The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แหล่งเรียนรู้อำเภอยี่งอ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by lahanyingo123, 2024-01-11 03:39:08

แหล่งเรียนรู้อำเภอยี่งอ

แหล่งเรียนรู้อำเภอยี่งอ

1 แหล่งเรียนรู้ พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นขุนละหาร Khun Laharn Local Museum ก่อตั้งเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ.2552 โดยนายรัศมินทร์ นิติธรรม มีแนวคิดที่เพื่ออนุรักษ์และสืบ สานวัฒนธรรมท้องถิ่นให้คงอยู่ และนำเอาเอกลักษณ์หรือศิลปะดั้งเดิมทางด้านภูมิปัญญามาประยุกต์เป็น ผลิตภัณฑ์ที่ร่วมสมัย สู่การเป็นเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เพื่อสร้างรายได้ สร้างอาชีพให้ชุมชนอย่างยั่งยืน โดยใช้ชื่อ ขุนละหารเป็นแบรนด์ เนื่องจากเป็นชื่อพระราชทานสมัยรัชกาลที่ 5 และเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้ก่อตั้งหมู่บ้าน พิพิธภัณฑ์จัดเก็บรวบรวมศิลปะวัตถุหลากหลายประเภท ทั้งเครื่องมือเครื่องใช้ท้องถิ่นและของชนชั้น ปกครอง อาทิเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน เครื่องมือประกอบอาชีพ เช่น เครื่องมือจับสัตว์น้ำศาสตราวุธ เช่น กริช อุปกรณ์เกี่ยวกับการแสดงนาฏศิลป์ เช่น ชุดการแสดงมะโย่ง เครื่องดนตรี ภายในออกแบบและจัดแสดง แบ่งเป็น 5. ห้องศาสตราวุธ จัดแสดงและนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับศาต ราวุธ เช่น กริช ดาบ 1. ห้องภ ูมิหลัง จัดแสดงเครื่องมือเครื่องใช้ เครื่องปั้นดินเผาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ สมัยลังกาสุกะ 2 .ห้องเครื่องใช้ไม้สอย จัดแสดงเครื่องใช้ไม้สอยของชาว มลายูในชายแดนภาคใต้ เช่น เครื่องทองเหลือง 3. ห้องพิธีกรรม จัดแสดงแบบประเพณีพิธีกรรมของชาว มลายูในชายแดนใต้ เช่น การแห่นก มะโย่ง และแม่พิมพ์ ขนม 4. ห้องสายน้ำ จัดแสดงวัสดุอุปกรณ์การประกอบอาชีพ ประมงทั้งน้ำจืดและน้ำเค็มของชาวมลายูในพื้นที่


2 6. ห้องนันทนาการ จัดแสดงวัสดุอุปกรณ์สำหรับนันทนาการ เช่น ที่ดักนกคุ่ม กรงตั๊กแตนประชันเสียง ว่าววง เดือน ที่อยู่และเบอร์ติดต่อ เลขที่ 60/4 หมู่ 7 ตำบลละหาร อำเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส 96180 โทรศัพท์ : 073-591 222 Mobile 089-656 9957 วันและเวลาทำการ ทุกวัน เวลา 09.00 – 16.00 น. แหล่งเรียนรู้ ศึกษาดูงาน ทางศิลปะ วัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่นและศาสนา วิถีชีวิต ให้กับบุคคลทั่วไป วัตถุจัดแสดงที่มีความสำคัญ / สิ่งที่น่าสนใจ เครื่องปั้นดินเผาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ และสมัยลังกาสุกะ


3 แหล่งเรียนรู้ พิพิธภัณฑ์พระครูพิพิธนวกรรมโกศล (ท่านขวัญ) วัดทุ่งคา เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ตั้งอยู่ในตำบลละหาร อำเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส มีที่ดินตั้ง วัดเนื้อที่ 48 ไร่ 2 งาน 12 ตารางวา วัดทุ่งคาตั้งวัดเมื่อ พ.ศ. 2390 คนโบราณเล่าต่อ ๆ กันมาว่า ราษฎรเดิมอพยพมาจากบ้านทุ่งคายาม จังหวัดปัตตานี เมื่อสร้างวัดขึ้นมาจึงเรียกว่า "วัดทุ่งคา" วัดได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ. 2484 อาคารเสนาสนะที่สำคัญ ได้แก่ กุฏิเจ้าอาวาสซึ่งสร้างมานานพร้อมกับการตั้งวัด กุฏิมีลักษณะ สถาปัตยกรรมพื้นบ้านที่นิยมประดับด้วยลวดลายฉลุลายเถาว์ ด้านหน้ามีการเขียนลวดลายโบราณมากมาย ประกอบกับภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องราวในพระพุทธศาสนา ภายในวัดมีพิพิธภัณฑ์พระครูพิพิธนวกรรมโกศล (ท่านขวัญ) เป็นแหล่งรวบรวมของโบราณวัตถุมีค่า พิพิธภัณฑ์พระครูพิพิธนวกรรมโกศล (ท่านขวัญ) เป็นแหล่งรวบรวมของโบราณวัตถุมีค่า เป็นสถานที่ ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา และความเชื่อว่าวัดเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ จึงไม่มีการปล้นโจรกรรม ซึ่งจัดได้ว่าเป็น สถานที่ปลอดภัยในการเก็บรักษา ดังนั้นชาวบ้านในสมัยก่อนจึงนิยมนำของมีค่ามาฝากไว้กับวัด เมื่อเจ้าของทรัพย์เสียชีวิตลง ของมีค่า เหล่านั้นจึงตกเป็นของวัด ปัจจุบันทางวัดยังไม่ได้เปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวโดยตรง แต่มีชาวบ้านในละแวกใกล้เคียง มาชมได้ โดยขออนุญาตจากท่านเจ้าอาวาสวัดก่อน ที่อยู่และเบอร์ติดต่อ เลขที่ ม.8 ต.ละหาร อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส 96180 โทรศัพท์ : 073-640638 วันและเวลาทำการ วันและเวลาทำการ: เปิดทุกวัน เวลาเปิดทำการ: 08.00 - 17.00 น.


