The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รวมแผนการจัดการเรียนรู้ วิชาวิทยาการคำนวณ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Veenussaya Takernglarb, 2022-03-05 23:07:09

รวมแผนการจัดการเรียนรู้ วิชาวิทยาการคำนวณ

รวมแผนการจัดการเรียนรู้ วิชาวิทยาการคำนวณ

แบบทดสอบก่อนเรียน

หน่วยการเรียนรู้ที่ 3

คาชแ้ี จง : ให้นกั เรยี นเลือกคาตอบท่ีถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว

1. ขอ้ ใดคือการทาธุรกรรมทางการเงนิ ออนไลน์ 6. พระราชบญั ญัติใดพดู ถึงการกระทาความผิดเกยี่ วกับ
คอมพวิ เตอร์รวม มาตรา 30
ทไี่ ม่ปลอดภัย ก. พระราชบญั ญัตกิ ารรักษาความมน่ั คงปลอดภัย
ก. ออกจากระบบทุกครั้งหลงั การใช้งาน
ข. ตงั้ วงเงนิ ในการธรุ กรรมให้เหมาะสม ไซเบอร์
ข. พระราชบัญญัตกิ ารกระทาความผดิ เทคโนโลยี
ค. ใชบ้ ริการแจง้ เตือนเงินเขา้ -ออกผ่าน SMS สารสนเทศ
ง. ตั้งรหัสผา่ นโดยใชว้ ันเดนิ ปีเกดิ หรอื ช่ือของตนเอง
2. ข้อใดคอื การซอื้ สินค้าทางออนไลน์อยา่ งปลอดภัย ค. พระราชบัญญัติว่าดว้ ยธุรกรรมทางอเิ ลก็ ทรอนิกส์
ง. พระราชบญั ญตั วิ า่ ด้วยการกระทาความผิดเก่ยี วกับ
คอมพิวเตอร์
ก. เลอื กซ้ือของผา่ นเวบ็ ไซตท์ ี่ขนึ้ ตน้ ด้วย http:// 7. ตามพระราชบญั ญัติลขิ สทิ ธิ์ พ.ศ. 2537 ไดใ้ หค้ วามค้มุ ครองเก่ียวกับผลงาน 9 ประเภท
ข. ตรวจสอบราคาตลาด คาอธิบายสนิ คา้ ไมเ่ กินจรงิ
ค. ใช้งาน Wifi สาธารณะในการส่ังซือ้ สินค้าออนไลน์ ผลงานในข้อใด
ไม่จดั อยใู่ นประเภท “งานวรรณกรรม”
ง. เลือกซือ้ สนิ คา้ จากรา้ นค้าทชี่ ่ืนชอบและสนใจ ก. หนังสือ ข. ทานอง
โดยไม่มีการจดทะเบียนพาณชิ ย์
3. ข้อใดไมใ่ ชก่ ารใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศ ค. สิ่งพมิ พ์ ง. ซอฟตแ์ วรค์ อมพิวเตอร์
8. การทาซา้ โดยการเปลย่ี นแปลงรปู แบบใหม่ ปรับปรุง
ด้วยความรับผดิ ชอบ
ก. การกาหนดความเปน็ สว่ นตวั ของขอ้ มลู
ข. การเผยแพรข่ อ้ มลู ข่าวสารอยา่ งถกู ตอ้ งแมน่ ยา แก้ไข เพม่ิ เติมโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ โดยไม่มีลักษณะ
ในการจัดทาขึน้ ใหม่ ตามพระราชบญั ญตั ลิ ขิ สทิ ธิ์
ค. การดดั แปลงผลงานผอู้ ่ืนและอ้างวา่ เปน็ ผลงาน ของตนเอง พ.ศ. 2537 เป็นการละเมิดลิขสิทธิต์ ามขอ้ ใด
ง. การไมเ่ ข้าถึงขอ้ มลู ทไี่ ม่ได้รบั อนุญาต หรือยินยอม
ใหเ้ ขา้ ถงึ ก. การทาซา้ ข. การทาสาเนา
ค. การเผยแพร่ ง. การดัดแปลง
4. บรษิ ัท ฟอ้ นมวิ สิค จากดั ไดส้ รา้ งผลงานเพลงช่ือ 9. เอ็มทาซา้ แผน่ วีซดี ภี าพยนตร์ โดยการคดั ลอกจากแผ่น
กอดขาเถียง ข้ึนใหมใ่ ห้กับศลิ ปนิ ในสังกัด ตง้ั แตว่ ันที่
16 กนั ยายน พ.ศ. 2542 จากนั้นทาการเผยแพรแ่ ละ โฆษณาบน ตน้ ฉบบั เพ่อื นามาขายในร้านของตนเอง ตามพระราชบญั ญัติ ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 เอม็
มีความผดิ ตามข้อใด
YouTube เมอ่ื วนั ท่ี 8 กนั ยายน พ.ศ. 2562 ก. การเผยแพรต่ อ่ สาธารณชน
ตามพระราชบญั ญตั ิลขิ สิทธิ์ พ.ศ. 2537 ดงั นั้น ผลงานดังกลา่ ว จะถกู
เรม่ิ นับลิขสทิ ธิต์ ั้งแตว่ นั ท่ีใด ข. ขาย มีไวเ้ พ่ือขาย เชา่ มไี วเ้ พ่ือเชา่
ค. ขายหรือนาเข้ามาในราชอาณาจักร
ก. วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2542 ง. แจกจา่ ยในลักษณะที่ก่อให้เกดิ ความเสยี หายแกเ่ จา้ ของ
ข. วนั ท่ี 1 มกราคม พ.ศ. 2562
ค. วนั ท่ี 8 กันยายน พ.ศ. 2562 ลิขสทิ ธ์ิ
10. การแสดงความคิดเหน็ ตอ่ ผลงานเพลงของศิลปินใน YouTube
ง. วนั ที่ 16 กนั ยายน พ.ศ. 2562 ถือวา่ เปน็ การยกเวน้ การละเมิดลขิ สิทธติ์ ามข้อใด
5. การสรา้ งข่าวปลอมและเผยแพร่ในอินเทอรเ์ น็ต
เปน็ การกระทาความผิดตามพระราชบญั ญตั วิ า่ ดว้ ย ก. การนาผลงานน้ันมาเปน็ สว่ นหนง่ึ ในงานของตน
ข. เสนอรายงานข่าวทางสือ่ สารมวลชนโดยมกี ารรับรู้ถงึ
การกระทาความผิดเกย่ี วกับคอมพิวเตอร์ มาตราใด ความเป็นเจ้าของลิขสิทธใ์ิ นงานนน้ั
ก. มาตรา 7 ข. มาตรา 14
ค. มาตรา 15 ง. มาตรา 17 ค. การตชิ ม วิจารณ์ หรือแนะนาผลงานโดยมกี ารรบั รถู้ งึ
ความเปน็ เจ้าของลิขสทิ ธ์ใิ นงานนน้ั
เฉลย ง. ใชเ้ พื่อประโยชนข์ องตนเอง หรือบุคคลอน่ื ในครอบครัว

1. ง 2. ข 3. ค 4. ค 5. ข 6. ง 7. ข 8. ง 9. ข 10. ค

แผนการจัดการเรยี นรู้ วชิ าวทิ ยาการคานวณ ม.๓ หนา้ 47

แบบทดสอบหลังเรียน

แบหบนท่วดยสกอาบรเกร่อียนนเรรทู้ ยี ี่น3

คาแจง : ใหน้ ักเรยี นเลือกคาตอบท่ีถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว

1. พระราชบัญญตั ิใดพูดถงึ การกระทาความผิดเกย่ี วกบั 6. บริษัท ฟอ้ นมวิ สคิ จากัด ได้สรา้ งผลงานเพลงช่ือกอดขาเถยี ง
คอมพิวเตอร์รวม มาตรา 30 ขึ้นใหม่ใหก้ บั ศิลปนิ ในสงั กัด ตงั้ แตว่ ันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2542
ก. พระราชบัญญตั กิ ารรกั ษาความมั่นคงปลอดภยั จากนนั้ ทาการเผยแพรแ่ ละโฆษณาบน YouTube เม่อื วนั ท่ี
ไซเบอร์ 8 กันยายน พ.ศ. 2562 ตามพระราชบัญญตั ิลิขสิทธ์ิ พ.ศ. 2537
ข. พระราชบัญญตั กิ ารกระทาความผดิ เทคโนโลยี ดงั น้นั ผลงานดงั กลา่ วจะถกู เริม่ นับลิขสทิ ธติ์ ้งั แตว่ ันทใ่ี ด
สารสนเทศ ก. วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2542
ค. พระราชบญั ญตั วิ า่ ดว้ ยธรุ กรรมทางอิเลก็ ทรอนกิ ส์ ข. วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2562
ง. พระราชบัญญตั วิ ่าดว้ ยการกระทาความผดิ เก่ียวกบั ค. วันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2562
คอมพิวเตอร์ ง. วนั ท่ี 16 กันยายน พ.ศ. 2562
2. ข้อใดคอื การทาธุรกรรมทางการเงนิ ออนไลน์ 7. ข้อใดไม่ใช่การใชง้ านเทคโนโลยีสารสนเทศ
ท่ไี มป่ ลอดภยั ด้วยความรบั ผิดชอบ
ก. ออกจากระบบทุกครัง้ หลงั การใชง้ าน ก. การกาหนดความเปน็ สว่ นตวั ของขอ้ มลู
ข. ตง้ั วงเงนิ ในการธุรกรรมใหเ้ หมาะสม ข. การเผยแพรข่ อ้ มูลขา่ วสารอยา่ งถกู ต้องแม่นยา
ค. ใชบ้ รกิ ารแจ้งเตือนเงนิ เขา้ -ออกผา่ น SMS ค. การไมเ่ ขา้ ถงึ ขอ้ มูลที่ไม่ไดร้ บั อนญุ าต หรอื ยนิ ยอม
ง. ตัง้ รหสั ผ่านโดยใช้วนั เดนิ ปเี กดิ หรือช่อื ของตนเอง ให้เข้าถงึ
3. การทาซ้าโดยการเปล่ียนแปลงรปู แบบใหม่ ปรับปรงุ ง. การดดั แปลงผลงานผูอ้ น่ื และอ้างวา่ เป็นผลงานของตนเอง
แก้ไข เพมิ่ เตมิ โปรแกรมคอมพวิ เตอร์ โดยไมม่ ีลักษณะ 8. ขอ้ ใดคือการซอื้ สินคา้ ทางออนไลนอ์ ยา่ งปลอดภยั
ในการจดั ทาข้ึนใหม่ ตามพระราชบัญญตั ลิ ขิ สทิ ธ์ิ พ.ศ. 2537 ก. เลือกซอื้ ของผา่ นเวบ็ ไซตท์ ขี่ น้ึ ต้นดว้ ย http://
เป็นการละเมิดลิขสิทธติ์ ามข้อใด ข. ตรวจสอบราคาตลาด คาอธบิ ายสนิ คา้ ไม่เกินจรงิ
ก. การทาซ้า ข. การทาสาเนา ค. ใช้งาน Wifi สาธารณะในการสง่ั ซื้อสินคา้ ออนไลน์
ค. การเผยแพร่ ง. การดัดแปลง ง. เลอื กซอื้ สนิ คา้ จากรา้ นคา้ ท่ีชน่ื ชอบและสนใจ
4. ตามพระราชบญั ญัตลิ ขิ สทิ ธิ์ พ.ศ. 2537 ได้ใหค้ วามค้มุ ครอง โดยไมม่ กี ารจดทะเบยี นพาณิชย์
เกีย่ วกบั ผลงาน 9 ประเภท ผลงานในข้อใดไม่จดั อยใู่ น 9. เอ็มทาซ้าแผ่นวซี ดี ีภาพยนตร์ โดยการคดั ลอกจากแผ่น
ประเภท “งานวรรณกรรม” ต้นฉบบั เพอื่ นามาขายในรา้ นของตนเอง ตามพระราชบญั ญัติ
ก. ทานอง ข. หนงั สือ ลขิ สิทธิ์ พ.ศ. 2537 เอม็ มคี วามผดิ ตามขอ้ ใด
ค. สงิ่ พมิ พ์ ง. ซอฟต์แวรค์ อมพิวเตอร์ ก. การเผยแพรต่ ่อสาธารณชน
5. การแสดงความคิดเห็นตอ่ ผลงานเพลงของศลิ ปนิ ข. ขาย มไี วเ้ พือ่ ขาย เชา่ มีไว้เพ่อื เช่า
ใน YouTube ถอื วา่ เปน็ การยกเวน้ การละเมดิ ลขิ สิทธิ์ ค. ขายหรอื นาเข้ามาในราชอาณาจักร
ตามขอ้ ใด ง. แจกจา่ ยในลกั ษณะทกี่ อ่ ใหเ้ กิดความเสยี หายแกเ่ จา้ ของ
ก. การนาผลงานนน้ั มาเป็นสว่ นหนึ่งในงานของตน ลขิ สทิ ธ์ิ
ข. เสนอรายงานขา่ วทางส่อื สารมวลชนโดยมีการรับรู้ถึง 10. การสรา้ งขา่ วปลอมและเผยแพรใ่ นอินเทอรเ์ น็ต
ความเป็นเจา้ ของลิขสิทธใิ์ นงานนัน้ เปน็ การกระทาความผิดตามพระราชบญั ญตั วิ า่ ดว้ ย
ค. การตชิ ม วิจารณ์ หรือแนะนาผลงานโดยมีการรบั รถู้ ึง การกระทาความผดิ เกย่ี วกบั คอมพิวเตอร์ มาตราใด
ความเป็นเจา้ ของลิขสิทธใิ์ นงานนั้น ก. มาตรา 14 ข. มาตรา 20
ง. ใชเ้ พ่ือประโยชนข์ องตนเอง หรอื บุคคลอืน่ ในครอบครัว ค. มาตรา 15 ง. มาตรา 17

