The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เรื่องเล่าจากเด็กน้อย - พิชญ์สินี จินต์จันทรวงศ์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by pichsinee230447, 2021-04-13 04:58:54

เรื่องเล่าจากเด็กน้อย..

เรื่องเล่าจากเด็กน้อย - พิชญ์สินี จินต์จันทรวงศ์

Keywords: เรื่องเล่าจากเด็กน้อย

พชิ ญ์สนิ ี จินตจ์ นั ทรวงศ์

เรอ่ื งเล่าจากเดก็ นอ้ ย

เด็กผหู้ ญิงคนหนง่ึ ... เธออายุ 16 ปี เปน็ นักเรียนชน้ั ม.5 กำลังเรยี นอยู่สาย วทิ ยาศาสตร์-คณิตศาสตร์
ในโรงเรียนย่านนครปฐม เธอมีชีวิตเหมือนเด็กทั่วไปที่ต้องตื่นเช้า ไปอาบน้ำกินข้าว และไปโรงเรียนให้ทัน 8
โมง เรยี นที่โรงเรยี นเสร็จ ก็กลับบา้ น กนิ ขา้ วเย็นพร้อมกบั ดูซีรสี ์เกาหลีไปด้วย จากนน้ั อาบน้ำและขึ้นมาที่ห้อง
ของเธอ หลังจากนั้นจะเป็นเวลาของการทำการบ้าน เรียนพิเศษ เธอใช้เวลาลักษณะแบบนี้ทุกวัน เป็นกิจวัตร
ประจำวัน… ตั้งแต่วันจันทร์-ศุกร์ บ้างก็ออกไปเรียนพิเศษที่มหาลัย บ้างก็ไปกินข้าวที่บ้านอาม่า วันเสาร์-
อาทิตย์ก็ไม่ได้ต่างกันมากนัก ตื่นสายได้นิดหน่อย ลงไปอาบน้ำ กินข้าวพร้อมดูซีรีส์ และขึ้นมาเรียนพิเศษ
บางครั้งก็ออกไปเรียนข้างนอก และก็ต้องกลับมาทำการบ้าน และก็เรียนต่อ ตอนเย็นก็ไปกินข้าวบ้ านอาม่า
บ้านอามา่ เป็นท่ีรวมตัวของญาติ ซึ่งชอบมาทานข้าวทุก ๆ เยน็ ทบี่ ้านนั้น แต่เธอไปเพยี งแคบ่ างวันเท่าน้ัน… ไป
พบเจอ เหล่ากง อากง อาม่า เจ็ก น้า และน้อง ๆ ไปเล่นกับน้อง ๆ จนกลับดึก กลับบ้านก็ไปอาบน้ำ ขึ้นมา
เรียนสักนิด แล้วค่อยนอน หรือบางทีเธอก็ขี้เกียจนั่งดูซีรีส์จนหลับไปเลย… สรุปได้ว่า ชีวิตของเธอนั้น มีแค่
บ้าน บา้ นอามา่ และโรงเรียน แถมยังมเี พ่ือนทเี่ ธอสนทิ ทีส่ ดุ กค็ ือ หอ้ งนอน โตะ๊ เรียน โต๊ะกินข้าว แท็บเล็ต ซรี สี ์
และเพอ่ื นสนิทท่ีโรงเรียน มแี คน่ ั้น…

ในเมื่อชีวิตมีแค่สิ่งเหล่านั้น เธอก็ได้แต่ถามตัวเองว่า “แล้วฉันจะรู้ตัวเองได้ไง ว่าฉันชอบอะไร ฉัน
อยากทำอะไรในอนาคต” เนื่องจาก ม.5 เป็นวัยที่ควรรู้ตัวเอง มีเป้าหมายในการเข้ามหาวิทยาลัย “ฉันไม่รู้
เลย… ไม่รู้ว่าชอบอะไร…” เธอตอบตัวเอง เธอนั่งคิดกับตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธอทำแบบทดสอบต่าง ๆ แต่ดู
เหมือนยังไม่ใช่ เธอถามครูแนะแนว ครูแนะแนวบอกว่าให้เริ่มดูจากวิชาที่ชอบ เธอตอบกลับ “หนูไม่รู้ว่าหนู
ชอบเรียนอะไร… แต่หนูรู้ว่าหนไู ม่ชอบอะไรค่ะ” เธอไม่ชอบ ฟิสิกส์ ไทย สังคม เศรษฐศาสตร์ บัญชี การเมือง
การปกครอง นอกนั้นเธอก็รู้สึกเฉย ๆ กับมัน เธอเรียนได้แต่เธอไม่ได้รู้สึกมีความสุขกับมันสักอย่าง ถึงเธอจะ
สามารถคำนวณเลขได้ดี สามารถจดจำเรื่องเกี่ยวกับเคมีและชีวะได้ดี แต่ก็ยังรู้สึกว่ายังไม่ใช่ จากนั้นครูก็บอก
ว่าให้ลองดูจากคะแนน แต่มันก็เท่า ๆ กันหมดเลย “ เห้อ… ทำไมฉันไม่รู้จักตัวเองเลยนะ” จนบางครั้งเธอก็
น้อยใจกับตวั เอง จนร้องไหอ้ อกมาก ราวกับเป็นเด็กน้อยท่ไี ร้เดียงสา

วันหนึ่งเธอเลื่อนไปเจอในเฟซบุ๊ก เขียนว่า “ลักษณะของคนที่เป็นเป็ด” เธอลองอ่านดู ได้ความว่า
เป็นคนที่ทำได้ทุกอย่างแต่ทำได้ไม่ดีสักอย่าง… ไม่รู้ว่าชอบอะไรแต่รู้ว่าไม่ชอบอะไร… ข้อดีของการเป็นเป็ดคือ
เป็นคนที่บริษัทมองหา ตั้งแต่นั้นมา เธอก็ได้พบว่าตัวเองเป็นเป็ด… แต่เธอก็อดไม่ได้เลยที่จะหงุดหงิด “ทำไม
ฉนั ไมถ่ นดั สักอย่างเลยนะ ให้มนั สดุ ใหม้ ันเก่งไปเลย” ทำไดท้ กุ อยา่ งและไม่ได้แย่ มันกร็ สู้ ึกดี แตก่ ลับกลายเป็น
ว่าไม่มีความโดดเด่น จนไม่น่าจดจำ เธอมักอิจฉาคนอื่นมาก เวลาคนที่พูดว่า “ดูคนนั้นสิ! คนที่เล่นกลอง
เก่งอ่ะ” “โอว้ !คนนัน้ หรอ คนท่เี ขียนโปรแกรมเก่งใช่ม้ัย” แตถ่ า้ หากมคี นพูดถึงเธอ คงมแี ตค่ นบอกว่า “อ๋อ คน
นั้นหรอ คนที่ตัวเล็กๆใช่มั้ย” การที่พูดถึงโดยใช้ความสามารถที่โดดเด่นเป็นคนตัวแทนของเรา ราวกับ
ความสามารถเราเป็นที่ยอมรบั ของคนๆน้นั เธอจงึ อดไม่ได้เลยทจี่ ะอิจฉาคนเหล่าน้นั …

เธอจึงลองหันไปมองงานอดิเรกหรืองานที่ถนัด เธอชอบวาดรูปแต่ก็ไม่ได้สวยและรู้หลักการเท่าเด็ก
แผนศิลปากรรมทำ เธอชอบเล่นดนตรีแต่ก็เล่นไม่ดีขนาดนั้น เธอชอบร้องเพลงแต่ก็ร้องไม่เพราะขนาดน้ัน

1

เธอสนใจภาษาท่ี 3 แต่ก็ไม่ค่อยศึกษาขนาดพูดเก่ง เขียนได้ อ่านออก เธอสามารถเขียนแบบได้เรว็ ตามโจทยท์ ่ี
ครูสอนได้เร็วแต่ก็ไม่ได้สวยขนาดน้ัน จนเธอนึกถึงตอนท่ีทำงานฝีมือของโรงเรียน เธอใหย้ ายช่วยดูให้ ยายของ
เธอบอกว่า “เรียนรู้ได้เร็วนิ ทำใช้ได้ แต่ฝึกไปเรื่อย ๆ จะสวยกว่านี้อีก ถ้าคนที่ไม่มีฝีมือด้านนี้ คงยอมแพ้และ
เลกิ ทำไปแล้วละ งานฝมี อื ตอ้ งใจเย็นและละเอียด” และเวลามีการบา้ นวชิ าศิลปะเธอมักปรึกษายายเสมอ “อัน
นี้สวยมั้ยยาย? แบบนี้ดีกว่ามั้ยยาย? สีอะไรดียาย?” ตอนงานเสร็จเรียบร้อย และถามยายก่อนใส่เข้าในแฟ้ม
เกบ็ ผลงงาน ยายมักตอบวา่ “โอ!้ สวยจัง เยีย่ ม ๆ เวรีก่ ู๊ดด” เธอมักแอบยิ้มเสมอ เพราะเธอรสู้ กึ ดที ไี่ ด้คำชม ทง้ั
ๆ ท่เี ธอไมเ่ คยเรียนศลิ ปะเสริมต้ังแต่เด็กเลย แตอ่ ย่างทก่ี ลา่ วไปมันก็ไม่ได้ดขี นาดท่จี ะทำเปน็ อาชีพได้ อย่างไรก็
ตามนค้ี งทำใหเ้ ธอยังไม่ลืมวา่ เธอทำงานทตี่ อ้ งใช้ฝีมือและงานทต่ี ้องอาศยั ศลิ ปะได้ดีเหมอื นกนั นะ :)

ถึงเธอจะทำได้ทุกอย่าง และทำได้ไม่ได้แย่ แต่เธอก็ไม่ได้ถนัดแบบสุดโต่งที่จะทำเป็นอาชีพได้ขนาด
นั้น… เธอจึงตอ้ งทำความรจู้ ักตัวเองต่อไป… โดยการสังเกตตวั เอง เธอชอบดซู ีรีสเ์ กาหลีเก่ียวกับหมอ เพราะว่า
มันสนุก มีเคสที่เข้ามาให้ตื่นเต้นไปด้วยตลอด แต่การได้เห็นเรื่องราวชีวิตของหมอผ่านการเล่าเรื่องของซีรีส์
ทำให้เธอซึ้งใจไม่น้อย ชีวิตของเขาน่าสนใจแต่มันคงเหนื่อยมากเหมือนกัน ทั้งเสียสละเวลาส่วนตัว เสียสละ
สุขภาพ ความสัมพันธ์กับคนรอบตัว เพื่อรักษาชีวิตคนอื่น น่ายกย่องเสียจริง เธอทบทวนกับตัวเอง “ฉันพร้อม
เสียสละมั้ย…” แต่ก็มีความรู้สึกที่ผ่านเข้ามาชั่วคราว เธออยากลองเป็น ศัลยแพทย์ แน่นอนเธอได้รับอิทธิพล
มาจากซีรีส์ท่ดี ู เธอรูส้ กึ วา่ มันมหัศจรรย์มากเลย ท่ีชว่ ยชีวิตคนอนื่ ภายใต้แรงกดดนั มากมาย ชีวิตคนไข้ท่ีอยู่ใน
มือเราจะตายหรือจะเป็นอยู่ที่มือเรา แค่คิดก็ลำบากใจเหลือเกิน และบางทีเธอก็รู้สึกสนใจในการเป็นเภสัชกร
คราวนี้เธอได้รับอิทธิพลมาจากการไป Open House เธอประทับใจในการทำ Lab และการใส่เสื้อกาวน์
เธอรู้สึกดีมาก ๆ ที่ได้ใส่เสื้อกาวน์ เธอคิดว่า “คงน่าภูมิใจมากแน่เลย ถ้าได้ใส่เสื้อนี้ที่เป็นของตัวเองจริง ๆ ”
แต่ถึงอย่างไรเธอทำการฝีมือได้ดีและใน 3 วิชาย่อยของวทิ ยาศาสตร์ เธอเรียนวชิ าชีววิทยาได้ดีที่สุด เธอจึงหา
คณะหรือสาขา ที่มีการผสมระหวา่ ง วิทยาศาสตร์กบั ศิลปะ พบวา่ คณะทนั ตแพทยศาสตร์ ตรงกบั เง่ือนไขท้ังได้
ใส่เสอ้ื กาวนอ์ กี ด้วย เมอ่ื ศึกษาวา่ คณะนมี้ ีการเรียนการสอนอย่างไร “ฉนั คงเหมาะกบั คณะน้ีแหละ…” เธอกลา่ ว