4 แหล่งเรียนรู้ พิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมอิสลาม (ศูนย์การเรียนรู้อัล-กุรอานโบราณ) พิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมอิสลามและศูนย์การเรียนรู้อัล-กุรอาน อยู่ในพื้นที่โรงเรียนสมานมิตรวิทยา ตำบลละหาร อยู่ห่างจากตัวเมืองนราธิวาสไปประมาณ 11 กิโลเมตร เป็นที่รวบรวมเอกสารโบราณมากกว่า 70 เล่ม ซึ่งส่วนใหญ่รวบรวมมาจากชาวบ้านในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ คัมภีร์อัล-กุรอานที่เก่าแก่ที่สุด ของโรงเรียนสมานมิตรวิทยามีอายุกว่า 1,000 ปี ซึ่งเป็นของประเทศอียิปต์ นอกจากนี้แล้วยังมีตำรายา ตำรา ดาราศาสตร์ และตำราต่าง ๆ ที่มีอายุเก่าแก่เช่นเดียวกัน แต่เดิมนั้นชาวบ้านจะจัดเก็บคัมภีร์อัล-กุรอานไว้ตาม บ้านไม่ได้นำมารวบรวมไว้ในพิพิธภัณฑ์ เมื่อกรมศิลปากรเข้ามาดูแล จึงร่วมกันรวบรวมตำราที่สำคัญมาซ่อมแซม โดยคัมภีร์อัล - กุรอานที่ชำรุด และไม่สามารถซ่อมแซมเองได้นั้น จะมีการจัดส่งไปให้ช่างที่ชำนาญการในประเทศตุรกี ส่วนการก่อสร้าง พิพิธภัณฑ์ถาวร ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้าง แต่มีการจัดสถานที่พิพิธภัณฑ์ชั่วคราว ซึ่งจะนำคัมภีร์ อัล - กุรอานมาหมุนเวียนจัดแสดงทุก 3 เดือน เปิดให้ผู้นำศาสนา และบุคคลสำคัญจากต่างประเทศเข้ามาศึกษา ดูงาน โดยในห้องพิพิธภัณฑ์จะต้องมีเครื่องควบคุมอุณหภูมิเพื่อการดูแลรักษา รวมถึงมีกล้องวงจรปิดเพื่อดูแล รักษาความปลอดภัย ที่อยู่และเบอร์ติดต่อ เลขที่ ม.6 ต.ละหาร อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส 96180 อยู่ห่างจากตัวเมืองนราธิวาสไปประมาณ 11 กิโลเมตร โทรศัพท์ : 0 7359 1222, 08 9656 9957, 08 4973 5772 วันและเวลาทำการ วันเปิดทำการ : ทุกวัน เวลาเปิดทำการ : 09.00 - 16.00


5 แหล่งเรียนรู้ ย้อนรอยประวัติศาสตร์เมืองยี่งอ อาคารย้อนรอยประวัติศาสตร์เมืองยี่งอ เป็นพิพิธภัณฑ์จำลองวังของเจ้าเมืองยี่งอ เป็นสถานที่เก็บเครื่อง ไม้เครื่องมือเครื่องใช้ของเจ้าเมืองยี่งอ ตัวอาคารเป็นอาคารทรงไทยภาคใต้มีลักษณะสวยงาม ๑. ประวัติความ เป็นมา “โครงการย้อนรอยประวัติศาสตร์เมืองยี่งอ” “เมืองยี่งอ” อาจจะเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “เมืองยือรีงา” ถือเป็น เมืองเก่าเมืองหนึ่ง ที่มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ความเป็นมา ที่น่าสนใจและมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจาก ในอดีตนั้น “เมืองยี่งอ” เป็นส่วนหนึ่งของเมืองสาย (อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานีในปัจจุบัน) ถูกสร้างขึ้นโดย “นิอาดัส” (Nik Adas) ท่านผู้นี้เป็นผู้สืบเชื้อสายมาจากราชวงศ์ “ปาฆาร์ รูยง มินัง กาเบาว์” (Pagar Ruyong Minung Kabao) ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย (จากการบันทึกของนายอดุลย์ ณ สายบุรี ทายาทรุ่นที่ ๕ ของนิอาดัส) หลังจากนั้น “นิอาดัส” ได้รวบรวมชนชาวพื้นเมืองเดิมสร้างเมืองยี่งอขึ้น และ สถาปนาตนเองเป็นเจ้าเมืองตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ต่อมา “นิอาดัส” ได้รับการสถาปนาเป็นเจ้าเมืองสาย ทำการ ปกครองเมืองสายบุรี แต่ได้ตั้งบ้านเรือนของตนอยู่ในเมืองยี่งอเช่นเดิม เมื่อท่านสิ้นพระชนม์แล้ว พระศพของท่าน ถูกฝัง ณ สุสานลางา ซึ่งตั้งอยู่ด้านหน้าสนามกีฬาเทศบาลตำบลยี่งอ อำเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาสในปัจจุบัน สำหรับเมืองสายบุรีนั้นมีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานเฉกเช่นเดียวกับเมืองปัตตานี ในพญาตูนักพา ผู้เป็นเจ้าเมือง ปัตตานีคนแรกที่เข้ารับศาสนาอิสลามโดยเปลี่ยนชื่อเป็นสุลต่านอิสมาแอลชาห์ พระองค์มีบุตรคนหนึ่งชื่อว่า ซีตีอาแอซะห์บุตรีคนนี้ต่อมาได้แต่งงานกับเจ้าเมืองสายบุรีที่ชื่อราชาญะลาลุดดิน (Tenku Jala Luddin) เป็นหลักฐานแสดงว่าเมืองสายบุรีนั้นมีประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่ยาวนานไม่แพ้เมืองปัตตานี เมื่อกล่าวถึงสายบุรี ในอดีตนั้น เขตการปกครองของเมืองสายบุรีในอดีตแตกต่างจากเขตการปกครองในปัจจุบัน ด้วยเมืองสายบุรีใน อดีตนั้นมีพื้นที่ครอบคลุม ตั้งแต่อำเภอเมือง อำเภอยี่งอ อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส จนถึงอำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานีในปัจจุบัน วิลาวัณย์ ต่วนเพ็ง นายกเทศมนตรีตำบลยี่งอ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและสมาชิกสภา เทศบาลตำบลยี่งอหลายๆท่าน มีความคิดเห็นและต้องการให้อำเภอยี่งอเป็นที่รู้จักของประชาชนโดยทั่วไป ตลอดจนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ จึงได้คิดที่จะดำเนินการจัดทำ “โครงการย้อนรอยประวัติศาสตร์ เมืองยี่งอ” ขึ้น โดยมีประวัติและความเป็นมาดังนี้


