The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

สูจิบัตรนิทรรศการผลงานสร้างสรรค์งานศิลป์พร่าเลือนในไหมมัดหมี่
ผู้เขียน : sombat prajonsant
สนับสนุนโดย สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by sombat_pra, 2022-04-20 23:33:56

สูจิบัตรนิทรรศการผลงานสร้างสรรค์งานศิลป์ พร่าเลือนในไหมมัดหมี่

สูจิบัตรนิทรรศการผลงานสร้างสรรค์งานศิลป์พร่าเลือนในไหมมัดหมี่
ผู้เขียน : sombat prajonsant
สนับสนุนโดย สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)

Keywords: ikat,design,textile,motif,silk

ชุดโครงการ วช. 63 สรา้ งสรรค์งานศลิ ป์
สนบั สนุนโดย สานักงานการวิจัยแหง่ ชาติ (วช.)

รองศาสตราจารย์สมบตั ิ ประจญศานต์

มหาวทิ ยาลัยราชภฏั บุรีรัมย์



สจู ิบตั รนทิ รรศการ พร่าเลือนในงานไหมมดั หม่ี (Fuzzy Blurry Motif of Mudmee Silk) : สมบตั ิ ประจญศานต์ 2564
โครงการเทคนคิ การออกแบบลายแบบพรา่ เลอื นในงานไหมมดั หมี่
ชุดโครงการ วช. 63 สร้างสรรคง์ านศลิ ป์ สนบั สนนุ โดย สานกั งานการวจิ ยั แห่งชาติ (วช.)

คานา

“พรา่ เลือน” เปน็ สภาวะทค่ี ลมุ เครือไมอ่ าจมองเหน็ ไดอ้ ย่างชดั เจน คานถ้ี กู นาไปใช้ในหลากหลายแวดวง รวมทั้งการ
สร้างสรรคง์ านศิลปะ แต่ในการผลติ สร้างผ้าไหมมัดหมี่ทอมือ มีการสร้างสรรคด์ ้วยเทคนิคพร่าเลือนอยู่บางแบบแต่ยังไม่มีการ
อธบิ ายความ หรือออกแบบเทคนิคแบบใหมจ่ ากทมี่ ีอยู่แลว้ ถอดเป็นองค์ความรู้ จึงเกิดโครงการเทคนิคการออกแบบลายแบบ
พร่าเลอื นในงานไหมมดั หมี่ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนการวิจัยจากชุดโครงการ วช. 63 สร้างสรรค์งานศิลป์ของสานักงานการวิจัย
แห่งชาติ (วช.) ประจาปงี บประมาณ 2563 โดยผู้วิจัยเป็นผู้ออกแบบลวดลายและเทคนิคพร่าเลือนในแต่ละแบบ ผลิตผลงาน
ผ้าไหมมัดหม่ีโดยอาศัยภูมิปัญญาท้องถิ่นของกลุ่มผู้ผลิต และถ่ายทอดองค์ความรู้สู่กลุ่มผู้ผลิตจานวน 10 กลุ่มในจังหวัด
บุรีรัมย์ ได้ผลงานผ้าไหมมัดหมี่ลายพร่าเลือน จานวน 20 ผืน ร่วมจัดแสดงกับสานักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์
(องค์การมหาชน) ในงานเทศกาล ISAN CREATIVE FESTIVAL ระหว่างวันท่ี 9-18 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 ในโอกาสน้ี
ผวู้ จิ ัยขอขอบพระคณุ ผู้ทรงคุณวุฒิของสานักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ในการให้คาแนะนาท่ีเป็นประโยชน์ย่ิงต่อการดาเนิน
โครงการ และขอบพระคุณผู้อานวยการสานักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) ในความอนุเคราะห์ต่อการ
จัดแสดงผลงาน และขอขอบคุณกลุ่มผู้ผลิตผ้าทอพื้นบ้านจังหวัดบุรีรัมย์ทุกกลุ่มที่ให้ความอนุเคราะห์ร่วมดาเนินการพัฒนา
ตลอดโครงการ รวมถึงศิลปนิ นักออกแบบ นกั เรียน นักศึกษา ผู้สนใจท่ีเข้าร่วมชมผลงานและให้ทัศนวิจารณ์ที่เป็นประโยชน์
ในนทิ รรศการคร้งั น้ี

ผู้วิจัยหวงั เปน็ อย่างย่ิงว่า สูจิบัตรประกอบการแสดงนิทรรศการฉบับนี้จะอานวยประโยชน์ให้แก่ศิลปิน นักออกแบบ
นกั ศึกษา ผู้ผลิต และผู้สนใจให้นาไปสู่การสร้างสรรค์ต่อยอดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าไหมมัดหม่ีให้มีความงดงาม อันเป็นการ
สืบสาน รกั ษา และต่อยอดภมู ิปัญญาทอ้ งถนิ่ ด้านการออกแบบและผลติ ผ้ามัดหม่ีทอมือให้ดารงคงอยเู่ ป็นมรดกของชาติสบื ไป

สมบตั ิ ประจญศานต์
2564

1

สจู บิ ัตรนิทรรศการ พร่าเลอื นในงานไหมมัดหม่ี (Fuzzy Blurry Motif of Mudmee Silk) : สมบัติ ประจญศานต์ 2564
โครงการเทคนคิ การออกแบบลายแบบพร่าเลือนในงานไหมมดั หม่ี
ชดุ โครงการ วช. 63 สรา้ งสรรค์งานศิลป์ สนบั สนนุ โดย สานกั งานการวจิ ัยแหง่ ชาติ (วช.)

สารบัญ หน้า
1
คานา 2
สารบญั
3
ผลงานออกแบบสร้างสรรค์ 23
กระบวนการประกอบสร้าง 29
องค์ความรใู้ หม่หรือเทคนคิ ใหมท่ ่ไี ด้จากงานวจิ ัย 31
การกาหนดแนวคิดในการออกแบบ
37
ประวัติผู้วจิ ัย/นกั ออกแบบ

2

สูจิบตั รนิทรรศการ พร่าเลอื นในงานไหมมดั หมี่ (Fuzzy Blurry Motif of Mudmee Silk) : สมบัติ ประจญศานต์ 2564
โครงการเทคนิคการออกแบบลายแบบพร่าเลือนในงานไหมมดั หมี่
ชดุ โครงการ วช. 63 สรา้ งสรรค์งานศิลป์ สนบั สนนุ โดย สานกั งานการวจิ ัยแห่งชาติ (วช.)

ผลงานการออกแบบสรา้ งสรรค์

ฃฃฃ

ผนื ท่ี 1 ผา้ ไหมมดั หมล่ี ายทิวเรขา
เทคนิค : มดั หมีท่ อมือ ย้อมสีเคมี
เทคนคิ การสรา้ งลาย : พรา่ เลอื นดว้ ยการทาให้เสยี หาย แบบทาลายโครงสร้างผ้า
ขนาด : 65x200 เซนตเิ มตร
ผูอ้ อกแบบ : รองศาสตราจารย์สมบัติ ประจญศานต์
ผูผ้ ลติ ฟอก ยอ้ ม มัดหม่ี ทอ ตกแต่งสาเร็จ : ศูนยห์ ัตถกรรมพื้นบา้ นอาเภอนาโพธิ์ จงั หวดั บุรรี มั ย์

3

สจู บิ ัตรนิทรรศการ พรา่ เลอื นในงานไหมมดั หมี่ (Fuzzy Blurry Motif of Mudmee Silk) : สมบัติ ประจญศานต์ 2564
โครงการเทคนิคการออกแบบลายแบบพร่าเลอื นในงานไหมมดั หม่ี
ชดุ โครงการ วช. 63 สรา้ งสรรคง์ านศลิ ป์ สนบั สนนุ โดย สานกั งานการวจิ ัยแหง่ ชาติ (วช.)

ผนื ท่ี 2 ผา้ ไหมมัดหมี่ลายเถาผกา
เทคนคิ : มดั หมท่ี อมือ ย้อมสีเคมี
เทคนคิ การสรา้ งลาย : พร่าเลือนด้วยการทาใหเ้ สยี หาย แบบทาลายโครงสรา้ งผา้
ขนาด : 65x200 เซนตเิ มตร
ผ้อู อกแบบ : รองศาสตราจารย์สมบัติ ประจญศานต์
ผ้ผู ลติ ฟอก ย้อม มดั หมี่ ทอ ตกแต่งสาเร็จ : ศนู ย์หตั ถกรรมพื้นบ้านอาเภอนาโพธ์ิ จังหวัดบุรีรัมย์

4

สจู บิ ัตรนทิ รรศการ พร่าเลอื นในงานไหมมัดหม่ี (Fuzzy Blurry Motif of Mudmee Silk) : สมบัติ ประจญศานต์ 2564
โครงการเทคนคิ การออกแบบลายแบบพร่าเลอื นในงานไหมมดั หม่ี
ชุดโครงการ วช. 63 สรา้ งสรรคง์ านศลิ ป์ สนบั สนนุ โดย สานกั งานการวจิ ัยแหง่ ชาติ (วช.)

ผืนท่ี 3 ผ้าไหมมดั หมลี่ ายเวหาทศั น์
เทคนิค : มดั หมี่ทอมือ ยอ้ มสเี คมี
เทคนคิ การสรา้ งลาย : พรา่ เลือนดว้ ยการทาให้เสยี หาย แบบทาลายโครงสร้างผ้า
ขนาด : 65x200 เซนติเมตร
ผู้ออกแบบ : รองศาสตราจารยส์ มบตั ิ ประจญศานต์
ผผู้ ลิต ฟอก ยอ้ ม มัดหม่ี ทอ ตกแต่งสาเรจ็ : ศูนยห์ ตั ถกรรมพน้ื บ้านอาเภอนาโพธ์ิ จังหวัดบรุ รี ัมย์

5

สจู บิ ตั รนิทรรศการ พรา่ เลือนในงานไหมมดั หมี่ (Fuzzy Blurry Motif of Mudmee Silk) : สมบัติ ประจญศานต์ 2564
โครงการเทคนิคการออกแบบลายแบบพรา่ เลือนในงานไหมมดั หมี่
ชดุ โครงการ วช. 63 สร้างสรรค์งานศิลป์ สนบั สนนุ โดย สานกั งานการวจิ ัยแห่งชาติ (วช.)

ผืนท่ี 4 ผ้าไหมมดั หมล่ี ายทิวเรขาสลับลายเถาผกา
เทคนคิ : มัดหมีท่ อมอื ย้อมสเี คมี
เทคนิคการสร้างลาย : พรา่ เลอื นดว้ ยการแทรกแซง แบบการสร้างภาพซ้อน
ขนาด : 100x400 เซนตเิ มตร
ผ้อู อกแบบ : รองศาสตราจารยส์ มบตั ิ ประจญศานต์
ผผู้ ลิต ฟอก ย้อม มดั หม่ี ทอ : ศนู ยห์ ตั ถกรรมพื้นบ้านอาเภอนาโพธิ์ จังหวดั บุรรี มั ย์

6

สจู ิบัตรนทิ รรศการ พร่าเลือนในงานไหมมดั หม่ี (Fuzzy Blurry Motif of Mudmee Silk) : สมบตั ิ ประจญศานต์ 2564
โครงการเทคนคิ การออกแบบลายแบบพรา่ เลือนในงานไหมมดั หม่ี
ชดุ โครงการ วช. 63 สร้างสรรคง์ านศิลป์ สนบั สนนุ โดย สานกั งานการวจิ ยั แห่งชาติ (วช.)

