The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ผ้าปูโต๊ะฝ้ายล้านนา

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by suphannidawai5531, 2021-03-13 04:04:47

ผ้าปูโต๊ะฝ้ายล้านนา

ผ้าปูโต๊ะฝ้ายล้านนา

ผา้ ปโู ต๊ะฝ้ายล้านนา
TABLE CLOTH LANNA STYLE

กานต์ชนติ หนอ่ พิชญ์

โครงการนี้เปน็ ส่วนหนงึ่ ของการศกึ ษาตามหลกั สตู ร
ประกาศนยี บัตรวชิ าชีพช้ันสงู

สาขาวิชา การโรงแรม ประเภทวชิ าอุตสาหกรรมทอ่ งเท่ยี ว
วทิ ยาลัยอาชีวศกึ ษาเชียงใหม่
ปกี ารศึกษา 2563

ปูโต๊ะฝา้ ยล้านนา
TABLE CLOTH LANNA STYLE

กานต์ชนิต หนอ่ พชิ ญ์

โครงการนเี้ ป็นสว่ นหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตร
ประกาศนยี บตั รวิชาชีพชน้ั สงู

สาขาวิชา การโรงแรม ประเภทวชิ าอุตสาหกรรมท่องเท่ียว
วิทยาลัยอาชีวศึกษาเชยี งใหม่
ปีการศึกษา 2563



ใบรบั รองโครงการ
วทิ ยาลยั อาชีวศกึ ษาเชยี งใหม่

เร่ือง ผ้าปูโต๊ะผา้ ยลา้ นนา
โดย นางสาวกานตช์ นติ หน่อพชิ ญ์

ได้รับการรับรองให้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง
สาขาวิชา การโรงแรม ทวภิ าคี ประเภทวิชาอุตสาหกรรมทอ่ งเท่ียว

…………………………หัวหนา้ แผนกวิชาการโรงแรม …………………………….รองผู้อำนวยการฝ่าวชิ าการ
(นางอัปสร คอนราด) (นายณรงคศ์ ักด์ิ ฟองสินธ)์ุ
วันท่ี……..เดอื น……………พ.ศ………… วันท…่ี …..เดอื น……………พ.ศ…………

คณะกรรมการสอบโครงการ

……………………………………………………. ประธานกรรมการ
(นายทินกร ตบ๊ิ อินถา)

……………………………………………………. กรรมการ
(นางสาวนพรรณพ ดวงแก้วกูล)

……………………………………………………. กรรมการ
(นางสาวนชั พร สาครธำรง)



กติ ตกิ รรมประกาศ

โครงการผ้าปูโต๊ะผ้ายล้านนา ของนักศึกษาแผนกวิชาการโรงแรม วิทยาลัยอาชีวศึกษา
เชียงใหม่ ฉบับนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีเนื่องจากได้รับความกรุณา ความอนุเคราะห์ การสนับสนุน
และการใหค้ ำแนะนำแนวทางในการดำเนนิ งานจากหลายทา่ น

ขอขอบพระคุณ นายทินกร ติ๊บอินถา ครูที่ปรึกษาวิชาโครงการ และคณะครูที่ให้คำปรึกษา
โครงการ แนะนำและให้ข้อคิดต่างๆ ในการทำโครงการ ตลอดจนแก้ไขข้อบกพร่อง จนทำรายงาน
โครงการฉบับน้ีเสรจ็ สมบรู ณ์ ผู้ศึกษาจึงขอกราบขอบพระคณุ เปน็ อย่างสงู

ขอกราบขอบพระคณุ พ่อ ท่ีให้กำเนิดเลยี้ งดูอบรมส่งั สอนตลอดจนการให้คำแนะนำคำปรึกษา
ในเรอื่ งต่างๆ ทีท่ ำใหโ้ ครงการฉบับนี้ลลุ ่วงไปด้วยดีรวมทั้งเปน็ กำลังใจท่ีดเี สมอมา และขอบคุณผู้ตอบ
สอบถามความพึงพอใจ ทุกท่าที่สละเวลาอันมีค่าช่วยเหลือและอนุเคราะห์ในการตอบแบบสอบถาม
จนทำให้โครงการสำเร็จลุลว่ งไปดว้ ยดี รวมถึงผู้มสี ่วนเกี่ยวข้องทุกท่านที่เป็นกำลังใจสำคัญในการให้
คำปรึกษา เป็นกำลงั ใจและให้คำชว่ ยเหลือตลอดมาจนงานเลม่ นส้ี ำเร็จลุลว่ งไปดว้ ยดี

นางสาวกานตช์ นิต หนอ่ พิชญ์



ช่ือ : นางสาวกานตช์ นิต หนอ่ พิชญ์

ชื่อโครงการ : ผ้าปูโต๊ะฝ้ายล้านนา

สาขาวิชา : การโรงแรม

ประเภทวชิ า : อุตสาหกรรมท่องเท่ียว

อาจารย์ท่ปี ระจำวิชาโครงการ : นายทินกร ติบ๊ อนิ ถา

อาจารย์ทีป่ รกึ ษาวชิ าโครงการ : นายทนิ กร ติ๊บอนิ ถา

ปีการศกึ ษา : 2563

บทคดั ยอ่

โครงการเรื่อง ผ้าปูโต๊ะผ้ายล้านนา มีวัตถุประสงค์เพื่อประดิษฐ์ผ้าปูโต๊ะผ้ายล้านนา เพื่อ

ศึกษาความพึงพอใจของผู้ใช้งานผ้าปูโต๊ะผ้ายล้านนา โดยมีกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง ( Purposive

sampling ) เปน็ การเลือกกล่มุ ตวั อย่างโดยพิจารณาจากการตดั สนิ ใจของผู้วิจัยเอง ลักษณะของกลุ่ม

ท่เี ลอื กเปน็ ไปตามวัตถุประสงค์ของการวิจัย คอื กลมุ่ ผูท้ ดลองใชง้ านผ้าปโู ต๊ะผ้ายล้านนา จำนวน 50

คน ระหว่างวันที่ 7 ธันวาคม ถึงวันที่ 12 มีนาคม 2564 เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ แบบ

บันทึกผลการทดลอง แบบสอบถามความพึงพอใจของผ้าปูโตะ๊ ผ้ายล้านนา ผลการดำเนินงานผู้ศึกษา

พบว่า พบวา่ ผตู้ อบแบบสอบถามสว่ นใหญ่เปน็ เพศหญิง คิดเปน็ ร้อยละ 42 ขอ้ มูลส่วนบุคคลด้านอายุ

พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่อยูใ่ นชว่ งอายุ 19-20 ปี คิดเป็นร้อยละ 48 และผลการวิเคราะห์

ความพึงพอใจของผู้ใช้ผ้าปูโต๊ะผ้ายลา้ นนา ได้สรุปผลการวเิ คราะห์ข้อมลู พบว่าสรุปผลการวเิ คราะห์

ข้อมูล พบว่าผลสรุปภาพรวมของความพึงพอใจของผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ผ้าปูโต๊ะฝ้ายล้านนา อยู่ในระดับ

มาก ( ̅=4.44) เมอ่ื สรปุ ผลออกมาเปน็ รายขอ้ พบว่า รูปแบบผลิตภัณฑ์ของผ้าปูโต๊ะมีความเหมาะสม

ผลการประเมินอยู่ในระดับมาก ( ̅=4.42) รองลงมาคือ ผลิตภัณฑ์มีความสวยงาม อยู่ในระดับมาก

( ̅=4.42) มีความคิดสร้างสรรค์ในการเลือกรูปแบบผ้า อยใู่ นระดบั มาก ( ̅= 4.42) ผลิตภัณฑ์มีสีสัน

ที่เหมาะสม อยู่ในระดับมาก ( ̅=4.43) นำไปใช้งานได้จริง อยู่ในระดับมาก ( ̅=4.56) ใช้ผ้าที่มี

ลวดลายที่สวยงาม อยู่ในระดับมาก ( ̅=4.38) ผลิตภัณฑ์สามารถใช้งานในการปูโต๊ะได้จริง อยู่ใน

ระดับมากที่สุด ( ̅=4.62) ผลิตภัณฑ์ป้าปูโต๊ะมีความแข็งแรงและทนทาน อยู่ในระดบั มาก ( ̅=4.38)

มีฝีมือความประณีตในการตัดเย็บผลิตภัณฑผ์ ้าปูโต๊ะอยู่ในระดับมากที่สุด ( ̅=4.54) ผลิตภัณฑ์มี

ความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองไม่ซ้ำใคร อยูใ่ นระดบั มาก ( ̅=4.38) ตามลำดับ

สารบญั ง

เรอื่ ง หน้า
ใบรับรองโครงการ ก
กิตตกิ รรมประกาศ ข
บทคดั ยอ่ ค
สารบญั ง
สารบัญ (ต่อ) จ
สารบัญตาราง ฉ
สารบัญรูปภาพ ช
บทท่ี 1 บทนำ
1
1.1 ความเปน็ มาและความสำคญั ของโครงการ 2
1.2 วัตถปุ ระสงค์ของโครงการ 2
1.3 ขอบเขตโครงการ 2
1.4 ประโยชนท์ ีค่ าดวา่ จะไดร้ ับ 3
1.5 นิยามศพั ท์
บทที่ 2 แนวคดิ ทฤษฎแี ละงานวจิ ยั ทเี่ กย่ี วขอ้ ง 4
2.1 ความรเู้ กย่ี วกับผ้าปโู ต๊ะ วิธีการดูแลรกั ษาผ้าปูโต๊ะ
ความสำคัญของการใชผ้ า้ โตะ๊ 8
2.2 ความรเู้ กีย่ วกับผา้ ฝ้าย 20
2.3 วธิ ีการตดั เย็บผา้ ปโู ต๊ะ 33
2.4 งานวจิ ยั ทีเ่ กีย่ วขอ้ ง
บทท่ี 3 วิธีดาเนินการวิจยั 36
3.1 การคดั เลือกกลุ่มตวั อยา่ ง 36
3.2 เครอื่ งมือที่ใช้ในการดำเนินโครงการ 37
3.3 ขน้ั ตอนการดำเนินโครงการ 38
3.4 การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู 38
3.5 การวเิ คราะห์และสรุปผล



สารบญั (ตอ่ )

เรอื่ ง หนา้
บทที่ 4 ผลการศกึ ษา
40
4.1 สรปุ ขนั้ ตอนการทำผลติ ภัณฑ์ผา้ ปูโต๊ะฝ้ายลา้ นนา 42
4.2 ขัน้ ตอนการทำผลิตภณั ฑ์ผ้าปูโต๊ะฝ้ายลา้ นนา 43
4.3 ผลการวเิ คราะห์ข้อมูลส่วนบคุ คล 44
4.4 ผลการวิเคราะห์ความพงึ พอใจของผ้ใู ช้ผลิตภณั ฑ์ผา้ ปโู ต๊ะฝ้ายลา้ นนา 46
4.5 ผลสรปุ ขอ้ เสนอแนะ
บทท่ี 5 สรปุ ผล อภปิ ปรายและขอ้ เสนอแนะ 47
สรปุ ผลการศกึ ษา 48
อภปิ รายผล 49
ข้อเสนอแนะ
บรรณานกุ รม
ภาคผนวก
ภาคผนวก ก แบบนำเสนอขออนุมัติโครงการวชิ าชพี
ภาคผนวก ข แบบบันทกึ ผลการทดลอง
ภาคผนวก ค แบบประเมนิ ความพึงพอใจ
ภาคผนวก ง การคำนวณค่าแบบประเมนิ ความพึงพอใจ
ภาคผนวก จ รปู ภาพประกอบโครงการ
ภาพผนวก ฉ แบบรายงานผลการนำไปใช้ประโยชน์
ประวตั ผิ จู้ ดั ทำ



สารบญั ตาราง หนา้
10
ตารางท่ี 11
2.1 ความเหมาะสมในการเลือกใช้ 43
2.2 ลกั ษณะเนือ้ ผา้ (ผา้ ฝา้ ย)
4.1 ตารางแสดงผลการวเิ คราะห์ข้อมูลส่วนบุคคลด้านเพศ 43
4.2 ตารางแสดงผลการวิเคราะห์ขอ้ มลู ส่วนบคุ คลด้านอายุ 44
4.3 ตารางแสดงผลการวเิ คราะห์ความพึงพอใจของผใู้ ช้ผา้ ปูโตะ๊ ฝา้ ยลา้ นนา
4.4 ตารางการจดั ลำดับผลการวเิ คราะห์ความพงึ พอใจ 45
ของผูใ้ ช้ผา้ ปูโต๊ะฝ้ายลา้ นนา

สารบญั ภาพ ช

ภาพท่ี หนา้
2.1 ผา้ ปูโตะ๊ 5
2.2 ผา้ ฝ้ายสีขาว 6
2.3 ผ้าปโู ตะ๊ จากผ้าทอ 8
2.4 รปู ผลฝา้ ยจากต้นฝ้ายตอนแก่ 19
2.5 ผา้ ฝ้ายมดั ยอ้ ม 19
2.6 การวาดขนาดของโต๊ะ 20
2.7 การวดั ความยาวของโตะ๊ 20
2.8 ตารางรอบ 21
2.9 การสายวัด 23
2.10 ไม้บรรทัด 23
2.11 ไม้ฉาก 24
2.12 ไมโ้ ค้ง 24
2.13 กรรไกรตัดผา้ 25
2.14 กรรไกรตดั กระดาษ 26
2.15 กรรไกรตดั ด้าย 26
2.16 ท่ีเลาะผา้ 27
2.17กระดาษสร้างแบบ 27
2.18 ดนิ สอ 28
2.19 ยางลบ 28
2.20 ชอล์กขดี ผา้ 29
2.21 ลูกกลงิ้ 29
2.22 เขม็ มือ 30
2.23 เข็มเยบ็ 30
2.24 เขม็ หมดุ 32

สารบญั ภาพ(ตอ่ ) ซ

ภาพท่ี หนา้
2.25 หมอนเข็ม 31
2.26 ด้ายเยบ็ 32
2.27จกั เยบ็ ผา้ 32
2.28 เตารีด 33
4.1 ผ้าฝ้าย 2 เมตร 41
4.2 ตดั ผ้าปโู ต๊ะ 41
4.3 แผน่ ด้านหนา้ ของผา้ ปูโต๊ะ 41
4.4 การเย็บชายผ้าปูโตะ๊ 42
4.5 ผา้ ปูโตะ๊ ท่ีเสร็จสมบรู ณ์ 42

1

2

จากที่ข้าพเจ้าได้สำรวจข้อมูลเกี่ยวกับโต๊ะในอาคารปฏิบัติการโรงแรม วิทยาลัยอาชีวศึกษา
เชียงใหม่ พบว่าโต๊ะส่วนมากเป็นโต๊ะลักษณะสี่เหลี่ยมผืนผ้า ซื่อโต๊ะแต่ละตัวมีความกว้าง 60
เซ็นติเมตร และยาว 120 เซนติเมตรมีทั้งหมดจำนวน 50 โต๊ะที่ยังไม่ได้คลุมด้วยผ้าคลุมโต๊ะ และ
ข้าพเจา้ จงึ เหน็ ความสำคญั ของผา้ ฝา้ ยของเชยี งใหมท่ ี่มีสีสันและลวดลายที่สวยงาม

ดังนั้นทางผู้จัดทำโครงการจึงได้มีแนวคิดทำผ้าปูโต๊ะจากผ้าฝ้ายลายล้านนาของจังหวัดเชียงใหม่
และออกแบบผ้าปูโต๊ะให้เข้ากับขนาดและรูปทรงของโต๊ะในแผนกวิชาการโรงแรม เพื่อให้แผนกการ
โรงแรมมผี า้ ปโู ต๊ะใชง้ านในอาคารปฏิบัติการโรงแรม

1.2 วตั ถปุ ระสงค์ของโครงการ
1) เพ่ือตดั เยบ็ ผ้าปูโตะ๊ สำหรบั ห้องบารข์ องแผนกการโรงแรม
2) เพ่อื ใช้ในการเรียนการสอนและใชใ้ นงานต่างๆของอาคารปฏบิ ัติการโรงแรม

1.3 ขอบเขตโครงการ (เปา้ หมาย, กลุ่มประชากร)
เป้าหมายของโครงการ
1. เชิงปรมิ าณ
- จำนวน ผา้ ปูนโต๊ะ จำนวน 50 ชน้ิ
- อาคารปฏบิ ัติการโรงแรมจำนวน 50 โตะ๊
2. เชงิ คุณภาพ
ผลิตภณั ฑ์ผ้าปโู ต๊ะจากผา้ ฝ้ายมรี ปู รา่ งและลวดลายทสี่ วยงามทันสมัย
3. ระยะเวลาและสถานท่ีในการดำเนินงาน
-ระยะเวลาดำเนินงาน ต้งั แต่วันที่ 7 ธันวาคม 2563 ถึงวนั ท่ี12 มนี าคม 2563
-สถานทด่ี ำเนินงาน วิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงใหม่ 167 ถนนพระปกเกล้า
ตำบลศรภี ูมิ อำเมือง จงั หวดั เชียงใหม่ 50200