6 วัตถุประสงค์ของการจัดตั้งโครงการย้อนรอยประวัติศาสตร์เมืองยี่งอ ๑. เพื่อส่งเสริมให้สถานที่แห่งนี้ได้เป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ของเมือง ยี่งอในอดีตกาล ๒. เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ โดยสามารถดึงดูดความสนใจให้เยาวชน ประชาชน ตลอดจนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติได้มาศึกษา เรียนรู้ เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาและความสำคัญ ของเมืองยี่งอได้ดียิ่งขึ้น ๓. เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนและประชาชนได้ตระหนักถึงคุณค่า รู้จักอนุรักษ์ ศิลปวัฒนธรรม ประเพณี และภูมิปัญญาท้องถิ่นให้คงอยู่เป็นสิ่งที่เชิดหน้าชูตาของเมืองยี่งอสืบไป ๔. เพื่อให้สถานที่แห่งนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ จำลองวังเก่าเมืองยี่งอ โดยได้จัดแสดงสิ่งของ วัตถุโบราณต่าง ๆ ที่น่าสนใจ อาทิเช่น กริชโบราณ เครื่องทองเหลืองโบราณ ถ้วยชามลายครามสมัยโบราณ ผ้าปาเต๊ะลายอินโด เตียงโบราณ โต๊ะเครื่องแป้งโบราณ ตลอดจนจำลองวิถีชีวิตของชาวบ้านสมัยโบราณ ฯลฯ ๑. พุทธศักราช ๒๕๔๙ เทศบาลตำบลยี่งอ ได้บรรจุ โครงการย้อนรอยประวัติศาสตร์เมืองยี่งอไว้ในแผนพัฒนาเทศบาล แผนงานการศาสนาและวัฒนธรรม งานศาสนาและวัฒนธรรม ท้องถิ่น ๒. พุทธศักราช ๒๕๕๐ ผู้บริหารและสมาชิกสภาเทศบาล เห็นชอบให้จัดซื้อที่ดิน เนื้อที่ ๒ ไร่ ๓ งาน ซึ่งตั้งอยู่ ณ บริเวณ หมู่ ที่ ๗ ตำบลยี่งอ อำเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส ๓ เพื่อเป็น สถานที่ก่อสร้างอาคารย้อนรอยประวัติศาสตร์เมืองยี่งอ ในวงเงิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท (ห้าแสนบาทถ้วน) ๓. พุทธศักราช ๒๕๕๑ เทศบาลตำบลยี่งอได้เขียนและ เสนอโครงการเพื่อขอรับ การสนับสนุนงบประมาณ (เงินอุดหนุน เฉพาะกิจ) จากศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัด ชายแดนภาคใต้ จังหวัดยะลา (ศอ.บต.) เพื่อก่อสร้างอาคารย้อนรอยประวัติศาสตร์ เมืองยี่งอ วงเงิน ๔,๒๐๓,๐๐๐ บาท (สี่ล้านสองแสนสามพันบาท ถ้วน) ๔. พุทธศักราช ๒๕๕๒ เทศบาลตำบลยี่งอได้จัดตั้ง งบประมาณจากการประชุมสภาเทศบาล สมัยสามัญ สมัยที่ ๑ ประจำปี ๒๕๕๒ เมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ โดยใช้ งบประมาณจ่ายขาดเงินสะสมโดยสภาได้อนุมัติให้มีการจัดตกแต่ง ภายใน พร้อมจัดหาครุภัณฑ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ ภาพถ่าย และวัตถุ โบราณต่าง ๆ วงเงิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท (ห้าแสนบาทถ้วน) ๕. พุทธศักราช ๒๕๕๓ เทศบาลตำบลยี่งอได้จัดตั้ง งบประมาณ เพื่อใช้สำหรับการจัดซื้อครุภัณฑ์และจัดทำสื่อ ประชาสัมพันธ์เพิ่มเติม วงเงิน ๒๕๐,๐๐๐ บาท ตลอดจนได้จัดทำ พิธีเปิดโครงการย้อนรอยประวัติศาสตร์เมืองยี่งอ ขึ้นในวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๓ โดยได้รับเกียรติจาก ดร.กมล รอดคล้าย รอง ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) มาเป็นประธานเปิดโครงการฯ ดังกล่าว


7 ๕. เพื่อสร้างค่านิยมที่ดีให้ประชาชนในพื้นที่เกิดความรัก ความหวงแหน และภาคภูมิใจเมืองยี่งอซึ่งเป็น บ้านเกิดเมืองนอนของตน ยี่งอ ๕. จัดจ้างจัดทำป้ายป้ายประวัติของโครงการย้อนรอยประวัติศาสตร์เมืองยี่งอ ๖. จัดจ้างทำป้ายประวัติเจ้าเมืองสาย ซึ่งประกอบด้วย ๖.๑ นิอาดัส (Nik Adas) หรือนิดะ พระยาสุริยสุนทรบวรภักดีศรีมหารายา มัตตาอับดุลวิบูลย ขอบเขตประเทศมลายู (สมัยรัชกาลที่ ๒) ๖.๒ ตนกูญะลาลุดดิน (Tenku Jala Luddin) หรือนิละไบ บุตรชายของ นิอาดัส (ร.๓) ๖.๓ ตนกูอับดุลกอเดร์ (Tenku Abdul Kadir) หรือนิแปะ บุตรชายของตนกูญะลาลุดดิน เป็น พระยาสุริยสุนทรบวรภักดีศรีมหารายา มัตตาอับดุลวิบูลยขอบเขตประเทศมลายู (สมัยรัชกาลที่ ๕) ๖.๔ ตนกูอับดุลมุตตอลิบ (Tenku Abdul Muttalib) หรือนิปิ น้องชายของตนกูอับดุลกอเดร์ นับเป็นเจ้าเมืองสายบุรีคนสุดท้าย (สมัยรัชกาลที่ ๕) ๖.๕ นายอดุลย์ ณ สายบุรี (ทายาทรุ่นที่ ๕ ของนิอาดัส) ๗. จัดจ้างทำป้ายโครงการย้อนรอยประวัติศาสตร์เมืองยี่งอ ๘. จัดซื้อและจัดหาภาพถ่ายที่มีความสำคัญต่าง ๆ อาทิเช่น พระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัวฯขณะเสด็จเยี่ยมเยี่ยมประชาชน ตำบลมูโนะ อำเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส พระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ทรงเสด็จบึงบัวทอง ตำบลรือเสาะ อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส พระบรมสาทิสลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕) รูปถ่ายเจ้าเมืองสายและบุคลสำคัญต่าง ๆ รูปถ่ายกำแพงเมืองยี่งอ รูปถ่ายสุสานเจ้าเมืองนิอาดัส รูปถ่ายปืนใหญ่ พญาตานี รูปถ่ายกริชและดาบซึ่งเป็นอาวุธประจำกายของเจ้าเมืองยี่งอ เป็นต้น ๙. จัดซื้อครุภัณฑ์ชุดรับแขก รูปแบบศิลปะท้องถิ่น ๑๐. จัดซื้อครุภัณฑ์ประจำอาคารย้อนรอยประวัติศาสตร์เมืองยี่งอ อาทิเช่น ชั้นวางดอกไม้ โต๊ะและเก้าอี้ สำหรับเขียนสมุดเยี่ยม ๑๑. จัดทำแผ่นพับเพื่อการประชาสัมพันธ์โครงการย้อนรอยประวัติศาสตร์เมือง ยี่งอ เมื่อได้ดำเนินการ ตกแต่งภายในอาคารย้อนรอยประวัติศาสตร์เมืองยี่งอแล้วเสร็จสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งภายในห้อง จัดแสดงนิทรรศการ ห้องครัว ตลอดจนการจัดตกแต่งสวน ภูมิทัศน์บริเวณรอบ ๆ อาคารให้มีความสวยงาม สะอาด และเป็นระเบียบเรียบร้อย เพลงอนาซิสภาษาไทยและภาษาอังกฤษของเด็กนักเรียนอัครศาสน์วิทยา อำเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส 12. การสาธิตการจักสานผลิตภัณฑ์ย่านลิเภาของกลุ่มแม่บ้านอำเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส 13. การสาธิตการทำเครื่องขันหมากเพื่อใช้ในงานมงคลสมรสของชาวไทยมุสลิม 14. การแสดงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านในสมัยโบราณ ตลอดจนภูมิปัญญาท้องถิ่นของประชาชน ในเขตเทศบาลตำบลยี่งอ 15. การจัดทำขนมพื้นเมืองจากผู้ที่มีฝีมือในการทำขนม อาทิเช่น ขนมลอปะตีแก ขนมซราแบ ขนมปลีตอ ขนมกาโต ขนมบาเด๊าะ ขนมบาตาบูโร๊ะ ขนมนิบ๊ะ ขนมกอและห์ลือเมาะ ขนมสอดไส้ ขนมตรีมานี อาเก๊าะ ข้าวหมาก ฯลฯ