ผืนที่ 5 ผา้ ไหมมดั หมลี่ ายเถาผกาสลบั ลายเวหาทัศน์
เทคนคิ : พรา่ เลือนดว้ ยการแทรกแซง แบบการสรา้ งภาพซ้อน
ขนาด : 100x400 เซนตเิ มตร
ผ้อู อกแบบ : รองศาสตราจารยส์ มบตั ิ ประจญศานต์
ผ้ผู ลิต ฟอก ยอ้ ม มัดหมี่ ทอ : กลุ่มทอผา้ ไหมชุมชนสายยาว อาเภอเมือง จงั หวดั บรุ ีรมั ย์
ผู้ตกแตง่ สาเรจ็ : รองศาสตราจารยส์ มบตั ิ ประจญศานต์

7

สจู ิบัตรนทิ รรศการ พร่าเลือนในงานไหมมัดหม่ี (Fuzzy Blurry Motif of Mudmee Silk) : สมบตั ิ ประจญศานต์ 2564
โครงการเทคนคิ การออกแบบลายแบบพร่าเลอื นในงานไหมมดั หมี่
ชดุ โครงการ วช. 63 สร้างสรรค์งานศิลป์ สนบั สนนุ โดย สานกั งานการวจิ ัยแห่งชาติ (วช.)

ผืนที่ 6 ผา้ ไหมมดั หมลี่ ายเวหาทัศน์สลบั ลายทวิ เรขา
เทคนคิ : พร่าเลอื นดว้ ยการแทรกแซง แบบการสร้างภาพซ้อน
ขนาด : 100x400 เซนตเิ มตร
ผ้อู อกแบบ : รองศาสตราจารย์สมบตั ิ ประจญศานต์
ผ้ผู ลิต ฟอก ยอ้ ม มัดหมี่ ทอ : กลุม่ ทอผ้าไหมชมุ ชนสายยาว อาเภอเมือง จังหวดั บรุ ีรมั ย์
ผู้ตกแตง่ สาเรจ็ : รองศาสตราจารยส์ มบตั ิ ประจญศานต์

8

สูจบิ ัตรนทิ รรศการ พรา่ เลือนในงานไหมมัดหมี่ (Fuzzy Blurry Motif of Mudmee Silk) : สมบัติ ประจญศานต์ 2564
โครงการเทคนคิ การออกแบบลายแบบพรา่ เลือนในงานไหมมดั หมี่
ชดุ โครงการ วช. 63 สร้างสรรค์งานศลิ ป์ สนบั สนนุ โดย สานกั งานการวจิ ัยแหง่ ชาติ (วช.)

ผืนที่ 7 ผา้ ไหมมดั หมล่ี ายทวิ เรขา
เทคนคิ : พร่าเลอื นด้วยการกระจดั กระจายแบบการค้นหมรี่ อบไมเ่ ท่ากัน รว่ มกบั พรา่ เลอื นด้วยการทาใหเ้ สียหายแบบการลา้ งสี
ขนาด : 100x200 เซนตเิ มตร
ผอู้ อกแบบ : รองศาสตราจารย์สมบตั ิ ประจญศานต์
ผู้ผลิต ฟอก ย้อม มัดหมี่ ทอ : กลุ่มทอผ้าไหมบา้ นโคกเมอื ง หมู่ท่ี 6 อาเภอประโคนชยั จงั หวัดบุรรี มั ย์
ผู้ลา้ งสแี ละตกแต่งสาเรจ็ : รองศาสตราจารยส์ มบตั ิ ประจญศานต์

9

สจู บิ ัตรนทิ รรศการ พร่าเลือนในงานไหมมัดหม่ี (Fuzzy Blurry Motif of Mudmee Silk) : สมบตั ิ ประจญศานต์ 2564
โครงการเทคนคิ การออกแบบลายแบบพรา่ เลอื นในงานไหมมดั หมี่
ชดุ โครงการ วช. 63 สร้างสรรค์งานศิลป์ สนบั สนนุ โดย สานกั งานการวจิ ยั แหง่ ชาติ (วช.)

ผนื ที่ 8 ผ้าไหมมดั หมลี่ ายเถาผกา
เทคนคิ : พร่าเลอื นดว้ ยการกระจดั กระจายแบบการค้นหม่ีรอบไมเ่ ท่ากัน ร่วมกบั พรา่ เลอื นดว้ ยการทับซ้าแบบย้อมสที ับ
ขนาด : 100x200 เซนตเิ มตร
ผู้ออกแบบ : รองศาสตราจารย์สมบัติ ประจญศานต์
ผูผ้ ลิต ฟอก ย้อม มดั หมี่ ทอ : กลุ่มทอผา้ ไหมบา้ นโพธไ์ิ ทร อาเภอประโคนชยั จงั หวดั บรุ ีรมั ย์
ผู้ย้อมสที ับ ตกแต่งสาเรจ็ : รองศาสตราจารยส์ มบตั ิ ประจญศานต์

10

สจู ิบัตรนิทรรศการ พร่าเลอื นในงานไหมมดั หม่ี (Fuzzy Blurry Motif of Mudmee Silk) : สมบตั ิ ประจญศานต์ 2564
โครงการเทคนิคการออกแบบลายแบบพร่าเลอื นในงานไหมมดั หมี่
ชดุ โครงการ วช. 63 สร้างสรรคง์ านศิลป์ สนบั สนนุ โดย สานกั งานการวจิ ัยแห่งชาติ (วช.)

ผนื ที่ 9 ผ้าไหมมดั หมลี่ ายเวหาทศั น์
เทคนคิ : พร่าเลือนด้วยการกระจดั กระจาย แบบการคน้ หม่จี านวนรอบไมเ่ ท่ากัน
ขนาด : 100x400 เซนตเิ มตร
ผอู้ อกแบบ : รองศาสตราจารย์สมบัติ ประจญศานต์
ผ้ผู ลติ ฟอก ยอ้ ม มดั หม่ี ทอ : กล่มุ ทอผ้าไหมบา้ นโพธไิ์ ทร อาเภอประโคนชัย จงั หวดั บรุ ีรมั ย์
ผู้ตกแตง่ สาเรจ็ : รองศาสตราจารยส์ มบตั ิ ประจญศานต์

11

สูจิบตั รนทิ รรศการ พรา่ เลือนในงานไหมมัดหม่ี (Fuzzy Blurry Motif of Mudmee Silk) : สมบัติ ประจญศานต์ 2564
โครงการเทคนิคการออกแบบลายแบบพรา่ เลอื นในงานไหมมดั หมี่
ชดุ โครงการ วช. 63 สรา้ งสรรค์งานศลิ ป์ สนบั สนนุ โดย สานกั งานการวจิ ยั แหง่ ชาติ (วช.)

ผืนที่ 10 ผ้าไหมมดั หมลี่ ายเถา้ ตระการ
เทคนคิ : มัดหมี่ทอมือ ยอ้ มสีเคมี
เทคนคิ การสรา้ งลาย : พร่าเลอื นดว้ ยความคลมุ เครือ แบบการออกแบบน้าหนักสีใกลเ้ คียงกนั
ขนาด : 100x400 เซนตเิ มตร
ผอู้ อกแบบ : รองศาสตราจารยส์ มบัติ ประจญศานต์
ผู้ผลิต ฟอก ยอ้ ม มัดหมี่ ทอ : กลุม่ ทอผ้าบา้ นโพธไิ์ ทร อาเภอประโคนชยั จังหวดั บุรีรมั ย์
ผู้ตกแต่งสาเรจ็ : รองศาสตราจารยส์ มบตั ิ ประจญศานต์

12

สูจิบัตรนิทรรศการ พร่าเลอื นในงานไหมมดั หมี่ (Fuzzy Blurry Motif of Mudmee Silk) : สมบัติ ประจญศานต์ 2564
โครงการเทคนคิ การออกแบบลายแบบพรา่ เลอื นในงานไหมมดั หม่ี
ชุดโครงการ วช. 63 สร้างสรรค์งานศลิ ป์ สนบั สนุนโดย สานักงานการวจิ ยั แห่งชาติ (วช.)

ผืนท่ี 11 ผ้าไหมมดั หมลี่ ายเวหาทศั น์
เทคนคิ : มดั หมี่ทอมอื ย้อมสเี คมี
เทคนิคการสรา้ งลาย : พรา่ เลอื นดว้ ยการทาให้เสยี หาย แบบการแปรเปลยี่ นองค์ประกอบดว้ ยการลดรปู
ขนาด : 100x200 เซนตเิ มตร
ผู้ออกแบบ : รองศาสตราจารยส์ มบตั ิ ประจญศานต์
ผผู้ ลิต ฟอก ย้อม มดั หม่ี ทอ : กลมุ่ ทอผา้ บ้านถาวร อาเภอเฉลมิ พระเกียรติ จงั หวัดบุรรี ัมย์
ผู้ตกแต่งสาเรจ็ : รองศาสตราจารย์สมบตั ิ ประจญศานต์

13

สูจิบตั รนิทรรศการ พร่าเลือนในงานไหมมดั หม่ี (Fuzzy Blurry Motif of Mudmee Silk) : สมบัติ ประจญศานต์ 2564
โครงการเทคนคิ การออกแบบลายแบบพรา่ เลอื นในงานไหมมดั หมี่
ชดุ โครงการ วช. 63 สร้างสรรคง์ านศิลป์ สนับสนนุ โดย สานกั งานการวิจยั แห่งชาติ (วช.)

ผืนที่ 12 ผ้าไหมมดั หมลี่ ายทิวเรขา
เทคนิค : มัดหมีท่ อมอื ยอ้ มสเี คมี
เทคนคิ การสรา้ งลาย : พร่าเลือนดว้ ยการกระจัดกระจายแบบการค้นหมจ่ี านวนรอบไมเ่ ท่ากัน ร่วมกับพร่าเลอื นด้วยการทาใหเ้ สียหาย
แบบล้างสี และการทบั ซอ้ นแบบสร้างลายด้วยการมดั ย้อม
ขนาด : 100x200 เซนตเิ มตร
ผู้ออกแบบ : รองศาสตราจารยส์ มบัติ ประจญศานต์
ผผู้ ลิต ฟอก ยอ้ ม มัดหม่ี ทอ : กลุ่มทอผ้าไหมบา้ นโคกเมอื ง หมู่ท่ี 6 อาเภอประโคนชัย จังหวัดบุรรี ัมย์
ผู้ล้างสี มดั ยอ้ ม ตกแตง่ สาเรจ็ : รองศาสตราจารยส์ มบตั ิ ประจญศานต์

14

สจู ิบตั รนทิ รรศการ พรา่ เลอื นในงานไหมมัดหม่ี (Fuzzy Blurry Motif of Mudmee Silk) : สมบตั ิ ประจญศานต์ 2564
โครงการเทคนคิ การออกแบบลายแบบพรา่ เลือนในงานไหมมดั หม่ี
ชดุ โครงการ วช. 63 สร้างสรรคง์ านศลิ ป์ สนับสนนุ โดย สานักงานการวิจยั แห่งชาติ (วช.)