เฉลย

1. ง 2. ง 3. ง 4. ก 5. ค 6. ค 7. ง 8. ข 9. ข 10. ก

แผนการจัดการเรยี นรู้ วชิ าวิทยาการคานวณ ม.๓ หน้า 48

หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 4

แอปพลเิ คชนั

เวลา 14 ชว่ั โมง

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด

ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคดิ เชิงคานวณในการแก้ปัญหาทพ่ี บในชวี ติ จรงิ อยา่ งเป็นข้นั ตอนและเปน็ ระบบ
ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรยี นรู้ การทางานและการแกป้ ัญหาได้อย่างมี
ประสทิ ธภิ าพ รู้เท่าทัน และมจี ริยธรรม
ว 4.2 ม.3/1 พฒั นาแอปพลิเคชนั ทีม่ ีการบรู ณาการกบั วชิ าอืน่ อย่างสร้างสรรค์

2. สาระการเรยี นรู้

2.1 สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
1) ช้นั ตอนการพฒั นาแอปพลเิ คชนั
2) Internet of Things (IoT)
3) ซอฟตแ์ วรท์ ใี่ ช้ในการพัฒนาแอปพลเิ คชนั เชน่ Scratch, python, java, c, AppInventor
4) ตวั อยา่ งแอปพลเิ คชนั เชน่ โปรแกรมแปลงสกลุ เงิน โปรแกรมผันเสยี งวรรณยุกต์ โปรแกรมจาลอง
การแบง่ เซลล์ ระบบรดนา้ อตั โนมตั ิ

2.2 สาระการเรียนรทู้ อ้ งถนิ่
(พิจารณาตามหลักสูตรสถานศกึ ษา)

3. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด

การทาใหอ้ ปุ กรณห์ ลายตวั สามารถสือ่ สาร แลกเปลย่ี นขอ้ มลู และทางานร่วมกนั ได้นน้ั เรยี กวา่
เทคโนโลยี IoT ตอ้ งอาศัยความสามารถของ Smart Device ซง่ึ อปุ กรณท์ ม่ี หี นว่ ยประมวลผล หรอื
เซนเซอรภ์ ายในตวั เพอื่ สง่ ข้อมูลผ่าน Cloud Computing หรือ Wireless Network เปน็ ตวั กลางในการ
รบั สง่ ขอ้ มูลภายในเครอื ข่ายเพอ่ื ประมวลผล และอาศยั Dashboard สาหรับแสดงผลและใชค้ วบคุมการ
ทางานจากผู้ใช้

แอปพลเิ คชัน เปน็ โปรแกรมที่ถกู พฒั นาขึ้นมาเพื่ออานวยในด้านต่าง ๆ มีการออกแบบมาเพื่อ
ใชง้ านในหลายรูปแบบ โดยแอปพลเิ คชันแบง่ ออกได้ 2 ประเภท ไดแ้ ก่ แอปพลิเคชนั ระบบ แอปพลเิ คชัน
ที่ตอบสนองตอ้ งการของกลมุ่ ผใู้ ช้

การพฒั นาแอปพลิเคชัน มี 7 ข้นั ตอน ดังนี้ 1) กาหนดปัญหา 2) ศึกษาความเป็นไปได้ 3)
วิเคราะห์ความต้องการแอปพลิเคชนั 4) ออกแบบแอปพลเิ คชัน 5) ทดสอบ 7) จัดทาเอกสาร

ซึง่ การพฒั นาโปรแกรมในปจั จุบันนิยมใช้โปรแกรมภาษาไพทอน (Python) เพราะ
เป็นภาษาทีอ่ ่านแลว้ เขา้ ใจง่าย ไมซ่ ับซอ้ น ตวั อยา่ งการเขียนโปรแกรมการพัฒนาแอปพลเิ คชนั ดว้ ย
โปรแกรมภาษาไพทอน เชน่ โปรแกรมคานวณหาอตั ราแลกเปลย่ี นเงนิ บาทไทย (THB) เป็นเงินดอลลาร์
(USD) เปน็ ตน้

ภาษาไพทอนเปน็ ภาษาโปรแกรมคอมพวิ เตอรท์ ่ีเหมาะสาหรับผเู้ รมิ่ ตน้ เขียนโปรแกรมไปจนถึง
การประยุกต์ใช้งานในระดบั สงู เนอ่ื งจากโครงสร้างภาษาท่ลี ดความยุง่ ยากเรอื่ งไวยากรณใ์ นการเขยี น
โปรแกรมลง อา่ นแลว้ เขา้ ใจง่าย ไมซ่ ับซ้อน

แผนการจัดการเรียนรู้ วิชาวทิ ยาการคานวณ ม.๓ หน้า 49

4. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียนและคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์

1. ความสามารถในการสอื่ สาร 1. มีวินัย

2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝเ่ รียนรู้

3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 3. มุง่ มั่นในการทางาน

4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 4. มจี ติ สาธารณะ

5. ช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด)

- ชนิ้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) เรอ่ื ง -

6. การวัดและการประเมนิ ผล

รายการวดั วิธวี ัด เครื่องมอื เกณฑก์ ารประเมิน
- แบบทดสอบ ประเมนิ ตามสภาพจรงิ
6.1 การประเมินกอ่ นเรยี น ก่อนเรยี น
- แบบทดสอบก่อนเรียน - ตรวจแบบทดสอบ
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 3 ก่อนเรียน
เร่อื ง แอปพลิเคชนั

6.2 การประเมนิ ระหวา่ งการจดั - ตรวจแบบฝึกหดั - แบบประเมนิ ระดับคณุ ภาพ 2
กิจกรรม เรอ่ื ง เทคโนโลยี IoT แบบฝกึ หดั ผ่านเกณฑ์
1) แนวคิดและ (ข้อ1-3) เรอื่ ง เทคโนโลยี IoT
องคป์ ระกอบของ IoT
2) ซอฟต์แวรท์ ี่ใช้ - ตรวจการออกแบบ - แบบประเมนิ
ในการพฒั นา แนวคดิ ในการพฒั นา แบบฝกึ หัด
แอปพลเิ คชัน เทคโนโลยี IoT
ในแบบฝึกหัด - แบบประเมิน
เรือ่ ง เทคโนโลยี IoT การนาเสนอ
(ข้อ5-7)
- แบบฝกึ หดั รายวชิ า ระดบั คณุ ภาพ 2
- ประเมนิ การนาเสนอ พื้นฐานวิทยาศาสตร์ ผา่ นเกณฑ์
แนวคิดในการพัฒนา เทคโนโลยี (วทิ ยาการ
เทคโนโลยี IoT คานวณ) ม.3
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 4
- ตรวจแบบฝึกหดั เร่ือง แอปพลเิ คชนั
เรอ่ื ง เทคโนโลยี IoT
(ข้อ 8)

- ตรวจแบบฝกึ หดั
หนา้ 57-58

- ตรวจการออกแบบ
แนวคดิ ในแบบฝึกหัด
หนา้ 58-59

แผนการจัดการเรยี นรู้ วชิ าวิทยาการคานวณ ม.๓ หน้า 50

รายการวดั วธิ วี ดั เครอื่ งมอื เกณฑ์การประเมิน

- ประเมนิ การนาเสนอ - แบบประเมิน
แนวคิดการออกแบบ แบบฝกึ หัด
การพัฒนาแอปพลเิ คชนั - แบบประเมนิ
- ตรวจแบบฝึกหดั อจท. การนาเสนอ
หน้า 66 ข้อ 7

3) การพัฒนาแอปพลเิ คชนั - อธบิ ายการทางานของ - แบบประเมินช้นิ งาน ระดบั คณุ ภาพ 2
ดว้ ยภาษา Python โปรแกรมหรอื - แบบประเมนิ ผ่านเกณฑ์
แอปพลเิ คชันท่เี ขยี น การนาเสนอ
ด้วยภาษา Python
- ตรวจโปรแกรมหรอื
แอปพลเิ คชนั ทีเ่ ขยี น
ดว้ ยโปรแกรมภาษา
Python
- บอกประโยชนข์ อง
แอปพลเิ คชัน
ทีพ่ ัฒนาข้นึ

4) คณุ ลกั ษณะ - สงั เกตความมวี นิ ยั - แบบประเมนิ ระดบั คณุ ภาพ 2
อันพงึ ประสงค์ ใฝเ่ รียนรู้ มงุ่ มน่ั คณุ ลักษณะ ผ่านเกณฑ์
ในการทางาน และ อนั พึงประสงค์ ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
6.3 การประเมินหลงั เรยี น มีจติ สาธารณะ - แบบทดสอบ
1) แบบทดสอบหลังเรยี น - ตรวจแบบทดสอบ หลังเรยี น
หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 4 หลงั เรียน
เรอ่ื ง แอปพลิเคชนั