1.4 ประโยชนท์ ีค่ าดวา่ จะไดร้ บั
1) ไดผ้ ้าปโู ต๊ะ เพ่อื ใช้งานในแผนกการโรงแรม
2) ไดฝ้ ึกทักษาในการตดั เย็บและการออกแบบผา้ ปโู ตะ๊
3) ได้ฝกึ ฝนฝีมอื และสามารถต่อยอดเปน็ อาชพี ได้
4) เพ่ือศกึ ษาความพึงพอใจของผูใ้ ชง้ าน

3

1.5 นิยามศพั ท์
ปูโต๊ะฝ้ายล้านนา คือ ผ้าปูโต๊ะที่ทำจากผ้าฝ้ายซื่อเป็นผ้าฝ้ายจากจังหวัดเชียงใหม่เป็นผ้าทอที่มี

ลวดลายสวยงาม และมีเอกลักษณ์ที่โดดเดน่ ด้วยการตกแต่งด้วยพู่ห้อยที่มสี ีสันท่ีสลับกันทำให้ผ้าปูโต๊ะดูมี
ความเด่นขึ้นและดูแปลกตากว่าผ้าปูโต๊ะทั่วไป ผ้าฝ้ายของภาคเหนือเป็นผ้าที่มึเอกลักษณ์และลวดลายท่ี
แตกต่างจากภาคอื่น โดยเฉพาะผ้าฝ้ายของเชียงใหม่ มีลวดลายและสีให้ความรู้สึกเป็นล้านนาละมีความ
โดดเดน่ ที่สีและลวดลายทให้เปน็ ท่ีช่ืนชอบสำหรบั นักท่องเที่ยวท่ีมาเท่ียวเป็นอย่างย่งิ

4

5

ภาพท่ี 2.1 รปู ผ้าปโู ต๊ะ
ท่ีมา: https://www.lazada.co.th/products/pad-i344124941.html

วิธีการดแู ลรักษาผ้าปโู ต๊ะ
สำหรบั วิธีการดแู ลรกั ษาผ้า ไม่วา่ จะเปน็ ผ้าคลมุ โต๊ะ ผา้ คลุมเกา้ อี้ ผา้ เช็ดปาก
มีรายละเอยี ดโดยย่อ ดังนี้
1. หลังเสร็จจากการใช้งาน ไม่ควรปล่อยทิ้งไวน้ าน เพ่ือปอ้ งกันคราบฝง่ั ตวั จะทำให้ซักทำความสะอา
ยาก
2. หากเลอะน้ำหรือซอสหรือส่งิ ท่ยี ากต่อทำความสะอาด หลงั จากใชง้ านเสร็จ ควรนำผา้ ดังกลา่ วแช่
นำ้ หรือแชน่ ้ำทีผ่ สมน้ำยาทำความสะอาด เพ่ือป้องกนั คราบฝง่ั ตัว และจะทำใหส้ ะอาดได้งา่ ยขนึ้
3. หลงั จากซกั อบ แห้ง หรอื ตากแห้งแล้ว ควรเก็บในแห้ง
วธิ กี ารทำความสะอาดผ้าปโู ต๊ะ
ผ้าปูโต๊ะทำจากวัสดุอะไร มีผ้าปูโต๊ะหลายชนิด สำหรับผ้าปูโต๊ะในครัวเรือนส่วนใหญ่จะใช้ผ้าฝ้ายที่มี
น้ำหนกั เบาหรือสขี าวบรสิ ุทธิ์เพราะผ้าฝา้ ยมีการดูดซับน้ำท่แี รงและความนุ่มนวลโทนสีอ่อนและสีขาว
สามารถทำลายสภาพแวดล้อมที่สง่างามทำให้เรารู้สึกสะอาด มีวิธีการทำความสะอาดที่แตกต่างกัน
สำหรบั ผา้ ปโู ตะ๊ ดว้ ยผ้าที่แตกต่างกัน หากเป็นผ้าปโู ต๊ะผ้าฝา้ ยแทก้ จ็ ะมีหลายสิง่ ทต่ี อ้ งให้ความสนใจ แต่
ผ้าปูโต๊ะผ้าฝ้ายล้วนมีความแข็งแรงในการทำความสะอาด แหล่งที่มาของรอยเปื้อนบนผ้าปูโต๊ะ
สามารถพบได้ตามใบสั่ง แหล่งที่มาของคราบบนผ้าปูโต๊ะในครัวเรือนส่วนใหญ่เป็นอาหารไวน์น้ำผัก
และเครอื่ งปรุงรส เขตการปกครองเฉพาะอาจรวมถงึ เนย, ปลา, น้ำเนื้อสัตว์, น้ำผกั , นำ้ ผลไม้อ่อน, ชา,
กาแฟ, สีแดง, ไวน์ขาว, ซอสถั่วเหลือง, น้ำส้มสายชูและเครื่องปรุงรสและซอสอื่น ๆ และแม้กระท่ัง
อาเจียน เนื่องจากแหล่งที่มาของคราบมีความซบั ซ้อนการกระจายของคราบจึงสลบั กันไปและคราบที่
มีอยู่เป็นเวลานานจึงเป็นเรื่องยากสำหรับผ้าปโู ตะ๊ ในครวั เรือนเพอ่ื ขจดั คราบสกปรกและลา้ ง

6

ออก รูปแบบการทำความสะอาดทีแ่ ตกตา่ งกันสำหรับผา้ ปโู ตะ๊ สีอาจประกอบด้วยกรดแทนนิค, โปรตนี
, สัตว์และผัก, ไวน์, น้ำส้มสายชู, เกลือ, น้ำตาลและเม็ดสีถ้าคราบบนผ้าปูโต๊ะแบ่งตามลักษณะของ
พวกเขา ดงั นัน้ รปู แบบการซกั ต่อไปนส้ี ามารถจัดทำขน้ึ ได:้ คราบทีล่ ะลายในน้ำ: ทำความสะอาดคราบ
ที่ละลายในน้ำเช่นน้ำส้มสายชูไวน์น้ำตาลเกลือ ฯลฯ ซึ่งไม่เพียง แต่สามารถใช้ทำความสะอาดคราบ
บนผ้าปูโต๊ะได้ ปัญหาการเปลี่ยนสีของผ้าปูโต๊ะ คราบกรด: ละลายกรดแทนนิกด้วยกรดอินทรีย์เช่น
กรดแทนนิคเครื่องดื่มและอื่น ๆ ที่ยากต่อการล้างคราบ โปรตีน: ใช้สารละลายอัลคาไลน์เพื่อขจัด
คราบไขมนั และโปรตีน ในที่สุดใชส้ ารฟอกสีออกซิเดทีฟเพ่ือขจัดคราบสี ตามแผนการรักษาน้ีผ้าปูโต๊ะ
ในครัวเรือนสามารถล้างเพ่อื ให้บรรลุผลที่ต้องการขนั้ ตอนการทำความสะอาดผา้ ปูโต๊ะเข้าใจแหล่งท่ีมา
ของรอยเปื้อนบนผ้าปูโต๊ะและเราได้พบแผนการทำความสะอาด ต่อไปเรามาเริ่มทำความสะอาดผ้าปู
โต๊ะและทำให้มันขาวและสะอาด ขั้นตอนที่ 1: ขั้นแรกให้แช่ผ้าปูโต๊ะผ้าฝ้ายสีขาวเป็นเวลาสามนาที
เพ่ือละลายคราบน้ำทีล่ ะลายในน้ำไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธิภาพ ข้ันตอนที่ 2: หลงั จากสามนาทีนำคราบและ
เขย่าให้แห้งหน่ึงนาทีเพื่อลา้ งคราบน้ำตาลไวน์น้ำสม้ สายชูและเกลอื ในนำ้ ขั้นตอนที่ 3: เพิ่ม HTQ ลง
ในคราบที่มีสีและทาให้ชุ่มเป็นเวลาสามนาที หลังจากการขัดถูอย่างสมบูรณ์ให้ล้างคราบด้วยน้ำ
สะอาดเพื่อขจัดคราบกรดแทนนิกซึ่งละลายได้ใน HTQ ขั้นตอนที่ 4: ทำความสะอาด 5L เป็น 5
มิลลิลิตร HTQ หนักและด่างละลายโซดาไฟอย่างสมบูรณ์ใส่ลงในผ้าปูโต๊ะต้มประมาณ 5 นาที -
หลังจากคราบน้ำมันและไข่บนผ้าปูโต๊ะหายไปหมดแล้วล้างออก ขั้นตอนนี้ส่วนใหญ่เป็นคราบน้ำมัน
และโปรตนี บนผา้ เนอื่ งจากผ้าปูโต๊ะในบ้านมีคราบเก่าดังน้ันโปรตีนจากสัตว์จึงถูกลบออกหลังการเกิด
ออกซเิ ดชันดังนนั้ วิธีการกำจัดจึงเปน็ วิธีปฏิบัติที่มีประสิทธภิ าพท่สี ุดพิสูจน์ได้เช่นเดยี วกนั ข้ันตอนที่ 5:
นำตัวแทนการฟอกสี HTP 5g ใส 50g คนให้เข้ากันแล้วเช็ดผ้าปูโต๊ะเป็นเวลา 5 นาทีแล้วโยนทิ้ง
หลังจากคราบสกปรกทั้งหมดถูกถอดออกเขย่าและแห้ง ขั้นตอนนี้คือการกำจัดเม็ดสีฆ่าเชื้อและฆ่า
เชื้อป.ลหลงั จากสี่ขัน้ ตอนข้างต้นผ้าปูโต๊ะนัน้ สว่างและขาวมีกลิ่นหอมและน่ารื่นรมย์ เมื่อคุณล้างผ้าปู
โตะ๊ ในบ้านคุณกล็ องไดเ้ ช่นกนั

ภาพที่ 2.2 ผ้าฝา้ ยสีขาว
ทมี่ า: http://m.th.hotelitems-solution.com/

7

ความสำคญั ของการใช้ผ้าปโู ตะ๊
ที่มาและความสำคัญของผา้ ปูโตะ๊ มารูจ้ ักกบั “ผา้ ปโู ตะ๊ ” กนั ก่อนประโยชนข์ องผ้าคลุมโต๊ะนั้น

นอกจากจะช่วยสรรสร้างความสวยงามให้กับโต๊ะของเราแล้วนั้น ยังช่วยเพิ่มความโดดเด่น และ
น่าสนใจของงาน หรือพิธีต่างๆ ที่เราจัดขึ้นอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น งานเลี้ยง งานแต่งงาน พิธีการต่างๆ
หรือโอกาสพิเศษอื่นๆ ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการจัดโต๊ะก็คือ "ผ้าคลุมโต๊ะ" ซึ่งการจัดผ้าคลุมโต๊ะ
นั้นมีหลากหลายรูปแบบ ลวดลาย สีสัน ให้เลือก ขึ้นอยู่กับงานว่าเป็นงานประเภทไหน หรือขึ้นอย่กู บั
ความตอ้ งการของเจ้างานน้ันๆสำหรับผ้าคลุมโต๊ะนัน้ สิ่งทต่ี ้องคำนึงถึงก็คือ "ความสะอาด" ปราศจาก
จุดด่างดำหรือกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ การปูผ้าคลุมโต๊ะนั้น เพื่อความสวยงามควรปูให้เรียบปราศจาก
รอยยบั มีเกร็ดความรเู้ ล็ก ๆ นอ้ ยๆ เกีย่ วกบั การปูผ้าคลุมโต๊ะซง่ึ คุณอาจจะเผลอไผลมองข้ามไปก็ได้น่ัน
ก็คือ "รอยพับ" ของผ้าคลุมโต๊ะนั่นเอง พยายามจัดรอยพับของผ้าให้คว่ำลง (^) ไม่ใช่หงายขึ้น (v)
นอกจากนี้ถ้าใช้โต๊ะหลายตัว รอยพับควรจะอยู่ในแนวเดียวกันด้วย จากการศึกษาข้อมูลจากเว็บไซต์
และสื่อการเรียนรู้ต่างๆ พบว่าการทำผ้าปูโต๊ะนั้นมีความนิยมมากในปัจจุบัน ซึ่งผ้าปูโต๊ะมีการทำกัน
มากในงานมงคลและอวมงคล เช่น งานแต่ง งานมงคลต่างๆ เป็นต้น ผ้าปูโต๊ะมีการทำเป็นลวดลาย
ต่างๆ ที่น่าสนใจ ที่สำคัญการทำผา้ ปโู ต๊ะยังเป็นการนำผา้ มาทำเพื่อให้มีความสวยงามมากขึ้น และยัง
เป็นการทำเพื่อหารายได้ หรอื ประกอบอาชีพได้ ดงั นน้ั กล่มุ ของพวกขา้ พเจ้าจงึ เลือกท่ีจะทำผ้าปูโต๊ะ
เพราะใช้ประโยนช์ในพิธีการต่างๆได้ ประโยชน์ของผ้าคลุมโต๊ะนั้นนอกจากจะช่วยสรรสร้างความ
สวยงามให้กบั โต๊ะของเราแล้วนัน้ ยังชว่ ยเพ่ิมความโดดเดน่ และน่าสนใจของงาน หรือพิธีตา่ งๆ ทีเ่ รา
จัดขึ้นอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น เลี้ยง งานแต่งงาน พิธีการต่างๆ หรือโอกาสพิเศษอื่นๆ ซึ่งส่ิงที่สำคัญที่สดุ
สำหรับการจัดโต๊ะก็คือ "ผ้าคลุมโต๊ะ" ซึ่งการจัดผ้าคลุมโต๊ะนั้นมีหลากหลายรูป วัฒนธรรมบนโต๊ะ
อาหารทางฝั่งยุโรปหลายๆประเทศนั้น ส่วนใหญ่แล้วจะนิยมการนำเอาผ้าปูโต๊ะสีขาวมาใช้ปูบนโต๊ะ
อาหาร ซึ่งชนิดของผ้าที่นำมาปูนั้น ก็จะมีความแตกต่างกันไปตามความเหมาะสมของบ้านหรือ
งบประมาณ ไม่วา่ จะเปน็ ผา้ ลินนิ ผา้ ฝา้ ย ผา้ ฝา้ ยผสม หรอื ผ้าฝ้ายทม่ี ีการถักทอทีส่ วยงามมีคุณภาพสูง
โดยผ้าคลุมโต๊ะอาหารนั้น ได้กลายมาเป็นหนึ่งในประเพณีการจัดโต๊ะอาหารไปโดยปริยาย มีการ
พัฒนารปู แบบการจัดโตะ๊ อาหารตา่ งๆ ไมว่ ่าจะด้วยการคลุมผา้ ลงไปเพยี งอย่างเดียว หรือจะเพิ่มกิมมิค
เล็กๆด้วยการนำเอาผา้ คาด (Table Runner) มาสร้างความโดดเด่นสวยงามให้กับผ้าคลมุ โต๊ะ ในอดีต
โดยส่วนใหญ่แล้วผ้าคลุมโต๊ะสีขาวมักจะถูกจับคู่ไปกับ Table Runner สีแดงเข้ม แต่ในปัจจุบันนั้น
การจับค่สู ขี องผา้ สามารถเป็นไปไดห้ ลากหลาย เพียงแคใ่ หเ้ หมาะสมและดเู ขา้ กับ Theme

8

ของงานทจี่ ดั ได้อย่างลงตวั
และนอกจากความสวยงามแล้ว Tablecloths ยังสามารถช่วยปกป้องโต๊ะจากรอยขีดข่วนหรือคราบ
สกปรกต่างๆ ซึ่งเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้จัดงานหรือใครที่ต้องการสร้างความสวยงามให้กับ
งานหรอื หอ้ งอาหารดว้ ยวธิ งี ่ายๆที่สามารถถนอมเฟอร์นเิ จอร์

ภาพที่ 2.3 ผา้ ปูโต๊ะจากผา้ ทอ
ท่มี า: https://my-best.in.th/

2.2 ความรเู้ กยี่ วกับผ้าฝา้ ย
ผ้าฝ้าย (Cotton)
ผ้าฝ้าย หรือเรียกจากคำภาษาอังกฤษของผ้าฝ้ายว่า ค๊อตต้อน (Cotton) เป็นผ้าที่ใช้กันมากที่สุดใน
บรรดาเสื้อผ้าเครอ่ื งแตง่ กาย เหมาะสมสำหรับการสวมใสใ่ นช่วงทมี่ ีอากาศร้อนในฤดรู ้อน หรือสามารถ
สวมใส่ได้ทุกวันกับประเทศที่ภูมิอากาศร้อนชื้นทั้งปี เพราะในเนื้อเส้นใยฝ้ายนั้นสามารถซึมซับเหงือ
และระบายออกได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย ผ้าฝ้ายทำมาจากใยฝา้ ย ซึ่งได้จากตน้ ฝ้ายที่สามารถปลูก
ข้นึ ได้ดใี นแถบท่ีมีอากาศอุ่นชนื้ และมีแดดจัด เม่อื ผลฝ้ายแก่จดั แล้ว ผลจะแตกมีใยเป็นปุยขาว จึงเก็บ
มาแยกเอาเปลือกและเมล็ดออก แล้วนำไปปั่นเป็นเส้นใยและเส้นด้าย จึงจะสามารถทอเป็นผืนผ้าได้
แล้วจึงจะสามารถใช้ประโยนช์จากผ้าฝ้ายได้ โดยการนำมาตัดและเย็บเป็นเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย
อย่างเช่น เสื้อยืด ผ้าฝ้ายมีเนื้อค่อนข้างเหนียว ไม่ค่อยยืดหยุ่น ยับง่าย หดง่าย ดูดซึมน้ำได้ดี ระบาย
อากาศและความร้อนได้ดี ซักรดี และทำความสะอาดง่าย ทนความรอ้ นได้ดี สามารถรีดด้วยความร้อน
สูงได้