ผืนที่ 13 ผ้าไหมมดั หมลี่ ายเถาผกา
เทคนิค : มัดหมที่ อมือ ยอ้ มสเี คมี
เทคนคิ การสร้างลาย : พรา่ เลอื นดว้ ยการกระจัดกระจาย แบบการคน้ หมจี่ านวนรอบไมเ่ ทา่ กัน
ขนาด : 100x400 เซนตเิ มตร
ผ้อู อกแบบ : รองศาสตราจารยส์ มบัติ ประจญศานต์
ผู้ผลิต ฟอก ยอ้ ม มัดหม่ี ทอ : กลุ่มพฒั นาสตรีบา้ นโคกเมอื ง (บารายไหมไทย) หมทู่ ี่ 9
อาเภอประโคนชัย จังหวดั บุรรี ัมย์
ผูต้ กแตง่ สาเรจ็ : รองศาสตราจารย์สมบตั ิ ประจญศานต์

15

สจู บิ ัตรนิทรรศการ พร่าเลอื นในงานไหมมัดหม่ี (Fuzzy Blurry Motif of Mudmee Silk) : สมบัติ ประจญศานต์ 2564
โครงการเทคนคิ การออกแบบลายแบบพร่าเลือนในงานไหมมดั หมี่
ชุดโครงการ วช. 63 สร้างสรรคง์ านศลิ ป์ สนบั สนนุ โดย สานักงานการวิจยั แหง่ ชาติ (วช.)

ผนื ท่ี 14 ผ้าไหมมดั หมล่ี ายเถาผกาสลับลายเวหาทศั น์
เทคนคิ : มดั หมีท่ อมอื ย้อมสเี คมี
เทคนิคการสรา้ งลาย : พร่าเลอื นดว้ ยการแทรกแซง แบบการสร้างภาพซอ้ น
ขนาด : 100x400 เซนตเิ มตร
ผอู้ อกแบบ : รองศาสตราจารยส์ มบัติ ประจญศานต์
ผูผ้ ลติ ฟอก ย้อม มัดหมี่ ทอ : กลมุ่ ทอผา้ ไหมบา้ นโคกเมือง หม่ทู ี่ 15
อาเภอประโคนชัย จังหวดั บุรรี มั ย์
ผูต้ กแต่งสาเรจ็ : รองศาสตราจารยส์ มบตั ิ ประจญศานต์

16

สจู ิบตั รนิทรรศการ พร่าเลือนในงานไหมมดั หม่ี (Fuzzy Blurry Motif of Mudmee Silk) : สมบตั ิ ประจญศานต์ 2564
โครงการเทคนคิ การออกแบบลายแบบพร่าเลอื นในงานไหมมดั หมี่
ชุดโครงการ วช. 63 สร้างสรรคง์ านศลิ ป์ สนบั สนุนโดย สานักงานการวจิ ยั แห่งชาติ (วช.)

ผนื ที่ 15 ผ้าไหมมดั หมลี่ ายทิวเรขา
เทคนคิ : มัดหมี่ทอมอื ย้อมสเี คมี
เทคนคิ การสร้างลาย : พรา่ เลือนดว้ ยการแทรกแซง แบบทอแทรกเสน้ ไหมย้อมสกี ระ
ขนาด : 100x200 เซนตเิ มตร
ผู้ออกแบบ : รองศาสตราจารยส์ มบัติ ประจญศานต์
ผผู้ ลิต ฟอก ยอ้ ม มดั หม่ี ทอ : กล่มุ ผา้ บารายพนั ปบี า้ นโคกเมือง หมทู่ ่ี 18
บา้ นโคกเมอื ง อาเภอประโคนชยั จงั หวัดบรุ รี มั ย์
ผู้ตกแต่งสาเรจ็ : รองศาสตราจารยส์ มบตั ิ ประจญศานต์

17

สจู บิ ัตรนทิ รรศการ พร่าเลือนในงานไหมมดั หม่ี (Fuzzy Blurry Motif of Mudmee Silk) : สมบตั ิ ประจญศานต์ 2564
โครงการเทคนคิ การออกแบบลายแบบพร่าเลอื นในงานไหมมดั หม่ี
ชดุ โครงการ วช. 63 สรา้ งสรรคง์ านศิลป์ สนบั สนุนโดย สานักงานการวิจยั แห่งชาติ (วช.)

ผืนที่ 16 ผ้าไหมมดั หมล่ี ายทวิ เรขาสลับลายเถาผกา
เทคนิค : มัดหม่ีทอมือ ยอ้ มสีเคมี
เทคนิคการสร้างลาย : พร่าเลอื นด้วยการแทรกแซง แบบการสร้างภาพซ้อน
ขนาด : 100x400 เซนตเิ มตร
ผ้อู อกแบบ : รองศาสตราจารย์สมบัติ ประจญศานต์
ผูผ้ ลิต ฟอก ยอ้ ม มัดหมี่ ทอ : กลุ่มทอผา้ ไหมบา้ นโนนสวา่ ง หมู่ท่ี 5 อาเภอประโคนชยั
จงั หวดั บุรรี มั ย์
ผู้ตกแต่งสาเรจ็ : รองศาสตราจารย์สมบตั ิ ประจญศานต์

18

สจู ิบตั รนิทรรศการ พร่าเลอื นในงานไหมมัดหม่ี (Fuzzy Blurry Motif of Mudmee Silk) : สมบัติ ประจญศานต์ 2564
โครงการเทคนคิ การออกแบบลายแบบพรา่ เลอื นในงานไหมมดั หมี่
ชดุ โครงการ วช. 63 สร้างสรรค์งานศลิ ป์ สนบั สนนุ โดย สานกั งานการวิจยั แหง่ ชาติ (วช.)

ผนื ท่ี 17 ผ้าไหมมดั หมลี่ ายไตรทศิ าสลับลายแถบเฉลว
เทคนคิ : มัดหมี่ทอมือ ย้อมสีเคมี
เทคนิคการสร้างลาย : พร่าเลือนด้วยการแทรกแซง แบบการสรา้ งภาพซอ้ น
ขนาด : 100x400 เซนตเิ มตร
ผูอ้ อกแบบ : รองศาสตราจารย์สมบัติ ประจญศานต์
ผผู้ ลติ ฟอก ยอ้ ม มดั หมี่ ทอ : กล่มุ ทอผา้ ไหมชมุ ชนสายยาว อาเภอเมอื ง จังหวดั บุรรี มั ย์
ผ้ตู กแต่งสาเรจ็ : รองศาสตราจารย์สมบตั ิ ประจญศานต์

19

สจู บิ ตั รนทิ รรศการ พร่าเลือนในงานไหมมัดหมี่ (Fuzzy Blurry Motif of Mudmee Silk) : สมบัติ ประจญศานต์ 2564
โครงการเทคนิคการออกแบบลายแบบพรา่ เลือนในงานไหมมดั หมี่
ชดุ โครงการ วช. 63 สร้างสรรค์งานศิลป์ สนับสนุนโดย สานักงานการวจิ ยั แห่งชาติ (วช.)

ผืนท่ี 18 ผ้าไหมมดั หมลี่ ายเถา้ ตระการ
เทคนิค : มัดหมท่ี อมือ ย้อมสเี คมี
เทคนคิ การสร้างลาย : พร่าเลือนดว้ ยความคลมุ เครอื แบบการออกแบบผสานสีทางสายตา
ขนาด : 100x200 เซนตเิ มตร
ผู้ออกแบบ : รองศาสตราจารย์สมบตั ิ ประจญศานต์
ผผู้ ลติ ฟอก ยอ้ ม มัดหม่ี ทอ : กลุ่มทอผ้าไหมบ้านหนองตาดน้อย อาเภอเมอื ง จงั หวัดบุรีรัมย์
ผตู้ กแตง่ สาเรจ็ : รองศาสตราจารย์สมบตั ิ ประจญศานต์

20

สูจบิ ัตรนทิ รรศการ พร่าเลอื นในงานไหมมดั หม่ี (Fuzzy Blurry Motif of Mudmee Silk) : สมบัติ ประจญศานต์ 2564
โครงการเทคนคิ การออกแบบลายแบบพรา่ เลือนในงานไหมมดั หมี่
ชุดโครงการ วช. 63 สร้างสรรคง์ านศลิ ป์ สนบั สนนุ โดย สานกั งานการวิจยั แหง่ ชาติ (วช.)

ผืนท่ี 19 ผา้ ไหมมดั หมลี่ ายไตรทศิ า
เทคนคิ : มัดหม่ที อมือ ยอ้ มสเี คมี ทอยกดอก
เทคนคิ การสรา้ งลาย : พรา่ เลอื นดว้ ยการทาใหเ้ สยี หาย แบบการแปรเปลย่ี นองค์ประกอบจากองค์ประกอบที่มองเห็นได้เปน็
องค์ประกอบในความนึกคดิ
ขนาด : 100x400 เซนตเิ มตร
ผ้อู อกแบบ : รองศาสตราจารย์สมบตั ิ ประจญศานต์
ผผู้ ลติ ฟอก ย้อม มดั หม่ี ทอ : กลุ่มทอผ้าไหมบ้านกลัน หมทู่ ่ี 4 ตาบลเมืองไผ่
อาเภอกระสัง จงั หวัดบรุ รี ัมย์
ผ้ตู กแตง่ สาเรจ็ : รองศาสตราจารย์สมบตั ิ ประจญศานต์

21

สูจิบัตรนทิ รรศการ พรา่ เลอื นในงานไหมมดั หมี่ (Fuzzy Blurry Motif of Mudmee Silk) : สมบตั ิ ประจญศานต์ 2564
โครงการเทคนิคการออกแบบลายแบบพร่าเลือนในงานไหมมดั หมี่
ชุดโครงการ วช. 63 สร้างสรรคง์ านศลิ ป์ สนับสนุนโดย สานักงานการวิจยั แหง่ ชาติ (วช.)

ผนื ท่ี 20 ผ้าไหมมดั หมล่ี ายเถา้ ตระการ
เทคนคิ : มัดหม่ที อมอื ย้อมสีเคมี
เทคนิคการสร้างลาย : พร่าเลือนด้วยความคลุมเครอื แบบการออกแบบผสานสที างสายตา
ขนาด : 100x400 เซนตเิ มตร
ผู้ออกแบบ : รองศาสตราจารย์สมบัติ ประจญศานต์
ผผู้ ลิต ฟอก ยอ้ ม มัดหมี่ ทอ : กลุ่มทอผา้ บ้านโพธไิ์ ทร อาเภอประโคนชัย จงั หวัดบรุ ีรมั ย์
ผตู้ กแตง่ สาเรจ็ : รองศาสตราจารย์สมบตั ิ ประจญศานต์

22

สูจิบัตรนทิ รรศการ พรา่ เลอื นในงานไหมมัดหมี่ (Fuzzy Blurry Motif of Mudmee Silk) : สมบัติ ประจญศานต์ 2564
โครงการเทคนคิ การออกแบบลายแบบพรา่ เลือนในงานไหมมัดหม่ี
ชุดโครงการ วช. 63 สรา้ งสรรค์งานศลิ ป์ สนบั สนนุ โดย สานักงานการวิจยั แหง่ ชาติ (วช.)

