The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ชุดเรียนรู้ ศาสนประวัติ สค13103 ระดับ ม.ต้น

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Supisara R, 2020-08-09 00:43:12

ชุดเรียนรู้ ศาสนประวัติ ระดับ ม.ต้น

ชุดเรียนรู้ ศาสนประวัติ สค13103 ระดับ ม.ต้น

วิชาศาสนประวตั 2ิ (อตั ตารคี 2) ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนต้น 48

8. ชว่ ยเหลอื ผู้อนื่ อยเู่ สมอ
“คอบ๊าบ” เป็นเพ่ือนคนหน่ึงของท่านนาบี ท่ีบ้านของเขาไม่มีผู้ชายเลย มีแต่ผู้หญิงท่ีรีดนมวัวไม่
เป็น คราวหน่ึงคอบา๊ บตอ้ งไปทําสงครามหลายวนั ทา่ นนาบจี งึ ได้ไปชว่ ยรดี นมวัวแทนเขาทุกวนั ในระหว่างที่เขา
ไมอ่ ยบู่ ้าน
ท่านช่วยหญิงหม้าย และคนอนาถาทํางานโดยไม่เคยถือตัว หรือเสียดายแรงเลย พวกทาสหญิงใน
เมืองมาดนี ะฮฺ มักจะมาหาท่านและพูดทํานองนี้ “ โอ้ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ พวกเราอยากจะขอร้องให้ท่าน
ช่วยทํา (งาน) นี้ให้หน่อย ” ท่านนาบีก็จะกระตือรือร้นทํางานนั้นให้ ด้วยความเต็มใจเสมอ
วันหน่ึงมีทาสหญิงท่ีสติไม่ดีคนหนึ่งมาหาท่าน และฉวยมือท่านไว้ (เพื่อขอความเห็นใจ) ท่านจึงพูดกับนางว่า
“เธอจะไปน่ังพักผ่อนที่ตรงไหนก็ได้ในเมืองมาดีนะฮฺแห่งนี้ ตาม แต่เธอประสงค์ ฉันจะทํางานแทนเธอเอง ”
แลว้ ท่านก็ทาํ งานให้เธอจนแลว้ เสร็จ
วันหนึ่ง ขณะที่ท่านนาบีกาํ ลังยนื อยูเ่ พือ่ จะทาํ ละหมาด มีคนเบดูอนิ (คนอาหรับท่ีกางกระโจมอยู่ตาม
ทะเลทราย) คนหน่งึ ได้มาจบั ชายเสอ้ื ของท่านไว้ แล้วกล่าวว่า “ งานของฉันยังมีค้างอยู่อีกเล็กน้อย อยากจะให้
ท่านช่วยทําเสียก่อน เดี๋ยวท่านจะลืมเสีย ” ท่านนาบีจึงออกจากมัสยิดไปกับเบดูอินผู้นั้น เมื่อท่านทํางานเสร็จ
แลว้ ท่านจงึ ได้กลับมาละหมาด

9. ถ่อมตนเสมอ
ท่านนาบีชอบก้มหน้า ถ้าเดินเป็นกลุ่ม ท่านก็มักจะเดินข้างหลัง และปล่อยให้คนอื่นๆ เดิน

ข้างหนา้ เม่อื พบปะใคร ทา่ นจะทักเขาก่อนเสมอ ทา่ นจะนั่งในลักษณะท่ีถ่อมตน ไมเ่ คยน่ังวางผ่ึงอย่างคนใหญ่
คนโตเลย ท่านนั่งกินอาหาร เหมือนอย่างคนจนๆ คนหน่ึง ไม่มีลักษณะของความหย่ิงผยองเลย ท่านกินแต่
พอควร ไม่กินมากจนอ่ิมแปล้ ท่านไม่กินขนมปังท่ีดีเป็นพิเศษ ไม่ใช้ถ้วยชามที่งดงามเป็นพิเศษ ท่านเอาใจใส่
ต่ออาหารท่ีมผี ู้เอามาให้เสมอ ไม่ว่าจะมาก นอ้ ย หรอื จะไม่ดอี ยา่ งไร ทา่ นก็ไม่เคยต่อว่า ไม่เคยพูดว่าไม่ชอบ ไม่
น่ากิน หรือ มีกล่ินที่ไม่ดีแต่อย่างใด ทั้งส้ิน ซึ่งหากว่าท่านไม่ชอบอาหารน้ัน ท่านก็เพียงแต่ไม่กินมัน ท่านเคย
พูดว่า “ ฉันเป็นบ่าวของอัลลอฮฺ ฉันจึงกิน และนั่งตามสภาพของบ่าว ” ท่านจะกินขนมปังจากแปูงที่ไม่ร่อน
กากออก ท่านไม่เคยถือตัวว่าอยู่ในฐานะอันมีเกียรติเหนือผู้อื่น ท่านอยู่ร่วมกับคนทั้งหลายได้อย่างสนิทสนม
ท่านได้เคยกําชับสาวกของท่านมิให้ยกย่องท่านเป็นพิเศษเหนือจากคนสามัญทั่วไป เมื่อเข้าไปสถานท่ีที่มีผู้คน
จํานวนมาก ท่านจะไม่เดินข้าม คนท่ีกําลังน่ังอยู่ แต่ท่านจะหาที่น่ัง ท่ีใกล้ที่สุดโดยไม่ต้องเดินเข้าไป
ท่านนาบีมักจะนั่งรวมกับทาส และคนยากจน และท่านไม่เคยรังเกียจที่จะกินอาหารร่วมกันกับพวกเขา ถ้า
ประชาชนลุกขึ้นยืนให้เกียรติเมื่อท่านปรากฏตัว ท่านจะพูดข้ึนว่า “ อย่าทําตามอย่างชาวต่างชาติ โดยการลุก
ขึ้นยืนให้เกียรติแก่ฉันเลย ” ท่านไม่ชอบให้ผู้ใดเรียกขานท่านด้วยถ้อยคําอันแสดงถึงความยกย่องมาก
เกินไป ถึงแม้ว่าอันท่ีจริงแล้ว ท่านก็สมควรท่ีจะได้รับการยกย่องเช่นนั้น เมื่อครั้งที่ปราบมักกะฮฺลงได้
แทนท่ีท่านจะเข้าเมืองอย่างวางอํานาจ แต่ท่านได้ขี่อูฐเข้าไปในเมืองโดยก้มศีรษะลงตํ่า จนศีรษะของท่าน
เกอื บจะติดกับหลังของอูฐ มิไดว้ างท่าทางของผู้ชนะเลยท่านไม่ชอบการพิถีพิถันในเร่ืองการแต่งกายเพื่อโอ้อวด
กนั และ ทา่ นมนี ิสยั ท่ไี มช่ อบในเครอ่ื งประดบั

10. ให้เกียรติแก่แขกผมู้ าเยอื น
ท่านนาบเี อาใจใส่ต่อการต้อนรับแขกเป็นอย่างย่ิง ท่านถึงกับมอบให้บิล้าล คอยทําหน้าท่ีตอนรับแขก

ดังน้ัน แขกท่ีมาหาท่านจึงได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี คราใดที่มีตัวแทนจากศาสนาอื่นมาหาท่าน ท่านนาบี
จะเอาใจใสด่ แู ลพวกเขาแตล่ ะคนเป็นอย่างดี ยงิ่ ไปกว่านั้น ทา่ นยังอาจจะช่วยเหลือในเรื่องการเงิน และ คอยให้
ความสะดวกแก่พวกเขาในการเดินทางผ่านดินแดนอีกด้วย ท่านนาบีเอ้ือเฟ้ือเผ่ือแผ่ โดยไม่เลือกว่าเป็นมุสลิม

วิชาศาสนประวตั 2ิ (อัตตารคี 2) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ 49

หรอื ศาสนกิ อ่ืน ซึ่งผู้ที่ไม่ใช่มุสลิม ก็จะได้รับการต้อนรับในฐานะแขกผู้มีเกียรติจากท่าน เช่นเดียวกันกับมุสลิม
มีอยู่บ่อย ๆ ท่ีท่านจัดอาหารรับรองแขกโดยท่ีคนในบ้านต้องอดอาหาร เพราะไม่มีอาหารเพียงพอ และท่าน
เตยตื่นขึน้ มาในตอนดกึ เพื่อดแู ลความสขุ สบายของแขก

11. ไม่ชอบความฟมุ่ เฟอื ย
ท่านนาบีเคยพูดกับอาลีย์ว่า “ เป็นการไม่เหมาะสม สําหรับผู้ท่ีมีฐานะเป็นนาบี ที่จะเข้าไปในบ้านอัน

โอ่อ่า หรูหรา ” (คือ อยู่ในบ้านที่หรูหรา) และท่านเคยกล่าวไว้ว่า “ การมีเตียงนอนเตียงหนึ่งสําหรับ
ตัวเอง อีกตัวหน่ึงสําหรับภรรยา และอีกตัวหน่ึงสํารองไว้สําหรับแขกท่ีมาพักก็พอเพียงแล้ว ซ่ึงหากมีอีกหน่ึง
เตียง เตยี งนนั้ ก็เก็บไวเ้ พ่อื ชัยตอน ”

ทา่ นนาบีเคยกล่าวไว้ว่า “ อาคารท้ังหลายที่สร้างข้ึนนอกเหนือจากที่จะใช้เป็นที่อยู่อาศัยน้ัน เป็นสิ่งท่ี
นาํ ความหายนะมาส่มู นุษย์ ”

เม่ือท่านเห็นฟาตีมะฮฺ บุตรีของท่านสวมสร้อยคอทองคํา ท่านจึงติว่า “ ลูกเอ๋ย ลูกจะรู้สึกอย่างไร
หากผู้คนพากันพดู ว่า ลูกสาวของทา่ นศาสนทตู สวมสร้อยคอท่ีเป็นไฟ ”

12. ไมช่ อบใหใ้ ครขอทาน
ท่านนาบีเกลยี ดชังคนขอทาน เว้นแตใ่ นกรณหี มดหนทางจริงๆ แตถ่ ึงกระน้ันท่านก็ไม่เห็นด้วยกับการ

ขอทานเลย ท่านได้กล่าวว่า “ หากผู้ใดจะเข้าไปตัดฟืนในปุาแล้วแบกใส่หลังเอามาขายในตลาด เพื่อแลกกับ
ปัจจยั ยงั ชพี กย็ ังเป็นการดกี ับตัวเขาเองเสยี ยิ่งกว่าท่ีเขาจะไปเท่ียวขอทานจากคนอ่ืน ”

13. รักความเสมอภาค
ท่านนาบีใหค้ วามสําคัญแก่คนรวย คนยากจน คนชรา เดก็ นาย และ ทาส เทา่ กันหมด ท่านปฏิบัติต่อ

เชลยเหมือนกันหมดทุกคน หากท่านได้รับหน้าท่ีให้เป็นผู้แบ่งปันสิ่งของ ท่านจะเริ่มแจกจ่ายจากขวาไปซ้าย
โดยไม่แบ่งแยกว่าคนไหนเป็นคนจน คนไหนเป็นคนรวย แต่จะแบ่งให้เท่ากันหมด ท่านไม่เคยสั่งสอนให้
แบ่งแยกกัน ระหวา่ งผใู้ หญ่ กบั เดก็ หรือ คนร่ํารวย กับ คนยากจน แต่อยา่ งใด

14. รกั คนจน
ท่านนาบีมีความรัก และความผูกพันต่อคนยากจนมาก วันหน่ึงท่านนาบีได้ขอพรต่ออัลลอฮฺว่า

“ โอ้อัลลอฮฺ โปรดให้ฉันมีชีวิตอยู่เหมือนคนยากจนคนหนึ่งเถิด และขอให้ฉันเสียชีวิตจากโลกน้ีไปอย่างคนจน
คนหนึ่ง และ ขอให้ฉันฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งในหมู่คนจนด้วยเถิด ” ท่านเอาใจใส่ต่อคนยากจนเป็นอย่าง
ดี พวกเขาไม่รู้สึกน้อยเน้ือตําใจในความขาดแคลนสิ่งอํานวยความสุขสบาย แต่พวกเขากลับถือว่า ความเอา
ใจใส่ท่ีท่านนบีมีต่อพวกเขาน้ันเป็นสมบัติที่มีค่าย่ิงกว่า ครั้งหน่ึงท่านนาบีเคยกล่าวไว้ว่า “ ความช่วยเหลือจาก
พระเจ้า และปัจจัยยังชีพ (ริซกี) ทั้งมวลที่พวกท่านได้รับก็เน่ืองจาก (ความปรานีของพระเจ้า ท่ีมีต่อ)
คนยากจนเหล่าน้นี ่ันเอง ”

ในอีกวาระหน่ึง ทา่ นไดก้ ล่าววา่ “ จงแจ้งขา่ วดแี ก่บรรดาผูอ้ พยพทยี่ ากจนดว้ ยเถดิ ว่า พวกเขาจะได้เข้า
สวนสวรรคก์ ่อนคนร่าํ รวยถึง 40 ปี ” และ ทา่ นนาบีนัน้ มมี ิตรสหายท่เี ป็นคนจนมากกว่าคนร่ํารวย โดยท่านนา
บีได้เคยสั่งไว้ว่า “ หากมีมุสลิมท่ียากจนคนหน่ึงคนใดเสียชีวิตลง โดยมีหน้ีสินติดตัวอยู่ ช่วยบอกฉันให้รู้ด้วย
ฉันจะใชห้ น้ใี ห้แก่เขา ส่วนทรัพย์สินท่ีเป็นมรดกของเขาก็จะถูกมอบแก่ทายาทของเขา โดยที่ฉันจะไม่เก่ียวข้อง
กบั สิ่งนีเ้ ลย ”

