final project
ชุมชนพหุวัฒ
นธรรม
สมาชิกในกลุ่มที่ 46
รหัสนักศีกษา ชื่อ นาม-สกุล ชุมชน
406445042 นางสาวฟิรดาวส์ หลีเส็น (ควนโดน)
406445052 นายฟารีส สาเร๊าะ (กือดาจีนอ)
406445064 นายอับดุลรอมัน บาโง (ยะหา)
406445065 นางสาวบุสรอ ลาเต๊ะ (ตะลูโบะ)
406445069 นางสาวซูรีฮา อาเเวมะเเด (ปานาเระ)
406445051 นางสาวอาตีก๊ะ ดอเลาะ (ยะหา)
406445095 นางสาวอัฟนาน บากา (โกตาบารู)
406445057 นาย มูฮามัดฮาฟัส บาฮี
406445085 นางสาวนูรฮูดา เล๊าะมิ๊ (ยะหา)
(ยะหา)
ชุมชนตำบลยะหา
อำเภอยะหา จังหวัดยะลา
ประวัติความเป็นมา
ยะหา เป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดยะลา
อยู่ทางภาคใต้ของประเทศไทยหนึ่งคําว่า ยะหา (มาเลย์: Johar, Juar) อันป็น
ชื่อของอำเภอ เป็นคําในภาษามลายู มีความหมายว่า "ต้นขี้เหล็ก พื้นที่ของ
อำเภอยะหาแยกมาจากอำเภอเมืองยะลาในปี พ.ศ2481 สมัยหลวงรัชกาล
ประดิษฐ์ (แปะ) เป็นเจ้าเมืองยะลาและหมิ่นเสนานุรักษ์ ประดิษฐ์ ศุภอักษร
ปลัดเมืองยะลาในขณะนั้นได้ สํารวจพื้นที่และคัดเลือกตำบลยะหาเป็นที่ตั้งที่
ว่าการอำเภอยะหา เบื้องต้นแบ่งออกเป็น 11 ตําบล ได้แก่ ตําบลยะหา ตําบล
ตานี ตําบลบาโงยซิแน ตำบลสะเอะ ตำบลบาโระตำบลปะแต ตําบล เยาะ
ตําบลบาโงย ตำบลชะเมาะ และตำบลยะลา พ.ศ. 2443 หลวงภักดีรณฤทธิ์
นาย อ่าเภอยะหาในขณะนั้น ได้ปรับปรุงเขตการปกครองใหม่ โดยยุบบาง
ตําบลรวมกันอีกตําบลเข้า ด้วยกัน ยุบตําบลบาโงยรวมกับตําบลบาโระ ยุบ
ตําบล เยาะรวมกับตําบลบาโงซิเเน และ ตําบลชะเมาะรวมกับตำบลละแอ
ประเพณี
ประเพณี เทศกาล การกวนขนมอาชูรอ ขนมอาชูรอหรือขนมบูโบชูรอ
เป็นขนมที่ชาวบ้านมุสลิมทําขึ้น ในวันที่ ๑๐ เดือนมุฮัรรอม การกวนข้าวอา
ชูรอ (ขนมอาซูรอเป็นประเพณีท้องถิ่นของชาวไทยมุสลิมในจังหวัด
ชายแดน ภาคใต้ คําว่า “อาชูรอ" เป็นภาษาอาหรับ แปล่าว่า การผสม การ
รวมกัน คือการนําส่งของ รับประทานได้หลายชนิดมากรวบรวมกัน มีทั้ง
ชนิดคาวและหวาน การกวนข้าวอาชูรอจะใช้ คนในหมู่บ้านมาช่วยกัน
คนละไม้คนละมือ เพื่อความสามัคคี และสร้างความพร้อมเพรียงเป็นน้ำ
หนึ่งใจเดียวกัน อันมีผลต่อ การอยู่ร่วมกันของสังคมอย่างมีความสุข ก่อน
จะแจกจ่ายให้ รับประทานกัน เจ้าภาพจะเชิญบุคคลที่นับถือของชุมชน อี
หม่ามกล่าวขอพร ดุอา)ก่อน จึงจะแจกให้คนทั่วไปรับประทานกัน
สถาปัตยกรรม
•มัสยิดกลางอาเภอยะหา มัสยิดกลางอ่าเภอยะหา เป็นสถานที่สําคัญ
ของ ศาสนาอิสลามเป็นสถานที่ประกอบ
พิธีกรรมทาง ศาสนา รวมทั้งเป็นจุดส่วนรวม
•ศาลาดูดวงจันทร์ ของศาสนิก และ จะมีวันสําคัญคือ วันฮารีรา
ยา"โดยมัสยิดจะอยู่กลางใจเมืองยะหาเป็น
สถาปัตยกรรมแห่งสวยงามในอำเภอยะหา
•สุสานจีน
•ศาล
า ดวงจันทร์ เป็นสถานที่ท่องเที่ยว และจุดชมวิว
ของตําบลยะหา และเป็นสถาน ที่สําหรับดูดวงจันทร์
เพื่อกําหนดวันเริ่มและ สิ้นสุดของการถือศีลอด ซึ่ง
เป็นข้อบัญญัติ ในศาสนาอิสลามเป็นประจําทุกปี ตั้ง
อยู่ บริเวณภูเขาหลังโรงพยาบาลสมเด็จพระ ยุพราช
อำาเภอยะหา
เป็นสถานที่ราลีกถึงบรรพบุรุษ ของคนเชื้อสาย
จีนและจะมีวันสําคัญคือ วันที่ครอบครัวคนจีนจะ
ไปทําความ สะอาดให้กับสุสานของบรรพบุรุษ
หรือ เรียกกันว่า "วัน เชงเม้ง" นั่นเอง
•วัดยะหาประชาราม วัดประชาราม วัดประชาราม ตําบลยะหา อำาเภอ
ยะหา จังหวัดยะลา เป็นสถานที่สําคัญในชุมชน
ยะหา คนไทยพุทธเข้ามาท่าบุญรวมทั้งคํา พิธีกร
รมที่สําคัญทางศาสนาและเป็นจุดส่วนรวม คนไทย
พุทธในพื้นที่ จะมีประเพณีสำคัญที่อยู่คู่ กับวัด
ยะหาประชาราม โดยจะถือเอาส้นเข้า พรรษาของ
ทุกปี ตรงกัน แรม 1 คำ เดือน 8 เป็น วันตักบาตร
ดอกไม้
การแต่งกาย
•การแต่งกายตามเทศ
การของศาสนาอิสลาม
ชุดกุรงเป็นชุดสําหรับ
มุสลิมเป็นเสื้อผ้าพื้นถิ่น
ของชาวมุสลิมสามารถใส่
ได้ทุกโอกาส
•การแต่งกายตามเทศการ
ของศาสนาพุทธ เสื้อลูกไม้
สวมผ้าถุงหรือผ้ายีนสําเร็จ
เหมาะแก่การไปร่วมงานคํา
บุญงานทอดกฐินงานทําบุญ