กระบวนการประกอบสร้าง

ในการสร้างสรรคล์ ายมัดหมี่แบบพร่าเลือน ผู้วิจัย โปรแกรมสาเร็จรูปทางคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือ โดยมี
มกี ารดาเนินการสร้างสรรคง์ านศลิ ป์ เปน็ 7 ข้ันตอน ดงั นี้ กระบวนการออกแบบร่าง ดังนี้

1. การกาหนดแนวคดิ ในการออกแบบ 2.1 เลือกเทคนคิ ทีส่ ร้างลายแบบพร่าเลอื น

จากที่มาของแนวคิดในการออกแบบที่แสดงถึงทุนทาง จากที่มาของแนวคิดในการออกแบบโดยใช้คาว่า
วัฒนธรรมภูมิปัญญาท้องถ่ินในการผลิตศิลปหัตถกรรมผ้า “พรา่ เลอื น ” เป็นคาสาคัญ ถอดรหัสจากความหมายของ
มัดหมี่ นามาเป็นเครื่องมือในการออกแบบสร้างสรรค์ผ้า คาสู่เทคนิคการสร้างลายแบบพร่าเลือนได้หลายแบบ/
มัดหมี่ลายแบบพร่าเลือน เพื่อสร้างสรรค์คร้ังน้ีให้เป็น เทคนิค โดยขอบเขตการวิจัยได้มีการวางแผนให้มีการ
ส่ิงใหม่ (New Finding) ซ่ึงจากการศึกษาทบทวน ทดลองสร้างสรรค์ลายมัดหม่ีแบบพร่าเลือน จานวน 3
วรรณกรรม งานออกแบบสร้างสรรค์ และงานวิจัยที่ ลาย ใน 3 เทคนิค จึงทาการเลือกเทคนิคพร่าเลือนได้
เก่ียวข้อง โดยใช้คาว่า “พร่าเลือน” เป็นคาสาคัญในการ ดงั น้ี
สืบค้นทั้งในสาขาภาษาศาสตร์ รัฐศาสตร์ ศิลปกรรม
ศาสตร์ แพทย์ศาสตร์ ไปสู่การค้นหาเทคนิคท่ีทาให้เกิด 1. เทคนิคท่ี A พร่าเลือนด้วยการทาให้
ความพร่าเลือน สามารถกาหนดกรอบแนวคิดในการ เสียหาย โดยเทคนิคการทอด้วยการใช้เส้นด้ายยืนไม่เต็ม
ออกแบบจากคาสาคญั ส่เู ทคนิคการผลิต โดยถอดรหัสจาก ทุกรูฟันฟืม มีการเว้นว่างไว้เป็นช่วง ๆ ทาให้เม่ือมีการทอ
ความหมายของคาสู่เทคนิคการสร้างลายแบบพร่าเลือนได้ โดยนาเส้นด้ายพุ่งที่มีการมัดลายหม่ีไว้มาทอขัด จะทาให้
หลายแบบ มีขั้นตอนการกาหนดแนวคิดในการออกแบบ ผื น ผ้ า เ กิ ด ค ว า ม ไ ม่ ส ม บู ร ณ์ ค ล้ า ย เ กิ ด ค ว า ม เ สี ย ห า ย
ดงั นี้ เส้นด้ายพุ่งในช่วงท่ีไม่มีเส้นด้ายยืนจะมีการหย่อนตัว
เ พ ร า ะ โ ค ร ง ส ร้ า ง ข อ ง ผ้ า เ สี ย ห า ย ท า ใ ห้ ล า ย มั ด ห มี่ ไ ม่
1.1 ศกึ ษาความหมายของคา สมบูรณ์
1.2 ถอดรหัสความหมาย
1.3 ออกแบบเทคนคิ การสร้างลายแบบพร่า 2. เทคนิคท่ี B พร่าเลือนด้วยการแทรกแซง
เลอื น โดยเทคนิคการสร้างภาพซ้อน ด้วยการทอลายมัดหมี่สอง
ลายสลับกันทีละลา เป็นการแทรกแซงซึ่งกันและกันทาให้
2. การออกแบบรา่ ง เกิดภาพซ้อนจนทาให้ลายมัดหม่ีในแต่ละลายเกิดความ
พรา่ เลือน
ผู้วิจัยทาการร่างแบบที่เกิดจากเทคนิคต่าง ๆ
หลายแบบเป็นทางเลือก จากนั้นนามาพิจารณาเลือกแบบ 3. เทคนิคที่ C พร่าเลือนด้วยการกระจัด
ที่มีความเป็นไปได้มีความเหมาะสมตามเหตุผลทาง กระจาย โดยเทคนิคคน้ หมี่ดว้ ยจานวนรอบท่ีไม่เท่ากัน ทา
วิชาการและเทคนิคการผลิตด้วยการมัดหมี่ จากน้ันทา ให้จานวนเส้นด้ายพุ่งในแต่ละลามีจานวนไม่เท่ากัน ส่งผล
ก า ร อ อ ก แ บ บ ล า ย มั ด ห ม่ี ใ น ร ะ บ บ ต า ร า ง ก ริ ด โ ด ย ใ ช้

23

สูจิบัตรนิทรรศการ พร่าเลอื นในงานไหมมดั หมี่ (Fuzzy Blurry Motif of Mudmee Silk) : สมบัติ ประจญศานต์ 2564
โครงการเทคนคิ การออกแบบลายแบบพร่าเลอื นในงานไหมมัดหมี่
ชดุ โครงการ วช. 63 สรา้ งสรรคง์ านศลิ ป์ สนับสนนุ โดย สานกั งานการวิจยั แห่งชาติ (วช.)

ต่อความคงท่ีของขนาดแต่ละช่องของลายไม่เท่ากัน จึง ลายที่ 1 ชอ่ื ลายเถาผกา ขนาดลายจานวน 39
เกดิ ความพรา่ เลอื น ลา ค้นหมี่แบบหมีร่ วด เนื่องจากลายมลี ักษณะสะท้อน

2.2 ออกแบบลายมดั หมี่ในตารางกรดิ กลบั ไปมาในแตล่ ะซ้า (Repeat)

ผู้ วิ จั ย ไ ด้ ท า ก า ร อ อ ก แ บ บ ล า ย มั ด ห ม่ี โ ด ย ใ ช้ ภาพที่ 1 การกาหนดขนาดลาย ลายท่ี 1
โปรแกรมสาเร็จรูปทางคอมพิวเตอร์ Microsoft Excel
โดยคงแนวคิดของคาว่าพร่าเลือนและเทคนิคท่ีเลือกใช้ใน ลายท่ี 2 ช่ือลายทิวเรขา ขนาดลายจานวน 36
ขัน้ ตอนที่ 1 ซึ่งในความหมาย “ท า ใ ห้ เ สี ย ห า ย ” ลา ค้นหม่ีแบบหมี่ร่าย เนื่องจากเป็นลายที่มีทิศทางเดียว
“แทรกแซง” “กระจัดกระจาย” ซ่ึงการแทรกแซงเป็น ไม่มีการสะทอ้ นกลบั ไปมาในแต่ละซา้
การแทรกแซงระหวา่ งส่ิงหน่ึงกับอีกสิ่งหน่ึงจึงต้องการลาย
ให้มีลักษณะเปรียบต่างกัน เมื่อมีการทอคั่นสลับกันสอง ภาพที่ 2 การกาหนดขนาดลาย ลายท่ี 2
ลายจะเห็นผลชัดเจน จงึ ออกแบบลายท่ี 1 ให้เป็นลายที่ใช้
รูปธรรมชาติ เพ่ือให้เปรียบต่างกับลายท่ี 2 ซ่ึงเป็นลาย ลายท่ี 3 ชอื่ ลายเวหาทศั น์ ขนาดลายจานวน 47
เรขาคณิต ส่วนเทคนิคอื่นไม่มีข้อจากัดของแบบลายนัก ลา ค้นหมี่แบบหม่ีรวด เนื่องจากลายมีลักษณะสะท้อน
สามารถผลิตไดท้ ง้ั หมด กลับไปมาในแตล่ ะซ้า ออกแบบให้ลายมกี ารพร่าเลือนด้วย
การทาให้เสียหาย เนื่องจากการลดรูปของรูปร่าง เส้น จุด
2.3 การกาหนดขนาดลาย การวางลาย และ ของลายจากดา้ นซา้ ยไปดา้ นขวา
กาหนดเทคนคิ การค้นหม่ี
ภาพท่ี 3 การกาหนดขนาดลาย ลายที่ 3
ใ น ก า ร ท อ ผ้ า ด้ ว ย ก่ี พื้ น บ้ า น อุ ป ก ร ณ์ ที่ มี
ความสาคัญต่อการกาหนดขนาดของผ้าคือฟืม ในการวิจัย
คร้ังนี้กาหนดเลือกใช้ฟืม 2 ขนาด (ในฟืม 1 หลบ มีช่อง
เล็ก ๆ ซ่ีฟันฟืม สาหรับร้อยเส้นยืนใส่เข้าไป 80 เส้นไหม)
เพอ่ื ให้ทอผ้าให้มีขนาดความกว้าง 65 เซนติเมตร เลือกใช้
เส้นไหมเปลือกนอกที่มีลักษณะผิวสัมผัสเส้นหนา ฟู นุ่ม
และสาหรับเทคนิคที่ 1 และฟืมขนาด 42 หลบ ต้องร้อย
เส้นด้ายไหมเส้นยืนเข้าไปในรูฟืม= 42×80 เส้น = 3,600
เส้น เม่ือทอแล้วจะได้หน้าผ้ามีขนาดความกว้าง 102
เซนติเมตร เลือกใช้เส้นไหมที่มีลักษณะผิวสัมผัสเส้นเรียบ
ล่ืนสาหรบั เทคนิคท่ี 2, 3 ซ่ึงการเลือกใช้ขนาดหน้าผ้าและ
ผิวสัมผัสของเส้นไหมท่ีออกแบบไว้หากกาหนดไว้ตั้งแต่
ข้ันตอนน้ีจะทาให้เกิดความสะดวกในกระบวนการผลิต
ของช่าง โดยผู้วิจัยทาการกาหนดขนาดลาย การวางลาย
และกาหนดเทคนิคการคน้ หมไี่ ด้ ดงั น้ี

24

สูจบิ ตั รนิทรรศการ พรา่ เลอื นในงานไหมมดั หมี่ (Fuzzy Blurry Motif of Mudmee Silk) : สมบตั ิ ประจญศานต์ 2564
โครงการเทคนคิ การออกแบบลายแบบพร่าเลือนในงานไหมมัดหมี่
ชดุ โครงการ วช. 63 สรา้ งสรรคง์ านศิลป์ สนับสนนุ โดย สานักงานการวิจยั แหง่ ชาติ (วช.)