2) การประเมนิ ชน้ิ งาน/ - ตรวจชน้ิ งาน/ - แบบประเมินชนิ้ งาน/ - ระดับคณุ ภาพ 2
ภาระงาน (รวบยอด) ภาระงาน (รวบยอด) ภาระงาน (รวบยอด) ผ่านเกณฑ์
เร่อื ง -

7. กจิ กรรมการเรียนรู้

นกั เรยี นทาแบบทดสอบก่อนเรยี น หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 4 เรือ่ ง แอปพลเิ คชนั

แผนการจัดการเรียนรู้ วชิ าวทิ ยาการคานวณ ม.๓ หนา้ 51

เร่ืองท่ี 1 : แนวคดิ และองคป์ ระกอบของ IoT เวลา 4 ช่วั โมง

วธิ ีการสอนแบบการใชค้ าถาม (Questioning Method)
วิธกี ารสอนโดยใชแ้ นวคดิ เชิงคานวณ (Computational Thinking)

ขั้นนา (10 นาท)ี

1. ครถู ามคาถามกระต้นุ ความสนใจของนักเรยี นวา่ “นกั เรยี นรจู้ กั เทคโนโลยี IoT หรอื ไม”่

ขนั้ สอน (30 นาที)

1. ครใู หน้ กั เรียนเปดิ หนงั สอื วชิ าวิทยาการคานวณ บริษทั อักษรเจรญิ ทศั น์ อจท ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 3 หนา้ 77
เรือ่ ง เทคโนโลยี IoT

2. ครูถามนกั เรยี นว่าเครือข่ายอนิ เทอรเ์ นต็ หรอื เครอื ขา่ ยไร้สายมีประโยชน์กับชีวติ เราอย่างไร
(แนวคาตอบ เช่นสญั ญาณ3G 4G ทาให้เขา้ ถงึ อนิ เทอรเ์ นต็ ไดส้ ะดวก)

3. ครถู ามตอ่ วา่ ถา้ สมมตมิ ือถือ หรือคอมพวิ เตอร์ แลปทอปของเราไมม่ คี วามสามารถในการเชอ่ื มตอ่ เครอื ขา่ ย
อนิ เทอรเ์ นต็ ได้ นักเรยี นคิดวา่ จะมผี ลกระทบตอ่ ชวี ิตอยา่ งไร
(แนวคาตอบ ค้นหาข้อมูลไดย้ าก แลกเปลย่ี นข้อมลู กนั ชา้ เนอ่ื งจากไม่มอี ินเทอรเ์ นต็ ไม่สามารถอัปเดต
ข่าวสารได้ Real time)

4. ครอู ธิบายวา่ ยคุ กอ่ นหน้านมี้ อื ถือ และคอมพิวเตอรข์ องเรายังไม่มคี วามสามารถในการเขา้ ถงึ อินเทอร์เนต็
แตป่ จั จุบนั อปุ กรณเ์ หล่านีแ้ ทบทุกเครื่องจะมีความสามารถในการเชอ่ื มต่อเครอื ข่ายเขา้ หากนั ได้ เช่น
Bluetooth , Wifi Internet ทาให้อปุ กรณ์หลายชิน้ เชอื่ มตอ่ กัน จึงทาให้สามารถแลกเปลย่ี นข้อมลู กันได้
อยา่ งรวดเรว็

5. ครูอธบิ ายว่าลักษณะการทาใหอ้ ุปกรณห์ ลายชน้ิ เชอ่ื มตอ่ เข้าหากนั ผ่านเครอื ขา่ ย และทาการแลกเปลยี่ น
ขอ้ มลู กันเพอื่ ใหใ้ ชป้ ระโยชนไ์ ดม้ ากข้นึ เปน็ แนวคดิ ทคี่ ลา้ ยกบั เทคโนโลยี IoT

6. ครูอธบิ ายแนวคดิ จุดกาเนดิ และองคป์ ระกอบของของเทคโนโลยี IoT ในหนงั สอื วชิ าวทิ ยาการคานวณ
บรษิ ทั อกั ษรเจรญิ ทัศน์ อจท ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 3 หน้า 77-78 เรื่อง เทคโนโลยี IoT และองค์ประกอบของ
เทคโนโลยี IoT วา่ เปน็ การทาใหอ้ ปุ กรณ์ตา่ ง ๆ มีหน่วยประมวลผลและความสามารถในการเชอ่ื มตอ่ กบั
อปุ กรณอ์ น่ื ได้ โดยไมต่ ้องพึ่งพาความสามารถของคอมพวิ เตอร์ในการประมวลผลและการเชอ่ื มตอ่ กับ
อปุ กรณอ์ น่ื จึงทาให้อุปกรณส์ ามารถส่งผา่ นขอ้ มูลระหวา่ งกนั ได้โดยตรง เช่น เครอ่ื งพมิ พท์ ่เี ช่อื มเขา้ ระบบ
wifi และสง่ั ปร้ินท์งานผา่ นระบบ wifi ไมจ่ าเป็นตอ้ งเชอื่ มเครื่องพิมพ์กับคอมพวิ เตอรอ์ ีกตอ่ ไป
แต่สามารถส่ังงานจากอุปกรณ์ใดก็ไดท้ ่เี ชือ่ มวงเครอื ข่าย wifi เดียวกัน

แผนการจดั การเรยี นรู้ วิชาวิทยาการคานวณ ม.๓ หน้า 52

ชว่ั โมงที่ 2

ขนั้ สอน (50 นาที)

7. ครถู ามนกั เรียนว่าหากเราสามารถพัฒนาเทคโนโลยี IoT ด้วยตนเองไดน้ ักเรยี นคิดวา่ จะนาอุปกรณ์
อิเล็กทรอนกิ สใ์ ดมาเช่ือมตอ่ เครอื ข่าย และจะใชป้ ระโยชนจ์ ากการเชอ่ื มตอ่ เขา้ เครอื ข่ายของอุปกรณน์ น้ั
อย่างไร สมุ่ นกั เรยี นตอบคาถาม3-5คน
(แนวคาตอบ แอร์เชื่อมเน็ตแล้วเช็คอณุ หภูมิจากท่ไี หนกไ็ ดจ้ ากน้ันกส็ งั่ เปดิ -ปดิ แอรต์ อนไหนกไ็ ด้)

8. ครูอธบิ ายเพ่ิมเตมิ เกีย่ วกับแนวคดิ ของ IoT เรอ่ื งองคป์ ระกอบทสี่ าคัญท้ัง 3 สว่ นได้แก่
1) Smart Device ใช้นาเขา้ ข้อมูลจากเซนเซอร์
2) Cloud Computing หรอื Wireless Network เพื่อใชเ้ ปน็ ส่อื กลางในการรบั สง่ ข้อมลู
3) Dashboard เพอ่ื ใช้สอื่ สารกับผใู้ ช้

ดังนั้นนอกจากอุปกรณจ์ ะสามารถเชอื่ มต่อเข้าเปน็ เครอื ข่ายเดยี วกนั ได้แลว้ จะต้องมสี ว่ นตดิ ต่อท่ีใช้ควบคมุ
การทางานภายในระบบได้ดว้ ย เช่น สั่งสตารท์ รถผ่านมอื ถือโดยใชส้ อ่ื กลางเปน็ ระบบอนิ เทอรเ์ น็ต เปิด-ปิด
เครื่องใชไ้ ฟฟ้าภายในบ้านดว้ ยเครอื ขา่ ยไรส้ าย Wifi
9. ครใู หน้ ักเรียนวาดแผนผงั การทางานตามแนวคิดของเทคโนโลยี IoT และเขียนแนวคิดการประยกุ ตใ์ ช้
เทคโนโลยี IoT ในชวี ติ ประจาวนั ในแบบฝึกหัดบรษิ ัทอักษรเจรญิ ทัศน์ อจท ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 3 เรอ่ื ง
เทคโนโลยี หน้า 53-55 ขอ้ 1-5
(แนวคดิ เชงิ คานวณ : ในส่วนการแยกย่อย Decomposition นักเรยี นฝึกกระบวนการแยกองคป์ ระกอบ
โดยการเขยี นองค์ประกอบยอ่ ยของเทคโนโลยีในรปู แบบแผนผงั )

ชว่ั โมงท่ี 3

ขนั้ สอน (50 นาที)

10. ครูสอบถามนกั เรียนว่าสงสยั หรอื ไม่ แอรท์ ่บี ้านเรารอู้ ณุ หภูมิวา่ เปน็ กอี่ งศาภายในบา้ นไดอ้ ยา่ งไร
(แนวคาตอบ มีตวั ตรวจจบั มเี ครื่องวัดอณุ หภูมิ มีเซนเซอร์ เซนเซอร์วดั อุณหภูมิ)

11. ครูสอบถามนักเรียนว่า “นกั เรียนร้จู ักเซนเซอร์อะไรบ้าง หรือเคยเหน็ เซนเซอรใ์ นอปุ กรณ์ไหนบ้าง
(แนวคาตอบ ขน้ึ อยกู่ บั ดลุ ยพนิ ิจของครูผสู้ อน)

12. ครแู นะนาบอร์ด micro:bit (ไมโครบทิ ) ท่มี ีเซนเซอรห์ ลากหลายสามารถนามาใชพ้ ฒั นาเทคโนโลยี IoT ได้
โดยให้นักเรียนเปิดหนังสอื วชิ าวทิ ยาการคานวณ บรษิ ัทอกั ษรเจรญิ ทัศน์ อจท ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 3 หนา้
79-8 เรอื่ ง ตวั อย่างอุปกรณส์ าหรบั เทคโนโลยี IoT และยกตัวอย่างอุปกรณ์ ไมโครบทิ พร้อมบอก
สว่ นประกอบเบื้องตน้ (กรณที โ่ี รงเรยี นมี micro:bit ให้ครแู จกบอร์ด micro:bit ให้นักเรยี นทาความรู้จัก)

13. ครูให้นกั เรยี นเปิดหนงั สอื วชิ าวทิ ยาการคานวณ บรษิ ทั อักษรเจรญิ ทศั น์ อจท ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 3 หนา้ 82
จากน้ันครอู ธบิ ายตวั อยา่ งแนวคิดการพฒั นาเทคโนโลยี IoT โดยใช้บอร์ดไมโครบทิ เปน็ อุปกรณใ์ นการวดั
อณุ หภมู ิแลว้ สง่ ข้อมูลมาบนแทบเลท็ ซึ่งเปน็ ส่วนแสดงผลและใช้แทปเลท็ เป็นอปุ กรณเ์ พื่อควบคมุ การ
ทางานของพดั ลมได้โดยกดปมุ่ สั่งงาน A บนแทปเลท็ เพอ่ื เปดิ พดั ลม พรอ้ มข้นึ สถานะเลข 1 บนบอร์ดไมโค
รบทิ ให้ผใู้ ช้รสู้ ถานะการทางานของพดั ลมได้ และกดปุ่มงาน B เพอื่ ปิดพัดลมพรอ้ มข้นึ สถานะ0 บน
บอรด์ ไมโครบิท

แผนการจัดการเรยี นรู้ วชิ าวทิ ยาการคานวณ ม.๓ หน้า 53

14. ครูตัง้ คาถามกบั นักเรียนวา่ จากแนวคดิ นหี้ ากใหน้ ักเรยี นปรับใชแ้ ละพัฒนาตอ่ นกั เรยี นจะนาแนวคดิ ไป
พฒั นาต่ออยา่ งไร สมุ่ นักเรยี นตอบคาถาม 3-5 คน