8 หลังจากที่เทศบาลตำบลยี่งอได้จัดทำพิธี เปิดโครงการย้อนรอยประวัติศาสตร์เมืองยี่งอ ดังที่ กล่าวมาข้างต้น ทำให้ชื่อเสียงของโครงการย้อนรอย ประวัติศาสตร์เมืองยี่งอเป็นที่รู้จัก อย่างแพร่หลาย จึงส่งผลทำให้บุคคลภายนอก ตลอดจนนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติได้เข้ามาเยี่ยมชม เพื่อที่จะศึกษา ดูงานอาคารย้อนรอยประวัติศาสตร์ เมืองยี่งออย่างต่อเนื่อง อาทิเช่น คณะอาจารย์และ นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยจากกรุงจาร์กาตาใน ประเทศอินโดนีเซีย คณะจากหนังสือพิมพ์ เดอะเนชั่น และคมชัดลึก ฯลฯ ภายใต้การ ดูแลของเทศบาลตำบลยี่งอ โดยนางวิลาวัลย์ ต่วนเพ็ง นายกเทศบาลตำบลยี่งอ โครงการย้อนรอยประวัติศาสตร์เมืองยี่งอ ตั้งอยู่หมู่ที่ 7 ตำบลยี่งอ อำเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส จัดตั้งขึ้น เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อให้ชนรุ่นหลังได้ใช้เป็นแหล่งศึกษาหา ความรู้ โดยมีการเก็บรวบรวม โบราณวัตถุทางประวัติศาสตร์ความเป็นมาของเมืองยี่งอ อีกทั้งเพื่อต้องการสร้าง จิตสำนึกให้กับเยาวชนสำนึกรักในท้องถิ่นของตนเอง และสถานที่แห่งนี้ได้ใช้จัดกิจกรรมที่สำคัญๆ ในช่วงเทศกาล ต่าง โดยเฉพาะการอนุรักษ์ขนมโบราณพื้นเมืองยี่งอ อาทิเช่น กอและห์บือระ กอและซาคู ปลีตอ บอฆอ และซารา แบ ปัจจุบันพร้อมเปิดให้บริการนักท่องเที่ยว ทุกวันจันทร์ถึงวันศุกร์ สามารถเข้าชมศึกษาเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง ที่อยู่และเบอร์ติดต่อ เลขที่ ม.7 ต.ยี่งอ อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส 96180 โทรศัพท์ : 073-591165 วันและเวลาทำการ ปิด เสาร์-อาทิตย์ เวลาเปิดทำการ: 08.00 - 17.00 น.


9 แหล่งเรียนรู้ โรงเรียนบ้านยี่งอ ม.1 ตำบลยี่งอ อำเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส ประวัติความเป็นมา โรงเรียนบ้านยี่งอ ก่อตั้งเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2446 ตั้งอยู่ในที่ดินราชพัสดุของอำเภอยี่งอ หมู่ที่ 1 ตำบลยี่งอ อำเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส เดิมมีชื่อว่า “โรงเรียนประชาบาลตำบลยี่งอ” ภายหลัง กระทรวงศึกษาธิการได้เปลี่ยนชื่อโรงเรียนประชาบาลทั่วประเทศ จึงมีชื่อว่า “โรงเรียนบ้านยี่งอ”โรงเรียนบ้านยี่ งอก่อตั้งโดย “ขุนบาลยี่งอราษฎร์” ดำรงอยู่ด้วยเงินการศึกษาพลีอาคารเรียนหลังแรกเดิมเป็นเรือนไม้ยกสูงขนาด 1 ห้องเรียน ออกมุขตรงกลางด้านหน้า หลังคาขัดไม้แตะ เมื่อปี พ.ศ.2481 ได้ซ่อมแซมและเปลี่ยนหลังคาเป็น กระเบื้องดินเผา ฝาไม้กระดาน และเมื่อปี พ.ศ.2493 ลาดพื้นชั้นล่างทำเป็นห้องเรียน โดยได้รับงบประมาณ เพิ่มเติมมาจนถึง พ.ศ.2508 และได้รับการอนุมัติ ให้เปิดสอนชั้นเด็กเล็ก จำนวน 1 ห้องเรียน โรงเรียนบ้านยี่งอ เดิมสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2523 ได้โอนไปสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ และปัจจุบันสังกัดสำนักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ที่อยู่และเบอร์ติดต่อ รงเรียนบ้านยี่งอ หมู่ที่ 1 ตำบลยี่งอ อำเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส 96180 โทรศัพท์ : 073-591115 วันและเวลาทำการ ปิด เสาร์-อาทิตย์ เวลาเปิดทำการ: 08.00 - 17.00 น.


10 แหล่งเรียนรู้ ผลิตภัณฑ์ผ้าบาติก ความเป็นมา บ้านกูยิ เป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ในหมู่ที่ 5 ตำบลตะปอเยาะ อำเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส มีประชากร 1,435 คน แยกเป็นชาย 730 คน หญิง 705 คน โดยประชากรทั้งหมดในหมู่บ้าน นับถือศาสนาอิสลาม 100 % วิถีชีวิตของคนในหมู่บ้านทำเกษตรกร เช่น กรีดยาง ทำนา เลี้ยงผักสวนครัว โดยน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียงของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งเป็นปรัชญาชี้ถึงแนวทางการดำรงอยู่และปฏิบัติ ตนของประชาชนทุกระดับ ตั้งแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐ เพื่อให้พัฒนาและการบริหารจัดการ ดำเนินไปในทางสายกลาง โดยยึดหลักความพอเพียง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึงความจำเป็นที่ จะต้องมีระบบภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี เพื่อป้องกันผลกระทบใด ๆ อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทั้งภายในภายนอก ทั้งนี้ต้องอาศัยความรอบรู้ ความรอบคอบ ความระมัดระวังในการดำเนินชีวิตอย่างมีสติปัญญา มีจิตสำนึกในคุณธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริต สามารถใช้ชีวิตอย่างพอเพียงและยั่งยืนได้อย่างมีความสุข ทุกคนใน ชุมชนบ้านกูยิร่วมด้วยช่วยกันในกิจกรรมต่าง ๆ ที่ทำร่วมกันในหมู่บ้าน จึงมีการรวมตัวจัดตั้งกลุ่มอาชีพบ้านกูยิ เกิดขึ้น โดยมีการบริหารจัดการกลุ่มด้วยระบบผู้นำกลุ่มที่บูรนาการระหว่างเจ้าหน้าที่ของรัฐ เช่น ผู้ใหญ่บ้าน เกษตร พัฒนาชุมชน อบต. และศกร.อำเภอยี่งอ เพื่อให้องค์ความรู้ด้านต่าง ๆ และสร้างปลุกจิตสำนึกรักษ์บ้านเกิด ชุมชนเข้มแข็ง มีความรักความสามัคคี มีจิตสาธารณะ สามารถดำเนินกิจกรรมได้อย่างมีความสุขทั้งผู้ให้และผู้รับ การดำเนินงานกิจกรรมศูนย์ฝึกอาชีพชุมชนบ้านกูยิ เพื่อให้ชุมชนใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์และช่วย ระดมความคิดเกี่ยวกับการดำเนินงานที่ผ่านมาในการพัฒนาหรือดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ในชุมชน เพื่อสรุปผลการ ดำเนินงาน จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส ข้อเสนอแนะต่าง ๆ โดยมีศูนย์ฝึกอาชีพชุมชนบ้านกูยิ เป็นศูนย์กลางและจัด กิจกรรมที่เป็นวิถีชีวิตของคนในชุมชนในรูปแบบของการจัดองค์รวมของชุมชน การจัดกิจกรรมศูนย์ฝึกอาชีพชุมชนบ้านกูยิ ทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการระดมความคิดเห็น ประชาชนทุกคนสามารถแสดงความคิดเห็น ทุกคนสามารถมีบทบาทในการเสนอแนวคิดเห็น ทุกคนเห็นจุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส ปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ ได้บทเรียนความรู้จากประสบการณ์การทำงาน มีการจัดการเรียนรู้ร่วมกัน มีการแบ่งปันความรู้และต่อยอดการดำเนินงานพัฒนางาน สามารถมองเห็นแนวทางการพัฒนาต่อไปในอนาคต ทำให้ชุมชนเข้มแข็ง มีคุณภาพชีวิตที่ดีและยั่งยืน โดยมีนางสาวกิติมา มะสูละ เป็นครูผู้สอน