2.4 การออกแบบโครงสี ภาพท่ี 4 การเผยแพร่แบบสู่กล่มุ ผู้ผลิต

ในข้ันตอนที่ 3 ผู้วิจัยทาการกาหนดลายใน 4. การประกอบสรา้ งผลติ ผา้ ไหมมัดหม่ี
ตารางกริดด้วยการเลือกใช้สี ซ่ึงเป็นการแยกสีเพื่อให้ช่าง
สามารถมองเห็นสีแต่ละส่วนได้อย่างชัดเจน หากมีการ เร่ิมจากการจัดซ้ือวัสดุเส้นไหม สารเคมีลอกกาว
กาหนดสีตามสีท่ีจะเลือกใช้เลย ในกรณีท่ีมีการออกแบบ สารช่วยย้อมและสีเคมีย้อมไหมให้แก่ผู้ผลิตในชุมชน
เลือกใช้สีที่มีความใกล้เคียงกันมากอาจทาให้ช่างไม่ จากน้ันผู้ผลิตทาการผลิตผ้าไหมมัดหมี่ให้มีลวดลายและ
สามารถอ่านแบบลายสีได้ชัดเจน ส่วนในข้ันตอนท่ี 4 เป็น สสี ันตามแบบซงึ่ อาศยั เทคนิค กระบวนการผลิต เครื่องมือ
การออกแบบโครงสีตามหลักการทางศิลปะ เพ่ือให้เกิด พ้ืนบ้านตามภูมิปัญญาท้องถ่ิน ต้ังแต่การเตรียมเส้นไหม
คุณค่าความงาม โดยเลือกใช้โครงสีแบบเอกรงค์ และ การฟอกไหม (ลอกกาวไหม) การค้นหม่ี การย้อมสี การ
พหุรงค์แบบสีข้างเคียง และสคี ูป่ ระกอบ มัดหม่ี และการทอ จากนั้นผู้วิจัยได้ลงพื้นที่ติดตามการ
ผลิต ณ พื้นที่ เพื่อหาปัญหาอุปสรรคในการผลิต ทั้ง
2.5 การกาหนดเทคนิคสรา้ งลายแบบพร่าเลอื น เทคนิคพร่าเลือนแบบแทรกแซง แบบกระจัดกระจาย
แบบทาให้เสียหาย แบบทับซ้อน แบบความคลุมเครือ
ในการทดลองสร้างสรรค์ได้กาหนดให้ใช้ลาย และแบบทบั ซ้า
มัดหม่ีจานวน 3 ลาย ในแต่ละลายนาไปผลิตด้วย 3
เทคนิค ได้แก่ เทคนิค A พร่าเลือนด้วยการทาให้เสียหาย
โดยเทคนิคการทอด้วยการใช้เส้นยืนไม่เต็มฟืม เทคนิค B
พร่าเลือนด้วยการแทรกแซง โดยเทคนิคการสร้างภาพ
ซ้อน (ทอค่ันสลับกันสองลาย) และเทคนิค C พร่าเลือน
ดว้ ยการกระจดั กระจายโดยเทคนิคค้นหมี่ด้วยจานวนรอบ
ทไี่ ม่เท่ากัน

3. การพฒั นาตน้ แบบ และเผยแพร่แบบสกู่ ลมุ่
ผผู้ ลติ

ผู้วิจัยพิจารณาเลือกแบบร่างมาพัฒนาเป็นแบบ
เพ่ือการผลิต โดยมีการแยกสีในแต่ละส่วนของลายให้
ชัดเจน เพ่ือเผยแพร่ให้ผู้ผลิตศูนย์หัตถกรรมพื้นบ้าน
อาเภอนาโพธิ์ จังหวัดบุรีรัมย์ และกลุ่มทอผ้าไหมบ้านโพธ์ิ
ไทร อาเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ ให้สามารถรับรู้สี
และลายที่กาหนดเปน็ ตน้ แบบ

25

สูจบิ ัตรนิทรรศการ พรา่ เลอื นในงานไหมมัดหมี่ (Fuzzy Blurry Motif of Mudmee Silk) : สมบตั ิ ประจญศานต์ 2564
โครงการเทคนคิ การออกแบบลายแบบพร่าเลือนในงานไหมมดั หม่ี
ชุดโครงการ วช. 63 สรา้ งสรรคง์ านศลิ ป์ สนบั สนนุ โดย สานักงานการวิจยั แห่งชาติ (วช.)

ภาพท่ี 5 การผลติ ผา้ ไหมมัดหมล่ี ายพรา่ เลือน

5. การเกบ็ รายละเอยี ด

ในการเกบ็ รายละเอยี ดจะเปน็ ขั้นตอนหลังจากได้ผา้ ไหมมัดหมี่ท่ีทอแล้วเสร็จจะทาการเย็บริมผ้าท้ังสองด้านด้วยจักร
เย็บผ้าเพื่อป้องกันไม่ให้ริมผ้าลุ่ย จากนั้นทาการตกแต่งผิวสัมผัสของผ้าด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ โดยการตกแต่ง
สาเรจ็ (Finishing) ใหผ้ วิ สมั ผัสของผา้ มคี วามนุม่ และมคี วามล่นื หรอื มีการสะทอ้ นนา้ และตรวจสอบตาหนิของผ้า

ภาพท่ี 6 การตกแต่งผวิ สัมผสั ของผา้ ดว้ ยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ โดยการตกแต่งสาเร็จ
26

สูจบิ ัตรนทิ รรศการ พรา่ เลือนในงานไหมมัดหม่ี (Fuzzy Blurry Motif of Mudmee Silk) : สมบัติ ประจญศานต์ 2564
โครงการเทคนิคการออกแบบลายแบบพรา่ เลือนในงานไหมมดั หมี่
ชุดโครงการ วช. 63 สร้างสรรคง์ านศิลป์ สนับสนุนโดย สานกั งานการวิจยั แหง่ ชาติ (วช.)

6. เปรยี บเทยี บผา้ กบั แบบ 2. กล่มุ ทอผา้ ไหมบา้ นโนนสว่าง หมู่ที่ 5 บ้านโนน
สว่าง อาเภอประโคนชัย
ผู้วิจัยได้ทาการเปรียบเทียบผลงานผ้าไหมมัดหม่ี
กับแบบโดยใช้การประชุมแบบมีส่วนร่วมกับผู้ผลิต เพื่อ 3. กลุ่มทอผ้าไหมชุมชนสายยาว ตาบลถลุงเหล็ก
พิจารณาถึงเหตุปัจจัยที่ทาให้ผลงานได้หรือไม่ได้ตามแบบ อาเภอเมือง
ที่ผู้วิจัยได้ออกแบบไว้ เพ่ือเป็นข้อมูลในการถ่ายทอดองค์
ความรู้สู่กลุ่มผู้ผลิตอื่น รวมท้ังเป็นการพัฒนาการ 4. กลุ่มวิสาหกิจชุมชนทอผ้าบ้านกลัน หมู่ที่ 4
ออกแบบและการผลิต โดยมีประเด็นในการเปรียบเทียบ ตาบลเมืองไผ่ อาเภอกระสัง
ได้แก่ ขนาดของลายท่ีเกิดจากจานวนรอบของการค้นหมี่
รูปร่างของลายที่เกิดจากการมัดหมี่ ความพร่าเลือนของ 5. กลุ่มทอผ้าบ้านหนองตาดน้อย บ้านหนองตาด
ลายท่ีเกิดจากเทคนิคการสร้างลายแบบพร่าเลือน สีของ นอ้ ย ตาบลชมุ เห็ด อาเภอเมือง
ลายที่เกิดจากการมัดและย้อมสี และสีของพื้นท่ีเกิดจาก
การยอ้ มสี 6. กลุ่มปลูกหม่อนเล้ียงไหมและทอผ้าไหม หมู่ท่ี
11 ตาบลถาวร อาเภอเฉลิมพระเกียรติ
7. การถา่ ยทอดองค์ความรู้บริการวชิ าการสู่
ชุมชน 7. กลุ่มทอผ้าไหมบ้านโคกเมือง หมู่ท่ี 6 บ้านโคก
เมือง ตาบลจรเขม้ าก อาเภอประโคนชัย
หลังจากผู้วิจัยการประชุมแบบมีส่วนร่วมกับ
ผู้ผลิตทาให้ได้ข้อสรุปองค์ความรู้ที่แสดงแนวคิดและ 8. กลุ่มพัฒนาสตรีบ้านโคกเมือง (บารายไหม
กระบวนการผลิตผ้าไหมมัดหมี่ด้วยเทคนิคการสร้างลาย ไทย) หมู่ท่ี 9 ตาบลจรเข้มาก อาเภอประโคนชัย
แบบพร่าเลือน สามารถจัดทาเป็นคู่มือในการผลิตผ้าไหม
มัดหมี่ด้วยเทคนิคการสร้างลายแบบพร่าเลือน จานวน 9. วิสาหกิจทอผ้าไหมบ้านโคกเมือง หมู่ที่ 15
200 เล่ม เพอ่ื ใชใ้ นการถา่ ยทอดองค์ความรู้บริการวิชาการ บ้านโคกเมอื ง ตาบลจรเขม้ าก อาเภอประโคนชัย
สชู่ มุ ชน โดยจดั อบรมเชงิ ปฏบิ ัติการออกแบบผา้ ไหมมัดหมี่
ด้วยเทคนิคการสร้างลายแบบพร่าเลือนให้กับกลุ่มผู้ผลิต 10. กลุ่มผ้าบารายพันปีบ้านโคกเมือง หมู่ที่ 18
ผ้าไหมมัดหมี่ในจังหวัดบุรีรัมย์ จานวน 10 กลุ่ม บา้ นโคกเมอื ง ตาบลจรเขม้ าก อาเภอประโคนชัย
ประกอบดว้ ย
ในการอบรมเชิงปฏบิ ัตกิ ารออกแบบผ้าไหมมัดหมี่
1. กลุ่มทอผ้าไหมบ้านโพธิ์ไทร หมู่ท่ี 7 บ้านโพธ์ิ ด้วยเทคนิคการสร้างลายแบบพร่าเลือนผู้วิจัยจึงทาการ
ไทร ตาบลละเวย้ี อาเภอประโคนชยั ออกแบบลายเพ่ิมอีกจานวน 3 ลาย เพ่ือให้กลุ่มผู้ผลิตได้
นาไปผลิตเป็นการทดลองตรวจสอบผลลัพธ์ท่ีได้จากใน
การผลิตซา้ ดงั น้ี

2247

สูจบิ ัตรนิทรรศการ พรา่ เลือนในงานไหมมดั หมี่ (Fuzzy Blurry Motif of Mudmee Silk) : สมบตั ิ ประจญศานต์ 2564
โครงการเทคนิคการออกแบบลายแบบพรา่ เลอื นในงานไหมมดั หมี่
ชุดโครงการ วช. 63 สรา้ งสรรคง์ านศลิ ป์ สนับสนนุ โดย สานกั งานการวิจยั แหง่ ชาติ (วช.)