วิชาศาสนประวตั 2ิ (อตั ตารคี 2) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น 50

ในสมยั ท่ที ่านนาบีอยู่ท่ีนครมักกะฮฺ เม่ือท่านไปยังกะอฺบะฮฺ กับบรรดาสาวกท่ียากจนของท่าน บรรดา
ชาวกุร็อยช์ท่ีภูมิฐานก็มักจะหัวเราะเยาะ แต่ท่านนาบีมิได้เอาใจใส่ ท่านยังคงร่วมทําการนมัสการ ระลึก
ถงึ อลั ลอฮรฺ ว่ มกบั สาวกของท่านตอ่ ไป

15. มอี ารมณ์ดี
ท่านนาบีไม่เคยแสดงความประพฤติท่ีหยาบกระด้าง ท่านไม่เคยดูหม่ิน หรือ แสดงกิริยาหยาบคายต่อผู้

ที่มาหาท่านเลย ท่านไม่เคยแสดงความขัดเคืองต่อเร่ืองหยุมหยิมทางโลก แต่สําหรับเรื่องท่ีขัดกับหลักศาสนา
แล้ว ท่านจะแสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรงเลยทีเดียว ท่านนาบีไม่เคยอารมณ์เสียเก่ียวกับเรื่องส่วนตัว หาก
ท่านไม่พอใจผู้ใด ท่านก็เพียงแต่เบือนหน้าหนีจากผู้น้ัน แต่ท่านไม่เคยกล่าวถ้อยคําที่แสดงถึงความไม่พอใจ
ออกมาเลย ท่านนาบีให้อภัยเสมอแก่ทุกคนที่ทําในสิ่งท่ีไม่สมควรต่อท่าน การให้อภัยเป็นนิสัยประจําตัวของ
ท่าน ทา่ นนาบีไมเ่ คยแก้แคน้ แก่ผทู้ เี่ คยทําใหท้ า่ นตอ้ งเดือดร้อน ใบหนา้ ของทา่ นร่าเรงิ สดชื่นเสมอ ท่านไม่เคย
ทาํ หน้าบึงตงึ เลย และท่านจะหลีกเลีย่ งจากการงานที่ไมม่ ีประโยชน์ และไมม่ ีคุณค่า ท่านไม่ชอบการคอยจับผิด
ผูอ้ ื่น และ ท่านไม่ชอบการโอ้อวดในความสาํ คัญของตวั เอง

16. อภยั ใหแ้ ก่ศัตรู
ทา่ นนาบีกล่าวว่า “ฉนั ถกู สง่ มามใิ ช่เพ่ือเป็นมาร แตเ่ พือ่ เปน็ นมิ ิต (เครอื่ งหมาย) ที่ดีงามสําหรับโลกนี้”
เม่ือครั้งที่เกิดสงครามอูฮุด ถึงแม้ว่าหน้าผากของท่านจะนองไปด้วยเลือดจากบาด แผล แต่ท่านก็พรํ่า

ขอดอุ าอฺ (ขอพร) ให้แกศ่ ตั รูของท่านว่า “ โอ้อัลลอฮฺ ขอทรงโปรดอภัยโทษให้แก่พวกเขาด้วย พวกเขากําลังตก
อยูใ่ นความเขลา ”

ในวันทท่ี า่ นนาบีไดร้ ับชัยชนะเดด็ ขาดต่อชาวมักกะฮฺน้ัน บรรดาศัตรูที่เคยจองล้างจองผลาญท่านอย่าง
โหดร้ายในอดีต ได้ถูกนาํ มาให้ยืนอยู่ตอ่ หนา้ ทา่ น ซึ่งขณะนนั้ ทา่ นมีอํานาจท่ีจะทําอย่างไรก็ได้กับศัตรูเหล่านี้ แต่
ท่านกลับให้อภัยพวกเขาโดยกล่าวว่า “ ในวันนี้ จะไม่มีการกล่าวโทษต่อพวกท่าน ท่านเป็นอิสระแล้ว ”
เมื่อครั้งท่ี “ อิกรอมะฮฺ ” ซ่ึงเป็นลูกชายของอะบูญะฮัล ศัตรูตัวฉกาจของท่านมาหา ท่านได้ลุกข้ึนต้อนรับด้วย
ความดใี จจนเห็นไดช้ ดั ทา่ นรีบเข้าไปทักทายกับเขา ท้ังๆ ที่ยงั ไมไ่ ดส้ วมเสื้อคลุม พร้อมกับกล่าวว่า “ โอ้ผู้ขี่ม้า
มาจากแดนไกล เราขอต้อนรับทา่ น ”

17. ชอบเย่ยี มคนป่วย
ท่านนาบีมักจะไปเยย่ี มคนปวุ ย โดยไม่เลือกวา่ ผนู้ น้ั เปน็ มิตร หรือ ศัตรู เป็นมุสลิม หรือ ไม่ใช่มุสลิม เมื่อ

ญาติพ่ีน้องของผู้ปุวย มาตามท่านไปดูคนปุวยเป็นครั้งสุดท้าย ท่านมักจะไปด้วยทันที และ ท่านได้วิงวอนขอ
ตอ่ อัลลอฮฺ ใหย้ กโทษแกบ่ ุคคลผูก้ าํ ลังส้นิ ใจผนู้ นั้ พรอ้ มทั้ง ไปรว่ มพิธศี พด้วยเสมอ

18. ระลกึ ถึงอลั ลอฮอฺ ย่เู สมอ
ท่านนาบีมีความสงบเสง่ียมอยู่เสมอ ด้วยความยําเกรงต่ออัลลอฮฺ ท่านจะระลึกถึงอัลลอฮฺอยู่เสมอ

ไม่ว่าจะกําลังยืน หรือ นั่งอยู่ก็ตาม ท่านเอาใจใส่กับการทําละหมาดเป็นพิเศษในเดือนรอมาฎอนอัน
ประเสริฐ ท่านอ่านคัมภีร์อัลกุรฺอ่านในทุกๆวัน โดยท่ีทุกคร้ังท่ีท่านอ่านอัลกุรฺอ่าน ท่านมักน้ําตาไหลด้วยความ
ยําเกรงตอ่ อลั ลอฮฺ และสาํ นึกในพระมหากรุณาธิคุณแห่งอัลลอฮฺ

ท่านนาบีจะกล่าวคําระลึกถึงอัลลอฮฺเสมอ ในทุกอากัปกิริยา เช่น เม่ือลุกข้ึนยืน น่ัง เดิน เคล่ือนไหว
กนิ และ ดืม่ ทัง้ เวลาเขา้ นอน หรอื ต่นื นอน เปล่ียนเส้ือผ้า ข้ึนขี่พาหนะ ออกเดินทาง หรือ กลับบ้าน เข้าไปใน
บา้ น และ เขา้ ไปในมสั ยดิ เปน็ ตน้

วิชาศาสนประวตั 2ิ (อัตตารีค2) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น 51

19. มรดกของท่านนาบี
ท่านนบีไม่มีทรัพย์สมบัติใดๆ เมื่อท่านนาบีได้ลาจากไป ท่านมิได้ละท้ิงทรัพย์สมบัติ เช่น เหรียญเงิน

หรือ เหรียญทองสักเหรียญ หรือ ทาสชายหญิง หรือ ส่ิงอื่นในทํานองนี้ไว้เลย ส่ิงที่ท่านเหลืออยู่ก็มีเพียงลาสี
ขาวตัวหนึ่ง อาวุธ และท่ีดิน ซ่ึงท่านก็ได้อุทิศให้เป็นการกุศลแก่มุสลิม โดยท่ัวไปแล้วท่านนาบีมีความเป็นอยู่
อัตคัด ขัดสนมาก เสื้อเกราะของท่านก็เอาไปจํานําไว้ เพื่อแลกกับข้าวสารเพียงไม่กี่กํามือ เสื้อผ้าของท่านมี
รอยปะเต็มไปหมด เป็นส่ิงท่ีน่าสังเกตว่า ขณะนั้นเป็นเวลาที่ดินแดนอารเบียท้ังหมด ตกอยู่ในอํานาจของท่าน
นาบี ทีม่ าดนี ะฮอฺ นั เป็นเมอื งหลวงนั้นกม็ ที รัพยส์ มบัตเิ งนิ ทองจนลน้ คลัง แต่ฐานะของทา่ นนาบีผู้เป็นประมุขก็ยัง
ยากจนเหมือนเดมิ

วิชาศาสนประวตั ิ2 (อตั ตารคี 2) ระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น 52

ใบความรทู้ ่ี 13
การเป็นผ้ฟู งั ผู้พดู ท่ีดี รักความสะอาดเรียบร้อย และการทางานบ้านด้วยตัวเอง

เม่ืออยู่ในวงสนทนา ทา่ นมักจะเป็นผู้ฟังมากกว่าจะเป็นผู้พูด ท่านจะพูดแต่เฉพาะเวลาท่ีจําเป็นจะต้อง
พูดเท่านั้น เสียงของท่านดังชัดเจน การพูดก็ชวนฟัง และมีเสน่ห์ ท่านพูดและหยุดเป็นจังหวะ เว้นวรรค
ระหว่างประโยค เพ่ือให้ผู้ฟังเข้าใจและจดจําง่าย คําพูดของท่านไม่ยืดยาวจนเกินความจําเป็น และไม่สั้นจน
ไม่ได้ความ หากแต่เป็นคําพูด ที่กระชับและสละสลวย ท่านจะไม่พูดสอดแทรกข้ึน ในขณะท่ีผู้อ่ืนกําลังพูดอยู่
แต่ถ้าเป็นเรื่องท่ีค้านกับบัญญัติศาสนา ท่านจะห้ามมิให้พูด หรือมิฉะนั้นท่านก็จะปลีกตัวออกจากท่ีน่ัน
เสีย ท่านจะไม่กล่าวคําพูดที่ไร้ความหมาย หรือพูดส่ิงท่ีไม่อยู่ในประเด็นที่กําลังสนทนากันอยู่ หากมีผู้ฟังอยู่
หลายคน ท่านก็จะไม่จดจ่อแต่เฉพาะกลุ่มใด หรือบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่ท่านจะหันหน้าไปยังผู้ฟังแต่ละคน
สลบั กันไป และ ท่านไมช่ อบการตะโกน หรอื ทาํ เสยี งดงั

ท่านนบมี ีนิสัยรักความสะอาดเรียบร้อย ครั้งหน่ึงท่านเห็นชายหนุ่มคนหน่ึงนุ่งห่มเสื้อผ้าที่สกปรก ท่าน
จึงกล่าวว่า “ชายคนน้ีช่างดูดายแม้แต่เสื้อผ้าของเขาเอง” คนมั่งมีทรัพย์ผู้หน่ึงได้มาหาท่านนบี โดยที่เขาแต่ง
กายอย่างซอมซ่อ ท่านนบีจึงได้ให้ข้อสังเกตว่า “พระเจ้าทรงโปรดปรานให้ท่านมีทรัพย์มากมาย ดังน้ันท่าน
ก็ ควรจะให้มนั ปรากฏใหเ้ ห็นบา้ งทเ่ี ครอ่ื งแตง่ กายของท่าน”

ท่านนบีทํางานทุกอย่างในบ้านด้วยตัวเอง ท่านรีดนมแพะ ซักเสื้อผ้าเอง ท่านปะเส้ือด้วยตนเอง ซื้อ
ข้าวของเอง ช่วยภรรยาทํางานบ้าน เมื่อรองเท้าของท่านเกิดชํารุด ท่านจะซ่อมแซมเอง ทําถังตักนํ้าเอง ท่าน
เคยนวดและทาน้ํามันอูฐ และเมื่อจําเป็นท่านก็ตีตราอูฐด้วยตนเอง และท่านเคยช่วยคนใช้นวดแปูง คร้ังหน่ึงมี
คนสงั่ นาํ้ มูกลงในมสั ยิด ทา่ นนบีไดเ้ อาหนิ เช็ดส่ิงที่นา่ รงั เกยี จนั้นทิ้งไปด้วยตัวของทา่ นเอง

วิชาศาสนประวตั 2ิ (อัตตารคี 2) ระดับมัธยมศึกษาตอนตน้ 53

ใบงานที่ 13

1. จงอธบิ ายลักษณะนิสัยของท่านนบมี ูฮัมมดั (ซ.ล.)
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………...............……………………………………………………………………………………………………………………
2. ยกตวั อยา่ งเหตุการณท์ บี่ ่งบอกถึงท่านนบีมฮู ัมมัด (ซ.ล.) พูดแต่ความจริง
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………...............……………………………………………………………………………………………………………………
3. ยกตวั อย่างเหตุการณ์ ทีบ่ ่งบอกถงึ ท่านนบีมฮู ัมมัด (ซ.ล.) รกั ความสะอาดเรียบร้อย
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………...............……………………………………………………………………………………………………………………