11 จุดเด่น ศูนย์ฝึกอาชีพตำบลตะปอยาะ การเรียนรู้จากกิจกรรมการพัฒนาอาชีพให้มีความเข้มแข็ง แสดงให้เห็นถึงพลังความร่วมมือ ที่เริ่มจากจุด เล็กที่มีพลังมหาศาล นั่นคือ ประชาชนในชุมชน และมีผู้นำที่ดี เป็นหางเสือในการกํากับทิศทาง ที่มุ่งมั่นทุ่มเทใน การสร้างฐานแห่งการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับคนในชุมชน โดยการพึ่งพาตนเอง คือ คนในชุมชนร่วมวางแผน ร่วมดำเนินการ ร่วมตรวจสอบ และร่วมปรับปรุงแก้ไขพัฒนา โดยกระบวนการบริหารในหลัก PDCA ซึ่งประกอบด้วย Plan (การวางแผน) Do (การดำเนินการ) Check (การตรวจสอบ) และ Action (การปฏิบัติเพื่อ ปรับปรุงการตรวจสอบ) ที่อยู่และเบอร์ติดต่อ ศูนย์ฝึกอาชีพชุมชนบ้านกูยิ 70/4 หมู่ที่ 5 ตำบลตะปอเยาะ อำเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส โทรศัพท์ : 089-9756443 วันและเวลาทำการ เปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่เวลา ๐๙.๐๐ น.- ๑๖.๐๐ น.


12 แหล่งเรียนรู้ เกษตรกรรม (ศิริฟาร์มแพะ) ความเป็นมา แพะ ถือเป็นสัตว์ที่น่าเลี้ยงน่าสนใจน่าศึกษาอีกประเภทหนึ่งน่ะครับ เพราะว่าสามารถเลี้ยงเพื่อขายได้ ทั้งเนื้อ นม ขน หรือแม้กระทั่งเขา แถมราคายังดีอีกด้วย แพะเป็นสัตว์เลี้ยงที่เชื่องที่สุดในจำนวนสัตว์ชนิดที่ ใกล้เคียงกันและตอนนี้ก็เป็นที่นิยมเลี้ยงกันในกลุ่มเกษตรกรในแต่ละพื้นที่ มีทั้งเลี้ยงแบบเป็นรายได้เสริมและเลี้ยง แบบเป็นอาชีพหลักเปิดเป็นฟาร์มเลยก็มี และที่สำคัญในเรื่องการทำตลาดแพะสามารถทำได้หลากหลายช่องทาง เช่น แพะสวยงาม นำไปประกอบอาหารและผลิตลูกพันธุ์ดีให้กับผู้ที่สนใจเลี้ยงต่อไป เพราะแพะสามารถให้ลูกได้ไว โดย 2 ปี อาจผลิตลูกได้เฉลี่ย 3-4 ครอก จึงได้ผลตอบแทนและคืนทุนให้กับผู้เลี้ยงได้ไม่ยาก เรือตรีศิริ เกตุกิ่ง อยู่บ้านเลขที่ 132/3 บ้าน บลูกาสนอ หมู่ที่ 4 ตำบล ตะปอเยาะ อำเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส เป็นเกษตรกรที่ทำการเกษตรหลากหลาย มีฟาร์มเลี้ยงแพะและเป็ดเป็นของตนเองและปลูกพืช เพื่อการเลี้ยงสัตว์ เรือตรีศิริ เกตุกิ่ง เล่าให้ฟังว่า เหตุผลที่เลือกเลี้ยงแพะ เพราะมีข้อตีหลายอย่าง ทั้งการมีลูกเร็ว ลงทุนน้อย ขายได้เร็ว ใช้พื้นที่เลี้ยงเพียงเล็กน้อยจึงมีต้นทุนการเลี้ยงไม่มากเมื่อเทียบกับการเลี้ยงโค แพะช่วยกำจัดวัชพืชใน สวน และตลาดยังมีความต้องการตลอดเวลา บวกกับพื้นที่บ้านอยู่ห่างไกลจากชุมชน ไม่รบกวนเพื่อนบ้าน และที่ สำคัญการเลี้ยงแพะการจัดการระบบต่าง ๆ สามารถทำได้ง่าย เพราะแพะเป็นสัตว์เล็กอีกทั้งยังสามารถนำมูลแพะ มาใช้กับต้นปาล์มน้ำมันเพื่อช่วยลดต้นทุนปุ๋ยเคมีและมีซาวบ้านนำไปใชัผสมกับวัสดุอื่นเพื่อทำเป็นปุยอินทรีย์ใช้กับ พืชผลทางการเกษตร โดยขายให้ชาวบ้านกระสอบละ 40 บาทเนื่องจากมูลแพะมีธาตุอาหารสำคัญสำหรับพืช มี จุลินทรีย์ที่มีประโยซน์ค่อนข้างมาก ในช่วงแรก เริ่มต้นจากแพะตัวเมีย 7 ตัว พร้อมกับพ่อพันธุ์ 1 ตัว เพื่อเป็นการทดลองและเรียนรู้อุปนิสัย ของแพะไปพร้อมกัน ต่อมาเมื่อการเลี้ยงประสบผลสำเร็จไม่เกิดปัญหาจากการเลี้ยง จึงค่อยๆ ขยายพันธุ์ให้มี จำนวนมากขึ้น จนเวลานี้มีแพะจำนวน 70 ตัว โรงเรือนมีขนาด 4x8 เมตร ยกใต้ถุนสูงจากพื้นดินประมาณ 1.20 เมตร ส่วนโรงเรือนมีขนาด 4x8 เมตร และมีการต่อเติมโรงเรือนเมื่อมีปริมาณแพะเพิ่มมากขึ้น ภายในโรงเรือนจะแบ่งเป็นคอกๆ เป็นสัดส่วนและใช้เป็น คอกอนุบาลด้วย "แพะตัวเมียอายุ 7-8 เดือนสามารถผสมพันธุ์ได้ แต่ยังไม่สมบูรณ์เต็มที่ จึงเน้นเลี้ยงให้มีอายุอย่างต่ำ 1 ปี ถึงจะปล่อยให้ผสมพันธุ์ จากนั้นรอตั้งท้องประมาณ 5 เดือน พอได้ลูกออกมาแล้วปล่อยให้กินนมแม่ก่อนลูกแพะจะ เริ่มอดนมแล้วเริ่มกินหญ้าเมื่อมีอายุได้สัก 2 เดือน ซึ่งอาจจะยังไม่หยุดกินนมทันที เพียงแต่จะกินน้อยลงเพราะกิน