เลี้ยงพระทำให้โลกทรรศน์
อัตลักษณ์อันดีงานในระบบ
คุณค่าไทย
•การแต่งกายตามเทศการ
ของเชื้อสายจีน เป็นชุดกี่เพ้า
เป็นเครื่องแต่งกายของชาว
จีน ลักษณะเสื้อกระโปรงชุด
เข้ารูปด้วยทรง แคบ ป้ายอก
คอตั้งผ่าข้างขึ้นมาเหนือเข่า
วิถีชีวิตและภาษา
ภาษา
ศศาาสสนนาา
พอิุสทลธา:ม:ใใชช้้ภภาาษษาาไมทลยากยูลแาลงะภศาาษสานไาทพยุทกลธเาชืง้อ
สายจีน: ใช้ภาษาจีนและไทยกลาง
หมายเหตุ: ทั้ง ๓ ศาสนาจะใช้ภาษาไทยกลางใน
การสื่อสารร่วมกัน
.วิถีชีวิต
ส่วนใหญ่ประชาชนในอำเภอยะหาจะทําเกษตรกรรม
เปนส่วนมาก เช่น ปลูกต้นยางพารา ทําสวน และยังมี
อาชีพรับจ้าง เช่นกรีดยางและค้าขาย
อาหาร
•อาหาร แกงมัสมั่น เป็นอาหารประเภทแกงที่ได้รับอิทธิพลมา
จากอาหารมลายู ชาวไทยมุสลิมเรียกแกงชนิด ว่า ชาละหมั่น
แกงมัสมั่น เป็นแกงที่มีน้ำ มากเพื่อรับประทานกับข้าวหรือใช้
จิ้มกับขนมปัง แกงมัสมั่นจึงมีความ นิยมทานกันบ่อยมากที่สุด
แนวทางปฏิบัติในการอยู่ร่วมกัน
ในสังคมพหุวัฒนธรรม
ความเป็นอยู่ แนวทางการแก้ปัญหาร่วมกัน
คุยด้วยเหตุผล รับฟังความคิดเห็น ร่วม
มือกัน
การอยู่อาศัยร่วมกัน ดู แลกันเหมือน
ญาติพี่น้อง สุดท้ายคำ ว่า“ชุมชน”มี
ความสนใจร่วมกัน
ข้อปฏิบัติหรือข้อตกลงร่วมกัน
การอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุขนั้น สมาชิกในสังคมจะต้่องมีความสัมพันธ์
เกี่ยวข้องกันในด้านต่างๆ เช่นการพึ่งพาอาศัยให้ความช่วยเหลือกัน มีความ
สามัคคีและร่วมมือกันพัฒนาสังคมให้่เจริญก้าวหน้า สังคมก็จะน่าอยู่สมาชิกใน
สังคมก็มีความสงบสุข ข้อปฏิบัติในการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข - มีความรับผิด
ชอบ - มีระเบียบวินัย - มีความซื่อสัตย์ - มีความสามัคคี - มีความเสียสละ
มารยาทในสังคม - รู้จักการวางตน - รู้จักการประมาณตน - รู้จักการพูดจา - รู้จัก
การควบคุมอารมณ์ - ความมีน้ำใจไมตรี ลักษณะของการอยู่ร่วมกันอย่างมีความ
สุขในสังคม - สมาชิกในสังคมร่วมมือกันทำกิจกรรมต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อ
สังคมที่อาศัยอยู่ - สมาชิกในสังคมประกอบอาชีพที่สุจริต - สมาชิกในสังคมมี
น้ำใจ รักใคร่สนิทสนมกัน - สมาชิกในสังคมมีคุณธรรม จริยธรรม
.ข้อเสนอแนะการอยู่ร่วมกัน
ในสังคมพหุวัฒนธรรม
อยากให้จัดทำ โครงการวิจัยและพัฒนาด้านการเกษตรควบคู่กับการอนุรักษ์สิ่ง
แวด ล้อม โดยในพื้นที่หนึ่งตำ บล ไม่ว่าจะทำ กี่โครงการก็ตาม ให้ชาวบ้านเป็นหลัก
ในการทำ โครงการสามารถสร้างงานสร้างอาชีพได้อย่างยั่งยืน
ตำบลตะลุโบะ
ตำบล ตะลูโบะ อำเภอ เมือง จังหวัด ปัตตานี
ประวัติความเป็นมา
ตำบลตะลุโบะ อำเภอเมืองปัตตานี จังหวัด
ปัตตานี แต่เดิมชุมชนแห่งนี้มีชื่อว่า "บึงลูโบ๊ะ"
แปลว่าบึงลึก ทั้งนี้เนื่องจากบริเวณนี้เป็นที่ต่ำ
มีบึงใหญ่ และมีเรื่องเล่าว่าในบึงใหญ่นี้มี
จระเข้เผือก อาศัยอยู่ในบึงนี้ เรียกว่าบุงลูโบ๊ะ
เรียกกันมาเรื่อยๆ ในที่สุดเปลี่ยนเป็นตะลุโบะ
จนถึงทุกวันนี้
เป็นที่ราบลุ่ม มีแม่น้ำปัตตานีไหลผ่านทางทิศ
ตะวันตก
ทิศเหนือ ติดกับ อบต.บานา อ.เมืองปัตตานี จ.ปัตตานี
ทิศใต้ ติดกับ อบต.บาราเฮาะ อ.เมืองปัตตานี จ.ปัตตานี
ทิศตะวันออก ติดกับ อบต.คลองมานิง อ.เมืองปัตตานี จ.ปัตตานี
ทิศตะวันตก ติดกับ เขตเทศบาลเมืองปัตตานี จ.ปัตตานี
ภาษา
ศาสนาอิสลาม:ใช้ภาษามลายูและภาษาไทยกลาง
ศาสนาพุทธ: ใช้ภาษาไทยกลาง ศาสนาพุทธเชื้อสายจีน: ใช้ภาษา
จีนและไทยกลาง
หมายเหตุ: ทั้ง ๓ ศาสนาจะใช้ภาษาไทยกลางในการสื่อสารร่วม
กัน
วิถีชีวิต
คนส่วนใหญ่มีอาชีพทำสวน ทำนา ขายของ
เเบ่งปันของกินของใช้ อยู่ร่วมกันเเบบสันติ
แนวทางปฏิบัติในการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรม
ความเป็นอยู่ ร่วมได้ถึงจะต่างศาสนา มีการช่วย
เหลือซึ่งกันเเละกัน
ข้อปฏิบัติหรือข้อตกลงอยู่ด้วยกันต้อง สามัคคี
กันไม่ทะเลาะเบาะเเว้งไม่เหยียดศาสนา
แนวทางการแก้ปัญหาร่วมกัน คุยด้วยเหตุผล