ลายท่ี 4 ชื่อลายไตรทิศา ขนาดลายจานวน 46 ลา คน้ หมีแ่ บบหม่ีรา่ ย

ภาพท่ี 7 ลายที่ 4 ลายไตรทิศา

ลายท่ี 5 ชือ่ ลายแถบเฉลว ขนาดลายจานวน 45 ลา คน้ หมแ่ี บบหม่รี วด

ภาพท่ี 8 ลายท่ี 5 ลายแถบเฉลว

สาหรบั เทคนิคฺ B จะนาลายท่ี 4 ชอื่ ลายไตรทศิ า ขนาดลายจานวน 46 ลา ค้นหมีแ่ บบหม่ีร่ายทอสลับกับลายท่ี 5 ช่ือ
ลายแถบเฉลว ขนาดลายจานวน 45 ลา คน้ หม่ีแบบหมร่ี วด นามาทอสลับกนั ใหเ้ กิดภาพซอ้ น พรา่ เลอื นแบบการแทรกแซง

ภาพท่ี 9 ลายท่ี 4 ทอสลับกบั ลายที่ 5

2284

สูจบิ ัตรนทิ รรศการ พร่าเลอื นในงานไหมมดั หม่ี (Fuzzy Blurry Motif of Mudmee Silk) : สมบตั ิ ประจญศานต์ 2564
โครงการเทคนคิ การออกแบบลายแบบพร่าเลือนในงานไหมมดั หม่ี
ชดุ โครงการ วช. 63 สรา้ งสรรคง์ านศิลป์ สนบั สนุนโดย สานกั งานการวจิ ยั แหง่ ชาติ (วช.)

ลายท่ี 6 ช่อื ลายเถา้ ตระการ จานวน 31 ลา คน้ หม่แี บบหม่ีรวด เทคนิคทาลายให้พรา่ เลือนด้วยการผสานสที าง
สายตา

ภาพท่ี 10 ลายที่ 6 ลายเถา้ ตระการ ย้อมสี การค้นหมี่ การสืบหูก การมัดหม่ี การทอ การ
ตกแต่งสาเร็จ (Finishing) รวมถึงการแปรรูปผลิตภัณฑ์
องค์ความรใู้ หม่ หรือเทคนคิ ใหม่ที่ได้จากงานวิจัย จึงถือว่างานไหมมัดหม่ีเป็นผลผลิตแห่งภูมิปัญญา ที่มี
คุณค่า และมูลค่าสามารถผลิตเป็นสินค้าทางวัฒนธรรม
มัดหมี่ (Mudmee, Ikat) เป็นเทคนิคการสร้าง ตามแนวทางของเศรษฐกิจสร้างสรรค์ได้
ลวดลายใหเ้ กิดข้ึนกับเสน้ ด้ายทางเสน้ พงุ่ หรอื เส้นยืน หรือ
ทั้งเส้นพุ่งและเส้นยืน โดยที่มีการค้นหม่ีเพ่ือทบเส้นด้าย งานมัดหมี่ดั้งเดิมส่วนใหญ่นิยมให้ได้ลวดลาย
และแยกเส้นด้ายเป็นกลุ่ม ๆ เรียกว่า “ลา” ตามการซ้า มองเห็นได้อย่างชัดเจน หากได้ลายมัดหม่ีที่ไม่คมชัด
ของลาย (Repeat) จากน้ันทาการมัดด้วยเส้นเชือกใน หรือความไม่สม่าเสมอของลวดลายซ้าทั้งผืนผ้าจะถือว่า
ตาแหน่งสีของลายเป็นเปลาะ เพื่อกันสีที่จะทาการย้อม เป็นตาหนิของผ้าผืนน้ัน หรือเป็นสภาพเก่าของผ้า แต่
ไม่ให้ซึมเข้าไปในเส้นด้ายท่ีมัดเชือกไว้ โดยมัดเก็บใน ผวู้ ิจยั เหน็ วา่ ลายพรา่ เลือนเปน็ เทคนิคใหม่ ซึง่ เทคนิคพร่า
ตาแหน่งสีของลายท่ีย้อมได้ในแต่ละครั้ง ทีละสี ๆ จนได้ เลือนนี้ได้เป็นแรงบันดาลใจให้ศิลปินอ่ืนสร้างสรรค์งาน
สีสันของด้ายในตาแหน่งของลายผ้าทั้งหมด ในข้ันตอนนี้ มาแล้วทั้งงานจิตรกรรม และประยุกต์ศิลป์ เช่น ผ้าพิมพ์
จึงต้องมีการวางแผนจัดลาดับให้มีการมัด การโอบ การ ลาย ภาพถ่าย ภาพพมิ พ์ เรขศลิ ป์ ฯลฯ รวมถึงงานผา้ ไหม
ยอ้ มสี การแก้หม่ี (ตัดเชือกทม่ี ัดเปน็ เปลาะออก) การล้างสี มัดหมี่ทอมือได้มีการสร้างสรรค์บางเทคนิคแล้ว เช่น
จานวนหลายครั้งขึ้นอยู่กับจานวนสีของลายที่ได้ออกแบบ การมัดหม่ีสองทางของประเทศญี่ปุ่น หรืออินโดนีเซีย แต่
ไว้ จากนั้นนาเส้นด้ายน้ันไปทอให้เป็นผืนผ้า โดยจัดเรียง ยังไม่มีการริเร่ิมสร้างสรรค์เทคนิคพร่าเลือนให้แตก
ลายมัดหม่ีในเส้นด้ายให้ตรงตาแหน่งของลาย จึงจะได้ผ้า แขนงออกไป โดยวิธีการแบบใหม่ ๆ รวมถึงมีการบันทึก
มัดหม่ีที่สวยงามถือเป็นงานหัตถศิลป์ที่มีคุณค่า ดังน้ันผู้ องคค์ วามรูเ้ ชิงวิชาการ จะทาให้เกิดแนวทางในการพัฒนา
สร้างสรรค์งานไหมมัดหม่ีย่อมถือเป็นช่างศิลป์ เป็นศิลปิน ผลิตภัณฑ์ผ้าไหมมัดหม่ีทอมือที่ทรงคุณค่าทางภูมิปัญญา
ที่ผลิตผลงานท่ีแม้เคร่ืองจักรอุตสาหกรรม หรือปัญญา ใหเ้ กิดคุณคา่ ทางวชิ าการงานศิลปแ์ ละเพิ่มมูลคา่ ได้
ประดิษฐย์ งั ไมส่ ามารถกระทาแทนได้ซ่ึงเทคนิคมัดหมี่นี้ถือ
เป็นองค์ความรู้ ส่วนหนึ่งของภูมิปัญญาการผลิตผ้าทอมือ
ตั้งแต่การปลูกหมอ่ นเลี้ยงไหม การสาวไหม การฟอก การ

295

สูจบิ ตั รนทิ รรศการ พร่าเลอื นในงานไหมมัดหมี่ (Fuzzy Blurry Motif of Mudmee Silk) : สมบตั ิ ประจญศานต์ 2564
โครงการเทคนิคการออกแบบลายแบบพร่าเลือนในงานไหมมัดหม่ี
ชุดโครงการ วช. 63 สร้างสรรคง์ านศิลป์ สนบั สนุนโดย สานักงานการวจิ ยั แห่งชาติ (วช.)

ภาพท่ี 11 การลงพ้นื ท่ี ถา่ ยทอดองคค์ วามรู้และติดตามในพ้ืนท่ีให้กล่มุ ผผู้ ลติ ผา้ ไหมทอมือ 10 กล่มุ ในจังหวัดบรุ รี มั ย์
2340

สจู ิบตั รนทิ รรศการ พรา่ เลือนในงานไหมมดั หมี่ (Fuzzy Blurry Motif of Mudmee Silk) : สมบตั ิ ประจญศานต์ 2564
โครงการเทคนคิ การออกแบบลายแบบพรา่ เลือนในงานไหมมัดหม่ี
ชดุ โครงการ วช. 63 สรา้ งสรรคง์ านศลิ ป์ สนบั สนุนโดย สานักงานการวิจยั แหง่ ชาติ (วช.)

การกาหนดแนวคดิ ในการออกแบบ

จากทุนทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถ่ินในการผลิตศิลปหัตถกรรมผ้ามัดหมี่ทอมือ นามาสู่การออกแบบ
สร้างสรรค์ผ้ามัดหมี่ลวดลายแบบพร่าเลือน เพื่อสร้างสรรค์ให้เป็นส่ิงใหม่ (New Finding) โดยจากการศึกษา ทบทวน
วรรณกรรม งานออกแบบสร้างสรรค์ และงานวิจัยท่ีเก่ียวข้อง โดยคาว่า “พร่าเลือน” ถือเป็นคาสาคัญ (Keyword) ในการ
สืบค้นทั้งในสาขาภาษาศาสตร์ รัฐศาสตร์ ศิลปกรรมศาสตร์ แพทย์ศาสตร์ ไปสู่การค้นหาเทคนิคที่ทาให้เกิดความพร่าเลือน
สามารถกาหนดกรอบแนวคิดในการออกแบบจากคาสาคัญสู่เทคนิคการผลิต โดยถอดรหัสจากความหมายของคาสู่เทคนิค

การสร้างลายแบบพร่าเลอื นได้หลายเทคนิค ดงั นี้

ความหมายของคา (Meaning)

ทาให้เสยี หาย กระจัดกระจาย บดบัง ทบั ซ้อน

โฟกัสผดิ พลาด การละลายฉากหลงั โบเก้ (Bokeh) เบลอ การส่ัน

ซับซ้อน คลุมเครอื การฟ้งุ ไหว
มองไม่ชดั ลกั ษณะลนื่ ไหล

ความไมช่ ดั เจนแบบการตอ่ โมเสก ความรู้สกึ ทีส่ ับสน ลืม ไม่มีสมาธิ

สัญญาณรบกวนดิจิตอล เกิดจดุ สีขน้ึ ในภาพ การกระจายตัว
แทรกแซงกิจการภายในของกันและกนั

ภาพที่ 12 ความหมายของคา

ถอดรหัสความหมาย และนาไปสู่แนวความคดิ ของเทคนคิ การสร้างลายแบบพร่าเลือน (Fuzzy Blurry Motif
Techniques Idea) จากการถอดรหัสความหมายสู่เทคนิคการสร้างลายแบบพรา่ เลือนไดด้ ังน้ี

3214

สจู บิ ัตรนทิ รรศการ พร่าเลอื นในงานไหมมดั หม่ี (Fuzzy Blurry Motif of Mudmee Silk) : สมบัติ ประจญศานต์ 2564
โครงการเทคนคิ การออกแบบลายแบบพร่าเลอื นในงานไหมมัดหม่ี
ชุดโครงการ วช. 63 สรา้ งสรรคง์ านศิลป์ สนบั สนนุ โดย สานกั งานการวิจยั แห่งชาติ (วช.)