วันหนึ่งเธอเลื่อนเจอในเฟซบุ๊ก เพจ “แคมป์สานฝันสู่การเป็นแพทย์“ ค่ายนี้สำหรับคนที่สนใจที่จะ
ศึกษาตอ่ ทัง้ 2 สาย นน้ั ก็คือ แพทย์ ทนั ตะ ซ่ึงเปน็ ค่ายเอกชน ปกติแลว้ ตามที่เธอทราบ ค่ายตามมหาวทิ ยาลยั
ของคณะต่าง ๆ ต้องทำแบบทดสอบ ส่งใบ ป.พ. และยังต้องรอคัดเลือก แต่การไปค่ายนี้ ได้ลองทั้ง 2 สาย
อาชีพ ซึ่งจัดที่โรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ต้องพักที่โรงแรมเป็นเวลา 2 วัน 1 คืน โดยแบ่งเป็นวันละสาย
อาชีพเลยทีเดียว วันแรกเปน็ วันของอาชีพหมอ และวนั ที่ 2 เปน็ วันของอาชีพหมอฟัน เธอเหน็ แล้วก็สนใจทนั ท!ี
เธอไม่เคยมีโอกาสได้ไปค่ายเลย… เธออยากมีประสบการณ์ในการลองทำกิจกรรมที่ต้องทำในสายงานนั้น ๆ
จรงิ ๆ รวมกับเธอก็สนใจเก่ียวสายงานทางวิทยาศาสตร์สุขภาพอยูแ่ ลว้ เพราะเธอคิดว่าการได้ลองลงมือทำจริง
คงจะทำให้รู้ว่าเธอถนัดหรือเปล่า… และเผื่อจะนำไปใส่ในพอร์ตได้อีกด้วย คล้ายว่าค่ายนี้จะทำให้เธอจะได้
คำตอบในใจที่ค้างคาใจมานาน เธอจึงอยากชวนเพื่อนในกลุ่มไปด้วยกัน ชวนไปชวนมา สนใจไปด้วยกันแค่
4 คน แต่ไม่เป็นไร เธอคิดว่าเราคงมีความทรงจำที่ดีไปด้วยกัน! นั้นคือ มุก พี เนส และแน็ท รวมเธอก็จะเป็น
5 คน จากนั้นพวกเราก็แยกย้ายไปขออนุญาตพ่อแม่ ขออนุญาตกันอยู่นาน สุดท้ายพ่อแม่ก็ให้ไป! เธอกับ
เพอื่ น ๆ ดีใจผสมกบั ตน่ื เต้นกันมาก! เน่ืองจากพวกเราไม่เคยได้ไปคา่ ยท่ีไหนเลย แถมไปด้วยกัน 5 คน คงสนุก

2

มากแน่ ๆ ค่ายนี้ต้องใสเ่ สื้อกาวน์ทุกวัน และมีธีมของแต่ละวัน โดยวันแรกเป็นเสื้อสครับสีนำ้ เงนิ ซึ่งเป็นเสือ้ ที่
หมอใส่กันในโรงพยาบาล และวันต่อมาใส่เสื้อสีม่วง ดังนั้นทุกคนจึงสั่งซื้อเสื้อจากทางค่าย แล้วจะไปรับเสื้อท่ี
ค่ายเอง จากน้นั พวกเราทงั้ 5 คนกร็ อวันทีจ่ ะมคี วามทรงจำรว่ มกัน :)

- กอ่ นวันเดนิ ทาง 1 วัน -
พวกเราหารอื กนั วา่ จะไปอยา่ งไรดี เนือ่ งจากโรงแรมอยู่ในกรุงเทพฯ แลว้ พวกเราอยใู่ นนครปฐม ใน
ตอนแรกเราตกลงว่าเราจะไปโดยรถไฟฟ้า เพราะโรงแรมอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า สุดท้ายแล้ว คุณพ่อของ
เนสอาสาจะไปส่ง โดยเราจะรวมตัวที่บ้านเนส แล้วคุณพ่อคุณแม่ของเนสจะไปส่งที่โรงแรมให้เลย ทางค่ายจะ
เปดิ ใหล้ งทะเบยี น ประมาณ 7:30-8:00 น. ดังนน้ั เราจงึ ตกลงกันวา่ เราจะเจอกันที่ บา้ นของเนส ตอน 6:30 น.
เราโทรคยุ กันอย่างต่ืนเต้น เนอื่ งจากนี่เป็นประสบการณใ์ หม่ท่พี วกเราจะประสบกนั ไปดว้ ยกัน ไมว่ ่าจะเปน็ เรื่อง
เสื้อผา้ กระเปา๋ เดนิ ทาง ของใช้ส่วนตวั โรงแรม ห้องอาหาร หอ้ งนอนซง่ึ เจา้ หน้าที่ของค่ายโทรมาก่อนหน้าน้ีว่า
จดั ห้องเป็นหอ้ งละ 2 คน แสดงวา่ ในกลุม่ เราจะมี 1 คนต้องไปนอนกับคนอ่ืน แตพ่ ่ขี องทางคา่ ยบอกว่าอนุญาต
ให้สลบั กนั ได้ แตเ่ ราจะวางแผนเรื่องการสลบั ห้องนอนในวนั พรุ่งนีแ้ ทน คุยกนั นานจนดึกดื่น จากนั้นเธอบังคับ
ใหท้ ุกคนไปนอน… เนอ่ื งจากพวกเราต้องตน่ื เช้าเพื่อเดนิ ทางไปรวมตัวกันทบ่ี ้านเนสในวนั รงุ่ ข้ึน พอวางสาย…ต้ัง
นาฬกิ าปลุก…ปดิ มอื ถอื …เธอก็หลับไหลไปพรอ้ มกับความตน่ื เตน้ ในใจ…

-วันแรกของการไปคา่ ย-
เธอตื่นนอนดว้ ยความงวั เงีย ตอนประมาณ ตี 5 เธอไม่ชอบการต่นื เช้าแลว้ ต้องลุกไปอาบนำ้ ในตอน
เช้าแต่วันนี้เธอกลับกระตือรือร้นในการไปอาบน้ำมากกว่าปกติ เธอรีบอาบน้ำแต่งตัว แล้วไปปลุกพ่อให้ตื่น
แต่งตัวไปส่งที่บ้านของเนส แต่ยังไงเธอก็อาบน้ำแต่งตัวช้าอยู่ดี… ทำให้เธอทานข้าวไม่ทัน เธอรีบหอบหิ้ว
กระเป๋าสัมภาระต่าง ๆ ขึ้นรถ จากนั้นเปิด google map ดูทางให้พ่อ และยังรับหน้าที่เป็นดีเจคอยเปิดเพลง
บนรถ เวลาอยู่บนรถทไี รเธอมักจะเปิดเพลงฟังเพื่อให้มสี สี นั แถมทำให้อารมณ์ดีในการเดนิ ทางอีกด้วย ใช้เวลา
เดินทางประมาณ 25 นาทีก็ถึงบ้านของเนส เธอมาถึงเป็นคนแรกทั้ง ๆ ที่คิดว่าตัวเองจะช้าที่สุด ผิดคาดอย่าง
มาก จากนัน้ พี มุกและเเน็ทค่อย ๆ ตามกันมา ขนของลงจากรถและสวัสดีพ่อแมข่ องเนส ไมน่ านนักพอ่ ของเธอ
ก็กลับบ้านไป บ้านของเนสเป็นร้านขายก๋วยเตี๋ยว เราจึงทานข้าวเช้าที่บ้านเนสด้วยกัน ประมาณ 7:20 น.
เรายกสัมภาระของตัวเองไว้หลังรถของพอ่ เนส ตอนแรกคล้ายว่าจะใส่ไม่พอ ใช้เวลาจัดอยูส่ กั พักถงึ สามารถใส่
เขา้ ไปได้ จากนัน้ ปิดกระโปรงรถ แลว้ ขนึ้ รถ รถของเนสเป็นรถทีม่ ีทีน่ ่ัง 3 แถว เธอกบั แน็ทตัวเล็กที่สุดในบรรดา
ทั้งหมด จึงต้องไปนั่งหลังสุดเช่นเคย ขึ้นรถครบทุกคนแล้วออกเดินทางสู่จุดหมายปลายทาง ในใจของเธอรู้สกึ
ตื่นเต้น แต่ความง่วงครอบงำเธอมากกว่าความตื่นเต้นจึงเผลอหลับไปอย่างไม่รู้ตัว เธอตื่นมาอีกที เนสก็พูดวา่
“ใกลถ้ ึงโรงแรมแล้ว น่ี ๆ เล้ียวซ้ายดา้ นหน้าเลยปา๊ ” ทุกคนจึงเตรยี มตัวลงจากรถอย่างใจจดใจจอ่ !
เมื่อลงจากรถก็เปิดท้ายรถ เอาสัมภาระลงมาพร้อมตรวจสอบให้ครบ จากนั้นก็ขอบคุณพ่อของเนส
และรีบวิ่งเข้าโรงแรมเนื่องจากพวกเราถึงโรงแรมประมาณ 8:30 น. ซึ่งหมายความว่าพวก! เรา! สายแล้ว!!
เรารีบวิ่งเข้าไปในโรงแรมแบบงง ๆ เพราะไม่รู้ว่าต้องไปห้องประชุมตรงไหนหรือยังไง ในขณะที่วิ่งเธอก็
ทลุ ักทุเลพอสมควร เนอ่ื งจากกระเปา๋ หนักแถมเธอก็ยังตวั เล็กอีกด้วย แตด่ ้วยเวลาทเี่ รามาช้าเกินไปทำให้มีแรง

3

ยกกระเปา๋ พร้อมกับว่ิงมากกวา่ ปกติ คล้ายกบั ที่เคยไดย้ นิ มาว่าเวลาไฟไหมเ้ ราจะสามารถยกตู้เย็นได้ อยู่ ๆ มุก
กน็ ำทางไปแบบงง ๆ แล้วก็เจอหอประชุมที่ทำกิจกรรมแบบงง ๆ เชน่ เดยี วกนั เรารีบวิ่งเข้าไปท่ีจุดลงทะเบียน
หน้าหอ้ งประชุม พีบ่ อกวา่ “กิจกรรมแรกเริ่มแล้วนะ!!” พอไดย้ นิ เธอก็รีบสุดใจ ลงทะเบียนเสร็จแล้วจะได้ป้าย
ห้อยคอ พร้อมให้เขียนชื่อเอง ซึ่งป้ายห้อยคอของแต่ละคนจะมีสติ๊กเกอร์ 1 สีแปะอยู่ มี 4 สี นั้นคือ สีชมพู
สีส้ม สีน้ำเงิน และสีเขียว เธอเดาได้ทันทีว่าต้องมีการแยกกับเพื่อน ๆ ที่มาด้วยกัน แล้วต้องทำกิจกรรมกับ
เพื่อนที่อยู่ในสีเดียวกันแน่ ๆ เธอจึงดูสีของเพื่อนว่าได้สีอะไรกันมั้ง เธออยู่สีชมพู… แน็ทอยู่สีส้ม… พีอยู่สี
น้ำเงนิ … มุกกบั เนสอยู่ดว้ ยกันน้ันคือสเี ขียว… เธอกงั วลในทันทเี พราะเธออยู่คนเดียวแถมเป็นคนท่ีเข้าหาคนไม่
เกง่ …

