.
.
ชื่อ ฟ.ฮีแลร์ น่าจะเป็นครูชาวต่างประเทศในไทยที่เป็นท่ีรู้จักมากที่สุดท่านหนึ่ง โรงเรียนท่ีครูผู้น้ี
ปลกู ปัน้ มาตลอดชวี ติ คอื โรงเรียนอสั สัมชัญ ‘โรงเรียนฝรั่งแห่งบางรัก’ ผลิตบุคลากรที่เป็นกาลังสาคัญของชาติ
ใน แขนงตา่ งๆ ไว้มากอย่างมีนยั สาคัญตลอดอายุ 134 ปี
พ.ศ. 2444 บาทหลวงชาวฝร่ังเศสวัยเพียง 20 ปี เดินทางเข้ามาสยามเพ่ือรับหน้าที่ครูโรงเรียน
อัสสมั ชญั จนกระท่งั สิน้ อายุขยั ในวยั 87 ปี จงึ กล่าวได้ว่าเป็นเวลานานถึง 67 ปี ที่ครูฝรั่งผู้นี้เป็นหน่ึงในกระดูก
สันหลงั ของอสั สมั ชัญ
ครฮู แี ลรเ์ ป็นฝรั่งทพี่ ดู ภาษาไทยไม่ไดเ้ ลย แต่มานะศึกษาจนแต่งตาราเรียน ดรุณศึกษา ได้ เป็นนัก
บริหารและนักก่อสร้างท่ีเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสร้างตึกเรียนและหอประชุมของอัสสัมชัญ เป็นผู้กว้างขวางใน
สังคมไทยยคุ น้ัน คือเขา้ ได้กบั ทุกช้นั ต้งั แตว่ งั เจา้ นาย สถานเอกอัครราชทูต ที่ทาการรัฐบาล ไปจนถึงสามัญชนท่ี
นาลกู มาเขา้ เรยี นอัสสมั ชญั และเป็นครโู ดยเนื้อแท้
ลูกศิษย์คนหน่ึงท่ีมีโอกาสรับใช้ใกล้ชิด ฟ.ฮีแลร์ คือ อาจารย์สุลักษณ์ ศิวรักษ์ ผู้ตอบคาถามว่า
ทาไมคนผู้นี้จึงยังเป็นแบบอย่างในหลายเร่ืองแก่เด็กรุ่นหลัง และยังได้เรียนรู้เรื่องราวในสังคมไทยยุคนั้นไป
พร้อมๆ กบั เรยี นรู้ชีวิตครฝู ร่งั คนสาคญั แห่งอสั สมั ชัญ
บาทหลวงเอมลิ ออกสุ ต์ กอลมเบต์ (Emile August Colombet) กอ่ ต้งั โรงเรียนเล็ก ๆ ในละแวก
วัดอัสสมั ชญั พ.ศ. 2420 เพ่อื สอนเด็กกาพร้า เดก็ ครสิ ตงั และลกู หลานชาวยุโรปที่พานกั อยู่ในบางกอก โรงเรียน
เลก็ ๆ น้ีต่อมากลายเป็นโรงเรยี นอัสสมั ชัญ สอนเป็นภาษาฝรง่ั เศสและภาษาอังกฤษ
วันสถาปนาโรงเรียนอสั สัมชัญอย่างเป็นทางการคือ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2428 เทา่ กบั ว่าตอนนั้น
ฟ.ฮีแลร์ เด็กชายชาวฝร่งั เศสท่ตี อ่ มาจะกลายเปน็ กาลงั สาคญั ของอัสสมั ชญั เพ่งิ อายไุ ด้ 5 ขวบ
ฟรองซัว ตูเวอเนท์ ฮีแลร์ (François Touvenet Hilaire) เกิดเม่ือวันที่ 18 มกราคม ค.ศ.
