The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายงานการศึกษาผู้เรียนรายกรณี (Case Study) 6211116026

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by 6211116026, 2023-01-24 08:24:49

รายงานการศึกษาผู้เรียนรายกรณี (Case Study) 6211116026

รายงานการศึกษาผู้เรียนรายกรณี (Case Study) 6211116026

รายงานการศึกษาผู้เรียนรายกรณี (Case Study) นายกรินทร์ ผิวขำ รหัสนักศึกษา 6211116026 นักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นครศรีธรรมราช สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา นครศรีธรรมราช การศึกษานักเรียนรายกรณีเป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา การฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู เสนอต่อคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช ประจำปีการศึกษา 2565


ก คำนำ รายงานการศึกษาผู้เรียนเป็นรายกรณี จัดทําขึ้นเพื่อศึกษาและรู้จักนักเรียนเป็นรายกรณี พร้อมทั้ง วิเคราะห์แยกแยะความพร้อมของผู้เรียน เพื่อศึกษาจุดเด่น จุดด้อย ที่ควรรับการพัฒนาและปรับปรุงของผู้เรียน เพื่อหาแนวทางการออกแบบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับความสามารถของผู้เรียนพร้อม ศึกษาปัญหา หาแนวทางแก้ไข และร่วมกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อให้นักเรียนสามารถพัฒนาตนเองได้อย่างเต็ม ศักยภาพ นายกรินทร์ ผิวขำ ผู้จัดทำ


ข สารบัญ เรื่อง หน้า บทที 1 บทนำ 1 บทคัดย่อ 1 1. การศึกษาผู้เรียนรายกรณี 2 2. ชื่อนักเรียนที่รับการศึกษา 8 3. สาเหตุที่ศึกษาผู้เรียนรายกรณี 8 4. วัน เวลา ที่ศึกษา 9 5. ลักษณะของปัญหา 9 บทที่ 2 สภาพทั่วไปเกี่ยวกับนักเรียน 10 บทที่ 3 เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาผู้เรียน แสดงผลการวิเคราะห์ข้อมูล 12 บทที่ 4 การนำข้อมูลไปใช้ 16 1. การวินิจฉัยปัญหา 16 2. การดำเนินการช่วยเหลือตามแนวทางที่กำหนด 16 3. ผลที่เกิดขึ้น 17 บทที่ 5 การติดตามผลและสรุปผล 18 1. การติดตามผล 18 2. การสรุปผลและข้อเสนอแนะ 18 3. ปัญหาอุปสรรคการศึกษาผู้เรียนรายกรณี 19 4. สิ่งที่ได้เรียนรู้ 19 ภาคผนวก 20


1 การศึกษานักเรียนรายกรณี : นักเรียนมีพฤติกรรมไม่สนใจเรียนและก้าวร้าว โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นครศรีธรรมราช สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา นครศรีธรรมราช สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ผู้ทำการศึกษา นายกรินทร์ ผิวขำ (นักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู) นางสาวอำภา พิมพันธ์ (ครูพี่เลี้ยง) บทคัดย่อ การศึกษาค้นคว้าในครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อศึกษานักเรียนรายกรณีนักเรียนมีพฤติกรรมไม่สนใจ เรียนและก้าวร้าว และหาแนวทางในการช่วยเหลือ นักเรียนกรณีตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 1 ห้อง 5 โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นครศรีธรรมราช ปีการศึกษา 2565 จำนวน 1 คน นักเรียนมี พฤติกรรมไม่สนใจเรียนและก้าวร้าว เทคนิคและเครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาคือ การสังเกต การสัมภาษณ์ กำรเยี่ยมบ้าน อัตชีวประวัติ บันทึกประจำวัน สังคมมิติ แบบสอบถาม แบบทดสอบ และระเบียนสะสม ภายหลังกำรเก็บรวบรวมจำกกลุ่มตัวอย่ำง ผู้ศึกษาได้สังเคราะห์ วิเคราะห์ แปลความหมายและสรุปผล กำรศึกษารายกรณี ผลการค้นคว้าสรุปได้ดังนี้ 1. ปัญหานักเรียนมีพฤติกรรมไม่สนใจเรียนและก้าวร้าว มีสาเหตุมาจากนักเรียนมีพฤติกรรมไม่ สนใจเรียนและยังมีการทะเลาะวิวาทกับเพื่อนในชั้นเรียนบ่อยครั้ง นอกจากปัญหาดังกล่าวยัง มีปัญหาในครอบครัวของนักเรียน ซึ่งได้แก่ ปัญหารการอบรมเลี้ยงดูของผู้ปกครอง ที่ส่งผล ต่อวินัยการเรียนของนักเรียน ปัญหาครอบครัวไม่มีพ่อแม่ที่ค่อยให้คำแนะนำเนื่องจากต้องไป ทำงานที่ต่างจังหวัดทำให้ถูกตามใจในการใช้ชีวิตประจำวันของนักเรียน 2. ภายหลังจากการศึกษานักเรียนรายกรณี ปัญหาต่าง ๆ โดยเฉพาะปัญหาที่เกิดจาตัวนักเรียน ลดลงและเริ่มดีขึ้นตามลำดับเนื่องจากนักเรียนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยนักเรียนรู้จัก จัดสรรเวลาได้ดีมากยิ่งขึ้น และมีวินัยมากยิ่งขึ้น การศึกษานักเรียนเป็นรายกรณีในครั้งนี้ถือ เป็นโปรแกรมพื้นฐานในการช่วยเหลือนักเรียนอย่างแท้จริงในการให้คำปรึกษาและช่วยเหลือ นักเรียนให้ดีมากยิ่งขึ้น และเพื่อให้นักเรียนมีพฤติกรรมการเรียนดีขึ้นแลมีปฏิสัมพันธ์ดีขึ้น


2 บทที่ 1 บทนำ 1. การเลือกผู้เรียนเพื่อศึกษารายกรณี 1.1 ความหมายการศึกษาผู้เรียนเป็นรายกรณี พนม ลิ้มอารีย์, 2548(อ้างถึงใน จุฑาทิพย์ บุตรจู, 2552) กล่าวว่า การศึกษารายกรณี หมายถึง การศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับบุคคลอย่างลึกซึ้งและวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่ทําให้บุคคลมีพฤติกรรมแปลกไปว่ามี สาเหตุมาจากอะไร รวมทั้งแปลความหมายของพฤติกรรมมนั้น ๆ ว่ามีความสัมพันธ์กับปัญหาและการปรับตัว ของบุคคลนั้นอย่างไร จุฑาทิพย์ บุตรจู(2552) กล่าวว่า การศึกษารายกรณี หมายถึง การศึกษารายละเอียดต่าง ๆ ของ บุคคลโดยผ่านกระบวนนการศึกษารายกรณี ซึ่งจะต้องศึกษาต่อเนื่องกันไปในระยะเวลาหนึ่ง เพื่อหาสาเหตุของ พฤตติกรรมนั้น ๆ โดยมีจุดมมุ่งหมายเพื่อหาแนวทางป้องกัน ส่งเสริมให้บุคคลนั้น ๆ สามารถดําเนินชีวิตใน สังคมอย่างมีความสุข นิรันดร์ จุลทรัพย์,2539 (อ้างถึงใน ศิริภิญญา ตระกูลรัมย์,2555) กล่าวว่า การศึกษารายกรณี หมายถึง กระบวนการศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับบุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือหลายคนเป็นระยะเวลาต่อเนื่องกัน ไปในระยะเวลาหนึ่งโดยใช้เครื่องมือ เทคนิค หรือวิธีการต่าง ๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งรายละเอียดของข้อมูลแล้วนํา ข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์เพื่อทําความเข้าใจสภาพผู้ถูกศึกษา สาเหตุของพฤติกรรมตลอดจนข้อเสนอแนะที่ เป็นแนวทางการให้ความช่วยเหลือกรณีที่ผู้ศึกษากําลังประสบปัญหา ทศวร มณีศรีขํา,2539 (อ้างถึงใน พัทยา คงยุทธิ์, 2548) กล่าวว่า การศึกษารายกรณี เป็นวิธีการ ศึกษาบุคคลอย่างกว้างขวางและอย่างละเอียด ทั้งภูมิหลังและชีวิตความเป็นอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งข้อมูลต่าง ๆ เหล่านี้จะช่วยทําให้ผู้ศึกษารู้จักและเข้าใจบุคคลนั้นอย่างแท้จริง อันจะเป็นประโยชน์ต่อการแนะแนวช่วยเหลือ บุคคลนั้น และช่วยให้เค้าตระหนักรู้ รวมทั้งสามารถปรับตนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีความสุขของตนให้ สามารถดําเนินชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ พัทยา คงฤทธิ์(2548) กล่าวว่า การศึกษารายกรณี หมายถึง การศึกษารายละเอียดต่าง ๆ ของ บุคคลโดยผ่านกระบวนการศึกษารายกรณี ซึ่งจะต้องศึกษาต่อเนื่องกันไปในระยะเวลาหนึ่ง เพื่อหาสาเหตุของ พฤติกรรมนั้น ๆ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อหาทางช่วยเหลือบุคคลให้สามารถปรับปรุงตนเองได้ และยังหาแนวทาง ป้องกัน ส่งเสริมให้บุคคลนั้น ๆ ได้ดําเนินชีวิตในสังคมอย่างมีความสุข


3 จากแนวคิดข้างต้น จึงสรุปได้ว่า การศึกษารายกรณี หมายถึงการศึกษารายละเอียดของบุคคล ใด บุคคลหนึ่งถึงพฤติกรรมที่แปลกไป ซึ่งจะใช้เครื่องมือต่าง ๆ ในการจัดเก็บข้อมูลและนําข้อมูลมาวิเคราะห์ เพื่อหาสาเหตุของพฤติกรรมนั้น ๆ และหาวิธีการแก้ไข ป้องกัน ส่งเสริมให้บุคคลนั้น ๆ สามารถปรับปรุงตัวเอง และ ดําเนินชีวิตในสังคมอย่างมีความสุข จึงเป็นที่มาของการทำการศึกษานักเรียนรายกรณีในครั้งนี้ 1.2 จุดมุ่งหมายของการศึกษาผู้เรียนรายกรณี พนม ลิ้มอารีย์, 2530 (อ้างถึงใน ) ได้กล่าวถึงจุดมุ่งหมายที่สําคัญของการศึกษารายกรณีไว้ดังต่อไปนี้ 1. เพื่อสืบค้นหาสาเหตุที่ทําให้นักเรียนมีพฤติกรรมผิดปกติ ซึ่งโรงเรียนจะได้ให้ความช่วยเหลือ และแก้ไขได้อย่างถูกต้อง 2. เพื่อสืบค้นกระสวน (Pattren) ของพัฒนาการของนักเรียนทั้งทางด้านร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ สังคม และจิตใจ ซึ่งทางโรงเรียนจะได้ให้การส่งเสริมพัฒนาได้อย่างเหมาะสม 3. เพื่อช่วยให้นักเรียนเกิดความเข้าใจตนเอง ยอมรับความจริงเกี่ยวกับตนเอง สามารถพัฒนา ตนเอง สามารถวางแผนชีวิต สามารถตัดสินใจเลือกแนวทางศึกษาต่อและเลือกอาชีพ และสามารถดําเนินชีวิตใน สังคมได้อย่างมีความสุข และมีประสิทธิภาพ 4. เพื่อช่วยให้ผู้ปกครองเข้าใจเด็กของตนได้ดีขึ้น และให้ความร่วมมือกับทางโรงเรียนในการแก้ไข ปัญหาของบุตรหลานของตน 5. เพื่อช่วยให้คณะครูได้เข้าใจนักเรียนอย่างละเอียดลึกซึ้งถูกต้อง และนําผลของการศึกษาราย กรณีไปใช้ในการปรับปรุงการเรียนการสอน สอดคล้องกับความต้องการของนักเรียน ลักขณา สริวัฒน์, 2548(อ้างถึงใน) ได้กล่าวถึงจุดมุ่งหมายของการศึกษารายกรณี ดังนี้ 1. เพื่อศึกษารูปแบบพัฒนาการของบุคคลทั้งทางด้านร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และ สังคมอัน จะเป็นประโยชน์ในการพัฒนาส่งเสริมสนับสนุนหรือให้ความช่วยเหลือและแก้ไขได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม 2. เพื่อค้นหาสาเหตุที่ทําให้บุคคลมีพฤติกรรมผิดปกติ และจะได้หาแนวทางให้การช่วยเหลือแก้ไข ได้ถูกต้องเหมาะสมและได้ผล 3. เพื่อให้บุคคลเกิดความเข้าใจในตนเอง ยอมรับความเป็นจริงเกี่ยวกับตน เพื่อนําไปสู่การ มี ความสามารถพัฒนาตนเอง สามารถวางแผนชีวิตและเลือกแนวทางการศึกษาต่อ และเลือกอาชีพที่เหมาะสมกับ ตนได้ จนทําให้มีการดําเนินชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความสุข


4 4. เพื่อช่วยให้บุคคลที่เกี่ยวข้อง เช่น บุคคลในครบครัว หรือพ่อแม่ ญาติพี่น้องหรือ ผู้ร่วมงานเกิด ความเข้าใจเขาได้อย่างละเอียดลึกซึ้งถูกต้อง พร้อมที่จะให้ความร่วมมือในการช่วยเหลือและนําผลการศึกษาราย กรณีไปหาแนวทางการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาได้ 5. เพื่อให้บุคคลที่เกี่ยวข้องได้แนวทางในการจัดกิจกรรมอย่างถูกต้องเหมาะสมกับบุคลิกลักษณะ ของเขา ซึ่งเป็นแนวทางหนึ่งในการให้ความช่วยเหลือได้อย่างมีประสิทธิภาพจากแนวคิดข้างต้น จึงสรุปได้ว่า จุดมุ่งหมายของการศึกษารายกรณีคือ เพื่อให้ทราบถึงสาเหตุของพฤติกรรมที่ผิดปกติของนักเรียน เพื่อทําให้ นักเรียนเข้าใจในตนเองและยอมรับตนเองได้ และเพื่อให้การแนะนําช่วยเหลือหรือป้องกันนักเรียนจากปัญหานั้น ๆ 1.3 ประโยชน์ของการศึกษานักเรียนรายกรณี ลักขณา สริวัฒน์, 2548(อ้างถึงใน ) ได้กล่าวถึงประโยชน์จากการศึกษารายกรณีไว้ดังนี้ 1. ทําให้ได้กระบวนการให้มาซึ่งข้อมูลที่มีคุณภาพและมีประโยขน์อย่างกว้างขวางในอันที่จะ ทําให้เกิดการรู้จักและความเข้าใจในตัวบุคคลอย่างละเอียดทุกซอกทุกมมุม 2. ทําให้สามารถเข้าใจและมองเห็นแนวทางในการให้ความช่วยเหลือบุคคลได้อย่างถูกต้อง เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ 3. ช่วยให้มีการนําข้อมูลที่รวบรวมได้นั้นมาวิเคราะห์และวินิจฉัยหาสาเหตุของพฤติกรรมได้ มากกว่าวิธีการอื่น ๆ 4. ทําให้ผู้ทําการศึกษาและผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถให้ความช่วยเหลือได้ตรงจุดและไม่เสียเวลา ในการลองผิดลองถูกในการให้ความช่วยเหลือ เนื่องจากได้ใช้เวลาศึกษาและติดตามผลโดยตรง 5. ทําให้รายกรณีที่ถูกศึกษาเกิดการรับรู้และเข้าใจตนเอง ยอมรับตนเอง สามารถปรับตัวได้ดี ขึ้น และสามารถใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขนั้นเท่ากับเป็นการลดปัญหาและเป็นกําลังสําคัญในการพัฒนา สังคมประเทศชาติให้เจริญรุ่งเรืองในอีกทางหนึ่งด้วย พนม ลิ้มอีย์, 2530(อ้างถึงใน ) ได้สรุปประโยชน์ของการศึกษารายกรณีไว้ คือ 1. ประโยชน์ต่อครู หรือผู้แนะแนวที่เป็นผู้ศึกษาโดยตรง มีดังนี้ 1.1 ช่วยให้ครู หรือผผู้แนะแนวได้รายละเอียดเกี่ยวกับตัวนักเรียนอย่างกว้างขวางทําให้ รู้จักธรรมชาติของมนุษย์ได้อย่างแท้จริงช่วยให้ครูหรือผู้แนะแนวมีความเข้าใจและยอมรับในเรื่องความแตกต่าง ระหว่างบุคคลดีขึ้น มีจิตใจเป็นกลางไม่มีอคติบุคคลที่มาเกี่ยวข้อง 1.2 ช่วยให้ครูหรือผู้แนะแนวเข้าใจถึงสาเหตุและเงื่อนไขต่าง ๆ ที่ก่อให้เกิดพฤติกรรมที่


5 เป็นปัญหาทําให้มองเห็นสาเหตุที่จะให้ความช่วยเหลือ แก้ไขปัญหาให้กับนักเรียนได้ออย่างเหมาะสม ทันเวลา และ เหตุการณ์ 1.3 ช่วยให้ครูหรือผู้แนะแนวมีความรู้ มีทักษะการใช้เครื่องมือและกลวิธีต่าง ๆ ในการ เก็บข้อมูลเกี่ยวกับตัวนักเรียนและยังช่วยให้เป็นคนมีเหตุผล รู้จักเก็บข้อมูลอย่างมีระบบ รู้จักแก้ปัญหาโดยใช้ข้อมูล ที่ได้รวบรวมไว้มาประกอบพิจารณาตัดสินใจ 2. ประโยชน์ต่อนักเรียนที่เป็นผู้ได้รับการศึกษา ดังนี้ 2.1 ช่วยให้นักเรียนเกิดการเข้าใจตนเอง ยอมรับความตริงเกี่ยวกับตตนเองมีการ ปรับปรุงตนเองหรือแก้ไขปัญหาของตนเพื่อช่วยให้สภาพชีวิตดีขึ้นกว่าเดิม 2.2 ช่วยให้นักเรียนมีกําลังใจและมีความเต็มใจที่จะดําเนินชีวิตต่อไปอย่างมีความหวัง และเข้มแข็ง 3. ประโยชน์ต่อคณะครู และโรงเรียนดังนี้ 3.1 ช่วยให้คณะครูรู้จักและเข้าใจนักเรียนของตนดีขึ้น ยินดีให้ความร่วมมือในการ ช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาให้กับนักเรียน 3.2 ให้นักเรียนได้ทราบข้อเท็จจริงต่าง ๆ เกี่ยวกับปัญหาและความตต้องการของ นักเรียนทําให้สามารถทําข้อเท็จจริงเหล่านั้นมาใช้เป็นแนวทางในการปรับปรุงการเรียนการสอน การจัดกิจกรรม และการให้บริการด้านนต่าง ๆ นักเรียนได้ย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ 4. ประโยชน์ต่อผู้ปกครองของนักเรียนที่ได้รับการศึกษา 4.1 ช่วยให้ผู้ปกครองเข้าใจเด็กของตนขึ้นทําให้สามารถปฏิบัติต่อบุตรหลานได้อย่าง เหมาะสม 4.2 ช่วยให้ผู้ปกครองเกิดความสบายใจ เพราะได้ตระหนักว่าโรงเรียนมีความตั้งใจและ จริงใจในการป้องกัน ช่วยเหลือแก้ไขและส่งเสริมพัฒนานักเรียนจากแนวคิดข้างต้น จึงสรุปได้ว่า ประโยชน์ของ การศึกษารายกรณีมีดังนี้ ทั้งต่อตัวนักเรียนเองที่ทําให้นักเรียนรู้จักตนเองมากขึ้น ยอมรับตนเองพร้อมร่วมมือแก้ไข ปัญหาที่เกิดขึ้น หรือทั้งตัวของผู้ศึกษาเองที่ได้รู้จักนักเรียนดีขึ้น ได้ทราบถึงปัญหาและสาเหตุของปัญหาและได้ วางแผนในการให้คําแนะนํา ช่วยเหลือนักเรียนหรือแม้กระทั่งผู้ปกครองก็ได้ทราบถึงพฤติกรรมที่ผิดปกติของบุตร หลานท่านและให้ความร่วมมือในการแก้ไขพฤติกรรมนั้น ๆ 1.4 วิธีการศึกษาผู้เรียนเป็นรายกรณี การศึกษารายกรณีเป็นวิธีการศึกษาบุคคลอย่างละเอียดในทุกด้านอย่างต่อเนื่อง มีกระบวนการ


6 ที่เป็นระบบ ขั้นตอน ในการรเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อความน่าเชื่อถือของข้อมูล ซึ่งกระบวนการใการศึกษารายกรณี มีรายละเอียดดังนี้ พนม ลิ้มอารีย์, 2533(อ้างถึงใน ปทุมพร เปียถนอม, 2543 ) กล่าวว่า การศึกษารายกรณีที่ สมบูรณ์นั้น ในการศึกษาอาจจําแนกเป็นขั้นตอนการดําเนินงานได้ 6 ขั้นตอน คือ ขั้นที่ 1 ขั้นรวบรวมข้อมูลที่จําเป็นเกี่ยวกับตัวบุคคล (Collecting of the necessary data) ซึ่งจะช่วยให้รู้จักนักเรียนที่ถูกทําการศึกษา ตลอดจนช่วยให้ทราบภาวะความเป็นไปในปัจจุบันของนักเรียน ผู้นั้นอีกด้วย ขันที่ 2 ขั้นวิเคราะห์ข้อมูล (Analysis) เป็นการนําเสนอข้อมูลที่ได้รวบรวมไว้มาวิเคราะห์หา ข้อเท็จจริงต่าง ๆ และจําแนกออกเป็นด้าน ๆ เพื่อสะดวกในการตีความหมายข้อมูล ขั้นที่ 3 ขั้นตรวจวินิจฉัยปัญหา (Diagnosis) ขั้นนี้เป็นการนําผลการวิเคราะห์ข้อมูลในขั้นที่ 2 เป็นพื้นฐานประกอบการพิจารณา เพื่อวินิจฉัยว่าอะไรน่าจะเป็นสาเหตุของปัญหา การลงความเห็นเกี่ยวกับปัญหา นี้อาจเป็นการชั่วคราวไม่ใช่ข้อยุติ แต่ก็เป็นพื้นฐานของการสังเคราะห์ข้อเท็จจริงในขั้นต่อไป ขั้นที่ 4 ขั้นสังเคราะห์หรือรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม (Synthesis) กล่าวคือ เมื่อตรวจวินิจฉัยว่า อะไรน่าจะเป็นปัญหาแล้ว ก็ควรจะได้ศึกษาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับปัญหานั้นเพิ่มเติมด้วย วิธีการต่าง ๆ เช่นการสังเกต การสัมภาษณ์ การทดสอบ และกลวิธีอื่น ๆ แล้วนําข้อเท็จจริงที่ได้มาสังเคราะห์เข้าด้วยกันกับข้อเท็จริงที่มีอยู่แล้ว ให้มองเห็นความสัมพันธ์ของข้อมูลแต่ละด้านเกิดเป็นภาพรวมทางบุคลิกภาพของบุคคลนั้น อันจะช่วยให้ผู้ศึกษา สามารถเข้าใจลักษณะของปัญหาและสาเหตุของปัญหาอย่างถ่องแท้ ขั้นที่ 5 ขั้นให้ความช่วยเหลือ (Treatment) เมื่อผู้ศึกษารายกรณีแน่ใจว่าการตรวจวินิจฉัย ปัญหาของตนเองถูกต้องจริงแล้ว ก็ควรจะได้คิดหามาตรการต่าง ๆ ที่จะนํามาช่วยเหลือแนวทางนักเรียนในการ แก้ปัญหา แล้วดําเนินการให้ความช่วยเหลืออย่างจริงจัง เพื่อช่วยให้นักเรียนผู้นั้นสามารถปรับตัวได้อย่างเหาะสม และถูกต้อง ขั้นที่ 6 ขั้นติดตามผล (Follow – up) เมื่อผู้ทําการศึกษารายกรณีได้ให้ความช่วยเหลือหรือให้ การแนะแนวกับนักเรียนที่ถูกทําการศึกษาไปแล้ว การติดตามผลช่วยให้ทราบว่าการศึกษารายกรณีประสบ ผลสําเร็จมากน้อยเพียงไร มีข้อบกพร่องที่ควรปรับปรุงแก้ไขอย่างไรบ้าง และจะต้องให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมอีก หรือไม่เพื่อที่ผู้ทําการศึกษาจะได้ดําเนินการต่อไปอย่างเหมาะสม ส่วนประภาพิศ สัญชาตเจตน์, 2539(อ้างถึงใน ) ได้กําหนดกระบวนการศึกษารายกรณีมีขั้นตอนตามลําดับดังนี้ 1. การเลือกนักเรียนสําหรับศึกษารายกรณีโดยทั่วไปแล้วการศึกษารายกรณีควรได้กระทำกับ


7 นักเรียนทุกคนในโรงเรียน ไม่ว่าจะเป็นเด็กปกติ เด็กฉลาด เด็กที่มีพฤติกรรมที่เป็นปัญหา เด็กที่มีความลําบากใน การปรับตัวหรือเด็กที่เรียนออกก็ตาม แต่โดยทางปฏิบัติก็มักจะเลือกศึกษารายกรณีกับเด็กที่มีปัญหาเป็นลําดับแรก ทั้งนี้เพราะการศึกษารายกรณีต้องใช้เวลามากในการศึกษาและผู้ศึกษาต้องรู้เทคนิควิธีการในการศึกษารวบรวม และวิเคราะห์ข้อมูลเป็นอย่างดี 2. รวบรวมข้อมูลเพื่อศึกษารายกรณีการรวบรวมข้อมูลเพื่อศึกษารายกรณีนั้น ผู้ศึกษาสามารถ กระทําได้ 2 ทางคือ - รวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ของผู้ถูกศึกษาจากระเบียนสะสม - ใช้กลวิธีต่าง ๆ ของเทคนิคการรวบรวมข้อมูลเพื่อการแนะแนวศึกษาผู้ถูกศึกษาเพื่อ เพิ่มเติมข้อมูลได้จากแหล่งข้อมูลและกลวิธีดังต่อไปนี้ 2.1 การเก็บข้อมลจากผู้ถูกศึกษาเอง โดยใช้กลวิธีดังต่อไปนี้ - การสังเกตและบันทึกพฤติกรรมตรง หรืออาจประเมินพฤติกรรมโดยใช้ระเบียน พฤติการณ์และมาตราส่วนประมาณค่า - การสัมภาษณ์ผู้ถูกศึกษา - การศึกษาจากผลงานของผู้ถูกศึกษาเป็นต้นว่า อัตชีวประวัติ บันทึกประจําวันหรือ อนุทิน - การศึกษาโดยใช้แบบสอบถาม เช่น แบบสอบถามแบบเติมประโยคให้สมบูรณ์ แบบสอบถามเพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับความนึกคิดของนักเรียนที่มีต่อตนเองและผู้อื่นตลอดจนเจตคติและ ค่านิยมต่าง ๆ - การใช้แบบบทดสอบต่าง ๆ เป็นต้นว่า แบบทดสอบสติปัญญา แบบทดสอบความถนัด แบบทดสอบบุคลิกภาพ 2.2 การเก็บข้อมูลจากเพื่อนผู้ถูกศึกษา โดยใช้กลวิธีดังนี้ - การสัมภาษณ์ผู้ถูกศึกษา - การใช้กลวิธีสังคมมิติ - การใช้แบบสอบถาม 2.3 การเก็บข้อมูลจากบิดา มารดาญาติและครูของผู้ถูกศึกษาโดย - การสัมภาษณ์ - การใช้แบบสอบถาม - การเยี่ยมบ้าน