เม่อื รับสายห้อยคอแล้วกน็ ำกระเป๋าไปวางไว้บรเิ วณหนา้ ห้องประชุม เพอื่ ใหพ้ ข่ี องทางคา่ ยนำไปไว้ที่ตึก
พักให้ จากนั้นเราไปติดต่อรับเสื้อที่สั่งไว้ เธอจึงนำเสื้อสครับและเสื้อกาวน์เข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำด้วยความ
ทุลักทุเล พอเปลี่ยนเสร็จเรารีบนำเสื้อที่ใส่ตอนขามาใส่ในกระเป๋า จากนั้นเธอก็นำของมีค่าใส่ในกระเป๋า
สะพายติดตัวไว้ เราพาวิ่งกันเข้าหอประชุม แล้วพบว่ามีคนนั่งฟังอยู่เต็มห้อง มีแต่ที่นั่งที่ว่างพร้อมกับอุปกรณ์
วางไวบ้ นโตะ๊ อยูแ่ ถวหลงั ๆ ซึ่งจัดเปน็ โต๊ะ โต๊ะละ 2 ท่นี ่ัง แสดงว่ากลมุ่ เราตอ้ งมี 1 คนทนี่ ง่ั คนเดียว เราจึงเป่า
ยิ้งฉุบกัน ปรากฏว่ามุกนั่งกบั พี เธอนั่งคู่กับเเน็ท และเนสต้องนั่งคนเดียว… จนพี่ ๆ เข้ามาแซว เข้ามาเล่นด้วย
แก้เหงากับเนส เรานั่งใกล้ ๆ กัน บริเวณแถวรองสุดท้ายและสุดท้าย เพราะฉะนั้นตอนที่พี่ ๆ เข้ามาคุยด้วย
เราสามารถคุยเล่นกับพ่ี ๆ ได้อย่างสะดวก เธอรู้สึกดีเพราะไม่เป็นที่สนใจเท่าไหร่ และสามารถทำอะไรได้
สะดวก แถมคนที่อยู่ดา้ นหนา้ ไม่คอ่ ยมีใครคนเหน็ ^^

กิจกรรมแรกซง่ึ ไดเ้ ร่มิ กอ่ นเธอเข้ามาฟงั ได้มาสักพักแล้ว นัน้ คือ “เสน้ ทางส่กู ารเปน็ หมอ”
มีคุณหมอมาพูดประสบการณ์ต่าง ๆ และชีวิตของเขาให้ฟัง เขาแทนตัวเองว่า “หมอโอ๊ต” เราเข้ามาใน
หอประชุมตอนที่พห่ี มอโอต๊ พดู เร่ืองกิจกรรมทเี่ คยทำและชอบทำในระหว่างการเรียนหมอและการเป็นหมอ นนั้
คือ เคยเล่นโขน เล่นหนังตะลุง ชอบทำกิจกรรมและกีฬาทางน้ำ เช่น ฟลาย์บอร์ด เธอไม่คุ้นชื่อกีฬานี้เลย แต่
พอได้เห็นรูปมันมีเครื่องติดอยู่ที่เท้าแล้วมีน้ำดันให้ตัวขึ้นไป เธอก็นึกออกทันที! กีฬาอีกหนึ่งอย่างที่พี่หมอโอต๊
ชอบนั้นคือ เวคบอร์ด เธอไม่เคยได้ยินชื่ออีกเช่นเคย มันมีลักษณะเป็นแผ่นกระดานเล็กๆให้เรายืนอยู่บนนั้น
ซึ่งมีที่สำหรับสอดเท้าเข้าไปเพื่อที่จะยึดเท้ากับกระดานไว้ แล้วจะมีเชือกที่ตรึงกับสลิงไว้ จะมีแท่งไม้ที่ร้อยไว้
กบั เชือกสำหรบั ให้จบั ไว้ตอนเล่น เธอองึ้ ไปสักพัก… “ ขนาดเราเรียนมัธยมยังไม่มีโอกาสได้เล่นเลยนะ แถมไม่
คอ่ ยเหน็ ดว้ ย พี่หมอเอาเวลาไหนไปเลน่ เนย่ี …” พี่หมอโอ๊ตเปน็ คนภาคใต้และทำงานท่ีจงั หวัดสงขลาและภูเก็ต
จบจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พี่หมอจึงมีโอกาสทำกิจกรรมทางทะเลและกิจกรรมทางน้ำมากมาย
เธอได้แต่คิดแล้วก็สงสัย… จากนั้นพี่หมอโอ๊ตก็เริ่มเล่าชีวิตตอนเรียนชั้นพรีคลินิก คือชั้นปีที่ 1-3 ชีวิตช่วงชั้น
คลินิก คอื ชนั้ ปที ่ี 4-6 และชว่ งชวี ิตตอนจบออกมาเป็นคุณหมออย่างเตม็ ตวั ใหพ้ วกเรารวู้ า่ การจะเป็นหมอต้อง
เรียนอยา่ งไร…ต้องเจออะไรมาบ้าง…ต้องฝา่ ฟันอุปสรรคอะไรมาบ้าง…และในตอนสดุ ท้ายก่อนจะจบกิจกรรมน้ี
พีห่ มอโอต๊ ได้ท้งิ คำถามไวใ้ ห้เราลองทบทวนว่าเราอยากเป็นหมอจริง ๆ หรือไม่ “การเป็นหมอตอ้ งเสียสละอะไร
หลายอยา่ งมากกว่าอาชีพอ่นื … ไม่ว่าจะเวลาสว่ นตวั …สขุ ภาพ… ความสัมพนั ธก์ บั คนรอบตวั …เวลาในการทำสิ่ง

4

ท่เี ราชอบ… เวลาในการทำในส่ิงทีเ่ ราอยากจะทำ… แตไ่ มไ่ ด้ทำ… น้อง ๆ พรอ้ มเสียสละไหม…น้อง ๆ พร้อมที่
จะแลกเวลาเหลา่ นน้ั แล้วหรือยัง……”

คำพดู ทีพ่ ี่หมอโอ๊ตทิ้งไว้ยังคงอยู่ในใจเธอ มันสะกิดใจเธอ คลา้ ยเตือนสติใหท้ บทวนในสิ่งที่คิด เธอคิด
ในใจ “เราพรอ้ มทจี่ ะเสียสละได้ขนาดนนั้ เลยหรอ…” และเธอคงมคี วามคดิ ทเี่ ปล่ยี นไป…. เมอ่ื เสร็จกิจกรรมนี้พ่ี
ๆ ให้เราออกไปทานอาหารว่าง เธอหิวมาก เธอกับเพื่อน ๆ จึงรีบออกไปเอาอาหารว่าง อาหารว่างมีแซนดว์ ิช
ไส้ทูน่าอันเล็ก ๆ 2 อัน โอวัลติน 1 แก้ว เธอถือกลับเข้ามาทานด้านในห้องประชุม เธอกับแน็ทหันหลังไปทาน
กับเนส แล้วคุยไปทานไปอยา่ งสนกุ สนาน ส่วนใหญ่เราพูดถึงกิจกรรมเมื่อสักครู่นี้ ทุกคนมีความคิดเห็นตรงกนั
ว่า “ทำไมเปน็ หมอแล้วทำกจิ กรรมเยอะขนาดน้นั ได้นะ! เอาเวลาไหนไปทำกิจกรรมเน่ีย…” เธอคดิ อย่นู านสอง
นาน แลว้ เธอกพ็ ดู ออกไป “เราว่าเราคงเสยี สละอยา่ งท่ีพห่ี มอเขาเสียสละกนั ไม่ได้หรอก ไม่ไดท้ ำในสิ่งท่ีชอบคง
ไมม่ ีความสุขแน่ ๆ หรอื อาจจะมีแตก่ ็ไม่ขนาดน้ัน…” เพื่อน ๆ ก็เหน็ ดว้ ย การเสยี สละของหมอไม่ใชเ่ รื่องเล่น ๆ
เป็นการเสยี สละทยี่ าวนานไปท้ังชีวติ เลยก็ว่าได้…

กิจกรรมต่อไปคือ Gross anatomy Lecture เกี่ยวข้องกับกายวิภาคศาสตร์ พี่หมอโอ๊ตพูดเกี่ยวกับ
ความรู้ทางวิชากายวิภาคศาสตร์ รวมถึงเล่าเรื่องตอนที่เรียนกับอาจารย์ใหญ่ให้ฟัง เธอตื่นเต้นมากเพราะเธอ
อยากรู้ว่าความรู้สึกตอนผ่าศพทีถ่ ูกดองแล้วเป็นยังไง เนื่องจากเธอเป็นคนกลัวผีมาก การที่เราผ่าคนทีเ่ สียชวี ิต
ไปแล้ว แอบน่ากลัวสำหรับเธอเหมือน… หมอโอ๊ตเล่าให้ฟังว่า “กลุ่มหนึ่งจะมี 6 คน จะมีคนที่คอยผ่าร่าง
อาจารย์ใหญ่ มีคนคอยบอกว่าผ่าตรงไหนก่อนหรือหลัง มีคนดูตำราที่มีรูปที่ค่อนข้างจะดูง่ายแล้วนำมา
เปรียบเทียบกับร่างอาจารย์ใหญ่ ทำให้คนในกลุ่มจะผูกพันกันมาก… เนื่องจากฝ่าฟันอะไรมาด้วยกันมากมาย
ไม่ว่าจะตอนช่วยกันผ่า ตอนเรียน ตอนสอบ :) ” เธอฟังแล้วก็เชื่ออย่างสนิทใจ เพราะเธอได้ยินคำร่ำลือความ
โหดของการเรียนวิชานี้มานาน และยืนยันโดยพี่หมอโอ๊ต ไม่ว่าจะเป็นชื่ออวัยวะ กล้ามเนื้อ ที่ต้องจำและระบุ
ให้ได้ตอนสอบ ตอนสอบวิชานี้พี่หมอจะเรียกกันว่า “แลปกริ้ง” เพราะว่าจะมีเสียงกริ้ง!! ตอนหมดเวลา การ
สอบแลปกริ้ง จะเป็นฐานๆ แล้วแต่ละฐานจะมีเข็มปักอยู่บนอวัยวะต่างๆ เพื่อที่จะให้นักศึกษาแพทย์ระบุช่ือ
เขียนลงกระดาษ มีเวลาให้ 2 นาที/ฐาน ถ้าหากตอบข้อใดข้อหนึ่งไม่ได้ก็จะทำให้ลนลาน ผสมกับเสียง กริ้ง!
ที่ทำให้กดดันเข้าไปอีก! เธอฟังแล้วก็อึ้ง… “ อะไรเนี่ย! โหดจังวะ!! ” เธอถึงขั้นอุทาน เธอฟังแล้วแอบท้อ
แต่เทา่ ท่ีเธอรู้มาทนั ตแพทย์กต็ อ้ งเรยี นกับอาจารย์ใหญแ่ บบน้ี เธออทุ านในใจ “อืม… ฉบิ หา- แลว้ ”

พหี่ มอโอ๊ตเลา่ เสรจ็ กถ็ ึงกจิ กรรมท่ีสำคญั ! นัน้ คือ “การผา่ กบ” พอรู้วา่ ตอ้ งผ่ากบ คนท่นี ่ังขา้ งๆเธอเร่ิม
ลนลาน จิตใจไม่อยู่กับตัว แล้วพบว่า แน็ท กลัว กบ!! แน็ทกลัวมาก ๆ จนบอกพ่ี แต่พี่ ๆ ก็พยายามอธิบาย
พยายามปลอบ ตอนที่พี่ยกถาดที่มีกบวางซ้อนกันประมาณ 20 ตัวได้ ออกมาแจกให้พวกเรา เธอหันไปมอง
พร้อมกบั ความตื่นเต้น แต่แนท็ กลัวถึงขัน้ ลกุ ข้ึน พูดวา่ “ไมเ่ อา ๆ ไม่เอาโวย้ ยยย ” จนเพือ่ นๆท่ีน่งั แถวๆนั้นหัน
มามองแน็ทหมดเลย แล้วเดินหลกี เลี่ยงทางท่ีพี่แจกกบ พี่ก็แหย่แน็ทเล่น จนแน็ทเริม่ น้ำคลอ เธออึ้งมากจนทำ
ตัวไม่ถูก ได้แต่หัวเราะกลบเกลื่อน (ถึงแม้รู้ว่าไม่ควร แต่ตอนนั้นมันตลกจริง ๆ ขอโทษนะแน็ท :) ) พอเธอต้ัง
สติได้ เธอก็ปลอบแน็ท แล้วตกลงกันว่า “ เดี๋ยวจับกบให้ แน็ทเป็นคนผ่านะ ” พอได้กบมา เธอจับกบหงาย
ท้อง ตอนเธอจับกบ เธอสะดุ้งทันทีมันเย็นมาก แล้วเธอก็ไม่เคยจับกบมาก่อน! กล้า ๆ กลัวเหมือนกัน
แต่ทำไงได้555 เธอก็ตอ้ งจับเพราะแน็ทกลัวกว่าเธอมากถึงมากทีส่ ุด พอแน็ทเริ่มตั้งสติได้ เราใส่หมวกคลุมผม

5

ใส่ถุงมือ แล้วเริ่มการผ่าโดยใช้มีดผ่าตดั ที่ไม่คอ่ ยคมเท่าไหร่ (ปกติแล้วมีดผ่าตัดจะคมมาก ๆ เพราะต้องผ่าเนื้อ
หนังต่างๆ ซึ่งอาจจะเกิดอุบัตเิ หตุได้) กับกรรไกรอันเล็ก ๆ แน็ทเป็นคนใชม้ ีดผ่าตัด เธอใช้กรรไกรกับมือของ
เธอจับ พี่หมอโอ๊ตสอนว่าต้องผ่าเป็นลักษณะตัว I โดยเริ่มจากขีดบนบริเวณขาหน้าของกบ ต่อด้วยขีดล่าง
บริเวณขาหลังของกบ ขั้นสุดท้ายคือผ่าจากขีดบนไปขีดล่างบริเวณกลางลำตัว จากนั้นแหวกหนังออกจะพบ
เน้อื ของกบ! เธอตนื้ เต้นมาก แต่ในขณะเดียวกนั แนท็ บ่นทกุ นาทเี ลยกว็ า่ ได้^^ เราชว่ ยกันผา่ ตอ่ ไปจนเหน็ เครอื่ ง
ในของกบ แน็ทเริ่มสงบลงเพราะความสนใจไปอยู่ที่เครื่องใน เราผ่าดู หัวใจ ปอด กระเพาะ ลำไส้ ทุกอย่าง
เท่าทจี่ ะผ่าได้ จากน้ันกถ็ ่ายรูปเปน็ ทีร่ ะลกึ แก่แนท็ ท่กี ้าวผา่ นความกลัวไปได้!!