วิชาศาสนประวตั ิ2 (อัตตารีค2) ระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น 54

ใบความร้ทู ี่ 14
การถ่อมตน การให้เกยี รติแก่แขกผูม้ าเยือน การชว่ ยเหลือผ้อู ืน่ การเอื้อเฟอ้ื เผื่อแผ่ และการประหยดั

ท่านนบชี อบกม้ หน้า ถา้ เดนิ เปน็ กลุ่ม ท่านกม็ ักจะเดนิ ข้างหลัง และปล่อยให้คนอื่นๆ เดินข้างหน้า เม่ือ
พบปะใคร ท่านจะทักเขาก่อนเสมอ ท่านจะน่ังในลักษณะท่ีถ่อมตน ไม่เคยนั่งวางผึ่งอย่างคนใหญ่คนโตเลย
ท่านนั่งกินอาหาร เหมือนอยา่ งคนจนๆ คนหนง่ึ ไม่มีลักษณะของความหย่ิงผยองเลย ท่านกินแต่พอควร ไม่กิน
มากจนอม่ิ แปล้ ท่านไมก่ นิ ขนมปังท่ีดีเป็นพิเศษ ไม่ใช้ถ้วยชามที่งดงามเป็นพิเศษ ท่านเอาใจใส่ต่ออาหารที่มีผู้
เอามาให้เสมอ

ท่านนบีเอาใจใส่ต่อการต้อนรับแขกเป็นอย่างยิ่ง ท่านถึงกับมอบให้บิล้าลคอยทําหน้าที่ตอนรับแขก
ดังน้ัน แขกที่มาหาท่านจึงได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี คราใดที่มีตัวแทนจากศาสนาอ่ืนมาหาท่าน ท่านนบีจะ
เอาใจใส่ดูแลพวกเขาแตล่ ะคนเป็นอย่างดี

วันหนึ่งขณะที่ท่านนบีกําลังยืนอยู่เพ่ือจะทําละหมาด มีคนเบดูอิน (คนอาหรับท่ีกางกระโจมอยู่ตาม
ทะเลทราย) คนหน่ึงได้มาจับชายเสื้อของท่านไว้ แล้วกล่าวว่า “งานของฉันยังมีค้างอยู่อีกเล็กน้อย อยากจะให้
ท่านช่วยทําเสียก่อน เดี๋ยวท่านจะลืมเสีย” ท่านนบีจึงออกจากมัสยิดไปกับเบดูอินผู้นั้น เม่ือท่านทํางานเสร็จ
แล้วท่านจงึ ได้กลบั มาละหมาด

ท่านนบีเป็นคนใจดีที่สุด ความใจดีและความเอ้ือเฟื้อเผ่ือแผ่เป็นนิสัยที่แท้จริงของท่าน ท่านไม่เคย
ปฏิเสธต่อคนยากจนทมี่ าขอจากท่านเลย

ทา่ นนบเี คยพดู กบั อะลีย์วา่ “เป็นการไมเ่ หมาะสมสําหรับผู้ท่ีมีฐานะเป็นนบี ท่ีจะเข้าไปในบ้านอันโอ่อ่า
หรูหรา” (คืออยู่ในบ้านท่ีหรูหรา) และท่านเคยกล่าวไว้ว่า “การมีเตียงนอนเตียงหน่ึงสําหรับตัวเอง อีกตัวหน่ึง
สําหรับภรรยา และอีกตัวหนึ่งสํารองไว้สําหรับแขกท่ีมาพักก็พอเพียงแล้ว ซ่ึงหากมีอีกหน่ึงเตียง เตียงน้ันก็เก็บ
ไว้เพ่อื ชัยตอน”ท่านนบีเคยกล่าวไว้ว่า “อาคารท้ังหลายท่ีสร้างขึ้นนอกเหนือจากท่ีจะใช้เป็นท่ีอยู่อาศัยนั้น เป็น
สง่ิ ทีน่ าํ ความหายนะมาสู่มนุษย์” เมื่อท่านเห็นฟาตีมะฮฺบุตรีของท่านสวมสร้อยคอทองคํา ท่านจึงติว่า “ลูกเอ๋ย
ลูกจะร้สู ึกอยา่ งไร หากผคู้ นพากันพูดวา่ ลูกสาวของทา่ นศาสนทูตสวมสรอ้ ยคอทีเ่ ปน็ ไฟ”

วิชาศาสนประวตั 2ิ (อัตตารคี 2) ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนตน้ 55

ใบงานท่ี 14

1. ยกตัวอยา่ งเหตุการณท์ ีบ่ ่งบอกถึงทา่ นนบีมูฮัมมัด (ซ.ล.) ให้เกียรติแก่แขกผู้มาเยอื น
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………...............……………………………………………………………………………………………………………………
2. ยกตวั อยา่ งเหตุการณ์ทบ่ี ่งบอกถงึ ท่านนบีมูฮัมมดั (ซ.ล.) ช่วยเหลอื ผูอ้ ื่น
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………...............……………………………………………………………………………………………………………………

วิชาศาสนประวตั 2ิ (อตั ตารีค2) ระดับมธั ยมศึกษาตอนต้น 56

ใบความรทู้ ี่ 15
การให้ความเสมอภาค และการให้ความรักแก่คนจน

ท่านนบีให้ความสําคัญแก่คนรวย คนยากจน คนชรา เด็ก นาย และทาสเท่ากันหมด ท่านปฏิบัติต่อ
เชลยเหมือนกันหมดทุกคน หากท่านได้รับหน้าที่ให้เป็นผู้แบ่งปันส่ิงของ ท่านจะเริ่มแจกจ่ายจากขวาไปซ้าย

ครั้งหน่ึงท่านนบีเคยกล่าวไว้ว่า “ความช่วยเหลือจากพระเจ้า และปัจจัยยังชีพ (ริซกี) ทั้งมวลที่พวก
ท่านได้รบั กเ็ นอ่ื งจาก (ความปรานีของพระเจ้า ท่ีมีต่อ) คนยากจนเหล่านี้นั่นเอง” ในอีกวาระหนึ่ง ท่านได้กล่าว
ว่า “จงแจ้งข่าวดีแก่บรรดาผู้อพยพท่ียากจนด้วยเถิดว่า พวกเขาจะได้เข้าสวนสวรรค์ก่อนคนร่ํารวยถึง 40 ปี”
และทา่ นนบนี น้ั มีมิตรสหายที่เป็นคนจนมากกวา่ คนร่าํ รวย โดยทา่ นนบีไดเ้ คยส่ังไว้ว่า “หากมีมุสลิมที่ยากจนคน
หนึ่งคนใดเสียชีวิตลง โดยมีหนี้สินติดตัวอยู่ ช่วยบอกฉันให้รู้ด้วย ฉันจะใช้หน้ีให้แก่เขา ส่วนทรัพย์สินท่ีเป็น
มรดกของเขากจ็ ะถูกมอบแก่ทายาทของเขา โดยที่ฉันจะไม่เกี่ยวข้องกับส่ิงน้ีเลย” ในสมัยที่ท่านนบีอยู่ที่นครมัก
กะฮฺ เมอ่ื ทา่ นไปยังกะอฺบะฮฺ กับบรรดาสาวกท่ียากจนของท่าน บรรดาชาวกุร็อยช์ท่ีภูมิฐานก็มักจะหัวเราะเยาะ
แตท่ า่ นนบมี ไิ ด้เอาใจใส่ ทา่ นยงั คงรว่ มทาํ การนมสั การ ระลกึ ถึงอัลลอฮฺร่วมกบั สาวกของทา่ นต่อไป

วิชาศาสนประวตั 2ิ (อัตตารคี 2) ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนต้น 57

ใบงานท่ี 15

1. ยกตวั อย่างเหตุการณท์ บ่ี ่งบอกถึงท่านนบีมูฮัมมดั (ซ.ล.) รกั ความเสมอภาค
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………...............……………………………………………………………………………………………………………………
2. ยกตวั อยา่ งเหตุการณ์ท่ีบ่งบอกถึงทา่ นนบีมูฮัมมัด (ซ.ล.) รักคนจน
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………...............……………………………………………………………………………………………………………………

วิชาศาสนประวตั 2ิ (อตั ตารีค2) ระดับมัธยมศกึ ษาตอนต้น 58

ใบความร้ทู ี่ 16
การมอี ารมณ์ดี การใหอ้ ภัย และการระลึกถึงอัลลอฮฺอยู่เสมอ

ท่านนบีไมเ่ คยแสดงความประพฤติที่หยาบกระด้าง ท่านไม่เคยดูหม่ิน หรือ แสดงกิริยาหยาบคายต่อ
ผทู้ ีม่ าหาทา่ นเลย ท่านไม่เคยแสดงความขัดเคืองต่อเรื่องหยุมหยิมทางโลก แต่สําหรับเร่ืองท่ีขัดกับหลักศาสนา
แล้ว ท่านจะแสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรงเลยทีเดียว ท่านนบีไม่เคยอารมณ์เสียเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัว หาก
ท่านไม่พอใจผู้ใด ท่านก็เพียงแต่เบือนหน้าหนีจากผู้น้ัน แต่ท่านไม่เคยกล่าวถ้อยคําที่แสดงถึงความไม่พอใจ
ออกมาเลย ท่านนบีให้อภัยเสมอแก่ทุกคนท่ีทําในสิ่งท่ีไม่สมควรต่อท่าน การให้อภัยเป็นนิสัยประจําตัวของ
ทา่ น ทา่ นนบีไม่เคยแกแ้ ค้นแก่ผู้ท่ีเคยทําให้ท่านต้องเดือดร้อน ใบหน้าของท่านร่าเริง สดช่ืนเสมอ ท่านไม่เคย
ทํ า ห น้ า บึ ง ตึ ง เ ล ย แ ล ะ ท่ า น จ ะ ห ลี ก เ ลี่ ย ง จ า ก ก า ร ง า น ท่ี ไ ม่ มี ป ร ะ โ ย ช น์ แ ล ะ ไ ม่ มี คุ ณ ค่ า

ท่านนบกี ลา่ วว่า “ฉนั ถูกสง่ มามใิ ชเ่ พ่อื เปน็ มาร แต่เพื่อเป็นนิมิต (เคร่ืองหมาย) ที่ดีงาม สําหรับโลกน้ี”
เมื่อครั้งที่เกิดสงครามอูฮุด ถึงแม้ว่าหน้าผากของท่านจะนองไปด้วยเลือดจากบาดแผล แต่ท่านก็พร่ําขอดุอาอฺ
(ขอพร) ท่านนบีได้รับชัยชนะเด็ดขาดต่อชาวมักกะฮฺนั้น บรรดาศัตรูท่ีเคยจองล้างจองผลาญท่านอย่างโหดร้าย
ในอดีต ได้ถูกนํามาให้ยืนอยู่ต่อหน้าท่าน ซ่ึงขณะนั้นท่านมีอํานาจที่จะทําอย่างไรก็ได้กับศัตรูเหล่าน้ี แต่ท่าน
กลับใหอ้ ภยั พวกเขา

ท่านนบีมีความสงบเสงี่ยมอยู่เสมอ ด้วยความยําเกรงต่ออัลลอฮฺ ท่านจะระลึกถึงอัลลอฮฺอยู่เสมอ ไม่ว่า
จะกําลังยืน หรือน่ังอยู่ก็ตาม ท่านเอาใจใส่กับการทําละหมาดเป็นพิเศษในเดือนรอมาฎอนอันประเสริฐ ท่าน
อ่านคมั ภรี อ์ ลั กุรอฺ ่านในทุกๆวนั โดยท่ีทกุ คร้งั ท่ที ่านอ่านอัลกุรฺอ่าน ท่านมักนํ้าตาไหลด้วยความยําเกรงต่ออัลลอ
ฮฺ และสาํ นกึ ในพระมหากรณุ าธคิ ณุ แห่งอัลลอฮฺ ท่านนบีจะกลา่ วคาํ ระลึกถึงอัลลอฮฺเสมอในทุกอากัปกิริยา เช่น
เม่อื ลกุ ขนึ้ ยนื นัง่ เดนิ เคล่อื นไหว กิน และ ด่ืม ท้ังเวลาเขา้ นอน หรือ ต่ืนนอน เปล่ียนเส้ือผ้า ข้ึนข่ีพาหนะ ออก
เดนิ ทาง หรือ กลบั บ้าน เข้าไปในบา้ น และเข้าไปในมัสยดิ เปน็ ต้น

วชิ าศาสนประวตั 2ิ (อัตตารคี 2) ระดับมธั ยมศึกษาตอนตน้ 59

ใบงานที่ 16

1. ยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่บ่งบอกถึงทา่ นนบีมูฮัมมัด (ซ.ล.) เป็นคนอารมณด์ ี
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………...............……………………………………………………………………………………………………………………
2. ยกตวั อยา่ งเหตุการณ์ทบ่ี ่งบอกถึงท่านนบีมฮู ัมมดั (ซ.ล.) ระลกึ ถงึ อัลลอฮฺ อยเู่ สมอ
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………...............……………………………………………………………………………………………………………………

วิชาศาสนประวตั 2ิ (อัตตารีค2) ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนต้น 60

