สมุนไพรไทย
ว่านหางจระเข้
ชื่อวิทยาศาสตร์ Aloe vera
สรรพคุณ
รักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก แผลสด
ช่วยขจัดรอยแผลเป็น ช่วยป้องกันโรคเบาหวาน
ใบสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะ
ยางในใบใช้เป็นยาถ่าย ยาระบายได้
*ข้อควรระวัง*
หากทานในปริมาณมากทำให้เกิดความผิดปกติของระบบ
อาหารได้ ถ้าจะนำมาทาต้องล้างน้ำยางสีเหลืองออกให้หมด
ไม่งั้นจะเกิดอาการระคายเคือง
ขมิ้นชัน
ชื่อวิทยาศาสตร์ Curcuma longa
สรรพคุณ
ใช้รักษาอาการที่เกี่ยวกับกระเพาะอาหาร แก้ท้องเสีย
ท้องร่วง จุกเสียดแน่นท้อง นำมาทาภายนอกใช้รักษา
แผลเรื้อรัง แผลสด โรคผิวหนัง พุพอง
*ข้อควรระวัง*
ถ้าใช้ขนาดมากเกินไป จะทำให้เกิดแผลในกระเพาะได้
ห้ามใช้ในผู้ป่วยที่มีการอุดตันของท่อน้ำดี และหญิงมีครรภ์
ทองพันชั่ง
ชื่อวิทยาศาสตร์ Rhinacanthus nasutus
สรรพคุณ
ใบและราก ช่วยดับพิษไข้ รักษาโรคผิวหนัง ริดสีดวงทวารหนัก
แก้ไอเป็นเลือด ฆ่าพยาธิ รักษาโรคกลาก เกลื้อน
มีฤทธิ์ยับยั้งมะเร็งเยื่อบุช่องปาก มะเร็งเต้านม มะเร็งมดลูกได้
*ข้อควรระวัง*
ห้ามใช้สำหรับผู้ป่วย โรคหัวใจ โรคหืด โรคโลหิตจาง
โรคมะเร็งในเลือด โรคความดันโลหิตต่ำ
เพราะจะเป็นอันตรายได้
กระเจี๊ยบแดง
ชื่อวิทยาศาสตร์ Hibiscus sabdariffa
สรรพคุณ
แก้โรคพยาธิตัวจี๊ด แก้ไอ ดอกใช้แก้โรคนิ่วในไต นิ่วใน
กระเพาะปัสสาวะ ขัดเบา ละลายไขมันในเส้นเลือด
กลีบเลี้ยงของดอกนำไปทำเป็นน้ำกระเจี๊ยบดื่มช่วยให้
ร่างกายสดชื่น ลดความเหนียวข้นของเลือด
*ข้อควรระวัง*
อาจทำให้เกิดอาการท้องเสียได้ เพราะมีฤทธิ์เป็นยาระบาย
ไม่ควรดื่มในปริมาณเข้มข้นติดต่อกันนาน ๆ เพราะจะทำให้เกิด
ผลเสียต่อสุขภาพ
มะขามป้อม
ชื่อวิทยาศาสตร์ Phyllanthus emblica
สรรพคุณ
ผลมะขามป้อมสดมาใช้เป็นยาแก้หวัด แก้ไอ ละลายเสมหะ
รักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน รากแก้พิษตะขาบกัด
แก้ร้อนใน ลดความดันโลหิต เมล็ดก็สามารถนำไปเผาไฟ
ผสมกับน้ำมันพืช ทาแก้คัน แก้หืดได้
*ข้อควรระวัง*
ไม่ควรกินมะขามป้อมมากต่อเนื่องเกินจำเป็น ผู้ที่มีปัญหา
เลือดจาง ใส เหลวกว่าปกติ ไม่ควรทานมากเป็นประจำ
ฟ้าทะลายโจร
ชื่อวิทยาศาสตร์ Andrographis paniculata
สรรพคุณ
ใช้เป็นยาแก้ไข้ แก้ไข้หวัดใหญ่ แก้ร้อนใน
ช่วยป้องกันไม่ให้เป็นหวัดง่าย
ระงับอาการอักเสบ ต่อมทอนซิลอักเสบ ขับเสมหะ
รักษาอาการท้องเสีย ลำไส้อักเสบ
*ข้อควรระวัง*
หากใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจทำให้แขนขามีอาการชา
หรืออ่อนแรง โรคตับ โรคไต หากจำเป็นต้องใช้ยาฟ้าทะลายโจร
ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์
ย่านาง
ชื่อวิทยาศาสตร์ Tiliacora triandra
สรรพคุณ
ช่วยดับพิษไข้ ดับพิษของอาหาร แก้อาการผิดสำแดง
แก้พิษเมา แก้เลือดตก แก้กำเดา รากใช้แก้ไข้พิษ ไข้หัด
ไข้ฝีดาษ ไข้กาฬ ไข้ทับระดู เถาย่านางใช้ลดความร้อนใน
ร่างกาย
*ข้อควรระวัง*
ผู้ป่วยโรคไตไม่ควรรับประทาน ใบย่านางมีฤทธิ์เย็น
จึงไม่ควรรับประทานในปริมาณที่มากเกินไป
เพราะอาจทำให้เกิดอาการท้องอืดได้
มะรุม
ชื่อวิทยาศาสตร์ Moringa oleifera
สรรพคุณ
รับประทานแล้วได้รับสารอาหารอย่างวิตามินเอ วิตามินซี
แคลเซียม โพแทสเซียม รากแก้อาการบวม
เปลือกใช้ประคบแก้โรคปวดหลัง ปวดข้อ
เพิ่มภูมิต้านทานให้ร่างกาย หากรับประทานเป็นประจำ
*ข้อควรระวัง*
ผู้ป่วยที่เป็นโรคตับ ควรหลีกเลี่ยงการทานมะรุม
เพราะมะรุมจะส่งผลให้มีค่าเอนไซม์ของตับสูงขึ้น ผู้หญิงมี
ครรภ์ ไม่ควรทานมะรุมมากเกินไป เพราะจะมีสารบางอย่าง
ทำให้เกิดพิษ เกิดอาการแท้งได้
บอระเพ็ด
ชื่อวิทยาศาสตร์ Tinospora cordifolia
สรรพคุณ
รากสามารถนำไปดับพิษร้อน แก้ไข้พิษ ไข้จับสั่น ช่วยให้
เจริญอาหาร ต้นช่วยบำรุงกำลัง แก้ร้อนใน แก้สะอึก แก้
เลือดพิการ ใบช่วยแก้โลหิตคั่งในสมอง ขับพยาธิ แก้ปวดฝี
ช่วยลดความร้อน
*ข้อควรระวัง*
ทานบอระเพ็ดในปริมาณมากติดต่อเป็นเวลานานจะทำให้
เป็นพิษต่อไต การรับประทานในส่วนของรากอย่างต่อเนื่อง
เป็นระยะเวลานานอาจมีผลต่อหัวใจ
มะแว้ง
ชื่อวิทยาศาสตร์ Solanum indicum
สรรพคุณ
เป็นยาแก้ไอ ขับเสมหะ ช่วยลดน้ำลายเหนียว บำรุงธาตุ
รักษาวัณโรค แก้คอแห้ง ขับปัสสาวะ รักษาโรคทางไตและ
กระเพาะปัสสาวะ แก้โลหิตออกทางทวารหนัก
และแก้โรคหอบหืดได้
*ข้อควรระวัง*
หากนำมาใช้ในปริมาณที่มากเกินไปจะทำให้เกิดอาการเป็น
พิษ ทำลายเซลล์ในเม็ดเลือด ทำให้มีอาการปวดศีรษะ
ปวดท้อง อาเจียน ตาพร่ามัว ขับถ่ายฉับพลัน หัวใจเต้นถี่
รางจืด
ชื่อวิทยาศาสตร์ Thunbergia laurifolia
สรรพคุณ
ใบและรากของรางจืดสามารถปรุงเป็นยาถอนพิษยาฆ่า
แมลงได้ สามารถปรุงเป็นยาถอนพิษไข้ พิษแอลกอฮอล์
เป็นยาแก้ร้อนใน กระหายน้ำได้ นำมาอาบจะช่วยทำให้ผิว
พรรณผุดผ่อง
*ข้อควรระวัง*
ไม่ควรดื่มติดกันเป็นเวลานานเกินไป ผู้ป่วยเบาหวานควร
ระวังในการใช้ ไม่ควรใช้ร่วมกับยาชนิดอื่นเป็นระยะเวลา
นานเนื่องจากอาจจะขับสารเคมี หรือตัวยาในร่างกายออก
กระวาน
ชื่อวิทยาศาสตร์ Amomum krevanh Pierre
สรรพคุณ
ใช้เป็นยาขับลม บำรุงธาตุ แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ
ผสมในยาถ่ายช่วยถ่ายท้องได้ รากยังช่วยฟอกโลหิต แก้ลม
หัวและหน่อช่วยขับพยาธิในเนื้อให้ออกทางผิวหนัง