6

หลังจากจบการผา่ กบ กถ็ ึงเวลาพักกลางวัน พี่ ๆ ค่อยปลอ่ ยไปทานทีละแถว มกุ กับพีไดไ้ ปก่อนแต่ก็ส่ง
สัญญาณมาบอกว่า “ เดี๋ยวรอข้างหน้านะ ” แล้วแน็ท เนส และเธอ ตามออกไปเจอกัน เราลงจากหอประชมุ
ตรงไปอีกตึก ซึ่งเป็นตึกเดียวกับที่พัก พวกเราขึ้นขึ้นไปยังห้องอาหารพร้อมกับความหิว พวกเราตกตะลึงกับ
ห้องอาหารมาก เนสพูดขึ้น “ บุฟเฟ่ต์!! ” มีอาหารวางอยู่มากมายให้เลือก ไม่ว่าจะข้าว กับต่างๆ ซูชิ ขนม
หวาน วางไว้ให้เลือกทั้ง 2 ฝั่งของประตูทางเข้า หางแถวยาวออกถึงประตูทางเข้าทั้ง 2 มีซุ้มก๋วยเตี๋ยวตำลึง
ซุ้มขนมครก ซ่งึ ทำสด ๆ เดยี๋ วนัน้ เลย โต๊ะเต็มไปด้วยคนทเี่ ขา้ รว่ มค่ายกับเรา ซ่งึ สามารถสังเกตได้จากป้ายห้อย
ชื่อ เสื้อสครับ และเสื้อกาวน์ เธอกับแน็ทไปสำรวจว่าฝั่งไหนแถวยาวกว่ากัน สรุปเธอเลือกไม่ได้ เพราะยาว
พอๆกัน555 จึงหาปลายแถวแล้วต่อแบบงง ๆ เมื่อเลือกกับข้าวและกับข้าวเสร็จ เธอรีบเอาไปวางไว้บนโต๊ะที่
มุกจองไว้ให้แล้ว เจากนั้นเธอรีบเอาซชู ิที่เลง็ ไว้ และพบวา่ หมด! เธอกลับโต๊ะ อยา่ งผิดหวงั ... เธอจงึ ก้มหน้าก้ม
ตาทานข้าว แต่ยังไงเธอก็ทานช้าที่สุดในบรรดาเพื่อนอยู่ดี เพื่อน ๆ ก็ต้องนั่งรอเธอทานจนเสร็จ “ไม่ได้กดดัน
นะเว้ย! แค่รออยู่” มุกกลา่ ว เธอจึงตอบกลับแบบกวน ๆ “’ก็รอตอ่ ไป!” เนสพดู ขน้ึ มาว่า “อีก 15 นาที จะถึง
เวลานัดแล้วนะเว้ย ” เธอจึงตาลีตาเหลือกยัดข้าวเข้าปาก รีบดื่มน้ำ แล้วแวะเข้าห้องน้ำ จากนั้นวิ่งอีกแล้ว!
เมื่อมาถึงพี่ก็แบ่งนั่งตามสีเป็นแถว ๆ ไป เธอเห็นพยาบาลเต็มห้องประชุมเ มีแขนจำลองด้วย เธอตื่นเต้น เธอ
จะไดล้ องทำจริง ๆ แล้ว เธอบอกกบั เพอื่ น ๆ วา่ “ ถึงเวลาแยกกันแล้วนะทุกคน ” เธอกก็ ังวลในใจไม่น้อย เธอ
ทำตัวไม่ถูกว่าจะเดินไปนั่งตรงไหนดี เธอจะมีเพื่อนคุยไหม จากนั้นเธอก็เดินไปนั่งแถวสีตัวเอง มีโต๊ะที่ว่างท้ัง
2 ที่อยู่ เธอจึงเดินเขา้ ไปนั่ง แล้วหันซ้ายหันขวามองเพื่อนที่มาด้วยกัน แต่ก็ไม่เห็นเพื่อน ๆ เลย สักพักมีผู้หญงิ
คนหนึ่งพูดว่า “มีคนนั่งไหมคะ” เธอก็ตอบอย่างรวดเร็ว “ไม่มีค่ะ ๆ ” เป้นผู้หญิงทีส่ งู มากเมื่อเทยี บกับตวั เธอ
เขาสูงประมาณ 175 เซนตเิ มตร เมือ่ เขานั่งแลว้ เธอคิดอยู่นาน ในสดุ ทา้ ยเธอจึงตดั สนิ ใจชวนคุยกอ่ น

เธอ: นอี่ ยู่ม. อะไรอ่ะ?
เขา: ม.3
เธอ: ห้ะ!! ม.3 เหรอ ตัวสงู มาก ๆ เป็นนอ้ งเหรอเน่ยี !
เขา: แล้วพอ่ี ย่มู .อะไรอา่ ?
เธอ: ม.5 ๆ อิจฉาจัง ทำยงั ไงให้สงู ได้ขนาดนีเ้ นย่ี
เขา: ตอนเดก็ ๆ หนชู อบดม่ื นมนะ่
เธอ: ออ๋ แลว้ นอ้ งมาจากจังหวดั อะไรอะ?
เขา: กรุงเทพฯ น้แี หละ ๆ พี่ละ?
เธอ: นครปฐมนะ่
เขา: แลว้ มายงั ไงอะๆ
เธอ: ตดิ รถเพ่ือนมาตั้งแตเ่ ช้าเลย .........................

7

ระหว่างรอกิจกรรมเริ่ม เธอก็ยังคงคุยกับน้องอย่าเพลิน ๆ พอเริ่มกิจกรรม เธอก็ได้รู้ว่าน้องที่คุยด้วย
ชื่อ นิต้า เธอรู้สึกดีเธอกับนิต้าคุยถูกคอ ชวนคุยได้เรื่อย ๆ กิจกรรมแรกของสีชมพูคือ “ Blood drawing
ภารกิจพิชิตเข็ม ” หรือการเจาะเลือดกับแขนจำลอง มีพี่พยาบาล 2 คนคอยสอนอยู่ด้านหน้า พี่พยาบาลให้
ออกมาทำทีละแถว แถวละ 2 โต๊ะ เธอกับนิต้า อยู่แถวที่ 4 จึงต้องรอต่อไป ระหว่างรอก็ชวนคุยเรือ่ ย ๆ รู้ตัว
อีกทีก็ถึงตาตัวเองแล้ว พี่พยาบาลเรียกออกไปแล้วสอนวิธีการเจาะเลือดรวมถึงอุปกรณ์ เธอให้นิต้าทำก่อน
แล้วพยายามจำขั้นตอนต่างๆ โดยต้องผูกเชือกบริเวณต้นแขน เพื่อไม่ให้เลือดไหลผ่าน แล้วเราจะได้เลือดได้
ปริมาณมาก นำหัวเข็มสวมเข้ากับกระบอกฉดี ยา หมุนใหแ้ น่น ใช้แท่งสำลแี อลกอฮอร์เชด็ บริเวณเสน้ เลอื ด แลว้
เปดิ ฝาเข็ม โดยใช้แค่มอื เดียว (มอื ข้างที่ถนดั ) เนื่องจากป้องกนั เข็มจ้มิ มอื เราเอง ปล่อยฝาไวข้ า้ งเดยี วกับมอื ท่ีใช้
เปิดฝา จากนั้นใช้มืออีกข้างดึงผิวหนังให้ตึง แทงลงไปที่เส้นเลือดด้วยมุมประมาณ 30 องศา โดยให้ปลายด้าน
ตัดหงายขึ้น แล้วใช้อีกมือดึงไซริงค์ขึ้น พอเลือดขึ้นมาแล้วใช้มือที่ดึงไซริงค์ไปปลดเชือกที่รัดอยู่ จากนั้นหยิบ
สำลีแหง้ มากดบรเิ วณท่เี ข็มแทงลงไป ในขณะเดียวกันใหด้ ึงเข็มออกแบบเบาๆ แล้วเราจะสอดเขม็ เข้าไปในฝาท่ี
วางอยู่ข้างๆ แล้วหักเข็มขึ้นแบบตั้งฉากกับโต๊ะ กดลงไปให้แน่น เพื่อไม่ให้เข็มจิ้มเราเช่นเดียวกัน เป็นอันเสร็จ
สิ้น ต่อไปก็ตาเธอ เธอหลง ๆ ลืม ๆ ใช้มือผิดบ้าง ลืมปลดเชือกบ้าง เข็มเกือบจิ้มมือเธอบ้าง555เนื่องจาก
ขน้ั ตอนมันละเอียดอ่อนจรงิ ๆ เพือ่ ให้สะอาดที่สดุ และป้องกนั การติดเชอื้ แตพ่ ีพ่ ยาบาลกช็ ว่ ยบอกขั้นตอนอย่าง
ใจเยน็ จนผา่ นไปไดด้ ว้ ยดี :)