บทที่ 3
เรื่อง ประวัติคอลฟี ะฮฺ ทัง้ 4 ทา่ น

ชีวประวตั ทิ า่ นอบบู กั รฺ อศั ศดิ ดกิ
ท่านอบูบักร์เป็นคอลีฟะฮ์ระหว่างปี ฮ.ศ. 11-13 หรือ ค.ศ. 632-634 ชื่อเต็มว่า อับดุลลอฮ์ บุตร

อุสมาน (อบูกุฮาฟะฮ์) บุตรอามิร บุตรอัมร์ บุตรกะอับ บุตรสะอัด บุตรตัยม์ บุตรมุรเราะฮ์ มารดาของท่าน
มชี ื่อว่า ซัลมา ทา่ นเป็นทีร่ ู้จักในนาม อบบู กั ร์ อศั ศิดดีก มีอายุอ่อนกว่าท่านนบี (ซ.ล.) สองปีเศษ อบูบักร เกิดท่ี
มักกะฮ์ ปี ค.ศ.573 เป็นชาวอาหรบั ตระกลู บะนตู ัยม์ เผา่ กุรอ็ ยส์ ท่านเกิดในครอบครวั ท่มี เี กยี รติเป็นที่นับหน้า
ถือตาในมักกะฮ์ ท่านเป็นคนที่มีจิตใจบริสุทธ์และจริงใจ ท่านนบีมูฮัมมัดได้ให้สมญานามท่านว่า "อัซซิดดีก"
(ผู้ท่ีมีความเช่ือมั่นอย่างบริสุทธ์ิใจในการศรัทธา) สาเหตุที่ท่านนบีมูฮัมมัด(ศ็อล) ได้ให้สมญานาม "อัซซิดดีก"
เพราะอบูบักรเชอ่ื ในคําพูดของทา่ นนบมี ูฮัมมัดโดยไม่มคี วามสงสัยใดๆ

ท่านอบูบักร์ เป็นคนสุภาพ เป็นคนซ่ือสัตย์ และมีสัจจะ อบูบักร์ มีบุคลิกภาพคล้ายกับท่านนบีมูฮัมมัด
เนื่องจากว่าท่านนั้นเป็นสหายคนสนิทของท่านนบีตั้งแต่เยาว์วัย อบูบักร์ เป็นคนใจบุญ ท่านชอบช่วยเหลือ
คนจนคร้ังหน่ึงท่านอบูบักร์ได้นําเอาทรัพย์สินทั้งหมดที่มีอยู่มากมายให้กับท่าน นบีเพื่อใช้ในสงครามตะบูก
ทา่ นนบถี ามวา่ "อบบู กั ร์ท่านเหลอื สง่ิ ใดไว้กับครอบครวั ของท่านบา้ ง" อบูบักร์ กล่าวว่า " ฉันเหลืออัลลอฮ์ และ
รอซูลของพระองคไ์ วก้ บั พวกเขา "

ท่านอบูบักร์ เป็นชายคนแรกท่ีเข้ารับนับถือศาสนาอิสลาม เม่ือท่านนบีเผยแผ่อิสลามแก่อบูบักร์
เขาตอบรับอิสลามทันที เม่ือท่านศรัทธาแล้วท่านก็เชิญชวนบุคคลเป็นจํานวนมากเข้ารับอิสลาม เช่น
อุษมาน, สุเบ็ร, ฏ้อลฮะฮ์, อับดุรเราะห์มาน, สะอัด, บิล้าล และผู้ศรัทธาอีกหลายคน ท่านอบูบักร์ มีความ
ผกู พนั กับท่านนบอี ย่างใกล้ชิดทา่ นนั้นเปน็ สหายคนสนทิ ของทา่ นนบี ตง้ั แตเ่ ยาว์วยั และยงั เป็นสหายของท่านนบี
ในขณะท่ีอพยพจากมักกะฮ์ไปมะดีนะ ฮ์ ท่านนบีกล่าวว่า " ในบรรดาสหายท่ีดีของข้าพเจ้านั้น อบูบักร์ เป็นผู้
ประเสริฐสดุ " อีกทัง้ ทา่ นยังเปน็ พอ่ ตาของทา่ นนบี เนอื่ งจากลูกสาวของท่าน คือ ท่านหญิงอาอิฉะฮ์ เป็นภรรยา
ของนบี ท่านได้เข้าร่วมทําสงครามกับท่านนบีทุกคร้ัง ท่านได้ซ้ือทาสและปล่อยทาสให้เป็นอิสระเป็นจํานวน
มาก ขณะที่ท่านนบีปุวย อบูบักร์ได้รับเกียรติให้เป็นผู้นําละหมาด (อิหม่าม) ซ่ึงเป็นเคร่ืองหมายที่แสดงให้เห็น
ถึงความเหมาะสมในการเป็นผู้นําของท่าน อบูบักร์ เป็นผู้ใกล้ชิดต่อท่านนบี ท่านได้ใช้ชีวิตอยู่กับท่านนบีต้ังแต่
เด็กจนกระทั้งท่านนบีเสียชีวิต ด้วยเหตุน้ี อบูบักร์จึงเป็นผู้หน่ึงท่ีมีความรู้ทางด้านซุนนะฮ์ของท่านนบีมูฮัมมัด
(ศ็อล) อย่างแท้จรงิ ชวี ิตทัง้ ชีวิต ของทา่ นได้อุทิศใหก้ บั การเสียสละและการต่อสูใ้ นหนทางของอลั ลอฮ์

ท่านอบูบักรไ์ ด้รบั การแต่งตง้ั ให้เปน็ เคาะลีฟะฮ์ จากการประชุมกันระหว่างชาวอันศอรฺ(ชาวมะดีนะฮ์)
กับฝุายมุฮาญิร (ชาวมักกะฮฺ) บรรดาเศาะหาบะห์ท้ังชาวอันศอรและมุฮาญิรได้มีการประชุมหารือกันเพ่ือคัด
เลือกผู้นําคนใหม่ซึ่งมีฐานะเป็นตัวแทนหรือเคาะลีฟะฮ์ของท่านนบี ท่ีประชุมมีมติคัดเลือกให้อบูบักรเป็นเคาะ
ลีฟะฮ์ของท่านนบี โดยเหตุผลความอาวุโส ความประเสริฐและความใกล้ชิดกับท่านนบี ชาวมุสลิมต่างก็ให้การ
สัตยาบันต่อท่า นอบูบักร์ในฐ า นะเป็นผู้นําคน ใหม่และเป็น เคาะลีฟะฮ์คน แรกของท่านน บี

ท่านอบูบักร์ขึ้นมาทําหน้าที่เคาะลีฟะฮ์ในขณะที่ประวัติศาสตร์อิสลามกําลังอยู่ในระยะ หน้าส่ิวหน้า
ขวาน จะต้องเผชิญกับปัญหาหลายอย่าง เช่น การเกิดข้ึนของนบีเถ่ือน การถอนตัวออกจากอิสลาม ตลอดจน
การปฏิเสธไม่ยอมจ่ายซะกาตอย่างขันแข็งของชนเผ่าต่างๆ ท่ัวภาคพื้นอาราเบีย ซ่ึงเป็นการท้าทายรัฐอิสลาม
แห่งนครมะดีนะฮ์เป็นอย่างมาก เหตุการณ์ดังกล่าวนี้นักประวัติศาสตร์เรียกว่า “เหตุการณ์อิรติดาด “ท่านอบู

บักร์ใช้มาตรการทางทหารอย่างเด็ดขาดในการแก้ปัญหาเหตุการณ์อิรติดาด บางเผ่าก็ยอมจํานนต่ออิสลามแต่
โดยดี แตบ่ างเผ่าก็ยังด้ือดึงจนต้องทําสงครามกับพวกเขา ในช่วงสองปีในการทําหน้าท่ีเป็นเคาะลีฟะฮ์ ท่านอบู
บักรประสบความสําเร็จเป็นอย่างมากในการบดขยี้อํานาจของนบีปลอม ปราบปรามกบฏในประเทศอย่างส้ิน

วิชาศาสนประวตั 2ิ (อัตตารคี 2) ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนตน้ 61

ซากและขับไล่ผู้รุกรานจากต่างประเทศ ท่านเป็นผู้สร้างรากฐานอันม่ันคงให้แก่รัฐอิสลามและผนึกพลังอิสลาม
เ พื่ อ ร อ ง รั บ ก า ร เ ผ ชิ ญ ห น้ า กั บ ม ห า อํ า น า จ ไ บ แ ซ น ที น แ ล ะ ม ห า อํ า น า จ เ ป อ ร์ เ ซี ย ต่ อ ไ ป

ผลงานของท่านอบบู กั รฺ อศั ศิดดิก
อบูบักร์มีคุณสมบัติแห่งความเป็นผู้นําที่แท้จริง ท่านเป็นผู้นําท่ีดี มีคุณธรรมและถือสัจธรรมเป็นที่ต้ัง

ท่านมีความกระตือรือร้น มีความขยันหม่ันเพียร มีความขันติธรรมเป็นเลิศ และเป็นคนท่ีมีความเด็ดเดี่ยวกล้า
หาญ กล้าตัดสินใจ ท่านยังเป็นผู้มองการณ์ไกลและสามารถเผชิญหน้ากับทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ช่วง
ระยะเวลาอันสั้นเพียงสองปีที่ท่านดํารงตําแหน่งเคาะลีฟะฮ์ ท่านประสบความสําเร็จในการฟื้นฟูอิสลามให้
เขม้ แข็งยง่ิ ข้ึน ทา่ นไดส้ รา้ งอาณาจักรอิสลามให้ย่ิงใหญ่มากข้ึน มะดีนะฮ์กลายเป็นศูนย์กลางการปกครองของ
อ า ณ า จั ก ร อิ ส ล า ม ที่ มี บ ท บ า ท ต่ อ ก า ร ดํ า เ นิ น ชี วิ ต ข อ ง มุ ส ลิ ม ท่ า น ผ ล ง า น ม ก ม า ย ไ ด้ แ ก่

1. สามารถปราบปรามกบฏผู้ทรยศต่อรฐั อสิ ลามและปราบปรามนบีปลอมที่เกิดข้ึนหลังจากท่านน
บีมูฮมั มดั ไดส้ วรรคต

2. ทา่ นสามารถสร้างสรรคค์ วามสงบสันติและความเป็นพ่ีน้องภายใต้เอกภาพแห่งรัฐอิสลามให้บัง
เกิดขนึ้

3. ท่านได้สั่งให้มีการรวบรวมและบันทึกโองการต่างๆของอัลกุรอานท่ีกระจัดกระจาย อยู่ตาม
แหล่งต่างๆให้มาอยู่ในทเ่ี ดียวกัน โดยทาํ เปน็ มสุ ฮฟั ( ทาํ กรุ อานเปน็ เลม่ ) ได้อยา่ งสมบูรณ์

4. ท่านเป็นผู้นําในการประกอบพิธีฮัจญ์ ใน ฮ.ศ ท่ี 9 ซ่ึงเป็นฮัจญ์ครั้งแรก เรียกฮัจญ์ครั้งน้ีว่า
ฮัจญ์ อกั บรั

5. ท่านเปน็ ผู้นําละหมาดท่ีมัสยดิ อนั นะบะวยี ์ แทนทา่ นนบมี ูฮมั มดั
6. ทา่ นไดส้ ่งกองทหารของอุซามะฮ์ไปรบกับพวกโรมันที่ซีเรีย ภายใน 3 สัปดาห์ กองทหารของอุ
ซามะฮก์ ก็ ลบั มาพร้อมกับชยั ชนะที่มีตอ่ ชาวโรมนั
ทา่ นอบูบักร์เสียชีวิตในปีอิจญเราะฮฺที่ 13 ขณะที่ท่านอายุ 63 ปี ได้ดํารงตําแหน่งเป็นเคาะลีฟะฮ์
ในระยะเวลา 2 ปี กบั 10 คนื ก่อนที่ท่านจะเสียชีวิตท่านได้แต่งตั้งแต่งต้ังท่านอุมัร อิบนุ อัลค็อฏฏอบเป็นผู้สืบ
ทอดตําแหน่งเคาะลีฟะฮ์ต่อไป

ชวี ประวตั ทิ า่ นคอลีฟะฮฺอุมัร อิบนุ ค็อฏฏอบ
ท่านอุมัร เป็นคอลีฟะฮ์ระหว่างปี ฮ.ศ. 13-23 หรือ ค.ศ. 634-644 ท่านมีชื่อจริงว่า อุมัร อิบนุ

อัล ค็อฎฎอบ อิบนุ นุไฟล อัลกุรอซีย์ ท่านมีฉายาว่า อบูหัฟศิน ท่านเกิดที่นครมักกะฮฺ ในปี ค.ศ. 513
เกิดหลังจากท่านนบี (ศอ็ ลฯ) 13 ปี กอ่ นท่ีท่านจะเขา้ รับอิสลามทา่ นอมุ ัรเป็นศัตรูคนสําคัญของท่านนบีและเป็น
คน หนงึ่ ทตี่ อ่ ต้านคดั ค้านอสิ ลามอยา่ งแรงที่สดุ ด้วยการยุยงของอบูซุฟยานในวันหน่ึงท่านอุมัรจะตัดคอท่านนบี
แต่ในระหว่าง ทางท่านได้ยินถ้อยคําอันอ่อนหวานของอัลกุรอานที่น้องสาวและน้องเขยอ่านให้ ท่านอุมัรฟังทํา
ให้จิตใจของท่านอ่อนลง ท่านว่ิงไปหาท่านนบีและข้อเข้ารับอิสลามในทันที พระองค์อัลลออฺทรงให้อิสลาม
เข้มแข็งด้วยการเข้ารับอิสลามของท่านอุมัร การเป็นเคาะลีฟะฮ์ของท่านอุมัรได้รับการแต่งตั้งจากท่านอบูบักร์