8 3. การวิเคราะห์ข้อมูลและการวินิจฉัยปัญหา เมื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับผู้ถูกศึกษาได้มาก เพียงพอแล้ว ผู้ศึกษาจะนําข้อมูลทั้งหลายมาวิเคราะห์และวินิจฉัยสาเหตุของปัญหาหรือพฤติกรรมนั้นอย่าง รอบคอบแลถูกต้อง เพื่อดําเนินการช่วยเหลือต่อไป 4. การดําเนินการช่วยหลือแก้ไขเมื่อวินิจฉัยปัญหาแล้ว ขั้นนี้จะเป็นการคิดหาวิธีการต่าง ๆ ที่จะ นํามาช่วยเหลือแนะนําและดําเนินการตามแนวทางที่วางไว 5. การติดตามผลหลังที่ได้รับการช่วยเหลือนักเรียนผู้นั้นแล้ว จะต้องมีการติดตามผลดูเท่าที่ได้ ช่วยเหลือแก้ไขไปแล้วได้ผลหรือไม่อย่างไร จะต้องปฏิบัติอย่างไรเพิ่มเติมอีกหรือไม่ ครูแนะแนวต้องติดตามผล ต่อเนื่องจนกว่าเด็กจะปรับตัวได้เหมาะสม จากแนวคิดข้างต้น สรุปได้ว่า กระบวนการศึกษารายกรณีมีขั้นตอน ดังนี้ ขั้นที่ 1 ทําการเลือกนักเรียนสําหรับการศึกษารายกรณีโดยที่นักเรียนคนนั้นจะเป็นนักเรียนใน ที่ปรึกษาหรือนักเรียนที่สอนก็ได้ ขั้นที่ 2 เก็บรวบรวมข้อมูลของผู้รับการศึกษารายการณีโดยมีเครื่องมือ เช่น แบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์ แบบประเมินพฤติกรรมเด็กหรือSDQ ฉบับนักเรียนประเมินตนเอง ฉบับผู้ปกครองประเมินนักเรียน ฉบับครูประเมินนักเรียน แบบบันทึกข้อมูลพื้นฐานนักเรียนรายบุคคล แบบบันทึกการวิเคราะห์ผู้เรียนเป็น รายบุคคล และแบบบันทึกการเยี่ยมบ้านนักเรียน ขั้นที่3 วิเคราะห์ข้อมูลและสรุปปัญหา โดยการนําข้อมูลที่เก็บรวบรวมได้จากเครื่องมือใน ขั้นตอน ที่ 3 มาสรุปข้อมูลนักเรียน และสรุปปัญหาที่นักเรียนเป็นหรือเกิดขึ้นกับนักเรียน ขั้นที่ 4 ดําเนินการแก้ไขช่วยเหลือ โดยการขอความร่วมมือจากเพื่อนในห้องให้ช่วยดูแลหรือ พยายามพูดคุยกับนักเรียนคนนั้นให้มากขึ้น ขั้นที่ 5 การติดตามผล คือ การติดตามพฤติกรรมของนักเรียนเมื่อได้รับการช่วยเหลือเป็นระยะๆ ทั้งด้านการประพฤติ ปฏิบัติตัว ท่วงทีวาจา เป็นต้น 2. ชื่อนักเรียนผู้รับการศึกษา เด็กชายสามารถ ยินดี(นามสมมติ) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/3 3. สาเหตุที่ศึกษา เนื่องจากเด็กชายสามารถ ยินดี ไม่จดบันทึกสิ่งใด ๆ ที่ครูให้เขียนลงในสมุด ไม่ทําการบ้าน ไม่ส่งงาน ไม่


9 เข้าสอบ ไม่ตั้งใจเรียน ไม่กล้าถามคําถามครู และเมื่อครูถามคําถามไปนักเรียนจะไม่กล้าตอบเพราะกลัวผิด 4. วัน เวลา ที่ศึกษา ในการศึกษาผู้เรียนรายกรณีเริ่มศึกษาตั้งแต่ วันที่ 20 เดือนพฤษจิกายน 2565 จนถึง วันที่ 20 เดือน มกราคม 2566 ระยะเวลาที่ใช้ในการศึกษารวมทั้งสิ้น 2 เดือน 5. ลักษณะปัญหา เด็กชายสามารถ ยินดี เป็นเด็กที่มีพฤติกรรมก้าวร้าว ในขณะที่เรียนในชั้นเรียน เด็กชายสามารถ ยินดี เข้าเรียนบ้างไม่เข้าเรียนบ้าง ไม่ค่อยตั้งใจเรียน เป็นเด็กสมาธิสั้น จะไม่ค่อยกล้าแสดงออกเมื่อครูถามคําถามจะไม่ กล้าตอบ และเมื่อตัวเองไม่เข้าใจจะไม่กล้าถาม และเมื่อสั่งการบ้านก็ไม่ทํา ไม่ส่งงานไม่เข้าสอบกลางภาคทําให้ คะแนนออกมาไม่ผ่านเกณฑ์ 60 % หากได้รับการดูแลและส่งเสริมให้เหมาะสมก็จะทําให้เด็กชายสามารถ ยินดี มีคะแนนผ่านเกณฑ์ 60 % และมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนดีขึ้น ปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก ยิ่งขึ้น


10 บทที่ 2 สภาพทั่วไปเกี่ยวกับนักเรียน 1. ข้อมูลส่วนตัว ชื่อ-นามสกุล เด็กชายสามารถ ยินดี ชื่อเล่น บี(นามสมมติ) อายุ13 ปี เกิดวันที่ 1 เดือน กุมภาพันธ์2553 เชื้อชาติไทย สัญชาติไทย ศาสนา พุทธ ลักษณะท่าทางและบุคลิกภาพ มีผิวสองสีรูปร่างผอม ผมสีดํา นัยน์ตาสีดํา หนังตาสองชั้น ใบหน้าเรียว หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส นักเรียนมีอายุ 14 ปี น้ําหนัก 40 กิโลกรัม ส่วนสูง 140 เซนติเมตร กรุ๊ปเลือด โอ มีสายตาปกติ ไม่สวมแว่น แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสะอาด เข้ากับเพื่อนได้ ที่อยู่ปัจจุบัน บ้านเลขที่ 31/1 หมู่ที่ 10 ตําบลกำโลน อําเภอลานสกา จังหวัดนครศรีธรรมราช โทรศัพท์061-4685718 สถานภาพของบิดา - มารดา คือ อยู่ด้วยกัน ปัจจุบันอาศัยอยู่กับ บิดามารดา ลักษณะของที่อยู่ เป็นบ้านส่วนตัว เดินทางมาโรงเรียนโดย รถประจําทาง ใช้เวลาในการเดินทางมาโรงเรียน 15 นาที นักเรียนได้รับค่าใช้จ่ายจาก บิดา เป็นเงิน 60 บาทต่อวัน เพื่อนในโรงเรียนที่นักเรียนสนิทมากที่สุด คือ เด็กชายวรฤทธินันรัตน์ เปี่ยมโอภาช 2. ข้อมูลด้านครอบครัว บิดา อายุ47 ปี ประกอบอาชีพ รับจ้างทั่วไป รายได้เดือนละ ประมาณ 6,000 บาท โทร - มารดา อายุ45 ปี ประกอบอาชีพ รับจ้างทั่วไป รายได้เดือนละ ประมาณ 6,000 บาท โทร 065-663-2325 ปัจจุบันบิดามารดา อาศัยอยู่ด้วยกัน นักเรียนอาศัยอยู่ที่บ้านกับบิดาและมารดา ครอบครัวของนักเรียนมีสมาชิกทั้งหมด 5 คน คือ พ่อ แม่ พี่ น้อง และตัวนักเรียนเอง ความสัมพันธ์ของครอบครัวระหว่างบิดามารดา มีขัดแย้งทะเลาะกันบ้างบางครั้ง บุคคลในครอบครัวที่นักเรียนไว้ใจมากที่สุด คือ มารดา บุคคลในครอบครัวไม่มีการใช้สารเสพติดทุกชนิด นักเรียนมีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 3 คน ( รวมทั้งตัวนักเรียนด้วย )


11 3. ข้อมูลด้านความสามารถ จบการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษาที่ โรงเรียนวัดดินดอน จังหวัด นครศรีธรรมราช การศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษา (กําลังศึกษาอยู่) โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นครศรีธรรมราช ผลการเรียนอยู่ในระดับ ค่อนข้างอ่อน ความสามารถพิเศษของนักเรียน คือ เล่นฟุตบอล วิชาที่นักเรียนชอบมากที่สุด คือ วิชา พละศึกษา กีฬาที่นักเรียนชอบมากที่สุด คือ ฟุตบอล สิ่งที่ประทับใจมากที่สุดในชีวิต คือ การได้หาเงินด้วยตนเอง นักเรียนชอบครูที่มีลักษณะ ใจดี พูดเพาะ ไม่สั่งงานเยอะ สิ่งที่นักเรียนคิดว่าตนเองควรปรับปรุงมากที่สุด คือ ความขยัน ความรับผิดชอบและการพูดจา 4. ข้อมูลด้านสุขภาพ นักเรียนมีอายุ13 ปี นํ้าหนัก 40 กิโลกรัม ส่วนสูง 1ภจ เซนติเมตร กรุ๊ปเลือด โอ โดยปกติแล้ว นักเรียนไม่ส่งงาน ไม่ค่อยเข้าเรียน ไม่กล้าตอบคําถาม ไม่เข้าสอบ เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นกับนักเรียนมักจะ ปรึกษามารดา นักเรียนมีคุณลักษณะ คือ มีน้ำใจ หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส 5. ข้อมูลด้านการวางแผนการศึกษาและอาชีพ เด็กชายสามารถ ยินดี มีความฝันอยากประกอบอาชีพ สตรีมเมอร์บนโลกอินเตอร์เน็ต และเมื่อเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นแล้วจะไปศึกษาต่อที่สถาบันเทคนิค สายคอมพิวเตอร์


12 บทที่ 3 เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาผู้เรียน ผลการวิเคราะห์ข้อมูล เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาผู้เรียน 1. แบบบันทึกการสัมภาษณ์ 2. ข้อมูลพื้นฐานนักเรียนรายบุคคล 3. แบบบันทึกการเยี่ยมบ้าน 4. แบบบันทึกการวิเคราะห์ผู้เรียนเป็นรายบุคคล 5. แบบประเมินพฤติกรรมเด็ก (SDQ) (ฉบับนักเรียนประเมินตนเอง) 6. แบบประเมินพฤติกรรมเด็ก (SDQ) (ฉบับผู้ปกครองเป็นผู้ประเมินนักเรียน) 7. แบบประเมินพฤติกรรมเด็ก (SDQ) (ฉบับครูเป็นผู้ประเมินนักเรียน) ผลการวิเคราะห์ข้อมูล 1. แบบบันทึกการสัมภาษณ์ จากการสัมภาษณ์ข้อมูลทั่วไปของเด็กชายสามารถ ยินดี ผลปรากฎว่า เด็กชายสามารถ ยินดี เป็นลูกชายคนโต มีน้องชายคนที่ 1 กําลังศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่5 และมีน้องชายคนที่ 2 กําลังศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 บิดา อายุ 47 ปี อาชีพรับจ้างทั่วไป รายได้เดือนละประมาณ 6,000 บาทโทร โทร 095-4936776 มารดา อายุ 45 ปี อาชีพรับจ้างทั่วไป โทร 086-4718586 ปัจจุบันบิดามารดา อาศัยอยู่ ด้วยกัน ครอบครัวของนักเรียนมีสมาชิกทั้งหมด 5 คน ประกอบด้วย บิดา มารดา ตัวนักเรียน น้องชายคนที่ 1และ น้องชายคนที่ 2 บุคคลในครบครัวที่นักเรียนไว้ใจมากที่สุด คือ มารดา ความสัมพันธ์ของครอบครัวระหว่างบิดา มารดา มีขัดแย้งทะเลาะกันบ้างบางครั้ง บุคคลในครอบครัวไม่มีการใช้สารเสพติดทุกชนิด ครอบครัวอบอุ่น และเมื่อมีปัญหาอะไรก็เลือกปรึกษาเพื่อนสนิทเป็นคนแรก ทัศนคติที่มีต่อครอบครัว สนิทสนมรักใคร่กันดี บิดา มารดา จากการสัมภาษณ์ทัศนคติที่มีต่อโรงเรียนเด็กชายสามารถ ยินดี มีความรู้สึกว่าอยากให้โรงเรียนเลิก เรียนเร็วๆ จากการสัมภาษณ์ทัศนคติที่มีต่อครูผู้สอน พบว่า นักเรียนชอบผู้สอนที่ไม่ขึ้นเสียง ใจดี พูดเพราะ ไม่ พูดจาหยาบคาย เอาใจใส่นักเรียนทั่วถึงทุกคน ชอบ เรียนกับครูที่น่ารัก ๆ และไม่สั่งงานเยอะ