ข้อเสนอเเนะการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุ
วัฒนธรรมอยากให้มีการจัดกิจกรรมให้เยอะๆ
ให้พัฒนาชุมชนให้ดีเรื่อยๆ
อำเภอควนโดน
หมู่ที่ 1 ตำบลควนโดน อำเภอควนโดน จังหวัดสตูล
91160
สำเนียงโดดเด่น ร่มเย็นชลประทาน จำปาดะหอมหวาน
อุทยานทะเลบัน ตลาดสัมพันธ์ชายแดน
ประวัติความเป็นมา
ควนโดน ประกอบไปด้วยคำสองคำคือ ควน กับ โดน คำว่า ควน ในภาษาใต้
หมายถึง เนิน หรือ เนินเขา เล็กๆ ส่วนคำว่า โดน มีที่มาจากดอกกระโดน หรือ
ต้นกระโดน จากการที่ในบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่มีต้นกระโดนขึ้นอยู่ชุกชุม
ผู้คนจะเรียกกันติดปากว่า “ควนโดน” ต่อมาจึงได้ตั้งชื่อหมู่บ้านว่า “บ้าน
ควนโดน” และเป็นตำบลควนโดนมาจนถึงปัจจุบัน ดังนั้น ควนโดน จึงมีความ
หมายว่า เนินเขาที่มีต้นกระโดน
ประเพณี/เทศกาล
เทศกาลงานวันจำปาดะ
เป็นการแสดงสินค้าผลิตผลด้านการเกษตรโดยเฉพผลไม้ที่สำคัญของ
จังหวัด จัดเดือน กรกฎาคม ของทุกปี
วันฮารีรายอ
เป็นวันสำคัญของชาวมุสลิมทั่วโลกวันหนึ่ง ถือได้ว่าเป็นวันรื่นเริงประจำปีซึ่งชาว
มุสลิมได้เดินทางกลับภูมิลำเนาของตนเอง เพื่อเข้าร่วมประกอบพิธีกรรมทาง
ศาสนาโดยพร้อมเพรียงกัน ได้พบปะสังสรรค์กับเพื่อน ญาติพี่น้องเพื่อขออภัยซึ่ง
กันและกัน ช่วงเวลาในรอบ 1 ปีของชาวมุสลิม มีวันฮารีรายอ 2 ครั้ง
เทศกาลลอยกระทง
ประเพณีบูชารอยพระพุทธบาท แสดงความ สำนึกบุญคุณของแหล่งน้ำอัน
มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตและเป็นการ การบูชาพระแม่คงคาเทวีตาม
ความเชื่อแต่โบราณด้วยกระทงดอกไม้ธูปเทียน ประกอบกับสิ่งประดิษฐ์จาก
ธรรมชาติที่ลอยน้ำได้
เทศกาลวันสงกรานต์
ประเพณีของประเทศไทย ลาว กัมพูชา พม่า ชนกลุ่มน้อยชาวไตแถบ
เวียดนาม และมนฑลยูนานของจีน รวมถึงศรีลังกา และประเทศทางตะวัน
ออกของประเทศอินเดีย สันนิษฐานกันว่า ประเพณีสงกรานต์นั้นได้รับ
วัฒนธรรมมาจากเทศกาลโฮลีในอินเดีย แต่เทศกาลโฮลีจะใช้การสาดสีแทน
โดยจะจัดให้มีขึ้นในทุกวันแรม 1 ค่ำ เดือน 4 ซึ่งก็คือเดือนมีนาคม
การแต่งกาย
มุสลิม ทั่วไปนิยมนุ่งโสร่ง (Sarong) หรือที่เรียกว่า
"ปาแลกัต " (Palekat) เป็นตาสี่เหลี่ยมใหญ่สีไม่ทึบ
เสื้อที่สวมอาจใช้เสื้อเชิ้ตแขนยาว หรือเสื้อแขน
กระบอก
พุทธ จะนิยมแต่งกายใช้ผ้าไทยผ้าถิ่มจังหวัดสตูล
ผ้าที่มีลวดลายที่มีความหลากหลาย ผ้าพื้นถิ่นที่ใช้เดิน
แบบเครื่องแต่งกาย ประกอบด้วบ ผ้าปาติก ผ้าแพร
มาประสมประสานกันเป็นหนึ่งอันเดียวกัน จนกลาย
มาเป็นชุดที่มีความสวยงาม
อาหาร
ข้าวยำบูดู
เป็นอาหารไทยภาคใต้ โดยถือกันว่าเป็นอาหารที่ครบ
โภชนาการมากที่สุด และมีคุณลักษณะพิเศษแตกต่างโดย
เป็นอาหารจานเดียวที่มีน้ำปรุงราด
ข้าวหลาม
เป็น ขนม ชนิดหนึ่งนิยมทำรับประทานกันใน ฤดูหนาว หรือเมื่อได้ข้าวใหม่
ใช้ไผ่ข้าวหลาม หรือไม้ป้างเป็นกระบอกใส่ข้าวหลาม ข้าวหลามแบบชาวบ้าน
ใช้ข้าวสารเหนียวกับน้ำเปล่า และเกลือเท่านั้น สำหรับข้าวหลามที่ทำขายกัน
โดยทั่วไป จะใส่น้ำกะทิ และเติมถั่วดำ หรืองาขี้ม้อน
ภาษา
ภาษาถิ่นใต้ เป็นการใช้ภาษาที่ไม่น่าอายแต่กลับเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจ
มากกว่า ทุกครั้งเวลาพูดคุยกับเพื่อนนอกพื้นมักจะมีคนทักว่าเป็นภาษาใต้ที่แปลก
และมีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น ไม่เหมือนใคร เพราะสำเนียงของที่นี่ผิดจากภาษาใต้
ทั่วไป จึงอยากจะเชิญชวนเพื่อนๆและทุกคนมาพูดภาษาถิ่น เพราะภาษาถิ่นก็
ไม่ใช่เรื่องที่น่าอับอาย และเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ไว้เป็นทั้ง
เอกลักษณ์และสิ่งที่ดีงามของท้องถิ่นเรา
สำหรับภาษาถิ่นของคนอำเภอควนโดนจะใช้ลักษณะกระแทกเสียง คำลงท้าย
คำสุดท้ายของประโยคจะสูงขึ้น จะมีคำของภาษามลายูมาผสมผสาน
วิถีชีวิต
คนส่วนใหญ่มีอาชีพทำสวน กรีดยาง ขายของช่ำ
สถาปัตยกรรม