1881 (พ.ศ. 2423) ท่ีฝร่ังเศส เป็นผู้มีจิตใจศรัทธาในศาสนามาแต่เยาว์วัย เม่ืออายุ 12 ปี เข้าอบรมใน
ยุวนิสิตสถาน (Noviciate) ของคณะเจษฎาจารย์เซนต์คาเบรียล ท่ีเน้นศาสนกิจด้านการศึกษาให้แก่
เด็กชาย คอื เปน็ คณะนักบวชท่เี นน้ งานสอนหนงั สอื
ฮีแลร์เข้าร่วมคณะนักบวชดังกล่าว ร่าเรียนวิชาทางศาสนา วิชาครู และวิชาอื่นๆ จนบวช
เมื่ออายุ 18 ปีอีก 2 ปีถัดมา เมื่อภราดาฮีแลร์อายุเพียง 20 ปี เขาร่วมเดินทางมาสยามกับคณะภราดา
เซนต์คาเบรยี ลอกี 4 ท่าน* รับหน้าท่ีอันสาคัญและหนักหนาคือ ดาเนินกิจการโรงเรียนอัสสัมชัญต่อจาก
บาทหลวงกอลมเบต์ ทีท่ างานคนเดียวไม่ไหวเพราะจานวนนักเรียนเพิ่มข้นึ มาก
หลังจากนั้น นักบวชชาวฝรั่งเศสผู้น้ีก็ยังคงอุทิศแรงกายแรงใจปลูกป้ันโรงเรียนอัสสัมชัญ
จนถึงวันสุดท้ายของชวี ิต รวมเป็นเวลา 67 ปี
อาจารย์สลุ ักษณร์ ะบใุ นหนังสอื หกชีวประวตั ิ ว่า “เม่ือแรกมาถึงเมืองไทย ภราดาฮีแลร์ดูจะ
หนักใจมากกว่าคนอ่ืนในคณะ ไหนจะอายุน้อยกว่าคนอ่ืนๆ นักเรียนบางคนโตกว่าตนก็มี ไหน
ภาษาองั กฤษก็ยงั ไม่คล่องแคลว่ นกั เรยี นทร่ี ภู้ าษาฝร่งั เศสดกี ็มนี ้อยเตม็ ทน ย่ิงภาษาไทยด้วยแล้ว ในคณะ
ผบู้ รหิ ารโรงเรยี นชดุ ใหม่ ไมม่ ีใครมคี วามรเู้ อาเลย…”
ฟ.ฮีแลรเ์ คยเล่าให้อาจารย์สุลักษณ์ (ซึ่งขณะน้ันเป็นนักเรียนมัธยมปลายที่อัสสัมชัญ) ฟังว่า
“ในตอนน้ันอยากเรียนภาษาไทย เม่ือสอนภาษาอังกฤษหรือภาษาฝร่ังเศสอยู่อีกห้องหน่ึง หูมัก
พยายามเงย่ี ฟงั ว่าหอ้ งถัดไปเขาสอนภาษาไทยว่าอย่างไร”
ในสมัยนัน้ เด็กไทยเรียนแบบเรยี นชุด มูลบทบรรพกิจ ฟ.ฮีแลร์ กล่าวว่า “จังหวะจะโคนและ
ลลี าแหง่ ภาษาน่าพสิ มยั มาก” จงึ พยายามเรียนคาศัพทจ์ นอา่ นรเู้ รื่อง
“ในบรรดาบราเดอร์ทั้งหมด ท่านสนใจภาษาไทยมากกว่าคนอ่ืน ท่านบอก มูลบทบรรพกิจ
เพราะมากเลยนะ ท่านก็เอามาอ่าน อ้าว ตายจริง มันมีเร่ืองลามกอยู่ในนั้นด้วย แบบฝรั่งเขาพิวริตัน
(Puritans) ทา่ นก็เลย…ไมไ่ ด้ๆ ตอ้ งแต่งใหม่” อาจารยส์ ลุ ักษณก์ ลา่ ว
‘เรือ่ งลามก’ ใน กาพยพ์ ระไชยสรุ ิยา ทีป่ รากฏในแบบเรยี นเล่มน้นั มีเนอ้ื หากลา่ ววา่