ในสมัยการปกครองของท่านอูมัร อิบนุ อัลค็อฏฏอบ รัฐอิสลามประสบความสําเร็จในด้านกําลัง
ทหารเป็นอย่างสูง กองทัพอิสลามสามารถโค่นล้มมหาอํานาจเปอร์เซียได้สําเร็จ และยึดเมืองต่างๆ ของ
อาณาจักรเปอร์เซียโดยผนวกเข้าเป็นส่วนหน่ึงของรัฐอิสลาม นอกจากน้ีกองทัพอิสลามได้เข้าไปปลดปล่อย
ดินแดนซเี รียและปาเลสไตนอ์ อกจาก เงื้อมมือของมหาอํานาจไบแซนทีน กุดส์อันประเสริญและมัสยิดอัลอักศอ
ก็ตกอยู่ภายใตก้ ารคุมครองของรฐั อิสลาม ในปี ค . ศ . 639 กองทัพอิสลามภายใต้การนําของท่านอัมร์ บินอาส
เข้าพิชิตอียิปต์และยึดเมืองต่างๆ รวมถึงเมืองเมืองอเล็กซานเดรีย ท่านอุมัร อิบนุ อัลค็อฏฏอบไม่เพียงแต่

วิชาศาสนประวตั ิ2 (อัตตารีค2) ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนตน้ 62

สามารถพชิ ิตและแผ่ขยายอาณาจกั รอสิ ลามให้กว้างใหญ่เท่า นน้ั แตท่ ่านยังไดผ้ นวกดินแดนเหล่าน้ันเข้าด้วยกัน
ด้วยระบบการบริหารอันดีย่ิงอีก ด้วย เพ่ือสะดวกในการบริหารท่านได้แบ่งอาณาจักรท้ังหมดเป็นแคว้นต่างๆ
เช่น แคว้นมักกะฮ์ มะดีนะฮ์ ญะซีเราะฮ์ บัศเราะฮ์ คูฟะฮ์ อียิปต์ และปาเลสไตน์ เป็นต้น ผู้ปกครองแค้วน
เรียกว่า “วะลี หรือ อามิร “ซึ่งมีหน้าที่มิใช่เป็นแต่เพียงผู้ปกครองแคว้นเท่าน้ันแต่ยังเป็นประมุขใน ด้านศาสนา

และการทหารอีกด้วย ท่านอุมัร เป็นผู้นําเอาระบบศักราชฮิจเราะฮ์มาใช้และยังนําเอาระบบการใช้เงินบํานาญ
แก่ผู้ สูงอายุอีกด้วย นอกจากน้ีท่านได้จัดตั้งดิวานซ่ึงเป็นแผนกการคลังเพื่อทําหน้าท่ีในการบริหาร เงินรายได้
ของรัฐท่มี าจากส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ท่านอุมัร อิบนุ อัลค็อฏฏอบ เป็นนักบริหารและนักปกครองที่อยู่ใน
อุดมคติของชาวมสุ ลมิ ทกุ คนตลอดประวัติศาสตร์อิสลาม

ผลงานของท่านคอลีฟะฮอฺ ุมรั อิบนุ คอ็ ฏฏอบ
1. เปน็ เคาะลีฟะฮค์ นแรกที่ไดร้ ับฉายาวา่ อามีรุลมมุ นี ีน ประมุขแหง่ มวลผู้ศรัทธา
2. เป็นเคาะลฟี ะฮ์ คนแรกทส่ี ง่ั ให้ทาํ การขยายมัสยดิ อลั หะรอม
3. เป็นเคาะลีฟะฮ์คนแรกท่ีส่ังให้ใช้ปฏิทินฮิจญ์เราะฮฺเริ่มจากท่านรอซูลศ็อลลัลอฮุอาลัยฮีวาซัลลัม
อพยพไปมะดีนะฮ์
4. เป็นเคาะลีฟะฮ์คนแรกที่สั่งให้มีการบันทึกรายรับรายจ่ายในหน่วยงานต่างๆของรัฐ และการจ่าย
เงินเดอื นแก่ผมู้ สี ทิ ธริ ับเงนิ
5. เปน็ เคาะลฟี ะฮค์ นแรกทส่ี ั่งใหจ้ ัดบ้านพกั รับรองแขก และเกบ็ อาหารใหเ้ ต็มเพือ่ ช่วยเหลือผู้ที่ไร้ญาติ
ขาดมิตร
6. เป็นเคาะลฟี ะฮ์คนแรกที่ออกตรวจตราประชาชนในเวลากลางคนื
7. เป็นเคาะลีฟะฮค์ นแรกที่แต่งตั้งใหม้ ีผ้พู ิพากษา
8. เป็นเคาะลฟี ะฮค์ นแรกทจ่ี ัดตงั้ สํานกั งานการคลงั ของมุสลิมขึ้น (บยั ตลุ มาล)
9. เป็นเคาะลีฟะฮ์คนแรกท่สี งั่ ให้จัดตั้งท่ีทําการไปรษณีย์
ก่อนท่ีท่านจะเสียชีวิตเน่ืองจากบาดเจ็บจากถูกลอบสังหารโดยชาวเปอร์เซีย ท่านได้แต่งตั้งสภาที่

ปรึกษา หรือท่ีเรียกว่า อะห์ลุลหัล วัลอักด์ จํานวน 6 ท่าน จากบรรดาศอฮาบะฮ์ชาวสวรรค์ เพ่ือทําหน้าที่
คัดเลือกและสรรหาผู้ท่ีจะสืบตําแหน่งเคาะลีฟะฮ์ต่อไป ในที่สุดท่ีประชุมได้คัดเลือกท่านอุษมาน อิบนุ ให้เป็น
เคาะลีฟะฮ์คนท่ี 3 แห่งอาณาจักรอิสลาม เคาะลีฟะฮ์อุมัร ส้ินชีวิตลงโดยการถูกลอบสังหาร จากชาวเปอร์เซีย
คนหน่ึงทีม่ ี ชื่อวา่ อบลู ลุ ู ในปี ค.ศ. 643 ในขณะท่ีท่านกาํ ลงั ละหมาดอยูใ่ นมัสยดิ

ชีวประวัตขิ องทา่ นคอลฟี ะฮฺอุษมาน บนิ อฟั ฟาน
ทา่ นอษุ มานเปน็ เคาะลีฟะฮร์ ะหวา่ งปี ฮ.ศ. 23-35 หรอื ค.ศ. 644-656 ท่านอุษมานมีช่ือเต็มว่า ท่านอุ

สมาน บุตร อัฟฟาน บตุ ร อบุล อาส บุตร อมุ ยั ยะฮ์ บุตร อับดซุ ซัม บุตร อับดิมานาฟ มารดาของท่านชื่อ อัรวา
บตุ รี กรุ อ้ ยส์ ท่านเกดิ ในปี ค.ศ. 573 ทา่ นกาํ เนิดในตระกูลกุร็อยซ์แห่งเผ่าอุมัยยะฮ์ซึ่งเป็นอดีตชนชั้นผู้ปกครอง
ใน มักกะฮ์ ทา่ นอสุ มานมีอายุนอ้ ยกว่าทา่ นนบี 5 ปี ท่านได้เข้ารับอิสลามโดยการเชิญชวนของอบูบักร เม่ืออายุ
34 ปี และท่านไดแ้ ต่งงานกับบุตรสาวของท่านนบี 2 คน ทา่ นอุษมานแตง่ งานกบั รุกอยยะฮ์ เมื่อรุกอยยะฮ์ถึงแก่
กรรม อุษมานได้แต่งงานกับอุมมุกัลโซม ซึ่งเป็นบุตรสาวอีกคนหน่ึงของท่านนบี ด้วยเหตุนี้จึงทําให้ท่านได้รับ
สมญานามว่า ซุนนูร็อยน์ ( The man with two lights. ) ( เจ้าของรัศมี 2 ดวง ) ท่านเป็นผู้หนึ่งท่ีได้รับการ
บอกขา่ วดีเกยี่ วกบั สวรรค์

วชิ าศาสนประวตั 2ิ (อตั ตารคี 2) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น 63

ทา่ นอษุ มานเป็นคนที่เสียสละอยา่ งมากคนหนงึ่ ทา่ นอษุ มานไดซ้ ือ้ บ่อนาํ้ รมู ะฮ์ จากชาวยิวท่ีมีช่ือว่ายูซุฟ
ดว้ ยจํานวนเงิน 35,000 ดิรฮมั แลว้ บริจาคใหม้ สุ ลมิ ไดใ้ ช้ประโยชน์จากบ่อนํา้ น้ัน

ท่านอุษมานเป็นผู้ที่มีใจบุญ โอบอ้อมอารี และเอ้ือเฟ้ือเผ่ือแผ่ ครั้งหน่ึง ชาวเมืองมะดีนะฮ์ต้องประสบ
กับความขาดแคลน พ่อค้าจึงพยายามฉวยโอกาสท่ีจะนําสินค้ามาขายโดยได้กําไรอย่างมาก ท่านอุสมานได้นํา
สินค้าทง้ั หมดทมี่ ีอยู่ แล้วประกาศวา่ " โออ้ ัลลอฮ์ ฉนั ขอทําทานบริจาคสินค้าท้ังหมดน้ี เพ่ืออัลลอฮ์ แก่ผู้ยากจน
ในเมืองมะดีนะฮ์ โดยไม่คิดค่าสินค้าแต่อย่างใด " อีกทั้งท่านมีจรรยามารยาทท่ีงดงาม มีความสุภาพอ่อนโยน
และมีความละอายเป็นอยา่ งยิ่ง

อุษมานได้อยู่ร่วมกับท่านนบีและได้เข้าทําสงครามกับท่านทุกครั้งนอกจากสง ครามบะดัร เน่ืองจาก
ทา่ นตอ้ งดแู ลรุกอยยะฮ์ท่ปี วุ ยอยู่ ท่านทาํ หน้าที่เป็นทูตของทา่ นนบี เพ่ือเจรจาทีจ่ ะเขา้ ไปทาํ อุมเราะฮ์ท่ีมักกะฮ์

ผลงานของท่านคอลฟี ะฮฺอษุ มาน บนิ อัฟฟาน
1. การพิชิตดินแดน ในช่วง 6 ปีแรกของการรับหน้าท่ีเป็นเคาะลีฟะฮ์ ท่านอุษมานสามารถสานต่อ

นโยบายของท่านอุมัร ในการขยายดินแดนและสรา้ งความเขม้ แข็งใหแ้ กร่ ฐั อสิ ลาม อาณาจักรอิสลามได้แผ่ขยาย
ไปอย่างกว้างขวาง ท่านได้ผนวกอัฟกานิสถานและคูราซานเข้าในอาณาจักรอิสลาม เมืองอาร์เมเนีย อาร์เซอร์
ไบจัน และบางส่วนของเอเซียไมเนอร์ ตลอดจนจนดินแดนท่ีอยู่ในอาฟริกาเหนือและเกาะต่างๆในทะเลเมดิ
เตอร์เรเน่ียน ก็ตกอยูภ่ ายใตก้ ารการปกครองของรฐั อิสลาม

2. การจัดตั้งกองทัพเรือ ท่านอุสมานเป็นคนแรกท่ีจัดต้ังกองทัพเรือข้ึนเพื่อต่อสู้กับการรุกรานของชาว
โรมัน กองทัพเรือมุสลมิ พิชติ เกาะไซปรสั เกาะโรดส์ และยึดเมืองอเล็กซานเดเรียคืนจากพวกโรมันได้ พร้อมกับ
ขับไล่อํานาจโรมันออกจากดินแดนอียิปต์ได้ กองทัพเรือมุสลิมได้แสดงวีรกรรมในการต่อสู้กับพวกโรมันใน
สงคราม " เสากระโดงเรือ " และได้รบั ชยั ชนะอยา่ งงดงาม

3. การขยายมัศญิด อันนะบะวีย์ ท่านอุสมานขยายมัศญิด อันนะบะวีย์ ที่มะดีนะฮ์ โดยสร้างใหม่ด้วย
หนิ สกัด เสาทาํ ด้วยหนิ เพดานบดุ ้วยไม้สกั