15. ครูให้นักเรียนจับคกู่ ัน จากนน้ั ทาแบบฝกึ หัดแบบฝกึ หัดบรษิ ัทอักษรเจรญิ ทัศน์ อจท. หน้า 55 ข้อท่ี 6 โดย
แตล่ ะคู่เลอื กแค่ 1 แนวคิด จากแบบฝกึ หัดขอ้ 5 นาแนวคดิ ในการพฒั นาเทคโนโลยี IoT มาปรับปรงุ ตอ่
โดยประยกุ ตใ์ ชค้ วามสามารถจากบอรด์ ไมโครคอนโทรลเลอร์

ชั่วโมงท่ี 4

ข้ันสอน (40 นาท)ี

16. จากชว่ั โมงทีผ่ ่านมาครูใหน้ ักเรยี นแต่ละคู่เลอื กแนวคดิ การพัฒนาเทคโนโลยี IoT แลว้ ในชวั่ โมงน้คี รูให้
นักเรียนลงมอื ทาแบบฝกึ ตามเวลาท่ีกาหนด

17. ครใู หแ้ ตล่ ะคอู่ อกมานาเสนอแนวคิดการพฒั นาเทคโนโลยี IoT ของตนเอง และใหเ้ พอื่ นในชั้นเรยี นรว่ มกัน
แลกเปล่ยี นความคิดเห็น

18. เมอ่ื นาเสนอเสร็จแลว้ ใหค้ ณุ ครูถามทกุ คู่วา่ “จากทเี่ ราไดแ้ ลกเปลี่ยนความคดิ เหน็ และฟังการนาเสนอ
แนวคดิ คอู่ ืน่ แลว้ นกั เรียนคิดวา่ อยากปรบั ปรงุ แนวคดิ การพัฒนาเทคโนโลยี IoT ของค่ตู นเองอย่างไร”

ข้ันสรุป (10 นาที)

1. ครูให้นกั เรียนชว่ ยกนั สรปุ แนวคดิ ของเทคโนโลยี IoT
2. ครูถามนกั เรยี นว่าจากการฟงั แนวคดิ ของเพอื่ นในชนั้ เรยี นมแี นวคิดใดนา่ สนใจ หรือแนวคดิ ใดทีม่ ปี ระโยชน์

ในชวี ิตประจาวนั ไดจ้ ริงบ้าง
3. ครสู รปุ แนวคิด และองคป์ ระกอบของเทคโนโลยี IoT ใหน้ กั เรยี นฟัง พรอ้ มทั้งเนน้ ถงึ ความสาคญั เรอื่ ง

ประโยชน์การใชง้ านจรงิ ในชวี ติ ประจาวัน
4. ครใู หน้ ักเรยี นทาแบบฝึกหดั เรือ่ ง เทคโนโลยี IoT หน้า 56 ข้อ 7

แผนการจดั การเรยี นรู้ วิชาวิทยาการคานวณ ม.๓ หนา้ 54

เร่ืองท่ี 2 : ซอฟต์แวรท์ ี่ใช้ในการพฒั นาแอปพลเิ คชัน เวลา 4 ชัว่ โมง

รปู แบบการสอนแบบการอภปิ ราย
วิธีการสอนโดยเน้นกระบวนการกลุ่ม (Group Process–Based Instruction)
วธิ กี ารสอนโดยใช้การแสดงบทบาทสมมติ (Role Playing)
วธิ กี ารสอนโดยใช้แนวคดิ เชงิ คานวณ (Computational Thinking)

ขั้นนา (10 นาที)

1. ครูสนทนากบั นกั เรยี นวา่ ถา้ สมมตนิ ักเรยี นไปเทยี่ วต่างประเทศ นักเรยี นคาดว่าตอ้ งใชเ้ งนิ ประมาณเท่าไร
2. จากนนั้ ครถู ามต่อว่าจานวนเงนิ ท่ีนกั เรียนบอกเปน็ สกลุ เงนิ ไทย หรือสกลุ เงินประเทศท่ตี อ้ งการไปเท่ียว
3. ครถู ามวา่ แล้วนกั เรยี นสามารถแปลงจานวนเงินบาทเปน็ สกลุ เงินของต่างประเทศอยา่ งไร

(แนวคาตอบ สามารถคานวณได้ด้วยโปรแกรมท่ีอยู่บนออนไลน์ หรือแอพพิเคช่ันบนมือถือและแท็ปเลท
นอกจากนนั้ ยังสามารถคานวณได้โดยดจู ากการแปลงอัตราแลกเปล่ยี นคา่ เงนิ ประจาวนั )
4. ครสู อบถามว่านักเรียนเคยสงสัยไหมว่าโปรแกรมเหล่านที้ างานอยา่ งไร
(แนวคาตอบ : การแปลงคา่ เทียบคา่ เงิน ดจู ากอัตราแลกเปลยี่ นเงิน)

ข้นั สอน (40 นาท)ี

1. ครกู ล่าวถงึ ลักษณะแบบนเ้ี ปน็ ประโยชน์ของโปรแกรม หรอื แอปพลิเคชันท่ีเราใชใ้ นชวี ิตประจาวัน
2. ครูให้นักเรียนเปิดหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคานวณ) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 บริษัท อักษรเจรญิ

ทศั น์ อจท. หนา้ 83 หวั ข้อ การพัฒนาแอปพลเิ คชนั
3. ครูอธิบายความหมาย และประเภทของแอปพลิเคชัน และยกตัวอย่างแอปพลิเคชันจากในหนังสือหน้า 84

หรือตามความเหมาะสม
4. ครูอธิบายเพ่ิมเร่ืองขั้นตอนการพัฒนาแอปพลเิ คชัน ในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ช้ัน

มธั ยมศึกษาปที ี่ 3 อักษรเจรญิ ทัศน์ อจท. หนา้ 85-88
5. ครูให้นกั เรยี นทาแบบฝึกหดั เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) หนา้ 57-58 ข้อ 1-3 เพือ่ ตรวจสอบความเข้าใจ

แผนการจัดการเรยี นรู้ วชิ าวิทยาการคานวณ ม.๓ หนา้ 55

ชั่วโมงท่ี 2

ขนั้ ส5อ.น (50 นาท)ี

6. ครูถามนกั เรยี นว่าจากทเ่ี ราพดู ถงึ จานวนเงนิ และการแปลงสกุ ลเงินในคาบที่แลว้ นกั เรียนคาดว่าหากต้องการ

พฒั นาแอปพลิเคชนั เราจะตอ้ งใชเ้ ครอื่ งมอื ใดบา้ ง
(แนวคาตอบ คอมพิวเตอร์ โปรแกรมภาษาC++ โปรแกรมภาษาPython )
7. ครูอธิบายว่าการพัฒนาโปรแกรมสามารถใช้ภาษาในการเขียน และพัฒนาแอปพลิเคชันได้หลากหลาย

สามารถเลือกใชไ้ ดต้ ามความถนัด

8. ครูสนทนากบั นักเรียนว่า นักเรยี นได้เรยี นเขียนโปรแกรมภาษาPython เบ้อื งตน้ มาแล้วในช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี

2 แล้วร้หู รอื ไม่วา่ ทาไมนักพัฒนาโปรแกรมหรือแอปพลเิ คชันส่วนใหญ่จึงเลือกใช้โปรแกรมน้ี เรามาดจู ุดเด่น

จดุ ดอ้ ยของโปรแกรมภาษาไพทอนกนั (เปดิ หนงั สอื เรียนวชิ า เทคโนโลยี(วทิ ยาการคานวณ) ชั้นมธั ยมศกึ ษาปี
ท่ี 3 บรษิ ัท อกั ษรเจรญิ ทัศน์ อจท. หน้า89)

9. ครูบอกนักเรียนว่า คาบน้ีจะได้ศึกษาการทางานของโปรแกรมแปลงค่าเงินโดยให้นักเรียนเปิดหนังสือเรียน
วิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคานวณ) ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 3 บริษัท อักษรเจริญทัศน์ อจท. หน้า89 หัวข้อ

ซอฟตแ์ วรท์ ีใ่ ชใ้ นการพัฒนาแอปพลิเคชั่น
10. ครูให้นักเรียนเปิดโปรแกรม Mu จากน้ันครูอธิบายหน้าท่ีการทางานเครื่องมือของโปรแกรม เป็นการ

ทบทวนเน้ือหาเดิมท่ีเรียนในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 2 (เน้ือหาเดิมในหนังสือวิชา วิทยาการคานวณ ช้ัน
มธั ยมศึกษาปที ี2่ บรษิ ทั อกั ษรเจริญทศั น์ อจท.) หรือศึกษาเพมิ่ เตมิ จากใบความรเู้ รอ่ื ง If else, while, for
(สามารถดาวนโ์ หลดโปรแกรมไดจ้ ากเว็บไซต์ https://codewith.mu/en/download)

ชั่วโมงท่ี 3

ข้นั ส4อ.น (50 นาท)ี

11. ครูอธิบายเน้ือหาในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคานวณ) ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 3 บริษัท อักษร
เจริญทัศน์ อจท. หน้า90-105 เรื่องโปรแกรมคานวณหาอัตราแลกเปล่ียนเงินบาทไทย(THB) เป็นเงิน
ดอลลาร์ (USD) และให้นักเรียนศึกษาพร้อมทดลองเขียนโปรแกรมตามหนังสือ เพ่ือความเข้าใจโปรแกรม
มากขนึ้ ให้ศึกษาในใบความรู้เพิ่มเตมิ เร่อื งการใชง้ าน GUI รว่ มกับภาษาไพทอนในการเขียนโปรแกรม โดยใช้
Tkinter

12. ครูถามนักเรียนว่าจากตัวอย่างท่ีศึกษา สามารถนาแนวคิดการแปลงสกุลเงินไปปรับเป็นโปรแกรมรูปแบบ
อ่ืนได้หรือไม่ อย่างไรบ้างให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และบันทึกรูปแบบท่ีเพ่ือน
นาเสนอแลว้ สนใจลงกระดาษ A4

14. ครูสอบถามว่าจากการแลกเปล่ยี นความคดิ เห็นไดพ้ บขอ้ ดี ขอ้ เสียอะไรบ้าง
15. ครูให้นักเรียนจับคู่เพ่ือแลกเปล่ียนแนวคิดและรูปแบบท่ีนักเรียนสนใจการพัฒนาโปรแกรมหรือแอปพลิเค

ชัน จากนั้นเลือกแนวคิดที่น่าสนใจ 1 อย่างเพ่ือเขียนรายละเอียดการทางานตามขั้นตอนการพัฒนาแอป
พลิเคชันดงั กลา่ วในแบบฝึกหัด เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) หน้า 58-59 ข้อ 4

แผนการจัดการเรยี นรู้ วิชาวิทยาการคานวณ ม.๓ หน้า 56

16. ครูให้นักเรียนนาแนวคิดที่ได้มาเขียน Flow Chart เพื่อนาไปพัฒนาเป็นแอปพลิเคชันในแบบฝึกหัด
เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) หน้า 60 ข้อ 5
ชว่ั โมงท่ี 4

ข้นั ส4อ.น (40 นาที)

17. ครถู ามนกั เรียนวา่ จากการเขยี น Flow Chart นักเรียนคาดวา่ แนวคดิ ทตี่ นเองเขยี นมีโอกาสที่จะทาไดจ้ ริง
หรอื ไม่

