๑
วิเคราะห์หลักสตู รกลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย
ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 2 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน พ.ศ. 2551
โรงเรียนชุมชนห้วยไผ่ สานกั งานเขตพน้ื ทีก่ ารศึกษาประถมศกึ ษาอบุ ลราชธานี เขต ๓
ความนา
ตวั ชวี้ ัดและสาระการเรยี นรแู้ กนกลาง กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษา
ขนั้ พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 น้ไี ดก้ าหนดสาระการเรยี นรูอ้ อกเป็น 5 สาระ ไดแ้ ก่ สาระที่ 1 การอา่ น สาระที่ 2
การเขียน สาระท่ี 3 การฟัง การดแู ละการพดู สาระที่ 4 หลักภาษาไทย และสาระที่ 5 วรรณคดแี ละวรรณกรรม
ซ่งึ องคป์ ระกอบของหลกั สตู ร ทง้ั ในด้านของเน้ือหา การจัดการเรียนการสอนและการวัดและประเมนิ ผล การ
เรียนรนู้ ้นั มคี วามสาคัญอย่างย่ิงในการวางรากฐานการเรียนรู้ภาษาไทย ของผเู้ รียนในแต่ละระดบั ชัน้ ให้มี ความ
ต่อเนอ่ื งเชือ่ มโยงกนั ตั้งแต่ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 1 จนถงึ ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 3 สาหรับกลุ่มสาระการเรียนรู้
ภาษาไทย ไดก้ าหนดตัวช้วี ัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง ท่ผี ้เู รยี นจาเปน็ ต้องเรียนเปน็ พืน้ ฐาน เพ่ือให้สามารถ
นาความรนู้ ้ไี ปใชใ้ นการดารงชีวิต หรือศกึ ษาต่อในวชิ าชพี ท่ีตอ้ งใชภ้ าษาไทยได้ โดยจัดเรยี งลาดบั ความยากง่าย
ของเนื้อหาทง้ั 5 สาระในแตล่ ะระดับชน้ั ให้มกี ารเชอื่ มโยงความรู้กบั กระบวนการเรยี นรู้ และการจดั กจิ กรรมการ
เรียนร้ทู ส่ี ง่ เสริมใหผ้ ้เู รยี นพัฒนาความคิด และกระบวนการลงมือปฏิบตั ดิ ว้ ยตนเอง มีทักษะท่ีสาคัญท้งั ทักษะ
กระบวนการในการดารงชวี ิตและทักษะในศตวรรษที่ 21 ในการค้นควา้ และสรา้ งองค์ความรู้ด้วยศกึ ษาความรูเ้ ชิง
ทฤษฎี จนนาไปสู่การปฏบิ ตั ิ และมีทักษะตดิ ตวั ไปประกอบอาชพี ในอนาคต ท้ังยงั ส่งผลต่อความสุขและความ
สุนทรยี ภาพภายในตัวของผเู้ รยี นตลอดการเรียนรู้ทง้ั ในและนอกห้องเรยี น ดงั นนั้ จงึ ได้จัดทาตวั ชี้วดั และสาระการ
เรียนรแู้ กนกลาง กลมุ่ สาระการเรียนภาษาไทย ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน พทุ ธศักราช 2551
ขึ้น เพอ่ื ให้สถานศึกษา ครูผสู้ อน ตลอดจนหนว่ ยงานต่าง ๆ ไดใ้ ช้เปน็ แนวทางในการพฒั นา หนงั สือเรยี น คู่มือครู
สื่อประกอบการเรยี นการสอน ตลอดจนการวัดและประเมนิ ผล โดยตวั ชว้ี ดั และสาระการเรียนร้แู กนกลาง กลุ่ม
สาระการเรยี นรู้ภาไทย ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551 ที่จดั ทาข้นึ น้ีไดป้ รบั ปรงุ
เพือ่ ใหม้ คี วามสอดคล้องและเชื่อมโยงกนั ภายในสาระการเรียนรเู้ ดียวกนั และระหว่างสาระการเรยี นรู้ในกลุม่ สาระ
การเรียนรู้ภาษาไทย ตลอดจนการเชื่อมโยงเน้ือหาความรู้ และบรู ณาการความรู้ทางดา้ นภาษาไทยกบั สาระการ
เรียนรู้อื่นด้วย นอกจากน้ี ยงั ไดป้ รบั ปรงุ เพ่ือใหม้ ีความทันสมัยตอ่ การเปลี่ยนแปลง และความเจริญกา้ วหนา้ ของ
วิทยาการตา่ ง ๆ มีความสอดคล้องกับความเหมาะสมของท้องถิ่นและความต้องการของผูเ้ รียนอย่างแทจ้ รงิ
วเิ คราะหห์ ลักสตู รกล่มุ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย
ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 2 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑
๒
เปา้ หมายของการจัดการเรียนการสอนภาษาไทย
ภาษาไทยเป็นภาษาประจาชาติทม่ี คี วามสาคญั ต่อคนไทยเป็นอย่างย่งิ ดงั พระราชดารัสในพระบาทสมเดจ็
พระเจ้าอยู่หวั ภูมพิ ลอดลุ ยเดช ท่ีวา่ “...ประเทศไทยนั้นมภี าษาของเราเอง ซึ่งต้องหวงแหน...เราโชคดีท่มี ภี าษา
ของตนเองแต่โบราณกาลจึงสมควรอย่างย่งิ ที่จะรักษาไว้” (2505 : 201)
ภาษาไทยมคี วามสาคัญตอ่ การดารงชวี ิตของคนไทยในฐานะทเ่ี ปน็ วัฒนธรรมประจาชาติและยงั เปน็
เอกลักษณ์ทสี่ าคญั เป็นเคร่ืองมือในการเสรมิ สรา้ งเอกภาพของชาติทาใหเ้ กิดความรู้สกึ เป็นอันหน่ึงอนั เดียวกนั
ตลอดจนเปน็ เครื่องมือท่ีใชพ้ ัฒนาคนในชาติ เพราะการศกึ ษาเลา่ เรียนการแลกเปล่ียนความคิดเหน็ และการ
ถ่ายทอดความคดิ ศลิ ปวทิ ยาการล้วนตอ้ งใชภ้ าษาทงั้ ส้นิ ดังนัน้ ภารกิจของการศึกษาประการหน่ึงก็คือการสอน
ภาษาไทยให้คนในชาติสามารถติดต่อส่ือสารกนั ไดอ้ ย่างมีประสทิ ธภิ าพและใช้ภาษาไทยเพอ่ื การพัฒนาความรู้
ความสามารถของตนเอง และสามารถสืบทอดมรดกทางภาษาซ่ึงเปน็ วฒั นธรรมของชาติ มคี วามช่นื ชมที่จะใช้
ภาษาไทยไดอ้ ย่างถูกต้องและมเี จตนคตทิ ีด่ ีต่อภาษาไทย(ศูนย์พัฒนาหลักสตู ร กระทรวงศึกษาธิการ. 2532 : 76)
ดงั นน้ั การศึกษาวิชาภาษาไทยจึงเป็นสิง่ สาคญั สาหรบั คนในชาติของเรา ซ่ึง วรรณี โสมประยูร (2534 : 28) ได้
สรปุ ความสาคญั ของการสอนภาษาไทยไว้ตอนหนงึ่ วา่ มนุษยไ์ ดใ้ ช้ทกั ษะการฟัง พดู อ่านและเขียน เปน็ เครอ่ื งมอื
ในการศึกษาความรู้ เพ่ือประกอบอาชพี พฒั นาบุคลิกภาพและสรา้ งเสรมิ คุณภาพชวี ติ ในด้านอนื่ ๆ เพราะคนเรา
ไดร้ ับความรู้ ความคิดต่าง ๆ จากการฟัง การอ่าน แลว้ การเขยี นบันทกึ ไวเ้ พื่อพูดหรอื เขยี นถา่ ยทอดใหผ้ ู้อืน่ เขา้ ใจ
อกี ทอดหนงึ่ การเขยี นของนักเรียนที่อ่อนภาษาจงึ ทาให้อ่อนวชิ าอืน่ ๆ ด้วย
วสิ ยั ทัศน์
ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พื้นฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ มุ่งพัฒนาผเู้ รยี นทกุ คน ซง่ึ เปน็ กาลงั