13 จากการสัมภาษณ์ครูที่ปรึกษาและครูประจําวิชาอื่น ๆ ได้แสดงความคิดเห็นว่าเด็กชายสามารถ ยินดี เป็นเด็กสมาธิสั้น ไม่ก้าวร้าว แต่จะไม่ค่อยส่งการบ้าน ชวนเพื่อนคุยในเวลาเรียน ไม่ค่อยมีความรับผิดชอบในหน้าที่ การงาน ข้อมูลพื้นฐานนักเรียนรายบุคคล จากการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากข้อมูลพื้นฐานนักเรียนรายบุคคลปรากฏว่า เด็กชายสามารถ ยินดี อายุ 13 ปี เกิดวันที่ 1 เดือน กุมภาพันธ์ 2553 เชื้อชาติไทย สัญชาติไทย ศาสนาพุทธ ที่อบ้านเลขที่ 31/1 หมู่ที่ 10 ตําบลกำโลน อําเภอลานสกา จังหวัดนครศรีธรรมราช โทรศัพท์ : 061-468-5718 ปัจจุบันอาศัยอยู่กับบิดามารดา ลักษณะของที่อยู่ เป็นบ้านส่วนตัว เดินทางมาโรงเรียนโดย รถประจําทาง ใช้เวลาในการเดินทางมาโรงเรียน 15 นาที นักเรียนได้รับค่าใช้จ่ายจากบิดา เป็นเงิน 60 บาทต่อวัน เพื่อนในโรงเรียนที่นักเรียนสนิทมากที่สุด คือ เด็ก ชายวรฤทธินันรัตน์ เปี่ยมโอภาช บิดา อายุ 47 ปี อาชีพรับจ้างทั่วไป รายได้เดือนละประมาณ 6,000 บาท มารดา อายุ 45 ปี อาชีพรับจ้างทั่วไป รายได้เดือนละประมาณ 6,000 บาท โทร 065-663-2325 ปัจจุบันบิดามารดา อาศัยอยู่ด้วยกัน ปัจจุบันบิดามารดา อาศัยอยู่ด้วยกัน ครอบครัวของนักเรียนมีสมาชิกทั้งหมด 5 คน ประกอบด้วย บิดา มารดา ตัวนักเรียน น้องชายคนที่ 1และน้องชายคนที่ 2 บุคคลในครอบครัวที่นักเรียนไว้ใจมากที่สุด คือ มารดา ความสัมพันธ์ของครอบครัวระหว่างบิดามารดา มีขัดแย้งทะเลาะกันบ้างบางครั้ง บุคคลในครอบครัวไม่มี การใช้สารเสพติดทุกชนิด ครอบครัวอบอุ่น และเมื่อมีปัญหาอะไรก็เลือกปรึกษาเพื่อนสนิทเป็นคนแรกจบการศึกษา ระดับชั้นประถมศึกษาที่ โรงเรียนวัดดินดอนจังหวัด นครศรีธรรมราช การศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษา (กําลังศึกษา อยู่) โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรธรรมราช ผลการเรียนอยู่ในระดับค่อนข้างอ่อน มีผลการเรียนเฉลี่ยปีการศึกษา 1/256ถ อยู่ที่ 2.52 วิชาที่ชอบเรียน คือ พละศึกษา วิชาที่ไม่ถนัด คือ คณิตศาสตร์ และ วิทยาศาสตร์ วิชาที่เรียนได้ดี คือ พละศึกษานักเรียนมีอายุ 13 ปี น้ำหนัก 40 กิโลกรัม ส่วนสูง 140 เซนติเมตร กรุ๊ปเลือด โอ มีสายตาปกติ ไม่สวมแว่น โดยปกติแล้ว นักเรียนไม่ส่งงาน ไม่ค่อยเข้าเรียน ไม่กล้าตอบ คําถาม ไม่เข้าสอบเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นกับนักเรียนมักจะ ปรึกษามารดา นักเรียนมีคุณลักษณะ คือ มีน้ำใจ หน้าตา ยิ้มแย้มแจ่มใส มีความฝันอยากประกอบอาชีพ เด็กชายสามารถ ยินดี มีความฝันอยากประกอบอาชีพ สตรีมเมอร์ บนโลกอินเตอร์เน็ตและเมื่อเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นแล้วจะไปศึกษาต่อที่สถาบันเทคนิค สายคอมพิวเตอร์


14 3. แบบบันทึกการเยี่ยมบ้าน จากการวิเคราะห์แบบบันทึกการเยี่ยมบ้าน พบว่า เด็กชายสามารถ ยินดี อาศัยอยู่กับบิดามารดาในบ้าน ของตนเอง บิดามารดาของนักเรียนอยู่ด้วยกัน ครอบครัวรักใคร่กันดี บิดาทําอาชีพรับจ้างทั่วไป มีรายได้เดือนละ 6,000 บาท มารดา มีรายได้เดือนละ 6,000 บาท รายได้กับรายจ่ายของครอบครัวไม่เพียงพอในบางครั้งบุคคลใน บ้านไม่มีใครใช้สารเสพติดทุกชนิด เด็กชายสามารถ ยินดี มีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบเป็นประจําในบ้านคือ ซักผ้า ล้าง จาน นักเรียนเดินทางมาโรงเรียนโดยรถประจําทาง ระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทาง 15 นาที เด็กชายสามารถ ยินดี เข้านอนเวลา 22.00-24.00 น. และตื่นนอนเวลา 07.30 – 07.40น. เด็กชายสามารถ ยินดี มีพฤติกรรมชอบดูโทรทัศน์ เล่นโทรศัพท์เล่นเกมส์เด็กชายสามารถ ยินดี มีโทรศัพท์มือถือเป็นของตัวเอง เด็กชายสามารถ ยินดี ปรับตัวเข้ากับเพื่อนได้ง่าย เป็นคนมีน้ำใจ ชอบช่วยเหลือช่วยงานอยู่บ้าน จะเป็นคนที่มี ความซื่อสัตย์ มีน้ำใจเอื้ออาทร แต่จะไม่ค่อยมีความรับผิดชอบ ไม่ค่อยมีความขยันหมั่นเพียร ไม่ค่อยมีความ อดทน ไม่ค่อยมีความตรงต่อเวลา ไม่ค่อยมีความมั่นใจในตนเอง ไม่ค่อยมีความใฝ่หาความรู้ ไม่ค่อยมีระเบียบ วินัยและใช้ เวลาว่างไม่เกิดประโยชน์ 4. แบบบันทึกการวิเคราะห์ผู้เรียนเป็นรายบุคคล จากการวิเคราะห์แบบบันทึกการวิเคราะห์ผู้เรียนเป็นรายบุคคลพบว่า เด็กชายสามารถ ยินดี มีอายุ 13 ปี กรุ๊ปเลือด โอ บิดามารดาอยู่ด้วยกัน นักเรียนมีผลการเรียนเฉลี่ยในภาคการเรียนที่ผ่านมา 2.52 ปัจจุบัน อาศัยอยู่กับบิดามารดา ความสามารถพิเศษคือเล่นกีฬาฟุตบอล วิชาที่ชอบมากที่สุดคือวิชาพละศึกษา ชอบครูที่มี ลักษณะใจดี พูดเพราะ สั่งงานไม่เยอะ 5. แบบประเมินพฤติกรรมเด็ก (SDQ) (ฉบับนักเรียนประเมินตนเอง) จากการทดสอบนักเรียนโดยการให้นักเรียนทําแบบประเมินพฤติกรรมเด็ก (SDQ) (นักเรีย ประเมินตนเอง) พบว่าเด็กชายสามารถ ยินดี (นามสมมติ) มีคะแนนที่แสดงถึงปัญหาพฤติกรรมของด้านนั้น ๆ คือ ด้านพฤติกรรมด้านอารมณ์อยู่ในเกณฑ์ปกติ พฤติกรรมเกเร/ความประพฤติอยู่ในเกณฑ์ปกติพฤติกรรมอยู่ไม่นิ่ง/ สมาธิสั้นอยู่ในเกณฑ์เสี่ยง และพฤติกรรมด้านความสัมพันธ์กับเพื่อนอยู่ในเกณฑ์ปกติ โดยรวมทั้ง 4 ด้านจัดอยู่ใน กลุ่มปกติส่วนในด้านพฤติกรรมด้านสัมพันธภาพทางสังคมจัดได้ว่ามีจุดแข็ง


15 6. แบบประเมินพฤติกรรมเด็ก (SDQ) (ฉบับผู้ปกครองเป็นผู้ประเมินนักเรียน) จากการทดสอบนักเรียนโดยการให้ผู้ปกครองนักเรียนทําแบบประเมินพฤติกรรมเด็ก (SDQ)(ฉบับ ผู้ปกครองเป็นผู้ประเมินนักเรียน) พบว่าเด็กชายสามารถ ยินดี (นามสมมติ) มีคะแนนที่แสดงถึงปัญหาพฤติกรรม ของด้านนั้น ๆ คือ ด้านพฤติกรรมด้านอารมณ์อยู่ในเกณฑ์ปกติพฤติกรรมเกเร/ความประพฤติอยู่ในเกณฑ์ปกติ พฤติกรรมอยู่ไม่นิ่ง/สมาธิสั้นอยู่ในเกณฑ์เสี่ยง และพฤติกรรมด้านความสัมพันธ์กับเพื่อนอยู่ในเกณฑ์ปกติโดยรวม ทั้ง 4 ด้านจัดอยู่ในกลุ่มปกติส่วนในด้านพฤติกรรมด้านสัมพันธภาพทางสังคมจัดได้ว่ามีจุดแข็ง 7. แบบประเมินพฤติกรรมเด็ก (SDQ) (ฉบับครูเป็นผู้ประเมินนักเรียน) จากการทดสอบนักเรียนโดยการให้ครูทําแบบประเมินพฤติกรรมเด็ก (SDQ) (ฉบับครูเป็นผู้ ประเมินนักเรียน) พบว่าเด็กชายสามารถ ยินดี (นามสมมติ) มีคะแนนที่แสดงถึงปัญหาพฤติกรรมของด้านนั้น ๆ คือ ด้านพฤติกรรมด้านอารมณ์อยู่ในเกณฑ์ปกติ พฤติกรรมเกเร/ความประพฤติอยู่ในเกณฑ์ปกติพฤติกรรมอยู่ไม่นิ่ง/ สมาธิสั้นอยู่ในเกณฑ์เสี่ยง และพฤติกรรมด้านความสัมพันธ์กับเพื่อนอยู่ในเกณฑ์ปกติ โดยรวมทั้ง 4 ด้านจัดอยู่ใน กลุ่มปกติส่วนในด้านพฤติกรรมด้านสัมพันธภาพทางสังคมจัดได้ว่ามีจุดแข็งซึ่งโดยรวมแล้วจากการใช้แบบประเมิน พฤติกรรมเด็ก (SDQ) โดยทั้ง 3 ฉบับคือ ฉบับนักเรียนประเมินตนเอง ฉบับผู้ปกครองเป็นผู้ประเมินนักเรียนและ ฉบับครูเป็นผู้ประเมินนักเรียนในส่วนของด้านที่ 1-4 จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยง ส่วนในด้านที่ 5 พฤติกรรมด้าน สัมพันธภาพทางสังคมจัดได้ว่ามีจุดแข็ง


16 บทที่ 4 การนําข้อมูลไปใช้ 1. การวินิจฉัยปัญหา จากการศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลด้วยเครื่องมือต่าง ๆ พบว่าเด็กชายสามารถ ยินดี เป็นเด็กที่มี นิสัยการเรียน โดยทั่วไปอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างอ่อน ส่วนแบบประเมินพฤติกรรมเด็ก (SDQ) โดยทั้ง 3 ฉบับ คือ ฉบับ นักเรียนประเมินตนเอง ฉบับผู้ปกครองเป็นผู้ประเมินนักเรียนและฉบับครูเป็นผู้ประเมินนักเรียนในส่วนของ ด้านที่ 1-4 จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยง ส่วนในด้านที่ 5 พฤติกรรมด้านสัมพันธภาพทางสังคมจัดได้ว่ามีจุดแข็งนอกจากนี้ยังมี พฤติกรรมไม่ตั้งใจเรียนหนังสือ สมาธิสั้น จดจ่อกับการเรียนได้เพียงระยะเวลาสั้น ๆ ไม่ค่อยกล้าแสดงออก ชอบ ชวนเพื่อนคุยในห้อง ไม่ค่อยส่งงานส่งการบ้าน ไม่ค่อยเข้าเรียน ไม่เข้าสอบ มักมีพฤติกรรมที่ต่อต้านเมื่อครูพูดเสียง ดังหรือเผลอตะคอกใส่ ทําให้นักเรียนไม่กล้าพูด ไม่กล้าถามครู ซึ่งหากได้รับการดูแลและส่งเสริมให้เหมาะสมก็จะ ทําให้เด็กชายสามารถ ยินดี ตั้งใจเรียน ตั้งใจจด บันทึกสิ่งที่ครูให้จด ตั้งใจทําการบ้านมาส่งให้ครบ เข้าเรียนทุกคาบ ตั้งใจทําข้อสอบ มีความกล้าที่จะถามและกล้าที่จะตอบคําถามของครู เพื่อให้เด็กชายสามารถ ยินดี ชอบที่จะเรียน ทุกวิชา ส่งผลทําให้มีผลการเรียนที่ดีขึ้น มีความมั่นใจในตนเองและปฏิบัติกิจกรรม ต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ 2. การดําเนินการช่วยเหลือตามแนวทางที่กําหนด จากการวินิจฉัยปัญหาข้างต้นได้ดําเนินการช่วยเหลือโดยแบ่งเป็น 2 ปัญหาที่พอจะแก้ไขได้ด้วย ตัวเองคือ ไม่ตั้งใจเรียนหนังสือ ไม่ทําการบ้าน ไม่ส่งงาน ไม่เข้าสอบ ส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำ และความ กล้าที่จะถามและตอบ คําถามครู ซึ่งในแต่ละปัญหาได้แก้ไขและได้ผล ดังนี้ 1. ไม่ตั้งใจเรียนหนังสือ ไม่ทําการบ้าน ไม่ส่งงาน ไม่เข้าสอบ ส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำ แนวทางการช่วยเหลือ ครูปรับเปลี่ยนวิธีการพูดกับนักเรียนจากพูดเสียงดังใส่ เป็นการใช้น้ำเสียงแสดงออกถึงการเอาใจ ใส่ และรักใคร่เอ็นดู ให้นักเรียนได้ร่วมลงมือปฏิบัติกิจกรรมการเรียนการสอนได้อย่างเต็มที่ ให้นักเรียนได้ปรึกษา เพื่อนหรือขอความช่วยเหลือจากเพื่อนสนิทในการทํางานส่ง ให้เพื่อนได้ช่วยเตือนและชักชวนให้สนใจการเรียนและ ส่งการบ้าน เข้าสอบ ตรงตามเวลาที่กําหนด เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนให้สูงขึ้น


