยี งฆอ้ งหงึ่ หึ่งลว้ นผึงหลวง
เวียนประเวศเกษราบุปผาพวง ไดเ้ ชยดวงดอกไม้เหมอื นใจจง ฯ
๏ โอ้อกนอ้ งท่องเท่ยี วมาเปลี่ยวจิต ไมม่ ีมิตรทีจ่ ะชมสมประสงค์
กับหนนู ้อยพลอยเพลินเทยี่ วเดินวง ขนึ ถงึ องคพ์ ระเจดยี บ์ นครี ิน
ต่างเหนอ่ื ยบอบนอบนอ้ มอยู่พร้อมพรง่ั บา้ งหยดุ นัง่ เอนนอนกบั ก้อนหิน
เห็นประเทศเขตแคว้นในแดนดนิ มบี ้านถิน่ ทิวไมไ้ รไรราย
คีรรี อบขอบเข่อื นดูเหมอื นเมฆ แลวเิ วกหวาดหว่ันย่งิ ขวัญหาย
เห็นทะเลเคหาหนา้ หาดทราย ดเู รียงรายเรี่ยเรย่ี เตยี ติดดนิ
ไดช้ มเพลินเมนิ มุง่ ดูทุ่งกวา้ ง มีแถวทางเถ่ือนท่าชลาสินธ์ุ
ฝูงวหิ คนกกาเทีย่ วหากิน บ้างโบยบนิ ว้าว่อนบ้างรอ่ นเรยี ง
ทไี่ ร้คูอ่ ย่เู ดยี วก็เทย่ี วรอ้ ง ประสานซ้องสกุณาภาษาเสียง
กินปลีเปล้าเขาไฟจบั ไมเ้ รยี ง กรอดเคยี งคู่กรอดแลว้ พลอดเพลิน
รอกกระแตแลโลดกระโดดแล่น กระต่ายเต้นตามลาเนาภูเขาเขนิ
ทีท่ ุ่งกว้างกลางหนเหน็ คนเดิน หาบนาตาลคานเยิ่นหยอกเอนิ กนั
ทังลอ้ เกวียนเดยี รดาษดูกลาดเกลื่อน ทกุ ถน่ิ เถอ่ื นทุ่งแถวแพ้วจังหัน
โสมนสั ทศั นาจนสายัณห์ แล้วพากันเขา้ ในถานา่ สาราญ ฯ
๏ มีพระไสยาสน์พระบาทเหยยี ด คนมันเบยี ดเบียนขดุ สุดสงสาร
พระทรวงพังทังพระเพลาก็ร้าวราน โอ้ชาวบ้านช่างไมส่ ร้างขึนบ้างเลย
ทงั ผนงั พงั ทบั อยกู่ ับถา โอ้นึกนาตาตกเจยี วอกเอย๋
ดูว้างเวงิ เชิงพนมนา่ ชมเชย ต่างแหงนเงยชมชะง่อนก้อนศลิ า
เปน็ ลดหลน่ั ชนั ช่องมีหอ้ งหบั แลสลับเลอื่ มคล้ายลายเลขา
กลางคิรินหนิ ห้อยย้อยระย้า ดาษดาดูดูดงั พู่พวง
ฉะเช่นนมี ีฤทธ์จิ ะคิดช้อน เอาสิงขรเขา้ ไปตังริมวงั หลวง
เห็นหนมุ่ สาวชาวบุรินสนิ ทงั ปวง จะแหนหวงหอ้ งหบั ถึงจบั กุม
เขาตังอา่ งกลางถามนี าย้อย ดูผอ็ ยผ็อยเผาะลงทตี่ รงหลมุ
เปน็ ไคลคลานาแท่งกลับแข็งคมุ เปน็ หินหมุ้ อา่ งอฐิ สนทิ ดี ฯ
๏ แล้วเดินดูภูผาศิลาเล่อื ม บา้ งงอกเงือมเงาระยับสลบั สี
เป็นหอ้ งน้อยรอยหนงั สือลายมอื มี คดิ ถึงปเี มอ่ื เป็นบ้าเคยมานอน
ชมลกู จันกลัน่ กล่นิ ระรินรนื่ จนเที่ยงคืนแขนซ้ายกลายเปน็ หมอน