ของชาติใหเ้ ป็นมนุษย์ทม่ี ีความสมดลุ ทง้ั ด้านร่างกาย ความรู้ คุณธรรม มจี ิตสานกึ ในความเป็นพลเมืองไทยและ
เปน็ พลโลก ยึดมัน่ ในการปกครองตามระบอบประชาธปิ ไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมขุ มีความรู้และ
ทักษะพน้ื ฐาน รวมทง้ั เจตคติที่จาเป็นต่อการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และการศึกษาตลอดชวี ิต โดยมุง่ เนน้
ผเู้ รยี นเปน็ สาคัญบนพืน้ ฐานความเชื่อวา่ ทุกคนสามารถเรยี นรู้และพฒั นาตนเองไดเ้ ต็มตามศกั ยภาพ
ทาไมต้องเรียนภาษาไทย
ภาษาไทยเป็นเอกลักษณ์ของชาติเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมอันก่อให้เกิดความเป็นเอกภาพและเสริมสร้าง
บุคลิกภาพของคนในชาติให้มีความเป็นไทย เป็นเครื่องมือในการติดต่อส่ือสารเพื่อสร้างความเข้าใจและ
ความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ทาให้สามารถประกอบกิจธุระ การงาน และดารงชีวิตร่วมกันในสังคมประชาธิปไตยได้
อย่างสันติสุข และเป็นเคร่ืองมือในการแสวงหาความรู้ ประสบการณ์จากแหล่งข้อมูลสารสนเทศต่างๆ เพ่ือพัฒนา
ความรู้ พัฒนากระบวนการคิดวิเคราะห์ วิจารณ์ และสร้างสรรค์ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคม และ
ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ตลอดจนนาไปใช้ในการพัฒนาอาชีพให้มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
นอกจากนีย้ งั เป็นสอื่ แสดงภูมปิ ญั ญาของบรรพบุรษุ ดา้ นวัฒนธรรม ประเพณี และสุนทรียภาพ เป็นสมบัติล้าค่า
ควรแก่การเรยี นรู้ อนรุ กั ษ์ และสบื สานให้คงอยคู่ ่ชู าตไิ ทยตลอดไป
วิเคราะหห์ ลักสูตรกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย
ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑
๓
เรยี นรูอ้ ะไรในภาษาไทย
ภาษาไทยเป็นทักษะท่ีต้องฝึกฝนจนเกิดความชานาญในการใช้ภาษาเพ่ือการสื่อสาร การเรียนรู้อย่างมี
ประสทิ ธิภาพ และเพ่อื นาไปใชใ้ นชวี ติ จริง
การอา่ น การอ่านออกเสียงคา ประโยค การอา่ นบทร้อยแก้ว คาประพันธ์ชนิดต่าง ๆ การอ่าน
ในใจเพื่อสร้างความเข้าใจ และการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ความรู้จากส่ิงที่อ่าน เพื่อนาไป ปรับใช้ใน
ชวี ิตประจาวนั
การเขยี น การเขียนสะกดตามอักขรวิธี การเขียนสื่อสาร โดยใช้ถ้อยคาและรูปแบบต่าง ๆ ของการ
เขียน ซงึ่ รวมถึงการเขยี นเรยี งความ ยอ่ ความ รายงานชนดิ ตา่ ง ๆ การเขียนตามจนิ ตนาการ วเิ คราะหว์ จิ ารณ์
และเขียนเชงิ สร้างสรรค์
การฟัง การดู และการพูด การฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ การพูดแสดงความคิดเห็น ความรู้สึก
พูดลาดบั เรอื่ งราวตา่ ง ๆ อยา่ งเปน็ เหตเุ ปน็ ผล การพูดในโอกาสต่าง ๆ ทัง้ เป็นทางการและไม่เป็นทางการ และ
การพดู เพอ่ื โน้มน้าวใจ
หลักการใช้ภาษาไทย ธรรมชาติและกฎเกณฑ์ของภาษาไทย การใช้ภาษาให้ถูกต้องเหมาะสมกับ
โอกาสและบคุ คล การแตง่ บทประพันธป์ ระเภทต่าง ๆ และอทิ ธิพลของภาษาต่างประเทศในภาษาไทย
วรรณคดีและวรรณกรรม วิเคราะห์วรรณคดีและวรรณกรรมเพื่อศึกษาข้อมูล แนวความคิด คุณค่า
ของงานประพนั ธ์ และความเพลิดเพลนิ การเรียนรู้และทาความเข้าใจบทเห่ บทร้องเล่นของเด็ก เพลงพ้ืนบ้านที่
เป็นภูมิปัญญาท่ีมีคุณค่าของไทย ซึ่งได้ถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิด ค่านิยม ขนบธรรมเนียมประเพณี เรื่องราวของ
สังคมในอดีต และความงดงามของภาษา เพ่ือให้เกิดความซาบซ้ึงและภูมิใจ ในบรรพบุรุษท่ีได้สั่งสมสืบทอดมา
จนถงึ ปจั จบุ นั
สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รียน
หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ มงุ่ พัฒนาผู้เรียนให้มคี ุณภาพตามมาตรฐาน
การเรยี นร้ทู ่กี าหนดน้ันจะช่วยใหผ้ เู้ รยี นเกดิ สมรรถนะสาคัญ ๕ ประการ ดังนี้
๑. ความสามารถในการสอ่ื สาร เป็นความสามารถในการรับและสง่ สาร มีวฒั นธรรมในการใช้ภาษา
ถ่ายทอดความคิด ความรู้ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนของตนเองเพื่อแลกเปลย่ี นข้อมลู ข่าวสาร และ
ประสบการณ์อนั จะเปน็ ประโยชน์ต่อการพฒั นาตนเองและสงั คม รวมทง้ั การเจรจาต่อรองเพ่ือขจัดและลดปัญหา
ความขดั แย้งตา่ ง ๆ การเลือกรบั หรอื ไม่รับข้อมูลข่าวสารด้วยหลักเหตุผล และความถกู ตอ้ ง ตลอดจนการ
เลอื กใช้วิธีการส่ือสารที่มีประสิทธิภาพโดยคานงึ ถงึ ผลกระทบที่มีต่อตนเองและสังคม
๒. ความสามารถในการคดิ เปน็ ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิดอย่าง
สรา้ งสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดเปน็ ระบบ เพือ่ นาไปสู่การสร้างองค์ความรูห้ รอื สารสนเทศ
เพือ่ การตัดสนิ ใจเกย่ี วกบั ตนเองและสังคมได้อย่างเหมาะสม
๓. ความสามารถในการแก้ปญั หา เปน็ ความสามารถในการแกป้ ัญหาและอปุ สรรคต่าง ๆ ทีเ่ ผชิญได้
อย่างถูกต้องเหมาะสมบนพ้นื ฐานของหลกั เหตุผล คณุ ธรรมและข้อมลู สารสนเทศ เขา้ ใจความสัมพนั ธ์และการ
เปล่ียนแปลงของเหตกุ ารณต์ ่าง ๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยุกตค์ วามรู้มาใช้ในการปอ้ งกนั และแก้ไขปัญหา
และมีการตัดสินใจที่มปี ระสิทธภิ าพโดยคานงึ ถึงผลกระทบทเ่ี กิดขึน้ ตอ่ ตนเอง สังคมและสงิ่ แวดลอ้ ม
วิเคราะหห์ ลักสูตรกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย
ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 2 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑
๔
๔. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ เป็นความสามารถในการนากระบวนการตา่ ง ๆ ไปใชใ้ นการ
ดาเนินชีวติ ประจาวนั การเรียนร้ดู ว้ ยตนเอง การเรียนรู้อยา่ งต่อเนื่อง การทางาน และการอยู่ร่วมกันในสังคม
ด้วยการสร้างเสรมิ ความสมั พันธ์อันดรี ะหวา่ งบคุ คล การจัดการปญั หาและความขดั แยง้ ต่าง ๆ อย่างเหมาะสม
การปรับตัวให้ทันกับการเปล่ียนแปลงของสังคมและสภาพแวดลอ้ ม และการรจู้ ักหลกี เล่ียงพฤติกรรมไมพ่ ึง
ประสงค์ทสี่ ง่ ผลกระทบต่อตนเองและผู้อื่น
๕. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลือกและใช้เทคโนโลยดี ้านต่าง ๆ
และมที ักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพ่อื การพฒั นาตนเองและสงั คมในด้านการเรียนรู้ การส่ือสาร การ
ทางาน การแกป้ ญั หาอย่างสรา้ งสรรค์ ถกู ต้อง เหมาะสมและมคี ุณธรรม
คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ มุ่งพัฒนาผเู้ รยี นให้มีคุณลักษณะ
อนั พึงประสงค์ เพ่ือใหส้ ามารถอยรู่ ่วมกบั ผู้อืน่ ในสงั คมไดอ้ ย่างมีความสขุ ในฐานะเปน็ พลเมอื งไทยและพลโลก
ดังน้ี
๑. รกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์
๒. ซือ่ สตั ย์สจุ รติ
๓. มีวนิ ัย
๔. ใฝเ่ รียนรู้
๕. อยู่อยา่ งพอเพยี ง
๖. มุ่งมน่ั ในการทางาน
๗. รักความเป็นไทย
๘. มีจิตสาธารณะ
วเิ คราะหห์ ลกั สูตรกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑
๕
สาระและมาตรฐานการเรียนรู้
สาระท่ี ๑ การอ่าน
มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอ่านสรา้ งความรู้และความคิดเพื่อนาไปใชต้ ัดสนิ ใจ แก้ปัญหา
ในการดาเนินชวี ิต และมีนิสยั รักการอ่าน
สาระท่ี ๒ การเขียน
มาตรฐาน ท ๒.๑ ใชก้ ระบวนการเขยี นเขียนสอ่ื สาร เขียนเรยี งความ ยอ่ ความ และเขยี นเรื่องราว
ในรูปแบบต่าง ๆ เขียนรายงานข้อมลู สารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นควา้
อยา่ งมีประสิทธภิ าพ
สาระที่ ๓ การฟัง การดู และการพดู
มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวจิ ารณญาณ พดู แสดงความรู้ ความคิด และ
ความรสู้ ึกในโอกาสต่าง ๆ อยา่ งมวี จิ ารณญาณและสรา้ งสรรค์
สาระท่ี ๔ หลักการใช้ภาษาไทย
มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของภาษา และ
พลังของภาษา ภูมปิ ญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เปน็ สมบตั ิของชาติ
สาระท่ี ๕ วรรณคดีและวรรณกรรม
มาตรฐาน ท ๕.๑ เขา้ ใจและแสดงความคดิ เหน็ วจิ ารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่าง
เหน็ คณุ คา่ และนามาประยกุ ต์ใช้ในชวี ิตจริง
คุณภาพผเู้ รยี น
จบชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๓
• อา่ นออกเสียงบทร้อยแกว้ และบทรอ้ ยกรองเป็นทานองเสนาะได้ถูกต้อง เขา้ ใจความหมายโดยตรงและ
ความหมายโดยนยั จับใจความสาคัญและรายละเอยี ดของส่ิงที่อ่าน แสดงความคิดเหน็ และข้อโต้แย้งเก่ยี วกับ
เรื่องที่อ่าน และเขยี นกรอบแนวคิด ผงั ความคิด ยอ่ ความ เขยี นรายงานจาก สิง่ ที่อ่านได้ วเิ คราะห์ วจิ ารณ์
อยา่ งมีเหตผุ ล ลาดับความอยา่ งมีข้ันตอนและความเปน็ ไปไดข้ องเรอ่ื งท่ีอ่าน รวมทงั้ ประเมินความถกู ตอ้ งของ
ข้อมูลท่ีใช้สนับสนุนจากเรื่องทอี่ ่าน
• เขียนสื่อสารด้วยลายมอื ท่ีอ่านงา่ ยชดั เจน ใชถ้ ้อยคาได้ถกู ต้องเหมาะสมตามระดับภาษาเขียนคาขวญั คา
คม คาอวยพรในโอกาสต่าง ๆ โฆษณา คติพจน์ สนุ ทรพจน์ ชีวประวตั ิ อตั ชวี ประวตั แิ ละประสบการณ์ต่าง ๆ เขียน
ย่อความ จดหมายกจิ ธรุ ะ แบบกรอกสมัครงาน เขยี นวิเคราะห์ วจิ ารณ์ และแสดงความร้คู วามคดิ หรือโต้แยง้
อยา่ งมเี หตุผล ตลอดจนเขยี นรายงานการศึกษาค้นคว้าและเขยี นโครงงาน
• พดู แสดงความคิดเห็น วเิ คราะห์ วจิ ารณ์ ประเมินสงิ่ ท่ีได้จากการฟงั และดู นาข้อคดิ ไปประยุกต์ใช้ใน
ชวี ิตประจาวัน พดู รายงานเร่ืองหรอื ประเด็นทีไ่ ดจ้ ากการศึกษาค้นคว้าอยา่ งเปน็ ระบบ มีศิลปะในการพูด
พดู ในโอกาสตา่ ง ๆ ได้ตรงตามวัตถุประสงค์ และพูดโนม้ น้าวอยา่ งมีเหตผุ ลนา่ เชอื่ ถือ รวมทั้งมีมารยาทในการฟัง
ดู และพูด
วเิ คราะหห์ ลักสูตรกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย
ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 2 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑
๖
• เขา้ ใจและใชค้ าราชาศพั ท์ คาบาลีสันสกฤต คาภาษาต่างประเทศอ่นื ๆ คาทบั ศัพท์ และศพั ทบ์ ญั ญตั ิ
ในภาษาไทย วิเคราะห์ความแตกตา่ งในภาษาพดู ภาษาเขียน โครงสร้างของประโยครวม ประโยคซ้อน ลักษณะ
ภาษาท่เี ปน็ ทางการ ก่ึงทางการและไม่เป็นทางการ และแต่งบทรอ้ ยกรองประเภทกลอนสภุ าพ กาพย์ และโคลงสี่
สุภาพ
• สรุปเนื้อหาวรรณคดแี ละวรรณกรรมท่ีอา่ น วเิ คราะห์ตวั ละครสาคญั วิถีชีวิตไทย และคุณคา่ ที่ไดร้ บั จาก
วรรณคดวี รรณกรรมและบทอาขยาน พรอ้ มท้งั สรุปความรู้ขอ้ คิดเพื่อนาไปประยุกตใ์ ช้ในชวี ิตจรงิ วสิ ัยทศั น์กลุ่ม
สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ซงึ่ จะช่วยใหผ้ เู้ รียนเกิดสมรรถนะสาคัญ และคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ดังนี้
วเิ คราะหห์ ลักสตู รกลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย
ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 2 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑
๗