17 ผลที่เกิดขั้น จากการที่สังเกตพฤติกรรมของเด็กชายสามารถ ยินดี ในห้องเรียนและนอกห้องเรียน พบว่า เด็กหญิง สามารถ ยินดีมีความมุ่งมั่นตั้งใจศึกษาเลาเรียนมากขึ้น ทํางานที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มที่ และพยายามจดสิ่ง ที่ครูเขียนลงใน สมุด มีการพัฒนาในเรื่องการทํางานเร็วขึ้น เข้าเรียนตรงเวลา มีความรับผิดชอบมากขึ้น เข้าสอบ ตามเวลา จึงทําให้ผลการเรียนอยู่ในระดับปานกลาง ในการสอบแต่ละครั้งมีคะแนนเพิ่มขึ้นทุกครั้ง 2. เป็นคนที่ไม่กล้ําตอบคําถาม และถามคําถามกับครู แนวทางการช่วยเหลือ ในชั่วโมงที่สอน พยายามให้เด็กชายสามาร ยินดี ได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมให้มากที่สุด โดย ฝึกความกล้าแสดงออก เช่น เปิดโอกาสให้ตอบคําถามบ่อย ๆ ไม่ว่าจะตอบคําถามถูกหรือผิดก็ควรเสริมแรง ทางบวกให้กับนักเรียน ถ้านักเรียนตอบผิดครูเปลี่ยนจากดุมาเป็นอธิบายให้นักเรียนเข้าใจใหม่ หมั่นถามในส่วน ของความคิดเห็นที่มีต่อกิจกรรมและเรื่องนั้น ๆ เพื่อเพิ่มความกล้าแสดงออกให้นักเรียน ในขณะที่สอนจะมีการ พูดเสริมแรงและให้กําลังใจกับนักเรียนเพื่อเพิ่มความกล้าแสดงออกและความมั่นใจในตัวของนักเรียนมากขึ้น เช่น การกล่าวยินดีเมื่อตอบคําถามถูก กล่าวปลอบใจเมื่อนักเรียนตอบผิดหรือบอกให้เพื่อน ๆ ช่วยปรบมือให้ ผลที่เกิดขึ้น จากการที่สังเกตพฤติกรรมและสอบถามจากเพื่อน ๆ ในห้องปรากฏว่าเด็กชายสามารถ ยินดี มี ความกล้าแสงออก กล้าตอบคําาถามของครูมากขึ้น และกล้าที่จะถามครูในด้านเนื้อหาที่ไม่เข้าใจมากขึ้น และมี ความมั่นใจในตัวเอง กล้าลงมือปฏิบัติและทํากิจกรรมด้วยตัวเองมากยิ่งขึ้นและสื่อสารกับครูมากยิ่งขึ้น


18 บทที่ 5 การติดตามและสรุปผล 1. การติดตามผล จากการสังเกตพฤติกรรมเด็กชายสามารถ ยินดี ในขณะเรียนในรายวิชาวิทยาศาสตร์ สรุปได้ว่า เด็กชายสามารถ ยินดี พฤติกรรมที่ตั้งใจเรียนมากขึ้น พยายามจดสิ่งต่าง ๆ ที่ลงไปในสมุดมากยิ่งขึ้น พยายามทํา การบ้านที่ครูสั่งให้เสร็จ พยายามเข้าเรียนให้ตรงเวลา เข้าสอบตรงเวลา นักเรียนพยายามตอบคําถามของครูมาก ยิ่งขึ้น เช่น เมื่อครูถามนักเรียนทุกคนในห้อง เด็กชายสามารถ ยินดี จะมีส่วนร่วมในการตอบคําถามมากยิ่งขึ้น ซึ่ง ต่างจากเมื่อก่อนที่ไม่กล้าตอบคําถามเพราะกลัวว่า ตอบผิดจะโดนครูด่าและเมื่อครูถามคําถามกับเด็กชายสามารถ ยินดี จะมีความพยายามตอบคําถาม อาจจะมีผิดบ้างถูกบ้างแต่นักเรียนมีความกล้าที่จะตอบคำถามขึ้นมาก และมี ความกล้าที่จะแสดงความคิดเห็นมากยิ่งขึ้น พยายามทํางานที่ได้รับมอบหมายให้สําเร็จ พร้อมทั้งเข้ามาถามเมื่อมี สิ่งที่ไม่เข้าใจ จากการสัมภาษณ์เพื่อน ๆ ร่วมห้องเกี่ยวกับพฤติกรรมการเรียนของเด็กชายสามารถ ยินดี พบว่า เด็กชายสามารถ ยินดี พยายยามทําการบ้านมาส่งครูมากขึ้นพยายามเขาเรียนตรงเวลามากยิ่งขึ้น พยายามติดตาม งานที่ค้างจากครูพยายามที่จะจดตามครูมากยิ่งขึ้น กล้าถามกล้าตอบคําถามของครูมากยิ่งขึ้น 2. การสรุปผลและข้อเสนอแนะ การสรุปผล หลังจากให้ความช่วยเหลือตามแนวทางที่กําหนด พร้อมทั้งให้คําปรึกษาและให้คําแนะนําไปแล้ว สรุปได้ว่าเด็กชายสามารถ ยินดี มีพฤติกรรมในการตั้งใจเรียนบ่อยขึ้น ถามบ่อยขึ้น และมีความมั่นใจในตนเองกล้า ที่จะตอบคําถามของครูมากยิ่งขึ้น นิสัยในการเรียนดีขั้น มีความกระตือรือร้นในการเรียนมากขึ้น พยายามตั้งใจ เรียนและ ทํางานที่ได้รับมอบหมายให้สําเร็จไปตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ ถึงแม้ผลงานจะออกมาไม่ดีสักเท่าไร แต่ก็ มีการพัฒนาขึ้นเยอะมาก จากการสังเกตพฤติกรรมขณะเรียนในแต่ละคาบ พบว่าสีหน้าดูสดใส มีความสุข เมื่อเจอ หน้าคุณครูกล้าที่จะทักทายชวนครูพูดคุยในเรื่องต่าง ๆ ข้อเสนอแนะ 1. ข้อเสนอแนะสําหรับผู้รับการศึกษา ให้ผู้รับการศึกษาเข้าใจตนเอง และยอมรับในปัญหาที่เกิดขึ้น เชื่อว่าตนเองมีความสามารถที่ จะเผชิญกับปัญหาที่เกิดขึ้นและหาทางแก้ไขปัญหาได้เพื่ออความสุขที่เกิดขึ้นและใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมี ความสุข


19 2. ข้อเสนอแนะสําหรับผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้รับการศึกษา 2.1 บิดามารดาหรือผู้ปกครอง บิดามารดาควรดูแลเอาใจใส่ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ให้คําแนะนําคําปรึกษา คอยให้กําลังใจ และสร้างความภาคภูมิใจให้แก่เด็ก ให้ความสําคัญและสนใจในความดูแลของเด็ก เพราะครอบครัวเป็นสถาบัน พื้นฐานที่สําคัญในการส่งเสริมให้เด็กใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข 2.2 ครูฝ่ายแนะแนวและครูประจําชั้น ควรให้ความสนใจติดตาม เอาใจใส่ดูแลผู้รับการศึกษาอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องให้กําลังใจ ให้ คําแนะนําให้ผู้รับการศึกษาเกิดความรู้สึกว่าครูรักและหวังดี จริงใจ ห่วงใยในตัวศิษย์ ทําให้นักเรียนเกิดความ ไว้วางใจและพร้อมที่จะมาขอรับคําปรึกษามากขึ้น เป็นการช่วยให้สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกต้องต่อไป 3. ปัญหาและอุปสรรคในการศึกษารายกรณี - ตอนช่วงแรก ๆ เด็กชายสามารถ ยินดี มักจะหลบหน้าครู - นักเรียนไม่กล้าที่จะเปิดใจในช่วงแรก ๆ ทําให้การให้ความช่วยเหลือเป็นไปด้วยความ ยากลําบาก ต้องใช้ระยะเวลาในการเป็นกันเองและทําให้นักเรียนกล้าที่จะคุยกับครู - การสัมภาษณ์ข้อมูลจากนักเรียนต้องสํารวจหลาย ๆ ครั้ง และนํามาสรุปเป็นข้อมูลที่ ถูกต้อง 4. สิ่งที่ได้เรียนรู้ 1. การรู้จักตนเองของนักเรียนเป็นจุเดเริ่มต้นที่ดีของการพัฒนาตนเองของนักเรียน 2. นักเรียนทุกคนสามารถที่จะพัฒนาตนเองได้เมื่อได้รับคําแนะนําหรือแนวทางที่เหมาะสม 3. การศึกษาผู้เรียนรายกรณีจะเป็นตัวช่วยให้ครูสามารถที่จะรู้จักนักเรียนและร่วมกันแก้ปัญหา ให้กับนักเรียนได้ เพื่อนักเรียนสามารถที่จะเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้อย่างเต็มศักยภาพ 4. ปัญหาทุกอย่างที่เกิดขึ้นย่อมมีสาเหตุและปัญหาทุกอย่างย่อมมีทางแก้ไขหรือลดความรุแรง ของปัญหาลงได้ถ้าหากรู้สาเหตุก็สามารถแก้ไขได้ตรงจุด 5. การเสริมแรงเป็นการกกระทําที่ดีสามารถกระตุ้นนักเรียนให้เกิดการพัฒนาไปในทางที่ดีได้


20 ภาคผนวก


21 แบบสัมภาษณ์ ผู้ปกครองจากการเยี่ยมบ้าน ข้าพเจ้าชื่อ (นาย / นาง / นางสาว) ...................................................................นามสกุล................................... อายุ................ปี สัญชาติ.................................................................................ศาสนา.......................................... เป็นผู้ปกครอง...................................................ผู้ปกครองมีความเกี่ยวข้องเป็น.................................................... ที่อยู่ปัจจุบัน บ้านเลขที่......................หมู่.....................ตำบล.............................อำเภอ........................................ จังหวัด..............................................รหัสไปรษณีย์............................................เบอร์โทรศัพท์............................. ข้อมูลทั่วไป ปัจจุบันประกอบอาชีพ ( ) รับราชการ (ระบุ).................( ) เกษตรกร ............... ทำนา .................ทำไร....................ทำสวน.................. ( ) รับจ้างทั่วไป ( ) ค้าขาย ( ) อื่น ๆ (ระบุ)............................................................. เวลาที่ท่านและครอบครัวอยู่พร้อมเพียงกัน คือ ( ) ตอนเช้า ( ) ตอนเย็น ( ) เวลาอื่น ๆ (ระบุ)..................................................... เวลาใช้เวลาว่างของนักเรียนเวลาอยู่บ้าน ( ) ไม่มีเวลาทำการบ้านและอ่านหนังสือเพราะมีงานบ้านที่ต้องทำงานมาก ( ) ทำการบ้านและอ่านหนังสือมากช่วยงานบ้านเล็กน้อย ( ) ใช้เวลาส่วนมากดูโทรทัศน์ ( ) ใช้เวลาส่วนมากเที่ยวเล่นกับเพื่อน เวลาอยู่ที่บ้านเด็กมีการทบทวนเนื้อหาบทเรียนที่ได้เรียนหรือไม่ ( ) ทบทวน ( ) ไม่ททบทวน เด็กขยันทำการบ้านมากน้อยเพียงใด ( ) ขยันทำการบ้านมากกว่าที่ครูมอบหมาย ( ) ทำเฉพาะที่ครูสั่งโดยไม่ต้องเตือน ( ) ทำก็ต่อเมื่อทางบ้านเคี่ยวเข็ญ ( ) ไม่เคยนำการบ้านมาทำที่บ้านเลย ( ) อื่น ๆ (ระบุ)........................................... งานที่ทางบ้านมอบหมายให้ทำเป็นประจำคือ..................................................................................................... เด็กช่วยงานที่ท่านมอบหมายให้มากน้อยเพียงใด ( ) ช่วยงานบ้านที่ได้รับมอบหมายให้ทำ ( ) ช่วยงานบ้านมากกว่าที่ได้รับมอบหมาย ( ) ไม่เคยช่วยเลย นักเรียนได้เงินค่าใช้จ่ายประจำวัน จำนวน....................บาท นักเรียนเดินทางไปโรงเรียนโดย........................................................................................................................... ความสามารถพิเศษของนักเรียนคือ..................................................................................................................... โรคประจำตัวของนักเรียนคือ..............................................................................................................................


22 ถ้าเด็กของท่านทำความผิดท่านจะลงโทษหรือแก้ไขปัญหาอย่างไร ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... เด็กของท่านมีการพูดจากันเป็นอย่างไร ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... เมื่อเด็กของท่านโกรธหรือไม่พอใจจะแสดงจะแสดงกิริยาท่าทางอย่างไร ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... การคบเพื่อนของคนเด็กเมื่ออยู่ที่บ้านเป็นอย่างไร ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ลักษณะนิสัยของเด็กขณะที่อยู่บ้านเป็นอย่างไร ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ปัญหาที่ทางบ้านต้องการให้ครูดูแลและช่วยเหลือเด็กคือ ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ลงชื่อ ครูผู้เยี่ยม ลงชื่อ ผู้ปกครอง (.............................................) (.........................................) ครูที่ปรึกษานักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่..../... ผู้ปกครองนักเรียนชื่อ.................................


23 แบบประเมินตนเอง ( SDQ ) ฉบับนักเรียนประเมิน (ด้านหน้า) ชื่อ-สกุลนักเรียน (นาย/ด.ช./นางสาว/ด.ญ.) ………………………………………ชั้นม. …../…… เลขที่ …… วัน/เดือน/ปีเกิด ………………………… เพศ ชาย หญิง คำชี้แจง จงทำเครื่องหมาย x ลงในช่องท้ายหัวข้อ กรุณาตอบให้ตรงความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในช่วง 6 เดือน ข้อ รายการประเมิน ไม่จริง ค่อนข้างจริง จริง 1 ฉันพยายามจะทำตัวดีกับคนอื่น ฉันใส่ใจในความรู้สึกของคนอื่น 2 ฉันอยู่ไม่นิ่ง ฉันนั่งนานๆ ไม่ได้ 3 ฉันปวดศีรษะ ปวดท้อง หรือไม่สบายบ่อยๆ 4 ฉันเต็มใจแบ่งปันสิ่งของให้คนอื่น ( ของกิน เกม ปากกา เป็นต้น ) 5 ฉันโกรธแรง และมักอารมณ์เสีย 6 ฉันชอบอยู่กับตัวเอง ฉันชอบเล่นคนเดียว หรืออยู่ตามลำพัง 7 ฉันมักทำตามที่คนอื่นบอก 8 ฉันขี้กังวล 9 ใครๆ ก็พึ่งฉันได้ถ้าเขาเสียใจ อารมณ์ไม่ดีหรือไม่สบายใจ 10 ฉันอยู่ไม่สุข วุ่นวาย 11 ฉันมีเพื่อนสนิท 12 ฉันมีเรื่องทะเลาะวิวาทบ่อย ฉันทำให้คนอื่นทำอย่างที่ฉันต้องการได้ 13 ฉันไม่มีความสุข ท้อแท้ ร้องไห้บ่อย 14 เพื่อนๆส่วนมากชอบฉัน 15 ฉันวอกแวกง่าย ฉันรู้สึกว่าไม่มีสมาธิ 16 ฉันกังวลเวลาอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่คุ้น และเสียความเชื่อมั่นในตนเองง่าย 17 ฉันใจดีกับเด็กที่เล็กกว่า 18 มีคนว่าฉันโกหก หรือขี้โกงบ่อยๆ 19 เด็กๆ คนอื่น ล้อเลียนหรือรังแกฉัน 20 ฉันมักจะอาสาช่วยเหลือคนอื่น ( พ่อแม่ ,ครู, เด็กคนอื่น ) 21 ฉันคิดก่อนทำ 22 ฉันเอาของคนอื่นในบ้าน ที่โรงเรียน หรือที่อื่นๆ 23 ฉันเข้ากับผู้ใหญ่ได้ดีกว่าเด็กวัยเดียวกัน 24 ฉันขี้กลัว รู้สึกหวาดกลัวได้ง่าย 25 ฉันทำงานได้จนสำเร็จ ความตั้งใจในการทำงานของฉันดี