18. ครูให้นกั เรยี นแตล่ ะคู่นาเสนอแนวคิดและผงั งาน (Flowchart) ของตนเองหน้าชัน้ เรยี น ให้เพ่อื น
รว่ มกนั แลกเปลีย่ นความคิดเหน็ พร้อมท้งั ครคู อยให้คาแนะนา จากนั้นใหน้ าไปปรบั ปรงุ แกไ้ ข

ข้ันสรุป (10 นาที)

1. ให้นักเรียนยกตัวอย่างแอปพลิเคชันท่ีมีประโยชน์ของในชีวิตประจาวัน โดยการตอบคาถามในแบบฝึกหัด
เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) อจท. หน้า 66 ข้อ 7

แผนการจดั การเรยี นรู้ วชิ าวิทยาการคานวณ ม.๓ หนา้ 57

เรื่องท่ี 3 : ซอฟต์แวรท์ ีใ่ ชใ้ นการพัฒนาแอปพลเิ คชนั (2) เวลา 6 ชั่วโมง

รปู แบบการสอนแบบบรรยาย (Lecture)
วิธีการสอนโดยใชแ้ นวคิดเชิงคานวณ (Computational Thinking)

ขนั้ นา (10 นาที)

1. ครูบอกกับนักเรียนว่าจากช่ัวโมงที่ผ่านมาเราทราบดีว่าโปรแกรมที่ใช้ในการพัฒนาแอปแพลิเคชันมีให้เลือก
หลากหลาย แตโ่ ปรแกรมทน่ี ิยมกันและเรยี นรไู้ ด้เรว็ ซ่ึง Python เป็นตวั เลอื กที่น่าสนใจ

2. ครูสนทนากับนักเรียนว่า “จากตัวอย่างที่นักเรียนลองเขียนโปรแกรมแปลงค่าเงินด้วยโปรแกรมภาษา
Python นักเรียนคิดว่า ฟังก์ชันหรือคาส่ังท่ีนักเรียนใช้ในการเขียนโปรแกรมข้างต้น เพียงพอสาหรับการ
พัฒนาแอปพลเิ คชันตามแนวคดิ ของนักเรยี นหรอื ไม่”

3. ครูสนทนากับนกั เรยี นว่า “หากเราตอ้ งการพัฒนาแอปแพลิเคชนั ด้วย Python จะต้องเรยี นรู้อะไรบา้ ง
(แนวคาตอบ โปรแกรมทใี่ ชเ้ ขียน เชน่ Mu, คาสง่ั ใหโ้ ปรแกรมแสดงผล, เรียนรู้คาสงั่ if-else, คาส่ังloop)

ข้ันสอน (40 นาที)

1. ครูให้นักเรียนเปิดโปรแกรม Mu จากนั้นครูอธิบายหน้าที่การทางานเครื่องมือของโปรแกรม (เน้ือหาเดิมใน
หนังสอื วชิ า วทิ ยาการคานวณ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท2่ี บรษิ ัท อกั ษรเจรญิ ทศั น์ อจท.)
(สามารถดาวนโ์ หลดโปรแกรมได้จากเว็บไซต์ https://codewith.mu/en/download )

2. ครูทบทวนการเขยี นโปรแกรมคาสง่ั print เพอื่ สั่งใหโ้ ปรแกรมแสดงผลตวั เลขและข้อความ
3. ครูทบทวนการเขยี นโปรแกรมโดยใช้ variable ดว้ ยตวั เลข และข้อความเพอ่ื การแสดงผล
4. ครูอธิบายเพิ่มเติมว่า กรณีที่สร้างตัวแปรของตัวเลข เช่น A = 5 กับ C = “5” แสดงผลออกมาเป็นเลข 5

เหมือนกัน แต่ความหมายต่างกัน A เป็นตัวแปรของตัวเลข ส่วน C เป็นตัวแปรของตัวอักษรหรือข้อความ
เพราะมีสญั ลักษณ์ “”
5. จากน้นั ครูทบทวนรปู แบบรหสั ข้อมูล (Format Code) เพิม่ เติม จากทเ่ี คยเรยี นผา่ นมาแล้วในระดบั ชน้ั ม.2
6. ครูให้นกั เรยี นทาใบงาน เร่อื ง ตวั แปรและตัวดาเนินการ

ช่วั โมงท่ี 2

ขั้นส6อ.น (50 นาที)

7. ครูถามคาถามเพือ่ ทบทวนนกั เรยี นว่าจากการเรียนเร่ืองการใชง้ านตวั แปรเพื่อการดาเนนิ การทางคณิตศาสตร์

มขี อ้ มูลตัวเลขแบบไหนบ้างท่ีสามารถนามาดาเนนิ การทางคณติ ศาสตร์ได้
(แนวคาตอบ จานวนเงิน อุณหภูมิ น้าหนัก ส่วนสูง เป็นตัวเลขท่ีมีค่าสามารถนามาดาเนินการทาง
คณิตศาสตร์ได้ )
8. จากนัน้ ครูทบทวนการใชง้ านคาส่งั การรบั ขอ้ มลู จากแป้นพิมพ์ input
9. ครใู หน้ กั เรยี นทาแบบฝกึ หดั เรื่อง การเขียนใช้คาสั่งแสดงผล อินพุต และเอาตพ์ ุต และแบบฝึกหดั เทคโนโลยี

(วิทยาการคานวณ) หนา้ 61 ข้อ 6.1
10. ครสู อบถามนักเรียนวา่ ฟังกช์ นั input ทางานอยา่ งไร

(แนวคาตอบ เปน็ การรับขอ้ มูลจากแป้นพมิ พ์ หรือนาเข้าขอ้ มลู จากแป้นพิมพ์)

แผนการจดั การเรียนรู้ วชิ าวทิ ยาการคานวณ ม.๓ หนา้ 58

ชัว่ โมงท่ี 3

ข้ันส5อ.น (50 นาที)

11. ครูถามนักเรียนว่าจากการเรียนเขียนโปรแกรมคาสั่งท่ีเรียนมา หากครูต้องการเขียนโปรแกรมจัดลาดับ
ความนยิ มของร้านอาหารโดยใช้ขอ้ มลู จากระดับความพอใจในการใช้บริการ 5 ระดับ นกั เรียนคิดว่าสามารถ
ทาไดห้ รอื ไม่

(แนวคาตอบ ไม่สามารถทาได้เนือ่ งจากเรยี นคาสง่ั การดาเนินการแล้ว แตย่ งั ไม่มีคาสงั่ ในการตรวจสอบคา่ )
12. ครูสอนนักเรียนใชง้ านคาสัง่ if-else
13. จากน้ันครูให้นักเรียนทาใบงาน เร่ือง การทางานแบบมีเงื่อนไข และแบบฝึกหัด เทคโนโลยี (วิทยาการ

คานวณ) หนา้ 62 ขอ้ 6.2
14. ครูถามนักเรยี นว่าสามารถนาความรู้ท่เี รียนไปประยุกตใ์ ช้ในชวี ิตประจาวันไดอ้ ย่างไรบ้าง

(แนวคาตอบ การเขยี นโปรแกรมตดั เกรด เขยี นโปรแกรมBMI เปน็ ตน้ )

ช่ัวโมงที่ 4

ข้ันส1อ.น (50 นาท)ี

15. ครถู ามนักเรียนว่าจากการเรียนเขียนโปรแกรมท่ผี า่ นมา หากครตู ้องการให้นกั เรยี นเขยี นโปรแกรมเพือ่ แสดง
ชือ่ ตนเอง 100 บรรทัด นกั เรยี นคดิ ว่าตอ้ งเขียนคาสั่งเยอะหรือไม่
(แนวคาตอบ เยอะ เน่อื งจากต้องเขียนคาสง่ั บรรทดั ตอ่ บรรทัดในการแสดงผล )

16. ครูบอกท่มี าและอธิบายเรื่องการใช้งานคาสงั่ ทาซ้าและคาส่งั อ่ืนๆ ได้แก่ while , for
17. ครูสอนนักเรียนใชง้ านคาสั่ง while / for

18. ครูใหน้ ักเรียนทาใบงาน เร่อื ง การทาซ้า แบบฝึกหดั เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) หนา้ 63 -65
ขอ้ 6.3 - 6.5

19. ครใู ห้นกั เรียนชว่ ยกนั บอกคาส่งั ในการเขียนโปรแกรมทไ่ี ด้เรยี นท้ังหมด พร้อมบอกหน้าทีข่ องแตล่ ะคาส่ัง

ชวั่ โมงที่ 5

ขัน้ ส1อ.น (50 นาที)

20. จากแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 ครูให้นักเรียนแต่ละคู่นาเสนอแนวคิดและผังงาน (Flowchart) ของตนเอง
หน้าชั้นเรียน ให้เพื่อนร่วมกันแลกเปล่ียนความคิดเห็น พร้อมทั้งครูคอยให้คาแนะนา จากนั้นให้นาไป
ปรบั ปรุงแกไ้ ข

21. ในคาบนค้ี รูให้นกั เรียนนาแนวคดิ ทป่ี รับปรุงแล้วมาพฒั นาตอ่ เพื่อเขียนโปรแกรมหรือแอปพลเิ คชันด้วยภาษา

Python หรอื นักเรียนจะออกแบบแนวคิดการพัฒนาโปรแกรมหรอื แอปพลิเคชันใหมก่ ไ็ ด้

22. ครใู หน้ ักเรยี นลงมือเขยี นโปรแกรมหรือแอปพลิเคชนั ด้วยภาษา Python

แผนการจดั การเรยี นรู้ วชิ าวิทยาการคานวณ ม.๓ หน้า 59

ช่ัวโมงที่ 6

ขน้ั ส1อ.น (40 นาที)

23. ครใู หน้ กั เรยี นลงมอื เขยี นโปรแกรมหรอื แอปพลเิ คชนั ด้วยภาษา Python (ตอ่ )
24. ครูให้นักเรยี นทดสอบโปรแกรมหรือแอปพลิเคชันเพือ่ ตรวจสอบขอ้ ผิดพลาด

ข้นั สรุป (10 นาที)

1. ครูให้นักเรียนแต่ละคู่นาเสนอโปรแกรมหรือแอปพลิเคชัน ให้เพื่อนร่วมกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็น พร้อม
ท้ังครคู อยให้คาแนะนาเพม่ิ เตมิ

8. สื่อ/แหลง่ การเรยี นรู้

8.1 สอ่ื การเรียนรู้
1. หนงั สอื เรียนรายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ม.2
2. หนงั สอื เรียนรายวชิ าพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ม.3 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 4
เรือ่ ง แอปพลเิ คชัน
3. หนงั สอื แบบฝึกหดั รายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ม.3
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 4 เรือ่ ง แอปพลเิ คชัน
4. โปรแกรม Mu
5. ใบความรู้ เรอื่ ง การใชค้ าสง่ั แสดงผลอินพุต และเอาต์พตุ
6. ใบความรู้ เรอื่ ง ตวั แปรและตัวดาเนนิ การ
7. ใบความรู้ เรอื่ ง การทางานแบบมีเง่อื นไข
8. ใบความรู้ เรอื่ ง การทาซา้
9. ใบงานที่ 4.3.1 เรอื่ ง ตัวแปรและตวั ดาเนนิ การ
10. ใบงานท่ี 4.3.2 เรือ่ ง การใชค้ าสงั่ แสดงผลอินพุต และเอาต์พตุ
11. ใบงานท่ี 4.3.3 เร่อื ง การทางานแบบมีเงื่อนไข
12. ใบงานที่ 4.3.4 เรือง การทาซา้