9

ลักษณะลวดลายของผา้ ไทย(ผ้าฝ้าย)
เป็นการสื่อความหมายให้ทราบถึงขนบธรรมเนียมประเพณี ศิลป วัฒนธรรม ศาสนาของแต่

ละท้องถิ่นที่มีความแตกต่างกัน แต่จุดประสงค์หลักของหัตถกรรมพื้นบ้านประเภทนี้เพื่อต้องการ
ถ่ายทอดจินตนาการให้ผู้สวมใส่ได้รับรู้แหล่งที่มาของผ้าที่มีรูปแบบการถักทอแตกต่างกันดัง
รายละเอียดต่อไปนี้ ผ้าทอลายขิด คำว่า "ขิด" เป็นภาษาพื้นบ้านของชาวอีสานแผลงมาจากคำว่า
สะกิด หมายถึง การขดั ทำใหเ้ กดิ การซ้อนกันของเส้นด้าย 2 กลมุ่ คอื เสน้ ดา้ ยพงุ่ และเส้นด้ายยืน เกิด
เป็นลวดลายที่มีความวิจิตรงดงามบนผืนผ้า ดังนั้นผ้าขิดจึงมีต้นกำเนิดมาจากจังหวัดในภาคอีสาน
ได้แก่ อุดรธานี หนองคาย อุบลราชธานี ยโสธร มหาสารคาม สุรินทร์ บุรีรัมย์ เป็นต้น แต่ในปัจจุบัน
บางจังหวัดทางภาคเหนือหันมาผลิตผ้าชนิดนี้เป็นอาชีพหลักถือว่าเป็นหัตถกรรมในครอบครัวที่สร้าง
รายไดใ้ หก้ ับชุมชน
ลวดลายของผ้าขดิ ท่ีนิยมทอแบง่ ออกเปน็ 5 กล่มุ ดงั น้ี

1. กลมุ่ ของลายสัตว์ เช่น ช้าง พญานาค รงั ผ้ึง ตะขาบ
2. กลุม่ ของลายพนั ธไ์ุ ม้ เชน่ ดอกแก้ว ดอกมะลิ ดอกพิกุล
3. กลุ่มของลายสงิ่ ของเครอ่ื งใช้ เช่น ธรรมาสน์ ขนั หมาก ดาว
4. กลุ่มของลายรูปทรงเรขาคณิต เช่น เส้นตรง วงกลม สามเหลี่ยม
5. กลมุ่ ของลายผสม หรือลายขดั แพรวา เช่น ช่อขันหมาก นาคสี่เหลี่ยม เป็นตน้
ผ้ายก ใช้วิธกี ารท่คี ลา้ ยคลงึ กบั ผ้าทอลายขิด กล่าวคือ ใช้ไมป้ ลายแหลมยกเสน้ ด้ายยนื ให้ลอยข้ึน สอด
ใส่เส้นด้ายพงุ่ ทีท่ ำจากไหมเข้าไปขัดกับเสน้ ยืนกลายเป็นผา้ พนื้ สลับกับการพุ่งด้ายที่ทำจากดิ้นเงินหรือ
ดิน้ ทองใหเ้ กิดเป็นลวดลายตามความต้องการ เส้นด้ายยืนท่ีใช้ทอผ้ายกสว่ นใหญ่ทำจากไหม ไหมเทียม
ฝ้ายและด้ายใยผสม เพอ่ื เพิ่มความแข็งแรงใหก้ ับผนื ผา้ หตั ถกรรมประเภทน้มี มี ากในจงั หวดั ภาคเหนอื
ผ้าจกหรือผ้าซิ่นตีนจก คำว่า "จก" แผลงมาจาก "ฉก" หมายถึง การทำให้เกิดลวดลายบนผืนผ้าด้วย
เสน้ ดา้ ยพุง่ ที่ทำจากไหมหรือฝา้ ย ชนดิ พเิ ศษมีสีสดใส ขัดกบั เส้นด้ายยืนที่ถูกยกขึ้นด้วยไม้ปลายแหลม
ขนแม่น หรือน้ิวมือ ลวดเรว็ ประดุจงูฉก มรดกทางวฒั นธรรมน้ีส่ือถึงอปุ นิสยั อารมณ์ที่เยือกเย็นของผู้
ทอมีขั้นตอนซับซอ้ นมาก เป็นการผสมระหว่างการปกั กับการทอผา้ ขดิ และผ้ายก กล่าวคือ การทอขิด
หรือยกจะใช้เส้นด้ายพุ่งเป็นสีเดียวกันตลอดแนวตามความกว้างของผืนผ้าส่วนผ้าจกลวดลายเกิดข้ึน
จากการยกเสน้ ด้ายยืนขึ้นสอดใสด่ ้ายพุ่งสเี ดยี วหรือหลายสีจกเขา้ ไปขดั กับเส้นยืนดังน้ันลวดลายที่เกิด
จากเสน้ ด้ายพงุ่ ในแนวเดียวกนั จงึ มสี ีต่างกัน ผา้ ล้วงหรือผ้าลายน้ำไหล เปน็ ผา้ ทอพน้ื เมือง กลุม่ ล้านนา
ในจงั หวดั นา่ น เชียงราย เชียงใหม่ โดยการสอดใส่เส้นด้ายพุ่งสีเดยี วหรือหลายสีที่ทำจากฝ้ายและไหม
ขัดกับเส้นยืนประเภทฝ้ายหรือด้ายผสม P/C ลวดลายที่ปรากฏบนผืนผ้าเป็นผลพวงมาจากสีของ
เส้นด้ายพุ่งที่ต่อเชื่อมกันอย่างลงตัวประดุจดั่งการเคลื่อนตัวของสายน้ำในลำธาร สื่อให้ทราบถึง
วัฒนธรรม ชีวิตความเป็นอยู่ ประเพณี และอุปนิสัยของผู้ทอผ้า ลวดลายที่สำคัญได้แก่ ลายทางยาว

10

คล้ายคลื่น บันได จรวด ชั้นของเจดีย์ เป็นต้น ผ้ามัดหมี่ เป็นผ้าทอพื้นเมืองของภาคอีสานในจังหวัด
สรุ นิ ทร์ ชยั ภูมิ บุรรี ัมย์ กาฬสินธุ์ ฯลฯ ภาคอื่นเชน่ จังหวัด อุทัยธานี ชยั นาท สุพรรณบุรี ลวดลายของ
ผ้ามัดหมี่ส่วนใหญ่เกิดขึ้นตามแนวของเส้นด้ายพุ่ง เนื่องจากกระบวนการย้อมสีจะใช้เชือกกล้วย
พลาสติก มัดเส้นพุง่ ที่ทำจากฝ้ายหรอื ไหมให้ได้ขนาดความยาวตามท่ี ต้องการ จุ่มลงไปในสีย้อม สีจะ
วิ่งไปตามช่องวา่ งของเสน้ ด้ายท่ีไมไ่ ด้ถูกมัด เกิดเป็นลวดลายตามที่ต้องการโดยมีคณุ ลกั ษณะพิเศษคอื
ความเข้มข้นของสีไม่กลมกลืนกันเป็นผลมาจากวิธีการมัด บางท้องถิ่นอาจนำเส้นยืนมามัดและย้อม
ด้วยวิธีดังกล่าวแล้วจึงนำไปทอให้เส้นพุ่งขัดกับเส้นยืนได้ลวดลายที่แปลกออกไปแตกต่างกับผ้าชนิด
อื่น ผ้าแพรวา เป็นผ้าพื้นเมืองที่สำคัญของจังหวัดกาฬสินธุ์ คำว่าแพรวาเป็นคำผสมระหว่าง "แพร"
ซงึ่ หมายถึง การทอผา้ ให้เปน็ ผนื ดว้ ยฝา้ ยหรือไหมและ "วา" หมายถึง ความยาวของผนื ผา้ ที่ทอได้ ด้วย
วิธีขิดหรอื ขิดผสมจกไดล้ วดลายตามแนวของเส้นดา้ ยพุ่งที่ใชส้ ีต่างกันดงั นัน้ ลายที่เกิดขึ้นในแต่ละแถว
จึงมีสีต่างกันด้วยในอดีตผ้าชนิดนี้ถูกจัดให้เป็นผ้าชั้นสูงสำหรับโพกศีรษะและเสื้อเท่านั้น ไม่นิยมตัด
เป็นกระโปรงหรือผ้าถุงผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่จึงอยู่ในรูปของผ้าห่มเฉียงไหล่ ผ้าคลุมศีรษะ ผ้าสไบ เป็น
ต้น แต่ในปัจจุบันนิยมนำมาตัดเย็บเป็นกระโปรงชุดสำหรับการสวมใส่ ผ้าม่อฮ่อม เป็นผ้าพื้นเมืองท่ี
สำคัญของจังหวัดแพร่โดยใช้เส้นด้ายพุ่งและยืนที่ได้จากฝ้ายทอให้เกิดลวดลายขัดธรรมดาย้อมด้วยสี
ครามที่ได้จากต้นฮ่อมหรือต้นครามจะได้ผ้ามีสีเดียวกันตลอดทั้งผืน ปัจจุบันนำมาตัดเป็นผลิตภัณฑ์
ตา่ ง ๆ ผา้ บาติค หรอื ผา้ ปาเตะ๊ เปน็ ผา้ พืน้ เมืองท่สี ำคญั ของภาคใต้ในจังหวัดสงขลา ยะลา ปัตตานีและ
นราธิวาส มีความแตกต่างกับผ้าไทยชนิดอื่นอย่างชัดเจน เนื่องจากลวดลายเกิดขึ้นจากการใช้สีเขียน
หรือย้อมให้ซึมผ่านทะลุด้านหน้าหลังของผืนผ้าที่ทำจากฝ้ายไหม และไหมเทียม แทนการถักทอ
ผลิตภัณฑ์ที่ได้ ผ้าเกาะยอ เป็นผ้าทอยกดอกที่มีชื่อเสียงของภาคใต้ในเขตเกาะยอจังหวัดสงขลาวัสดุ
นิยมทอ ( ลกั ษณะลวดลายผา้ )

5.1 ลกั ษณะเน้ือผ้า(ผ้าฝ้าย)
ลักษณะของเนอ้ื ผ้า โดยทั่วไปเนอ้ื ผา้ มีหลายแบบ ท่ีคนส่วนใหญน่ ิยมใชม้ ี 3 ชนดิ ดังนี้

เนอื้ ผา้ ความยดื หยนุ่ การระบาย ราคา
อากาศ

Cotton 100% (ผา้ ฝ้าย) สงู มาก สงู มาก สูง

TC ( Cotton ผสม Polyester ) ปานกลาง ปานกลาง จัดวา่ อยู่ในเกณฑ์สงู อยู่

TK ( Polyester หรอื ใยสงั เคราะห์ ) พอใช้ พอใช้ ถูกกว่าเน้ือผา้ ชนิดอนื่

ตางรางที่ 1ลักษณะเนอื้ ผ้า(ผา้ ฝา้ ย)
ที่มา: https://th.wikipedia.org/

11

5.1.1 ผ้าฝ้าย (cotton)
นยิ มใช้ทำเส้อื ชนดิ ตา่ งๆ มีราคาค่อนขา้ งสูง สมบตั ิท่วั ไปของผา้ ฝ้ายกค็ อื สวมใส่สบาย ระบาย

อากาศได้ดีซับเหงื่อได้ดีเยี่ยม เนื้อผ้าจะมีลักษณะด้าน แต่ก็มีข้อเสียอยู่เหมือนกัน คือมันจะยับง่าย
เมอ่ื ซักบ่อยๆ ก็จะยว้ ย
5.1.2 ผ้าฝา้ ยผสมกับผ้าใยสงั เคราะห์ หรอื ที่เรยี กกันท่ัวไปวา่ ผ้า T/C หรอื TC

เป็นผ้าที่มีส่วนผสมเป็นใยสังเคราะห์ และนำเนื้อฝ้ายเข้ามาผสมรวมด้วยคุณสมบัติก็จะอยู่
กลางระหว่างผ้า cottonและผ้า TK ผ้าชนิดนี้นิยมทอผ้าให้มีลักษณะเป็นรูเนื่องจากผ้า
ประเภท TK และ TC มีสมบัติในการระบายอากาศที่ไม่ค่อยดีนัก การทอผ้าจึงนิยมทอผ้าให้มีรูเล็กๆ
เพื่อช่วยระบายอากาศ และเพื่อความสบายในการสวมใส่เนื้อผ้าจะมีลักษณะความมัน (น้อย
กว่า TK) ผ้าใยสังเคราะห์ หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าผ้า T/K หรือ TKเป็นผ้าที่มีส่วนผสมหลักเป็นใย
สังเคราะห์ เนื้อผ้าจะมีลักษณะมันคุณสมบัติ ทั่วๆไป คือ ผ้า TK TK จึงนิยมทอให้มีลักษณะเป็นรู
เช่นกนั ทนทานหาได้ง่ายและวางขายตามทอ้ งตลาด (ลกั ษณะเนือ้ ผา้ ฝา้ ย.2555 : ออนไลน์

5.1.3 ความเหมาะสมในการเลือกใช้

เน้อื ผ้า ความเหมาะสม

Cotton 100% เหมาะกบั ผู้ท่ตี ้องการใชใ้ นที่กลางแจง้ และโดนแดดบอ่ ยๆ

(ผ้าฝ้ายธรรมชาติ) เพราะผ้าจะระบายอากาศได้ดไี มค่ ่อย อมเหงื่อ

หรอื ตอ้ งการความหรหู ราใส่สบายแต่ราคาอาจจะสงู ซักนดิ นงึ

TC เหมาะกับคนทเ่ี หงอื่ ออกง่ายแม้ทำงานอยใู่ นห้องแอร์

( Cotton ผสม Polyester ) เพราะระบายอากาศไดด้ พี อสมควรและข้อดที ่ีโดดเด่น

กว่า Cotton 100%

คือ อยู่ทรง ไม่หดไมย่ ว้ ย (สว่ น Cotton จะคมุ % ความหด

และย้วยลำบาก)

TK เหมาะท่ีจะใช้ในห้องแอร์ ไม่ค่อยโดนแดด

( Polyester หรอื ใยสังเคราะห์ )

ตางรางท่ี 2 ความเหมาะสมในการเลือกใช้
ท่มี า: https://th.wikipedia.org/

12

6. จุดประสงค์ของการทอผา้ ฝ้าย
สมชาย นิลอาธิ (2537: 3-4) กล่าวได้ว่าจุดประสงค์สำคัญอันดับแรกของการทอผ้าฝ้ายใน