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสตูล หรือ คฤหาสน์กูเด็น
เป็นอาคารเก่าแก่สร้างขึ้นสมัยพระยาภูมินารถภักดีเป็นผู้ว่าราชการเมือง
ลักษณะของอาคารเป็นตึก2ชั้นโดดเด่นด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมที่เป็นการ
ผสมผสานกันทางศิลปะได้อย่างสวยงาม คืออาคารตัวตึกเป็นแบบตะวันตก
ประตูหน้าต่างได้รูปโค้งตามสถาปัตยกรรมโรมัน หลังคาใช้กระเบื้องดินเผารูป
กาบกล้วย ตรงช่องลมหน้าบันไดตกแต่งรูปดาวซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมแบบ
มุสลิม ตัวอาคารมีอายุ 100ปีเศษ นับเป็นอาคารที่เก่าแก่ที่สุดในจังหวัดสตูล
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารีได้เสด็จมาทรงเปิด
พิพิธภัณฑ์อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2543ภายในห้องมีการจัด
แสดงของโบราณวัตถุและนิทรรศการ ที่ให้ความรู้เรื่องศิลปวัฒนธรรมและ
ประเพณีของจังหวัดสตูล
วัดพัฒนาราม
เป็นวัดแห่งเดียวในอำเภอ ตั้งอยู่เลขที่ ๒๒๗ บ้านควนโดน หมู่ที่ ๑ ตำบล
ควนโดน สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย เนื้อที่ ๘ ไร่ ๒ งาน ๒๐ ตารางวา กระทรวง
ศึกษาธิการ ประกาศตั้งเป็นวัด เมื่อวันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๒๑ ให้มีนามว่า “วัด
พัฒนาราม” ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๓
เขตวิสุงคามสีมา กว้าง ๔๐ เมตร ๘๐ เมตร ในด้านการศึกษาได้เปิดสอนพระ
ปริยัติธรรม ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๑๖ ปัจจุบันวัดพัฒนาราม มีพระภิกษุ ๒ รูป
มัสยิดอัลฮาซิมิ
มัสยิดกลางอำเภอควนโดน เป็นสถานที่สําคัญของ ศาสนาอิสลาม
เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทาง ศาสนา รวมทั้งเป็นจุดส่วนรวมของ
ศาสนิก และ จะมีวันสําคัญคือ วันฮารีรายา โดยมัสยิดจะอยู่กลางใจ
เมืองควนโดนเป็นสถาปัตยกรรมแห่งสวยงามในอำเภอควนโดน
ความเป็นอยู่
คนในชุมชนจะร่วมกันด้วยความสามัคคี ช่วยซึ่งกันและกัน และคอยเป็นหุเป็นตา
ให้กันและกันอยู่เสมอ จึงไม่ค่อยมีปัญหาเกิดขึ้นในชุมชนสักเท่าไร
ข้อปฏิบัติหรือข้อตกลงอยู่ร่วมกัน
1. ไม่สร้างความเดือดร้อนแก่ผู้อื่นทั้งทางตรงและทางอ้อม
2. มีความซื่อสัตย์สุจริต ไม่คดโกง
3. หากเกิดมีปัญหาเกิดขึ้นให้ใช้เหตุผลในการแก้ปัญหา อย่าใช้อารมณ์แก้ปัญหา
4. รับฟังข้อแนะนำหรือข้อตักเตือนผู้อื่นอย่างเต็มใจ
แนวทางการแก้ไขปัญหาร่วมกัน
1.แก้ปัญหาโดยไม่ลำเอียงไปทางฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
2.รู้จักการให้อภัยกันในความผิดเล็กน้อย
3.ใช้เหตุผลในการแก้ปัญหา
ข้อเสนอแนะการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรม
อยากให้มีการจัดกิจกรรมให้เยอะๆ อยากให้พัฒนาชุมชนให้ดีเรื่อยๆ
ชุมชน
โกตาบารู
อำเภอ รามัน จังหวัด ยะลา
ประวัติความเป็นมา
ประวัติ
เมืองโกตาบารู ย้อนอดีต เมืองโกตาบารู พุทธศักราช 2465 รัฐบาลสยาม
ได้จัดระบบการปกครองหัวเมืองมลายูใหม่ โดยแบ่งเป็น 7 หัวเมือง และ
ขึ้นกับมณฑลปัตตานี มณฑลปัตตานีจึงแบ่งเป็นปัตตานี หนองจิก ยะหริ่ง
สายบุรี ยะลา เมืองโกตาบารู เดิมเป็นเมืองที่เจริญอุดมสมบูรณ์ไปด้วย
ทรัพยากรธรรมชาติ มีทั้งช้าง ป่าไม้ ทอง และแร่ทับทิม มีกองทหารที่กล้า
หาญ องอาจ มีอาณาเขตขยายกว้างไปถึงเมืองเปอร์ลิสของมาเลเซีย มีเจ้า
เมืองปกครองติดต่อกันหลายคนที่สำคัญ และเป็นที่นับถือชาวพุทธ มุสลิม
และชาวจีนทั้งในถิ่นและนอกถิ่น
พหุวัฒนธรรม
เทศบาลตำบลโกตาบารูเป็นพื้นที่พหุวัฒนธรรม มีพี่น้องไทยพุทธ ไทยมุสลิม
อาศัยอยู่ร่วมกันมาแต่ช้านาน เราต่างอยู่ร่วมกันบนความแตกต่างที่หลากหลาย
ทั้งวัฒนธรรม ประเพณี และการใช้ชีวิต แต่เรายังคงดำรงไว้ซึ่งอัตลักษณ์ของ
ชุมชน เพื่อให้เกิดความรัก ความสามัคคี และความสมานฉันท์ ลดความขัดแย้ง
ในพื้นที่ ซึ่งนำไปสู่การเสริมสร้างความสามัคคี เกิดสันติสุขได้อย่างยั่งยืนถาวร