8.2 แหลง่ การเรยี นรู้
1) ห้องคอมพวิ เตอร์
2) อนิ เทอร์เน็ต

แผนการจัดการเรยี นรู้ วชิ าวิทยาการคานวณ ม.๓ หน้า 60

แบบทดสอบกอ่ นเรยี น

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 4

คาชแี้ จง : ให้นักเรยี นเลือกคาตอบที่ถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว

1. หากระบบควบคมุ แอร์อาคารแหง่ หนึ่งถกู ออกแบบ 8. หากต้องการเปล่ยี นโปรแกรมต่อไปนใี้ หร้ ับคา่ เฉพาะจานวนเตม็
ใหเ้ ชอ่ื มเขา้ อนิ เทอรเ์ นต็ โดยอาศยั wifi เพือ่ ให้ส่ังงาน สามารถทาได้ด้วยวิธใี ด
การเปดิ -ปดิ แอรไ์ ดจ้ ากมอื ถอื จากการสื่อสารดว้ ยอินเทอรเ์ นต็ ถอื วา่ เปน็
ลักษณะของเทคโนโลยี IoT หรือไม่ เพราะเหตุใด ก. บรรทัดท6่ี เปน็ dollar = baht / rate (int)
ก. ไม่ใช่ เพราะ ตอ้ งมีอปุ กรณม์ ากกว่าหนง่ึ อยา่ งที่ ข. บรรทดั ที่ 4 และ 5
เชอ่ื มเขา้ กบั ระบบ wifi และอินเทอร์เนต็ เปน็ rate = float(int('ป้อนอตั ราแลกเปลยี่ นเงินบาทไทยตอ่
ข. ใช่ เพราะ ระบบแอรเ์ ชือ่ มกบั สัญญาณ wifi และอินเทอร์เน็ต 1 ดอลลาร์ : ') rate = float(int('ป้อนจานวนเงนิ บาทไทย : ')
ค. ใช่ เพราะ ระบบแอรเ์ ช่ือมกับอนิ เทอร์เน็ตและการส่ังงานจากมอื ถือได้ ค. บรรทัดที่4และ5
ง. ไม่ใช่ เพราะ ระบบการทางานของเทคโนโลยตี อ้ งเชื่อมกบั อุปกรณไ์ ฟฟ้า เปน็ rate = int(input('ป้อนอตั ราแลกเปล่ยี นเงินบาทไทยต่อ 1
มากกว่าหน่งึ ชนดิ ดอลลาร์ : ') rate = int(input('ป้อนจานวนเงินบาทไทย : ')
ง. บรรทดั ท8่ี เปน็ print('คานวณเป็นเงินดอลลารไ์ ด้ : %.f ดอลลาร'์ %
2. ขอ้ ใดไม่ใชอ่ งคป์ ระกอบของเทคโนโลยี IoT dollar)
ก. Compiler ข. Dashboard 9. หากตอ้ งการตวั แปรเก็บขอ้ ความคาวา่ Welcome to program
ค. Smart Device ง. Cloud Computing และคา่ ตวั เลข 497 ข้อเขยี นคาสัง่ ได้ถกู ตอ้ ง
ก. text = Welcome to program , x = 497
3. หากกาลังพดู ถึง “แอปพลเิ คชั่นระบบและแอปพลิเคชัน ข. text = Welcome to program ; x = "497"
ท่ตี อบสนองตอ่ ความต้องการผใู้ ช”้ แสดงว่าผพู้ ดู กาลงั พดู ถงึ เรื่องอะไร ค. text = "Welcome to program" ; x = 497
ก. ประเภทของผังงาน ข. ประเภทของแอปพลเิ คชัน ง. text = "Welcome to program" , x = "497"
ค. ข้นั ตอนการเขยี นของผงั งาน ง. ขั้นตอนการพัฒนาแอปพลิเคชัน 10. ข้อใดจะใหผ้ ลลพั ธ์เป็นการแสดงผลคาวา่ Application 3 รอบ
ก. ข.
4. “Windows Android Linux” ข้อใดเกี่ยวข้องกบั ขอ้ ความดงั กลา่ ว ค. ง.
ก. แอปพลเิ คชน่ั บราวเซอร์ ข. แอปพลิเคชั่นบรกิ าร

ค. แอปพลิเคชนั เทคนคิ ง. แอปพลเิ คชนั ระบบ
5. ข้อใดคือขน้ั ตอนแรกของข้นั ตอนการพัฒนาแอปพลเิ คชัน่
ก. กาหนดปญั หา ข. วเิ คราะหป์ ญั หา
ค. ศึกษาความเปน็ ไปได้ ง. วเิ คราะหค์ วาม

6. คาสง่ั print() จะใหผ้ ลลัพธก์ ารทางานอยา่ งไร
ก. แสดงผลบนเวบ็ ไซต์ ข. แสดงผลบนหนา้ จอ
ค. แสดงผลบนบราวเซอร์ ง. แสดงผลผ่านเครอ่ื งพมิ พ์

7. หากต้องการให้โปรแกรมแสดงผลคาวา่ Monday ต้องกรอกเลขใดใน
โปรแกรม

ก. เลข 1 1. ค 2. ก 3. ข 4. ง 5. ก 6. ข 7. ข 8. ค 9. ค 10. ง
ข. เลข 2
ค. เลข 3 แผนการจดั การเรยี นรู้ วชิ าวิทยาการคานวณ ม.๓ หนา้ 61
ง. เลข 4

แบบทดสอบหลงั เรียน

หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 4

คาช้แี จง : ให้นกั เรียนเลือกคาตอบท่ีถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 6. ข้อใดจะใหผ้ ลลพั ธ์เปน็ การแสดงผลคาวา่ Application 3 รอบ
ก. ข.
1. หากตอ้ งการตวั แปรเกบ็ ขอ้ ความคาวา่ Welcome to
program และค่าตวั เลข 497 ขอ้ เขยี นคาส่ังได้ถกู ต้อง ค. ง.
ก. text = Welcome to program , x = 497
ข. text = Welcome to program ; x = "497"
ค. text = "Welcome to program" ; x = 497
ง. text = "Welcome to program" , x = "497"

2. ขอ้ ใดคอื ขน้ั ตอนแรกของข้นั ตอนการพฒั นาแอปพลิเคชนั่

ก. กาหนดปัญหา ข. วิเคราะห์ปญั หา 7. หากต้องการให้โปรแกรมแสดงผลคาวา่ Monday ต้องกรอกเลข
ใดในโปรแกรม
ค. ศกึ ษาความเปน็ ไปได้ ง. วเิ คราะหค์ วามตอ้ งการ
ก. เลข 1
3. หากต้องการเปล่ยี นโปรแกรมต่อไปนใ้ี ห้รบั คา่ เฉพาะจานวน ข. เลข 2
เต็มสามารถทาไดด้ ว้ ยวธิ ีใด ค. เลข 3
ง. เลข 4
ก. บรรทดั ท6ี่ เป็น dollar = baht / rate (int) 8. หากกาลังพดู ถงึ
ข. บรรทัดท่4ี และ5 “แอปพลเิ คชั่นระบบและแอปพลเิ คชัน
เปน็ rate = float(int('ป้อนอตั ราแลกเปลีย่ นเงินบาทไทยตอ่ ท่ีตอบสนองต่อความตอ้ งการผูใ้ ช”้ แสดงว่าผู้พดู กาลังพดู ถงึ เรอ่ื ง
1 ดอลลาร์ : ') rate = float(int('ปอ้ นจานวนเงินบาทไทย : ') อะไร
ค. บรรทดั ที่4และ5 ก. ประเภทของผังงาน ข. ประเภทของแอปพลเิ คชนั
เปน็ rate = int(input('ป้อนอตั ราแลกเปลี่ยนเงินบาทไทยต่อ 1 ค. ขั้นตอนการเขยี นของผงั งาน ง. ข้นั ตอนการพัฒนาแอปพลเิ คชนั
ดอลลาร์ : ') rate = int(input('ป้อนจานวนเงินบาทไทย : ')
ง. บรรทดั ท่ี8 เปน็ print('คานวณเปน็ เงินดอลลารไ์ ด้ : %.f 9. “Windows Android Linux” ข้อใดเกยี่ วขอ้ งข้อใด
ดอลลาร'์ % dollar) ก. แอปพลเิ คชั่นบราวเซอร์ ข. แอปพลิเคช่นั บริการ
ค. แอปพลิเคชนั เทคนคิ ง. แอปพลิเคชันระบบ
4. คาสงั่ print() จะใหผ้ ลลัพธก์ ารทางานอยา่ งไร
ก. แสดงผลบนเวบ็ ไซต์ ข. แสดงผลบนหน้าจอ 10. หากระบบควบคุมแอรอ์ าคารแหง่ หน่งึ ถูกออกแบบ
ค. แสดงผลบนบราวเซอร์ ง. แสดงผลผา่ นเคร่อื งพิมพ์ ให้เชือ่ มเขา้ อินเทอร์เนต็ โดยอาศัย wifi เพ่อื ใหส้ ่ังงาน
การเปดิ -ปดิ แอร์ไดจ้ ากมอื ถอื จากการสือ่ สารด้วยอนิ เทอร์เนต็ ถือวา่
5. ข้อใดไมใ่ ชอ่ งคป์ ระกอบของเทคโนโลยี IoT เปน็ ลกั ษณะของเทคโนโลยี IoT หรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด
ก. ไม่ใช่ เพราะ ตอ้ งมอี ปุ กรณม์ ากกว่าหนึง่ อยา่ งท่ี
ก. Compiler ข. Dashboard เช่ือมเข้ากบั ระบบ wifi และอินเทอรเ์ น็ต
ข. ใช่ เพราะ ระบบแอรเ์ ชื่อมกบั สัญญาณ wifi และอินเทอรเ์ น็ต
ค. Smart Device ง. Cloud Computing ค. ใช่ เพราะ ระบบแอรเ์ ชอื่ มกบั อินเทอรเ์ น็ตและสง่ั งานจากมอื ถือ
ง. ไม่ใช่ เพราะ ระบบการทางานของเทคโนโลยตี ้องเชอ่ื มกับอุปกรณ์
ไฟฟา้ มากกวา่ หน่ึงชนดิ และสามารถควบคุมได้ทุกอปุ กรณ์

เฉลย 1. ค 2. ก 3. ค 4. ข 5. ก 6. ง 7. ข 8. ข 9. ง 10. ค

แผนการจัดการเรยี นรู้ วิชาวทิ ยาการคานวณ ม.๓ หน้า 62

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 3

หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1 การจัดการข้อมูลและสารสนเทศ เวลา 9 ชั่วโมง

เรอ่ื ง การใช้ซอฟต์แวรใ์ นการจดั การขอ้ มลู และสารสนเทศ เวลา 3 ช่ัวโมง

รายวชิ า เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) กลมุ่ สาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3

1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชี้วดั

สาระท่ี 4 เทคโนโลยี

มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชงิ คานวณในการแก้ปัญหาทีพ่ บในชวี ิตจรงิ อยา่ งเป็นขนั้ ตอน

และเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสารในการเรยี นรู้ การทางาน และการแกป้ ญั หา

ได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพ รเู้ ทา่ ทันและมีจริยธรรม

ตวั ชว้ี ดั ม.3/2 รวบรวมขอ้ มลู ประมวลผล ประเมินผล นาเสนอข้อมูลและสารสนเทศตามวตั ถุประสงค์