อดีตคือ การทอเพื่อใช้สอยในชีวิตประจำวันของทุกคนในครอบครัวเป็นหลัก รวมทั้งญาติผู้ใหญ่และ
คนที่เกี่ยวข้องในชุมชนเพราะผ้าฝา้ ยเป็นผ้าที่ทุกคนมีความจำเป็นต้องใช้สอยเป็นประจำตัง้ แตเ่ กิดจน
ตาย ทุกเพศ ทุกวัย และทุกฐานะชนชั้นในสังคม เช่น ผ้าอ้อมเด็กทารก เสื้อ ซิ่น(ผ้านุ่ง) ตีนซิ่น หัว
ซน่ิ ซิ่นซอ้ น (ซับใน) ซง่ (กางเกง) ผ้าโสรง่ ผ้าแพต้ำ (ผ้าอีโป้หรอื ผา้ ขาวมา้ ) ผา้ แพเปยี่ ง ถุงกะเทยี ว ถุง
ย่าม ผ้าแพมน (ผ้าเช็ดหน้าหรือผ้าโพก) หมอนชนิดต่างๆ เสื่อ (ที่นอนยัดนุ่น) มุ้ง ผ้าห่ม ผ้าปูท่ี
นอน ผ้ากั้นส้วม (ผ้าม่านประตูห้องนอนลูกสาว-ลูกชาย) จุดประสงค์ในการทอผ้าฝ้ายที่สำคัญอีก
อย่างหนึ่งของชาวอีสานก็คือ การใช้เส้นใยฝ้ายและผ้าฝ้ายในพิธีกรรมความเชื่อต่างๆในชีวิตทั่วไป
ตั้งแต่เกิดจนตายและพิธีกรรมความเชื่อทางศาสนาทั้งเพื่อประโยชน์ใช้สอยโดยตรงและใช้เป็น
สัญลักษณ์ในพิธีกรรมหลายๆด้าน ดังกรณีเช่นการทอผ้าฝ้ายทำหมอนขิดไปถวายพระ และใช้
หมอนขิดเป็นของฝากกับผู้เคารพนับถือ ตลอดการทอผ้าฝ้ายถวายอุทิศให้กับวัดใช้เป็นธงชัยหรือธง
ปฏากในงานบุญฮีต 12 และถวายให้ใช้เป็นผ้าห่อหนังสือผูกใบลาน ฯลฯ จัดว่าเป็นการใช้ฝ้ายใน
พิธีกรรมโอกาสพิเศษ ที่เป็นประโยชน์โดยตรงส่วนการใช้เส้นใยฝ้ายเป็นเครื่องพิธีกรรมอย่างหนึ่ง
ร่วมกับสิ่งอื่นๆ ที่มักเรียกกันติดปากว่า “ฝ้ายไนไหมหลอด” หรือ “ฝ้ายไน-ไหมปอย” เช่นในพิธีผูก
เสาแฮกและเสาขวัญ ในพิธีสู่ขวัญข้าวและควาย-วัว ในพิธีผกู เสีย่ ว พิธีบายศรสี ู่ขวญั พิธีเสี่ยงช่วงผีฟ้า
ลำผีฟ้ารักษาผู้ป่วย บุญกุ้มข้าวใหญ่ ตลอดจนการใช้ผ้าฝ้ายที่นุ่งห่มในพิธีแต่งแก้-เสียเคราะห์ จัดว่า
เป็นการใช้เส้นใยฝ้ายและผ้าฝ้ายเป็นสัญลักษณ์ร่วมพิธีกรรม ซึ่งมักจะมีจุดประสงค์ตามความเชื่อ
แตกต่างกันไป บางโอกาสก็ใช้เพื่อเป็นเคล็ดที่จะขจัดตัดขาดหรือเป็นสื่อนำสิ่งชั่วร้ายให้หนีหายและ
หมดไปจากตัวคนและบ้านเรือนที่อยู่อาศัย บางพิธีกรรมก็เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงความหวังในเรื่อง
ความอุดมสมบูรณ์ในชีวิตที่ต้องอาศัยธรรมชาติและเผชิญกับภัยธรรมชาติที่ไม่สามารถจะบังคับ
ควบคุมได้เพื่อความผาสุกร่มเย็นในชีวิต บางพิธีก็ใช้เส้นฝ้ายเป็นสัญลักษณ์ของความผูกพันระหว่าง
คนกับคน คนกับสัตวแ์ ละคนกบั ธรรมชาติ เป็นต้น
7. คณุ คา่ ของการทอผา้ ฝ้าย

นิภาพร ทับหุ่น (2547 : 81-87 ) ได้ยกตัวอย่างการทำผ้าซิ่นตีนจกของชาวบ้านสายธาร
อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ดังนี้ แม่อุ๊ยคำเอ้ย กองจันทร์ แม่เฒ่าบ้านสองธาร วัย 72ปี กล่าวถึง
การทอผ้าตีนจกแบบครั้งโบราณวา่ เดิมทีเด็กหญิงทุกคนจะได้รับการฝึกหัดให้รู้จักการทอผ้าตั้งแต่ยงั
เล็ก ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ยากและลำบากมากเพราะไม่เพียงแค่การทอ แต่ยังมีขั้นตอนการปลูกฝ้าย การ
เก็บฝ้าย ที่แม้ไม่ต้องดูแลมากมายแต่ต้องใช้ความอดทนสูง โดยช่วงระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงเดือน
มิถุนายน จะเป็นหน้าหว่านฝา้ ย ทุกคนในหมู่บ้านจะถูกเกณฑก์ ำลงั ไปช่วยกันหว่าน คล้ายการลงแขก
พอประมาณเดอื นพฤศจิกายนถงึ เดือนธนั วาคม ดอกฝ้ายก็เรมิ่ ผลิบาน แต่ในระหวา่ งน้นั ตอ้ งดูแลเหญ้า

13

ไม่ให้ขึ้นรกเรื้อด้วย เมื่อดอกฝ้ายบานจึงจะเริ่มเตรียมการเก็บฝ้าย ทอผ้า โดยอาศัยว่าทอใช้กันเองใน
ครวั เรอื นจึงไมเ่ รง่ รบี

ปัจจุบันการทอผ้าตีนจกของชาวอำเภอแม่แจ่มถูกปรั บเปลี่ยนให้เวียนไปตามกระแสแห่ง
เศรษฐกิจ ชาวบ้านทอผา้ เพอ่ื การค้ามากข้นึ ไร่ฝ้ายทเี่ คยฟุ้งกระจายไปดว้ ยดอกฝ้ายสีขาวนวล ถกู ปรับ
เปน็ ไร่นา ไรถ่ ่ัว ชาวบ้านรับซือ้ เส้นฝ้ายแทนการปลูกเอง เพราะประหยดั ท้ังเวลา และสามารถผลิตผืน
ผา้ ไดต้ ลอดปี แต่ทงั้ น้ีทั้งนัน้ ก็ยังยืนยันท่ีจะสานภมู ิปัญญาโบราณต่อไป ตราบเท่าทีแ่ รงกายยังมีอยู่ ดัง
จะเห็นได้จากหญิงชราหลายคนตั้งหน้าตั้งตาด้นผ้า ผสมลาย ทั้งๆที่สายตาไม่ค่อยชัดเจนอาศัยใจรัก
และทำงานในเวลากลางวนั แบง่ เบาภาระลูกหลานเท่าทจ่ี ำเปน็

7.1 ต่อมนุษย์ คือ สมัยก่อนจนถึงปัจจุบันชาวบ้านใช้ฝ้ายมาทอเป็นผ้าซิ่นตีนจกใช้เป็น
เครื่องนุง่ หม่ ใช้เองภายในครัวเรือน

7.2 ต่อสังคม คือ ชุมชนแห่งนั้นมีความสามัคคีกันเสมอมาในการร่วมกันปลูกฝ้าย การทำ
ผ้าซิ่นตีนจก เป็นที่รู้จักในเรื่องการทอผ้าซิ่นตีนจกที่มีเพียงที่เดียวในประเทศไทยและยังมีรายได้จาก
การจำหน่ายผา้ ซนิ่ เหล่านัน้
8. ผลติ ภณั ฑแ์ ละการแปรรปู

8.1 วิธกี ารการทอผ้าฝ้ายและการปลกู ฝ้าย
8.1.1 อุปกรณท์ ่ใี ช้ในการทอผา้

1. ก่ีหรอื หกู เปน็ อุปกรณ์ในการทอผ้า ใหเ้ ป็นผนื ตามลวดลายทีต่ อ้ งการ
2. ฟันหวีหรอื ฟืม มีลักษณะเป็นกรอบโลหะภายในเป็นซีถ่ ี่ ๆ คล้ายหวี แต่ละเส้นจะ
ใช้เส้นด้ายยืนสอด เข้าไปช่องละเส้น เรียงลำดับตามความกว้างของหน้าผ้าจัด เส้น
ยนื ให้อยหู่ า่ งกนตามความละเอียดของผ้า
3. ตะกอหรือเขา มีลักษณะเป็นกรอบไม้ หรือโครงเหล็ก ภายในทำด้วยลวด หรือซ่ี
โลหะเล็ก ๆ มีรูตรงกลางสำหรับร้อยด้ายยืน ปกติมี 2 ชุด ถ้าเพิ่มตะกอมากขึ้น จะ
สามารถสลบั ลายได้มากขึ้น.
4. ไม้ไขว้ อุปกรณ์ทีใ่ ช้ในการจดั เสน้ ด้ายใหเ้ ปน็ ระเบียบ
5. ไม้คำ้ ไม้ท่ใี ช้สอดดา้ ยเส้นยืน เพือ่ ทำใหเ้ กดิ ลวดลายในการทอ ด้วยเทคนิคพิเศษ
6. ไมห้ าบหูก ใชป้ ระโยชน์ในการดึงดา้ ยให้ตึง
7. ไม้ดาบหรือไม้หลาบ มีขนาด 2 – 3 นิ้ว ลักษณะแบนยาว ใช้สอดผ่านด้ายยืน
แลว้ ผลิตขน้ึ ทำ ให้เกดิ ชอ่ งว่างให้กระสวยพงุ่ ผา่ น
8. ไม้แปน้ กี่ ท่นี ง่ั ของผ้ทู อ บางแห่งใชไ้ ม้แผ่น บางแห่งใช้ไม่ไผ่ สอดด้วยแผ่นไม่ที่ใช้
รองนง่ั เชอื กเขา ใช้ดึงเขากับไม้หางหูก ให้ตงึ
9. แกนมว้ นผา้ เปน็ แกนท่ีอยตู่ รงกนั ขา้ มกบั แกนมว้ นด้ายยนื

14

8.1.2 การปลูกฝ้าย
ฝ้ายจะปลูกในเดือนพฤษภาคมต่อกับเดือนมิถุนายนหรือเดือนกรกฎาคมต่อเดือน

สิงหาคม แล้วแต่ภูมิภาคที่ปลูก ซึ่งเป็นฤดูฝนเป็นช่วงที่ฝ้ายได้รับฝนดี ครั้นประมาณเดือน
พฤศจิกายนถึงเดือนธันวาคมฝ้ายจะแก่และแตกปุย การปลูกฝ้ายชาวบ้านจะปลูกไปพร้อมๆ กับการ
ปลูกข้าว ระยะเวลาที่ใช้ในการปลูกฝ้ายจนกระทั่งสามารถเก็บปุยได้ใช้เวลาประมาณ 6 –7 เดือน
ชาวบ้านทุกครัวเรือนสามารถปลูกฝ้ายได้ แล้วนำเส้นใยของฝ้ายมาทอเป็นผืนผ้า สำหรับเป็น
เคร่ืองนงุ่ หม่ และใช้ในชีวิตประจำวัน

-การเตรียมดินควรทำการเตรียมดินก่อนถึงฤดูปลูกประมาณ 1 เดือน โดยการไถดะ 1 ครั้ง
พลิกดินและตากไว้ปล่อยให้วัชพืชแห้งตาย นอกจากนี้ศัตรูพืชอื่นๆ เช่น เชื้อโรค และแมลงศัตรูต่างๆ
กจ็ ะถูกทำลายไปดว้ ย หลังจากนั้นประมาณ 2-3 สปั ดาห์ จงึ ไถแปร ต่อมากท็ ำการพรวนดินใหม้ ีขนาด
ละเอยี ดพอสมควรทจ่ี ะหยอดเมลด็ ฝ้ายได้

-ระยะปลูก ระยะระหว่างแถว 125 ซม. ระหว่างหลมุ 50 ซม.
-วิธกี ารปลกู ควรปลูกฝ้ายเป็นแนวขวางทิศทางลม โดยการหยอดเมลด็ เปน็ หลมุ ๆ หลมุ ละ 5-
7 เมล็ด กลบดินให้มิดเมล็ด การปลูกจะมี 2 วิธีคือ การปลูกเมื่อดินมีความชื้นพอแล้ว วิธีนี้หลังจาก
หยอดเมล็ดพันธแ์ุ ลว้ จะกลบดนิ เพยี งบาง ๆ ประมาณ2.5 ซม. การปลกู เพือ่ รอฝน เป็นการปลูกในขณะ
ที่ดินยังแห้งและมีความชื้นไม่เพียงพอกับการงอก วิธีนี้จะต้องกลบดินให้หนาเมล็ดอยู่ลึก
ประมาณ 5 ซม.
-การดูแลรักษา
-ระยะการเจริญเติบโตทางลำต้นและใบ
ฝ้ายเริ่มงอกหลังจากปลูกไปแล้ว 3-5 วัน และมีช่วงการเจริญเติบโตทางลำต้นและใบ
ประมาณ 28 วัน เมื่อฝ้ายอายุได้ 15-20 วัน ควรทำการถอนแยกต้นฝ้ายครั้งแรก ให้เหลือ 2 ต้นต่อ
หลุม และทำการกำจัดวัชพืชด้วย ในระยะนี้เกษตรกรควรระมัดระวัง แมลงศัตรูฝ้ายประเภทปาก
ดูด เช่น เพลี้ยอ่อน เพลี้ยจักจั่น เพลี้ยไฟ เข้าทำลาย หากพบว่ามีการระบาดของแมลงประเภทนี้
ใหพ้ น่ สารเคมี โอเมทโธเอท หรอื โมโนโครโตฟอส อยา่ งใดอย่างหนึ่ง สว่ นโรคฝา้ ยทสี่ ำคัญในระยะน้ีคือ
โรคใบหงกิ ซงึ่ เกดิ จากเชอ้ื ไวรัส โดยมเี พลีย้ ออ่ นเป็นตวั นำเช้ือมาส่ตู ้นฝ้าย ดงั นหี้ ากกำจัดเพลี้ยอ่อนลง
ได้ กจ็ ะชว่ ยลดปรมิ าณการเป็นโรคใบหงิก ของฝ้ายได้
-ระยะติดป้ี (ดอกอ่อน) ฝ้ายเริ่มมีดอกอ่อน หรือติดปี้เมื่ออายุ 28-30 วัน ระยะนี้เกษตรกร
ควรถอนแยกต้นฝ้ายให้เหลือต้นที่สมบูรณ์ เพียง 1 ต้น ต่อหลุมมีการกำจัดวัชพืช และใส่ปุ๋ย พูนโคน
ตน้ ฝ้าย ป๋ยุ ที่ใชค้ วรเป็น

15

ปุ๋ยสูตร 20-20-0 อัตรา 30-40 กก./ไร่ ในพื้นที่ที่เป็นดินเหนียวสีดำ ปุ๋ยสูตร 12-24-12 อัตรา 40-
60 กก./ไร่ ในพืน้ ทท่ี ่เี ปน็ ดินเหนียวสีแดง

-ระยะออกดอก ดอกฝ้ายบานฝ้ายออกดอกหรือดอกบานเมื่ออายุประมาณ 40-50 วัน ควร
ระมัดระวังการเข้าทำลายของหนอนเจาะสมอฝ้าย โดยหมั่นตรวจแปลงฝ้ายทุก 3-5 วัน ในพื้นท่ี
ขนาด 5 ไร่ ทำการสุ่มตรวจต้นฝ้ายให้ ทั่วแปลงจำนวน 30 ต้น ถ้าพบหนอนเจาะสมอฝ้ายมากกว่า
6 ตวั จะต้องรบี พ่นสารเคมีกำจัด โดยใชส้ ารเคมีในกลมุ่ ออร์แกนโนฟอสเฟต เชน่ ซลั โปรฟอส หรือ โป
รเฟนโนฟอส สลับครั้งกับสารเคมีในกลุ่มอื่น ต้องไม่ใช้สารฆ่าแมลงเพียงกลุ่มเดียวฉีดพ่นกำจัดหนอน
ตดิ ตอ่ กันตลอดฤดู

-ระยะติดสมอ ฝ้ายจะเริ่มติดสมอเมื่ออายุประมาณ 60-65 วัน ในระยะที่ฝ้ายติดสมอจนถึง
ช่วงก่อนสมอแก่ (100วัน) เกษตรกรต้องดูแลรักษาฝ้ายเป็นพิเศษ โดยเฉพาะการป้องกันกำจัดหนอน
เจาะสมอฝ้ายเช่นเดียวกับที่ปฏิบัติในระยะที่ฝ้ายออกดอก หากพบว่ามีแมลงปากดูดชนิดใดชนิดหนึ่ง
ระบาดจำเป็นตอ้ งใช้สารเคมีประเภทดดู ซึม เช่น โมโนโครโตฟอสพ่นเสริมด้วย

-การใส่ปุ๋ย มักจะปฏิบัติไปพร้อมกับการพรวนดินพูนโคน จะใส่ปุ๋ยเมื่อฝ้ายอายุประมาณ 3-
4 สัปดาห์ หลงั งอก การให้ปุย๋ ฝา้ ย 2 วธิ ี ดังน้ี การใหท้ างดิน จะใหแ้ บบโรยข้าง ๆ แถวฝ้าย อัตราปุ๋ยที่
แนะนำคือในดินเหนียวสีดำ ควรใส่ปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟต 30 กก./ไร่ หรือให้ปุ๋ยยูเรีย 13 กก./ไร่ ใช้
ดินเหนียวสีแดง ควรใช้ปุ๋ยสูตร 12-24-12 อัตรา 50 กก./ไร่ การให้ทางใบ จะผสมน้ำแล้วพ่นให้ทาง
ใบฝ้าย มปี ๋ยุ สตู รต่างๆ ในตลาดเกษตรกรนยิ มใช้ปุ๋ยทางใบกับฝ้าย

