The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

นาฏยศิลป์ไทย สมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Pakwan. P, 2023-01-29 09:40:15

นาฏยศิลป์ไทยในสมัยรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 2

นาฏยศิลป์ไทย สมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย

รั ช ก า ล II ที่ 2 Kin g R a m a II พระบาทสมเด็ด็ ด็ จ ด็ จ พระพุพุพุ ท พุ ทธเลิลิลิศลิหล้ล้ ล้ า ล้ านภาลัลั ลั ย ลั ย นาฏยศิลป์ไทยในสมัยรัตนโกสินทร์


หนังสือนาฏยศิลป์ไทย ในสมัยรัตนโกสินทร์ สมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2) จัดทำ โดย นายพลลภัตม์ แก้วขาว เลขที่ 4 นางสาวพาขวัญ ปานทองคำ เลขที่ 14 นางสาวศุภจิรา พรหมเพรา เลขที่ 21 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/9 เสนอ คุณครูณัฐดนัย หมั่นเที่ยง หนังสือเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา ศ33101 ศิลปะ 5 โรงเรียนมหาวชิราวุธ จังหวัดสงขลา ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565


หนังสือเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา ศ33101 ศิลปะ 5 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยมีจุดประสงค์เพื่อศึกษาหาความรู้ เรื่อง นาฏยศิลป์ไทยในสมัยรัตนโกสินทร์ ของ สมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 ซึ่งหนังสือนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับ พระราชประวัติ พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย บุคคล สำ คัญในสมัยรัชกาลที่ 2 และ พระราชนิพนธ์บทละคร การจัดทำ หนังสือเล่มนี้สำ เร็จตามวัตถุประสงค์ไปด้วยดี ทางผู้จัดทำ ขอขอบคุณ คุณครูณัฐดนัย หมั่นเที่ยง ที่ท่านได้ให้ความรู้และคำ แนะนำ ในการทำ หนังสือจนทำ ให้ หนังสือเล่มนี้สมบูรณ์ ผู้จัดทำ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ที่ได้เรียบเรียงมา จะให้ความรู้และเป็นประโยชน์ต่อผู้สนใจเป็นอย่างดี หากผิดพลาดประการใด ผู้จัดทำ ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย คณะผู้จัดทำ คำ นำ


สารบัญ บั พระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ 01 02 บุคคลสำ คัญสมัยรัชกาลที่ 2 พระราชนิพนธ์บทละคร 06 07


พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ริ ย์พระองค์ที่ 2 ของกรุง รัตรันโกสินทร์ ทรงเป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ 4 ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬา โลกมหาราช รัชรักาลที่ 1 และกรมสมเด็จพระอัมรินริทรามาตย์ พระบรมราชินี ประสูติที่ จังหวัดราชบุรี เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2310 ทรงสืบเชื้อสายมาจากสกุลชาวบางช้าง แขวงอัมพวา เมืองสมุทรสงคราม และทรงมีพระนามเดิมว่า “ฉิม” เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชปราบดาภิเษกเป็นพระเจ้าแผ่นดิน ในปี พ.ศ. 2325 นั้น ทรงมีพระชนมายุ 15 พรรษา ทรงรอบรู้วรู้รรณคดีและการรบทัพจับ ศึกมาแล้วเป็นอย่างดี และได้ทรงศึกษาเพิ่มเติมในด้านวรรณกรรมร้อร้ยกรองรวมทั้งงาน ช่างฝีมือต่าง ๆ จนทรงมีความสามารถในกระบวนศิลปวิทยาหลายสาขาด้วยกัน ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการดนตรีนั้รีนั้น ได้ทรงพระราชนิพนธ์ บทขับร้อร้ง บทละครไว้เป็น วรรณคดีที่มีชื่อเสียงหลายเล่ม เช่น อิเหนา รามเกียรติ์ ขุนช้างขุนแผน และบทละคร นอกอีกมากมาย เฉพาะเรื่องอิเหนาเรื่องเดียวก็มีผู้นิยมนำ มาใช้เป็นบทขับร้อร้งเพลงเถา มากที่สุด คือ 40% ของบทเพลงเถาทั้งหมด ทรงมีความสามารถในการสีซอสามสายเป็น อย่างดี และมีซอสามสายคู่พระหัตถ์ชื่อว่า “ซอสายฟ้าฟาด” กับได้พระราชนิพนธ์เพลงที่ มีชื่อเสียงมากคือ “บุหลันลอยเลื่อน” ซึ่งยังบรรเลงกันต่อมาจนถึงปัจจุบัน ในด้าน การละคร ทรงเป็นผู้พัฒนาละครไทยทั้งละครนอกและละครในเป็นอย่างดียิ่ง มีบุคคล สำ คัญในวงการละคร ในรัชรัสมัยของพระองค์ที่ได้ทรงพระกรุณาให้เป็นแม่บทแห่งการ ฟ้อนรำ และขับร้อร้ง อาทิ กรมพระพิทักษ์เทเวศร์ เจ้าจอมมารดาอัมพา (ต้นราชสกุล ปราโมช) เจ้าจอมมารดาศิลา (ต้นราชสกุล ทินกร พนมวัน และกุญชร) ฯลฯ