ตารางวิเคราะห์หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย
ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 2 ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พื้นฐาน พ.ศ. 2551
โรงเรียนชมุ ชนห้วยไผ่ สานักงานเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต ๓
สาระที่ ๑ การอ่าน
มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคดิ เพอ่ื นาไปใชต้ ัดสินใจ แก้ปัญหา
ในการดาเนนิ ชีวิตและมีนสิ ยั รกั การอ่าน
ตัวช้วี ดั ผู้เรยี นรอู้ ะไร ผเู้ รยี นทาอะไรได้ นาไปสู่
สมรรถนะสาคัญ คุณลักษณะฯ
๑. อ่านออกเสยี งบทร้อย การอา่ นออกเสียงบทร้อย อา่ นออกเสียงบทรอ้ ยแก้ว - สอื่ สาร(๑) - มีวนิ ยั (๓)
แก้ว และบทร้อยกรองได้ แก้วต้องคานงึ ถึงอักขรวธิ ี และรอ้ ยกรองไดเ้ หมาะสม - การคิด(๒) - ใฝ่เรยี นรู(้ ๔)
ถกู ต้อง การเว้นวรรคตอนให้ กบั ลักษณะงานเขยี นที่อา่ น - ทกั ษะชีวติ (๔)
เหมาะสม รวมท้ังทา่ ทางและ
มารยาทการในการอา่ น สว่ น
การอา่ นออกเสียงบทร้อย
กรองผู้อา่ นตอ้ งออกเสยี งให้
ถกู ต้องตามลักษณะคา
ประพนั ธแ์ ละทาลลี าน้าเสยี ง
ใหส้ อดคล้องกับเรื่องที่อา่ น
๒. จบั ใจความสาคัญ สรุป การอา่ นจับใจความสาคัญ จบั ใจความสาคัญ สรุป - สอ่ื สาร(๑) - มวี ินัย(๓)
ความ และอธบิ าย สรปุ ความ และอธิบาย ความและอธิบาย - การคิด(๒) - ใฝ่เรียนร(ู้ ๔)
รายละเอียดจากเรื่องท่ีอา่ น รายละเอยี ดเรื่องท่ีอ่านเป็น รายละเอยี ดจากเรื่องที่อา่ น - ทักษะชวี ติ (๔)
การอ่าน เพ่อื แปลความ ได้
ตีความ ขยายความเร่ืองท่ี
อา่ น ทาให้สามารถจดจาเน้ือ
เร่ืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
มากขน้ึ
๓. เขียนผังความคิดเพื่อ ผงั ความคิดเป็นรูปแบบการ สรุปหรอื เขียนความรจู้ าก - สอ่ื สาร(๑) - มวี ินยั (๓)
แสดงความเข้าใจใน สรุปขอ้ ความรู้ทม่ี กี าร การอ่านในรูปแบบผงั - การคิด(๒) - ใฝ่เรยี นรู(้ ๔)
บทเรียนต่าง ๆ เชื่อมโยงของข้อมลู ให้เห็น ความคิดได้ - ทักษะชีวติ (๔) - มงุ่ ม่ันในการ
ทีอ่ า่ น ภาพที่ชดั เจนการเขยี นผัง ทางาน(๖)
ความคิดจะชว่ ยให้สามารถ
สรา้ งองค์ความรจู้ ากการอ่าน
ไดอ้ ยา่ งชดั เจนสรปุ ข้อความรู้
จากการอ่านในรูปแบบ
ผงั ความคดิ ได้
วิเคราะหห์ ลกั สูตรกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย
ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 2 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑
๘
๑๙
ตัวชี้วัด ผ้เู รยี นร้อู ะไร ผูเ้ รียนทาอะไรได้ นาไปสู่
สมรรถนะสาคญั คณุ ลักษณะฯ
๔. อภิปรายแสดงความ การแสดงความคิดเห็น
คดิ เห็น และข้อโต้แยง้ เกย่ี วกับเร่ืองท่ีอ่านได้ แสดงความคดิ เห็นเกยี่ วกับ - สือ่ สาร(๑) - มวี ินยั (๓)
เก่ียวกับเร่อื งทีอ่ ่าน
เรื่องท่ีอา่ นได้ - การคิด(๒) - ใฝเ่ รยี นรู้(๔)
๕. วเิ คราะห์และจาแนก ขอ้ เท็จจรงิ เป็นการนาเสนอ วเิ คราะหแ์ ละจาแนก - ส่ือสาร(๑) - มีวนิ ัย(๓)
- ใฝเ่ รียนร้(ู ๔)
ขอ้ เทจ็ จริง ข้อมูล ข้อมูลท่ีเกิดข้นึ หรือหลักการ ข้อเทจ็ จรงิ ขอ้ มูลสนบั สนนุ - การคดิ (๒)
สนับสนนุ และขอ้ คิดเห็น ต่าง ๆ ส่วนข้อสนับสนุนหรอื และข้อคดิ เห็นจาก - ทกั ษะชวี ิต(๔)
จากบทความทอ่ี ่าน ข้อคิดเห็นเป็นการแสดง บทความที่อา่ นได้
ทศั นคติของผ้เู ขยี นท่ีมีต่อ
เรอื่ งนนั้ ๆ การจาแนก
ขอ้ เทจ็ จรงิ ขอ้ สนับสนนุ และ
ขอ้ คิดเหน็ ทาให้อา่ นได้อย่างมี
ประสิทธิภาพมากขนึ้
๖. ระบขุ อ้ สงั เกต การชวน การอา่ นงานเขยี นประเภท อ่านงานเขียนแล้วบอกเหตุ - ส่ือสาร(๑) - มีวินัย(๓)
- ใฝเ่ รยี นรู้(๔)
เช่ือ การโนม้ น้าว หรือ ชวนเชอ่ื การโนม้ น้าวใจ ผลไดว้ ่าควรเช่อื ถือหรือไม่ - การคิด(๒)
ความสมเหตสุ มผลของ ผ้อู า่ นต้องประเมินน่าเชือ่ ถือ - ทักษะชีวิต(๔)
งานเขยี น ของเนื้อความน้ันโดยใช้
หลกั การ และเหตผุ ลท่ีพสิ ูจน์
ไดแ้ ละไดร้ ับการยอมรับ
โดยท่วั ไป
๗. อ่านหนังสอื บทความ การวเิ คราะห์คณุ คา่ ท่ีไดร้ บั วเิ คราะหค์ ุณคา่ ที่ได้รับจาก - ส่ือสาร(๑) - มวี ินัย(๓)
หรือคาประพนั ธ์อย่าง จากการอ่านหนังสอื บทความ การอา่ นและนาไป - การคดิ (๒) - ใฝเ่ รียนรู้(๔)
หลากหลาย และประเมนิ หรอื คาประพนั ธ์อยา่ ง ประยุกตใ์ ชแ้ ละแก้ปัญหา - ทักษะชวี ิต(๔)
คุณคา่ หรือแนวคดิ ทีไ่ ด้จาก หลากหลาย ทัง้ ด้านการใช้ ในชีวติ ได้ - การแกป้ ญั หา(๓)
การอ่าน เพ่ือนาไปใช้ ภาษา วิธกี ารเขียน และ
แก้ปญั หาในชวี ติ ข้อคิดในการดารงชีวิต จะทา
ให้สามารถนาความรู้ไป
ประยกุ ตใ์ ช้ใหเ้ กดิ ประโยชน์
และแกป้ ัญหาในชีวติ ได้
วิเคราะหห์ ลักสตู รกลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย
ชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 2 ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑
๙
๘. มีมารยาทในการอา่ น ในการอ่านใด ๆ สิ่งสาคญั ที่ อ่านอยา่ งมีมารยาทและ -ส่ือสาร(๑) - มีวนิ ยั (๓)
ควรคานึงเป็นอยา่ งย่งิ คือต้อง เป็นแบบอย่างแก่ผู้อ่นื ได้ - การคดิ (๒) - ใฝเ่ รยี นร(ู้ ๔)
มมี ารยาทในการอ่าน เพ่ือให้ - ทักษะชีวติ (๔) - รกั ความเป็นไทย
เกดิ ผลดีทั้งต่อตนเองและ (๗)
ผ้อู น่ื
สาระท่ี ๒ การเขียน
มาตรฐาน ท ๒.1 ใชก้ ระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขยี นเรียงความ ย่อความ และเขยี นเร่อื งราวในรูปแบบตา่ ง ๆ
เขียนรายงานขอ้ มูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้าอยา่ งมีประสิทธภิ าพ