8

ฐานต่อไปคือ “Splinters การเข้าเฝือก” เธอกับนิต้าเดินออกไปนอกห้องประชุมตามเพื่อน ๆ ไป
ฐานนี้พ่ีหมอโอ๊ตเป็นคนสอน พี่หมอโอ๊ตให้มาล้อมรอบโต๊ะที่มีแขนจำลองสำหรับทำเฝือก พี่หมอเรียกคนตัว
เล็กๆเข้ามาด้านหน้า แน่นอนเธอก็ด้วย เธอรู้ตัวดี=_= เธอกับนิต้าจึงต้องแยกกันสักพัก จากนั้นก็เริ่มการ
อธิบาย โดยมีการถามคำถามก่อน เช่น “เราควรใส่เฝือกตอนไหน” ทุกคนรวมถึงเธอตอบว่า “ตอนกระดูกหัก
คะ่ /ครับ!!” แต่ปรากฏวา่ มนั ไม่ถูกทั้งหมด!! เธองงคดิ อะไรไม่ออกเลยนอกจากกระดูกหกั เพราะเธอไม่ค่อยเห็น
คนใส่เฝือกด้วยเหตุผลอื่นเลย แถมเธอก็ไม่เคยใส่เฝือกด้วย โตมาอย่างปลอดภัย 55555 ถามไปมาถามมา
ก็ไม่ได้คำตอบที่ถูก ในที่สุดพี่หมอจึงเฉลยว่า “ไม่จำเป็นที่ต้องใส่ตอนกระดูกหัก แต่เป็นอาการอะไรก็ได้ที่
ต้องการให้อวยั วะน้ันนิง่ ไมข่ ยบั การที่เมื่อกระดูกหักแลว้ ต้องใส่เฝือกก็เพราะเหตุนี้ ซึ่งต้องการให้กระดูกเชื่อม
ตดิ กันใหม่อกี คร้งั จึงต้องให้สว่ นนัน้ อยูน่ งิ่ ๆ เพอ่ื ให้กระดูกเชือ่ มกันอยา่ งธรรมชาติและถูกรูปแบบ“ เธอฟงั อย่าง
ต้ังใจ แตเ่ ธอไม่กล้าสบตาพี่หมอโอ๊ต เพราะเธอตอบคำถามพห่ี มอไม่ได้ =_= คำถามต่อไปคือ “เม่ือใส่เฝือกเรา
ไม่ควรทำอะไรบ้าง” เธอตอบไม่ได้อีกแล้ว… เธอได้แต่ยิ้มแห้งๆ ฟังที่เพื่อนๆตอบ “ไม่ควรเขียนครับ” มีเพื่อน
ผู้ชายคนหนึ่งพูดขึ้นมา เธองงว่าทำไมไม่ควรเขียน ปกติก็มีคนเขียนเยอะจะตาย เธอถามตัวเองในใจ “แล้ว
เขียนทำไมนะ?”เธอตอบตัวเอง “นั้นดิ” “ใช่! เพื่อนว่า ถ้าสมมติ เลือดออก หรือเป็นหนอง เราจะไม่เห็นมัน
ซึ่งสามารถนำไปสู่การติดเช้ือได้” พี่หมอกล่าว “โห ความรู้ใหม่มากกกกกก” เธอพูดในใจพร้อมกับตาโตอยา่ ง
น่าทึ่ง “มีอะไรอีกที่ไม่ควรทำครับ” เพื่อนตอบไม่ได้คล้ายว่าไม่รู้กันแล้ว พี่หมอเลยใบ้ว่า “เวลาใส่จะรู้สึก
อะไรๆ” “คนั !!” เพอ่ื นร่วมค่ายคนหนึ่งตอบ “ถูกต้องงง พอคันแล้ว เราเกาไม่ได้ ดงั น้นั จะมีบางคนที่ชอบแหย่
อะไรเข้าไปเพื่อเกา แต่มันไม่ควรทำเนื่องจากถ้ามันเป็นแผลจะนำไปสู่การติดเชื้อได้ ยิ่งเฝือกปิดแผล ไม่มี
อากาศระบายมันสามารถเน่าได้เลย” พอฟังเสร็จเธอมีความรู้เพิ่มทันที เป็นความรู้ที่หาไม่ได้ในโรงเรียนอีก
ด้วย พี่หมอเริ่มการสาธิตวีธีทำเฝอื กโดยมีอุปกรณ์เพิ่มอีก 2 อย่าง คือแผ่นฝ้ายนุ่ม และ ปูนปลาสเตอร์ที่อยูใ่ น
รูปแผ่นยาวๆ อยา่ งละ 1 ม้วน เธอฟังอย่างตัง้ ใจเพราะเธอไมเ่ คยเห็นมาก่อนเลย ไม่เหมือนเจาะเลือดท่ีเคยโดน
เจาะมาแล้วตอนเธอป่วยT-T เริม่ ดว้ ยใชแ้ ผน่ ฝ้ายนมุ่ กล้งิ กลง้ิ คือสง่ิ ท่ีตรงขา้ มกับพัน น้ันคือเอาแกนแผ่นสำลี
หันออกด้านนอกและตัวแผ่นสำลีจะชิดกับแขนจำลอง โดยไม่มีแกนแผ่นสำลีมากั้น แต่พันคือแกนแผ่นสำลีจะ
หันเข้าด้านแขนจำลอง แผ่นสำลีจะถกู กั้นด้วยแกนแผ่นสำลี ทำให้แผ่นสำลจี ะไมต่ ึงขณะพัน ดังนั้นเราจะใชว้ ธิ ี
กลิ้ง กลงิ้ ให้ตึงและอย่าใหแ้ นน่ เกินไปเรื่อย ๆ จนถึงเกือบสดุ เเขนจำลองแลว้ ฉีกแผ่นสำลีออก ต่อไปเปน็ ข้นั ตอน
ในการใช้แผ่นปูนปลาสเตอร์ นำไปแช่น้ำ 1 ม้วน แต่ไม่ต้องแช่นานเอาให้มันนุ่มขึ้นก็พอ แล้วนำมากลิ้ง
เช่นเดียวกันแต่ตอ้ งขยับเข้ามาจากแผ่นสำลีท่ีกลิ้งไว้ 1-2 เซนติเมตร ทั้งต้นและปลายแขนจำลอง แล้วเร่ิมกล้งิ
ไปเรื่อย ๆ ขณะกลิ้งก็ต้องทำให้ตึงด้วยเช่นเดียวกัน จากนั้นถูให้ทั่วไม่ว่าจะด้านบน ด้านข้าง และด้าน ล่าง
เพื่อให้ผงปูนที่ละลายน้ำกระจายตัว เพราะตอนแห้งจะได้แข็งทั่วแขนจำลอง เมื่อถูเสร็จแล้วก็รอให้แหง้ โดยรู้
จากการแตะว่ามันร้อนหรือไม่ ถ้าร้อนแสดงว่าเริ่มแห้งแล้ว เช่นเดียวกับการหล่อปูนปลาสเตอร์ เธอก็ไม่เคยรู้
อีกเช่นเคย เธอไม่เคยเล่นปูนปลาสเตอร์ =_= ถ้าร้อนอย่างทั่วถึงแล้ว แสดงว่าแห้งทุกจุดแล้วเป็นอันเสร็จส้ิน
จากนนั้ พ่ีหมอโอ๊ตปลอ่ ยให้ไปลองทำเองกับเพ่ือนๆ กลมุ่ ละ 6 คน เธอกร็ บี หนั กลับไปหานติ า้ แล้วไปหากลุ่มอยู่
เราเหน็ มกี ลุ่มหนงึ่ ว่าง อยู่ ๆทกั ษะการตีสนิทของเธอกม็ ีมากข้ึน(เดี๋ยวไม่มีกลุ่ม T-T) เธอเข้าไปทักทายและขอ
ร่วมกลุ่มด้วย เป็นผู้หญิงล้วนเลย คุยไปทำไปแบ่งๆกันทำ โดยเธอเป็นคนเริ่ม =_= เธอเริ่มจากการพันแผ่น

9

สำลที ่ตี ้นแขน เธอพยายามกล้ิงให้ตึงที่สุดพอไปถงึ กลางแขนก็พลัดให้คนอ่ืนทำ เธอได้ลองทำอีกทีคือตอนถูปูน
ปลาสเตอร์ เธอชอบขั้นตอนนี้มาก สนุก5555 แล้วจึงรอแห้ง พอใกล้หมดเวลาพีห่ มอให้มารวมตัวที่เดิม พร้อม
หยิบเฝือกของแต่ละกล่มุ มาวางเรยี งกนั จากนัน้ พี่หมอโอต๊ ก็เร่ิมวจิ ารของแต่กลุ่ม พอถงึ ตากลุ่มของเธอ พ่ีหมอ
บอกว่า “ยังพันไม่แน่นและตึงเท่าไหร่ ตอนถูไม่ทั่วมากเพราะตรงท้องเเขนยังไม่เนียนเลย” เธอใจแป้วทันที
“แต่ช่วงแรกๆพันตึงดีนะ ไม่เป็นไรครั้งแรกก็โอเคแล้ว” พี่หมอกล่าว เธอใจฟูขึ้นทันที เพราะช่วงแรก ๆ หรือ
ชว่ งต้นแขนคือฝมี อื เธอ!!! เธอจึงพดู กับตัวเองในใจว่า “เรานถี่ นดั งานฝมี อื จรงิ ๆดว้ ย” >_<

10

ฐานสุดทา้ ยคือ “Suture เย็บแผลตอ้ งลอง” เธอกบั นติ ้าเดนิ เขา้ ไปในห้องประชุมอกี ครั้งพร้อมกับหา
ที่นั่ง ได้ท่ีนั่งประมาณแถวที่ 3 จากด้านหน้า เห็นอุปกรณ์มากมายที่วางบนโต๊ะ มีกรรไกร 2 อัน ที่คีบ
เข็มโค้งๆ ไหม ฟองน้ำที่ผ่ากลาง ถาดพร้อมกับผ้าสีเขียวที่มีช่องโหว่งตรงกลาง เนื่องจากเวลาสายจาก
กำหนดการมาก พ่พี ยาบาลจึงรีบสาธิตวธิ ีการเยบ็ แผลฉายข้ึนบนหน้าจอใหด้ ู ซงึ่ เธอกบั นติ ้าจำไม่ได้และมองไม่
ทันทั้งคู่5555 จับใจความไดแ้ ค่นิดเดียว เธอจำได้แค่ว่าต้องกดกรรไกรให้ดัง กึก! แล้วต้องยกเข็ม 90 องศา ลง
ไปที่ฟองน้ำ ซึ่งเธอก็พึ่งรูว้ ่าฟองน้ำคือแทนเนื้อหนังของคน จากนั้นพี่พยาบาลจึงให้ลองทำ เธอกับนิต้าลองผิด
ลองถูกจนหนั ไปหาเพ่ือนๆข้างหลังแลว้ ลองทำตาม สรปุ คอื ไม่ได้ความ5555 จนเธอต้องเรยี กพี่พยาบาลมาช่วย
สอน เริ่มจากปูผ้าสีเขียวๆที่มีช่องตรงกลางลงบนฟองน้ำ เพื่อป้องกันไม่ให้มีอะไรมาปนเปื้อนแผล ต่อด้วยใส่
ด้ายเข้าไปในรูเข็มแต่ไม่เหมือนกับเข็มเย็บผ้า เนื่องจากมันไม่ใช่รู แต่เกือบเป็นรู คือจะมีช่องเล็กมาก ๆ ให้ใส่
จากด้านบน กดปลายด้ายให้ลงไปดัง กึก! แล้วใช้กรรไกรทีใ่ ช้จับเข็มโดยเฉพาะ ซึ่งต้องจับเข็มประมาณหน่งึ ใน
สามของท้ายเข็ม เวลาใช้กรรไกรจับต้องออกแรงบีบกรรไกรให้ดัง กึก! เพื่อให้จับให้แน่นและแน่ใจว่าไม่หลุด
เนอื่ งจากจะเป็นอนั ตรายต่อตัวเรา จากนั้นจบั ใหเ้ ขม็ ตั้งฉากกับผิว แล้วกดลงไปประมาณ 0.5 เซนติเมตรพร้อม
ใช้ที่คีบกดผิวอีกฝั่งไว้ให้ตึง แล้วบิดตามรูปร่างของเข็มขึ้นมาบนผิวของอีกฝั่งหนึ่ง บีบออกแรงเพื่อปล่อยจาก
เข็ม แล้วไปจับปลายแหลมของเข็มอีกฝั่งแทน ดึงขึ้น และนำเข็มออก จากนั้นใช้มือนำด้ายด้านที่ยาวกว่ามา
หมุนรอบกรรไกรจับเข็มประมาณ 2 รอบแล้วใช้กรรไกรไปจับด้ายอีกฝัง่ ที่ส้ันกวา่ ลอดกลับมา เพื่อให้ด้ายทีพ่ ัน
ไว้ที่กรรไกรจะได้มัดด้ายข้างนั้นแล้วเกิดเป็นปม ทำแบบนี้อีก 1 รอบ สุดท้ายก็ใช้กรรไกรตัดไหม ตัดไหมออก
เหลือไว้ให้ยาวประมาณ 0.7 เซนติเมตร เป็นอันเสร็จสิ้น พี่พยาบาลบอกว่าทำอย่างนี้ถือว่าเป็น 1 เข็ม ที่เรา
พูดๆกัน ซึ่งแน่นอนว่าเธอพึ่งรู้วันนี้ 5555 เพราะเธอไม่เคยโดนเย็บแผล (โตมาอย่างปลอดภัยอีกแล้ว5555)
ถ้าเย็บเข็มที่ 2 ต้องเย็บห่างจากเข็มที่ 1 ประมาณ 0.5 แล้วเธอก็ลองเยบ็ เอง ความรู้สึกแรกคือกรรไกรจับเข็ม
แขง็ มากๆ เธอต้องใชอ้ ีกมือชว่ ยเพ่ือให้มันดงั กกึ ! 5555 เธอลองเย็บต่อไป เขม็ ท่ี 2.. เขม็ ท่ี 3.. เขม็ ที่ 4.. เขม็ ท่ี
5.. เข็มที่ 6... เขม็ ท่ี 7.. และเข็มท่ี 8 ... หมดเวลา! พ่ีเรม่ิ มาเกบ็ อุปกรณ์ตา่ งๆ แต่ยังไงเธอรู้สึกสนุกมากท่ีสุดใน
บรรดาทั้งหมดที่ทำมา เธอรู้สึกมีสมาธิกับมัน และชอบมากๆเลยด้วย จนต้องพูดกับเนสว่า “สั่งอุปกรณ์ในเวป็
กนั มั้ย5555” ซง่ึ มนั กต็ รงกบั ท่เี ธอชอบงานฝมี ืออีกแล้ว :)