ด้านการปกครอง พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงประกอบพระราชกรณียกิจด้านการปกครอง โดยยังคงรูปแบบการปกครองแบบเดิม แต่มีการตั้งเจ้านายที่เป็นเชื้อพระวงศ์เข้าดูแล บริหริารงานราชการตามหน่วยงานต่างๆ เช่น กรมพระคลัง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์เร์ป็นผู้กำ กับดูแล เป็นต้น ส่วนด้านการออก และปรับรั ปรุงกฎหมายในการปกครองประเทศที่เอื้อประโยชน์แก่ประชาชนมากขึ้น ได้แก่ พระราชกำ หนดสักเลก โดยพระองค์โปรดให้ดำ เนินการสักเลกหมู่ใหม่ เปลี่ยนเป็นปีละ 3 เดือน ทำ ให้ไพร่สร่ามารถประกอบอาชีพได้ นอกจากนี้ยังมีการออกกฎหมายว่าด้วย สัญญาที่ดินรวมถึงพินัยกรรมว่าต้องทำ เป็นลายลักษณ์อักษร และกฎหมายที่สำ คัญที่ พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้กำ หนดขึ้น คือ กฎหมายห้ามซื้อขายสูบฝิ่น ด้านเศรษฐกิจ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงประกอบพระราชกรณียกิจด้าน เศรษฐกิจ ที่สำ คัญคือการรวบรวมรายได้จาการค้ากับต่างประเทศ ซึ่งในสมัยนี้ ได้มีการเรียรีกเก็บภาษีอากรแบบใหม่คือ การเดินสวนและการเดินนา การเดิน สวนเป็นการแต่งตั้งเจ้าพนักงานไปสำ รวจพื้นที่เพาะปลูกของราษฎร เพื่อคิด อัตราเสียภาษีอากรที่ถูกต้อง ทำ ให้เกิดความยุติธรรมแก่เจ้าของสวน ส่วนการ เดินนาคล้ายกับการเดินสวน แต่ให้เก็บหางข้าวแทนแทนการเก็บภาษีอากร


ด้านศาสนา พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงทะนุบำ รุงพระพุทธศาสนา ทั้งด้วย การทรงบำ เพ็ญพระองค์เป็นแบบอย่าง เช่น ทรงผนวชตั้งแต่เมื่อยังทรงดำ รงพระ อิสริยริยศสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เมื่อเสด็จทรงครองราชสมบัติแล้ว พระราชานุกิจที่ ทรงปฏิบัติเป็นประจำ ทุกเช้า คือ การถวายภัตตาหารแก่พระภิกษุสงฆ์ที่้เข้ามารับรั บิณฑบาตในพระบรมมหาราชวัง และทรงสนทนาธรรมกับพระสงฆ์เป็นนิตย์ ที่สำ คัญยิ่ง คือ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ฟื้นฟูวันสำ คัญทางพระพุทธศาสนา คือวันที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรัรู้ และเสด็จดับขันธปรินิรินิพิพาน ณ วันเพ็ญเดือนหก ขึ้นสิบห้าค่ำ เป็นวันพิธีวิสาขบูชา ด้านการทะนุบำ รุงศิลปวัฒนธรรม รัชรัสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เป็นยุคที่ศิลปะแขนงต่างๆ ที่ร่วร่ง โรยหายไปเมื่อครั้งเสียกรุงได้รับรัการฟื้นฟูขึ้นใหม่ให้กลับคืนสู่สภาพปกติ เป็นสิ่ง แสดงความรุ่งรุ่เรือรืงของบ้านเมืองอีกครั้ง อาจจำ แนกได้เป็น งานสถาปัตยกรรม พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย มีพระบรม ราโชบายส่งเสริมริ ให้พระพุทธศาสนาเป็นเครื่องยึด เหนี่ยวจิตใจของราษฎร งานก่อสร้า้ร้า้งในแผ่นดินจึง เป็นงานพุทธศิลป์ที่เป็นงานช่างฝีมือชั้นสูง เกิดเป็น สกุลช่างสมัยรัชรักาลที่ 2 เช่น พระพุทธปรางค์ขนาด ใหญ่ที่วัดอรุณราชวราราม พระสมุทรเจดีย์ ที่ปากน้ำ เจ้าพระยา ซึ่งชนต่างชาติต่างภาษาที่เดินทางเข้ามาถึง พระราชอาณาจักร เกิดความประทับใจว่าแผ่นดินนี้ เป็นดินแดนที่พระพุทธศาสนาเจริญริรุ่งรุ่เรือรืงมาช้านาน