ประเพณี เนื่องจากในพื้นที่ตำบลโกตาบารูมีทั้งไทยพุทธ ไทยมุสลิม อาศัยอยู่
ร่วมกัน
พหุวัฒนธรรม
เทศบาล ต.โกตาบารู จัดงาน โกตาบารูอัญมณีแห่งวัฒนธรรมนำสังคมสันติสุข
วันนี้(26 มี.ค 62) เทศบาลตำบลโกตาบารู อ.รามัน จ.ยะลา ได้จัดกิจกรรม
โกตาบารูอัญมณีแห่งวัฒนธรรมนำสังคมสันติสุข ประจำปี 2562 ขึ้นที่ สวนวัน
นอร์ เทศบาลตำบลโกตาบารู เพื่อเป็นการส่งเสริมและอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม
ประเพณี การแสดงและการละเล่นพื้นบ้านให้คงอยู่คู่กับท้องถิ่น เสริมสร้างความ
เข้าใจให้กับประชาชนในบทบาทภาระหน้าที่ ของเทศบาลตำบลโกตาบารู ที่มีต่อ
ประชาชน เป็นการนำทุนทางวัฒนธรรมของชาติมาถ่ายทอดให้กับอนุชนรุ่นหลัง
ได้สืบไว้ ซึ่งเอกลักษณ์ของความเป็นไทย อีกทั้งยัง เป็นการสร้างความสามัคคี
ความปรองดอง และสมานฉันท์ระหว่างหน่วยงานของรัฐกับประชาชนในพื้นที่ ซึ่ง
ในพิธีเปิดมี นายเจษฎา จิตรัตน์ รองผู้ว่าราชการ จ.ยะลา เป็นประธานในพิธี โดยมี
นายรอนิง ดอเลาะหะวอ นายกเทศมนตรี ตำบลโกตาบารู ส่วนราชการ ประชาชน
ในพื้นที่ เข้าร่วม
สำหรับกิจกรรมในงานมีการประกวดพาเหรดวัฒนธรรม ประกวดซุ้ม
วัฒนธรรมชุมชน การแข่งขันทำอาหารพื้นบ้าน การแข่งขันกีฬาพื้นบ้าน การประ
กวดอนาซีด การบรรยายวิชาการ การศึกษาในสังคมพหุวัฒนธรรม ,การอยู่ร่วมกัน
ในสังคมพหุวัฒนธรรม และ กิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งกิจกรรรมครั้งนี้กำหนด
จัดขึ้น ในระหว่างวันที่ 26-27 มีนาคม 2562
ประเพณีวัฒนธรรม
วันฮารีรายอ
เป็นวันสำคัญของชาวมุสลิมทั่วโลกวันหนึ่ง ถือได้ว่า
เป็นวันรื่นเริงประจำปีซึ่งชาวมุสลิมได้เดินทางกลับ
ภูมิลำเนาของตนเอง เพื่อเข้าร่วมประกอบพิธีกรรม
ทางศาสนาโดยพร้อมเพรียงกัน ได้พบปะสังสรรค์กับ
เพื่อน ญาติพี่น้องเพื่อขออภัยซึ่งกันและกัน ช่วงเวลา
ในรอบ 1 ปีของชาวมุสลิม มีวันฮารีรายอ 2 ครั้ง
วันสงกรานต์
ประเพณีของประเทศไทย ลาว กัมพูชา พม่า ชนกลุ่ม
น้อยชาวไตแถบเวียดนาม และมนฑลยูนานของจีน รวม
ถึงศรีลังกา และประเทศทางตะวันออกของประเทศ
อินเดีย สันนิษฐานกันว่า ประเพณีสงกรานต์นั้นได้รับ
วัฒนธรรมมาจากเทศกาลโฮลีในอินเดีย แต่เทศกาลโฮลี
จะใช้การสาดสีแทน โดยจะจัดให้มีขึ้นในทุกวันแรม 1 ค่ำ
เดือน 4 ซึ่งก็คือเดือนมีนาคม
การเเต่งตัว
ชายมุสลิมทั่วไปนิยมนุ่งโสร่ง (Sarong) หรือที่เรียก
ว่า "ปาแลกัต " (Palekat) เป็นตาสี่เหลี่ยมใหญ่สีไม่
ทึบ เสื้อที่สวมอาจใช้เสื้อเชิ้ตแขนยาว หรือเสื้อแขน
กระบอก
คนไทยพุทธ เป็นเครื่องแต่งกายประจำชาติไทย มี
ประวัติความเป็นมาและเอกลักษณ์อันยาวนาน โดย
สามารถแต่งกายได้ทุกเพศทุกวัย โดยผู้ชายจะสวม
เสื้อราชปะแตนหรือเสื้อพระราชทาน นุ่งโจง
กระเบน และสวมรองเท้า ส่วนการแต่งกายของผู้
หญิงจะห่มสไบหรือสวมเสื้อปัด และนุ่งผ้าถุงหรือ
โจงกระเบน
อาหาร ข้าวยำ มาจากคำว่า “นาซิกาบู” เป็น
ภาษามาลายูท้องถิ่น “นาชิ” แปลว่า
ภาษา
ข้าว “กาบู” แปลว่า ยำ ข้าวยำ
มลายูถิ่น ไทย ไทย ประกอบด้วยข้าวสุกราดด้วยน้ำบูดู
(หรือน้ำเคย) มะพร้าวคั่ว กุ้งแห้งป่น
และผักสดหลายชนิดหั่นรวมกันลงไป
แล้วคลุกเคล้ากัน ผักบางชนิดที่ใส่มี
เฉพาะในภาคใต้เท่านั้น เช่น ใบกระ
ผังโหม ใบหมุย ข้าวยำ เป็นอาหาร
เพื่อสุขภาพที่มีผักสมุนไพรเป็นส่วน
ประกอบมากมาย เช่น ตะไคร้ ใบ
มะกรูด ใบชะพลู ใบยอ ใบขมิ้น ใบ
บัวบก ดอกดาหลา ถั่วฝักยาว ถั่วงอก
นอกจากนี้ ยังมี มะนาว ส้มโอ มะม่วง
เปรี้ยว ตะลิงปลิง หรือผักชนิดต่าง ๆ
ที่หาซื้อได้ตามท้องตลาดทั่วไป
วิถีชีวิต
ส่วนใหญ่ประชาชนในชุมชนโกตาบารูจะ
ทำเกษตรกรรมเป็นส่วนใหญ่ เช่น ทำสวน
ทำนา กรีดยาง และยังมีอาชีพรับจ้าง
ส ถ า ปั ต ย ก ร ร ม
สุสานโต๊ะนิ สุสานเจ้าเมืองเก่ารามัน
หรือที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่าสุสานโต๊ะนิ
ปัจจุบันตั้งอยู่ตรงข้ามสถานีตำรวจ