13 พืชแทนได้บ้าง แต่พอลูกอายุได้สัก 4 เดือน แม่แพะจะไม่ยอมให้กินนมแล้ว จะแสตอาการด้วยการเตะลูกทุกครั้งที่ ลูกเข้าไปดูตนม อีกทั้งแม่แพะกำลังเริ่มจะผสมพันธุในรอบต่อไปด้วย แนวทางการเลี้ยงแพะเนื้อของ เรือตรีศิริ เกตุกิ่ง คือจะซื้อแพะที่มีความเด่นของแต่ละสายพันธุ์มาผสมกัน เพื่อให้ได้แพะที่ตรงตามความต้องการของตลาด โดยเริ่มจากใช้แพะพันธุ์พื้นเมืองผสมกับแพะนมเพื่อต้องการให้ มีเนื้อมาก มีน้ำนมให้ลูกมากพอ ต่อมาใช้พันธุ์บอร์ผสมกับแพะนม หรือพันธุ์แองโกลนูเบียน จนถึงทุกวันนี้เพื่อให้ ได้ลูกผสมบอร์ที่มีลักษณะเด่น คือให้น้ำนมมาก ลูกแพะมีนมกินอย่างเพียงพอ ชนาดตัวโตและอัตราการ์แลกเนื้อ ที่ดี รูปแบบการเลี้ยงแพะเป็นการเลี้ยงแบบผสมผสานกับการปลูกพืช โดยการปล่อยแพะให้กินหญ้าหรือพืชพรรณ ต่าง ๆ โดยปกติจะปล่อยแพะให้ออกกินหญ้าเวลา 13.00 น. ของทุกวัน เวลาประมาณ 17.00 น. แพะจะมา กินหญ้าที่เตรียมไว้ในคอกหญ้าและแพะจะกลับเข้าโรงเรือนเวลาประมาณ 19.00 น. โดยคุณเรือตรีศิริ เกตุกิ่ง ได้ ให้เหตุผลของการเลี้ยงแพะแบบผสมผสานกับการปลูกพืช เพราะแพะเป็นสัตว์ที่กินง่าย สามารถกินอาหารได้ หลากหลาย มีเพียงพืชบางอย่างที่กินไม่ได้ซึ่งโดยธรรมชาติแพะก็ไม่กินอยู่แล้ว อีกทั้งยังเป็นการลดต้นทุนทั้ง ค่าอาหารและค่าตัดหญ้าในสวนยางพาราด้วย จากความต้องการของลูกค้ามักใช้แพะประกอบพิธีกรรมทางศาสนาอิสลาม ตามความเชื่อของชาวมุสลิม เมื่อมีบุตรเกิดขึ้นจะต้องเฉลิมฉลองด้วยการลัมแพะ หรือใช้สำหรับเทศกาลทางพิธีสำคัญทางศาสนา โดยราคาขาย แพะอยู่ระหว่าง 170 - 180 บาทต่อกิโลกรัม หรือตัวละประมาณ 2,000-2,500 บาท โดยแต่ละปีขายได้ ประมาณ 50-60 ตัว สร้างรายได้ประมาณ "เมื่อลูกแพะได้อายุ 4-5 เดือน หากต้องการขายก็สามารถขายได้ทันที โดยแพะที่ขายมักเป็นตัวผู้ เพราะมีน้ำหนักดี มีคุณภาพเนื้อดี ส่วนตัวเมียจะเก็บไว้เป็นแม่พันธุ์ต่อไป แต่จำกัดจำนวนแพะทั้งคอกไม่ให้เกิน 70 ตัว เพราะถ้าเกิน 70 ตัวจะแออัดจนเกินไป ส่วนพ่อพันธุ์จะเปลี่ยนทุก ๆ 2 ปี เนื่องจากไม่ต้องการให้เกิดการ ผสมของสายเลือดเดียวกันจนทำให้ลูกที่ออกมามีความอ่อนแอ ขี้โรค ไม่สมบูรณ์ จนราคาตก การคัดเลือกพ่อพันธุ์ จะเลือกตัวที่มีขนาดใหญ่ เป็นแพะพันธุ์ดี น้ำหนัก 50 กิโลกรัมขึ้นไป" ประสบการณ์เลี้ยงแพะกว่า 10 ปี โรคระบาดและอาการที่ก่อให้เกิดการเจ็บป่วยกับแพะจนได้รับความเสียหายคือ โรคปากเท้าเปื่อย แต่จะพบโรคดังกล่าวนาน ๆ ครั้ง เนื่องจากจะติดตามการแจ้งเตือนการระบาดของโรคจาก สำนักงานปศุสัตว์อำเภออย่างต่อเนื่อง ถ้าพบโรคระบาดจะแจ้งให้เจ้าหน้าที่จากสำนักงานปศุสัตว์อำเภอทราบและ นำวัคชนมาฉีดเพื่อป้องกันการระบาดและมีการฉีดยาถ่ายพยาธิให้กับแพะทุก 3 เดือนด้วย สำหรับท่านใดที่สนใจอยากเลี้ยงแพะเพื่อสร้างรายได้ เรือตรีศิริ เกตุกิ่ง แนะนำว่า การทำงานด้านปศุสัตว์ อย่างเช่น การเลี้ยงแพะ สิ่งที่ต้องให้มือยู่ในใจคือเรื่องของความตั้งใจที่จะทำ เพราะการทำเกษตรต้องใช้ความ อดทนแบ่บค่อยเป็นค่อยไป เพราะในช่วงแรกที่เริ่มทำจะเกิดความเหนื่อย ยิ่งการเลี้ยงสัตว์ด้วยแล้วในเรื่องของการ


14 เจ็บป่วยเจ็บตายมีให้เห็นอยู่เสมอ แต่เมื่อเรียนรู้ปัญหาที่เกิดขึ้นและรับมือได้ทันท่วงทีช่วยให้การเลี้ยงประสบ ผลสำเร็จได้อย่างแน่นอน ที่อยู่และเบอร์ติดต่อ แหล่งเรียนรู้เลขที่ 132/3 บ้านบลูกาสนอ หมู่ที่ 4 ตำบลตะปอเยาะ อำเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส โทรศัพท์ : 084-9972977 วันและเวลาทำการ เปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่เวลา ๐๙.๐๐ น.- ๑๖.๐๐ น.