-โรคที่สำคัญ ไดแ้ ก่ โรคใบหงิก โรคใบไหม้ โรคใบจุด และโรคเหี่ยว
-แมลงศัตรูฝ้าย ชนิดปากดูด ได้แก่ เพลี้ยอ่อน เพลี้ยจั๊กจั่น เพลี้ยไฟ แมลงหวี่ขาว ชนิดปาก
เจาะ ไดแ้ ก่ หนอนเจาะสมอฝา้ ย ( การปลูกฝา้ ย. 2555 : ออนไลน์ )
8.1.3 การทำเส้นฝา้ ย
โดยทั่วไปช่วงเวลาการเก็บฝ้ายจะอยู่ในช่วงเดือนพฤศจิกายนหรือธันวาคมเมื่อเก็บดอกฝ้าย
แล้วจะนำมาตากผึ่งแดดให้แห้งสนิท แล้วเก็บสิ่งสกปรกที่เจือปน ออกจนหมดนำไปแยกเมล็ดฝ้าย
ออกจากปุยฝา้ ยดว้ ยวธิ ีการนเี้ รียกว่า“อิ้วฝา้ ย”แล้วนำปุยฝ้ายไปดดี ให้ปุยฝ้ายแตกตวั ละเอียดฟูข้ึนด้วย
แรงสั่นสะเทือนของสายดีดเรียกว่า “กงดีดฝ้าย” จากนั้นนำปุยฝ้ายที่ดีดจนเป็นปุยละเอียดดี แล้วไป
ลอ้ ดว้ ย “ไมล้ ้อ” โดยใช้ไมล้ อ้ คลงึ บนแผ่นปุยฝ้ายท่วี างอยบู่ น “กระดานล้อ” ให้เปน็ แท่งกลมยาวแล้ว
ดึงไม้ล้อออกแท่งกลมยาวที่ล้อเสร็จแล้ว เรียกว่า “ดิ้ว” หลังจากนั้นจึงนำไปเข็นฝ้ายให้เป็น เส้นใย
โดยใช้อุปกรณ์ที่เรียกว่า“หลา”ที่มีสายพานเชือกโยงจากหลาไปปั่นหมุนแกนเหล็กใน เพื่อล้อฝ้ายให้
เป็นเส้นใยพันม้วนอยู่กับแกนเหล็กใน เมื่อเต็มเหล็กไนแล้ว จึงจัดฝ้ายเข้า “ไม้ขาเปีย”เพื่อทำเป็นไจ
หรือปอยโดยกะขนาดเอง หลงั จากนนั้ จึงนำเส้นฝา้ ยไปย้อมสที ีต่ อ้ งการ

16

ในบางท้องถนิ่ นยิ มนำเสน้ ด้ายไป “ฆา่ ” ดว้ ยการชุบน้ำขา้ วหรือให้ฝา้ ยมีความเหนียวคงทนไม่ขาดง่าย
จากน้ันจึงนำไปใส่กงเพื่อกวักเส้นด้ายแล้วนำมาปั่นหลอดแยกเส้นฝ้ายออกเป็น 2 จำพวกคือ เส้นยืน
และเสน้ พงุ่ เพ่อื ใช้ในการทอผา้ ต่อไป ( การทำเส้นฝ้าย.ม.ป.ป. :ออนไลน์ )
8.1.4 ขนั้ ตอนในการทอผ้าฝ้าย

ข้นั ตอนที่ 1 นำฝา้ ยเป็นใจมาคลีอ่ อกใส่กงกวา๊ งเพ่อื นำไปพันใสบ่ ่าหลกุ กวักฝ้ายนำมาขนิ หรอื
ป่ันใสก่ ระป๋องหรือหลอดไมข้ นาดใหญก่ ารปน่ั ฝา้ ยใสก่ ระป๋อง ถา้ ต้องการเส้นฝ้ายทม่ี ีเสน้ ใหญอ่ าจจะ
ป่ันครัง้ ละ 2-3 ใจ ให้เส้นฝ้ายมารวมกนั

ขั้นตอนท่ี 2 นำกระป๋องท่มี ีเส้นฝา้ ยพันอยู่ไปเรยี งตามลำดับสขี องเส้นฝา้ ยเส้นยืนตาลวดลาย
ท่ีจะทอ โดยนำมาเรยี งครง้ั ละประมาณ 40 กระป๋อง จะไดเ้ ส้นฝ้ายยนื ครง้ั ละ 40 เส้น แล้วนำแต่ละ
เส้นไปคลอ้ งกบั บันไดลงิ เพ่ือไม้ใหเ้ สน้ ฝา้ ยพนั กนั และขึ้นเฟือขอตอ่ ไป

ขนั้ ตอนท่ี 3 นำฝ้ายเส้นพุ่งจากบนั ไดลิงมาข้นึ เฟอื ขอ ซ่งึ เฟือขอจะทำหนา้ ทีส่ ำหรับเรยี งฝา้ ย
เสน้ ยนื ตามความยาวทีต่ ้องการและทำการสลบั เส้นยนื สำหรับใช้กับตะกอเสน้ ขึน้ เสน้ ลงด้านลา่ งของ
เฟอื ขอเม่อื สิ้นสดุ การเรยี งเส้นฝา้ ยจะนำแตล่ ะเส้นมาม้วนเพอื่ ใหเ้ กิดลักษณะของการสลับเสน้ สำหรบั
การทอยกเปน็ เสน้ ขึน้ เส้นลงท่ีดา้ นล่างขาวของเฟอื ขอ

ข้นั ตอนที่ 4 นำกลมุ่ ฝา้ ยเสน้ ยืนจากเฟือขอมาขึน้ กี่ แล้วคล่ีฝ้ายเส้นยืนตามทีไ่ ด้กำหนดไว้ โดย
ใชเ้ ข้ยี วหมาหรือฟนั ปลาเปน็ ตัวช่วยในการสางเส้นฝา้ ยแต่ละกลุม่ เส้นออกจากกันเสน้ ด้ายในการทอ
ลายหนึ่ง เพือ่ แยกเส้นด้ายในการนำไปสืบฝา้ ยกบั เขาฟืม

ข้ันตอนที่ 5 หากทอลายเดิมทเ่ี คยทอมา กจ็ ะนำฝา้ ยเสน้ ยืนใหม่มาต่อกับเศษผ้าฝา้ ย หรือเชิง
ชายทตี่ ดั มาจากการทอคร้งั ก่อนที่เรียกวา่ "เครอื " เม่ือทอผ้าเสรจ็ แลว้ ช่างทอจะตัดผา้ ที่ทอแล้วออก
จากกี่ โดยคงเหลือเศษผ้าฝา้ ยหรอื เชงิ ชายจากการทอให้ติดอย่กู ับตะกอและฟืม เพื่อเป็นตน้ แบบของ
ลาย หากจะมีการทอลายนนั้ ในครัง้ ต่อไป เพ่ือให้การสืบต่อลายทำได้ง่ายขนึ้ เพราะถ้าไมเ่ กบ็ ไว้ การ
เรม่ิ ต้นขนึ้ ลายใหม่จะมีความยากลำบากมาก ดังนนั้ ชา่ งทอจึงต้องเก็บลายไว้ทุกเครือ เนื่องจากเสน้ ยืน
มคี วามยาวมาก ก่อนทอหรือเมื่อทอไปได้สักระยะหนง่ึ เสน้ ยนื อาจจะพันกันได้ ดังน้นั จงึ ต้องคอยคลีจ่ ดั
เส้นยืนออกไม่ใหพ้ ันกัน

ขน้ั ตอนท่ี 6 หลงั จากการสบื ลายแล้วสามารถเริ่มกระบวนการทอได้โดยการเหยียบไม้เหยียบ
เพ่อื ยกเขาฟืมข้ึนลง แล้วพุ่งกระสวยสอดเขา้ ไปในชอ่ งว่างระหว่างเสน้ ยืน ให้เสน้ พุง่ พุ่งไป
ขดั กบั เส้นยืน และใชฟ้ ืมดนั ให้เสน้ พงุ่ อัดเรียงกันแน่น แลว้ ใช้เท้าเหยยี บไม้เหยียบใหต้ ะกอเส้นยืน
สลับขน้ึ ลง และพุ่งกระสวยกลับไปกลับมาขัดกับเสน้ ยนื
หลงั จากท่ีพุ่งเส้นพุ่ง ไป มา และใชฟ้ ืมดนั ใหเ้ ส้นพงุ่ แน่นหลายๆ ครง้ั ก็จะได้ผา้ ทอเป็นผนื แล้วนำไป
แปรรปู เปน็ ผลิตภัณฑต์ ่างๆ ต่อไป ( ข้นั ตอนในการทอผ้าฝ้าย , 2555 : ออนไลน์ )

17

8.2 นวัตกรรมทไี่ ด้
-ซ่ินทเ่ี ป็นผา้ ฝา้ ยทม่ี ลี วดลายต่างๆท่ปี ระณตี งดงาม
-เส้อื ที่ทำจากฝ้ายทงั้ แบบของเดก็ วัยรนุ่ ผใู้ หญ่ จนคนชรา
-มีการดัดแปรงทำเปน็ กระโปรงเพือ่ ดงึ ดดู ความสนใจของเด็กมากขึ้น

9.ตวั อย่างประวัติความเปน็ มาผา้ ฝา้ ยในไทย
9.1ประวตั ิความเปน็ มาผา้ ฝ้ายจังหวัดนา่ น

การแต่งกายที่เป็นเอกลักษณ์ไทลื้อคือ ผ้าซิ่น ของผู้หญิงไทลื้อ ที่เรียกว่า “ซิ่นตา” ซึ่งเป็น
ผ้าซิน่ ที่มี ๒ ตะเขบ็ มีลักษณะโครงสรา้ งประกอบดว้ ย ๓ ส่วนคอื หวั ซนิ่ สแี ดง ตวั ซิน่ ลายขวางหลากสี
ต่อตีนซ่ินสีดำ ความเด่นอยทู่ ต่ี ัวซน่ิ ซง่ึ มรี ้วิ ลายขวางสลับสสี ดใส และตรงชว่ งกลางมลี วดลายที่ทอด้วย
เทคนิคขิด จก เกาะหรือล้วง เป็นลายรูปสัตว์ในวรรณคดี ลายพรรณพฤกษา และลายเรขาคณิต จาก
การศึกษากลุ่มไทลื้อในประเทศไทย พบว่า เอกลักษณ์การทอผ้าที่สำคัญของกลุ่มชนน้ี คือ การทอผ้า
ด้วยเทคนิค เกาะหรือลว้ ง (Tapestry Weaving) หรือท่เี ป็นที่รู้จักกันว่า “ลายนำ้ ไหล” ซ่ึงเป็นเทคนิค
ท่มี คี วามย่งุ ยากซับซอ้ น แต่ทำใหเ้ กิดลวดลายและสสี ันที่งดงามแปลกตาและเป็นอัตลกั ษณ์อันโดดเด่น
เฉพาะกลุม่ ทแ่ี ตกตา่ งจากผา้ ซ่ินของกล่มุ ชาติพันธไุ์ ทกล่มุ อนื่ ๆ

ในช่วงเวลา ๓ ทศวรรษที่ผ่านมา เกิดกระแสการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทยอย่างแพร่หลาย
ความนิยมในการใช้ผ้าทอพื้นเมืองของไทย ทำให้เกิดการฟืน้ ฟูการทอผ้าพื้นเมืองข้ึนมาอีกครัง้ หนึ่งทว่ั
ทุกภูมิภาคของประเทศไทย เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้ผ้าทอในยุคปัจจุบัน ตลอดจน
กลไกการตลาด ในเร่ืองราคาและความนิยมของผบู้ รโิ ภคทำใหก้ ลมุ่ ทอผ้าแต่ละกลุ่มเกิดการเลียนแบบ
รูปแบบของผ้าทอซึ่งกันและกัน จนทำให้ผ้าทอในแต่ละแห่งสูญเสียเอกลักษณ์ดั้งเดิมของตนเองไป
โดยเฉพาะผ้าทอเทคนิคเกาะล้วงของไทล้ือในประเทศไทย เกิดปัญหาการที่ชุมชนไทลื้อแตล่ ะกลุม่ ทอ
ผา้ เปน็ ลวดลายท่ีได้รับความนิยมของตลาด จนลมื ลวดลายและสีสันอันเปน็ เอกลักษณ์ของตนเอง เกิด
ภาวะสินค้าล้นตลาดจนอาจจะต้องเลิกทอผ้าไปในที่สดุ ทำให้ขาดการสืบทอดมรดกวัฒนธรรมของไท
ล้อื แตล่ ะกล่มุ ซ่งึ เปน็ สิ่งท่ีนา่ เสียดายเป็นอยา่ งย่งิ

ในปัจจุบันประเทศไทยมชี ุมชนไทล้ือที่มคี วามสามารถทอผ้าเกาะลว้ ง แบ่งได้ ๓ กลุ่ม คือ ๑.
กลุ่มไทลือ้ อ.เชยี งของ อ.เวยี งแก่น จ.เชียงราย ๒.กลมุ่ ไทล้อื อ.เชียงคำ จ.พะเยา และกลุ่มไทลื้อ อ.ปวั
อ.ทุ่งชา้ ง และ อ.เฉลิมพระเกยี รติ จ.น่าน

ตัวอย่างเช่นบ้านดอนหลวงเป็นชุมชนชาวยองเก่าแก่ก่อตั้งขึ้นเมื่อพ.ศ.2352เดิมชื่อ
หมู่บ้าน “กอถ่อน ” สถานที่ตั้งหมู่บ้านในอดีตเป็นที่ค้าวัวค้าควายมาก่อน ในรัชสมัยของเจ้ากาวิละ
ได้กวาดต้อนผู้คนจากเมืองยอง ประเทศพม่าเข้ามาตั้งบ้านเรือนเพื่อ “เก็บฮอมตอมไพร่” มาบูรณะ
เมอื ง

18

ลำพูนหลังจากรกร้างไปคราสงครามกับพม่า โดยชาวยองกลุ่มนี้ได้มาตั้งบา้ นเรือนอยู่ ณ ที่ตั้งหมู่บ้าน
ปัจจบุ นั ตอ่ มาจึงเกดิ เป็นชมุ ชนใหญ่ประกอบกบั ท่ตี ้งั หมบู่ ้านเปน็ ทดี่ อนจงึ เรยี กชอื่ หมบู่ า้ นใหม่ว่า“บ้าน
ดอนหลวง” มีงานหัตถกรรมทอผ้าฝ้ายทอมือเป็นอาชีพเสริมรายได้ให้กับแม่บ้านและมีการถ่ายทอด
ภูมิปัญญาสืบต่อกันมาจนกลายเป็นหมู่บ้านที่ขึ้นชื่อในเรื่องของผ้าฝ้ายทอมือแห่งหนึ่งของจังหวัด
ลำพูน ในปัจจุบนั

ชาวบ้านดอนหลวงมีการเรียนรู้ในเรื่องการทอผ้ามาเมื่อประมาณ 125 ปี โดยมีคนม่าน (คน
พม่า) มาจากเมืองม่าน เดินทางเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านและสอนการทอผ้าให้คนในหมู่บ้าน เพื่อใช้เป็น
เครอื่ งนุ่งห่ม ฝ้ายทน่ี ำมาทอ มาจากตน้ ฝา้ ยท่ปี ลูกข้ึนเองในบรเิ วณบ้านและหวั ไรป่ ลายนาของชาวบ้าน
ที่อยู่นอกหมู่บ้าน อุปกรณ์ที่ใช้ในการ ทอผ้าทั้งกี่และอุปกรณ์ประกอบต่าง ๆผลิตขึ้นเองในหมู่บ้าน
โดยผู้มีความชำนาญด้านช่าง การที่มีความรู้ความชำนาญในการทอผ้าที่ถ่ายทอดสืบต่อกันมาทำให้
หญงิ สาวในหมู่บา้ นดอนหลวง ยคุ 60 ปี ท่ผี ่านมา ยดึ การทอผา้ เป็นอาชีพเสริมหาเล้ียงครอบครัว โดย
ในราวปี พ.ศ.2500 ได้เดินทางออกไปรับจ้างทอผ้าให้แกร่ ้านค้าในตลาดอำเภอ ป่าซาง ในลักษณะไป
เช้าเย็นกลับโดยใช้รถจักรยานเป็นพาหนะ ต่อมาได้เปลี่ยนเป็นการรับฝ้ายมาทอในหมู่บ้าน แล้วนำ
กลับไปส่งใหผ้ วู้ า่ จ้างในตัวอำเภอ การรับจ้างทอผ้ายังคงมคี วามตอ่ เนอื่ งมาอกี นบั 20 ปี