4. การคัดลอกอัลกุรอาน สืบเน่ืองจากการท่ีอาณาจักรอิสลามได้แผ่ขยายมากย่ิงข้ึน จึงเป็นเหตุให้
มุสลิมบางกลุ่มอ่านกุรอานไม่เหมือนกัน ท่านอุสมานจึงได้ส่งคนไปหาพระนางฮัฟเซาะฮ์ บุตรี อุมัร ซึ่งเป็น
ภรรยาของท่านนบี เพ่ือขอคัดลอกต้นฉบับอัลกุรอาน ท่านหญิงฮัฟเซาะฮ์ จึงได้มอบอัลกุรอานให้แก่อุสมาน
ทา่ นอุษมานไดใ้ ช้ใหเ้ ซด็ บตุ ร ซาบติ , อับดลุ ลอฮ์ บุตร ซุเบร็ , อับดุรเราะหม์ าน บตุ ร ฮาริษ ทาํ การคัดลอกอัลกุ
รอาน แล้วท่านอุสมานก็จัดส่งคัมภีร์อัลกุรอานไปยังหัวเมืองต่างๆ เช่น อียิปต์ ซีเรีย อิรัก และท่านก็สั่งให้เผา
อลั กุรอานท่ีกระจัดกระจายอยู่ในท่ีต่างๆเพ่อื ปูองกนั จากความบดิ เบือน

ท่านอุษมานส้นิ ชีวติ ( ชะฮีด ) โดยการถูกสังหารในขณะท่ีท่านกําลังอ่านอัลกุรอานอยู่ในบ้านของท่าน
ในวันที่ 18 เดือนซุลฮิจญะฮ์ ค . ศ . 656 รวมอายุได้ 82 ปี ศพของท่านถูกฝังไว้ท่ีกุบูร อัล บะเกียะอ์ ท่ีมะดี
นะฮ์ ท่านอุษมานปกครองอาณาจักรอิสลามเป็นเวลา 12 ปี วิถีชีวิตของท่านอุสมานเป็นแบบอย่างที่ดีอย่างย่ิง
ซงึ่ เราจําเป็นจะต้องนํามาเป็นแนวทางปฏิบัติ

ชีวประวตั ิของท่านอาลี บนิ อะบี ฏอลิบ
ท่าน อาลี เป็นเคาะลีฟะฮ์ระหว่างปี ฮ.ศ. 35-40 หรือ ค.ศ. 656-661 ท่านอาลี มีช่ือเต็มว่า อาลี บุตร

อบู ฏอลิบ บุตร อบั ดลุ มุฏฏอลิบ บตุ ร ฮาชมิ มารดาของท่านชื่อฟาตีมะฮ์ บุตรี อะซัด ท่านเป็นคนในตระกูลบนู
ฮาชิม ซง่ึ เป็นตระกลู เดียวกับท่านนบีและมีศกั ดิ์เปน็ ลูกพ่ีลูกนอ้ งกบั ทา่ นนบี (ศ็อล) ท่านอาลีเกิดภายในกะอ์บะฮ์
เมืองมักกะฮ์ ท่านเกิดปี ค . ศ . 600 ท่านมีอายุน้อยกว่าท่านนบี 30 ปีอาลี บุตร อบูตอลิบ มีช่ือเล่นว่า
" อบู หะซนั " ทา่ นนบมี ฮู มั มดั เรยี กชื่อทา่ นวา่ " อบู ตุรอบ "

วิชาศาสนประวตั ิ2 (อัตตารีค2) ระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น 64

ท่าน เป็นคนหนึ่งที่ได้รับข่าวดีเก่ียวกับสวรรค์ ท่านอาลีได้รับการเล้ียงดูจากท่านนบีตั้งแต่เด็กท่านนบี
รักอาลเี สมอื น บุตรของท่านเอง นอกจากน้ีท่านนบียังได้ยกท่านหญิงฟาฏีมะอ์ บุตรสาวให้แต่งงานกับท่านอาลี
อีกด้วย ท่านอาลีไม่เคยเคารพบูชารูปปั้นเลยสักครั้ง อาลี เป็นเด็กคนแรกที่เข้ารับอิสลาม ขณะอายุ 10 ขวบ
ท่านกล่าวว่า " ท่านรอซูล (ศ็อล) . ได้รับแต่งตั้งให้เป็นนบีในวันจันทร์ ฉันได้เข้ารับนับถือศาสนาอิสลามในวัน
องั คาร "

เน่ืองจากความกล้า หาญและวีรกรรมของท่านอาลีในการเข้าร่วมรบในสงครามสาสนา ท่านอาลีจึง
ไดร้ ับสมญานามว่า " อะซะดุลเลาะฮ์ " “‫ (“ أسد الله‬The Lion of Allah ) ( สงิ โตแห่งพระเจา้ )

คุณลกั ษณะเดน่ ของท่านอาลี
1. ท่านอาลีกับกุรอาน อาลีเป็นผู้มีความใกล้ชิดต่อท่านนบี ทุกครั้งท่ีอายะฮ์กุรอานถูกประทานลงมา

ท่านจะท่องจําทั้งหมด ท่านกล่าวว่า " ขอสาบานด้วยอัลลอฮ์ ไม่มีอายะฮ์หนึ่งถูกประทานมา เว้นแต่ว่าฉันจะรู้
ว่า ด้วยส่ิงใดท่ีถูกประทานมา ถูกประทานมาที่ไหน ถูกประทานมาเกี่นวกับผู้ใด แท้จริงพระเจ้าของฉันได้ทรง
ประทานใหฉ้ ันมีหัวใจท่ีจดจาํ แมน่ ยาํ และล้ินทีพ่ ูดได้ฉะฉาน " ดว้ ยเหตุนีอ้ าลจี ึงเปรียบเสมือนประตูแห่งวิชาการ
ท่านอาลีมีความสามารถในการตัดสินคดีความ จนกระท่ังท่านนบีได้กล่าวยอมรับว่า " ผู้ตัดสินคดีที่ดีที่สุด
คอื ท่านอาลี

2. การเสยี สละทีย่ ่ิงใหญ่ ขณะทีท่ า่ นนบอี พยพจากมกั กะฮส์ ู่นครมะดีนะฮ์ ในช่วงที่ชาวมักกะฮ์ล้อมบ้าน
ของทา่ นนบอี ย่นู ัน้ ท่านอาลีไดเ้ สียสละนอนแทนทขี่ องทา่ นนบี เพอื่ ให้นบอี พยพไปมะดีนะฮ์อยา่ งปลอดภัย

3. อาลีเป็นผู้แทนของท่านนบี เล่าจากสะอัด บุตร อบีวักกอส ได้กล่าวว่า : ท่านรอซูล ซ.ล. ได้แต่งตั้ง
อาลี บุตร อบูตอลิบ เป็นผู้สําเร็จราชการแทนในสงครามตะอ์บูก ( สงครามกับโรมันท่ีซีเรียในปี ฮิจญเราะฮ์
ศักราชที่ 9 )

อาลีได้กล่าวว่า " โอ้ท่านรอซูลของอัลลอฮ์ ท่านท้ิงข้าพเจ้าไว้กับผู้หญิงและเด็กๆหรือ ? ท่านนบีได้
กลา่ วว่า ท่านไม่พอใจหรือ การที่ท่านกับข้าพเจ้าก็เหมือนฮารูนกับมูซา เว้นแต่จะไม่มีนบีอีกหลังจากข้าพเจ้า "
รายงานโดย บคุ อรี มุสลิม และตริ มิซยี ์

4. ท่านอาลเี ป็นนกั รบ ทา่ นอาลีเปน็ ผทู้ ่มี ีความกล้าหาญ ท่านรว่ มรบกบั ทา่ นนบีทุกครั้ง ยกเว้นสงคราม
ตะอ์บูกที่ต้องเป็นผู้สําเร็จราชการแทนท่านนบี ในสงครามบะดัร ท่านเป็นผู้ถือธงรบของกองทหารมุสลิม ท่าน
ทําการต่อสู้ตัวต่อตัวกับวะลีด บุตร อุกบะฮ์ ในสงครามอุฮุด ท่านรับคําท้าของ อบู สะอัด และสามารถมีชัยต่อ
เขาได้ ในสงครามคูเมือง ( คอนดัก ) อับดุวูด ท้าทายต่อกองทหารมุสลิม ซึ่งในตอนแรกไม่มีใครกล้ารับคําท้า
ของเขา เน่ืองจากอับดุวูด มีร่างกายใหญ่โต แข็งแรง มีเพียงอาลีเท่านั้นที่รับคําท้า เขาท้ังสองต่อสู้กัน แม้ว่าใน
ตอนแรกทา่ นอาลีถูกฟนั แตใ่ นที่สุดอาลีก็สามารถมีชัยต่ออับดุวูดได้ จากวีรกรรมคร้ังนี้ ท่านอาลีจึงได้รับสมญา
นามว่า " อะซะดุลลอฮ์ " " สงิ โตแห่งพระเจา้ "

5. ทา่ นอาลเี ปน็ นักปราชญ์ ท่านอาลีไม่ใช่เปน็ เพียงนักรบอย่างเดยี วเท่านั้น แต่ท่านก็ยังเป็นนักปราชญ์
อีกด้วย ท่านนบีมูฮัมมัดกล่าวเก่ียวกับอาลีว่า "ฉันคือคลังแห่งวิชาความรู้ และอาลีเป็นประตูสู่วิชาความรู้"
ท่านนบเี คยแตง่ ตงั้ ใหอ้ าลีเป็นผู้พิพากษาที่เยเมน

หลังจากท่านอุษมานถูกฆาตกรรม ประชาชนชาวมะดีนะฮ์รวมถึงกลุ่มกบฏได้ให้การสัตย์สาบาญต่อ
ท่านอะลี อิบนุ อบีฎอลิบให้สืบทอดตําแหน่งเคาะลีฟะฮ์คนท่ี 4 แห่งอาณาจักรอิสลาม ท่านอะลีเป็นผู้นํารัฐ
อิสลามในขณะที่สถานการณ์รอบด้านเต็มไปด้วยความวุ่นวาย ระสําระสายและมีความแตกแยกกันอันสืบเน่ือง
จากฟิตนะตุลกุบรอ ท่านหญิงอาอิชะฮ์พร้อมกับท่านฏ็อลฮะฮ์ และท่านซุบัยร์รวมตัวกันบีบค้ันท่านอะลีให้
รบี เรง่ ดาํ เนนิ คดีตอ่ กลุม่ กบฏ ฆาตกรทา่ นอษุ มาน ในขณะท่ีท่านมุอาวิยะฮ์ อิบนุ อบี สุฟยาน ซึ่งเป็นข้าหลวงใน
ซีเรียมาต้ังแต่สมัยเคาะลีฟะฮ์อุมัรปฏิเสธที่จะให้การ สัตย์สาบาญต่อเคาะลีฟะฮ์อะลี พร้อมกับกล่าวหาท่าน

วิชาศาสนประวตั 2ิ (อตั ตารคี 2) ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ 65

เคาะลีฟะฮ์อะลี มีส่วนรู้เห็นในเหตุการณ์ฆาตกรรมท่านอุษมาน จุดยืนทางการเมืองที่แตกต่างกันระหว่างเคาะ
ลีฟะฮ์อะลีกบั ท่านหญิงอาอีชะฮ์ และท่านมุอาวิยะฮ์ข้าหลวงแห่งซีเรียจบลงโดยการสงครามญะมาล ( สงคราม
อูฐ ) และสงครามซิฟฟีนตามลําดับ ซึ่งเป็นศึกสายเลือดระหว่างมุสลิมด้วยกันที่เกิดขึ้นครั้งแรกในประวัติ
ศาสตร์อิสลามและทั้งสองฝุายสูญเสียกําลังทหารและศอหาบะฮ์เป็นจํานวนมาก นอกจากน้ียังเป็นสาเหตุของ
การเกิดกลมุ่ คอวาริจญ์ซ่ึงเป็นกลุ่มที่ไม่เห็น ด้วยกับการแต่งตั้งมัจลิสตะห์กีม ( คณะอนุญาโตลาการเพ่ือหาทาง
ออกปัญหาคิลาฟะฮ์ ) ในสงครามซิฟฟีน และนําไปสู่สงครามนะห์รอวาน ระหว่างกองทัพเคาะลีฟะฮ์อะลีกับ
กลุ่มคอวาริจญ์ บุตรชายของท่านคือท่านหะสัน ขึ้นมาดํารงตําแหน่งเป็นเคาะลีฟะฮ์แทนในระยะเวลาสั้นๆ
ประมาณ 6 เดือน ก่อนที่จะมอบตําแหน่งเคาะลีฟะฮ์ให้แก่ท่านมุอาวิยะฮ์ อิบนุ อบีสุฟยานต่อไป

ท่านอาลีเสียชีวิตจากการถูกลอบสังหารโดยอับดุรเราะห์มาน บุตร มุลญิม ในขณะท่ีท่านละหมาดอยู่
ที่มัศญดิ ในเมอื ง กูฟะฮ์ ประเทศอริ กั ทา่ นอาลีส้ินชวี ติ ในปี ค . ศ . 661 ขณะน้ันท่านอายุ 63 ปี ศพของท่านฝัง
ไว้ที่เมืองกูฟะฮ์ ประเทศอิรัก ท่านอาลีเป็นแบบอย่างที่ดีของความเป็นมุอ์มินผู้ศรัทธา ตลอดชีวิตของท่านนั้น
ทา่ นไดอ้ ทุ ศิ ทุกอย่างเพื่อศาสนาและพระผูเ้ ป็นเจ้า

วิชาศาสนประวตั ิ2 (อัตตารีค2) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ 66