ตวั ช้วี ดั ผเู้ รียนร้อู ะไร ผเู้ รยี นทาอะไรได้ นาไปสู่
สมรรถนะสาคญั คณุ ลักษณะฯ
๑. คดั ลายมือตัวบรรจงครึ่ง การคดั ลายมือตัวบรรจง คดั ลายมอื ตัวบรรจงคร่งึ
บรรทดั ครึ่งบรรทดั เปน็ การคัด บรรทัดตามรปู แบบตัว - สื่อสาร(๑) - มวี ินัย(๓)
- การคิด(๒) - ใฝเ่ รยี นรู้(๔)
ลายมือที่มีรปู แบบ อักษรไทยได้ - ทักษะชวี ิต(๔) - มงุ่ มนั่ ในการ
หลกั เกณฑ์ที่ชัดเจน
ผู้เรียนต้องพฒั นาลายมือ ทางาน(๖)
ของตนให้ถกู รูปแบบ
สวยงามตามหลักเกณฑ์ท่ี
กาหนด
๒. เขียนบรรยายและ การเขียนบรรยายเป็นการ เขยี นบอกเล่าข้อมลู หรอื - ส่ือสาร(๑) - มีวินัย(๓)
พรรณนา เขยี นบอกเลา่ ข้อมลู หรอื เรื่องราวส่วนการเขยี น - การคดิ (๒) - ใฝเ่ รียนร้(ู ๔)
เรอื่ งราวส่วนการเขียน พรรณนาเปน็ การเขียนท่ีแสดง - ทักษะชีวติ (๔) - มงุ่ มนั่ ในการ
พรรณนาเปน็ การเขียนท่ี ถงึ รายละเอยี ดและความคดิ ทางาน(๖)
แสดงถึงรายละเอียดและ ความร้สู กึ ของผู้เขยี นทีม่ ีต่อสิง่
ความคดิ ความรู้สกึ ของ น้ันได้
ผเู้ ขยี นที่มตี ่อส่งิ นัน้ ๆ
ผู้เขยี นต้องใช้ความรู้
ประสบการณ์ที่ได้จากการ
อา่ น การฟงั และการดูมา
เรยี บเรียงให้เป็นเร่ืองราว
อยา่ งสรา้ งสรรค์
วเิ คราะหห์ ลักสตู รกลุม่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย
ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 2 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑
๑๐
ตัวชี้วัด ผู้เรยี นร้อู ะไร ผเู้ รยี นทาอะไรได้ นาไปสู่
๓. เขียนเรยี งความ สมรรถนะสาคญั คณุ ลักษณะฯ
การเขียนเรยี งความเป็น เขยี นเรียงความเก่ยี วกับ
การเรียบเรยี งเรื่องราว ประสบการณ์ได้ - สอื่ สาร(๑) - มวี นิ ัย(๓)
ตามวตั ถุประสงค์อย่างมี - การคิด(๒) - ใฝเ่ รียนรู้(๔)
หลกั เกณฑ์ ผูเ้ ขยี นจึงต้อง - ทกั ษะชวี ติ (๔) - มงุ่ มนั่ ในการ
เรยี นรูห้ ลกั เกณฑ์และฝึก
ปฏิบัตกิ ารเขยี นอยา่ ง ทางาน(๖)
สม่าเสมอเพือ่ ใหง้ านเขยี น
มีคุณภาพมากข้นึ
๔. เขยี นย่อความ การเขียนย่อความเปน็ การ เขยี นย่อความได้ - สอ่ื สาร(๑) - มีวนิ ยั (๓)
สรุปสาระสาคัญของ - การคดิ (๒) - ใฝ่เรียนรู้(๔)
เรอื่ งราวจงึ ต้องรถู้ งึ - ทกั ษะชีวติ (๔) - มงุ่ ม่นั ในการ
หลักการ และวธิ กี ารเขียน ทางาน(๖)
ย่อความอยา่ งถูกต้อง
๕. เขยี นรายงานการศึกษา การเขียนรายงาน เขียนรายงานการศึกษา - ส่ือสาร(๑) - มวี ินยั (๓)
ค้นควา้ การศึกษาค้นคว้าเป็นการ ค้นควา้ และรายงานโครงงาน - การคดิ (๒) - ใฝ่เรียนร(ู้ ๔)
เขียนรายงานทต่ี ้องอาศัย ได้ - ทกั ษะชวี ิต(๔) - มงุ่ มั่นในการ
ข้อมลู จากการศึกษา - ใชเ้ ทคโนโลยี(๕) ทางาน(๖)
คน้ คว้า นามาวเิ คราะห์
เรียบเรียงอย่างเปน็ ระบบ
ด้วยภาษาแบบแผน มี
รปู แบบและการอา้ งอิง
แหลง่ ขอ้ มลู ท่ชี ัดเจน
๖. เขียนจดหมายกจิ ธุระ การเขียนจดหมายกิจธุระ เขยี นจดหมายกิจธุระได้ - สื่อสาร(๑) - มวี นิ ยั (๓)
เป็นการเขยี นจดหมายทม่ี ี - การคดิ (๒) - ใฝ่เรียนรู้(๔)
รปู แบบก่ึงราชการใชใ้ น - ทกั ษะชีวิต(๔) - มงุ่ มัน่ ในการ
การตดิ ต่อประสานงานให้ ทางาน(๖)
เกดิ ประโยชน์กับตน
องค์กร หรอื หนว่ ยงาน
วิเคราะหห์ ลกั สตู รกลุม่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย
ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 2 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑
๑๑
ตัวชีว้ ดั ผเู้ รียนรู้อะไร ผ้เู รยี นทาอะไรได้ นาไปสู่
สมรรถนะสาคัญ คณุ ลักษณะฯ
๗. เขียนวิเคราะห์ วิจารณ์ การเขยี นวเิ คราะหว์ จิ ารณ์ เขยี นวิเคราะห์ วิจารณ์ และ
และแสดงความรู้ ความ และแสดงความรู้ ความ แสดงความรู้ ความคิดเหน็ - ส่ือสาร(๑) - มวี ินยั (๓)
คดิ เหน็ หรอื โตแ้ ยง้ ในเร่อื งที่ คิดเห็นหรอื โตแ้ ย้งเรื่องท่ี หรอื โตแ้ ยง้ ในเร่ืองที่อา่ น - การคดิ (๒) - ใฝเ่ รยี นร(ู้ ๔)
อ่านอยา่ งมเี หตผุ ล อา่ นอย่างมีเหตุผลจะต้อง อยา่ งมีเหตุผล - ทักษะชวี ิต(๔) - มงุ่ มน่ั ในการ
อาศัยขอ้ มูลสนับสนนุ ที่ ทางาน(๖)
ชัดเจนเพียงพอ จึงจะทา
ใหง้ านเขียนมีคุณภาพ -ส่อื สาร(๑) - มีวินัย(๓)
- การคิด(๒) - ใฝ่เรียนร้(ู ๔)
๘. มีมารยาทในการเขียน เขียนโดยใชถ้ อ้ ยคาภาษาที่ เขียนอย่างมมี ารยาท
เหมาะสมมีการอา้ งองิ ท่ีมา - ทกั ษะชีวติ (๔) - มงุ่ ม่นั ในการ
ของขอ้ มูลอย่างครบถ้วน ทางาน(๖)
ถอื วา่ มีมารยาทในงาน
เขยี น - รักความเปน็ ไทย
(7)
วเิ คราะหห์ ลกั สตู รกลุม่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย
ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 2 ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑
๑๒
สาระท่ี ๓ การฟัง การดู และการพูด
มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลอื กฟงั และดูอย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด และความรู้สกึ
ในโอกาสต่าง ๆ อยา่ งมีวิจารณญาณและสร้างสรรค์
ตวั ชี้วัด ผ้เู รียนร้อู ะไร ผเู้ รียนทาอะไรได้ นาไปสู่
สมรรถนะสาคัญ คุณลักษณะฯ
๑. พดู สรุปใจความสาคัญ การสรุปใจความสาคัญ พดู สรุปความจากเรื่องทฟ่ี ัง - สอ่ื สาร(๑) - ใฝเ่ รยี นรู(้ ๔)
ของเรื่องที่ฟงั และดู ของเร่ืองที่ฟงั และดู และดู อย่างเปน็ กระบวนการ - การคดิ (๒) - มงุ่ มั่นในการ
จะต้องแปลความ ตีความ ใช้ภาษาท่ถี ูกต้อง กระชบั - ทักษะชวี ติ (๔) ทางาน(๖)
เรอื่ งที่ฟงั และดจู นเกดิ สละสลวย เหมาะสมกับเวลา
ความเขา้ ใจในสาระสาคัญ โอกาสและผู้ฟัง
ของเร่ืองนนั้ ๆ