ปัจจุบันช่างทอผ้าหลายคนในหมู่บ้านดอนหลวงหลายคนรวมตัวกันทอผ้าอยู่ที่โรงทอผ้าใน
บ้านของ นางบุญเมือง คำปัน หรือที่ชาวบ้านและคนทั่วไปที่รู้จักเรียกว่า “ป้าเมือง” ซึ่งเป็นหนึ่งใน
หญิงสาวทเี่ คยไปรบั จา้ ง ทอผ้าในตวั อำเภอป่าซาง แตต่ อ่ มาไดแ้ ตง่ งานมีลูกต้องเลยี้ งลูกอยู่กับบ้าน ไม่
สามารถไปรับงานมาทำได้ จึงคิดทอผ้าเพื่อขายเองในหมู่บ้าน นับว่าเป็นผู้ประกอบการรายแรกของ
หมู่บ้าน โดยการทอผ้าในช่วงเริ่มต้นของป้าเมือง เป็นการทอพรมเช็ดเท้ากระเป๋าผ้ารัดปะคต ด้วย
เชือกป่านหรือเชือกกระสอบ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากพ่อแม่ ในปีพ.ศ. 2535 ทางราชการ ได้เข้า
มาสนับสนุนให้มีการรวมกลุ่ม ผู้ทอผ้าในบ้านดอนหลวงขึ้น เพื่อร่วมกันจำหน่ายผลิตภัณฑ์และอบรม
เพิ่มทักษะด้านต่าง ๆ ให้สมาชิก ผู้ทอผ้า ชาวบ้านประมาณ 10 คน จึงได้รวมตัวกันเป็นกลุ่มผู้ทอผ้า
ฝ้ายบ้านดอนหลวงขึ้นและได้ชักชวนชาวบ้านเข้ามาเป็นสมาชิกทั้งหมด 50 คน มีหน่วยงานหลาย ๆ
หน่วยงาน เข้ามาสนับสนุน ต่อมาสมาชิกได้เริ่มประกอบกิจการของตนเอง มีการผลิตมากขึ้น กลุ่มฯ
ได้รับการส่งเสริมและพัฒนาทักษะการทอผ้า โดยศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 1 จึงมีการขยาย
กำลงั การผลิตและแบ่งการบรหิ ารออกเปน็ 6 จดุ แตล่ ะจุดบรหิ ารจัดการดว้ ยตนเอง นางบญุ เมือง คำ
ปัน ได้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในหกจุดดังกล่าว และได้รับการยอมรับว่าเป็นครูภูมิปัญญาที่มีความรู้ความ
ชำนาญในการทอผ้านอกจากนี้บ้านดอนหลวงที่มีการทอผ้ามาอย่างต่อเนื่องนับแต่อดีตจนถึงปัจจุบนั
ยังมบี คุ คลทเี่ ป็นทย่ี อมรบั วา่ มีความชำนาญดา้ นการทอผ้าคนอื่นๆ อีก เชน่ นางอรพิน สุขร่องช้าง ผู้มี
ความชำนาญดา้ นการแกะลายและการทอผ้า นางบัวเพชร ขัดสงคราม ชำนาญด้านการทอตุง และยัง
มี

19

ช่างทออกี หลายคนในหมู่บ้านทีย่ งั คงประกอบอาชีพเกี่ยวกับการทอผ้า บ้านดอนหลวง ได้รบั คดั เลือก
ใหเ้ ปน็ หมบู่ ้านอุตสาหกรรมดีเดน่ ประเภทการทอผา้ ฝา้ ยทอมอื โดยศูนยส์ ่งเสริมอุตสาหกรรมภาคท่ี 1(
ภาคเหนอื )ในปี 2542 และมกี ารก่อสร้างศนู ย์รวมผลติ ภัณฑ์เครือขา่ ยกลุ่มทอผา้ หัตถกรรมพืน้ บา้ น
อำเภอป่าซางได้รับการส่งเสริมให้มกี ารทอผา้ ลายใหมๆ่ จนกลายเปน็ สินคา้ OTOP ขน้ึ ช่ือของหมูบ่ ้าน
(ประวัตคิ วามปน็ มาผ้าฝา้ ยจงั หวดั น่าน,ม.ป.ป. ออนไลน์)

ภาพที่ 2.4 รปู ผลฝา้ ยจากต้นฝ้ายตอนแก่
ท่ีมา: https://en.wikipedia.org/wiki/Cotton
คุณสมบัตขิ องผา้ ฝ้าย
ขอ้ ดแี ละข้อเสยี โดยรวมของผ้าฝา้ ยตา่ งๆมดี ังน้ี
1.สวมใส่สบาย เพราะดดู ความชนื้ และระบายความร้อนออกไดด้ ี
2.มคี วามทนทาน
3.ทนตอ่ ความร้อน
4.เนื้อผ้าฝา้ ยยบั ง่าย คงรปู ทรงได้ยาก

ภาพที่ 2.5 ผา้ ฝ้ายมดั ย้อม
ที่มา: https://siamrath.co.th/n/2255

20

2.3 วิธีการตดั เย็บผ้าปูโตะ๊
1. เลือกผา้ ทเ่ี หมาะสม
ขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุดคือการเลือกผ้าที่เหมาะสมกับผ้าปูโต๊ะ ตารางส่วนใหญ่ต้องการวัสดุที่กว้าง
มากดังนัน้ ให้มองหาผ้าท่ีมีความกวา้ งอยา่ งน้อย 54 น้ิว
เนื่องจากผ้าปูโต๊ะมีแนวโน้มที่จะสกปรกจากอาหารให้เลือกผ้าที่สามารถซักด้วยเครื่องและอบแห้งได้
ผ้าฝ้ายทั้งหมดเป็นสิ่งที่ดีที่สุด แต่มีแนวโน้มที่จะเหี่ยวย่นมากเกินไปดังนั้นควรผสมหรือผ้าที่มี
คณุ สมบตั ใิ นการต่อตา้ นรวิ้ รอย การผสมผา้ ฝา้ ย / โพลเี อสเตอรท์ ำงานไดเ้ ป็นอยา่ งดี
2. วดั ตาราง
การวัดตารางอย่างถูกต้องคือขั้นตอนต่อไป ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดขนาดและรูปทรงของผ้าปูโต๊ะรวมถึง
จำนวนผ้าที่ต้องใช้ สำหรับตารางที่มีการวัดความกว้างที่มากกว่าความกว้างของผ้าที่เลือกไว้แผง
จะต้องมีการปะติดปะต่อเข้าด้วยกัน ผ้าปูโต๊ะทำด้วยมือเป็นที่ที่วัดรอบถูกเหมือนกันทั่วทั้งปริมณฑล
ของโต๊ะและแขวนเหนือทน่ี ่ังของเก้าอี้ (และไม่ตดิ )

ภาพท่ี 2.6 การวัดขนาดของโต๊ะ
ท่มี า: https://tha.beashandmade.com/

ภาพที่ 2.7 การวัดความยาวของโตะ๊
ทม่ี า: https://tha.beashandmade.com/

21

วิธีการวดั ตารางสีเ่ หล่ยี มผืนผา้ หรือสีเ่ หลี่ยมผนื ผา้ :
วัดขนาดของพื้นผิวของตารางทงั้ ความกวา้ งและความยาว
จากนั้นตรวจสอบปริมาณของ 'วาง' หรือแขวนที่คุณต้องการ สำหรับผ้าปูโต๊ะที่เป็นทางการจะมี
ส่วนที่ยื่นออกมา 12 นิ้วหรือน้อยกว่าเล็กน้อย หยดควรตีเหนือเบาะรองนั่ง ผ้าปูโต๊ะไม่ควรตกลงบน
เก้าอ้ี สำหรบั ผา้ ปูโตะ๊ ท่เี ปน็ ทางการมากข้ึนการลดลงสามารถไปท่ีพื้นได้ ผ้าปูโต๊ะยาวควรวางบนพ้ืน 1
นิ้วจากนั้นจึงถอดนิ้วออกจากนิ้วประมาณ 1 นิ้ว อย่างไรก็ตามในกรณีนี้การติดตั้งผ้ามักจะต้องมีการ
ปะติดปะต่อกันทำให้เกิดรอยต่อตามความยาวของผ้าปูโต๊ะ เพื่อวัดความกว้างเพิ่ม 2 ครั้งวัดการตก
และ 2 นิ้วสำหรับการปิดล้อมและ 2 นิ้วสำหรับค่าแรงตะเข็บถ้าแผงจะต้องมีการปะติดปะต่อเข้า
ดว้ ยกัน สำหรับความยาวใหเ้ พิ่ม 2 ครงั้ หยดลงในการวดั ความยาวของตารางบวก 2 น้ิวสำหรับการปิด
ล้อม ใช้การวดั น้เี พอ่ื กำหนดปรมิ าณของความระมัดระวงั ทตี่ ้องการ
วิธกี ารวดั ตารางรอบ:
สำหรับตารางรอบวัดเสน้ ผ่าศนู ย์กลางพ้ืนผิว เพ่ิมการวดั ระดับการหยดที่ต้องการ 2 เท่า เพ่ิมอีก 2 น้ิว
สำหรับผิวด้านในและอีก 2 นิ้วสำหรับค่าแรงตะเข็บหากต้องการติดตั้งแผ่นกัน เส้นผ่าศูนย์กลางของ
การวัดนี้คือความต้องการความระมัดระวัง ถ้าจำเป็นต้องใช้แผงโซฟาจำนวนเท่าน้ี หากต้องการเพ่ิม
ขอบตดั ขอบชายขอบให้กำหนดเสน้ ขอบขอบรอบขอบโดยคูณขนาดเสน้ ผา่ นศนู ย์กลางของโต๊ะทั้งหมด
3.14 นี้จะเป็นความยาวของการตัดแต่งที่จำเป็นในนิ้ว แบ่งจำนวนนี้เป็น 36 เพื่อกำหนดจำนวนหลา
3. เพิ่มแผง (ถ้าจำเป็น)แม้ว่าการทำผ้าปูโต๊ะเป็นตารางกระบวนการที่ค่อนข้างง่ายมาในหลากหลาย
ขนาดและรูปร่างที่สามารถส่งผลกระทบต่อการติดตั้งแผงจะต้องมีการเพิ่มและแผงที่วางไว้ หาก
จำเป็นต้องมแี ผงเพื่อให้มีความกว้างเพียงพอมบี างสิ่งที่ต้องคำนึงถงึ ตั้งแต่ตะเข็บลงความยาวศูนย์ของ
ผ้าปูโต๊ะเป็นอย่างดีน่าเกลียด เพิ่มแผงด้านข้างของผ้าตามที่แสดงในภาพประกอบด้านล่าง แผง
ด้านขา้ งควรมคี วามกว้างเท่ากัน

ภาพที่ 2.8 ตารางรอบ
ที่มา: https://tha.beashandmade.com

22

ความกว้างของเนื้อผ้าจะพิจารณาว่าควรวางแผงด้านข้างไว้บ้าง ถ้าเป็นไปได้ให้พยายามวางตำแหน่ง
ตะเขบ็ ยาวตามขอบของโต๊ะแทนบนพ้นื ผวิ ด้านบนของโตะ๊ เพ่ือให้ได้ผ้าปูโต๊ะท่ีดูน่าสนใจมากขน้ึ น้ีเป็น
ประโยชน์อย่างยิ่งถ้าคุณกำลัง piecing ผ้าสีทึบเมื่อจำเป็นต้องมีการติดตั้งโดยใช้ลวดลายหรือลายส
กอ๊ ตผา้ ทำให้ตะเข็บที่เห็นได้ชดั น้อยลง แต่ตอ้ งใชร้ ูปแบบที่จะจบั คู่ได้อยา่ งแมน่ ยำตามแนวตะเข็บ เมื่อ
ใช้วัสดุที่พิมพ์หรือลายสก๊อตที่ตอ้ งผสานเข้าด้วยกันให้เพิ่มรูปแบบการทำซ้ำทุกครั้งที่วัด 2 เป็นระยะ
ตามต้องการ ซ่ึงจะช่วยให้ม่ันใจได้วา่ รปู แบบสามารถจับคู่ได้อย่างแม่นยำตามแนวตะเข็บ
4. เสรจ็ สน้ิ ผา้ ปูโต๊ะ
สำหรับผ้าปูโต๊ะที่ไม่จำเป็นต้องติดตั้งเพิ่มเติมที่จะปะติดปะต่อกันเมื่อผ้าถูกตัดไปตามขนาดที่ถูกต้อง
แล้วจักรเย็บผ้าเท่านั้นที่ต้องทำคือผ้าปิดปาก ตัวเลือกสำหรับการปั่นผ้าปูโต๊ะเป็นที่สิ้นสุดและยัง
สามารถส่งผลต่อความกว้างและความยาวได้อีกด้วย วิธีที่นิยมมากที่สุดในการปัดผ้าปูโต๊ะคือการจบ
ขอบดว้ ย½ "ม้วนรดี คู่
เคลด็ ลับบางประการสำหรบั การตกแต่งผ้าปโู ตะ๊
ให้ทำการวัดความกว้างและความยาวที่เสร็จแล้วคูณด้วย 2. ใช้ตัวเลขนั้นและหารด้วย 36 สำหรับ
จำนวนที่คำนวณในหลา เสร็จสิ้นการขอบตะเข็บขอบเชื่อมของตะเข็บที่เชื่อมต่อกับตะเข็บฝรั่งเศส
หรอื กดตะเข็บเปดิ และมดื ทึบขอบด้วยเซอร์เกอร์เพ่ือป้องกนั ไม่ให้พวกเขาจาก fraying
เมอ่ื การฟอก ในขณะทวี่ ธิ ที น่ี ิยมมากทีส่ ดุ ในการปิดลอ้ มผา้ ปูโต๊ะเปน็ ลูกกล้ิงรดี คมู่ จี ำนวนมาก
ดังนั้นวิธีอื่น ๆ เพื่อเสร็จสิน้ การปิดล้อม การผูกขอบด้วยสหี รือรูปแบบทีต่ ัดกันเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่
นยิ ม ความคิดอื่น ๆ รวมถงึ ขอบขอบ แมว้ า่ จะคอ่ นข้างเรียบง่าย แตก่ ม็ ีหลายรา้ นทีซ่ ือ้ มาด้วยวธิ นี ี้
2.5.1 เคร่อื งมืออปุ กรณท์ ่ีใช้ในการสร้างแบบและตดั เยบ็ ผ้าปูโต๊ะวัสดุ อปุ กรณ์ และเครือ่ งมือการตัด
เยบ็ เป็นสิ่งท่ชี ว่ ยให้งานตดั เย็บมคี วามละเอียดเรียบรอ้ ย รวดเร็วและไดผ้ ลงานดอี ปุ กรณแ์ ละเครื่องมือ
ทีใ่ ชง้ านของช่างจะต้องอยู่ในสภาพทส่ี มบูรณม์ ีการทำความสะอาด และควรเก็บรักษาให้อยู่ในสภาพที่
ใช้งานได้อยู่เสมอ เพราะงาน ตัดเย็บต้องใช้ฝีมือมีความละเอียดเรียบร้อย มีความประณีตและมี
ความเที่ยงตรงเป็นหลักสำคัญ ซึ่งการใช้และการดูแลรักษาเครื่องมือเป็นคุณลักษณะที่ดีของช่าง
เสื้อ ดังนั้นจึงควรรู้จักวัสดุ อุปกรณ์ เพื่อการเลือกใช้ให้เหมาะสมตามชนิดของงานและดูแลรักษาให้
อยใู่ นสภาพที่ดี เพื่อประสิทธิภาพในการใชง้ าน แบ่งได้เป็นหลายประเภท ดังนี้

1) สายวดั ตัว
การใชง้ าน ใชใ้ นการวดั สดั สว่ นขนาดรูปร่าง เพอ่ื ใชใ้ นการสร้างแบบตัด
ลักษณะ สายวัดตัวโดยมาตรฐาน มีขนาดความยาว 150 ซ.ม หรือ 60 นิ้ว เป็นเส้นแบนๆ ทำด้วยไฟ
เบอร์กลาสเทป และทำดว้ ยผา้ เทป บนสายวัดตัวจะมี 2 ด้าน ด้านหน่ึงมีหน่วยเปน็ หลกั น้ิว อกี ด้าน

23

หนึ่งเป็นหลักเซนตเิ มตรหรือบางครั้งอาจจะมีทั้งหลักน้ิวและหลักเซนติเมตรอยูด่ ้านเดียวกันแต่อย่คู น
ละข้าง ด้านปลายของสายวัดตัวจะห่อหุ้มด้วยโลหะทั้ง2ด้านจะมีรูตาไก่กลมๆเจาะไว้ใช้สำหรับแขวน
การเก็บดูแลรักษา ไม่ใช้สายวัดแทนสายคาดเอว เพราะจะทำให้สายวัดบิดเบี้ยวเสียรูปและควรเก็บ
รักษาโดยวิธกี ารแขวน เพราะจะทำให้สายวดั อยู่สภาพเดมิ ไม่เสียรปู สะดวกต่อการใชง้ าน

ภาพท่ี 2.9 สายวดั
ที่มา: http://mounbumrungsil-cloth5.blogspot.com/

ภาพที่ 2.10 ไม้บรรทดั
ที่มา: http://mounbumrungsil-cloth5.blogspot.com/
2) ไมบ้ รรทัด
การใช้งาน ใช้สำหรบั ขีดเส้นในการสรา้ งแบบ
ลกั ษณะ ไมบ้ รรทดั มาตรฐานมีขนาดความยาว 12 นิ้ว หรือ 30 เซนติเมตร ใช้ในงานสรา้ งแบบใช้โคง้ ส่วน
ตา่ งๆแทนไมโ้ คง้ ได้ ไม้บรรทดั ขนาด 18 น้ิวหรือ 45 เซนติเมตรและขนาด 24 นวิ้ หรอื 60 เซนตเิ มตร
ใช้สำหรับตอ้ งการขีดเส้นยาวๆท่ตี ่อเนื่องกนั