ภูธรโกตาบารูในเขตเทศบาลตำบล
โกตาบารูในเขตเทศบาลตำบล
โกตาบารู อำเภอรามัน จังหวัดยะลา
มีเนื้อที่ประมาณ ๑๐ ไร่ เป็นสุสาน(กุ
โบร์) สาธารณะ เป็นที่ฝังศพของชาว
ไทยมุสลิมในเขตเทศบาลตำบล
โกตาบารู
พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมโกตาบารู
หรือ musium budaya kotabaru
เป็นพิพิธภัณฑ์จัดก่อสร้างโดย
ครอบครัวดาโต๊ะมูลียอ เพื่อเป็น
แหล่งเรียนรู้ และ แหล่งท่องเที่ยว
โอท็อป นวัตวิถี ทางประวัติศาสตร์
ศิลปะ วัฒนธรรมท้องถิ่นแห่งใหม่
ในพื้นที่และร่วมกันอนุรักษ์เมือง
เก่าโกตาบารู เป็นอนุสรณ์เมืองเก่า
สองแผ่น ดินในฐานะเป็นอัญมณี
แห่งวัฒนธรรมที่เคยรุ่งเรืองมาใน
อดีตโดยพิพิธภัณฑ์แห่งนี้อาศัยพื้น
ที่เล็กๆภายในบ้านดาโอ๊ะมูลียอ จัด
แสดงมุมเรียนรู้วิถีชีวิต และวัตถุ
โบราณต่างๆออกเป็นส่วนต่างๆ
ได้แก่ เรือนต่วนจรือนิห์
แนวทางปฏิบัติในการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรม
ความเป็นอยู่ ข้อปฏิบัติหรือข้อตกลงอยู่ด้วยกัน
อยู่ร่วมกันได้ถึงจะต่างศาสนา ต้องสามัคคีกัน ไม่ทะเลาะ
มีการช่วยเหลือกันและกัน เบาะ แว้ง ไม่เหยียดศาสนา
นวทางการแก้ปัญหาร่วมกัน
คุยด้วยเหตุผล รับฟังความคิดเห็น
ร่วมมือกัน
ข้อเสนอแนะการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรม
อยากให้มีการจัดกิจกรรมให้เยอะๆ อยากให้พัฒนาชุมชนให้ดีเรื่อย
ปะนาเระ
ประวัติความเป็นมา
ปะนาเระ" เป็นภาษามลายูปัตตานีซึ่งมีที่มาจากคำว่า
"ปาตา" แปลว่า หาด และคำว่า "ตาเระ" แปลว่าอวนลาก
ปลา เมื่อนำมารวมกันเป็น ปาตาตาเระ จึงหมายถึงหาดที่
ตากอวน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของชาวประมงทางภาค
ใต้ ต่อมาคำว่าปาตาตาเระเมื่อใช้นาน ๆ ก็กร่อนเป็น
ปะนาเระ และเป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดปัตตานีนึกถึงหาด
ทรายสีขาว ทะเลสีเขียวมรกตฝั่ งอ่าวไทย ท้องนาที่เขียวขจี
ภูเขาสูงน้อยใหญ่ ปลายด้ามขวานชายแดนไทย ดินแดน
แห่งลังกาสุกะ ที่เต็มไปด้วยวิถีชีวิตแบบชาวประมงพื้นบ้าน
การทำไร่ทำสวน และการดำรงชีวิตของผู้คนแบบเรียบง่าย
เป็นสังคมพหุวัฒนธรรมที่ผสานความแตกต่างระหว่าง
ศาสนาพุทธ และอิสลาม ทั้งวิถีชีวิต วัฒนธรรมประเพณี ได้
อย่างกลมกลืน ผู้คนอยู่ร่วมกันแบบการพึ่งพาอาศัยกัน
เสมือนพี่น้อง
ภาษา
ไทย
มลายู
ประเพณี
งานฮารีรายอ งานวันอา
ซูรอ งานเมาลิด
พิธีกรรม ละหมาดวัน
ศุกร์ การจ่ายซะกาต การ
ถือศีลอด วันฮารีรายอ
อาหาร
นาซิดาแฆ นาสิกาบู
นาซีดากัง หรือที่ในภาษามลายูปัตตานี เมื่อกล่าวถึง ข้าวยำ ทุกคนในพื้นที่สามจังหวัด
เรียกว่า นาซิ ดาแกฺ เรียกเป็นภาษาไทย ชายแดนภาคใต้คงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก เพราะเป็น
ให้ใกล้เคียงได้ว่า "ข้าวมันแกงไก่" เป็น อาหารประจำวัฒนธรรมของพื้นที่นี้ แต่ดิฉัน
อาหารที่ชาวมุสลิมปักษ์ใต้นิยมรับ
ประทานกันเป็นอาหารหลักโดยเฉพาะ เชื่อว่า หลายคนคงยังไม่รู้ที่มาที่ไปของสูตร
มื้อเช้า เป็นอาหารที่ให้คุณค่าทาง หรือคุณค่าของสารอาหารในข้าวยำ
อาหารสูง ประกอบด้วยข้าว แกงไก่
หรือแกงปลาโอ และไข่ต้ม ความหมาย
ของชื่ออาหารนี้มีหลายความหมาย
สถาปัตยกรรม
สถาปัตยกรรม หาดปะนาเระ พื้นที่หาดปะนาเระ
ต.ปะนาเระ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี ซึ่งอยู่ในระบบ
หาดแหลมโพธิ์-บางมะรวดผลการสำรวจพบว่า
พื้นที่ชายฝั่ งทะเลมีลักษณะเป็นหาดทรายสมดุล มี
การฟื้ นฟูหาดทรายชายฝั่ งและการสะสมตัวของ
ตะกอนทรายชายหาด ภายหลังหมดลมมรสุม
ตะวันออกเฉียงเหนือต้นปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งร่อง
รอยของการกัดเซาะชายฝั่ งต่อเนื่องจากการเลี้ยว
เบนของคลื่น (diffraction)” หรือ End Effect
ด้านหลังของโครงสร้างมีการสะสมตะกอนทราย
กลับคืนมา อีกทั้งชายหาดปะนาเระ มีการใช้
ประโยชน์พื้นที่โดยรอบเป็นพื้นที่สาธารณะ
สำหรับการท่องเที่ยวและพักผ่อนหย่อนใจของ