เหน็ ห้องหนิ ศิลาน่าอาวรณ์ เคยกลา่ วกลอนกล่อมชา้ โอ้ชาตรี
พอจวนรงุ่ ฝูงนกวิหครอ้ ง เรไรซ้องเสียงจงั หรดี ดงั ดดี สี
คิดคะนงึ ถึงตวั กลวั ต้องตี ตอ่ ชา้ ปีจึงค่อยวายฟายนาตา
โอย้ ามยากจากบุรนิ มาถ่นิ เถอ่ื น ไมม่ เี รอื นแรมอยู่ในคหู า
เดือนสวา่ งตา่ งไต้เมื่อไสยา แผ่นศลิ าตา่ งฟกู กระดกู เยน็
ยงั รินรนิ กล่นิ กล่ันจนั ทน์กระแจะ เหมือนจะแนะนาจติ ใหค้ ิดเห็น
เหลอื ราลึกนกึ นา่ นาตากระเด็น โอ้จาเป็นเป็นกรรมจงึ จาไกล
มาเห็นถานาตาลงพรากพราก แต่เพอ่ื นยากยงั ไม่เหน็ ว่าเป็นไฉน
จะไปเรือนเยือนเย่ยี มก็เจยี มใจ ขอสั่งไวเ้ ถดิ ถาท่ีชาทรวง
อันถานที มี่ นษุ ยห์ ยดุ กนิ นา มใิ ชถ่ าของอิเหนาถาเขาหลวง
เขาช่วยเลา่ เถิดว่าเขาไม่ลอ่ ลวง แต่เขาหวงเขาห้ามต้องขามใจ
จงึ เขียนกลอนนอนค้างไว้ตา่ งพักตร์ หวังประจักษม์ ่ิงมิตรพสิ มยั
จะภญิ โญโมทนาใหอ้ าภัย อย่าน้อยใจเลยถาขออาลา ฯ
๏ แลว้ ลดั ออกนอกลาเนาภูเขาหลวง ดูเดน่ ดวงเดอื นสวา่ งกลางเวหา
โอเ้ ย็นฉา่ นาคา้ งที่กลางนา เสยี งปกั ษาเพรียกพลอดบนยอดตาล
มาตามทางหว่างโตนดลงิ โลดจติ แต่พวกศษิ ยแ์ สนสขุ สนุกสนาน
เห็นกระต่ายไลโ่ ลดโดดทะยาน เสียงลูกตาลกรากตึงตะลึงแล
ตา่ งชิมชมดมเดนิ เจรญิ รนื่ เท่ียวชมชื่นเขตแขวงดว้ ยแสงแข
ตา่ งลดเลียวเที่ยวเด็ดดอกแคแตร ได้เหน็ แตน่ กน้อยต้อยตีวิด
สกั สองยามตามทักล้วนปกั ษา เสียงแจ้วจ้าจ้อยเจีย๋ วเตยี๋ วเตีย๋ วตดิ
โอฟ้ ังฟงั หวงั สวาทไมข่ าดคิด ชา่ งไม่ผดิ เสยี งสาวชาวพริบพรี ฯ
๏ แล้วเลียวลงตรงหนา้ วดั พระธาตุ พอเดือนคลาดคลอ้ ยจารสั รัศมี
ดูพระปรางคก์ ลางอารามกง็ ามดี แต่ไมม่ ีเงาบา้ งเป็นอยา่ งไร
สาธุสะพระมหาตถาคต ยงั ปรากฏมไิ ด้เสอ่ื มท่เี ล่อื มใส
พอไก่ขนั วนั ทาลาครรไล ลงเรือใหญ่ล่องมาถงึ ธานี ฯ
๏ จงึ จดหมายรายความตามสังเกต ถ่นิ ประเทศแถวทางกลางวิถี
ใหอ้ ่านเล่นเป็นเร่อื งเมืองพรบิ พรี ผใู้ ดมีคณุ ก็ได้ไปแทนคุณ
ทงั ผ้าหอมย้อมเหลืองไดเ้ ปลืองห่ม พระประทมทล่ี าเนาภเู ขาขุน
กศุ ลนนั บรรดาทก่ี ารญุ รับส่วนบญุ เอาเถิดท่านทอี่ า่ นเอย ฯ