ด้านการทะนุบำ รุงศิลปวัฒนธรรม งานประติมากรรม ในรัชรัสมัยนี้มีงานช่างที่เป็นฝีพระหัตถ์ที่งดงามประณีตรู้จัรู้จักกันแพร่หร่ลาย คือ งานแกะสลักไม้บานประตูพระวิหารวัดสุทัศนเทพวราราม งานปั้นหุ่นพระพักตร์พร์ระพุทธรูปประธานในพระอุโบสถวัดอรุณ ราชวราราม และหน้าหุ่นพระยารักรั ใหญ่ พระยารักรัน้อย แกะด้วยไม้รักรั ซึ่งกล่าวกันว่าทรงแกะด้วยฝีพระหัตถ์งามเป็นหนึ่ง ด้านกวีนิพนธ์ พระองค์ทรงส่งเสริมริทำ นุบำ รุงวรรณคดีกวีนิพนธ์ นาฏศิลป์ การละครต่างๆ โดย เฉพาะด้านวรรณคดีนั้นอาจกล่าวได้ว่า เป็นยุคทองแห่งนาฏศิลป์ไทยก็ว่าได้ ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยก็ทรงเป็นกวี ได้ทรงพระราชนิพนธ์บทกวี ตกทอดมาเป็นวรรณคดีมรดกของชาติเป็นจำ นวนมาก


ด้านนาฏศิลป์ พระองค์ทรงโปรดละครรำ ท่ารำ งดงามตามประณีตแบบราชสำ นัก มีการฝึกหัดทั้ง โขน ละครใน ละครนอกโดยได้ฝึกผู้หญิงให้ แสดงละครนอกของหลวงและมีการ ปรับรั ปรุงเครื่องแต่งกายยืนเครื่องแบบละครใน ด้านดนตรี อาจกล่าวว่าในสมัยนี้ เป็นยุคทองของดนตรีไรีทยยุคหนึ่ง ทั้งนี้เพราะ องค์พระมหา กษัตริย์ริ ย์ทรงสนพระทัยดนตรีไรีทยเป็นอย่างยิ่ง พระองค์ทรงพระปรีชรีาสามารถ ใน ทางดนตรีไรีทย ถึงขนาดที่ทรงดนตรีไรีทย คือ ซอสามสาย ได้ มีซอคู่พระหัตถ์ชื่อว่า "ซอสายฟ้าฟาด" ทั้งพระองค์ได้พระราชนิพนธ์เพลงไทยขึ้นเพลงหนึ่งเป็นเพลงที่ ไพเราะ และอมตะ มาจนบัดนี้นั่นก็คือเพลง "บุหลันลอยเลื่อน" ด้านวรรณศิลป์ นอกจากทรงทะนุบำ รุงกวีในรัชรัสมัยพระบาท สมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ยังทรงเป็นกวี เอกดังมีบทพระราชนิพนธ์บทละครใน บทละคร นอก ซึ่งทรงเลือกใช้ถ้อยคำ และลีลาได้อย่าง เหมาะสมสำ หรับรัแสดงละคร พากย์โขน และ อ่านเพื่อความไพเราะซาบซึ้งในอรรถรสด้วย