24 นักเรียนมีอย่างอื่นที่จะบอกอีกหรือไม่ ………………………………………………………………………………. ……………………………………………………….………………………………………………………………… คะแนนด้านที่ 1 แปลผล ………………. คะแนนด้านที่ 2 แปลผล ………………. คะแนนด้านที่ 3 แปลผล ………………. คะแนนด้านที่ 4 แปลผล ………………. รวมคะแนนทั้ง 4ด้าน แปลผล ………………… คะแนนสัมพันธภาพทางสังคม แปลผล ………………… (ด้านหลัง)


25 โดยรวมนักเรียนคิดว่า ตัวเองมีปัญหาในด้านใดด้านหนึ่งต่อไปนี้หรือไม่ ด้านอารมณ์ ด้านสมาธิ ด้านพฤติกรรม หรือความสามารถเข้ากับผู้อื่น ไม่ ใช่ มีปัญหาเล็กน้อย ใช่ มีปัญหาชัดเจน ใช่ มีปัญหาอย่างมาก ถ้าตอบว่า “ ไม่ ” ไม่ต้องตอบคำถามข้อต่อไป ถ้าตอบว่า “ ใช่ ” กรุณาตอบข้อต่อไปนี้ ปัญหานี้เกิดขึ้นมานานเท่าไรแล้ว น้อยกว่า 1 เดือน 1 – 5 เดือน 6 – 12 เดือน มากกว่า 1 ปี ปัญหานี้ทำให้นักเรียนรู้สึกไม่สบายใจหรือไม่ ไม่เลย เล็กน้อย ค่อนข้างมาก มาก ปัญหานี้รบกวนชีวิตประจำวันของนักเรียนในด้านต่างๆ ต่อไปนี้หรือไม่ ความเป็นอยู่ที่บ้าน การคบเพื่อน การเรียนในห้องเรียน กิจกรรมยามว่าง ปัญหานี้ทำให้คนรอบข้างเกิดความยุ่งยากหรือไม่ ( ครอบครัว เพื่อน ครู เป็นต้น ) ไม่เลย เล็กน้อย ค่อนข้างมาก มาก คะแนนรวมแบบประเมินด้านหลัง แปลผล …………………………… ไม่ เล็กน้อย ค่อนข้างมาก มาก


26 แบบประเมินตนเอง ( SDQ ) ฉบับครูประเมินนักเรียน (ด้านหน้า) ชื่อ-สกุลนักเรียน (นาย/ด.ช./นางสาว/ด.ญ.) ………………………………………ชั้นม. …../…… เลขที่ …… วัน/เดือน/ปีเกิด ………………………… เพศ ชาย หญิง คำชี้แจง จงทำเครื่องหมาย x ลงในช่องท้ายหัวข้อ กรุณาตอบให้ตรงความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในช่วง 6 เดือน ข้อ รายการประเมิน ไม่จริง ค่อนข้างจริง จริง 1 ห่วงใยความรู้สึกของคนอื่น 2 อยู่ไม่นิ่งนั่งนิ่งๆ ไม่ได้ 3 มักจะบ่นว่าปวดศีรษะ ปวดท้อง หรือไม่สบาย 4 เต็มใจแบ่งปันสิ่งของให้เพื่อน ( ขนม ,ของเล่น,ดินสอ เป็นต้น ) 5 มักจะอาละวาดหรือโมโหร้าย 6 ค่อนข้างแยกตัว ชอบเล่นคนเดียว 7 เชื่อฟัง มักจะทำตามที่ผู้ใหญ่ต้องการ 8 กังวลใจหลายเรื่อง ดูวิตกกังวลเสมอ 9 เป็นที่พึ่งได้เวลาที่คนอื่นเสียใจ อารมณ์ไม่ดี หรือไม่สบายใจ 10 อยู่ไม่สุข วุ่นวายอย่างมาก 11 มีเพื่อนสนิท 12 มักมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับเด็กอื่น หรือรังแกเด็กอื่น 13 ดูไม่มีความสุข ท้อแท้ ร้องไห้บ่อย 14 เป็นที่ชื่นชอบของเพื่อน 15 วอกแวกง่าย สมาธิสั้น 16 เครียดไม่ยอมห่างเวลาอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่คุ้น และขาดความเชื่อมั่นใน ตนเอง 17 ใจดีกับเด็กที่เล็กกว่า 18 ชอบโกหกหรือขี้โกง 19 ถูกเด็กคนอื่นล้อเลียนหรือรังแก 20 ชอบอาสาช่วยเหลือคนอื่น ( พ่อ, แม่, ครู, เด็กคนอื่น ) 21 คิดก่อนทำ 22 ขโมยของของที่บ้าน ที่โรงเรียน หรือที่อื่น 23 เข้ากับผู้ใหญ่ได้ดีกว่าเด็กวัยเดียวกัน 24 ขี้กลัว รู้สึกหวาดกลัวได้ง่าย 25 ทำงานได้จนเสร็จ มีความตั้งใจในการทำงาน


27 คุณมีความเห็นหรือความกังวลอื่นอีกหรือไม่…………………………………………………………………………. ………………………………………………..……….………………………………………………………………… คะแนนด้านที่ 1 แปลผล ………………. คะแนนด้านที่ 2 แปลผล ………………. คะแนนด้านที่ 3 แปลผล ………………. คะแนนด้านที่ 4 แปลผล ………………. รวมคะแนนทั้ง 4ด้าน แปลผล ………………… คะแนนสัมพันธภาพทางสังคม แปลผล ………………… (ด้านหลัง)


28 โดยรวมแล้วคุณคิดว่า เด็กมีปัญหาในด้านใดด้านหนึ่งต่อไปนี้หรือไม่ ด้านอารมณ์ ด้านสมาธิ ด้านพฤติกรรม หรือความสามารถเข้ากับผู้อื่น ไม่ ใช่ มีปัญหาเล็กน้อย ใช่ มีปัญหาชัดเจน ใช่ มีปัญหาอย่างมาก ถ้าตอบว่า “ ไม่ ” ไม่ต้องตอบคำถามข้อต่อไป ถ้าตอบว่า “ ใช่ ” กรุณาตอบข้อต่อไปนี้ ปัญหานี้เกิดขึ้นมานานเท่าไรแล้ว น้อยกว่า 1 เดือน 1 – 5 เดือน 6 – 12 เดือน มากกว่า 1 ปี ปัญหานี้ทำให้นักเรียนรู้สึกไม่สบายใจหรือไม่ ไม่เลย เล็กน้อย ค่อนข้างมาก มาก ปัญหานี้รบกวนชีวิตประจำวันของเด็กในด้านต่างๆ ต่อไปนี้หรือไม่ การคบเพื่อน การเรียนในห้องเรียน ปัญหาของเด็กทำให้คุณหรือชั้นเรียนเกิดความยุ่งยากหรือไม่ ( ครอบครัว เพื่อน ครู เป็นต้น ) ไม่เลย เล็กน้อย ค่อนข้างมาก มาก ……………………………………………. ( …………………………………………. ) ครูที่ปรึกษา/ครูผู้สอน/อื่นๆ (โปรดระบุ) …..…../…………./…………… คะแนนรวมแบบประเมินด้านหลัง แปลผล …………………………… ไม่ เล็กน้อย ค่อนข้างมาก มาก


29 แบบประเมินตนเอง ( SDQ ) ฉบับผู้ปกครองประเมิน (ด้านหน้า) ชื่อ-สกุลนักเรียน (นาย/ด.ช./นางสาว/ด.ญ.) ………………………………………ชั้นม. …../…… เลขที่ …… วัน/เดือน/ปีเกิด ………………………… เพศ ชาย หญิง คำชี้แจง จงทำเครื่องหมาย x ลงในช่องท้ายหัวข้อ กรุณาตอบให้ตรงความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในช่วง 6 เดือน ข้อ รายการประเมิน ไม่จริง ค่อนข้างจริง จริง 1 ห่วงใยความรู้สึกของคนอื่น 2 อยู่ไม่นิ่งนั่งนิ่งๆ ไม่ได้ 3 มักจะบ่นว่าปวดศีรษะ ปวดท้อง หรือไม่สบาย 4 เต็มใจแบ่งปันสิ่งของให้เพื่อน ( ขนม ,ของเล่น,ดินสอ เป็นต้น ) 5 มักจะอาละวาดหรือโมโหร้าย 6 ค่อนข้างแยกตัว ชอบเล่นคนเดียว 7 เชื่อฟัง มักจะทำตามที่ผู้ใหญ่ต้องการ 8 กังวลใจหลายเรื่อง ดูวิตกกังวลเสมอ 9 เป็นที่พึ่งได้เวลาที่คนอื่นเสียใจ อารมณ์ไม่ดี หรือไม่สบายใจ 10 อยู่ไม่สุข วุ่นวายอย่างมาก 11 มีเพื่อนสนิท 12 มักมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับเด็กอื่น หรือรังแกเด็กอื่น 13 ดูไม่มีความสุข ท้อแท้ ร้องไห้บ่อย 14 เป็นที่ชื่นชอบของเพื่อน 15 วอกแวกง่าย สมาธิสั้น 16 เครียดไม่ยอมห่างเวลาอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่คุ้น และขาดความเชื่อมั่นใน ตนเอง 17 ใจดีกับเด็กที่เล็กกว่า 18 ชอบโกหกหรือขี้โกง 19 ถูกเด็กคนอื่นล้อเลียนหรือรังแก 20 ชอบอาสาช่วยเหลือคนอื่น ( พ่อ, แม่, ครู, เด็กคนอื่น ) 21 คิดก่อนทำ 22 ขโมยของของที่บ้าน ที่โรงเรียน หรือที่อื่น 23 เข้ากับผู้ใหญ่ได้ดีกว่าเด็กวัยเดียวกัน 24 ขี้กลัว รู้สึกหวาดกลัวได้ง่าย 25 ทำงานได้จนเสร็จ มีความตั้งใจในการทำงาน


30 คุณมีความเห็นหรือความกังวลอื่นอีกหรือไม่………………………………………………………………………………………………………… คะแนนด้านที่ 1 แปลผล ………………. คะแนนด้านที่ 2 แปลผล ………………. คะแนนด้านที่ 3 แปลผล ………………. คะแนนด้านที่ 4 แปลผล ………………. รวมคะแนนทั้ง 4ด้าน แปลผล ………………… คะแนนสัมพันธภาพทางสังคม แปลผล ………………… (ด้านหลัง)


31 โดยรวมคุณคิดว่าเด็กมีปัญหาในด้านใดด้านหนึ่งต่อไปนี้หรือไม่ ด้านอารมณ์ ด้านสมาธิ ด้านพฤติกรรม หรือความสามารถเข้ากับผู้อื่น ไม่ ใช่ มีปัญหาเล็กน้อย ใช่ มีปัญหาชัดเจน ใช่ มีปัญหาอย่างมาก ถ้าตอบว่า “ ไม่ ” ไม่ต้องตอบคำถามข้อต่อไป ถ้าตอบว่า “ ใช่ ” กรุณาตอบข้อต่อไปนี้ ปัญหานี้เกิดขึ้นมานานเท่าไรแล้ว น้อยกว่า 1 เดือน 1 – 5 เดือน 6 – 12 เดือน มากกว่า 1 ปี ปัญหานี้ทำให้เด็กรู้สึกไม่สบายใจหรือไม่ ไม่เลย เล็กน้อย ค่อนข้างมาก มาก ปัญหานี้รบกวนชีวิตประจำวันของเด็กในด้านต่างๆ ต่อไปนี้หรือไม่ ความเป็นอยู่ที่บ้าน การคบเพื่อน การเรียนในห้องเรียน กิจกรรมยามว่าง ปัญหานี้ทำให้ตุณหรือครอบครัวเกิดความยุ่งยากหรือไม่ ไม่เลย เล็กน้อย ค่อนข้างมาก มาก ……………………………………………. ( …………………………………………. ) พ่อ/แม่/อื่นๆ (โปรดระบุ) คะแนนรวมแบบประเมินด้านหลัง แปลผล …………………………… ไม่ เล็กน้อย ค่อนข้างมาก มาก


32 การให้คะแนนและการแปลผล 1.ด้านหน้า การให้คะแนนแยกตามรายด้าน 1.ด้านอารมณ์ ข้อ รายการประเมิน ไม่จริง ค่อนข้าง จริง จริง 3 มักจะบ่นว่าปวดศีรษะ ปวดท้อง 0 1 2 8 กังวลใจหลายเรื่อง ดูกังวลเสมอ 0 1 2 13 ดูไม่มีความสุข ท้อแท้ 0 1 2 16 เครียด ไม่ยอมห่างเวลาอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่คุ้นและขาดความเชื่อมั่นใจ ตนเอง 0 1 2 24 ขี้กลัว รู้สึกหวาดกลัวไง่าย 0 1 2 0-5 6 7-10 รวมคะแนน ………………… จัดอยู่ในกลุ่ม ปกติ เสี่ยง มีปัญหา 2.ด้านความประพฤติ/เกเร ข้อ รายการประเมิน ไม่จริง ค่อนข้างจริง จริง 5 มักจะอาละวาด หรือโมโหร้าย 0 1 2 7 เชื่อฟัง มักจะทำตามที่ผู้ใหญ่ต้องการ 2 1 0 12 มักจะมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับเด็กอื่น หรือรังแกเด็กอื่น 0 1 2 18 ชอบโกหก หรือขี้โกง 0 1 2 22 ขโมยของของที่บ้าน ที่โรงเรียนหรือที่อื่น 0 1 2 0-4 5 6-10 รวมคะแนน ………………… จัดอยู่ในกลุ่ม ปกติ เสี่ยง มีปัญหา 3.ด้านพฤติกรรมไม่อยู่นิ่ง/สมาธิสั้น ข้อ รายการประเมิน ไม่จริง ค่อนข้างจริง จริง 2 อยู่ไม่นิ่ง นั่งนิ่งๆ ไม่ได้ 0 1 2 10 อยู่ไม่สุข วุ่นวายอย่างมาก 0 1 2