11

หลงั จากนั้นทุกคนกม็ ารวมตวั ในห้องประชุมอกี ครั้ง พีๆ่ เคา้ มาประกาศให้นั่งฟงั ก่อน เพราะมันถึงเวลา
ที่ต้องแจกกุญแจแล้ว พี่ๆแจ้งว่า “เมื่อได้กุญแจแล้ว ให้ขึ้นลิฟต์ไปเอากระเป๋าทีช่ ้ัน 8 นะคะ ถ้าอยากสลับหอ้ ง
สลับได้ แตต่ อนคืนกญุ แจ คนื ให้ครบน้า และเมือ่ ตอนประมาณ 2 ท่มุ พ่ีๆจะเร่ิมเชค็ ช่อื ตามห้องนะคะ” จากน้ัน
พี่ก็ประกาศรายช่ือตามคูพ่ ร้อมกบั เลขห้อง ฟังไปสักพักก็ลุ้นว่าเมื่อไหร่จะถึงตาของพวกเราสักที555 เพราะว่า
เธอหวิ ข้าวเยน็ แล้ว!! ในทส่ี ดุ พี่ก็เรียกชื่อพวกเรา สรปุ คือ แนทกบั เนสได้หอ้ ง 1602 เธอกับพไี ดห้ ้อง 1605 แล้ว
มุกได้คู่กับคนอื่น ซึ่งอยู่ชั้น 7 พวกเราจึงเดินไปที่ลิฟต์แล้วขึ้นไปยังชั้น 8 ประตูลิฟต์เปิด.. พบกับกระเป๋า
มากมาย เธอมองไปหากระเป๋าตัวเองที่วางเรียงกันต้ังแต่ฝั่งซ้ายสุดถึงฝั่งขวาสุด ซึ่งเธอก็หาไม่เจอ 5555
ในสุดท้ายมุกกับแน็ทเป็นคนหาเจอและพากันแบกกระเป๋าลงไปทางบันไดแทน เพราะลิฟต์ใช้ได้แค่ตัวเดียว..
รวมกบั คนท่ีถยอยขึน้ มาเอากระเป๋าดว้ ย เธอจึงรีบแบกเดินตามเพ่ือนๆใหท้ ัน เนื่องจากกระเป๋าหนักพอสมควร
แถมเธอก็ตัวเล็ก... ในที่สุดก็ถึงห้อง ก่อนจะเข้าห้องเราก็ตกลงกันว่า แนท พีและเธอ นอนด้วยกัน และมุกกับ
เนสนอนอีกห้อง ซึ่งบังเอิญอยู่ตรงข้ามกันเลย เธอเอาของวางไว้ในห้อง ห้องเป็นเตียงใหญ่ เตียงเดียว..
ห้องค่อนข้างดี มีโทรทัศน์ โต๊ะวางของ มองไปข้างนอกก็เห็นวิวในกรุงเทพฯ (มีแต่ตึกและรถบนถนน...) เธอ
ตกใจกับเตียงเดี่ยว เธอคิดในใจว่าจะยัด 3 คนลงไปได้ไง เลยเรียกอีก 2 คนให้มาลองนอน ปรากฏว่ามันพอดี!
พอดกี ับตัวเรา 3 คน จดั ของอะไรเสรจ็ กพ็ ากันไปช่วยเอาของของมุกอีกห้องทีอ่ ยู่ช้ัน 7 เชน่ แกว้ นำ้ ผ้าเชด็ ดตวั
รองเทา้ เดนิ ในหอ้ ง จัดของในหอ้ งมุกเรียบร้อยแล้วไปกินขา้ วเยน็ ทหี่ ้องอาหาร เขา้ ไปแถวยังไม่ยาวมาก เพราะ
พวกเรารีบมามากๆ เธอเล็งซูชิอีกครั้งและรีบไปตักเป็นอย่างแรก เธอกลัวมันหมดเหมือนคราวที่แล้ว555
จากนั้นเธอก็ไปตักข้าวเลือกกับ แต่ก่อนถึงโต๊ะที่มุกจองไว้ เธอเหลือบไปเห็นขนมหวาน! นั้นคือ ขนมครก!!
ทำสดๆจากเตาเลยด้วย แถวยาวพอสมควร เธอจงึ รบไปต่อแถว แลว้ ไมม่ ใี ครต่อแถวหลงั เธอ เธอจึงตง้ั ความหวัง
ว่า เธอ ต้อง ได้ กิน! และพอใกล้ถึงคิวเธอ! “อะไรเนี่ยยยยย หมดต่อหน้าต่อตาเลย!! T-T” เธอบ่น คุณป้า
เริ่มทำขนมครกอีกรอบแล้วก็ขำเธอ จนคณุ ปา้ บอกเธอว่า “ไม่เปน็ ไรนะลูก เดยี๋ วมาตอ่ แถวใหมน่ ะ ๆ” “ได้ค่ะ!
เด๋ียวหนูจะจอ้ งไวเ้ ลย หึ” เธอกล่าว แลว้ คณุ ปา้ กข็ ำเธออีกแลว้ จากนั้นเธอก็เดนิ ไปหาเพ่ือนๆแลว้ เล่าให้ฟัง ขำ
เรียงเป็นแถว555 เธอทานข้าวไปจ้องไปที่เตาขนมครก พอมคี นเริ่มต่อแถว เธอรีบลกุ แลว้ วง่ิ ไปต่อแถว เม่ือคุณ
ปา้ เปดิ ฝา ควันลอยออกมาพร้อมกลิ่นหอม เธอมองตาแป๋วพร้อมทานขนมครก ในท่สี ุดกถ็ ึงควิ เธอ และเธอก็ได้
กิน! “เย้!”เธออุทาน “ได้กินแล้วนะลูก 55555” คุณป้าขำเธออีกแล้ว.. “ค่ะ ขอบคุณนะคะ >_<” เธอเดิน
อารมณ์ดีพร้อมกับจานที่มีขนมครกประมาณ 3 ฝา วางบนโต๊ะและแบ่งให้เพื่อนๆทาน แต่เธอทานคนแรก
“หื้มมมมมม” เธออุทาน “อร่อย?” เนสถาม “ร้อน!”เธอพูดทั้ง ๆ ที่ขนมครกยังอยู่ในปาก555 ขำยกโต๊ะ555
“ล้อเล่น ๆ อร่อยยยยยย” เธอกล่าว จากนั้นมีบางส่วนกลับห้องตามแผนที่แอบวางไว้ ส่วนเธอกับมุกสั่งชานม
ไข่มุกที่พีชอบกินไว้และพิซซ่า จึงพากันไปเอาที่ชั้นล่างแล้วตามไปที่ห้อง เมื่อถึงหน้าห้องก็เรียก เตรียมกับมุก
เจาะหลอดลงไปที่แก้วซ่อนไว้ข้างหลัง แล้วก็เคาะประตูห้อง พอประตูเปิดออก “Happy Birthday to you..
Happy Birthday to you... Happy Birthday… Happy Birthday… Happy Birthday to you!!!” ร้องเพลง
ไปหัวเราะไปเสียงดังมาก555 เพราะพดี ูตกใจจริง พีพูดวา่ “นึกวา่ ลมื ซะแล้ว ;-;” ขำยกห้อง5555 จากน้ันพวก
เราก็ปาร์ตี้ ทานพิซซ่า ชานม แล้วแยกย้ายไปอาบน้ำ เธออาบคนแรกต่อด้วยพีและแน็ทคนสุดท้าย เธอชอบ
อาบคนแรกเพราะจะได้นอนบนเตียงก่อนเพ่ือน แล้วซกุ ใต้ผ้าห่มเปดิ แอร์เยน็ ๆ สบายสุด ๆ ไปเลย เวลาทีข่ าด

12

เหลอื อะไรกจ็ ะชอบเดนิ ออกไปเคาะประตูห้องตรงข้าม เดนิ ข้ามไปมาตลอดเวลา555 จนมกุ ตอ้ งพดู ว่า “ไม่ล็อก
หอ้ งนะ เปดิ มาไดเ้ ลย ขีเ้ กยี จมาเปิดประตูให้” พอ 2 ท่มุ พ่ี ๆ กเ็ ริ่มเชค็ ชื่อโดยเริม่ จากชั้น 8 ลงมา การเช็คช่ือ
ของค่ายนี้คือ ออกมานอกห้องโพสท่าถ่ายรูปลงกลุ่มไลน์ พวกเราอาบนำ้ เสร็จแล้ว นอนเล่นอยู่บนเตียงรอพี่ ๆ
มาเชค็ ช่ือ และแลว้ ก็มีคนมาเคาะประตตู อนประมาณ 3 ทมุ่ เปิดประตูออกมา เพอื่ นรว่ มคา่ ยตะโกนว่า “มาค่า
มาเชค็ ชื่อค่ะพ่นี ้องท้ังหลายยย มาตรงน้ี ๆ ” พวกเรานั่งลงแลว้ เตรียมตัวถา่ ยรปู โดยที่เพอื่ นคนนั้นเป็นคนถ่าย
ให้ แล้วก็ออกแบบทา่ โพสให้ “รปู แรกนะคะ ชูสองน้ิวคา่ อยา่ งน้ี ๆ โอเค ๆ หน่งึ สอง สาม!! ” เธอโพสตามและ
เผลอย้ิมใหก้ บั คำพูดและท่าทางของเพื่อนคนนี5้ 55 “รูปท่ี 2 นะคะ ดอกไม้บานค่า อย่างนี้ ๆ นะคะ เอะ๊ ! น้อง
หรือพี่ผู้ชายตรงข้างหลังอ่ะ โพสท่าเร็ว ๆ น่ารักจะตาย >_<” เธอหลุดขำออกมา5555 จากนั้นก็เช็คชื่อเสร็จ
แยกย้ายไปห้องตัวเอง แต่ไม่นานมุกก็เข้ามาในห้อง แล้วบอกว่า “พรุ่งนี้จะตื่นกี่โมงกันคะทุกคน!!” เธอถาม
“ตามตารางนัดกี่โมงอะ่ ” “ตามตารางเร่มิ สัมมนา 7:30 น. แตเ่ ราต้องไปกินข้าวเช้ากอ่ น ตื่นสกั ตี 5 ครึ่งมั้ย? ”
“ห้ะ! ไม่นะ! เช้ามากกกกก”เธอกล่าว เธอไม่ชอบการตื่นเช้า “ไม่ได้! เดี๋ยวกินข้าวไม่ทัน อาบน้ำช้า” มุกบอก
มุกบอกอย่างนั้น ยังไงเธอก็ต้องยอม เนื่องจากเธอกินข้าวและอาบนำ้ ช้าจรงิ 555 “เดี๋ยวพรุ่งนีม้ าปลุกตี 5 ครึ่ง
นะ ถา้ ใครไม่ตืน่ นะ!!” แล้วมุกก็เดินออกไปจากห้องไป.. เธอจึงรบี หลับเดยี๋ วนน้ั เลย กลวั มกุ ฮอื อ..;-;