15 แหล่งเรียนรู้ ศูนย์เรียนรู้ป่าชุมชนบ้านต้นตาล ประวัติความเป็นมา ศูนย์เรียนรู้ป่าชุมชนบ่นต้นตาล ก่อตั้งอย่างเป็นทางการขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยได้ดำเนินการขึ้นทะเบียน ป่าชุมชนกับกรมป่าไม้ เริ่มต้นจากพื้นที่ ๑๗๓ ไร่ ๒ งาน ที่มาของแนวคิดการจัดการป่าชุมชนนั้น มาจากการสรุป บทเรียนงานส่งเสริมอาชีพในชุมชนที่เริ่มมาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ซึ่งทำให้ตระหนักว่าวัตถุดิบที่เป็นต้นทุนการสร้าง อาชีพล้วนเป็นทรัพยากรที่เก็บเกี่ยวผลผลิตจากป่าโดยรอบชุมชนทั้งสิ้น ประกอบกับปัญหาสำคัญในขณะนั้นคือ สภาพป่าเริ่มเสื่อม. เป็นแหล่งเรียนรู้เส้นทางศึกษาธรรมชาติ เรียนรู้เรื่องการทำฝายมีชีวิต เรียนรู้เรื่องธนาคารน้ำ ใต้ดิน และร่วมกันปลูกป่า ร่วมสร้างจิตสำนึก ส่งเสริมงานด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสู่ ความยั่งยืน ชุมชนนี้มีจุดแข็ง’คนกับป่าอยู่ร่วมกัน’ ใกล้ชิด จุดเด่น ปัจจุบันมีศูนย์เรียนรู้ป่าชุมชนบ้านต้นตาลที่เป็นรูปธรรม ภายในศูนย์มีการจัดฐานเรียนรู้ 9 ฐาน ประกอบด้วย 1. ฐานเรียนรู้การดับไฟป่า 2. ฐานเรื่องพืชสมุนไพร 3. ฐานการเพาะกล้าไม้ป่า 4. ฐานเรียนรู้ฝาย ธนาคารน้ำใต้ดิน 5. ฐานการเลี้ยงเห็ดตามวิถีป่าชุมชน 6. ฐานการเลี้ยงผึ้งหลวง 7. ฐานเลี้ยงสัตว์ปีก 8. ฐานสืบสานอาหารพื้นถิ่น 9. ฐานถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการจักสานย่านลิเภา ซึ่งศูนย์ดังกล่าวมีหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนสนับสนุนชุมชนเพื่อให้เกิดพลัง และตั้งอยู่บนฐาน หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง


16 ที่อยู่และเบอร์ติดต่อ บ้านต้นตาล หมู่ที่ 2 ตำบลจอเบาะ อำเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส 96180 โทรศัพท์ : 081-0944341 วันและเวลาทำการ เปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่เวลา ๐๙.๐๐ น.- ๑๖.๐๐ น.


17 แหล่งเรียนรู้ “ลูกหยีบูโด” จากผลไม้อัตลักษณ์ผสานภูมิปัญญาท้องถิ่น สู่อาชีพที่ยั่งยืน ความเป็นมา นางอรุณี ยะโย ประธานกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านนากอ กล่าวถึงแนวคิดการจัดตั้งกลุ่มว่า ชาวบ้านส่วน ใหญ่มีอาชีพทำสวนยางพารา และรับจ้างทั่วไป แต่ในช่วงปี 2555 ประสบปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำ มีรายได้ไม่ เพียงพอเลี้ยงดูครอบครัว จึงคิดหารายได้เสริมด้วยการรวมกลุ่มกันแปรรูปผลไม้ในท้องถิ่น เช่น ลองกอง ทุเรียน มังคุด รวมทั้งลูกหยี ซึ่งเป็นไม้ผลที่มีปลูกในชุมชนมาช้านาน จากนั้นก็ได้รับการสนับสนุนถ่ายทอดองค์ความรู้ใน การแปรรูปผลผลิตจากกรมส่งเสริมการเกษตร ทำให้ทางกลุ่มได้มุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ลูกหยี จนกลายเป็น ผลิตภัณฑ์เด่นช่วยสร้างรายได้ให้กับสมาชิก และเครือข่ายในพื้นที่เป็นกอบเป็นกำ จนเกิดเป็นกลุ่มแม่บ้านชายแดน ใต้ที่มีความมั่นคงยั่งยืน และได้รับรางวัลต่าง ๆ มากมาย เช่น อย.ควอลิตี้ อวอร์ด กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรดีเด่นระดับ จังหวัดและระดับเขต รางวัลรองชนะเลิศกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรดีเด่นระดับประเทศ โดยผลิตภัณฑ์ของกลุ่มผ่านการ รับรองมาตรฐานฮาลาล (03401/2561) และมาตรฐานสินค้าโอท็อป ปัจจุบันมีสมาชิก จำนวน 20 คน มีเงินทุน เวียนประมาณ 600,000 บาท นอกจากนี้ กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านนากอ ยังมีแนวคิดในการอนุรักษ์ต้นหยี ด้วยการนำเมล็ดลูกหยีที่ เหลือทิ้งจากกระบวนการแปรรูปมาเพาะปลูกในพื้นที่ของ หมู่บ้าน เพื่อให้ต้นหยียังคงอยู่ในหมู่บ้านและสร้างรายได้ ต่อไปจนถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน และเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มีส่วน ร่วมในการปลูกต้นหยีและเป็นการประชาสัมพันธ์ต้นหยีให้ เป็นที่รู้จักมากขึ้นตามคำขวัญของชุมชนที่ว่า “รักบ้านเกิด เที่ยวบ้านเกิด เที่ยวชุมชนธรรมชาติฝายโต๊ะแก ต้นหยี 100 ปี ไม้ถิ่นแห่งเทือกเขาบูโด” และ “กินผลไม้ 100 ปี กินลูก หยีบูโด” รวมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตรฝายโต๊ะแก ซึ่งเป็นโครงการอันเนื่องพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระ บรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถ บพิตร


18 ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์ของกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านนากอ มีหลายชนิด ทั้งลูกหยีกวนไร้เมล็ด ลูกหยีกวน น้ำผึ้งไร้เมล็ด ลูกหยีคลุกน้ำตาล น้ำลูกหยี ลูกหยีแกะเปลือก ลูกหยีไม่แกะเปลือก กล้วยอบน้ำผึ้งพลังงาน แสงอาทิตย์ ส้มแขกตากแห้ง น้ำผึ้งแท้เขาบูโด กล้วยฉาบ กล้วยกวน ทุเรียนกวน และ มังคุดกวน รวมทั้งทางกลุ่ม ยังรับจัดกระเช้าของขวัญจากผลิตภัณฑ์ลูกหยี เพื่อเป็นของขวัญของฝาก ลักษณะเด่นของภูมิปัญญาท้องถิ่น. ที่ว่า “รักบ้านเกิดเที่ยวบ้านเกิด เที่ยวชุมชนธรรมชาติฝายโต๊ะแก ต้น หยี 100 ปี ไม้ถิ่นแห่งเทือกเขาบูโด” และ “กินผลไม้ 100 ปี กินลูกหยีบูโด” ที่อยู่และเบอร์ติดต่อ เลขที่ 1/1 บ้านนากอ หมู่ที่ 6 ตำบลจอเบาะ อำเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส รหัสไปรษณีย์ 96180 โทรศัพท์ : 080-8671063 วันและเวลาทำการ วันและเวลาทำการ: เปิดทุกวัน เวลาเปิดทำการ: 08.00 - 17.00 น.