โดยใช้ซอฟต์แวรห์ รือบริการบนอนิ เทอร์เน็ตทหี่ ลากหลาย

2. จุดประสงค์การเรียนรู้
1. ใช้ซอฟต์แวร์ทเ่ี หมาะสมในการจัดการขอ้ มูลและสารสนเทศ และตรงวตั ถปุ ระสงค์การใชง้ านได้ (K,P)
2. ตระหนกั ถึงขอ้ มูลทีน่ าเสนอวา่ ไม่ควรส่งผลกระทบตอ่ ผอู้ ่นื (A)

3. สาระสาคญั
การจัดการขอ้ มลู และสารสนเทศมีการนาซอฟต์แวรต์ า่ ง ๆ มาชว่ ยในการจดั การข้อมลู โดยมีท้งั

ซอฟต์แวร์ท่ีใชใ้ นการรวบรวมข้อมูล ซอฟตแ์ วร์ทีใ่ ชใ้ นการประมวลผลขอ้ มลู และซอฟตแ์ วร์ทีใ่ ชใ้ นการ
นาเสนอขอ้ มลู เพ่อื การจัดการข้อมูลและสารสนเทศอยา่ งมีประสิทธภิ าพ

4. สาระการเรยี นรู้
1. ซอฟต์แวร์ท่ีใชใ้ นการรวบรวมขอ้ มลู
2. ซอฟตแ์ วร์ทใ่ี ชใ้ นการประมวลผลขอ้ มลู
3. ซอฟต์แวร์ที่ใชใ้ นการสร้างและนาเสนอขอ้ มลู

5. รูปแบบการสอน/วธิ กี ารสอน

1. วิธีการสอนโดยเน้นกระบวนการกลมุ่ (Group Process–Based Instruction)

2. รูปแบบการสอนแบบการอภปิ ราย

6. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน
 ความสามารถในการส่อื สาร
 ความสามารถในการคดิ
 ความสามารถในการแกป้ ัญหา
 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต
 ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

แผนการจดั การเรยี นรู้ วชิ าวิทยาการคานวณ ม.๓ หน้า 63

7. ทักษะ 4Cs  ซอ่ื สตั ย์ สจุ ริต
 ทักษะการคดิ วจิ ารณญาณ (Critical Thinking)  ใฝ่เรยี นรู้
 ทักษะการทางานร่วมกนั (Collaboration Skill)  มงุ่ มนั่ ในการทางาน
 ทักษะการสอ่ื สาร (Communication Skill)  มจี ิตสาธารณะ
 ทักษะความคดิ สร้างสรรค์ (Creative Thinking)

8. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
 รกั ชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์
 มีวินัย
 อยูอ่ ย่างพอเพียง
 รักความเปน็ ไทย

9. การจัดกระบวนการเรียนรู้

ข้ันนา (10 นาที)
1. ครูสอบถามนักเรียนว่าจากคาบที่ผ่านมาในการรวบรวมข้อมูลนักเรียนใช้เคร่ืองมือใดในการรวบรวมข้อมูล

บ้าง
(แนวคาตอบ ใช้แบบสอบถาม ใชโ้ ปรแกรม Excel ใช้ Google Forms)
2. ครูถามนักเรียนว่ากลุ่มท่ีใช้แบบสอบถาม หรือใช้วิธีการสัมภาษณ์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลน้ันต้องใช้
ระยะเวลาหน่ึงเพอ่ื เก็บข้อมูลต่อกลุ่มตัวอย่างหนงึ่ คน หากมีวิธีท่ีจะลดเวลาในข้ันตอนนล้ี งเพ่อื เอาเวลาไปใช้
ในการทางานข้นั ตอนอืน่ ท่ีอาจมปี ระโยชน์กว่าจะส่งผลดตี ่อการทางานหรือไม่ อย่างไร
(แนวคาตอบ ดีเพราะนาเวลาท่ีเหลือไปทางานท่ีมีความซับซ้อนมากกว่า ดีเพราะลดเวลาในการรวบรวม
ขอ้ มลู อาจทาใหไ้ ดข้ อ้ มลู ท่มี ากขนึ้ เท่าตัว)
ขั้นสอน (40 นาท)ี
1. ครูอธิบายว่าซอฟต์แวรท์ ่ีใช้ในการรวบรวมข้อมลู มใี หเ้ ลอื กใช้งานหลากหลาย และมคี วามสาคัญในขั้นตอน
การรวบรวมข้อมูลทีม่ ีปริมาณขอ้ มูลจานวนมาก หรือตอ้ งการความรวดเรว็
2. ครูอธบิ ายเนื้อหาในหนงั สอื เรยี นวชิ า เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี 3 บรษิ ทั อักษรเจรญิ
ทัศน์ อจท. หนา้ 18 เรอ่ื ง ซอฟต์แวรท์ ใี่ ชใ้ นการรวบรวมข้อมูล เพือ่ ใชจ้ ัดเกบ็ รวบรวมข้อมลู ตามทตี่ ้องการ
โดยมีซอฟต์แวรท์ นี่ า่ สนใจ ไดแ้ ก่ ซอฟต์แวร์ท่ตี ิดตง้ั อยู่บนคอมพวิ เตอร์ เชน่ Microsoft word และ
ซอฟต์แวรท์ ี่ใช้งานผ่านอินเทอรเ์ นต็ เชน่ Google Docs, Google Forms
3. ครยู กตวั อย่างซอฟต์แวรท์ ใี่ ชง้ านผา่ นอินเทอรเ์ น็ต คือ Google Forms เปน็ ซอฟตแ์ วร์ท่ถี กู ใช้งานอย่าง
แพรห่ ลาย ใชง้ านงา่ ยและมีประโยชนใ์ นการทางาน โดยครใู หน้ ักเรยี นทดลองเป็นผู้ตอบแบบสอบถามใน
กจิ กรรมตอ่ ไป เพอ่ื เป็นตวั อยา่ งการจดั การข้อมลู และสารสนเทศ

แผนการจัดการเรียนรู้ วชิ าวิทยาการคานวณ ม.๓ หนา้ 64

1) ครูให้นักเรียนตอบแบบสอบถามใน Google Forms จากกจิ กรรม “อาชีพในอนาคต” ที่ครูเตรยี มไวใ้ ห้

2) ครูเปดิ แบบสอบถามจากกจิ กรรม “อาชพี ในอนาคต” จากนนั้ ไปท่ีแท็บ “การตอบกลบั ” และเปิดแทบ็
“ข้อมลู สรปุ ” เพื่อใหน้ ักเรียนเห็นประโยชน์ ความสะดวกในการประมวลผลขอ้ มลู ดว้ ย Google Forms

แผนการจัดการเรยี นรู้ วชิ าวิทยาการคานวณ ม.๓ หนา้ 65

3) ครอู ธบิ ายขัน้ ตอนการนาแผนภมู จิ าก Google Forms ไปใช้เพอ่ื การนาเสนอข้อมูล ซง่ึ สามารถทาได้โดย
การคลกิ ทป่ี ่มุ คดั ลอกแผนภูมิที่อยู่ทางขวาของหวั ข้อจากนนั้ นาไปวางในโปรแกรมนาเสนอท่ตี อ้ งการ เช่น
PowerPoint, Google Slide, Keynote

4. ครสู อบถามนกั เรยี นวา่ จากตัวอย่างที่ครูใชง้ าน Google Forms นักเรยี นคดิ วา่ มีขอ้ ดอี ยา่ งไรบ้าง
(แนวคาตอบ ใชง้ านงา่ ย ประมวลผลให้ทันที นาแผนภูมไิ ปนาเสนองานได้ทนั ที)

5. ครูอธบิ ายความสาคญั การเลอื กใชซ้ อฟต์แวร์ทเี่ หมาะกบั งาน และวตั ถุประสงค์ เช่น ตัวอย่างการรวบรวบ
ข้อมูลครูเลอื กใช้ Google Forms เน่ืองจากสามารถประมวลผลข้อมูลให้ได้ทนั ที และสามารถนาแผนภมู ิไป
ใช้ในการนาเสนองานตอ่ ได้ จงึ ลดเวลาการทางานได้มาก

6. ครูใหน้ ักเรียนยกตัวอย่างโปรแกรมทส่ี ามารถใช้โปรแกรมในการประมวลผลขอ้ มูล หรือการสร้างและนาเสนอ
ข้อมูลได้
(แนวคาตอบ Microsoft Excel)

7. ครูอธบิ ายเน้ือหาในหนงั สอื เรยี นวชิ า เทคโนโลยี(วทิ ยาการคานวณ) ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3 บริษทั อกั ษรเจรญิ
ทศั น์ อจท. หน้า19 เรอื่ ง ซอฟตแ์ วรท์ ใี่ ชใ้ นการประมวลผลขอ้ มลู และซอฟต์แวรท์ ใ่ี ชส้ าหรบั สรา้ งและ
นาเสนอข้อมูล

ขั้นสอน (50นาท)ี
8. ครูสอบถามนกั เรยี นว่า จากคาบทแ่ี ลว้ ครยู กตวั อย่างการใชซ้ อฟตแ์ วรใ์ นการจดั การข้อมูลและสารสนเทศ

พรอ้ มทงั้ อธิบายเนอ้ื หาในหนงั สือเรยี นเพ่ิมเตมิ นกั เรียนคดิ วา่ ตนเองมีความถนัดในการใชซ้ อฟต์แวรใ์ ดเพอื่ ใช้
ในการสรา้ งและนาเสนอขอ้ มลู บา้ ง
(แนวคาตอบ Keynote, PowerPoint, Google Slide)
9. จากกิจกรรมท่ีครูให้นักเรียนหาข้อมูลว่าถ้าต้องการทางาน 5 อาชีพในฝันน้ีนักเรียนควรเรียนคณะอะไร
ค่าเฉล่ียเทอมละเท่าไร รวบรวมข้อมูลอยา่ งน้อย 6 มหาวิทยาลยั ข้ึนไป (แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 2 ชั่วโมงท่ี
4) ในคาบเรียนน้ีให้นักเรียนนาข้อมูลท่ีรวบรวมข้อมูลและประมวลผลข้อมูลไว้ มาเตรียมนาเสนอทีละกลุ่ม
โดยใหแ้ ต่ละกลมุ่ เลือกใช้ซอฟตแ์ วร์ตามความถนดั และเหมาะสมกบั วัตถุประสงคท์ จ่ี ะใชง้ าน

แผนการจดั การเรยี นรู้ วิชาวิทยาการคานวณ ม.๓ หน้า 66

ขั้นสอน (40นาที)
10. ครใู หแ้ ต่ละกลมุ่ นาเสนองานหน้าช้นั เรยี น
11. ครูสอบถามนักเรียนแต่ละกลมุ่ วา่ จากการประมวลผลมีมหาวิทยาลัยใดท่นี า่ เรียนตอ่ บา้ ง เพราะอะไร
ขน้ั สรปุ (10นาท)ี
1. ครใู หน้ กั เรียนชว่ ยกนั สรุปประโยชน์จากการนาขอ้ มูลมาประมวลผล

10. สอ่ื แหลง่ การเรยี นรู้
1. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ม.3 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1
เรอ่ื ง การจัดการข้อมลู และสารสนเทศ
2. คอมพวิ เตอร์
3. ใบความรู้ เรื่อง การใช้ Google Forms