๒. วเิ คราะหข์ ้อเท็จจริง การวเิ คราะห์ข่าวสารตอ้ ง พูดวิเคราะห์และวจิ ารณ์ - ส่ือสาร(๑) - ใฝ่เรยี นร(ู้ ๔)
- การคิด(๒) - มงุ่ มั่นในการ
ขอ้ คิดเห็นและความ จาแนกข้อเทจ็ จรงิ ข่าวสารทฟ่ี ังและดูอยา่ งเป็น - ทกั ษะชีวติ (๔) ทางาน(๖)
น่าเช่อื ถือของขา่ วสารจาก ข้อคิดเห็นและประเมนิ ข้ันตอน โดยใชข้ ้อมลู จาก
ส่ือต่าง ๆ ความนา่ เช่ือถือของ แหลง่ ตา่ ง ๆ ท่ีหลากหลาย
ข่าวสารโดยอาศยั ความรู้ และประเมินความนา่ เชื่อถือ
ประสบการณห์ รือการ ของข่าวสารนน้ั
คน้ คว้าจากแหล่งอน่ื มา
ประกอบ
๓. วเิ คราะห์และวจิ ารณ์ การวิเคราะห์และวจิ ารณ์ วเิ คราะหแ์ ละวจิ ารณ์ - สอ่ื สาร(๑) - ใฝ่เรียนร(ู้ ๔)
เรอื่ งท่ีฟงั และดูอย่างมี - มงุ่ มั่นในการ
เหตุผล เพื่อนาข้อคิดมา เรือ่ งท่ีฟังและดอู ย่างมี เรือ่ งที่ฟังและดอู ย่างมีเหตผุ ล - การคิด(๒) ทางาน(๖)
ประยกุ ตใ์ ช้ในการดาเนิน
ชวี ิต เหตผุ ลจะสามารถนา และนาข้อคิดมาประยุกตใ์ ช้ - ทกั ษะชวี ิต(๔)
ขอ้ คิดมาประยกุ ต์ใช้ใน ในการดาเนนิ ชวี ติ ได้
การดาเนนิ ชีวติ
๔. พดู ในโอกาสต่าง ๆ ได้ การพดู ตรงตาม พดู ในโอกาสต่าง ๆ ไดต้ รงตาม - สื่อสาร(๑) - ใฝเ่ รียนรู้(๔)
- มงุ่ มั่นในการ
ตรงตามวัตถุประสงค์ วตั ถุประสงค์ต้องมีการ วตั ถปุ ระสงค์โดยรวบรวม - การคิด(๒) ทางาน(๖)
รวบรวม คดั เลือกข้อมลู คัดเลือกข้อมูลมาใช้ให้ - ทักษะชีวิต(๔)
มาใชใ้ ห้เหมาะสม เหมาะสมสอดคล้องกบั - การแกป้ ญั หา
สอดคล้องกับลกั ษณะและ ลักษณะและสถานการณ์ (3)
สถานการณ์
วเิ คราะหห์ ลักสตู รกลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย
ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 2 ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑
๑๓
ตัวชีว้ ดั ผเู้ รียนรู้อะไร ผเู้ รียนทาอะไรได้ นาไปสู่
สมรรถนะสาคัญ คณุ ลักษณะฯ
๕. พูดรายงานเร่ืองหรือ การพดู รายงานตอ้ งใช้
ประเด็นท่ีศกึ ษาคน้ ควา้ ภาษาและวธิ กี ารพูดที่ พูดรายงานการศึกษาค้นควา้ - ส่อื สาร(๑) - ใฝ่เรียนร(ู้ ๔)
จากการฟัง การดู และ ถกู ต้องตามหลักเกณฑ์ จากแหล่งเรียนรู้ตา่ ง ๆ ได้ - การคดิ (๒) - มงุ่ มน่ั ในการ
การสนทนา ถูกต้องตามหลักเกณฑ์และ - ทักษะชวี ติ (๔) ทางาน(๖)
วิธีการ
๖. มีมารยาทในการฟงั มารยาทในการพดู โดยใช้ พูดได้ถูกต้องตามหลกั เกณฑ์ - สอื่ สาร(๑) - ใฝเ่ รยี นร(ู้ ๔)
การดู และการพดู คาข้อความ ประโยค เหมาะสมกับลักษณะงาน - การคดิ (๒) - มงุ่ มนั่ ในการ
และเร่ืองท่มี ีการอา้ งอิง และไม่ผิดศลี ธรรมอนั ดี - ทกั ษะชีวิต(๔) ทางาน(๖)
หลักฐานในการพูดท่ี
ถูกต้อง
วเิ คราะหห์ ลกั สูตรกล่มุ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย
ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 2 ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พืน้ ฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑
๑๔
สาระที่ ๔ หลกั การใช้ภาษาไทย
มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของภาษาและพลังของภาษา
ภูมปิ ญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เปน็ สมบัติของชาติ
ตวั ช้วี ดั ผ้เู รยี นรู้อะไร ผู้เรียนทาอะไรได้ นาไปสู่
๑. สร้างคาในภาษาไทย สมรรถนะสาคญั คุณลักษณะฯ
การสร้างคาในภาษาไทย บอกลักษณะของคาสมาสและ - สื่อสาร(๑) - มวี ินัย(๓)
ทาใหม้ คี าในภาษาใชม้ าก นาไปใชไ้ ด้ถกู ต้องตรง - การคดิ (๒) - ใฝเ่ รียนรู้(๔)
- ทักษะชวี ิต(๔) - มงุ่ มัน่ ในการ
ขึน้ การสร้างคาสมาส เปน็ ความหมาย ทางาน(๖)
- รกั ความเปน็ ไทย
การนาภาษาบาลีหรือ (7)
สนั สกฤตสองคาขึน้ ไปมา
รวมกนั เพ่ือใหเ้ กิดคาใหม่
ท่มี ีความหมายแตกตา่ ง
จากเดมิ
๒. วเิ คราะหโ์ ครงสรา้ ง การสร้างประโยคใน วิเคราะหโ์ ครงสร้างประโยค - ส่ือสาร(๑) - มวี นิ ยั (๓)
ประโยคสามัญ ประโยค ภาษาไทยมที ้งั ประโยค สามญั ประโยครวม และ - การคิด(๒) - ใฝเ่ รียนรู(้ ๔)
รวม และประโยคซ้อน ระดบั พื้นฐานหรือประโยค ประโยคซอ้ นได้ - ทักษะชีวิต(๔) - มงุ่ ม่ันในการ
ความเดยี ว และประโยคที่ ทางาน(๖)
นามารวมกนั หรือซ้อนกนั
ให้สละสลวยตอ่ เนอื่ งและ
สื่อสารได้ชัดเจนมากขน้ึ
๓. แตง่ บทรอ้ ยกรอง การแตง่ บทร้อยกรองเปน็ แตง่ กลอนสุภาพได้ - สอื่ สาร(๑) - มีวนิ ยั (๓)
การเลือกใช้คา ข้อความท่ี - การคดิ (๒) - ใฝ่เรียนร(ู้ ๔)
สละสลวย ในการถา่ ยทอด - ทกั ษะชีวติ (๔) - มงุ่ มน่ั ในการ
ความคดิ ความรสู้ ึกและ ทางาน(๖)
จินตนาการใหม้ ีการสัมผัส
คา สัมผัสความ ถกู ต้อง
ตามฉันทลักษณ์
๔. ใช้คาราชาศัพท์ หลกั การใช้คาราชาศพั ท์ ใชค้ าราชาศพั ทไ์ ด้ถูกต้อง - ส่อื สาร(๑) - ใฝเ่ รียนร(ู้ ๔)
กับบคุ คลแตล่ ะระดับ เหมาะสมกับฐานะของบคุ คล - การคดิ (๒) - มงุ่ ม่ันในการ
ทางาน(๖)
- ทักษะชวี ติ (๔) - รกั ความเป็นไทย
(7)
วเิ คราะหห์ ลักสูตรกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย
ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 2 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑
ตวั ช้ีวัด ผ้เู รยี นรู้อะไร ผู้เรียนทาอะไรได้ ๑๕
๕. รวบรวมและอธิบาย รู้จักคาและความหมาย รวบรวมและอธิบาย นาไปสู่
ความหมายของคา ของคาภาษาตา่ งประเทศ ความหมายของคา สมรรถนะสาคญั คุณลักษณะฯ
ภาษาตา่ งประเทศที่ใชใ้ น - สื่อสาร(๑) - ใฝเ่ รยี นร้(ู ๔)
ภาษาไทย ภาษาตา่ งประเทศท่ใี ชใ้ น - การคิด(๒) - มงุ่ มัน่ ในการ
ภาษาไทยได้ - ทกั ษะชีวติ (๔) ทางาน(๖)
วิเคราะหห์ ลักสูตรกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย
ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 2 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑
๑๖
สาระท่ี ๕ วรรณคดีและวรรณกรรม
มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคดิ เห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอยา่ งเหน็ คณุ ค่า
และนามาประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ิตจริง
ตัวช้ีวดั ผ้เู รียนรอู้ ะไร ผูเ้ รียนทาอะไรได้ นาไปสู่
สมรรถนะสาคัญ คุณลกั ษณะฯ
๑. สรปุ เน้อื หาวรรณคดี หลกั การสรุปเน้อื หา สรปุ เนอ้ื หาวรรณคดีและ
และวรรณกรรมทอี่ ่านใน วรรณคดีและวรรณกรรม วรรณกรรมที่อ่านได้ - สื่อสาร(๑) - ใฝเ่ รียนร(ู้ ๔)
ระดบั ท่ียากขน้ึ - การคิด(๒) - มงุ่ มัน่ ในการ
- ทกั ษะชวี ิต(๔) ทางาน(๖)
- ความเป็นไทย
(๗)
๒. วิเคราะหแ์ ละวิจารณ์ หลกั การวิเคราะหแ์ ละ วิเคราะหแ์ ละวิจารณ์วรรณคดี - สือ่ สาร(๑) - ใฝเ่ รยี นร(ู้ ๔)
วรรณคดวี รรณกรรม และ วจิ ารณว์ รรณคดี วรรณกรรม และวรรณกรรม - การคดิ (๒) - มงุ่ ม่นั ในการ
วรรณกรรมท้องถนิ่ ทอ่ี ่าน วรรณกรรม และ ทอ้ งถ่นิ ทีอ่ ่าน พร้อมยกเหตุผล - ทักษะชีวิต(๔) ทางาน(๖)
พรอ้ มยกเหตผุ ลประกอบ วรรณกรรมท้องถ่นิ ประกอบ - ความเป็นไทย
(๗)
๓. อธบิ ายคุณคา่ ของ หลักการวเิ คราะหค์ ุณค่า อธบิ ายคณุ คา่ ของวรรณคดี - สอื่ สาร(๑) - ใฝเ่ รยี นร(ู้ ๔)
วรรณคดีและวรรณกรรม วรรณคดแี ละวรรณกรรม และวรรณกรรมทอี่ ่านได้ - การคดิ (๒) - มงุ่ มั่นในการ
ทอ่ี ่าน - ทักษะชีวิต(๔) ทางาน(๖)
- ความเป็นไทย
(๗)
๔. สรุปความรู้และขอ้ คดิ ๑. คณุ ค่าและข้อคดิ จาก สรุปความรู้และข้อคิดจาก - ส่ือสาร(๑) - ใฝ่เรียนรู้(๔)
- การคิด(๒) - มงุ่ มั่น(๖)
จากการอ่าน ไป วรรณคดแี ละวรรณกรรม การอา่ นเพ่ือประยุกต์ใช้ - ทกั ษะชวี ติ (๔) - ความเป็นไทย
(๗)
ประยกุ ตใ์ ช้ในชวี ิตจริง ๒.การประยกุ ตใ์ ช้ความรู้ ในชีวติ จรงิ
และข้อคิด
๕. ท่องจาบทอาขยาน ๑. หลักการอ่านบทร้อย ท่องจาอาขยานตามที่กาหนด -สอ่ื สาร(๑) - ใฝเ่ รียนรู้(๔)
ตามทกี่ าหนดและบทรอ้ ย กรอง - มงุ่ มัน่ ในการ
กรองท่ีมคี ุณคา่ ตามความ ๒.หลกั การวิเคราะห์ และบทร้อยกรองทม่ี ีคณุ คา่ - การคิด(๒) ทางาน(๖)
สนใจ คุณคา่ ของบทร้อยกรอง - ความเปน็ ไทย
ตามความสนใจได้ - ทักษะชีวติ (๔) (๗)
วเิ คราะหห์ ลักสูตรกลุม่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย
ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑
๑๗
การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้
กจิ กรรมการเรียนรู้นบั ว่าเป็นหวั ใจสาคญั ของการจัดกระบวนการเรียนรู้ (Learning Process) เพ่ือให้
ผู้เรียนเกดิ การเรียนรู้ แสวงหาความรู้ สรา้ งความเข้าใจ รวมไปถึงสามารถสร้างองค์ความรแู้ ละพัฒนาตนเองใหม้ ี
ความรคู้ วามสามารถตามท่ีมุง่ หวงั ในหลักสูตร
ครผู ู้สอนเป็นผู้มีบทบาทสาคัญใหน้ ักเรียนเกิดการเรียนรู้ ดังน้ัน ครูผู้สอนควรใชว้ ธิ ีการสอนหรือเทคนิค
การจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอนหลาย ๆ วิธี เพือ่ พัฒนาผู้เรียนให้เป็นบคุ คลแห่งการเรียนรู้ พัฒนาผ้เู รียนทั้ง
ดา้ นพทุ ธพิ สิ ยั ทักษะพิสยั จิตพสิ ัย โดยถอื ว่าผู้เรยี นมีความสาคัญเปน็ ไปตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๔๒
การจดั การเรยี นรูท้ ี่เน้นผู้เรียนเป็นสาคญั (Child-centered) เป็นการจัดการเรยี นการสอนที่มีส่วนร่วม
และมีบทบาทสาคัญในกระบวนการเรียนรู้ บทบาทของครูจะเปลี่ยนแปลงจากผู้ช้ีนาหรือผู้ถา่ ยทอดความรไู้ ปเป็น
ผ้ชู ว่ ยเหลอื อานวยความสะดวก ส่งเสรมิ สนับสนนุ ผ้เู รยี นในการแสวงหาความรู้และลงมอื ปฏิบัติ และสร้างสรรค์
ความรู้โดยใช้วิธกี ารตา่ ง ๆ หลากหลายรปู แบบ ทัง้ นีโ้ ดยคานึงถึงความถนดั ความสนใจ และความแตกต่าง
ระหว่างบุคคล เพื่อใหผ้ ู้เรียนเกดิ การสร้างสรรค์ความรู้และนาความรไู้ ปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ
วิธสี อนและกระบวนการเรยี นร้ทู ม่ี ีความเหมาะสม สามารถนามาจดั กระบวนการเรียนรู้มีมากมายหลาย
วธิ ี แต่ในทน่ี ี้จะยกตวั อยา่ งบางวิธเี ทา่ นั้น
๑. การจัดการเรียนรูแ้ บบร่วมมอื (Cooperative Learning) เป็นการสอนท่ีฝึกให้ผู้เรียนไดเ้ รยี นรู้
วธิ ีการทางานรว่ มกันในกลุม่ ท่ีสมาชิกมีความสามารถแตกต่างกัน โดยจะตอ้ งรว่ มมือ ชว่ ยเหลือ แลกเปลย่ี น
ความคดิ เหน็ และมีความรบั ผิดชอบรว่ มกนั
๒. เทคนิคคู่คดิ (Think-Pair-Share) เปน็ เทคนคิ ทีผ่ สู้ อนนยิ มใช้คกู่ ับวิธีสอนแบบอ่ืน เปน็ เทคนคิ ท่ี
ผู้สอนตัง้ คาถามหรือกาหนดปัญหาให้แกผ่ ้เู รยี น ซึง่ อาจจะเปน็ ใบงานหรือแบบฝกึ หัดก็ได้ และให้ผเู้ รียนแต่ละคน
คิดหาคาตอบของตนก่อน แลว้ จบั คู่กับเพื่อนอภิปรายหาคาตอบ เมื่อมนั่ ใจว่าคาตอบของตนถูกต้องแล้วจึงนา
คาตอบไปอธิบายใหเ้ พื่อนทงั้ ช้ันฟัง
๓. วธิ สี อนโดยเนน้ ทักษะกระบวนการ (Teaching Process) หมายถงึ แนวทางในการดาเนนิ การใน
เรือ่ งใดเรื่องหน่ึงท่ีมีลาดบั ข้ันตอนทตี่ ่อเน่อื งตง้ั แต่ตน้ จนเสร็จตามจดุ ประสงคท์ ก่ี าหนด ซง่ึ ชว่ ยใหง้ านนน้ั สาเรจ็ ได้
อย่างมปี ระสิทธิภาพโดยใช้เวลาและทรัพยากรน้อยทส่ี ุด
๔. กระบวนการสร้างความคิดรวบยอด เป็นกระบวนการท่ีตอ้ งการให้ผ้เู รยี นเกิดการรบั รู้ บอกได้
อธิบายได้ และเข้าใจในสิ่งทเี่ รยี นว่าคอื อะไร หมายถงึ สิง่ ใด
๕. วธิ สี อนแบบศนู ยก์ ารเรยี น (Learning Center) เป็นการจดั การเรยี นรทู้ ่ีเนน้ ผู้เรียนเปน็ สาคญั