19 แหล่งเรียนรู้ โคก หนอง นา โมเดลตำบลลุโบะบือซา ชุมชนบ้านลุโบะบือซา เป็นชื่อเรียกตามชื่อบึงใหญ่ คำว่า ลุโบะ หมายถึง บึง และคำว่า บือซา หมายถึง ใหญ่ กำนันคนแรกของลุโบะบือซา เป็นคนตั้งชื่อ และความเป็นมาของการริเริ่มการทำโคกหนองนาโมเดลนั้น เนื่องจากได้ศึกษาเรียนรู้ในยูทูบแล้วเกิดความสนใจ จึงได้ไปสอบถามข้อมูล ณ สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอยี่งอ แล้วได้รู้ความหมายของคำว่า โคก หนอง นา โมเดล เลยสมัครกับสำนักงานพัฒนาชุมชนและได้เข้ารับการอบรม ส่วนความหมายของ คำว่า “โคก หนอง นา โมเดล” คือการจัดการพื้นที่ ซึ่งเหมาะกับพื้นที่การเกษตร เป็นการผสมผสานเกษตรทษฎีใหม่เข้ากับภูมิปัญญาพื้นบ้านที่อยู่อย่างสอดคล้องกับธรรมชาติในพื้นที่นั้น ๆ โคก หนอง นา โมเดล เป็นการที่ให้ธรรมชาติจัดการตัวมันเองโดยมี มนุษย์เป็นส่วนส่งเสริมให้มันสำเร็จเร็วขึ้นอย่าง เป็นระบบ ซึ่งองค์ประกอบของโคก หนอง นา โมเดล มีดังนี้ 1. โคก พื้นที่สูง ดินที่ขุดทำหนองน้ำนั้นให้นำมาทำโคก บนโคกปลูก “ป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง” ตามแนวทางพระราชดำริ ปลูกบ้าน ปลูกพืชผัก สวนครัว เลี้ยงไก่ เลี้ยงปลา ทำให้พออยู่ พอกิน พอใช้ พอร่มเย็น เป็นเศรษฐกิจพอเพียงขั้นพื้นฐาน 2. หนอง หนองน้ำหรือแหล่งน้ำขุดหนองเพื่อกักเก็บน้ำไว้ในยามหน้าแล้งหรือจำเป็นและเป็นที่รับน้ำยาม น้ำท่วมด้วย 3. นา พื้นที่นานั้นให้ปลูกข้าวแต่ถ้าพื้นที่น้อยเราก็เปลี่ยนเป็นปลูกพืชสวนครัวได้ พิกัด 12/4 ม.1 ต.ลโบะบือซา อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส 96180 ที่อยู่และเบอร์ติดต่อ เลขที่ 12/4 ม.1 ต.ลโบะบือซา อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส 96180 จัดตั้ง นางสาว เจะปูรอ นิเลาะ เบอร์โทร 085-2100232 วันและเวลาทำการ ทุกวัน เวลา 09.00 – 16.00 น. แหล่งเรียนรู้ ศึกษาดูงาน ภูมิปัญญาท้องถิ่นและศาสนา วิถีชีวิต ให้กับบุคคลทั่วไป


20 แหล่งเรียนรู้ คลองบาตู บ้านกาแร คลองบาตู คลองที่เป็นแหล่งน้ำที่อยู่คู่กับชุมชนบ้านกาแฟ ตั้งแต่อดีต ปัจจุบันเป็นที่เช็คอินพร้อมเป็น แหล่งเรียนรู้ของตำบลลุโบะบือซา บ้านกาแร ที่อยู่ เลขที่ ม.2 ต.ลโบะบือซา อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส 96180


21 แหล่งเรียนรู้ ศูนย์เรียนรู้เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร บ้านกูแบบาเดาะ ความเป็นมา การประกอบอาชีพด้านการเกษตร นายอาเรส หะมะ จากพื้นที่เดิมเป็นนาร้างที่ไม่ได้ปลูกข้าวหลายปี เนื่องจากปัญหาด้านปัจจัยการผลิต เช่น น้ำไม่เพียงพอ ดินเปรี้ยว สภาพแวดล้อมไม่อำนวยเมล็ดพันธ์ที่ไม่คุณภาพ ปุ้ยราคาแพง แต่ปัจจุบันพื้นที่แห่งนี้ได้เปลี่ยนไป เป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ด้วยพืชผักปลอดสารพิษต่าง ๆ ผลไม้ ปลา การปศุสัตว์ ที่สามารถบริโภคได้อย่างปลอดภัย มีรายได้มั่นคงและยั่งยืน โดยนายอาเรส หะมะ ได้ศึกษาเรียนรู้วิธีการต่าง ๆ การบริหารจัดการพื้นที่และประยุกติใช้เศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ในการ พัฒนาพื้นที่ การลงมือปฏิบัติจริงโดยใช้องค์ความรู้ต่าง ๆ ทั้งองค์ความรู้จากภูมิปัญญาและองค์ความรู้สมัยใหม่ที่ ได้ศึกษาเรียนรู้ ทำให้มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ เป็นรูปธรรม สร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า ๒๕0,000 บาท ต่อ ปี จนเป็นที่ ยอมรับจากหน่วยงานราชการองค์กร สถาบันการศึกษา นักเรียน นักศึกษาและประชาชนทั่วไปเกี่ยวกับ การเกษตร ที่สามารถเป็นภูมิปัญญา และแหล่งเรียนรู้ที่มีคุณภาพ ที่สามารถถ่ายทอดองค์ความรู้ให้ผู้ที่สนใจด้าน การเกษตรจากความสำเร็จของ นายอาเรส ทะมะ ในการประกอบอาชีพด้านการเกษตรทำให้พื้นที่แห่งนี้ กลายเป็น ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ที่มีนักเรียน นักศึกษา องค์กรภาคประชาชน หน่วยงานราชการ และ ประชาชนทั่วไปมาศึกษาเรียนรู้การประกอบอาชีพค้านการเกษตร เศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่จากการดำเนินงานการประกอบอาชีพ ด้านการเกษตร ซึ่งได้จัดทำเป็นแปลงสาธิต /แปลงตัวอย่างศูนย์เรียนรู้ต่าง ๆ ประกอบด้วย ศูนย์เรียนรู้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตศูนย์ถ่ายทอด เทคโนโลยีทางการเกษตร กลุ่มวิสาหกิจชุมชนเศรษฐกิจพอเพียงตำบลสุโบะบา ยะ กลุ่มประมง กลุ่มปลูกผัก กลุ่มเลี้ยงวัว กลุ่มแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร ซึ่งการดำเนินงานประสบผลสำเร็จเป็นรูปธรรมเป็นประจักษ์ต่อชุมชน เป็นที่ ยอมรับของหน่วยงาน หรือองค์กรต่าง ๆ ที่นำประชาชนกลุ่มเป้าหมายมาศึกษา เรียนรู้ให้เกิดประโยชนในการประยุกติใช้องค์ความรู้เพื่อให้สามารถพัฒนา ตนเอง พัฒนาอาชีพ พัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนต่อไป เช่น


22 - ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอยี่งอ นำนักศึกษามาศึกเกี่ยวกับการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียงในการดำเนินชีวิต - สำนักงานเกษตรอำเภอยี่งอ นำตัวแทนเกษตรกรจากทุกตำบลมาศึกษาดูงานเกี่ยวกับการประยุกติใช้ เศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ - สำนักงานประมงนำประชาชนมาดูงานเกี่ยวกับการเลี้ยงปลาดุกในบ่อดิน บ่อซีเมน - สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอยี่งอ หาตัวแทนชุมชนมาดูงานเกี่ยวกับวิสาหกิจชุมชน ที่อยู่และเบอร์ติดต่อ เลขที่ 115/ หมู่ 4 ตำบลลุโบะบายะ อำเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส 96180 โทรศัพท์ : 082-1017465 วันและเวลาทำการ ทุกวัน เวลา 09.00 – 16.00 น. แหล่งเรียนรู้ ศึกษาดูงาน แหล่งเรียนรู้เกษตรกร ภูมิปัญญาท้องถิ่นและศาสนา วิถีชีวิต ให้กับบุคคลทั่วไป


23


Click to View FlipBook Version