บุบุบุคบุคลสำสำสำสำคัคัคัญคั ในรัรัรัชรักาลที่ที่ ที่ที่2 สุนทรภู่เป็นกวีที่มีความชำ นาญทางด้าน กลอน ได้สร้าร้งขนบการประพันธ์กลอน นิทานและกลอนนิราศขึ้นใหม่จนกลายเป็น ที่นิยมอย่างกว้างขวางสืบเนื่องมาจนกระทั่ง ถึงปัจจุบัน ผลงานที่มีชื่อเสียงของสุนทรภู่มีมากมาย หลายเรื่อง เช่น นิราศภูเขาทอง นิราศ สุพรรณ เพลงยาวถวายโอวาท กาพย์พระ ไชยสุริยริา และ พระอภัยมณีเป็นต้น 1. สุนทรภู่ หรือรืพระสุนทรโวหาร เป็นอาลักษณ์ชาวไทยที่มีชื่อเสียงเชิงกวี ได้รับรัยกย่องเป็น เชกสเปียร์แร์ห่ง ประเทศไทยเกิดหลังจากตั้งกรุงรัตรันโกสินทร์ไร์ด้ 4 ปี และได้เข้ารับรัราชการเป็น อาลักษณ์ราชสำ นักในรัชรัสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เมื่อสิ้นรัชรักาล ได้ออกบวชเป็นเวลาร่วร่ม 20 ปี ก่อนจะกลับเข้ารับรัราชการอีกครั้งในปลายรัชรัสมัย พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยเป็นอาลักษณ์ในสมเด็จเจ้าฟ้าจุฑามณี กรมขุนอิศเรศรังรัสรรค์ ในสมัยรัชรักาลที่ 4 ได้เลื่อนตำ แหน่งเป็น พระสุนทรโวหาร เจ้ากรมอาลักษณ์ฝ่ายพระราชวังบวร ซึ่งเป็นตำ แหน่งราชการสุดท้ายก่อนสิ้นชีวิต พระยาตรังรัคภูมิบาล แต่งโคลงนิราศตามเสด็จลำ น้ำ น้อย ครั้งตามเสด็จ ร.1 ไปตี เมืองทวาย โดยผ่านลำ น้ำ น้อยที่กาญจนบุรี แต่งเพื่อแสดงความอาลัยถึงหญิงที่จากมา พระยาตรังรัคภูมิบาล แต่งโคลงนิราศถลางหรือรื โคลงนิราศพระยาตรังรัแต่งเมื่อไปรบ พม่าที่ชุมพรและถลาง พร้อร้มกับนายนรินริทร์ แต่งเพื่ออาลัยรักรัต่อนางเปรียรีบกับชื่อ สถานที่ พระยาตังคภูมิบาล แต่งโคลงดั้นเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า นภาลัย และ โคลงกวีโบราณ อีกด้วย 2.พระยาตรังรัคภูมิบาล เคยตามเสด็จพระบวรราชเจ้ามหาเสนานุรักรัษ์ ไปรบพม่าที่ชุมพร และถลางพร้อร้มนายนรินริทร์ด้ร์ ด้วย นายนรินริทร์ แต่ง โคลงนิราศนรินริทร์ คราวเดียว กับพระยาตรังรัคภูมิบาลที่กล่าวไว้ข้างบน เพื่ออาลัย รักรันางและบันทึกการเดินทาง แต่งเป็นโคลงสี่ สุภาพ 143 บทและร่าร่ยสุภาพนำ 1 บท ได้รับรั ยกย่องจากวรรณคดีสโมสรว่าเป็นยอดของโคลง นิราศ น.ม.ส. กล่าวว่าเป็นวรรณคดีที่จะหาโคลง เรื่องใดมาเปรียรีบเทียบได้ยาก ได้รับรัอิทธิพลจาก โคลงกำ สรวลศรีปรีราชญ์เรื่องการฝากนาง 3.นายนรินริทรธิเบศร์ (อินทร์)ร์เป็นมหาดเล็กหุ้มแพร ในสมัย ร.2