33 15 วอกแวกง่าย สมาธิสั้น 0 1 2 21 คิดก่อนทำ 2 1 0 25 ทำงานได้จนเสร็จ มีความตั้งใจในการทำงาน 2 1 0 0-5 6 7-10 รวมคะแนน ………………… จัดอยู่ในกลุ่ม ปกติ เสี่ยง มีปัญหา 4.ด้านความสัมพันธ์กับเพื่อน ข้อ รายการประเมิน ไม่จริง ค่อนข้างจริง จริง 6 ค่อนข้างแยกตัว ชอบเล่นคนเดียว 0 1 2 11 มีเพื่อนสนิท 2 1 0 14 เป็นที่ชื่นชอบของเพื่อน 2 1 0 19 ถูกเด็กคนอื่นล้อเลียน หรือรังแก 0 1 2 23 เข้ากับผู้ใหญ่ได้ดีกว่าเด็กวัยเดียวกัน 0 1 2 0-3 4 5-10 รวมคะแนน ………………… จัดอยู่ในกลุ่ม ปกติ เสี่ยง มีปัญหา 5.ด้านสัมพันธภาพทางสังคม ข้อ รายการประเมิน ไม่จริง ค่อนข้างจริง จริง 1 ห่วงใยความรู้สึกของผู้อื่น 0 1 2 4 เต็มใจแบ่งปันสิ่งของให้เพื่อน ( ขนม ของเล่น ดินสอ เป็นต้น ) 0 1 2 9 เป็นที่พึ่งได้เวลาที่คนอื่นเสียใจ อารมณ์ไม่ดี หรือไม่สบายใจ 0 1 2 17 ใจดีกับเด็กที่เล็กกว่า 0 1 2 20 ชอบอาสาช่วยเหลือผู้อื่น ( พ่อแม่ ครู เด็กคนอื่น ) 0 1 2 4-10 3 0-2 รวมคะแนน ………………… จัดอยู่ในกลุ่ม ปกติ เสี่ยง มีปัญหา


34 สรุปการให้คะแนนและการแปลผลในภาพรวม ( นักเรียนประเมินตนเอง ) รายการประเมิน ปกติ เสี่ยง มีปัญหา คะแนนรวมพฤติกรรมที่เป็นปัญหา ( จากคะแนนรวมพฤติกรรม 4 ด้าน ) 0 - 16 17 - 18 19 - 40 คะแนนรวมพฤติกรรมแต่ละด้าน 1.คะแนนพฤติกรรมด้านอารมณ์ 2.คะแนนพฤติกรรมเกเร/ความประพฤติ 3.คะแนนพฤติกรรมไม่อยู่นิ่ง/สมาธิสั้น 4.คะแนนพฤติกรรมด้านความสัมพันธ์กับเพื่อน 0 – 5 0 – 4 0 – 5 0 - 3 6 5 6 4 7 – 10 6 – 10 7 – 10 5 - 10 5.คะแนนพฤติกรรมด้านสัมพันธภาพทางสังคม ( คะแนนจุดแข็ง ) 4 – 10 เป็นจุดแข็ง ต่ำกว่า 3 ไม่มีจุดแข็ง 2.ด้านหลัง ประเมินว่ามีความเรื้อรัง ส่งผลกระทบต่อบุคคลรอบตัวเด็ก มีผลต่อสัมพันธภาพทางสังคมและชีวิตประจำวันของ เด็ก ในการประเมินว่าตัวเองมีปัญหาด้านอารมณ์ ด้านสมาธิ ด้านพฤติกรรม หรือความสามารถเข้ากับผู้อื่นได้ ถ้าตอบว่า “ ไม่ ” ไม่ต้องคิดคะแนนข้อต่อไป ถ้าตอบว่า “ ใช่ ” ให้พิจารณาแบบประเมินในหัวข้อต่อไปนี้ - ปัญหานี้ทำให้รู้สึกไม่สบายใจหรือไม่ - ปัญหานี้รบกวนชีวิตประจำวันในด้านต่างๆ หรือไม่ ใน 2 หัวข้อนี้ ถ้าตอบว่า “ ไม่ ” หรือ “ เล็กน้อย ” ให้ 0 คะแนน “ ค่อนข้างมาก ” ให้ 1 คะแนน “ มาก ” ให้ 2 คะแนน ดังนี้ ไม่ เล็กน้อย ค่อนข้างมาก มาก ปัญหานี้ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ 0 0 1 2 ปัญหานี้รบกวนชีวิตประจำวันในด้านต่างๆ ➢ ความเป็นอยู่ที่บ้าน ➢ การคบเพื่อน ➢การเรียนในห้องเรียน ➢ กิจกรรมยามว่าง 0 0 0 0 0 0 0 0 1 1 1 1 2 2 2 2


35 สรุปการแปลผลด้านหลัง คะแนนรวม 0 คะแนน = ปกติ คะแนนรวม 1 – 2 คะแนน = เสี่ยง คะแนนรวม 3 คะแนนขึ้นไป = มีปัญหา การแปลผลแบบประเมินพฤติกรรมนักเรียนฉบับครู/ผู้ปกครองประเมิน คะแนนจากแบบประเมินด้านหน้า ( 25 ข้อ ) แบบประเมินพฤติกรรมนักเรียน ฉบับครูหรือผู้ปกครองเป็นผู้ประเมิน คะแนนรวมพฤติกรรมแต่ละด้าน 1.คะแนนพฤติกรรมด้านอารมณ์ 2.คะแนนพฤติกรรมเกเร/ความประพฤติ 3.คะแนนพฤติกรรมไม่อยู่นิ่ง/สมาธิสั้น 4.คะแนนพฤติกรรมด้านความสัมพัธ์กับเพื่อน ปกติ 0 – 15 0 – 3 0 – 3 0 – 5 0 - 5 เสี่ยง 16 - 17 4 4 6 6 มีปัญหา 18 – 40 5 – 10 5 – 10 7 – 10 7 - 10 5.คะแนนพฤติกรรมด้านสัมพันธภาพทางสังคม ( คะแนนจุดแข็ง ) 4 – 10 เป็นจุดแข็ง 3 0 – 2 ( ไม่มีจุดแข็ง ) ตัวอย่าง เกณฑ์การคัดกรองนักเรียน การคัดกรองนักเรียนเพื่อจัดเป็นกลุ่มปกติ กลุ่มเสี่ยง และกลุ่มมีปัญหานั้น ครูที่ปรึกษาสามารถวิเคราะห์ข้อมูล จากระเบียนสะสม sdq และอื่นๆ ที่จัดทำเพิ่มเติม แต่ทั้งนี้โรงเรียนแต่ละแห่งจำเป็นต้องประชุมครูเพื่อพิจารณาเกณฑ์การคัดกรอง นักเรียน เพื่อให้ครูที่ปรึกษามีหลักในการคัดกรอง นักเรียนตรงกันทั้งโรงเรียน ดังมีตัวอย่างต่อไปนี้ ข้อมูลนักเรียน กลุ่มปกติ กลุ่มเสี่ยง กลุ่มมีปัญหา 1.ด้านความสามารถ 1.1 การเรียน - ผลการเรียนเฉลี่ย 2.00 ขึ้นไป - ไม่มี 0 ร มส. ในทุกวิชา - ไม่เข้าเรียนในวิชาต่างๆ ไม่เกิน 3 ครั้งใน 1 วิชา - มาเรียนสายไม่เกิน 5 ครั้ง ใน 1 ภาคเรียน - ผลการเรียนเฉลี่ย 1.00 - 2.00 - มาโรงเรียนสายมากกว่า 5 ครั้ง แต่ไม่เกิน 10ครั้ง ใน 1 ภาคเรียน - ไม่เข้าเรียนในวิชาต่างๆ 3 – 5 ครั้ง ต่อ 1 วิชา - ผลการเรียนเฉลี่ยต่ำกว่า 1.00 - อ่านหนังสือไม่คล่อง - เขียนหนังสือไม่ถูกต้อง สะกดคำผิดแม้คำง่ายๆ - ไม่เข้าใจบทเรียนทุกวิชา - ไม่เข้าเรียนในวิชาต่างๆ


36 - มี 0 ร มส. 1 – 5 วิชา ใน 1 ภาคเรียน มากกว่า 5 ครั้ง ต่อ 1 วิชา - มี 0 ร มส. มากกว่า 5 วิชา ใน 1 ภาคเรียน - มาเรียนสายมากกว่า 10 ครั้งใน 1 ภาคเรียน 1.2 ความสามารถพิเศษ - ถ้านักเรียนมีความสามารถพิเศษ จะเป็นจุดแข็งของนักเรียนในทุกกลุ่ม 2. ด้านสุขภาพ 2.1 สุขภาพกาย - อายุ น้ำหนัก ส่วนสูง สัมพันธ์กัน - ร่างกายแข็งแรง - ไม่มีโรคประจำตัว - น้ำหนักผิดปกติและไม่ สัมพันธ์กับส่วนสูงหรือ อายุ - มีโรคประจำตัว หรือเจ็บ ป่วยบ่อยๆ - มีความพิการทางกาย หรือบกพร่องด้านการได้ ยิน การฟัง การมองเห็น หรืออื่นๆ ทั้ง 3 ประการดังกล่าว มีผลกระทบต่อความ สามารถด้านการเรียน ในระดับเสี่ยง - ป่วยเป็นโรคร้ายแรงหรือ เรื้อรัง หรือมีความพิการ ทางกาย มีความ บกพร่องทางการได้ยิน การมองเห็น และความ เจ็บป่วยหรือบกพร่อง ดังกล่าวมีผลกระทบต่อ ความสามารถด้านการ การเรียนในระดับมี ปัญหา 13 ข้อมูลนักเรียน กลุ่มปกติ กลุ่มเสี่ยง กลุ่มมีปัญหา 2.2 สุขภาพจิต – พฤติกรรม - หากโรงเรียนใช้แบบประเมินพฤติกรรมเด็ก (SDQ) ให้พิจารณาตามเกณฑ์ของ (SDQ) - หากโรงเรียนใช้เครื่องมืออื่นๆ เช่น แบบประเมินความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) ก็ให้ใช้เกณฑ์ของเครื่องมือนั้นๆ รวมทั้งการพิจารณาควบคู่กับข้อมูลอื่นๆ ที่มี เพิ่มเติม


37 3.ด้านครอบครัว 3.1 เศรษฐกิจ 3.2 การคุ้มครองนักเรียน - ครอบครัวมีรายได้ พอเพียงในการเลี้ยง ครอบครัว - นักเรียนมีความสัมพันธ์ ที่ดีกับสมาชิกในครอบ- ครัว - ที่พักอาศัยอยู่ในชุมชนที่ ดี ไม่อยู่ใกล้แหล่งมั่วสุม หรือแหล่งเสี่ยงอันตราย - รายได้ครอบครัว 2,001 - 10,000 บาท/เดือน - บิดาหรือมารดาตกงาน - มีภาระหนี้สินเป็นครั้ง- คราว - อยู่หอพัก - บิดามารดาหย่าร้างหรือ สมรสใหม่ - ที่พักอยู่ในชุมชนแออัด หรือใกล้แหล่งมั่วสุมหรือ แหล่งท่องเที่ยวกลางคืน - มีความขัดแย้งในครอบ- ครัวหรือทะเลาะกันเป็น ประจำ - มีความรู้สึกที่ไม่ดีต่อ บิดาหรือมารดาใหม่ - มีการใช้สารเสพติดหรือ เล่นการพนันในครอบ- ครัว - รายได้ครอบครัวต่ำกว่า 2,001 บาท/เดือน - ไม่มีอาหารกลางวันรับ ประทาน - ไม่มีเงินซื้ออุปกรณ์การ เรียน - มีภาระหนี้สินจำนวน มากและมีตลอดปี - นักเรียนมีพื้นฐานด้าน ครอบครัวประการใด ประการหนึ่งหรือหลาย ประการในกลุ่มเสี่ยงและ มีผลกระทบต่อความ สามารถด้านการเรียน ของนักเรียนในระดับ มีปัญหาหรือมีปัญหา พฤติกรรมที่คัดกรอง โดย SDQ แล้วพบว่า จัดอยู่ในระดับมีปัญหา 4. ด้านอื่นๆ - ไม่ใช้สารเสพติด ยกเว้น การดื่มเบียร์ สุรา หรือ บุหรี่เป็นครั้งคราวเพื่อ สังคมและยังสามารถ ควบคุมตนเองได้ - โรงเรียนพิจารณาเพิ่ม เติมตามความเหมาะสม เช่น ทดลองใช้กัญชา ยาบ้า เป็นครั้งคราว - ติดสารเสพติด ได้แก่ บุหรี่ สุรา กัญชา ยาบ้า หรือสารเสพติด อื่นๆ