-วันสุดท้ายของการไปคา่ ย-
ณ เวลา ตี 5 ครึ่ง มุกเดินเข้ามาปลุกตามที่บอกไว้ โดยใช้วิธีเปิดไฟ!! แล้วเรียกปลุก เธอไม่ชอบเอาสะเลย!!
เธองัวเงียยอมตื่นเพราะเดี๋ยวมุกมาจั๊กจี้ เธอคงจะตายคาเตียง เมื่อเธอตื่นเธอเห็นมุกใส่เสื้อสีม่วง “มุกอาบน้ำ
แล้ว!! ตื่นมาอาบได้ไงวะเนี่ย“ เธอคิดในใจแบบอึ้งๆ แต่ในขณะเดี๋ยวกัน เธอหันไปมองอีกสองคนที่นอนข้างๆ
ไม่ตื่นกันสักคน! จนมุกต้องเปิดผ้ามา่ น แต่มันเช้าไปไม่มีแสง55555 วิธีปลกุ น่ีล่ม555 มุกจึงใช้วธิ ดี งึ ผ้าห่มแทน
เธอก็นั่งมองพร้อมกับขำที่เห็นพีกับแน็ทงอแงง่วงนอน555 ดึงไปพร้อมบ่นไปของมุกสักพักทำให้แน็ทตื่น…
แต…่ พกี ค็ งยงั ไม่ต่นื เหมือนเดิม เธอมองมาสกั พักใหญ่พีกย็ ังไม่ต่ืน เธอจึงหนีไปแปรงฟันรอ เดินกลับมา มันก็ยัง
ไม่ตื่น!! “โห ยอมใจพีเลยว่ะ”เธอกล่าว จนสักพักพีก็ยอมตื่นเพราะพลังการบ่นของมุก5555 จากนั้นก็ผลัดกนั
ไปอาบนำ้ โดยเริ่มจากเธอเป็นคนแรก พอเธออาบเสร็จเดินออกมาเจอ พวกนางทั้ง 2 นอนใต้ผ้าห่มพร้อมกับ
เล่นโทรศัพท์สบายใจเชียว จากนั้นเธอก็ไล่พีไปอาบนำ้ตามด้วยแน็ท ระหว่างรอนางทั้ง 2 อาบน้ำ เธอแต่งตัว
จากนั้นก็จัดของเก็บเข้ากระเป๋าพร้อมกลับ รอจนทุกคนเก็บเสร็จก็พากันไปทานข้าวเช้าที่ห้องอาหารที่เดิม
พวกเราไปถึงคนก็เยอะแล้ว เธอมองว่ามีอะไรบ้าง จากที่เธอเห็น มีทั้งข้าว กับต่างๆ ขนมปัง ไข่ดาว แฮม ไส้
กรอกโจ๊ก ซีเรียลพร้อมนม และกาแฟ มีอาหารหลากหลายมากมาย แต่สิ่งที่เธอมักชอบทานที่โรงแรมบ่อยๆก็
คือ ขนมปังไข่ดาวไม่สุกพร้อมแฮม ทานกับซอสมะเขือเทศกับพริก อร่อยมากๆ อีกอย่างคือซีเรียลพร้อมนม
เธอเดินไปตกั ไม่สนใจเพื่อนอกี 4 คน เนื่องจากเธอหิวมากกกก เมือ่ ตักเสร็จหนั มองซา้ ยขวา พอเจอตัวมุกแล้วก็
เดินไปถามว่าจองโต๊ะไหนไว้~ เธอเดินไปนั่งเป็นคนแรก… แต่เธอรอเพื่อนๆมาพร้อมหน้า แล้วจึงค่อยทาน
พร้อมกัน แต่ถึงอย่างไรการเริ่มทานพร้อมกัน ก็ทำให้รู้ว่าทกุ คนกินเสร็จก่อนเธอเสมอ… ทุกคนรอเธอทาน แต่
ว่า!! “อีก 20 นาทีจะเริ่มงานสมั มนาแล้ว!!” เนสกล่าว ซึ่งทำให้เธอหยุดทานทันที!! พร้อมกับรีบดูดน้ำ แล้วรีบ
ลุกขึ้น! เพราะกระเป๋ายังไม่เก็บไปที่โถงด้านล่างห้องประชุมเลย จากนั้นก็พากันวิ่งไปรอลิฟต์ขึน้ ไป แล้วพากัน

13

เช็คของอีกรอบ พากันแบกไปวางไว้รวมกับเพื่อนๆบริเวณโถงด้านล่าง ไม่พอก็วิ่งขึ้นไปด้านบนเพื่อเข้า
หอประชุมอีก พอถงึ ทำเอาหอบกนิ กันเลยทเี ดยี ว…

โชคดีที่มาถึงทันไม่เหมือนวันแรก คนเต็มห้องประชุม แต่ยังไม่เริ่ม พวกเราเลือกที่จะนั่งข้างหลัง
เหมือนเดิม คู่เดิม แต่เนสถูกย้ายไปนั่งกับอีกคนหนึ่ง;-; จากนั้นไม่นานก็เริ่มโดยพี่หมอฟันที่จะมาบรรยายและ
ทำกจิ กรรมกบั เราในวนั นีเ้ ป็นผชู้ าย จบจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์เช่นเดียวกบั พีห่ มอโอต๊ เขาแทนตวั เอง
ว่า “พ่หี มอเต้” ก่อนที่พี่หมอเต้จะเร่มิ บรรยาย พหี่ มอให้ลองทำแบบทดสอบแบบไม่จรงิ จัง ผ่าน Google form
มีทั้งหมด 10 ข้อ เธอสแกนคิวอาร์โค้ดพร้อมกับแน็ท กรอกชื่ออะไรให้เรียบร้อย แล้วจะมีคำถามเช่น นึกถึง
หมอฟันแล้วนึกถึงอะไร หรือให้ดูรูปว่ามีฟันผุกี่ซี่ รูปนี้กำลังทำอะไรอยู่ ซึ่งพอทำเสร็ จแล้วกดส่งมันจะข้ึน
คะแนนให้ เต็ม 9 (ไม่รวมข้อเขยี น) เธอได้ 7 ! ซึ่งเธอก็รู้สกึ พอใจกับมนั อยู่ เพราะทั้งห้องคะแนนสูงสุดคอื 8 ท่ี
เธอตอบคำถามได้เพราะเธอชอบดูในอินเทอร์เน็ต ที่มีภาพจำลองเป็นคลิปวิธีทำต่างๆ เช่น ถอนฟันคุด รักษา
รากฟนั เธอมีความสนใจอยู่พอสมควรท่ีทำให้พอตอบได้ แคน่ ้ีเธอก็ดีใจมากแล้ว หลงั จากน้ันพี่หมอเต้ก็เริ่มเล่า
ใหฟ้ ังวา่ ในการเรยี นมหาลัยเรยี นอะไรบา้ ง? เทา่ ทฟ่ี งั มาท้ังหมด สรุปได้ว่าคลา้ ยๆกบั หมอทีฟ่ ังเมือ่ วานเลย ท้ังมี
การแยก ชน้ั คลนิ ิกกับพรีคลนี กิ ได้เรียนกบั อาจารย์ใหญ่เหมือนกัน แตว่ า่ เรียนตัง้ แต่หัวถึงแคอ่ วัยวะเพศเท่านั้น
แล้วประมาณปี 6 ก็จะได้ทำกับคนไข้จริง ซึ่งบางมหาลัยก็จะให้นักศึกษาหาคนไข้มาทำกับตัวเองเองหรือ
เรียกว่าหาเคสเอง แต่บางมหาลัยก็จะหาเคสให้ แต่ถ้าต้องหาเคสเองก็อาจจะลำบากหน่อย เพราะถ้าไม่มีใคร
มาก็อาจจะไม่จบกเ็ ปน็ ได้… สว่ นใหญ่นกั ศึกษาก็จะชวนญาติพน่ี ้องและเพ่ือนตัวเองมาช่วยทำฟันกับตัวเอง555
ตอ่ ไปพ่หี มอพดู ถึงลักษณะนิสัยส่วนใหญ่ของหมอฟนั หรือนิสยั ที่คนควรเป็นหมอฟนั ควรมี แตถ่ ึงไม่มกี ็ไม่เป็นไร
เนื่องจากมันฝึกหรือค่อยๆปรับไปได้ และนิสัยส่วนใหญ่ที่จะพูดถึงนี้มีผลมาจากการเรียนด้วย เช่น เป็นคน
ละเอียด เธอพอเดาได้ว่าเพราะอะไร หมอเต้เล่าว่า “เวลาเรียนเนี่ย เวลาคุยกับอาจารย์กับเพื่อน ใช้หน่วย
มิลลิเมตรนะครับ555 เวลาเรียนเช่น การกรอฟัน อาจารย์จะพูดเลยว่า กรอลงไปอีก 2 มิลลิเมตร ซึ่งเราต้อง
เบามืออย่างมาก แถมต้องมีสมาธิมาก ๆ ” เธอเดาถูก!! เพราะเธอเคยฟังผ่าน ๆ จากอินเทอร์เน็ตมาแล้วบ้าง
“นิสยั ท่ี 2 คอื เปน็ คนใจเย็น แน่นอนเน่ืองจากท่ีบอกไปแล้ว กรอลงไป 2 มิลลเิ มตร ถา้ ใจร้อนอาจทำให้ฟันรูป
ไม่สวยหรืออาจจะส่งผลถึงรากฟันได้นะครับ เวลาทำอะไรกับฟันเล็กๆ ไม่ใช่มีความรู้อย่างเดียวนะ ต้องท้ัง
ละเอียด ใจเย็นและมีสมาธินะครับ” เธอเข้าใจเป็นอย่างดี เธออยากลองทำ เธอคิดว่าเธอทำได้!! ถ้าเธอทำงาน
ฝมี อื ได้ เธอกต็ อ้ งทำกับฟนั ได้เช่นกัน!!

จากนั้นพี่ ๆ ก็ให้ออกมาพักรับของว่างกันก่อนจะทำกิจกรรมต่อไป เธอลากแน็ทให้วิ่งไปเอาของว่าง
กับเธอ และพบว่ามี เกี๊ยวซ่า!! พร้อมกับโอวัลตินหนึ่งแก้ว เธอกับแน็ทรีบต่อแถวและเอามันมาก่อนในบรรดา
เพื่อน เธอกับแน็ทยืนรอ มุก พี และเนส ก่อนจะยืนกินด้วยกัน แต่เราไม่ได้คุยไรกันมาก เพราะเวลาเริ่มสาย
จากกำหนดการ เราต่างพูดแค่ “เกี๊ยวซ่าอร่อยมาก!! อยากกินอีกจาน” เธอกับเนสก็พากันจ้องจานที่เหลือ ซึ่ง
มันเหลือจริงแต่ก็ไม่กล้าขอเพิ่ม5555 แล้วพากันไปห้องน้ำ ก็รีบวิ่งกลับห้องประชุม เรากลับเข้ามานั่งที่ตัวเอง
เธอเห็นอุปกรณ์เต็มโต๊ะไปหมดไม่ว่าจะเป็นถงุ พลาสติก แท่งเหล็ก1 อัน ถุงผง 2 ถุง น้ำยาเลข 1 กับ 2 มีก้อน
เล็ก ๆ อันหนึ่งสีน้ำเงินคล้ายข้ีผึ้งแข็ง ๆ ซึ่งที่เห็นบนโต๊ะเธอไม่รู้เลยว่าคืออะไร555 รวมถึงยังมีฟันจำลอง
ทพี่ มิ พ์ฟนั ช้อนและถว้ ยอย่างละ 1 ซ่ึงเธอพอจะเดาได้ว่าไวท้ ำอะไร :)