บทละครใน ได้แก่ อิเหนา และรามเกียรติ์ 1. อิเหนา เป็นบทละครที่มีคุณค่าสมควรรักรัษาไว้ เป็นมรดกไทย ประกอบด้วยศิลปะในการแต่งที่ ประณีต บทละครมีขนาดกะทัดรัดรัรักรัษาขนบใน การชมเมืองที่ได้แบบอย่างจากเรื่องรามเกียรติ์แติ์ละ เน้นองค์ห้าของละครดี จนกลายเป็นแบบแผนของ การแต่งบทละครในสมัยหลัง สมเด็จฯเจ้าฟ้ากรม พระนครสวรรค์วรพินิตทรงยกย่องว่าบทละครเรื่อง อิเหนา พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธ เลิศหล้านภาลัยนี้ เป็นบทละครที่ครบองค์ห้าของ ละครดี คือ 1. ตัวละครงาม 2. รำ งาม 3. ร้อร้งเพราะ 4. พิณพาทย์เพราะ 6. กลอนเพราะ 2. รามเกียรติ์ เป็นบทละครที่รัชรักาลที่ 2 ทรงพระ ราชนิพนธ์ขึ้นใหม่ตามการดำ เนินของเรื่อง รามเกียรติ์ โดยทรงดัดแปลงมาเฉพาะตอนที่เหมาะ กับการเล่นละคร พระราชนิพนธ์นี้นับเป็นทั้ง วรรณกรรมและนาฏกรรมอันทรงคุณค่า ส่วนบ่อเกิด รามเกียรติ์ เป็นการประมวลเรื่องราว ที่มาและ คุณค่าของรามเกียรติ์ขติ์องชนชาติต่างๆ ตลอดจน กล่าวถึงรามเกียรติ์ฉติ์บับต่างๆ ของไทยไว้อย่าง พร้อร้มมูล พระราชนิพนธ์ในรัชรักาลที่ 2 แบ่งเป็น พระราชนิพนธ์ที่เป็นบทละครในและบทละครนอก พระราชนิพนธ์ที่เป็นกลอนเสภา พระราชนิพนธ์ที่เป็นกาพย์และบทละครพากย์โขน บทละครในและบทละครนอก พระราชนินินิพนินธ์ธ์ ธ์ บ ธ์ บทละคร


บทละครนอก ได้แก่ ไชยเชษฐ์ สังข์ทอง คาวี ไกรทอง และมณีพิชัย เป็นนิทานพื้นบ้านสมัยกรุงศรีอรียุธยา เป็นราชธานี มีผู้นำ นิทานเรื่องนี้มาเล่นเป็นละครเพราะเป็นเรื่องสนุก ต่อมารัชรักาล ที่ 2 ทรงนำ นิทานเรื่องไชยเชษฐ์มาพระราชนิพนธ์เป็นบท ละครนอก เดิมละครนอกเป็นละครที่ราษฎรเล่นกัน ให้ผู้ชาย แสดงเป็นตัวละครทั้งหมด รัชรักาลที่ 2 ทรงพระราชนิพนธ์บท ละครเรื่องไชยเชษฐ์ เพื่อให้เป็นบทละครนอกของหลวง และ ทรงให้ผู้หญิงที่เป็นละครหลวงแสดงอย่างละครนอก ไชยเชษฐ์ เดิมทีนั้นเป็นบทเล่นละครในมีมาแต่กรุงสุโขทัยยังเป็น ราชธานีถึงกรุงรัตรันโกสินทร์ ต่อมาในรัชรักาลที่ 2 ทรงตัด เรื่องสังข์ทองตอนปลาย (ตั้งแต่ตอนพระสังข์หนีนางพันธุรัตรั ) มาทรงพระราชนิพนธ์ให้ละครหลวงเล่น มีตัวละครที่เป็นรู้จัรู้จัก กันเป็นอย่างดี คือ เจ้าเงาะซึ่งคือพระสังข์กับนางรจนา เนื้อ เรื่องมีความสนุกสนานและเป็นที่นิยม สังข์ทอง เป็นพระราชนิพนธ์ในรัชรักาลที่ 2 มีเพลงประกอบการแสดง และเพลงหน้าพาทย์กำ หนดไว้ด้วย เพื่อให้ผู้หญิงในวังเล่น ละคร เรื่องคาวีแต่เดิมเป็นนิทานพื้นเมืองที่เล่ากันแพร่หร่ลาย และยังเป็นเรื่องหนึ่งที่ปรากฏอยู่ในปัญญาสชาดก คือ พหลา คาวีชาดก ต่อมามีการนำ เรื่องดังกล่าวมาแต่งเป็นร้อร้ยกรอง เช่น เสือโคคำ ฉันท์ในสมัยอยุธยา รัชรักาลที่2 ทรงนำ เนื้อเรื่อง บางตอนมาทรงพระราชนิพนธ์เป็นบทละครนอกเรื่องคาวี คาวี เป็นนิทานพื้นบ้านภาคกลางของไทย ที่มีตัวเอกชื่อ ไกรทอง เล่าไว้หลายสำ นวนด้วยกัน ภายหลังในสมัยรัชรักาลที่ 2 ได้ ทรงพระราชนิพนธ์เป็นบทละครสำ หรับรัละครนอก และได้รับรั ความนิยม ยกย่องเป็นฉบับมาตรฐานฉบับหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่อง ราวความรักรัเกี่ยวกับคนและจระเข้ ไกรทอง เป็นที่รู้จัรู้จักกันในชื่อเรื่องว่า “ยอพระกลิ่น” เข้าใจกันว่าเป็น บทพระราชนิพนธ์ในรัชรักาลที่ 2 โดยทรงพระราชนิพนธ์ เป็นกลอนสำ หรับรั ใช้เป็นบทละครนอก ซึ่งความจริงริร.2 แต่งเฉพาะตอนที่ยอพระกลิ่น ปลอมตัวเป็นพราหมณ์มาขอ พระมณีพิไชยไปเป็นทาส ส่วนเนื้อเรื่องตามต้นเรื่องและ บทท้ายนั้น จากหนังสือ “รวมพระราชนิพนธ์บทละครนอก 6 เรื่อง” ไม่ได้ระบุว่าใครเป็นผู้แต่ง มณีพิชัย