38 14 แบบคัดกรองนักเรียนและแนวทางการช่วยเหลือ [ จากระเบียนสะสม,แบบประเมินพฤติกรรมเด็ก (SDQ) และอื่นๆ ] ชื่อ-สกุล ……………………………………………………………………………… ชั้นม……/….. เลขที่ ……. 1. ด้านการเรียน กลุ่มปกติ กลุ่มเสี่ยง กลุ่มมีปัญหา ( ) ผลการเรียนเฉลี่ย 1.00 – 1.50 ( ) ผลการเรียนเฉลี่ยต่ำกว่า 1.00 ( ) มาเรียนสายกว่า 5 – 10 ครั้ง ( ) อ่านหนังสือไม่ออก ใน 1 ภาคเรียน ( ) เขียนหนังสือไม่ถูกต้อง สะกด คำผิดแม้แต่คำง่ายๆ ( ) ไม่เข้าเรียนในวิชาต่างๆ 3 – 5 ครั้ง ( ) ไม่เข้าใจในบทเรียนทุกวิชา ต่อ 1 รายวิชา ( ) ไม่เข้าเรียนในวิชาต่างๆ มากกว่า ( ) มี 0 ร มส.จำนวน 1 – 5 วิชา 5 ครั้ง ต่อ 1 วิชา ใน 1 ภาคเรียน ( ) มี 0 ร มส. มผ. มากกว่า 5 วิชา ( ) อ่านหนังสือไม่คล่อง ใน 1 ภาคเรียน ( ) อื่นๆ คือ………………… ( ) มาเรียนสายมากกว่า 10 ครั้ง ใน 1 ภาคเรียน ( ) อื่นๆ คือ ………………………. 2. ด้านความสามารถอื่นๆ มี คือ ……………………………………………………………………………………………………. ไม่ชัดเจนในด้านความสามารถ 3. ด้านสุขภาพ ปกติ เสี่ยง มีปัญหา ( ) น้ำหนักผิดปกติและไม่สัมพันธ์ ( ) ป่วยเป็นโรคร้ายแรง / เรื้อรัง หรือ กับส่วนสูงหรืออายุ มีความพิการทางกาย ( ) เจ็บป่วยบ่อยๆ ( ) มีความบกพร่องทางการได้ยิน (หูหนวก) ( ) ร่างกายไม่แข็งแรง ( ) ความบกพร่องทางการมองเห็น (ตาบอด) ( ) ด้านสายตา สั้น / เอียง ( ) ความเจ็บป่วยที่มีผลกระทบต่อ


39 การเรียน ( ) ด้านการรับฟัง ( ) อื่นๆ คือ ……………………… ( ) อื่นๆ คือ ……………………….. 4. ด้านสุขภาพจิตและพฤติกรรม ( พิจารณาจากแบบประเมิน SDQ ) 4.1 ด้านอารมณ์ ปกติ เสี่ยง มีปัญหา 4.2 ด้านความประพฤติเกเร ปกติ เสี่ยง มีปัญหา 4.3 ด้านพฤติกรรมไม่อยู่นิ่ง / สมาธิสั้น ปกติ เสี่ยง มีปัญหา 4.4 ด้านบุคลิกภาพและความสัมพันธ์กับเพื่อน ปกติ เสี่ยง มีปัญหา ผลรวมทั้ง 4 ด้าน ปกติ เสี่ยง มีปัญหา 4.5 ด้านสัมพันธภาพทางสังคม ปกติ เสี่ยง มีปัญหา 5. ด้านเศรษฐกิจ ปกติ เสี่ยง มีปัญหา ( ) บิดาหรือมารดาตกงาน ( ) รายได้ครอบครัวต่ำกว่า 5,000 บาท / เดือน ( ) รายได้น้อย (5,000 – 10,000) ( ) ไม่มีอาหารกลางวันรับประทาน ( ) ใช้จ่ายแบบฟุ่มเฟือย ( ) บิดาและมารดาตกงาน ( ) ได้เงินมาโรงเรียนวันละ ….บาท ( ) ไม่มีเงินซื้ออุปกรณ์การเรียน ( ) อื่นๆ คือ ………………. ( ) มีภาระหนี้สินจำนวนมาก ( ) อื่นๆ คือ …………………………… 6. ด้านการคุ้มครองนักเรียน ปกติ เสี่ยง มีปัญหา ( ) อยู่หอพัก ( ) ไม่มีผู้ดูแล ( ) บิดามารดาแยกทางกันหรือ ( ) มีบุคคลในครอบครัวใช้สารเสพติด / แต่งงานใหม่ เล่นการพนัน ( ) มีความรู้สึกที่ไม่ดีต่อบิดามารดา ( ) มีบุคคลในครอบครัวเจ็บป่วยด้วยโรค ( ) อาชีพผู้ปกครองเสี่ยงต่อกฎหมาย รุนแรง / เรื้อรัง ( ) มีพฤติกรรมส่อไปในทางชู้สาว ( ) มีความขัดแย้งและมีการใช้ความรุนแรง ( ) มีการใช้แอลกอฮอล์บางครั้ง ในครอบครัว ( ) มีการใช้สารเสพติดหรือเล่นการพนัน ( ) มีการถูกล่วงละเมิดทางเพศ ในครอบครัวเป็นบางครั้ง ( ) มีการมั่วสุมทางเพศ ( ) ที่พักอยู่ในชุมชนแออัดหรือใกล้แหล่ง ( ) อื่นๆ คือ ……………………… มั่วสุม 7. ด้านอื่นๆ


40 - ด้านการใช้สารเสพติด ปกติ เสี่ยง มีปัญหา - ด้านเพศสัมพันธ์ ปกติ เสี่ยง มีปัญหา - ด้านอื่นๆ ที่ เสี่ยง คือ ……………………………………………………………………………. มีปัญหา คือ …………………………………………………………………………… สรุปผลการคัดกรอง นักเรียนจัดอยู่ในกลุ่ม เสี่ยง ด้าน ……………………………………………………………………………………….. ขั้นตอนการป้องกันและแนวทางส่งเสริมพัฒนา 1. ให้คำปรึกษาเบื้องต้น โดย ………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………… 2. ขั้นตอน / วิธีการป้องกันและส่งเสริมพัฒนา วัน/เดือน/ปี วิธีการ ผลการดำเนินการ การป้องกันและแก้ไขปัญหา


41 3. สรุปผลการช่วยเหลือ พฤติกรรมดีขึ้น นักเรียนจัดอยู่ในกลุ่มปกติ ดูแลต่อไปอีกระยะหนึ่ง ( ประมาณ …………… เดือน ) พฤติกรรมไม่ดีขึ้น ต้องแก้ไข จัดอยู่ในกลุ่มมีปัญหา ลงชื่อ …………………………………………….. ครูที่ปรึกษา ( …………………………………………… )


42 สรุปผลการคัดกรอง นักเรียนจัดอยู่ในกลุ่มปัญหา มีปัญหา ด้าน ……………………………………………………………………………………….. ขั้นตอนการป้องกันและแนวทางแก้ไขปัญหา 2. จัดกิจกรรมในการแก้ปัญหา โดยใช้ จัดกิจกรรมในชั้นเรียน จัดกิจกรรมเสริมหลักสูตร จัดกิจกรรมซ่อมเสริม จัดกิจกรรมเพื่อนช่วยเพื่อน จัดกิจกรรมสื่อสารกับผู้ปกครอง กิจกรรมอื่นๆ คือ ………………………………………………………………………………… 2. แนวทางหรือขั้นตอนการแก้ไขปัญหา วัน/เดือน/ปี วิธีการ ผลการดำเนินการ การป้องกันและแก้ไขปัญหา


43 วัน/เดือน/ปี วิธีการ ผลการดำเนินการ 4. สรุปผลการช่วยเหลือ พฤติกรรมดีขึ้น ยุติการช่วยเหลือ ( นักเรียนจัดอยู่ในกลุ่มปกติ ) ดูแลต่อไปอีกระยะหนึ่ง ( ประมาณ …………… เดือน ) แก้ไขไม่ได้ เนื่องจาก ……………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …. ……………………………………………………………………………………………จึงส่งต่อฝ่าย …………………………………………………………………………… อื่นๆ คือ ………………………………………………………………………………... ลงชื่อ ………………………………………. ครูที่ปรึกษา ( …………………………………..)


44 วิธีการใช้สมุดดูแลช่วยเหลือนักเรียน ส่วนประกอบ ส่วนที่ ประกอบด้วย รายละเอียด เครื่องมือ 1 การคัดกรองนักเรียน - กลุ่มปกติ - กลุ่มเสี่ยง - กลุ่มมีปัญหา (คัดกรอง 11 ด้าน ) - ระเบียนสะสม 6 ด้าน - SDQ 5 ด้าน - อื่นๆ เช่น สัมภาษณ์ สังเกต เยี่ยมบ้าน 2 การส่งเสริมและช่วยเหลือนักเรียน - ส่งเสริม 2 กิจกรรม - ป้องกันและแก้ไข 7 กิจกรรม - การส่งต่อ - แบบบันทึกการโฮมรูม - แบบบันทึกclassroom meeting - แบบบันทึกอื่นๆ 3 ผลการช่วยเหลือและส่งเสริม - ได้ - ไม่ได้ - ส่งต่อ - ดูความสำเร็จ 4 สรุปผลการช่วยเหลือ - แยกตามกลุ่ม - แยกตามด้านต่างๆ - ด้านความสามารถพิเศษ - ด้านหน้าปกเพื่อสรุป เป็นภาพรวมของระดับ และของโรงเรียน


45 การบันทึกสมุดการดูแลช่วยเหลือนักเรียน การคัดกรอง หัวข้อ การบันทึก รายละเอียดแหล่งข้อมูล ชื่อ - สกุล ใส่ชื่อนักเรียนที่ต้องดูแล ( แยกเล่มสำหรับ ห้องที่มีครูที่ปรึกษา 2 คน ) - เลขที่ เลขประจำตัว ชื่อนักเรียน กลุ่มนักเรียน - = ปกติ ส = เสี่ยง ป = ปัญหา พิจารณาจาก 11 ด้าน (เช็กทีหลังสุด) - เมื่อปกติทุกด้าน - เมื่อเสี่ยง - เมื่อมีปัญหา ด้านการเรียน - = ปกติ ส = เสี่ยง ป = ปัญหา - ระเบียนสะสม ( 3.1 ผลการเรียน ) - ข้อมูลอื่นๆ เช่น การมาสาย การหนีเรียน การอ่านหนังสือ นำผลไปเปรียบเทียบกับเกณฑ์การ คัดกรองนักเรียนว่าอยู่ในกลุ่มใด ความสามารถพิเศษ ใส่ชื่อความสามารถพิเศษ เช่น ฟุตบอล - ระเบียนสะสม ( 3.3 ความสามารถอื่นๆ) ด้านเศรษฐกิจ - = ปกติ ส = เสี่ยง ป = ปัญหา - ระเบียนสะสม ( 2. ข้อมูลด้านครอบครัว ) ดูรายได้ ภาระหนี้สิน เทียบกับเกณฑ์ การคัดกรองว่าอยู่ในกลุ่มใด ด้านการคุ้มครอง - = ปกติ ส = เสี่ยง ป = ปัญหา - ระเบียนสะสม ( 2.ข้อมูลด้านครอบครัว ) ดูการหย่าร้าง ที่อยู่ของนักเรียน การ ทะเลาะเบาะแว้ง เทียบกับเกณฑ์การ คัดกรองว่าอยู่ในกลุ่มใด


46 การคัดกรอง (ต่อ) หัวข้อ การบันทึก รายละเอียดแหล่งข้อมูล ด้านร่างกาย - = ปกติ ส = เสี่ยง ป = ปัญหา - ระเบียนสะสม ( 4.ข้อมูลด้านสุขภาพ ) - วิธีการอื่นๆ เช่น สังเกต สัมภาษณ์ นำผลไปเปรียบเทียบกับเกณฑ์การคัดกรอง ว่านักเรียนอยู่ในกลุ่มใด หรือนำไปเทียบกับ เกณฑ์มาตรฐานของน้ำหนักและส่วนสูง ปัญหาด้านอื่นๆ - = ปกติ ส = เสี่ยง ป = ปัญหา - ระเบียนสะสม ( 2.ข้อมูลด้านครอบครัว ) - อื่นๆ เช่น การใช้สารเสพติด และปัญหา เกี่ยวกับเพศ ด้านอารมณ์ - = ปกติ ส = เสี่ยง ป = ปัญหา - SDQ ด้านที่ 1 ความประพฤติ - = ปกติ ส = เสี่ยง ป = ปัญหา - SDQ ด้านที่ 2 อยู่ไม่นิ่ง - = ปกติ ส = เสี่ยง ป = ปัญหา - SDQ ด้านที่ 3 ความสัมพันธ์กับ เพื่อน - = ปกติ ส = เสี่ยง ป = ปัญหา - SDQ ด้านที่ 4 - = ปกติ - SDQ ด้านที่ 5


47 กลุ่มสัมพันธภาพกับ เพื่อน ส = เสี่ยง ป = ปัญหา หมายเหตุ การคัดกรองอาจใช้วิธีการอื่นๆ ช่วยในการคัดกรอง เช่นการสัมภาษณ์ สังเกต สอบถาม จาก ครู หรือเพื่อนของนักเรียน การเยี่ยมบ้าน การส่งเสริมและช่วยเหลือนักเรียน หัวข้อ การบันทึก รายละเอียด( แหล่งข้อมูล ) Homeroom / ทำกิจกรรม x ไม่ได้ทำกิจกรรม - โฮมรูมสั้นทุกเช้า 15 นาที - โฮูมรูมยาว 50 นาที 1 ครั้ง / สัปดาห์ - บันทึกลงสมุดโฮมรูม ส่งทุกสิ้นเดือน Classroom -meeting / ทำกิจกรรม x ไม่ได้ทำกิจกรรม - ทำกิจกรรมปีละ 2 ครั้ง ( หลังสอบกลางภาคเรียนที่ 1และ2 ) - บันทึกการจัดกิจกรรมclassroom – meeting ส่งฝ่ายบริหาร การให้คำปรึกษา ทำกิจกรรม x ไม่ได้ทำกิจกรรม - บันทึกการให้คำปรึกษาลงในแผนการ ป้องกันและแก้ไขปัญหา กิจกรรมในชั้นเรียน / ทำกิจกรรม x ไม่ได้ทำกิจกรรม - บันทึกรายละเอียดลงในแผนการป้องกัน และแก้ไขปัญหา กิจกรรมเสริมหลักสูตร / ทำกิจกรรม x ไม่ได้ทำกิจกรรม - บันทึกกิจกรรมที่นักเรียนเลือกลงในแผน การป้องกันและแก้ไขปัญหา กิจกรรมซ่อมเสริม / ทำกิจกรรม x ไม่ได้ทำกิจกรรม - บันทึกรายละเอียดลงในแผนการป้องกัน และแก้ไขปัญหา กิจกรรมเพื่อนช่วยเพื่อน / ทำกิจกรรม x ไม่ได้ทำกิจกรรม - บันทึกรายละเอียดลงในแผนการป้องกัน และแก้ไขปัญหา สื่อสารกับผู้ปกครอง / ทำกิจกรรม - บันทึกการพูดคุยกับผู้ปกครองลงในแผน


Click to View FlipBook Version