ประชาชน
วิถีชีวิต
คนส่วนใหญ่มีอาชีพทำสวน ประมง
ขายของชำ กรีดยางแบ่งปันของกิน
ของใช้ อยู่ร่วมกันแบบสันติ
การแต่งกาย
คนศาสนาอิสลามจะเเต่
งกายเป็นชุดมลายู ส่วนคน
ไทยพุทธิจะแต่งกายเป็นชุด
ไทย
3. แนวทางการปฏิบัตในการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรม
3.1ความเป็นอยู่ : อยู่ร่วมกันได้ถึงจะต่างศาสนา มีการช่วยเหลือกันและกัน
3.2 ข้อปฏิบัตหรือข้อตกลงอยู่ด้วยกัน ต้องสามัคคีกัน ไม่ทะเลาะเบาะแว้ง ไม่
เหยียดศาสนา
3.3 แนวทางการแก้ปัญหาร่วมกัน คุยด้วยเหตุผลรับฟัง ความคิดเห็น ร่วมมือกัน
4. ข้อเสนอแนะการอยู่รวมกันในสังคมพหุวัฒนธรรม
อยากให้มีกิจกรรมเยอะๆ มีความร่วมมือสามัคคีกัน แบ่งปันซึ่งกันและกัน
กือดาจีนอ
ตำบลอาเนาะรู อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี
ประวัติความเป็นมา
กือดาจีนอเป็นชุมชนหัวตลาดของชาวจีนในอดีตและเป็นนวัตกรรมทาง
สังคมที่เกิดจาก การบูรณาการความร่วมมือของภาครัฐและเอกชน เน้น
มรดกทางศิลปะและวัฒนธรรมในวิถีชีวิตใน ปัจจุบัน เป็นพื้นที่ที่ถูก
สร้างจากทุนทางสังคมและวัฒนธรรม ผ่านการประกอบสร้างร่วมกันใน
2 ส่วน ได้แก่ 1) การบูรณาการทางศิลปวัฒนธรรม และ 2) กระบวนการ
มีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน
พหุวัฒนธรรม
กือดาจีนอ เป็นภาษามลายู ซึ่งคำว่า กือดา แปลว่า ตลาด ส่วนคำว่า จีนอ
แปลว่า จีน กือดาจีนอประกอบด้วยถนนปัตตานีภิรมย์ซึ่งวิ่งขนานกับแม่น้ำ
ปัตตานีไปบรรจบกันที่ถนนอาเนาะรู ซึ่งมีศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวตั้งอยู่ที่นั่น กื
อดาจีนอเป็นย่านเมืองเก่าที่มีความเจริญรุ่งเรืองทางด้านการค้าในอดีต แถม
ปัจจุบันยังคงเหลือสถาปัตยกรรมผสมผสานแบบไทยและจีนหลงเหลืออยู่ให้
เห็นอีกหลายหลัง แถมยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของผู้คนในชุมชนให้ทุกคนได้
เห็นและสัมผัส ชีวิตและวัฒนธรรม ด้วยเป็นดินแดนแห่งสังคมพหุวัฒนธรรม
ทางวิถีศาสนาพุทธ อิสลาม และจีน
ประเพณีวัฒนธรรม
งานฮารีรายอ
งานฉลองการเลิกถือศีลอดของชาวไทยมุสลิม (ในช่วงเดือน 9 ถึงวันที่ 1 เดือน 10
เป็นเวลา 30 วัน) หลังจากการเลิกถือศีลอดแล้ว ชาวไทยมุสลิมในปัตตานี จะไปมัสยิด
เพื่อประกอบพิธีทางศาสนาอิสลามโดยพร้อมเพรียงกัน วันฮารีรายอ เป็นวันรื่นเริง
ประจำปี ชาวมุสลิมจะไปเยี่ยมเยียนพ่อแม่ ญาติพี่น้อง เพื่อนบ้าน เพื่ออภัยต่อกันใน
สิ่งที่ผ่านมา เป็นวันที่ทุกคนมีความสุขมาก มุสลิมจะมีการประกอบพิธีกรรมพร้อม
เพรียงกันทั่วโลก ในวันอีดีลฟิตรี มุสลิมทุกคนจะต้องจ่ายซะกาตฟิตเราะห์ บริจาค
ทานแก่คนยากจนอนาถา
ประเพณีลอยกระทง
นั้นมีมาแต่โบราณ โดยมีคติความเชื่อหลายอย่าง เช่น เชื่อว่าเป็นการบูชา
และขอขมาแม่พระคงคา เป็นการสะเดาะเคราะห์ เป็นการบูชาพระเจ้าใน
ศาสนาพราหมณ์ หรือเป็นการบูชารอยพระพุทธบาท เป็นต้น การลอย
กระทงนิยมทำกันในวันเพ็ญ เดือน 12 ของทุก ๆ ปี อันเป็นช่วงที่น้ำในแม่น้ำ
ลำคลองขึ้นสูงและอากาศเริ่มเย็นลง ตามพระราชนิพนธ์พระราชพิธีสิบสอง
เดือน และตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ได้กล่าวว่า นางนพมาศ หรือท้าวศรีจุฬา
ลักษณ์ พระสนมเอกในพระร่วงเจ้าแห่งกรุงสุโขทัย เป็นผู้ริเริ่มประดิษฐ์
กระทงสำหรับลอยประทีปเป็นรูปดอกบัวบานขึ้น ซึ่งคนทั่วไปนิยมทำตามสืบ
ต่อมา นอกจากนั้นในศิลาจารึกหลักที่ 1 ยังได้กล่าวถึง งานเผาเทียน เล่นไฟ
การแต่งตัว
ชาวมุสลิม
ผู้หญิงมุสลิมเมื่ออกจากบ้านจะแต่งกายแบบมิดชิด
ใช้เสื้อแขนยาวและมีผ้าคลุมศรีษะ(กายกูบง) ผู้หญิง
มุสลิมนิยมนุ่งผ้าปาเต๊ะ สวมเสื้อบานง หรือบายอ
หรือกุรง หรือเสื้อประเภทท่อนที่ตัดเย็บแบบสากล
หรือเสื้อยืด ถ้าอยู่กับบ้านจะไม่ใช้ผ้าคลุมศรีษะ เมื่อ
อกจากบ้านจึงจะคลุมศรีษะ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับฐานะ วัย
และการศึกษาของแต่ละบุคคล ส่วนผู้ชายนิยมสวม