24

การเกบ็ ดแู ลรกั ษา ควรเกบ็ โดยวิธแี ขวนถ้าเป็นไม้บรรทดั พลาสติกควรระวังไม่ให้เกิดรอยขูดขีดเพราะ
จะทำให้ตัวเลขระยะวัดเลอื นหายไม่สามารถอา่ นระยะวัดได

ภาพที่ 2.11 ไม้ฉาก
ทีม่ า: http://mounbumrungsil-cloth5.blogspot.com/
3) ไมฉ้ าก
การใช้งาน ใชส้ ำหรบั สรา้ งแบบจะได้สัดส่วนเกณฑต์ ามมาตราส่วนมุมฉาก
ลักษณะ เป็นรปู สามเหลย่ี ม ด้านหนงึ่ ทำมุมฉาก 90 องศา ด้านตรงขา้ งทำมุมแหลมใช้
ลากเส้นตั้งฉากในงาน สร้างแบบเสื้อ ไม้ฉากมีขนาด 23 นิ้ว คูณ 11 นิ้ว มีเพียง 2 ด้าน ด้านหนึ่งสั้น
และอกี ดา้ นหนง่ึ ยาว เป็นรปู ตัวแอล จะมีสัดส่วนมาตราเกณฑ์สดั สว่ นและวธิ ีคำนวณ
การเก็บดูแลรักษา ควรเก็บโดยวิธีแขวน ถ้าเป็นไม้บรรทัดพลาสติก ควรระวังอาจจะหักได้และระวัง
ไมใ่ ห้เกิดรอยขูดขดี เพราะจะทำใหต้ ัวเลขระยะวัดเลอื นหายไม่สามารถอ่านระยะวดั ได้

ภาพท่ี 2.12 ไมโ้ ค้ง
ท่ีมา: http://mounbumrungsil-cloth5.blogspot.com/

25

4) ไมโ้ ค้ง
การใช้งาน ใชโ้ ค้งแนวสะโพกและแนวตะเข็บข้าง
ลักษณะ เหมือนไม้บรรทัดยาวขนาด 24 นิ้ว เป็น รูปโค้ง โค้งตรงช่วงด้านบนของไม้และมีความกว้าง
กวา่ ชว่ งปลาย มที ัง้ ชนดิ ทที่ ำดว้ ยไมแ้ ละพลาสตกิ ตรงปลายมีรสู ำหรบั แขวน
การเก็บดูแลรักษา ควรเก็บโดยวิธีแขวน ถ้าเป็นไม้บรรทัดพลาสติกควรระวังไม่ให้เกิดรอยขูดขีด
เพราะะทำให้ตัวเลขระยะวัดเลอื นหายไม่สามารถอา่ นระยะวัดได้

อุปกรณท์ ี่ใชใ้ นการตัด

ภาพท่ี 2.13 กรรไกรตัดผา้
ที่มา: http://mounbumrungsil-cloth5.blogspot.com/

5) กรรไกรตดั ผา้
การใช้งาน ใช้สำหรับตัดผ้า ไม่ตัดวัสดุอย่างอื่นที่ไม่ใช่ผ้าและไม่ควรตัดผ้าซ้อนกันหลายชั้น ขณะใช้
งานควรวางเบาๆ ระวงั ไม่ใหต้ กจะทำให้ไมค่ ม
คุณภาพของกรรไกรทำด้วยเหล็กกล้า มีความคมของกรรไกรจากโคนกรรไกรถึงปลายกรรไกร โดย
ทดลองตัดผ้าแล้วผ้าจะขาดตลอด ไม่มีเศษด้ายติดที่กรรไกรแสดงว่ากรรไกรน้ันคมจริง ขนาดของ
กรรไกรวัดความยาวเป็นนว้ิ มขี นาดความยาว 8 น้วิ ถึง 9 นิ้ว ดา้ มโคง้ ตัดไดเ้ ท่ยี งกว่า
การเก็บดูแลรกั ษา หลงั จากใช้งานควรปัดฝนุ่ ใชผ้ า้ ชุบน้ำมนั เช็ดทำความสะอาดป้องกันสนิม เก็บใน
กล่องอปุ กรณต์ ดั เยบ็ และควรระวงั อยา่ ให้กรรไกรตดั ผา้ ตกพ้ืนเพราะอาจทำใหห้ ายคมและใช้งานได้ไม่
นาน ควรเช็คทำความสะอาดดว้ ยน้ำมันจักรอาทติ ย์ละ 1-2 ครง้ั เพ่อื เพ่มิ ประสทิ ธิภาพในการใช้งาน

26

ภาพท่ี 2.14 กรรไกรตัดกระดาษ
ท่มี า: http://mounbumrungsil-cloth5.blogspot.com/
6) กรรไกรตัดกระดาษ
การใช้งานใช้สำหรับตัดกระดาษสร้างแบบราคาไม่แพงทำด้วยเหล็กหรืออะลูมิเนียมมีด้ามเป็น
พลาสติกสีต่าง ๆเช่น สีส้ม สีแดง สีเขียว เป็นต้น ขนาดที่เหมาะแก่การใช้งาน คือ ขนาดยาว 7-8 น้ิว
เมื่อใช้แยกเฉพาะงานออกไปไมค่ วรใช้ปนกนั จะทำให้ความคมหมดไปขณะใช้งานควรระมดั ระวังไม่ให้
กรรไกรตกเพราะจะทำให้ด้ามพลาสติกแตกหักได้ไม่ควรนำกรรไกรไปตัดลวดเพราะทำให้คมกรรไกร
เสียเนื่องจากกรรไกรตดั กระดาษทำด้วยเหลก็ เนื้ออ่อนหรืออลมู ิเนยี ม
การเก็บดแู ลรักษาไม่ควรตัดวัสดุอยา่ งอ่ืนและไม่ใหต้ กพน้ื ควรใช้ผา้ ชุบน้ำมนั เช็ดทำความสะอาด
หลังจากใช้งานเก็บในกล่องอุปกรณก์ ารตัดเยบ็

ภาพที่ 2.15 กรรไกรตัดด้าย
ท่มี า: http://mounbumrungsil-cloth5.blogspot.com/

27

7) กรรไกรตัดเส้นดา้ ย
การใชง้ าน ใชส้ ำหรบั ตดั เศษดา้ ย
ลกั ษณะเปน็ เหลก็ ธรรมดาปลายกรรไกรแหลมคมด้ามกรรไกรจะจับเป็นแบบหนีบเหมาะสำหรับใช้ตดั
เส้นดา้ ยหลังจากเย็บตะเข็บต่างๆเสรจ็ แลว้
การเกบ็ ดแู ลรักษา ใชแ้ ล้วควรเช็ดทำความสะอาดไม่ควรให้สมั ผสั ของเปียกชนื้ เพราะจะทำให้เปน็
สนมิ ควรจัดเก็บในกลอ่ งอปุ กรณก์ ารตัดเยบ็

ภาพท่ี 2.16 ท่เี ลาะผา้
ที่มา: http://mounbumrungsil-cloth5.blogspot.com/
8) ท่ีเลาะผา้
การใช้งาน ใช้สำหรับเลาะแนวตะเขบ็ ต่างๆ ที่ต้องการแกไ้ ขหรือเลาะด้ายเนา
ลักษณะของที่เลาะผ้าหนึ่งอันจะมีส่วนที่เป็นด้ามทำด้วยพลาสติกหรือไม้ อีกส่วนเป็น
ทเี่ ลาะผ้าทำดว้ ยโลหะแบน
การเก็บดูแลรักษา ไม่ควรให้สัมผัสของเปียกชื้นเพราะจะทำให้เป็นสนิมควรจัดเก็บในกล่องอุปกรณ์
การตดั เยบ็

ภาพที่ 2.17 กระดาสรา้ งแบบ
ที่มา: http://mounbumrungsil-cloth5.blogspot.com/

28

9) กระดาษสร้างแบบ
การใชง้ าน ใชส้ ำหรับสร้างแบบตดั
ลกั ษณะ เป็นแผ่นใหญเ่ นอื้ กระดาษมีความเหนยี วใชส้ ำหรับงานการสร้างแบบก่อนทีจ่ ะนำไปวางแบบ
ตดั เสอื้ ผ้าลงบนผ้า อีกทีหน่ึง
การเกบ็ ดแู ลรกั ษา ควรเกบ็ ในท่ีอากาศถ่ายเทได้ดี ไมเ่ ปยี กช้ืนวางกระดาษตามแนวนอนโดยทับซ้อนกัน
และอย่าให้กระดาษถูกแสง เพราะ จะทำใหก้ ระดาษเหลืองกรอบ

ภาพที่ 2.18 ดินสอ
ที่มา: http://mounbumrungsil-cloth5.blogspot.com/
10) ดินสอ
การใช้งาน ใชส้ ำหรับขีดเส้นหรือทำเคร่ืองหมายบนแบบตดั ควรเหลาดินสอให้แหลมเพ่ือความคมชัด
ของเส้น ไม่ควรใช้ดนิ สอท่ีไสอ้ อ่ นจนเกนิ ไป จะทำให้ทูเ่ รว็
ลักษณะ ดินสอที่นำมาใช้ส่วนใหญ่จะเป็นดินสอดำ HB สำหรับงานการสร้างแบบตัดเย็บเสื้อผ้าเคร่อื ง
แต่งกาย และทำเครื่องหมายของตำแหนง่ ในการวางแบบ
การเกบ็ ดูแลรกั ษา ควรจัดเกบ็ ใส่กล่องอุปกรณใ์ ห้สะดวกตอ่ การใชง้ าน

ภาพที่ 2.19 ยางลบ
ที่มา: http://mounbumrungsil-cloth5.blogspot.com/

29

11) ยางลบ
การใชง้ าน ใช้สำหรบั ลบเสน้ ดินสอท่ีใช้ในการสรา้ งแบบตดั ยางลบทน่ี ำมาใชจ้ ะต้องเป็นยางลบท่ใี ช้
ลบดินสอ ใชก้ ับงานการสร้างแบบตัด ยางลบ ควรมีคณุ ภาพดี สามารถลบรอยดินสอได้สะอาด
การเก็บดูแลรกั ษา ควรจดั เก็บใส่กล่องอุปกรณก์ ารตัดเยบ็ ให้สะดวกต่อการใช

ภาพที่ 2.20 ชอลก์ ขดี ผ้า
ท่ีมา: http://mounbumrungsil-cloth5.blogspot.com/
12) ชอลก์ ขีดผ้า
การใชง้ าน ใช้ทำเคร่อื งหมายบนผ้า
ลักษณะจะเป็นรูปสามเหลี่ยม มีหลากสีที่นำมาใช้ขีดเสน้ ลงบนผ้า ไว้ทำเครื่องหมายบนผ้า ขีดแล้วจะ
ลบออกได้ควรเลอื กสขี องชอล์กขดี ผา้ ใหเ้ หมาะสมกับสีของผ้าจะทำให้ไม่เลอะเป้ือนง่ายในขณะที่ใชช้ อล์ก
การเก็บดแู ลรักษาควรระวังไมใ่ ห้ตกเพราะจะทำให้แตกหกั ไดแ้ ละจัดเก็บใส่กล่องอุปกรณ์การตัดเยบ็

ภาพท่ี 2.21 ลุกกล้งิ
ท่มี า: http://mounbumrungsil-cloth5.blogspot.com/

30

13) ลกู กลง้ิ
การใช้งานใชก้ ดรอยเพ่อื ลอกเสน้ ในข้ันตอนสร้างแบบและกดรอยเส้นท่จี ะเย็บตะเข็บลงบนผ้า
ลักษณะรูปแบบส่วนรวมจะมีด้านเป็นไม้หรือพลาสติกส่วนที่เป็นตัวกดรอยจะเป็นโลหะใช้สำหรับใน
การกล้งิ กดรอย
การเกบ็ ดูแลรกั ษาควรเก็บในกล่องอุปกรณ์การตัดเยบ็ ควรดแู ลรกั ษาไม่ใหส้ มั ผัสความชนื้ เปียกเพราะจะ
ทำให้ลกู กล้งิ เปน็ สนมิ
อปุ กรณใ์ นการเย็บ

ภาพที่ 2.22 เขม็ เยบ็
ท่ีมา: http://mounbumrungsil-cloth5.blogspot.com/
14) เขม็ มอื
การใชง้ าน ใช้สำหรับ เนา สอย เยบ็ ติดเครอื่ งเกาะเกย่ี ว ถกั รงั ดมุ มีขนาดท่ีแตกต่างกนั ตาม
ลักษณะ ใชเ้ ยบ็ หรอื สอยผ้าตา่ งๆ
การเก็บดูแลรักษา หลังจากการใช้งานควรเช็ดด้วยน้ำมัน อย่าให้เปื้อนเหง่ือห่อกระดาษใส่กล่อง
อุปกรณก์ ารตัดเย็บ

ภาพท่ี 2.23 เขม็ มอื
ที่มา: http://mounbumrungsil-cloth5.blogspot.com/

31

15) เขม็ จกั ร
การใช้งาน ใช้สำหรับเย็บผา้ โดยมขี นาดทีแ่ ตกต่างกนั ตามลักษณะของงาน ทีน่ ำมาใช้ตามเบอร์ ที่
สัมพนั ธ์กบั ผ้า จะแบ่งตามประเภทของจักร ดังน้ี คือ
1) เข็มจักรแบบธรรมดา จะมสี ญั ลกั ษณ์คอื HAต่อดว้ ยขนาดเบอรเ์ ข็มจักรผา้ บางใช้ขนาดเข็มจัก
เบอร์ 9 ถงึ 13 ผา้ หนา ใชข้ นาดเขม็ จกั รเบอร์14 ถงึ 18ผา้ มใี ยสังเคราะห์สูงจะเย็บยาก ใช้เขม็ จักรทีม่ ีโคน
เขม็ ท่เี ป็นสีทอง เรยี กว่าเขม็ ทอง
2) เข็มจักรแบบอตุ สาหกรรมจะมสี ญั ลักษณ์คือDBต่อดว้ ยขนาดเบอรเ์ ขม็ จักรผา้ บางใชข้ นาดเขม็ จักร
เบอร์ 11 ถงึ 14 ผ้าหนา ใช้ขนาดเข็มจกั รเบอร์ 16 ถึง 18

ภาพที่ 2.24 เข็มหมุด
ทม่ี า: http://mounbumrungsil-cloth5.blogspot.com/
16) เข็มหมุดการใช้งานใช้สำหรับกลัดผ้าเพื่อเตรียม การเนาและกลัดแบบตัด ควรเลือกเข็มหมุดที่มี
ปลายแหลมคม หวั เข็มหมุ้ ดว้ ยพลาสติกใสหรอื หวั เข็มแบบ หวั มกุ ใช้ติดกับงานวางแบบตดั เย็บ
การเก็บดแู ลรกั ษา ควรเก็บใส่กลอ่ งเขม็ หมดุ หรอื ปกั ไว้บนหมอนเข็ม

ภาพที่ 2.25 หมอนเข็ม
ทมี่ า: http://mounbumrungsil-cloth5.blogspot.com/

32

17) หมอนเขม็
การใช้งาน ใชป้ กั เข็มชนดิ ต่างๆ ช่วยใหห้ ยิบใช้ ไดง้ า่ ย ไสห้ มอนเขม็ ใชผ้ ม ขนสัตว์ หรอื กาก กาแฟ ผสมเศษ
เทยี นไข เพื่อป้องกนั เข็ม เป็นสนิม
การเกบ็ ดแู ลรกั ษา ระวงั อย่าใหถ้ กู น้ำเม่ือใชเ้ สร็จแลว้ จงึ ควรเก็บใส่กล่องเคร่อื งมือหรอื ต้อู ปุ กรณ์ ให้เรียบร้อย

ภาพที่ 2.26 ดา้ ยเยบ็
ทม่ี า: http://mounbumrungsil-cloth5.blogspot.com/
18) ด้ายเย็บ
การใช้งาน ใช้เย็บผ้า เย็บประกอบชิ้นส่วนของเสื้อผ้าให้ติดกัน ควรเลือกสีด้ายให้เหมาะกับผ้า ด้ายใช้
เยบ็ ผา้ ท่วั ๆ ไป คอื เบอร์ 60
การเก็บดแู ลรกั ษา ก่อนการเกบ็ หลอดด้ายควรนำปลายด้ายสอดไว้ในรอยบากหรือทีเ่ ก็บด้ายถ้าหลอด
ดา้ ยแบบไม่มีรอยบากใช้เทปใสปิดปลายด้ายให้ติดกบั หลอดด้าย