ใบความรทู้ ่ี 17
คอลีฟะห์อบูบกั รฺ อศั -ศดิ ดีก

ท่านอบูบักรเ์ ปน็ คอลีฟะห์ระหวา่ งปี ฮ.ศ. 11-13 หรือ ค.ศ. 632-634 มชี ื่อเต็มว่า อับดุลลอฮ์ บุตรอุ
สมาน (อบูกุฮาฟะฮ์) บุตรอามิร บุตรอัมร์ บุตรกะอับ บุตรสะอัด บุตรตัยม์ บุตรมุรเราะฮ์ มารดาของท่านมี
ช่ือวา่ ซัลมา ท่านเปน็ ที่รจู้ ักในนามอบูบักรฺ อศั -ศิดดีก มีอายุอ่อนกวา่ ท่านนบี (ซ.ล.) สองปีเศษ อบูบักรเกิดที่มัก
กะฮ์ ปี ค.ศ.573 เป็นชาวอาหรับตระกูลบะนูตัยม์ เผ่ากุร็อยส์ ท่านเกิดในครอบครัวที่มีเกียรติเป็นที่นับหน้าถือ
ตาในมักกะฮ์ ทา่ นเป็นคนทมี่ จี ติ ใจบรสิ ุทธ์และจรงิ ใจ ท่านนบีมูฮมั มัดได้ให้สมญานามท่านวา่ “อซั ซิดดกี ”
ผลงานของทา่ นคอลีฟะห์อบูบักรฺ อัศ-ศิดดีก

1. สามารถปราบปรามกบฏผู้ทรยศต่อรัฐอิสลามและปราบปรามนบีปลอมที่เกิดขึ้นหลังจากท่านนบีมู
ฮัมมดั ไดส้ วรรคต

2. ท่านสามารถสร้างสรรค์ความสงบสันติและความเป็นพ่ีน้องภายใต้เอกภาพแห่งรัฐอิสลามให้บัง
เกิดขน้ึ

3. ท่านได้ส่ังให้มีการรวบรวมและบันทึกโองการต่างๆของอัลกุรอานท่ีกระจัดกระจาย อยู่ตามแหล่ง
ตา่ งๆใหม้ าอยู่ในทเ่ี ดียวกนั โดยทาํ เป็นมุสฮฟั (ทาํ กรุ อานเป็นเล่ม) ไดอ้ ยา่ งสมบรู ณ์

4. ท่านเป็นผู้นําในการประกอบพิธีฮัจญ์ ใน ฮ.ศ ที่ 9 ซ่ึงเป็นฮัจญ์คร้ังแรก เรียกฮัจญ์ครั้งน้ีว่า ฮัจญ์
อกั บัร

5. ทา่ นเป็นผู้นําละหมาดท่มี สั ยิด อนั นะบะวยี ์ แทนท่านนบีมฮู ัมมดั
6. ท่านได้ส่งกองทหารของอุซามะฮ์ไปรบกับพวกโรมันที่ซีเรีย ภายใน 3 สัปดาห์ กองทหารของอุซา
มะฮ์ก็กลบั มาพร้อมกับชยั ชนะทม่ี ีตอ่ ชาวโรมัน
ท่านอบูบักร์เสียชีวิตในปีอิจญเราะฮฺที่ 13 ขณะท่ีท่านอายุ 63 ปี ได้ดํารงตําแหน่งเป็นคอลีฟะห์ ใน
ระยะเวลา 2 ปี กับ 10 คืน ก่อนที่ท่านจะเสียชีวิตท่านได้แต่งต้ังแต่งตั้งท่านอบูบักรฺ อัศ-ศิดดีก เป็นผู้สืบทอด
ตําแหน่งคอลีฟะห์ต่อไป

วชิ าศาสนประวตั 2ิ (อตั ตารคี 2) ระดับมัธยมศกึ ษาตอนต้น 67

ใบงานที่ 17

1. เลา่ ชีวประวตั ิของทา่ นคอลีฟะห์อบูบกั รฺ อัศ-ศิดดีก มาพอสังเขป
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………...............……………………………………………………………………………………………………………………
2. คอลีฟะหอ์ บบู ักรฺ อัศ-ศิดดีกมบี ุคลคิ อยา่ งไร และทา่ นมผี ลงานอะไรบา้ ง
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………...............……………………………………………………………………………………………………………………

วิชาศาสนประวตั 2ิ (อัตตารีค2) ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนต้น 68

ใบความรทู้ ี่ 18
คอลีฟะห์อุมรั ฺ อิบนุค็อฏฏ็อบ

ท่านอุมรั เฺ ป็นคอลีฟะฮร์ ะหว่างปี ฮ.ศ.13-23 หรือ ค.ศ.634-644 ทา่ นมชี ่อื จรงิ ว่า อุมรั อบิ นุอลั ค็อฎฎ
อบ อิบนุนุไฟล อัลกุรอซยี ์ ท่านมีฉายาว่า อบหู ัฟศิน ท่านเกดิ ท่นี ครมักกะฮฺ ในปี ค.ศ.513 เกิดหลงั จากท่านน
บี (ศ็อลฯ) 13 ปี กอ่ นทที่ ่านจะเขา้ รบั อสิ ลามท่านอมุ รั เป็นศัตรคู นสาํ คัญของทา่ นนบีและเป็นคนหนงึ่ ทต่ี ่อตา้ น
คดั ค้านอิสลามอย่างแรงทส่ี ุดดว้ ยการยุยงของอบูซฟุ ยาน ในวนั หนงึ่ ทา่ นอุมรั จะตดั คอทา่ นนบี แตใ่ นระหวา่ ง
ทางทา่ นได้ยนิ ถ้อยคําอันออ่ นหวานของอัลกุรอานท่ีนอ้ งสาวและน้องเขยอา่ นให้ ท่านอุมัรฟังทําให้จติ ใจของ
ทา่ นอ่อนลง ทา่ นว่งิ ไปหาท่านนบี และขอเข้ารบั อิสลามในทันที พระองค์อัลลออทฺ รงใหอ้ ิสลามเขม้ แขง็ ด้วยการ
เขา้ รบั อิสลามของทา่ นอมุ รั การเป็นคอลีฟะห์ของท่านอุมรั ได้รบั การแตง่ ตั้งจากท่านอบูบักร์
ผลงานของท่านคอลีฟะห์อมุ ัรฺ อิบนุค็อฏฏ็อบ

1. เป็นคอลฟี ะห์คนแรกที่ได้รับฉายาวา่ อามรี ุลมุมนี นี ประมขุ แหง่ มวลผู้ศรัทธา
2. เป็นคอลฟี ะห์ คนแรกท่ีส่ังใหท้ าํ การขยายมสั ยิดอัลหะรอม
3. เป็นคอลีฟะห์คนแรกที่ส่งั ใหใ้ ช้ปฏทิ นิ ฮจิ ญเ์ ราะฮฺเริม่ จากท่านรอซูลศ็อลลัลอฮุอาลัยฮีวาซัลลมั
อพยพไปมะดีนะฮฺฮฺฮ์
4. เป็นคอลฟี ะห์คนแรกทีส่ ั่งใหม้ กี ารบนั ทึกรายรบั รายจา่ ยในหนว่ ยงานตา่ งๆของรฐั และการจา่ ย
เงินเดือนแก่ผ้มู ีสิทธริ ับเงิน
5. เป็นคอลีฟะห์คนแรกทส่ี ั่งให้จัดบา้ นพักรับรองแขก และเก็บอาหารใหเ้ ต็มเพือ่ ช่วยเหลอื ผู้ท่ีไรญ้ าติ
ขาดมติ ร
6. เป็นคอลีฟะห์คนแรกท่ีออกตรวจตราประชาชนในเวลากลางคืน
7. เป็นคอลฟี ะห์คนแรกที่แต่งต้งั ให้มผี พู้ ิพากษา
8. เป็นคอลีฟะห์คนแรกที่จดั ต้ังสํานกั งานการคลงั ของมสุ ลมิ ข้ึน (บยั ตลุ มาล)
9. เป็นคอลฟี ะห์คนแรกทสี่ ง่ั ใหจ้ ัดตัง้ ทที่ ําการไปรษณีย์
ก่อนที่ท่านจะเสยี ชีวติ เนอื่ งจากบาดเจ็บจากถูกลอบสงั หารโดยชาวเปอรเ์ ซีย ท่านไดแ้ ตง่ ต้ังสภาที่
ปรกึ ษา หรือท่ีเรยี กวา่ อะหล์ ุลหัล วัลอกั ด์ จํานวน 6 ทา่ น จากบรรดาศอฮาบะฮช์ าวสวรรค์ เพื่อทําหนา้ ท่ี
คดั เลือกและสรรหาผทู้ จ่ี ะสืบตาํ แหน่งคอลฟี ะห์ตอ่ ไป ในที่สุดที่ประชมุ ไดค้ ดั เลือกท่านอุษมาน อิบนุ ให้เป็นคอ
ลฟี ะห์คนที่ 3 แหง่ อาณาจักรอิสลาม คอลีฟะห์อุมัร สน้ิ ชวี ิตลงโดยการถกู ลอบสงั หาร จากชาวเปอร์เซียคนหนึ่ง
ทมี่ ี ชอื่ วา่ อบลู ุลู ในปี ค.ศ. 643 ในขณะที่ทา่ นกาํ ลังละหมาดอย่ใู นมสั ยิด

วชิ าศาสนประวตั 2ิ (อตั ตารีค2) ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนต้น 69

ใบงานท่ี 18

1. เล่าชวี ประวัติของท่านคอลีฟะฮฺอุมรั ฺ อบิ นุคอ็ ฏฏ็อบ มาพอสังเขป
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………...............……………………………………………………………………………………………………………………
2. ทา่ นคอลีฟะฮอฺ ุมัรฺ อบิ นุคอ็ ฏฏ็อบ มผี ลงานอะไรบา้ ง
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………...............……………………………………………………………………………………………………………………

วิชาศาสนประวตั 2ิ (อตั ตารคี 2) ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ 70

ใบความรทู้ ี่ 19
คอลฟี ะห์อษุ มาน อิบนุอัฟฟาน

ทา่ นอุษมานเป็นคอลีฟะห์ระหวา่ งปี ฮ.ศ.23-35 หรอื ค.ศ.644-656 ท่านอุษมานมชี อ่ื เต็มว่า ท่านอุ
สมาน บุตร อฟั ฟาน บตุ รอบุลอาส บุตรอมุ ยั ยะฮ์ บตุ รอับดุซซมั บตุ ร อบั ดิมานาฟ มารดาของทา่ นชอ่ื อัรวา
บตุ รกี รุ ้อยส์ ทา่ นเกดิ ในปี ค.ศ.573 ท่านกาํ เนิดในตระกูลกรุ ็อยซแ์ หง่ เผ่าอมุ ัยยะฮ์ซงึ่ เป็นอดตี ชนชั้นผปู้ กครองใน
มกั กะฮ์ ทา่ นอสุ มานมีอายนุ อ้ ยกว่าทา่ นนบี 5 ปี ท่านได้เขา้ รับอิสลามโดยการเชิญชวนของอบบู กั ร เมือ่ อายุ 34
ปี และท่านได้แตง่ งานกบั บตุ รสาวของท่านนบี 2 คน ทา่ นอุษมานแต่งงานกับรุกอยยะฮ์ เม่ือรุกอยยะฮ์ถึงแก่
กรรม อุษมานได้แตง่ งานกับอุมมุกลั โซม ซึ่งเป็นบตุ รสาวอีกคนหนึง่ ของท่านนบี ด้วยเหตุน้จี ึงทําให้ทา่ นได้รบั
สมญานามว่า ซุนนูรอ็ ยน์
ผลงานของท่านคอลฟี ะห์อษุ มาน อิบนุอัฟฟาน

1. การพิชติ ดนิ แดน ในช่วง 6 ปีแรกของการรบั หน้าท่เี ปน็ คอลีฟะห์
2. การจดั ตง้ั กองทัพเรอื ท่านอสุ มานเปน็ คนแรกท่ีจัดต้งั กองทัพเรือขึ้นเพ่ือตอ่ สู้กับการรกุ รานของชาว
โรมนั
3. การขยายมศั ญิด อันนะบะวีย์ ท่านอสุ มานขยายมศั ญดิ อนั นะบะวยี ์ทมี่ ะดนี ะฮฺฮฺฮ์ โดยสรา้ งใหม่
ด้วยหินสกดั เสาทําด้วยหนิ เพดานบดุ ้วยไมส้ กั
4. การคดั ลอกอัลกรุ อาน
ทา่ นอุษมานสิ้นชวี ิต (ชะฮดี ) โดยการถูกสงั หารในขณะที่ท่านกาํ ลังอา่ นอัลกรุ อานอยู่ในบ้านของทา่ น
ในวนั ที่ 18 เดือนซุลฮจิ ญะฮ์ ค.ศ.656 รวมอายไุ ด้ 82 ปี ศพของทา่ นถูกฝงั ไว้ทีก่ บุ รู อัลบะเกยี ะอ์ทม่ี ะดนี ะฮฺฮฺฮ์
ทา่ นอุษมานปกครองอาณาจักรอิสลามเป็นเวลา 12 ปี วถิ ีชวี ติ ของท่านอุสมานเป็นแบบอย่างท่ดี อี ย่างยง่ิ ซ่งึ เรา
จําเปน็ จะตอ้ งนํามาเปน็ แนวทางปฏบิ ัติ