กาพย์ ได้แก่ กาพย์เห่เรือรื ชมเครื่องคาวหวาน มีผู้สันนิษฐานว่าเป็นเรื่องจริงริที่เกิดขึ้นในแผ่นดิน สมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒ และเล่ากันต่อ ๆ มาจน กลายเป็นนิยายพื้นเมืองของเมืองสุพรรณบุรี ต่อ มาได้มีผู้นำ เรื่องขุนช้างขุนแผนมาแต่งเป็นกลอน เสภเพื่อใช้ในการขับเสภา จึงทำ ให้เรื่องนี้เป็นที่ นิยมและแพร่หร่ลายมากขึ้น ครั้นรั้เสียกรุงแล้วบาง ตอนก็สูญหายไป บางตอนยังมีต้นฉบับเหลืออยู่ เรื่องไม่ติดต่อกัน พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศ หล้านภาลัยโปรดเกล้าฯ ให้กวีหลายคนช่วยกัน รวบรวมและแต่งขึ้นเรียรีกว่า เสภาหลวง เป็นพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธ เลิศหล้านภาลัย เมื่อครั้งทรงดำ รงพระยศเป็นเจ้า ฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร ไม่เพียงแต่จะบรรยาย ถึงอาหารไทยไว้อย่างสละสลวย แต่ยังแฝงความ นัยไปถึงสตรีนรีางหนึ่ง ซึ่งเป็นที่รักรัยิ่งของ พระองค์ หากแต่ต้องทรงเก็บซ่อนปิดบัง ไม่ให้ใครรู้เรู้ป็นเวลาถึง 2 ปี บทพากย์โขน บทพากย์โขน ได้แก่ นางลอย นาคบาศ พรหมมาสตร์ แล ร์ ะเอราวัณ บทเสภาและกาพย์ บทเสภา ได้แก่ เสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน ตอนนางลอย (ได้รับรัยกย่องว่ามีความไพเราะกินใจ) ตอนนาคบาศ ตอนพรหมาสตร์ ตอนหักคอช้างเอราวัณ (ได้รับรัยกย่องว่าดีเด่นเชิงพรรณนา ละเอียด) แต่งเป็นกาพย์ยานี 11 และกาพย์ฉบัง 16 แต่งบทพากย์เรื่องรามเกียรติ์ คัดเฉพาะตอนที่จะเอามาเล่นโขน คือ


Click to View FlipBook Version