11. การวดั และการประเมนิ ผล

11.1 การประเมนิ ระหวา่ งการจดั กจิ กรรม

จดุ ประสงค์ วิธกี ารประเมนิ เคร่ืองมอื การประเมนิ เกณฑ์การประเมิน
แบบประเมินการ
1. เลือกใช้ซอฟต์แวร์ที่ ประเมนิ การนาเสนอ นาเสนออาชีพ เลือกใช้ซอฟตแ์ วร์ที่
เหมาะสมในการจัดการ
เหมาะสมในการจัดการ อาชพี แบบประเมินการ ขอ้ มลู และสารสนเทศ
นาเสนออาชพี ตามวตั ถุประสงค์ได้ใน
ขอ้ มลู และสารสนเทศ ระดบั คุณภาพพอใช้ขนึ้
ไปถอื ว่าผา่ น
ตามวตั ถปุ ระสงค์ได้
ตระหนักถงึ ขอ้ มูลท่ี
(K,P) นาเสนอวา่ ไม่ควรส่งผล
กระทบตอ่ ผอู้ ่ืนในระดบั
2. ตระหนักถึงข้อมูลที่ ประเมินการนาเสนอ คุณภาพพอใช้ขนึ้ ไปถือ
นาเสนอวา่ ไมค่ วรส่งผล อาชพี วา่ ผา่ น
กระทบต่อผอู้ น่ื (A)

แผนการจัดการเรียนรู้ วิชาวิทยาการคานวณ ม.๓ หนา้ 67

11.2 การประเมินการนาเสนออาชีพ

ประเด็นในการประเมนิ 3 เกณฑ์การให้คะแนน 1
2

1. การเลอื กใช้ สามารเลอื กใช้ซอฟตแ์ วร์ สามารเลอื กใช้ซอฟต์แวร์ สามารเลอื กใช้ซอฟต์แวร์

ซอฟต์แวร์ในการจัดการ ทเ่ี หมาะสมกบั การใช้ ทีเ่ หมาะสมกับการใช้ ท่ีเหมาะสมกบั การใช้

ข้อมูลและสารสนเทศ รวบรวมขอ้ มูล หรอื รวบรวมข้อมูล หรอื รวบรวมขอ้ มลู หรอื

ประมวลผลขอ้ มลู ตาม ประมวลผลขอ้ มลู ตาม ประมวลผลขอ้ มลู ตาม

วัตถุประสงค์ท่ตี ้องการ วัตถปุ ระสงค์ท่ีต้องการ วัตถุประสงค์พอใช้ได้

ได้ พอใช้ได้เป็นสว่ นใหญ่ เพียงบางส่วน

2. การเลือกใช้ สามารเลือกใช้ซอฟตแ์ วร์ สามารเลอื กใช้ซอฟตแ์ วร์ สามารเลือกใช้ซอฟต์แวร์
ซอฟต์แวร์ในการ
นาเสนอข้อมูลและ ในการนาเสนอข้อมลู ในการนาเสนอข้อมลู ในการนาเสนอข้อมลู
สารสนเทศ
3. การนาเสนอ และสารสนเทศได้ตาม และสารสนเทศตาม และสารสนเทศพอใช้ได้

4. ตระหนักถงึ วัตถปุ ระสงค์ทต่ี อ้ งการ วตั ถุประสงค์พอใช้ได้ เพยี งบางสว่ น
ผลกระทบตอ่ ผู้อน่ื
เปน็ สว่ นใหญ่

มีความชดั เจนในการ มคี วามชดั เจนในการ มีความชัดเจนในการ

สือ่ สาร ใช้ถอ้ ยคา ส่ือสาร ใชถ้ ้อยคา สื่อสาร ใชถ้ อ้ ยคา

เหมาะสมเขา้ ใจงา่ ย เหมาะสมเขา้ ใจง่าย เหมาะสมเข้าใจงา่ ย

สามารถตอบคาถามได้ สามารถตอบคาถามได้ สามารถตอบคาถามได้

ทกุ ขอ้ และรับฟงั ความ เปน็ สว่ นใหญ่ และรับฟงั เพียงบางส่วน และรบั ฟัง

คดิ เห็นของผอู้ น่ื ความคิดเหน็ ของผอู้ ่นื ความคิดเหน็ ของผอู้ น่ื

ขอ้ มลู ทน่ี าเสนอไมส่ ่งผล ข้อมลู ท่นี าเสนอไมส่ ่งผล ข้อมูลท่ีนาเสนอไมส่ ่งผล

กระทบหรอื ให้ร้ายผอู้ ื่น กระทบหรือใหร้ ้ายผู้อ่นื กระทบหรอื ให้รา้ ยผูอ้ นื่

ทงั้ ทางตรงและทางออ้ ม ทง้ั ทางตรงและทางอ้อม ทั้งทางตรงและทางออ้ ม

เป็นสว่ นใหญ่ เพยี งบางส่วน

เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ
10 – 12 ดี
9–6
น้อยกว่า 6 พอใช้
ปรับปรุง

แผนการจดั การเรยี นรู้ วชิ าวทิ ยาการคานวณ ม.๓ หน้า 68

11.3 แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
คาชี้แจง : ให้ผูส้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ลงในชอ่ ง

ทตี่ รงกบั ระดบั คะแนน
คณุ ลกั ษณะ ระดับคะแนน
อนั พึงประสงค์ดา้ น รายการประเมนิ 32 1

1. รักชาติ ศาสน์ 1.1 ยืนตรงเคารพธงชาตแิ ละรอ้ งเพลงชาติได้

กษัตริย์ 1.2 เข้ารว่ มกิจกรรมที่สรา้ งความสามัคคีปรองดองและเป็นประโยชน์

ตอ่ โรงเรียน

1.3 เขา้ รว่ มกิจกรรมทางศาสนาทตี่ นนบั ถือ ปฏบิ ตั ติ ามหลกั ศาสนา

1.4 เข้าร่วมกจิ กรรมทเี่ กีย่ วกบั สถาบันพระมหากษตั ริย์ตามทโ่ี รงเรียนจัดขน้ึ

2. ซ่อื สตั ย์ สจุ ริต 2.1 ให้ข้อมลู ท่ีถูกตอ้ งและเปน็ จริง

2.2 ปฏบิ ตั ใิ นส่ิงทีถ่ ูกตอ้ ง

3. มีวนิ ยั รับผิดชอบ 3.1 ปฏิบตั ติ ามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคับของครอบครัว

มีความตรงต่อเวลาในการปฏบิ ตั กิ ิจกรรมตา่ ง ๆ ในชวี ิตประจาวนั

4. ใฝเ่ รยี นรู้ 4.1 รจู้ กั ใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ ปน็ ประโยชนแ์ ละนาไปปฏิบตั ิได้

4.2 รู้จักจดั สรรเวลาให้เหมาะสม

4.3 เชือ่ ฟังคาสั่งสอนของบิดา-มารดา โดยไม่โต้แย้ง

4.4 ตง้ั ใจเรียน

5. อยู่อย่างพอเพยี ง 5.1 ใช้ทรพั ยส์ นิ และส่งิ ของของโรงเรียนอย่างประหยัด

5.2 ใชอ้ ปุ กรณก์ ารเรียนอย่างประหยดั และรคู้ ุณค่า

5.3 ใชจ้ ่ายอย่างประหยดั และมีการเก็บออมเงิน

6. มงุ่ ม่ันในการทางาน 6.1 มคี วามตงั้ ใจและพยายามในการทางานท่ีไดร้ ับมอบหมาย

6.2 มคี วามอดทนและไม่ท้อแทต้ อ่ อุปสรรคเพื่อใหง้ านสาเร็จ

7. รกั ความเปน็ ไทย 7.1 มีจิตสานกึ ในการอนรุ ักษว์ ัฒนธรรมและภมู ปิ ญั ญาไทย

7.2 เห็นคุณค่าและปฏิบัติตนตามวัฒนธรรมไทย

8. มีจติ สาธารณะ 8.1 รู้จกั ชว่ ยพ่อแม่ ผู้ปกครอง และครูทางาน

8.2 รจู้ ักการดูแลรักษาทรัพย์สมบตั ิและส่ิงแวดล้อมของหอ้ งเรยี น

และโรงเรียน

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ลงช่อื ..................................................ผูป้ ระเมิน
พฤตกิ รรมทปี่ ฏิบตั ชิ ดั เจนและสม่าเสมอ ............/.................../................
พฤติกรรมทีป่ ฏบิ ตั ชิ ัดเจนและบอ่ ยครงั้
พฤติกรรมทปี่ ฏบิ ตั บิ างคร้งั ให้ 3 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ
ให้ 2 คะแนน 51-60 ดีมาก
ให้ 1 คะแนน 41-50 ดี
30-40 พอใช้
ปรบั ปรุง
ตา่ กวา่ 30

แผนการจดั การเรยี นรู้ วิชาวทิ ยาการคานวณ ม.๓ หน้า 69

ใบความรู้
เรอ่ื ง การใช้ Google Forms
คาช้ีแจง : เอกสารนเ้ี ปน็ ตวั อย่างการใช้ Google Forms ในกจิ กรรม อาชพี ในอนาคต
ให้นกั เรยี นทากจิ กรรมโดยตอบแบบสอบถามใน Google Forms ทค่ี รูเตรียมไว้ให้ จากนัน้
ครเู ปิดผลผลการแบบสอบถามในแถบคาส่ัง “การตอบกลับ” ในรปู แบบแผนภมู ิ
ตัวอยา่ ง คาถามในแบบสอบถาม
1.อาชพี ทีอ่ ยากทาในอนาคต (ตวั อย่างตวั เลอื ก ครู ตารวจ ทหาร โปรแกรมเมอร์ นกั บัญชี ดารา
นกั แสดง นกั รอ้ ง )
2.ระดับเงินเดอื นทค่ี าดหวัง (ตวั อยา่ งตัวเลอื ก 20,000-40,000 / 40,000-60,000 / 60,000-80,000 /
80,000-100,000 / มากกว่า 100,000 )
3.บริษทั ทีอ่ ยากรว่ มงานดว้ ย (ตวั อย่างตัวเลอื ก Apple, Facebook, Google, Adidas )
ตวั อยา่ ง แบบสอบถาม

แผนการจัดการเรยี นรู้ วชิ าวทิ ยาการคานวณ ม.๓ หนา้ 70

ตวั อยา่ ง แผนภูมิจากการประมวลผลด้วยGoogle Forms

หมายเหตุ
1.สามารถศึกษาวธิ ีการสรา้ งแบบสอบถามดว้ ย Google Forms จากเอกสารตามลิงค์

http://km.cpd.go.th/pdf-bin/pdf_2117498769.pdf

แผนการจัดการเรียนรู้ วชิ าวิทยาการคานวณ ม.๓ หนา้ 71

12. ความเห็นของผู้บรหิ ารสถานศกึ ษาหรอื ผทู้ ไ่ี ด้รบั มอบหมาย )
ข้อเสนอแนะ .......
ลงชอ่ื
(
ตาแหน่ง

13. บนั ทึกผลหลงั การสอน
 ด้านความรู้

 ด้านสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น

 ด้านคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

 ดา้ นความสามารถทางเทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ)

 ด้านอน่ื ๆ (พฤติกรรมเด่นหรอื พฤตกิ รรมท่ีมีปัญหาของนกั เรยี นเปน็ รายบุคคล (ถา้ มี))

 ปญั หา/อปุ สรรค
 แนวทางการแกไ้ ข

แผนการจัดการเรียนรู้ วิชาวิทยาการคานวณ ม.๓ หนา้ 72


Click to View FlipBook Version