วชิ าศาสนประวตั 2ิ (อตั ตารคี 2) ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนต้น 71

ใบงานท่ี 19

1. เล่าชีวประวตั ขิ องท่านคอลีฟะห์อษุ มาน อิบนุอฟั ฟาน มาพอสงั เขป
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………...............……………………………………………………………………………………………………………………
2. คอลฟี ะหอ์ ุษมาน อิบนอุ ัฟฟานมผี ลงานอะไรบา้ ง ?
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………...............……………………………………………………………………………………………………………………

วิชาศาสนประวตั 2ิ (อตั ตารีค2) ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนตน้ 72

ใบความร้ทู ี่ 20
คอลฟี ะห์อะลี อิบนุอบฏี อลิบ

ท่านอะลีเป็นคอลีฟะห์ระหว่างปี ฮ.ศ.35-40 หรือ ค.ศ.656-661 ท่านอะลีมีช่ือเต็มว่า อะลี
บุตรอบูฏอลิบ บุตร อับดุลมุฏฏอลิบ บุตรฮาชิม มารดาของท่านชื่อฟาตีมะฮ์ บุตรีอะซัด ท่านเป็นคนใน
ตระกูลบนูฮาชิม ซึ่งเป็นตระกูลเดียวกับท่านนบี และมีศักด์ิเป็นลูกพี่ลูกน้องกับท่านนบี (ซ.ล.) ท่านอะลีเกิด
ภายในกะอ์บะฮ์ เมืองมักกะฮ์ ท่านเกิดปี ค.ศ.600 ท่านมีอายุน้อยกว่าท่านนบี 30 ปีอะลี บุตรอบูตอลิบ มี
ชอ่ื เล่นวา่ “อบหู ะซนั ” ทา่ นนบีเรยี กชือ่ ทา่ นวา่ “อบตู ุรอบ”
ผลงานของท่านคอลีฟะห์อะลี อิบนุอบีฏอลิบ

1. ทา่ นอะลีกบั กรุ อาน อะลีเป็นผ้มู ีความใกลช้ ิดต่อท่านนบี ทกุ ครง้ั ท่ีอายะฮก์ รุ อานถูกประทานลงมา
ท่านจะท่องจําทัง้ หมด

2. การเสียสละที่ยิ่งใหญ่ ขณะท่ที า่ นนบอี พยพจากมกั กะฮส์ ู่นครมะดีนะฮฺฮฺฮ์ ในชว่ งที่ชาวมักกะฮล์ ้อม
บ้านของทา่ นนบีอยู่น้ัน ทา่ นอะลีไดเ้ สยี สละนอนแทนทีข่ องทา่ นนบี เพื่อให้นบีอพยพไปมะดนี ะฮฺฮฺฮ์อยา่ ง
ปลอดภยั

3. อะลีเปน็ ผู้แทนของทา่ นนบี เล่าจากสะอัด บุตรอบีวักกอส ไดก้ ลา่ วว่า : ท่านนบีได้แต่งตง้ั อะลี
บุตรอบตู อลบิ เป็นผู้สําเร็จราชการแทนในสงครามตะอบ์ ูก (สงครามกบั โรมนั ท่ซี ีเรยี ในปี ฮจิ ญเราะฮศ์ ักราชท่ี 9)

4. ทา่ นอะลีเปน็ นักรบ ท่านอะลีเปน็ ผทู้ ีม่ ีความกล้าหาญ ท่านร่วมรบกบั ทา่ นนบีทุกคร้ัง ยกเว้นสงคราม
ตะอ์บูกที่ต้องเปน็ ผู้สาํ เร็จราชการแทนท่านนบี

5. ทา่ นอะลีเป็นนักปราชญ์ ท่านอะลีไมใ่ ชเ่ ปน็ เพียงนักรบอย่างเดียวเทา่ นั้น แตท่ า่ นก็ยังเปน็ นกั ปราชญ์
อีกดว้ ย

ท่านอะลีเสียชีวิตจากการถูกลอบสังหารโดยอับดุรเราะห์มาน บุตรมุลญิม ในขณะท่ีท่านละหมาดอยู่
ท่ีมัศญิดในเมอื งกฟู ะฮ์ ประเทศอริ ัก ท่านอะลีส้ินชีวิตในปี ค.ศ.661 ขณะน้ันท่านอายุ 63 ปี ศพของท่านฝังไว้ท่ี
เมืองกูฟะฮ์ ประเทศอิรัก ท่านอะลีเป็นแบบอย่างท่ีดีของความเป็นมุอ์มินผู้ศรัทธา ตลอดชีวิตของท่านนั้น ท่าน
ได้อทุ ศิ ทกุ อยา่ งเพือ่ ศาสนาและพระผู้เปน็ เจ้า

วิชาศาสนประวตั 2ิ (อตั ตารคี 2) ระดับมธั ยมศึกษาตอนต้น 73

ใบงานที่ 20

1. เล่าชวี ประวตั ิของทา่ นคอลีฟะห์อะลี อิบนุอบีฏอลิบ มาพอสงั เขป
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………...............……………………………………………………………………………………………………………………
2. คอลีฟะห์อะลี อิบนุอบฏี อลิบมผี ลงานอะไรบา้ ง ?
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………...............……………………………………………………………………………………………………………………

คณะทางาน

หลกั สตู รโปรแกรมวิชาเลอื กอิสลามศึกษา

ท่ีปรึกษา

1. นายกฤตชยั อรุณรัตน์ เลขาธิการ กศน.

2. นายเรวฒั น์ เพช็ รสงฆ์ ผู้อานวยการสานักงาน กศน.จังหวัดปตั ตานี

3. นายธนกร เก้ือกลู ผู้อานวยการสานกั งาน กศน.จังหวัดสงขลา

4. นายณัฐพงษ์ นวลมาก ผู้อานวยการสานักงาน กศน.จังหวดั นราธิวาส

5. นางขนิษฐา มะลสิ ุวรรณ ผอู้ านวยการสานกั งาน กศน.จังหวดั ยะลา

5. นายอุดร สิทธิพาที ผอู้ านวยการสานกั งาน กศน.จงั หวัดสตลู

ผู้ทรงคณุ วฒุ ิ ยานยา นายกสามคมสถาบนั ศึกษาปอเนาะ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้
1. นายอบั ดลุ อาซิส จรจิตต์ ผเู้ ชีย่ วชาญอิสลามศกึ ษา สานักงานศึกษาธิการภาค 8
2. นายสาโรช สุนทรมาลาตี ผ้ชู านาญการอิสลามศึกษา สานกั งานศึกษาธิการภาค 8
3. นายดนรอหีม บากา ผู้ชานาญการอิสลามศกึ ษา สานักงานศึกษาธิการภาค 8
4. ดร.มหู ามัดรยู านี อับดุลกาเดร์ ข้าราชการบานาญ
5. นายอารีเฟน อับดลุ กาเดร์ ข้าราชการบานาญ
6. นางลาวัลย์

คณะทางาน

1. นางกรวิภา ขวัญเพช็ ร ครเู ช่ยี วชาญ กศน.อาเภอเมืองปัตตานี
ครูผู้ช่วย โรงเรยี นบ้านหว้ ยเตา่
2. นายมะนาเซ มะแซ ผู้อานวยการ กศน.อาเภอไม้แก่น จ.ปตั ตานี
ผู้อานวยการ กศน.อาเภอโคกโพธิ์ จ.ปัตตานี
3. นายอบั ดลุ ฮาดี สตี ีเลาะ ผอู้ านวยการ กศน.อาเอบันนงั สะตา จ.ยะลา
นักวิชาการศกึ ษาปฏิบัตกิ าร สานกั งาน กศน.จังหวัดปัตตานี
4. นายนภดล พฒุ สกลุ ครูอาสาสมัครฯ ปอเนาะ กศน.อาเภอจะนะ จ.สงขลา
ครูอาสาสมัครฯ ปอเนาะ กศน.อาเภอจะนะ จ.สงขลา
5. นายแวอุเซง็ อาเกะ ครูอาสาสมัครฯ ปอเนาะ กศน.อาเภอบันนงั สะตา จ.ยะลา
ครอู าสาสมัครฯ ปอเนาะ กศน.อาเภอบันนังสะตา จ.ยะลา
6. นายซลุ กฟิ ลี สะมาแอ ครูอาสาสมัครฯ ปอเนาะ กศน.อาเภอบันนังสะตา จ.ยะลา
ครอู าสาสมัครฯ ปอเนาะ กศน.อาเภอยง่ี อ จ.นราธวิ าส
7. นายร่อศักดิ์ เหะเหรม็ ครูอาสาสมัครฯ ปอเนาะ กศน.อาเภอยงี่ อ จ.นราธิวาส
ครอู าสาสมัครฯ ปอเนาะ กศน.อาเภอยะรัง จ.ปตั ตานี
8. นายอัสฮารี หมดั สี ครูอาสาสมัครฯ ปอเนาะ กศน.อาเภอยะรัง จ.ปตั ตานี

9. นางสาวฮาสนะห์ มัสปอ

10. นางสาวรุสนีย์ มากาเต

11. นางสาวไซน๊ะ ยูโซะ๊

12. นายมะนาวี สาบูดิง

13. นายมาหามุ อีซอมซู อ

14. นายหับดี ยูโซะ

15. นายมูฮาหมัดรอฏีย์ วาเยะ๊

คณะทางาน (ตอ่ )

16. นางสาวรอดียะห์ สาแลบิง ครูอาสาสมัครฯ ปอเนาะ กศน.อาเภอยะรัง จ.ปัตตานี
ครอู าสาสมัครฯ ปอเนาะ กศน.อาเภอยะรงั จ.ปตั ตานี
17. นายอับดลุ เลาะ มะแม ครอู าสาสมัครฯ ปอเนาะ กศน.อาเภอยะรงั จ.ปัตตานี
ครอู าสาสมัครฯ ปอเนาะ กศน.อาเภอยะหรง่ิ จ.ปตั ตานี
18. นางสาวยารอนะ ลาเตะ ครอู าสาสมัครฯ ปอเนาะ กศน.อาเภอยะหรง่ิ จ.ปตั ตานี
ครอู าสาสมัครฯ ปอเนาะ กศน.อาเภอยะหรงิ่ จ.ปัตตานี
19. นายปฏพิ ทั ธ์ ทับโทน ครูอาสาสมัครฯ ปอเนาะ กศน.อาเภอสายบุรี จ.ปัตตานี
ครอู าสาสมัครฯ ปอเนาะ กศน.อาเภอสายบุรี จ.ปตั ตานี
20. นายอบั ดลุ ฮามิด สะดียามู ครูอาสาสมัครฯ ปอเนาะ กศน.อาเภอสายบรุ ี จ.ปัตตานี
ครอู าสาสมัครฯ ปอเนาะ กศน.อาเภอปะนาเระ จ.ปัตตานี
21. นางสาวสไุ รนี มะเดง็ ครูอาสาสมัครฯ ปอเนาะ กศน.อาเภอปะนาเระ จ.ปัตตานี
ครูอาสาสมัครฯ ปอเนาะ กศน.อาเภอปะนาเระ จ.ปตั ตานี
22. นายโมฮาหมัดอาซมี สะละไร ครูอาสาสมัครฯ ปอเนาะ กศน.อาเภอโคกโพธ์ิ จ.ปัตตานี
ครอู าสาสมัครฯ ปอเนาะ กศน.อาเภอมายอ จ.ปัตตานี
23. นางสาวอาซยี ะห์ ยโู ซะ ครอู าสาสมัครฯ ปอเนาะ กศน.อาเภอหนองจิก จ.ปตั ตานี

24. นางสาวไซนบั เจะสะนิ กศน.อาเภอเมืองปตั ตานี

25. นายอบั ดลเล๊าะ ศรสี ว่าง

26. นายมฮู าหมัดสกรี ลาบอู าปี

27. นายมะแปรสุ หะยีแม

28. นางสาวรสุ มี บารอสิดกิ

29. นายอาหมดั นรี ะ

30. นายมะนาฮาดี อาแว

ผ้รู บั ผิดชอบโครงการ ขวัญเพช็ ร ครูเชยี่ วชาญ
นางกรวิภา

، ‫أَ َْصخ َدَر َق َجٍة ُه َج ُام ِرْسَيلِ ٍةم‬ : ‫َع َملُ ُه إِلا ِم ْن َثلا ٍث‬ ‫ َطأَ َْعو‬،‫إِ َذاأَ ْ َوما َِعتْل ٍمالإُِي ْْنن َت ََسفا ُع ُنبِا ِهْن َق‬
‫َو َل ٍد َصالِ ٍح َي ْد ُعو َل ُه‬

“เมอื่ มนษุ ยเ์ สยี ชวี ติ ลง การงานของเขาจะถูกตัดขาด นอกจาก
สามประการ คือ ศอดะเกาะฮทฺ ่ีได้ผลบุญตอ่ เนอ่ื ง หรือ ความรู้ที่

มปี ระโยชน์แก่เขา หรือ ลูกที่ดีขอดอุ าอฺใหเ้ ขา"
บนั ทึกโดย มสุ ลิม


Click to View FlipBook Version