*ข้อควรระวัง*
ต้องใช้ในปริมาณที่ไม่มากเกินไป และไม่ควรใช้เป็นระยะ
เวลานานจนเกินไป น้ำมันหอมระเหยในกระวานมีสารบาง
ชนิดที่หากสะสมในร่างกายมากเกินไปอาจจะทำให้เกิดผล
เสียต่อร่างกายในระยะยาวได้
กานพลู
ชื่อวิทยาศาสตร์ Syzygium aromaticum
สรรพคุณ
ช่วยรักษาอาการปวดฟัน ช่วยลดกลิ่นปาก แก้เลือดออก
ตามไรฟัน แก้รำมะนาด ช่วยลดอาการปวดท้อง ขับลม
ลดอาการท้องอืดท้องเฟ้อ จุกเสียดจากการย่อยอาหาร
*ข้อควรระวัง*
ห้ามให้เด็กใช้กานพลูโดยไม่มีคำแนะนำจากแพทย์
เนื่องจากน้ำมันกานพลูอาจไปทำลายตับ ก่อให้เกิดอาการ
ชัก และเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงแก่เด็กได้
บัวบก
ชื่อวิทยาศาสตร์ Centella asiatica
สรรพคุณ
ช่วยแก้ร้อนใน แก้ช้ำใน ลดการกระหายน้ำ สามารถนำไป
ทาแผล ช่วยบรรเทาอาการฟกช้ำของแผล มีฤทธิ์สมาน
แผล ใบบัวบกช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุทำให้เกิด
เชื้อเป็นหนองในได้
*ข้อควรระวัง*
ผู้ที่เป็นโรคตับไม่ควรรับประทาน เพราะใบบัวบกอาจจะ
ทำลายตับได้ บัวบกไม่เหมาะกับคนที่มีภาวะเย็นพร่อง
หรือขี้หนาว ท้องอืดบ่อย ๆ
หญ้าหนวดแมว
ชื่อวิทยาศาสตร์ Orthosiphon aristatus
สรรพคุณ
ใช้รักษาโรคไต ช่วยขับกรดยูริกออกจากไต รักษาโรคเบา
หวาน อาการปวดหลัง ไขข้ออักเสบ ลดความดันโลหิต
ช่วยรักษาโรคนิ่ว โรคเยื่อจมูกอักเสบได้
*ข้อควรระวัง*
ผู้ที่เป็นโรคหัวใจ ไต ห้ามรับประทาน เพราะในหญ้าหนวด
แมวมีโพแทสเซียมสูงมาก ไม่ควรรับประทานร่วมกับ
แอสไพริน เพราะจะยิ่งทำให้ยาจำพวกแอสไพรินไปจับกล้าม
เนื้อหัวใจมากขึ้น
ชุมเห็ดเทศ
ชื่อวิทยาศาสตร์ Senna alata
สรรพคุณ
มีฤทธิ์ขับพยาธิในลำไส้ รักษาซาง โรคผิวหนัง ถ่ายเสมหะ
รักษาอาการฟกช้ำบวม รักษาริดสีดวง ดีซ่าน ฝี ลำต้น
จะใช้เป็นยารักษาคุดทะราด กลากเกลื้อน มีฤทธิ์เป็นยา
ระบายอ่อน ๆ
*ข้อควรระวัง*
ไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้ท้องเสีย
ห้ามใช้สมุนไพรชนิดนี้กับผู้ป่วยที่มีภาวะทางเดินอาหาร
ลำไส้อุดตัน หรือมีอาการอักเสบของลำไส้อย่างเฉียบพลัน
ว่านชักมดลูก
ชื่อวิทยาศาสตร์ Curcuma zanthorrhiza
สรรพคุณ
ช่วยขับประจำเดือนในสตรีที่ประจำเดือนมา ไม่ปกติ
รักษาโรคมดลูกพิการปวดบวมได้ แก้ริดสีดวงทวาร
แก้ไส้เลื่อน แก้โรคลม รักษาอาการอาหารไม่ย่อย
*ข้อควรระวัง*
ห้ามใช้ติดต่อกันในระยะเวลายาว หรือรับประทานเกินขนาด
อาจทำให้มีอาการปวดท้องได้ ไม่ควรใช้ในผู้ป่วยที่มีปัญหา
ท่อน้ำดีอุดตัน เพราะมีฤทธิ์กระตุ้นทางเดินน้ำดี และอาจ
ทำให้เกิดอาการเสียดท้องได้ในผู้ป่วยที่เป็นนิ่วในถุงน้ำดี