ภาพท่ี 2.27 จกั รเยบ็ ผ้า
ทมี่ า: http://mounbumrungsil-cloth5.blogspot.com/

33

19) จักรเย็บผ้า
จักรเย็บผ้าเป็นอุปกรณ์ที่มีราคาแพงที่สุดและสำคัญที่สุด มีหลายชนิด ได้แก่ จักรเย็บผ้า
ธรรมดา จักรเย็บผ้าแบบกระเป๋าหิ้ว จักรอุตสาหกรรม เป็นต้นซึ่งมีโครงสร้างหลักคล้ายๆกัน ผู้เป็น
ช่างต้องศึกษาคู่มือแนะนำการใช้จักร ให้เข้าใจ รู้เทคนิคและมีทักษะในการใช้งาน การดูแล
รักษาเป็นอย่างดี เพื่อให้จักรใช้งานได้สมบูรณ์และยาวนาน ส่งผลให้การเย็บ มีคุณภาพงานที่ดี

ภาพที่ 2.28 เตารีด
ทมี่ า: http://mounbumrungsil-cloth5.blogspot.com/

20) เตารีดธรรมดา
การใช้งานใช้รีดผ้าให้เรียบก่อนเย็บ ในขณะเย็บ เพื่อให้ตะเข็บสวยงามไม่ย่นรั้งทำให้งานดูสวยงาม
ประณตี กอ่ นรีดใหป้ รับปมุ่ ทห่ี นา้ ปัดเลอื กอณุ หภูมิใหเ้ หมาะกับผ้า แตล่ ะชนดิ
การเก็บดูแลรักษา หลังการใชค้ วรงานเล่ือนปุ่มมาทีอ่ ุณหภมู ิตำ่ สดุ ดงึ ปลั๊ก

2.4 งานวิจยั ท่ีเกย่ี วข้อง
นิ่มนวล จันทรุญ (2554) ได้วิจัยเรื่อง การพัฒนาทักษะการทอผ้าด้วยกี่เอว Developing

skills of weaving with a back strap loom การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษาภูมิปัญญา
การทอผ้าด้วยกี่เอว กลุ่มตัวอย่างคัดเลือกแบบเจาะจง กลุ่มทอผ้าบ้าน โนนแสบง กลุ่มทอผ้าบ้าน
นาสีนวน และ กลุ่มทอผ้าบ้านพระพุทธบาทห้วยต้ม อ.ลี้ จ.ลำพูน เครื่องมือวิจัยได้แก่ การถอด องค์
ความรู้ การสนทนากลุ่มย่อย แลกเปลี่ยนเรียนรู้ การวิเคราะห์ข้อมูล และ นำเสนอข้อมูลแบบ
พรรณนาวิเคาะห์ พบว่า กี่เอว และ กี่ใหญ่ มีกระบวนการทอผ้าคล้ายกัน ต่างกันที่ขั้นตอนและ
เครื่องมือ กี่เอวมีขนาดเล็กกะทัดรัด ใช้ผูกติดกับลำตัว เคลื่อนย้ายง่าย สามารถทอผ้าได้ทุกที่ ผู้เรียน
เข้าใจกระบวนการทอผา้ เบ้อื งตน้ ไดเ้ รว็ พัฒนาผู้เรยี นสู่ กระบวนการทอด้วยกี่ใหญม่ าตรฐานได้ การ

34

พัฒนาทักษะการทอผ้าด้วยกี่เอว เป็นการเลือกใช้เคร่ืองมือทอผ้าและปรับให้ใช้งานง่ายและสะดวก
ลดขน้ั ตอน การทำงาน เพ่อื ดึงดดู ความสนใจใหค้ นกลับมาทอผ้าเพ่มิ มากขึน้ เปน็ การฟื้นคืนภูมิปัญญา
เดิม ด้วยการนำเอาภูมิปัญญาการ ทอผ้าด้วยกี่เอวมามาพัฒนา เกิดทักษะการทอผ้าแบบผสมผสาน
ดึงเอาจดุ เด่นทเ่ี หมาะสมมาใช้ พัฒนาทักษะการทอผา้ สกู่ ่ี ขนาดใหญใ่ นอนาคตได้เม่อื ตอ้ งการ สามารถ
ออกแบบการทอได้ทั้ง มัดหมี่เส้นยืนและเส้นพุ่ง ทอผ้าพื้น ทอผ้ายกดอกได้ที ละผืน คำ สำคัญ: การ
พัฒนาทักษะ, การทอผา้ , กเ่ี อว

ภริ มย์ แก้วมรี (2555) ได้วิจัยเรอื่ ง การพัฒนาผ้าคลุมไหล่จากผ้าทอมือกะเหรี่ยง ผลการวิจัย
พบว่า วิถีชีวิตของกะเหรี่ยงตะเพินคี่ นับถือสาสนาพุทธ การแต่งกายสตรี พรมจารีสวมชุดกระโปรง
ยาวถงึ ข้อเท้า สตรีแตง่ งานแล้วสวมเสอื้ คอวี นุ้งผา้ ซ่ินยาวถงึ ขอ้ เท้าบริโภคอาหารท่หี าได้ในทอ้ งถ่ิน รส
จัด ที่อยู่อาศัยเป็นบ้านใต้ถุงสูง ฝา และพื้นบ้านทาด้วยไม้ไผ่ลวดลายผ้ามี 3 ลักษณะ คือ ลายสลับสี
ลายขิต และลายจก เมื่อพัฒนาลวดลาย และมัดย้อม ทอผ้าเป็นผ้าคลุมไหล่แล้ว นำไปทดสอบสมบัติ
ทางกายภาพ ผลการทดสอบพบว่า ผ้ามีน้ำหนัก 268.12 กรัมต่อ ตารางเมตร ความแข็งแรงของผ้า
คลุมไหล่ต่อแรงดึงแนวเส้นด้ายยืนคือ 717.66 นิวตัน แนวเส้นด้ายพุ่ง คือ 341.64 นิวตัน การ
เปล่ยี นแปลงขนาดภายหลังการซัก 1คร้งั พบว่าแนว เส้นดา้ ยยืนมกี ารหดตัว 8% และแนวเส้นดายพุ่ง
มกี ารหดตัว 2.4% ผู้บริโภคมีความพึงพอใจในระดับมากที่สุด คา่ เฉลยี่ ความเหมาะสมกบั ประโยชน์คือ
4.60 คา่ เฉล่ียความสวยงามทันสมยั คอื 4.82

ผศ. วาสนา ช้างม่วง (2555) ได้วิจัยเรื่อง การออกแบบกระเป๋าความร้อน/เย็น ด้วยผ้าฝ้าย
ทอมือย้อมสีธรรมชาติ ของกลุ่มน้ำมอญแจ้ซ้อน การวิจัยครั้งนี้มีวตั ถุประสงค์เพื่อศึกษาการออกแบบ
ความต้องการพื้นฐานของกลุ่มทอผ้า น้ํามอญแจ้ซ้อน จังหวัดลําปาง ในบริบทของพื้นที่ที่ศึกษา
ออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์สิ่งทอจาก ผ้าฝ้ายทอมือย้อมสีธรรมชาติ เปรียบเทียบรูปแบบวัสดุ
กระบวนการผลิต ผลิตภัณฑ์สิ่งทอจากผ้า ฝ้ายทอมือย้อมสีธรรมชาติ เครื่องมือในการวิจัย
ประกอบดว้ ย การสมั ภาษณ์ แบบประเมินความ คิดเห็น แบบประเมินผลงาน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการ
วิจยั ผสู้ นใจ ๑๐๐ คน สถติ ทิ ่ีใช้ ค่ารอ้ ยละ

ทีราทรน์ ธีรกุลชัย (2557) ได้วิจัยเรื่อง กิจการศึกษาและพัฒนาผลิตภัณฑ์สําหรับพักผ่อน
กลางแจ้งจากผ้าย้อมคราม จากผลการวิจัยพบวาผลิตภัณฑ์พักผ่อนกลางแจ้งจากผ้าฝ้ายย้อมคราม
โดยมีคะแนนภูมิปัญญาผ้าย้อมครามสามารถประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันและเห็นคุณค่าของภูมิ
ปัญญาได้ค่าเฉลี่ยรวมอยู่ในระดบั ดีมาก ̅=4.10,S.D.=0.70 รองลงมาคือความสะดวกสบายในการใช้
ง่ายต่อการ ดูแลรักษา สามารถเคลื่อนย้ายได้สามารถนั่งพักผอ่ นในที่มีแดดส่องถึงได้ สามารถป้องกน
แสงแดดได้ เชอ่ื วาผลติ ภัณฑส์ ามารถป้องกันรงั สียวู ไี ด้และมีรูปแบบท่เี ข้ากับบยุคสมัยอยู่ ในระดับดี ̅
=7.00, S.D.=0.71

35

พระครูประภัทรสุตธรรม (วีรศักดิ์ ปภสฺสโร) (2560) ได้วิจัยเรื่อง การอนุรักษ์และพัฒนาภูมิ
ปัญญาการทอผ้าไหมของกลุ่มทอผ้าไหม การศึกษาวิจัยเรื่องนี้มีวัตถุประสงค์หลัก ๓ ประการ คือ ๑)
เพอ่ื ศกึ ษาภูมปิ ัญญาการทอผา้ ไหมของกลุ่มทอผ้าไหมบ้านดู่นาหนองไผ่ ตำบลนาหนองไผ่ อ าเภอชุม
พลบรุ ี จังหวัดสุรนิ ทร์ ๒) เพอ่ื ศึกษาแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาภูมิปัญญาการทอผ้าไหมของกลุ่ม
ทอผ้าไหมบ้านดู่นาหนองไผ่ตำบลนาหนองไผ่ อ าเภอชุมพลบุรี จังหวัดสุรินทร์ และ ๓) เพื่อศึกษา
ปัญหาและอุปสรรคที่มีต่อการ อนุรักษ์และพัฒนาการทอผ้าไหมของกลุ่มทอผ้าไหมบ้านดูน่ าหนองไผ่
ตำบลนาหนองไผ่ อำเภอชุมพล บุรีจังหวัดสุรินทร์เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ รวบรวมข้อมูลโดยการ
สัมภาษณ์ผู้ใหข้ อ้ มลู สำคัญจำนวน ๓๓ คน

36

37

5 หมายถึง มากท่ีสุด
4 หมายถึง มาก
3 หมายถงึ ปานกลาง
2 หมายถงึ นอ้ ยหรอื ต่ำกวา่ มาตรฐาน
1 หมายถงึ นอ้ ยทีส่ ุดหรอื ต้องปรับปรงุ แกไ้ ข

ส่วนที่ 3 ข้อเสนอแนะซึ่งเป็นคำถามปลายเปิดเพื่อให้ผู้ตอบแบบสอบถามแสดงความคิดเห็นเกณฑ์
การประเมินแบบสอบถามความคิดเห็น มี 5 ระดบั โดยผ้จู ัดทำโครงการไดเ้ ลือกวิธกี ารของ เรน็ สิส เอลิ
เคริ ท์ ดังน้ี (Likert’Scale,Rating scale A.2504)

4.50 - 5.00 หมายถึง เห็นดว้ ยอยรู่ ะดับมากทสี่ ดุ
3.50 - 4.49 หมายถึง เหน็ ดว้ ยอยรู่ ะดบั มาก
2.50 - 3.49 หมายถึง เห็นดว้ ยอยรู่ ะดบั ปานกลาง
1.50 - 2.49 หมายถงึ เหน็ ด้วยอยรู่ ะดับนอ้ ย
1.00 - 1.49 หมายถงึ เห็นด้วยอยรู่ ะดบั นอ้ ยมาก

การสร้างเคร่ืองมือในการเก็บรวบรวมขอ้ มลู คร้งั น้ี โดยมีการสรา้ งเคร่อื งมือดังนี้
- ศึกษาค้นคว้าเอกสารที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดแนวทางในการสร้างเครื่องมือในการศึกษาให้

ครอบคลมุ เนือ้ หาท่ีกำหนด
- จดั ทำแบบสอบถามเพ่อื ใช้ในการเกบ็ ข้อมลู เกยี่ วกบั ผลิตภณั ฑ์ผ้าปูโตะ๊ ฝา้ ยล้านนา
- ตรวจสอบแบบสอบถาม โดยปรึกษาอาจารย์ผู้สอนเกี่ยวกับความถูกต้องของแบบสอบถาม

และขอ้ ควรแก้ไขของแบบสอบถามเพื่อนำไปใชใ้ นการเก็บข้อมูลท่ถี ูกต้อง
- ปรับปรุงแก้ไขแบบสอบถามตามที่ควรแก้แล้วเสนอต่ออาจารย์อีกครั้งเพื่อตรวจเช็คความ

ถูกตอ้ งอกี ครง้ั กอ่ นจะนำไปใช้ในการเกบ็ ข้อมูล
3.3 ข้ันตอนการดำเนินงาน

1) การวางแผน (P)
- กำหนดชอ่ื เรอ่ื งและศกึ ษารวบรวมขอ้ มลู ปญั หา ความสำคัญของโครงการ
- เขยี นแบบนำเสนอโครงการ
-ขออนมุ ตั ิโครงการ

38

2) ขั้นตอนการดำเนนิ การ (D)
- ศกึ ษา ตัดเย็บผลติ ภณั ฑ์ผ้าปโู ตะ๊ ฝา้ ยลา้ นนา ประเมนิ ผลและปรบั ปรุง ครงั้ ที่ 1
- ศกึ ษา ตดั เย็บผลิตภณั ฑ์ผ้าปูโตะ๊ ฝา้ ยล้านนา ประเมินผลและปรับปรงุ ครัง้ ท่ี 2
- ศึกษา ตดั เยบ็ ผลิตภณั ฑ์ผ้าปูโต๊ะฝ้ายลา้ นนา ประเมินผล ครง้ั ที่ 3

3) ขัน้ ตอนการตรวจสอบ (C)
- กลมุ่ ประชากรใชง้ านผลิตภัณฑ์ผ้าปูโตะ๊ ฝ้ายล้านนา
- ประเมนิ ผลความพงึ พอใจของผลติ ภณั ฑ์ผา้ ปูโต๊ะฝ้ายล้านนา

4) ข้นั ประเมนิ ตดิ ตามผล (A)
- สรปุ ผลการประเมนิ ความพงึ พอใจผลิตภณั ฑ์ผ้าปโู ตะ๊ ฝา้ ยลา้ นนา
- จัดทำเลม่ โครงการ
- นำเสนอโครงการ

3.4 การเก็บรวบรวมข้อมลู
ผ้จู ัดทำโครงการได้ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลการทำโครงการนี้ อย่างเปน็ ขนั้ ตอนดงั นี้
1) ผู้จัดทำโครงการทำการแจกแบบสอบถามให้กับกลุ่มตัวอย่าง โดยพิจารณาจากการ

ตัดสินใจของผู้วิจัยเอง โดยวิธีการสแกนคิวอาโค๊ช ให้ผู้ตอบแบบสอบถามตอบแบบสอบถามออนไลน์
ด้วยตัวเอง

2) การรวบรวมแบบสอบถาม ผู้จัดทำโครงการได้รวบรวมแบบสอบถามดว้ ยตวั เอง
3) ตรวจสอบความสมบรู ณ์ของแบบสอบถาม เพอ่ื นำขอ้ มูลไปวเิ คราะห์ทางสถติ ิ

3.5 การวิเคราะห์และสรปุ ผล
ข้อมูลที่ได้จากการรวบรวม ผู้จัดทำโครงการได้ทำการตรวจสอบความเรียบร้อยของ

แบบสอบถาม และนำขอ้ มลู มาประมวลผลด้วยโปรแกรมคอมพวิ เตอรส์ ำเรจ็ รปู สำหรบั การคิดค่าร้อย
ละ การหาค่าเฉลย่ี ( ̅) และส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน (S.D) ดงั น้ี

1) การวิเคราะห์ข้อมูลส่วนที่ 1 ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ตอบแบบสอบถาม โดยการแจกแจง
ความถแี่ ละรอ้ ยละ

39

ตอนท่ี 1 หาความถี่ (Ferquency) และคา่ รอ้ ยละ (Percentage)
สูตรการหาคา่ รอ้ ยละ

P = ×100



เมื่อ P แทน ร้อยละ
F แทน ความถ่ีท่ีต้องการแปลคา่ ใหเ้ ปน็ รอ้ ยละ
N แทน จำนวนความถีท่ ้งั หมด

ตอนที่ 2 วเิ คราะหค์ ่าเฉลย่ี ( ̅ ) และสว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐาน (S.D)

สูตรการหาคา่ เฉล่ีย
̅ = ∑



เมือ่ ̅ แทน ค่าเฉล่ีย
ผลรวมทง้ั หมดของความถี่
∑ แทน ผลรวมทั้งหมดของความถีซ่ ่ึงมคี ่าเทา่ กบั จำนวนขอ้ มลู ท้งั หมด

N แทน

สูตรการหาสว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐาน

S.D =√( ∑ 2 − (∑ 2)

เมื่อ S.D แทน สว่ นเบีย่ งเบนมาตรฐาน
N แทน จำนวนค่ทู งั้ หมด
X แทน คะแนนแตล่ ะตัวในกลมุ่ ขอ้ มูล

∑ แทน ผลบวกของความแตกตา่ งของคะแนนแตล่ ะคู่

40


Click to View FlipBook Version