14

ต่อไปพ่ีหมอเต้จะให้ทำกิจกรรม “Decorate Tooth ตกแต่งฟัน” อุปกรณ์ที่ใช้คือ ก้อน wax สี
น้ำเงิน และแทง่ เหลก็ สำหรบั แกะสลักเป็นรูปฟัน ซง่ึ ตรงปลายจะเปน็ รูปทรงคลา้ ยลูกศร ตรงดา้ นข้างของลูกศร
ก็จะมีความคมสำหรับแกะสลักอยู่ เธอหายสงสัยในทันที เธอตื่นเต้นมาก ถึงจะเป็นงานฝีมือ แต่เธอก็ไม่เคย
ทำงานแกะสลักมาก่อน พี่หมอเต้ให้เราแกะเป็นรูปฟันกรามซี่ที่ 2 นับจากซ่ีด้านในสุดของปาก พี่หมอบอกว่า
“สังเกตนะครับ มันจะมีนูน ๆ ขึ้นมาอยู่ประมาณ 5 อัน คล้าย ๆ ภูเขา 5 ลูกนะครับ เวลาทำก็ใช้ปลายกรดี ลง
ไปให้เป็น5 ช่อง โดยด้านบนมี 2 ลูกใหญ่นะครับ ด้านล่างมี 3 ลูกเล็ก ร่างไว้ก่อนแล้วค่อย ๆ ใช้ด้านข้างกดลง
ไปแล้วแกะออกมา ใช้ถุงพลาสติกรองนะครบั จะได้ไม่เลอะเทอะ สามารถดตู วั อยา่ งไดท้ ่ีฟนั จำลองของตัวเองนะ
ครบั แต่เราอยากลืมทำฐานนะ เราตอ้ งกรีดทกุ ด้านสูงจากดา้ นล่างเป็นหนึ่งในสามของความสูง อยา่ แกะต่ำกว่า
นนี้ ะครบั อนั นใ้ี ชเ้ ปน็ ฐานต้งั นะ ตวั wax ได้แค่คนละอันนะครับ ใจเยน็ ในการทำนะครับ” เธอเข้าใจและลงมือ
ทำ แต่เธอก็แอบกลัวเพราะมีแค่โอกาสเดียว เธอตื่นเต้นมาก ระหว่างทำเธอสังเกตเธอแทบไม่คุยอะไรกับแน็ท
เลย555 เพราะมนั ต้องมีสมาธจิ ริงๆ ถ้าใครไมช่ อบก็อาจจะหัวร้อนได้เลย เช่น มุก มกุ ไมถ่ ูกกับสิ่งนี้555 แต่เธอ
มีสมาธิมากจนสามารถนับคำพูดได้เลย ใช้เวลาทำอยู่นานประมาณ 1 ช่ัวโมงเลยทีเดียว รู้ตัวอีกทีเงยหน้าข้ึน
มาแล้วรู้สึกปวดคอมาก 5555 เธอชอบมาก ๆ มีสมาธิมากเสียจนจนเธอรู้สึกตัวเองพูดน้อยลงจากปกติมาก
เธอรสู้ ึกว่างานนเี้ หมาะกบั ตวั เองมาก ถึงแม้ปวดคอไปนิดหนอ่ ย :)

15

เมื่อจบกิจกรรมแกะสลักฟันแล้ว ต่อไปเป็นกิจกรรม “Prosthodontic ปฏิบัติการพิมพ์ฟัน”
เธอพอจะนึกออกวา่ ตอ้ งทำอยา่ งไร เนื่องจากมปี ระสบการณ์จากการจดั ฟนั พีห่ มอเตอ้ ธบิ ายวา่ “การพมิ พฟ์ ันมี
2 ขั้นตอนใหญ่ ๆ อันแรกคือ การที่เอาผงวัสดุพิมพฟ์ ันผสมกับน้ำยาเบอร์ 1 นำมาปาดลงบนถาดพิมพ์ฟันแลว้
กดลงไปท่ีฟนั จำลอง และขัน้ ท่ี 2 คือรอวสั ดุพมิ พฟ์ ันแห้งแลว้ แกะออกมา นำผงปูนผสมกับน้ำยาเบอร์ 2 แล้วเท
ลงไปบนวัสดุพิมพ์ฟันที่พึ่งแกะออกมาอีกที” โดยเริ่มจากขั้นตอนแรกก่อน แต่พี่หมอบอกว่ามันมีเวลาจำกัดใน
การผสม ถ้าช้ามันอาจจะแขง็ แล้วติดถ้วยได้ ดังนั้นพีห่ มอจึงแบ่งทำเป็นแถว ๆ พี่ ๆ จะได้ช่วยดูให้ทั่วถึงทกุ คน
เธอจึงรอแลว้ ดูเพื่อนๆแถวอ่นื ทำสักพกั จนกว่าจะถึงตาตัวเอง ระหวา่ งรอเธอก็ตื่นเต้นมาก เพราะได้ยินเสียงคน
ของเพื่อน ๆ ดังมาก5555 เนื่องจากต้องรีบเดี๋ยวมันแข็งก่อน ได้ยินแบบนี้ประมาณ 4 รอบ กว่าจะถึงตาเธอ
555 เมอื่ ถึงตาเธอ เธอใส่ผงสีขาวฟ้าลงไปแลว้ ใชช้ อ้ นกดลงไปตรงกลางกองผง แลว้ เทน้ำยาเบอร์ 1 ลงไปตรง
นั้น พี่หมอเต้บอกว่าการที่ทำอยา่ งนี้ เพ่ือให้น้ำยามันทัว่ ถึงผง จากนั้นรีบ ๆ คน เมื่อมันเริม่ เกาะตัวกันจงึ นำไป
ปาดลงถาดพิมพ์ฟัน เมื่อปาดแล้วรีบเคาะถาดเพื่อให้วัสดุพิมพ์ฟันนี้ไหลลงไปให้ทั่ว ไม่นานนักก็ต้องรีบขูดเศษ
ตา่ งๆจากชอ้ นและถว้ ยออกให้หมด ไม่ง้ันอาจจะตดิ แล้วล้างออกไม่ได้ ร้ตู วั อีกทีคือเสร็จแลว้ แลว้ ปลอ่ ยท้ิงไว้รอ
แหง้ เปน็ การทำในเวลาสน้ั ๆ แตเ่ ต็มไปดว้ ยความสนุกและตื่นเต้นตงั้ แต่กอ่ นทำจนถึงทำเสร็จ >_<

16

เพื่อน ๆ แถวแรกที่รอจนทำครบทุกแถวแล้ว วัสดุพิมพ์ฟันของขั้นตอนที่ 1 คงแห้งแล้ว ต่อไปทำ
ขั้นตอนที่ 2 เช่นเดียวกันต้องแบ่งกันทำเป็นแถว ๆ เธอนั่งรอแล้วนั่งดูเพื่อนๆทำไปด้วย เช่นเดียวกันกับเมื่อ
สักครู่ต้องฟังเสียงช้อนคนแล้วกระทบถ้วยที่ดังมากๆ ประมาณ 4 รอบ กว่าจะถึงตาตัวเอง ขั้นตอนน้ีตื่นเต้น
ตรงท่ีมันจะไม่เกาะตัว มันเป็นของเหลวซึ่งเราต้องเทลงไปที่พิมพ์ฟันไว้เมื่อสักครู่นี้แล้วปล่อยมันทิ้งไว้มันจะ
ค่อย ๆ แห้งเองแต่ต้องใช้เวลาสักพักถึงจะแห้ง เธอตื่นเต้นจนถึงตาของเธอ! เธอแกะวัสดุพิมพ์ฟันออกจากฟัน
จำลอง แล้วจงึ เร่ิมทำขั้นตอนท่ี 2 เธอเทผงปนู ลงไปในถ้วยเดิมที่ใช้ทำวัสดุพิมพ์ฟันเมื่อสกั ครู่ แล้วใช้ช้อนกดลง
ไปตรงกลางผงปูนเหมือนเดิม แล้วเทนำ้ ยาเบอร์ 2 ลงไปตรงนั้น จากน้ันรบี คน เมื่อเขา้ กันแลว้ ไม่มีเศษผงเหลือ
แล้วจึงเทลงวสั ดพุ ิมพ์ฟนั เทจนทว่ั ถึงทุกซอก แล้ววางท้ิงไว้รอให้มันแห้ง แต่ใชเ้ วลานาน พ่ี ๆ จึงให้ไปทานข้าว
กลางวันรอ แต่เมื่อกลับมาก็พบว่า มันฟูข้ึนและแข็งมาก เธอกับแน็ทจึงเร่ิมแกะออกอย่างระมัดระวังพร้อมกับ
ใจที่สั่น เมื่อแกะออกมาแล้ว เธอเห็นผลงานตัวเองที่ทำเป็นครั้งแรกอย่างภูมิใจ แม้ว่ามันจะมีรอยรูพรุน
มากมาย ที่เกิดจากวัสดุพิมพ์ฟันที่เธออาจจะคนไม่ดีทำให้มันไหลไปได้ไม่ทั่ว ยังไงก้ตามเธอประทับกิจกรรมน้ี
มาก กิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมท่ีอาจจะไม่ได้ใจเย็นมากเหมือนกับกิจกรรมที่แล้วก็ตาม แต่มันก็ต้องใช้ความ
ประณีตในการทำเชน่ กนั ไมเ่ ช่นน้ันผลงงานก็จะไม่เรียบสวยเหมือนกับที่เธอทำ แต่ยงั ไงนี่ก็เป็นคร้ังแรกของเธอ
เธอก็ร้สู กึ ดใี จมากแลว้ :)

17

เมื่อจบกิจกรรมพิมพ์ฟันโดยสมบูรณ์ คือแกะออกมาจากวัสดุพิมพ์ฟัน พ่ี ๆ ให้พวกเราเตรียมตัวรับ
เกยี รติบัตร พร้อมกับนำกุญแจมาคนื หลังจากรับเกยี รติบตั รแล้ว พ่ี ๆ เร่ิมประกาศรายช่ือ เธอน่ังอยู่สักพักแล้ว
คิดวา่ เม่อื ไหร่จะถึงเธอ และเธอกเ็ ริ่มเข้าใจว่าเขาประกาศตามตัวอักษร =_= ถา้ เรียงตามอกั ษร เธอจะเป็นคน
สุดท้ายของกลุ่มเรา ไม่นานนักมุกก็เริ่มออกไปรับ ตามด้วยพีและแน็ท เธอเริ่มรู้สึกหวิว ๆ จู่ ๆ เนสก็ตามไป
รอสกั พกั กว่าจะถึงตาเธอ เธอออกไปรับและเดนิ ไปหาเพ่ือน ๆ เธอและแน็ทนำกุญแจไปคืนพร้อมกัน แล้วรอพี
และเนสไปคืน ส่วนของมกุ กฝ็ ากเพ่ือนที่ตอนแรกต้องนอนคกู่ ันไปคืนให้ เมอื่ รับเกียรตบิ ัตรครบทุกคนแลว้ พ่ี ๆ
ส่วนหนึ่งเขา้ ไปจัดโต๊ะในห้องประชมุ เมื่อทุกคนที่มารว่ มค่ายคืนกญุ แจครบ พี่ ๆ ก็เรียกเข้าไปในห้องประชุมที่
โล่ง! ไม่มีโต๊ะแม้สักตัว จากนั้นอยู่ ๆ ไฟก็ดับลง! แล้วฉ่ายวีดีโอขึ้น เป็นวีดีโอที่รวมรูปที่ถ่ายตอนพวกเราทำ
กิจกรรม มีทั้งรูปที่รอดบ้างและไม่รอดบ้าง555 เมื่อวีดีโอจบลง พี่ ๆ ก็กล่าวปิดกิจกรรมค่าย แต่ด้วยที่พ่อและ
แม่ของมุกอาสามารับให้ทุกคน และมาก่อนเวลาทำให้พวกเราต้องรีบกลับก่อน… พวกเรารีบนำกระเป๋าไปยัง
หนา้ โรงแรมตรงไปทร่ี ถของพอ่ มุก วางกระเปา๋ ขึน้ รถ แล้วเดินทางกลับนครปฐมบ้านเรา….

สำหรบั เธอแล้วไม่ผิดหวังกบั ค่ายน้ีแม้แตน่ ิดเดยี ว เธอไดส้ นุก ไดเ้ ปิดประสบการณ์มากมายไปพร้อมกับ
เพื่อนอีก 4 คน ได้มีความทรงจำที่น่าประทับใจร่วมกัน^^ รวมทั้งได้ลองทำกิจกรรมหลาย ๆ อย่างที่เกี่ยวกับ
แพทย์และทันตแพทยท์ ี่ไม่ไดม้ ีโอกาสทำได้ง่าย ๆ ทำให้เธอแนใ่ จว่างานฝีมือนี่แหละเหมาะกับเธออย่างแทจ้ ริง
และสิ่งที่เข้ากับเธอมากที่สุดรวมถึงชอบมากที่สุดจากการลองทำกิจกรรมคงเป็นทันตแพทย์เหมือนที่คิดเอาไว้
กอ่ นหน้านี้จรงิ ๆ

การมาค่ายคร้ังนี้คงไมท่ ำให้เธอไมต่ อ้ งร้องไหเ้ หมือนเด็กน้อยอีกแลว้ … ทำใหเ้ ธอร้จู กั ตวั เอง… ทำให้เธอ
มีเป้าหมายที่อยากในอนาคต… ทำให้เธออยากเติบโตจากเด็กน้อยที่ไม่มีเป้าหมายอะไรเลยเป็นหญิงสาวท่ีเต็ม
ไปด้วยเป้าหมายและเตม็ ไปดว้ ยพลงั ท่ีพร้อมที่จะประสบความสำเร็จอย่างสวยงามให้ได้….

18

19


Click to View FlipBook Version