ภาพท่ี 13 เทคนิคการออกแบบลายมดั หมแี่ บบพรา่ เลือน

2352

สจู บิ ัตรนิทรรศการ พรา่ เลือนในงานไหมมดั หมี่ (Fuzzy Blurry Motif of Mudmee Silk) : สมบัติ ประจญศานต์ 2564
โครงการเทคนคิ การออกแบบลายแบบพรา่ เลือนในงานไหมมัดหม่ี
ชุดโครงการ วช. 63 สร้างสรรคง์ านศลิ ป์ สนบั สนุนโดย สานกั งานการวจิ ยั แห่งชาติ (วช.)

ในภูมิปัญญาการออกแบบสร้างสรรค์ผ้าไหม เกิดความพร่าเลือน วิธีการนี้เป็นเทคนิคแบบดั้งเดิมของ
ภูมิปัญญาท้องถิ่นโดยเฉพาะที่ประเทศญี่ปุ่น หรือ
มัดหมี่ทอมือที่ทาให้เกิดลายคมชัด ในทางกลับกันหาก อินโดนีเซีย ทาให้เกิดการซ้อนทับของลายเป็นความพร่า
เลือนจากการทับซ้อน แต่ในประเทศไทยไม่นิยม
ต้องการหาเทคนิคการสร้างลายให้เกิดความพร่าเลือนให้ แพร่หลาย แต่ในช่วง 10-20 ปีท่ีผ่านมามีบริษัทเอกชน
เป็นสิ่งใหม่ จาเป็นต้องคิดกระบวนการที่ไม่ซ้ากับ การผลิตออกมาเป็นสินค้าเพ่ือจาหน่ายแล้ว จึงไม่ใช่
เทคนิควิธีใหม่ แต่สามารถพัฒนาเทคนิคใช้ร่วมกับวิธีการ
กระบวนการดั้งเดิม ผู้วิจัยสามารถนาเสนอรายละเอียด
อื่น เช่น การค้นหม่ีด้วยรอบท่ีไม่เท่ากันร่วมกับมัดหม่ีสอง
เปน็ เทคนิคการสร้างลายแบบพร่าเลอื นได้ดังนี้ ทาง หรอื การแตม้ หมีร่ ่วมกับมัดหม่สี องทาง เป็นตน้
1. การค้นหม่ีด้วยจานวนรอบที่ไม่เท่ากัน ซ่ึง
3. การล้าง
เป็นการเตรียมจานวนเส้นด้ายพุ่งให้แต่ละลาให้มีจานวน 3.1 การล้างในข้ันตอนของการมัดหม่ี ใน
การย้อมสีเคมีจะต้องมีการล้างสีย้อมท่ี 1 ในตาแหน่งท่ีไม่
เส้นด้ายไม่เท่ากัน ย่อมส่งผลต่อขนาดของลายในแต่ละลา ต้องการออกก่อนด้วยเคมีภัณฑ์จากน้ันจะทาการย้อมสีที่
จะมีขนาดเล็กใหญ่ไม่เท่ากัน ทาให้ลายที่ได้เกิดความไม่ 2 แล้วนาไปมัดโอบเก็บลายตามตาแหน่งของสีท่ี 2 ต่อไป
ซึ่งในการล้างสีออกน้ี หากล้างไม่ประณีตจะทาให้สีที่ 1
คงที่ ไม่สม่าเสมอตลอดท้ังผืน ทาให้เกิดการพร่าเลือน ออกไม่หมด ย่อมทาให้เกิดคราบสีท่ี 1 ไปแทรกแซงสีของ
ลายทาให้เกดิ ความพร่าเลือนได้
แบบกระจัดกระจาย 3.2 การล้างหลังจากมัดหมี่แล้วเสร็จ นา
2. การมัดหม่ี เส้นด้ายพุ่งท่ีทาการมัดหมี่เสร็จแล้ว ห่อหุ้มบางส่วนด้วย
2.1 การมัดหมี่ท่ีใช้เชือกโอบมัดเส้นด้ายไม่ ถุงพลาสติกแล้วพันมัดให้แน่น นาไปลงแช่ในน้าเดือด ที่
ผสมสารเคมีภัณฑ์ในการล้างสีทิ้งระยะเวลาตามต้องการ
แน่น ทาให้สีย้อมสามารถซึมเข้าไปในตาแหน่งที่มีเชือก แล้วนาขึ้นล้างน้าจนสะอาด หากทิ้งเป็นเวลานานสีของ
โอบมัดไว้ จึงเกิดการเจือปนของสีในตาแหน่งลาย หรือ
ลายมัดหม่ีท่ีอยู่นอกถุงก็จะเจือจางลงจนเป็นสีขาว โดย
การย้อมหม่ีไม่เข้าข้อ ย่อมสร้างความพร่าเลือนแบบทาให้ สามารถนาส่วนน้ีไปย้อมสีใหม่ได้ตามต้องการ หรืออาจ
ล้างท้ังผืนโดยไม่ต้องมีการห่อหุ้มด้วยถุงพลาสติกก็ทาให้
เสยี หายข้นึ ได้ ลายมดั หม่ีเจือจางลงได้
2.2 การมัดหม่ีร่วมกับการแต้มหม่ี วิธีการนี้
3.3 การล้างหลังจากทอเป็นผืนแล้ว นาผ้า
เป็นเทคนิคแบบด้ังเดิมของภูมิปัญญาท้องถ่ินในสมัย ไหมมดั หม่ีลงนาไปลงแช่ในน้าเดือดที่ผสมสารเคมีภัณฑ์ใน
การล้างสี ท้ิงระยะเวลาตามต้องการแล้วนาผา้ ขน้ึ ล้างด้วย
โบราณท่ีนิยมการแต้มหม่ี หรือการระบายสีย้อมลงใน น้าสะอาด ทาให้ได้ลายมัดหมี่ที่มีลายเจือจาง หรือใช้
ตาแหน่งของเส้นด้ายพุ่งที่มีการค้นลาหม่ีไว้แล้ว แต่หาก ร่วมกับเทคนิคมัดย้อมแบบชิโบริ โดยนาก้อนหินวางบน

ต้องการให้มีการสร้างลายแบบพร่าเลือน สามารถนามา

ประยุกต์ใช้ได้โดยหลังจากมีการมัดหมี่เสร็จแล้ว ให้แก้
เชือกออกแล้วทาการแต้มหมี่หรือระบายสีด้วยพู่กันเป็น

ลายซ้อนทับลงไปด้วยสีบาติกย้อมไหม หรือสีรีแอคทีฟ

และแชส่ ารซลิ ิเกตกนั สตี ก หรือใช้สีย้อมเคมีเป็นความพร่า
เลือนจากการทับซ้อน

2.3 การมัดหม่ีสองทาง เป็นมัดหมี่ที่เส้นด้าย
พุ่งและเส้นด้ายยืน เม่ือมีการทอขัดกันทาให้เกิดการ
ซ้อนทับของลายมัดหมี่เส้นด้ายพุ่งและเส้นด้ายยืนทาให้

2333

สจู ิบัตรนทิ รรศการ พรา่ เลอื นในงานไหมมัดหม่ี (Fuzzy Blurry Motif of Mudmee Silk) : สมบัติ ประจญศานต์ 2564
โครงการเทคนคิ การออกแบบลายแบบพร่าเลอื นในงานไหมมดั หม่ี
ชดุ โครงการ วช. 63 สรา้ งสรรค์งานศลิ ป์ สนับสนุนโดย สานกั งานการวิจยั แหง่ ชาติ (วช.)

ผืนผา้ มัดดว้ ยหนังยางรัดหมุ้ กอ้ นหนิ กอ่ นนาไปล้าง จะทา รูปเป็นรูปร่างสามเหลี่ยมได้ในความนึกคิด เป็นการทา
ให้ผ้าส่วนที่หนังยางรัดไว้เป็นวงสีเข้ม ลายมัดหม่ีส่วนนี้มี
นา้ หนกั เขม้ กว่าพื้นท่ีโดยรอบ หรืออาจใช้เทคนิคการสร้าง ความเสียหายให้แก่รูปร่างของลายเดิม ทาให้เกิดความ
ลายแบบมดั ยอ้ มอน่ื ๆ ได้
พรา่ เลอื นแบบทาความเสยี หาย
4. การออกแบบสี 5.2 ออกแบบลายให้เคล่ือนจากตาแหน่ง ใน
4.1 ออกแบบสีของลายให้ไม่มีความเปรียบ
ข้ันตอนการออกแบบลายในตารางกริดหากมีการเลื่อน
ต่างกับสีของพ้ืน การใช้สีแบบเอกรงค์ (Monochrome)
ในสว่ นสขี องลาย หรอื สีของลายกับสีของพ้ืน การเลือกใช้ ตาแหน่งลายให้มีการเคล่ือนท่ีในแนวนอน หรือแนวต้ังจะ
น้าหนักของสี (Value) ที่มีความเข้มอ่อนท่ีใกล้เคียงกัน ทาให้รูปแบบของลายเกิดการสั่นไหวหรือเคล่ือนที่ ทาให้
การใช้โครงสีแบบพหุรงค์ (Polychromatic) โดยใช้สีที่อยู่
ในตระกูลเดียวกัน (Colour Family) หรือให้อยู่ใน เกิดความพร่าเลอื นได้
วรรณะเดียวกันโดยจะเลือกใช้สีท่ีเป็นวรรณะร้อน (Hot 5.3 ออกแบบลายศิลปะแบบติดปะต่อ
Tone) หรือวรรณะเย็น (Cool Tone) การใช้สีข้างเคียง
(Analogous Colours) ย่อมทาใหไ้ ด้ลายทไี่ ม่คมชัดจากสี (Collage Art) ในการจดั วางองค์ประกอบของลายมัดหมี่
ของพื้นหลัง หรือการไม่ใช้สีกลาง เช่น สีขาว สีดา เข้า ดั้งเดิมอาศัยการซ้าแบบสมมาตรของแม่ลายเพียงหลาย
มาร่วมกับสีอ่ืนเพ่ือไม่สร้างความเด่นชัด วิธีการเหล่าน้ีจะ
เกิดการกลบกลืนของสี ทาให้เกิดความคลุมเครือ สร้าง เดียว หรือใช้ลายหลักร่วมกับลายประกอบ หากใช้การ
ความพร่าเลือนได้ ออกแบบให้ลายมีลักษณะศิลปะแบบติดปะต่อ โดยมีการ

4.2 ออกแบบสีของลายโดยใช้หลักการ จัดองค์ประกอบแม่ลายจานวนหลายลายซ้ากันแบบไม่
ผสานสีทางสายตา เป็นการใช้สีของเส้นด้ายพุ่งกับ
เส้นด้ายยืนคนละสี ในเฉดสีที่ทาให้เกิดการผสานสีทาง สมมาตรกัน ให้มีการซ้อนทับกัน หรือใช้วิธีการลดรูป
สายตา โดยใช้โครงสีแบบคู่ประกอบ (Complementary (Subtractive) วิธีการเพ่ิมรูป (Additive) ทาให้รูปแบบ

Colours) ทาให้บางตาแหน่งของลายมัดหม่ีที่เคยคมชัด ของลายเปล่ียนไปจากแม่ลายเดิมตั้งแต่ต้นแล้วทาการ