เสื้อตือโละบางอ ลักษณะมีลักษณะเป็นเสื้อคอกลม
อาจมีคอตั้งแบบคอจีน ผ่าหน้าครึ่งหนึ่ง ติดกระดุม
โลหะ ๓ เม็ด แขนเสื้อทรงกระบอกกว้างยาวจดข้อมือ
แต่พับชายขึ้นมาเล็กน้อย สวมกางเกงยาวแบบสากล
สวมหมวกซอเก๊าะที่ทำด้วยกำมะหยี่สีต่างๆ หรืออาจ
สวมหมวกกะปิเยาะซึ่งเป็นทรงกลม
ชาวไทยพุทธ
การแต่งกายชาวพุทธที่ดีจะไปวัดเพื่อ
ประกอบพิธีทำบุญหรือไปในกรณียกิจใด ๆ
ก็ตาม จักต้องปฏิบัติตนต่อวัดด้วยความสุภาพ
และความเคารพ การปฏิบัติตนอย่างไม่สมควร
และอย่างไม่มีมรรยาทในเขตวัด ไม่เป็นการก่อให้
เกิดสิริมงคลแก่ตัวเองและยังมีผลกระทบไปถึง
พระพุทธศาสนาด้วย ดังนั้นการแต่งกายไปวัด
ควรแต่งกายให้สะอาดเรียบร้อย สีเรียบ ๆ ไม่มี
ลวดลายหรือสีฉูดฉาดจนเกินควร ไม่ควรแต่งกาย
ให้หรูหราล้ำสมัยจนเกินไป สตรีไม่ควรแต่งกาย
แบบวับ ๆ แวม ๆ หรือใส่เสื้อบางจนเห็นเสื้อชั้น
ใน กระโปรงไม่ควรสั้นจนเกินไป หรือผ่าหน้าผ่า
หลังเพื่อเปิดเผยร่างกาย เครื่องประดับก็ใส่
พอควร
อาหาร
ข้าวยำ
เป็นอาหารที่เชื่อว่าทุกคนต้องเคยลิ้มลองกันมาบ้างแล้ว เพราะ
เป็นอาหารที่ขึ้นชื่อของชาวใต้จนดูเหมือนจะกลายเป็น
สัญลักษณ์อาหาร ปักษ์ใต้อีกเมนูหนึ่ง ข้าวยำของชาวใต้ จะ
อร่อยหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับน้ำบูดูเป็นสำคัญ น้ำบูดูมีรสเค็ม แหล่งที่
มีการทำน้ำบูดูมากคือจังหวัดยะลาและปัตตานี เวลานำมาใส่
ข้าวยำต้องเอาน้ำบูดูมาปรุงรสก่อน จะออกรสหวานเล็กน้อยแล้ว
แต่ความชอบ น้ำบูดูของชาวใต้มีกลิ่นคาวของปลา เพราะทำมา
จากปลา กลิ่นคล้ายปลาร้าของทางภาคอีสาน แต่กลิ่นน้ำบูดูจะ
รุนแรงน้อยกว่า เนื่องจากน้ำบูดูมีรสเค็ม ชาวใต้จึงนำมาใส่
อาหารแทนน้ำปลา
ภาษา
ภาษายาวีคือภาษาหลักของชาวปัตตานี
และภาษาไทย
วิถีชีวิต
ชาวกือดาจีนอจะมีบ้านเรือนของคนไทยเชื้อสายจีนจำนวนมาก ส่วนใหญ่ยึด
อาชีพประมง ทำแพปลา ขายข้าวสารและเครื่องยาจีน ในขณะที่อีกฝั่ งของ
แม่น้ำ จะเป็นที่อยู่อาศัยของคนไทยมุสลิม ทำมาหากิน แลกเปลี่ยนวิถีชีวิตกัน
อย่างสันติ โดยมีชุมชนหัวตลาด เป็นย่านชุมชนชาวจีนเก่าแก่ และมีความสำคัญ
ยิ่งของปัตตานีที่สะท้อนให้เห็นวัฒนธรรมจีนที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ปรากฏให้
เห็นจากร่องรอยที่อยู่อาศัย เป็นสถาปัตยกรรมแบบจีนกำแพงเมืองเก่า รวมถึง
ข้าวของเครื่องใช้ เนื่องจากเคยเป็นท่าเทียบเรือชาวต่างชาตินำสินค้าเข้ามา
ค้าขายแลกเปลี่ยน มีด่านอากรสำหรับเก็บภาษีจังกอบ เศรษฐกิจชุมชน มีความ
เจริญรุ่งเรือง เดิมบริเวณนี้ เรียกว่า ตลาดจีน หรือ กือดาจีนอ
สถาปัตยกรรม
บ้านกงสี : บ้านเลขที่ 27 บนถนนอาเนาะรู เป็นบ้านเดิมของหลวงสำเร็จกิจกรจางวาง
(ปุ่ย แซ่ตัน) ชาวจีนฮกเกี้ยนที่มาตั้งถิ่นฐานในสมัยรัชกาลที่ 3 บ้านกงสีมีลักษณะเรียบ
ง่าย ตรงกลางบ้านเป็นห้องโถงสำหรับประดิษฐานเทพเจ้าต่างๆ สองข้างของห้องโถง
กลางเป็นห้องพัก ส่วนด้านหลังจะเป็นห้องครัว
ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว
หรือที่มีชื่อเป็นทางการว่า ศาลเจ้าเล่งจูเกียง เป็นศาลเจ้าเก่าแก่คู่บ้านคู่
เมืองของ จ.ปัตตานีมาตั้งแต่โบราณ ตั้งอยู่ที่ถนนอาเนาะรู อำเภอเมือง
ปัตตานี ซึ่งเป็นปูชนียสถานอันทรงความศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งของจังหวัด
ปัตตานี
เรือนรับรองบ้านหลวงสุนทรสิทธิโลหะ : บ้านหลังนี้ใช้เป็นเรือนรับรองสำหรับผู้มา
เยือนหลวงสุนทรศิทธิโลหะ บ้านหลังนี้เป็นตึกจีน 2 ชั้นอยู่ในสวนด้านหลัง ปัจจุบันได้
ถูกเปลี่ยนเป็นร้านอาหาร "โรงเตี๊ยมอาเนาะรู"
บ้านตึกขาว : เป็นบ้านของคุณพระจีนคณานุรักษ์ เป็นบ้านทรงจีนโบราณ ใน
สมัยรัชกาลที่ 5 เคยแวะประทับเมื่อครั้งเสด็จประพาสตลาดจีนและศาลเจ้า
แม่ลิ้มกอเหนี่ยว ต่อมาภายหลังได้มีการปรับปรุงจากตึกจีนโบราณเป็นตึก
ทรงทันสมัยและทาสีบ้านทั้งหลัง คนทั่วไปจึงเรียกบ้านหลังนี้ว่า "บ้านตึก
ขาว"