รปู แบบหน่ึง โดยจัดสถานทีห่ รือบรรยากาศให้ผู้เรียนสามารถเขา้ ศึกษาหาความรู้เปน็ ศูนย์หรอื เป็นฐาน โดยการ
เรียนจากสื่อประสมในรูปของโปรแกรมการสอนที่จดั ไวเ้ ป็นชดุ การสอนตามหมวดหมู่ของเนื้อหาและประสบการณ์
ต่างๆ ผู้เรียนจะหาประสบการณก์ ารเรียนรจู้ ากการศึกษาและทากจิ กรรมให้ครบทุกศูนย์ โดยผสู้ อนเปน็ ผู้
จดั เตรียมเอกสาร เนอื้ หาสาระ ส่ือและอุปกรณก์ ารสอนอ่ืนๆใหท้ ุกกลมุ่ รวมทงั้ กาหนดกจิ กรรมตา่ งๆใหผ้ ู้เรียน
เปน็ ผ้ปู ระสานงาน เปน็ ท่ีปรึกษาและเป็นผ้คู วบคุมโปรแกรมการเรียนของผูเ้ รยี น
ท่ีกล่าวมาท้ังหมดน้ีเป็นเพียงตวั อย่างวธิ ีการสอน ครูผู้สอนอาจใช้วิธีการสอนอนื่ ๆ นอกเหนือจากท่ี
ยกตัวอยา่ ง แต่ท้งั นสี้ ิ่งสาคญั ครผู สู้ อนจะต้องทาความเขา้ ใจในกระบวนการจัดการเรยี นร้ขู องแต่ละวิธีสอนให้
ลกึ ซึง้ กส็ ามารถจัดกระบวนการเรยี นรู้ให้กับนกั เรยี นได้อยา่ งสมบรู ณ์
วเิ คราะหห์ ลกั สูตรกลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย
ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 2 ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑
๑๘
สื่อ/แหลง่ การเรียนรู้
สือ่ เป็นตัวช่วยใหเ้ กิดการเรยี นรู้ไดด้ แี ละเรว็ ขึ้น ส่ือจึงเปน็ องคป์ ระกอบสาคัญของแผนการจัดการเรยี นรู้
ผู้สอนจะต้องวางแผนวา่ จะใช้สื่อใดประกอบการจัดกจิ กรรมเรียนร้ใู นแต่ละขนั้ ตอน สอ่ื บางประเภทผสู้ อนสามารถ
ผลติ เองได้ แตส่ ่ือบางประเภทต้องไปจัดซื้อจดั หามาใช้ประกอบการสอน ส่อื การเรยี นรู้จึงอาจจะมที ั้งสื่อวสั ดุ ส่ือ
เอกสาร และส่ือบคุ คล ผูส้ อนจะเขียนช่ือประเภทของส่ือทกุ ชนดิ ท่ีใช้ในกิจกรรมการเรียนรูไ้ วใ้ นหวั ขอ้ น้ี สือ่ การ
เรียนรู้ท่ใี ชก้ นั อยู่ทว่ั ไป เช่น วดี ทิ ัศน์ สไลด์ CAI หุน่ จาลอง รปู ภาพ เอกสารประกอบการสอน เอกสาร
ประกอบการเรียน บทเรียนสาเร็จรูป ชดุ การสอน ใบความรู้ ใบงาน ขา่ ว หนังสือสาหรบั คน้ ควา้ ลลล ถ้า
เป็นสอ่ื บุคคลก็มักจะเปน็ ผทู้ ีเ่ ชญิ มาเป็นวิทยากรให้ความรเู้ ฉพาะเร่อื ง บุคคลตัวอยา่ ง บคุ คลที่ผูส้ อนมอบหมายให้
ผเู้ รียนไปสัมภาษณเ์ พ่ือเพิม่ ความรแู้ ละประสบการณ์ เปน็ ตน้
สาหรับแหลง่ การเรยี นรู้นน้ั มคี วามสาคญั ต่อผู้เรียนมาก ซ่งึ ผู้สอนควรจัดแหล่งการเรียนรใู้ ห้มากพอและนา
ผู้เรียนไปเรียนรแู้ ละหาประสบการณ์ตรง ในปัจจบุ นั แหล่งเรยี นรทู้ ่ีสาคัญนอกเหนือจากห้องสมุด ท้องถิ่นหรือ
ชุมชน ผู้ท่มี คี วามร้คู วามเชย่ี วชาญในสาขาตา่ ง ๆ แล้ว ยังมีแหลง่ ข้อมูลที่ใหญท่ ่ีสุดคอื การสืบค้นขอ้ มูลทาง
อนิ เทอร์เน็ต ซงึ่ เป็นแหล่งรวบรวมข้อมลู ท่ัวโลก แต่ข้อมูลทางอนิ เทอรเ์ น็ตมที งั้ เช่ือถือได้และข้อมลู ที่ต้องนามา
ตรวจสอบความถูกตอ้ ง ดงั นน้ั ครูผสู้ อนจึงต้องเป็นผู้ท่ีให้คาแนะนากบั ผ้เู รียน และแนะนาเวบ็ ไซตท์ นี่ ่าเช่ือถือได้
ให้กบั นกั เรยี น
การวัดและประเมินผล
การวัดผลและการประเมินผล นั้น ผสู้ อนไม่ควรมงุ่ วดั แตด่ ้านความรเู้ พยี งด้านเดยี ว ควรวดั ให้ครอบคลุม
ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ และด้านคุณธรรม จรยิ ธรรม และคา่ นิยมดว้ ย ท้ังนต้ี ้องวดั ให้ไดส้ ัดส่วนและสอดคลอ้ ง
กบั มาตรฐานการเรียนรู้ทีไ่ ด้กาหนดไว้ในหลกั สูตร
การวัดผลและการประเมนิ ผลควรใชว้ ิธกี ารท่ีหลากหลายทส่ี อดคล้องและเหมาะสมกับวัตถปุ ระสงค์ของ
การวัด เชน่ การวัดผลเพ่อื ปรับปรงุ คุณภาพการเรยี นการสอนและพฒั นาผเู้ รียน (Formative Test) การวัดผล
เพอื่ วินจิ ฉัยหาจุดบกพร่องของผู้เรียน (Diagnostic Test) การวัดผลเพ่ือตัดสนิ ผลการเรยี นของผู้เรยี น
(Summative Test หรอื Achievement) การวัดผลตามสภาพจริง (Authentic Test) การสงั เกต แฟม้
สะสมผลงาน (Portfolio) โครงงาน ( Project) การสัมภาษณ์ (Interview)
การวดั ผลและการประเมนิ ผลทางคณิตศาสตร์ควรมุ่งเน้นการวดั สมรรถภาพโดยรวมของผู้เรียนเปน็ หลัก
(Performance Examination) และผสู้ อนต้องถือวา่ การวัดผลและการประเมนิ ผลเป็นสว่ นหน่งึ ของ
กระบวนการจดั การเรยี นรู้ อยา่ งไรก็ตามสาหรบั การเรยี นรู้คณิตศาสตรน์ ั้น หวั ใจของการวัดผลและการ
ประเมนิ ผล ไมใ่ ช่อย่ทู ีก่ ารวัดผลเพ่ือประเมินตัดสนิ ได้หรือตกของผ้เู รยี นเพยี งอย่างเดยี ว แตอ่ ยทู่ ่ีการวัดผลเพื่อ
วินิจฉัยหาจดุ บกพร่องตลอดจนการวดั ผลเพ่ือนาข้อมลู มาใช้ในการปรับปรงุ การเรียนการสอนทช่ี ่วยพฒั นาให้
ผูเ้ รียนได้สามารถเรยี นรู้คณติ ศาสตร์อย่างมีประสทิ ธภิ าพและเตม็ ศักยภาพ
การประเมนิ ผลที่ดนี ้นั ตอ้ งมาจากการวัดผลทดี่ ี กล่าวคือ จะตอ้ งเปน็ การวัดผลที่มีความถกู ต้อง
(Validity) และมีความเชอื่ มั่น (Reliability) และการวดั ผลน้ันตอ้ งมกี ารวัดผลดว้ ยวธิ ตี า่ ง ๆ ทหี่ ลากหลายตาม
สภาพ และผสู้ อนจะต้องวดั ให้ต่อเนอ่ื ง ครอบคลมุ และทัว่ ถึง เม่อื นาผลการวดั ท้งั หลายมารวมสรุปกจ็ ะทาใหก้ าร
ประเมินผลน้นั ถูกตอ้ งใกล้เคียงตามสภาพจริง
วเิ คราะหห์ ลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย
ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 2 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑
๑๙
วิเคราะหห์ ลักสูตรกลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย
ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 2 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