ขณะมดั หม่ี เมือ่ มาทอขัดกับเส้นด้ายยืนจะเกิดการผสานสี มดั หม่ี ย้อมสตี ามแบบทาให้สรา้ งความพร่าเลอื นได้
ทางสายตาจนเกิดการความคลมุ เครอื 6. การทอ
6.1 การแทรกแซง กระทาโดยการทอ
5. การออกแบบลายให้ไม่ให้มีความสมบูรณ์
5.1 การแปรเปลี่ยนองค์ประกอบของลาย เส้นด้ายพุ่งด้วยไหมเปลือกนอก หรือวัสดุอ่ืนท่ีมีการย้อมสี
กระ หรือสีที่ไม่สม่าเสมอแทรกระหว่างการทอเส้นด้ายพุ่ง
จากลายที่เป็นองค์ประกอบท่ีมองเห็นได้ (Visual
Element) ใ ห้ เ ป็ น อ ง ค์ ป ร ะ ก อ บ ใ น ค ว า ม นึ ก คิ ด ที่มีลายมัดหม่ี นอกจากน้ีการใช้เส้นใยหรือวัสดุอื่น ๆ ท่ี
(Conceptual Element) เช่น จากรูปร่างสามเหล่ียม
แบบปิดแปรเปลี่ยนเป็นการใช้เส้นให้ก่อรูป หรือจุดให้ก่อ อาจมีผิวสัมผัส สีสันต่างออกไปมาทอแทรกเข้ามาทาให้
ลายมดั หม่ีเดมิ เกิดความพร่าเลอื นได้

6.2 การสร้างภาพซ้อน เป็นการนาเส้นด้าย
พุ่งที่มีการมัดหมี่ จานวน 2 ชุดซึ่งเป็นคนละลายกันนามา
ทอค่ันสลับกัน เป็นการสร้างภาพซ้อนทาให้เกิดการพร่า

เลือนดว้ ยการแทรกแซง
6.3 การทาให้เสียหาย เป็นการทอด้วยการ

ให้มีเส้นด้ายยืนไม่ครบตามจานวนเส้น ในการทอผ้าด้ายก่ี

2344

สูจิบตั รนิทรรศการ พร่าเลอื นในงานไหมมัดหม่ี (Fuzzy Blurry Motif of Mudmee Silk) : สมบัติ ประจญศานต์ 2564
โครงการเทคนิคการออกแบบลายแบบพรา่ เลอื นในงานไหมมัดหม่ี
ชุดโครงการ วช. 63 สร้างสรรค์งานศิลป์ สนบั สนนุ โดย สานกั งานการวจิ ยั แห่งชาติ (วช.)

พื้นบ้านแบบ 2 ตะกอ ซึ่งเป็นการทอขัดกันพ้ืนฐาน 7.4 การมัดยอ้ มทบั บนผา้ มดั หมี่ เป็นการนา
ผา้ ไหมมัดหม่ีท่ีทอเป็นผืนแล้วนาไปสร้างลวดลายด้วยการ
ระหว่างเส้นด้ายพุ่งกับเส้นด้ายยืน หากไม่มีการร้อย มัดย้อมทั้งการสร้างลายมัดย้อมแบบเย็บเนาตามเส้นลาย
แลว้ รูดดึงใหผ้ า้ ยน่ หรือโคมัสสึ ชิโบริ (Komusu shibori)
เส้นด้ายยืนทุกซ่ีของฟันฟืม ทาให้เส้นด้ายพุ่งในส่วนนั้นมี แบบพันผ้ารอบแกนหรืออาราชิ ชิโบริ (Arashi Shibori)
การหย่อนตัวทาให้ผืนผ้า เกิดความเสียหายของโครงสร้าง แบบบิดเกลียวและรัดหรือแบบคุโม ชิโบริ ( Kumo
Shibori) รวมทงั้ แบบประกบแผ่นไม้มัดให้แน่นหรืออิตาชิ
ของผ้า จงึ ได้ลายมดั หมที่ ่ีไม่สมบรู ณ์ เมะ ชโิ บริ (Itajime Shiburi)
6.4 การทอยกดอก เปน็ การนาเส้นด้ายพุ่งท่ีมี
ท้ังน้ี จากแนวคิดในการออกแบบได้ผนวกกับ
การมัดหมี่แล้ว นามาทอรวมกับเส้นด้ายยืนที่มีการใช้ เทคนิคการประกอบสร้างลายพร่าเลือน ซ่ึงหมายถึง
ลวดลายท่ีเกิดขึ้นจากพื้นฐานเทคนิคมัดหมี่ มีลักษณะ
มากกวา่ 2 ตะกอ เพ่อื ให้เกิดการเหยียบเขายกเส้นด้ายยืน พิเศษตรงท่ีลายจะมีความพร่าเลือนอันเกิดจากเทคนิคที่
เป็นผลจากการทดลองสร้างสรรค์ในงานวิจัยคร้ังน้ี
ขึ้นลงเป็นลวดลายยกดอก เช่น ลายลูกแก้ว ลาย สามารถสรุปเทคนิคการสร้างลายแบบพร่าเลือนในงาน
ทางมะพร้าวซ้อนทับกับลายมัดหม่ี สร้างผิวสัมผัสให้กับ ไหมมัดหม่ี ดงั น้ี

ผืนผ้า ซึ่งหากมีการใช้เส้นด้ายยืนต่างสีกันสลับเป็นช่วง ๆ

จะยิ่งสร้างความพรา่ เลือนให้มากยง่ิ ขนึ้
7. การทับซ้อนและทับซ้า
7.1 การพิมพ์ด้วยวัสดุธรรมชาติทับบนผ้า

มดั หม่ี เปน็ การพิมพ์ดว้ ยใบไม้ ดอกไม้ท่ีให้สีตามธรรมชาติ
เช่น ใบสัก ใบตะขบ ใบสบู่เลือด ดอกดาวเรือง ดอก

อัญชนั เป็นต้น โดยแช่ด้วยน้าสนิมแล้วนามาวางบนผืนผ้า

มัดหม่ีที่มีการแช่น้าสารส้ม ม้วนให้แน่น นาไปต้ม หรือน่ึง
จะทาให้ลวดลายและสีสันของใบไม้หรือดอกไม้น้ันจะพิมพ์

ตดิ ยดึ และทับซ้อนกบั ลายมัดหม่ี
7.2 การพิมพ์ลายทับบนผ้ามัดหม่ี เป็นการ

ใชเ้ ทคนิคการพมิ พล์ ายหรอื ซิลคส์ กรีน (Silk Screen) ด้วย

การทาบล็อกลายและปาดสีสังเคราะห์ให้ติดทับบนผ้า

หรือเสน้ ด้ายยนื หรอื เส้นด้ายพุ่งที่มีลายมัดหมี่ สร้างความ
พร่าเลอื นแบบทบั ซ้อน

7.3 การย้อมสีทับผ้ามัดหมี่ เป็นการนาผ้า
ไหมมัดหมี่ท่ีทอเป็นผืนแล้วนาไปย้อมทับด้วยสีที่มีน้าหนัก
เข้มให้ทั่วท้ังผืนผ้า หรือบางส่วนของผืนผ้าจะทาให้เกิด

การทับซ้า สีย้อมใหม่จะกลบกลืนให้ลายมัดหม่ีน้ันเลือน

รางลง

2355

สูจบิ ตั รนิทรรศการ พรา่ เลือนในงานไหมมัดหมี่ (Fuzzy Blurry Motif of Mudmee Silk) : สมบตั ิ ประจญศานต์ 2564
โครงการเทคนคิ การออกแบบลายแบบพร่าเลอื นในงานไหมมัดหม่ี
ชุดโครงการ วช. 63 สร้างสรรคง์ านศิลป์ สนับสนุนโดย สานกั งานการวิจยั แห่งชาติ (วช.)

พรา่ เลือนดว้ ย พร่าเลอื น
ด้วย
การทาให้
การทับซ้า
เสยี หาย

พรา่ เลอื นด้วย เทคนคิ การ พรา่ เลือนด้วย
สร้างลายแบบ
การกระจัด การ
พรา่ เลือน
กระจาย แทรกแซง
(Fuzzy Blurry Motif

พรา่ เลือนด้วย พร่าเลอื นด้วย

ความ การ

คลมุ เครอื ทับซ้อน

พรา่ เลือนด้วยการทาใหเ้ สียหาย

พร่าเลือนดว้ ยการกระจดั กระจาย พร่าเลือนด้วยการทบั ซา

พร่าเลอื นด้วยความคลมุ เครอื พรา่ เลอื นด้วยการแทรกแซง

พรา่ เลือนด้วยการทบั ซอ้ น
ภาพที่ 14 สรปุ เทคนิคการออกแบบลายมดั หมี่แบบพรา่ เลือน

2336

สนบั สนนุ โดยสานกั งานการวิจัยแหง่ ชาติ (วช.)

ประวตั ผิ ู้วิจยั นักออกแบบ
รองศาสตราจารย์สมบตั ิ ประจญศานต์

Associate Professor Sombat Prajonsant

e-mail: [email protected]

เกิดเม่ือปี พ.ศ. 2516 ภูมิลาเนาเกิดท่ีจังหวัดนครราชสีมา สาเร็จการศึกษาปี พ.ศ. 2537 ได้รับประกาศนียบัตร
วิชาชพี ชั้นสูง จากสถาบันเทคโนโลยีราชมงคลวิทยาเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นครราชสีมา ปี พ.ศ. 2539 ได้รับปริญญา
ครุศาสตร์อุตสาหกรรมบัณฑิต (สถาปัตยกรรม เกียรตินิยมอันดับ 1) จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร
ลาดกระบัง และปี พ.ศ. 2544 ได้รับปริญญาครุศาสตร์อุตสาหกรรมมหาบัณฑิต (สถาปัตยกรรม) จากสถาบันเทคโนโลยี
พระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง หลังสาเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีเข้าทางานตาแหน่งสถาปนิกท่ีบริษัท ไทยฟา
จากัด และบริษัท วงศ์จันทร์ จากัด จากน้ันปี พ.ศ. 2541 เข้ารับราชการเป็นอาจารย์ผู้สอนประจาสาขาวิชาเทคโนโลยี
สถาปัตยกรรม คณะวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี สถาบนั ราชภฏั บุรีรัมย์ ปี พ.ศ. 2549 ไดร้ ับการแต่งต้ังให้ดารงตาแหน่งผู้ช่วย
ศาสตราจารย์ และปี พ.ศ. 2555 ได้รับการแต่งต้ังให้ดารงตาแหน่ง รองศาสตราจารย์ สังกัดสาขาวิชาเทคโนโลยี
สถาปัตยกรรม คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ปัจจุบันมีผลงานทางวิชาการกว่า 50 เร่ือง ทั้ง
งานวิจัย บทความวิจัยท่ีเกี่ยวข้องกับสถาปัตยกรรมพ้ืนถ่ิน การจัดการสถาปัตยกรรมเพ่ือการท่องเที่ยว การจัดการเรียนการ
สอนแบบบูรณาการ การพัฒนาชุมชน ภูมิปัญญาท้องถ่ิน รวมถึงผลงานการออกแบบสร้างสรรค์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน
โดยเฉพาะผ้าทอมอื

37


Click to View FlipBook Version