“อยู่มาเหลา่ ข้าเฝา้ กห็ าเยาวนารี
ทห่ี น้าตาดี ๆ ทามโหรที ี่เคหา
คา่ เชา้ เฝา้ สีซอ เข้าแต่หอล่อกามา
หาได้ใหภ้ ริยา โลโภพาให้บ้าใจ”
* นักบวชคณะภราดาเซนต์คาเบรยี ลอีก 4 ทา่ น ได้แก่ ภราดามาร์ตนิ เดอ ตูร์, ภราดาอาแบล, ภราดาคาเบรยี ล ฟาเร็ตตี และภราดาออกูส
“ฟ.ฮีแลร์ ท่านเล่าให้ผมฟัง ท่านบอกว่า ปล่อยให้นักเรียนเรียนแบบน้ีไม่ได้ ต้องให้เรียน
ความรู้ท่ดี ีกวา่ นี้ ทา่ นกเ็ ลยแต่งแบบเรียนชุด ดรณุ ศกึ ษา น่ีคือเหตุผลที่ท่านบอกผมนะ” อาจารย์สุลักษณ์
เล่าเหตุผลหนึ่งที่ทาให้ ฟ.ฮีแลร์ คิดแต่งแบบเรียนภาษาไทยอันลือเลื่อง ท้ังนี้เพราะว่าอาจมีสาเหตุอ่ืนๆ
อีก แต่ยังไมพ่ บหลกั ฐาน
ดรณุ ศกึ ษา* เปน็ แบบเรยี นทีบ่ รู ณาการความรู้หลายด้านมาไวใ้ นเลม่ เดียว ทั้งหลักภาษาไทย
ความรู้ด้านประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เหตุการณ์ร่วมสมัย (เช่น เรือไททานิกจม) และสอดแทรก
แนวคิดเกีย่ วกบั ทง้ั ศาสนาคริสตแ์ ละศาสนาพุทธด้วย
“บราเดอร์ฮีแลร์สอดแทรกเร่ืองสอนศาสนาในดรุณศึกษา มีเรื่องท่ีสองคนไปนอนอยู่ใต้ต้น
มะม่วงหรือต้นอะไรสักอย่าง มะม่วงตกลงมา ได้กินมะม่วง แกก็เขียนว่า เป็นเพราะบารมีพระเป็นเจ้า
นอ้ งชายผมบอกวา่ ‘ดนี ะเปน็ มะม่วง ถ้าอยู่ใต้ต้นมะพร้าวล่ะฉิบหายแน่เลย พระเป็นเจ้าจะช่วยไหม’ คือ
พวกเราเด็ก ๆ นล่ี ้อกันเลยนะ ดังนัน้ เรอ่ื งสอนศาสนานไ่ี มไ่ ด้ผลหรอก” อาจารย์สุลักษณก์ ลา่ ว
เมื่อ ฟ.ฮีแลร์ แต่งแบบเรียน ดรุณศึกษา มีผู้ทรงคุณวุฒิหลายท่านช่วยตรวจแก้ หนึ่งใน
จานวนนน้ั คือ สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศ์เธอ กรมพระยาดารงราชานุภาพ
ดรุณศึกษา เป็นแบบเรียนที่บูรณาการความรู้หลายด้านมาไว้ในเล่มเดียว ท้ังหลักภาษาไทย
ความรู้ด้านประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เหตุการณ์ร่วมสมัย (เช่น เรือไททานิกจม) และสอดแทรก
แนวคิดเกีย่ วกับทัง้ ศาสนาคริสตแ์ ละศาสนาพุทธดว้ ย
“บราเดอร์ฮีแลร์สอดแทรกเร่ืองสอนศาสนาในดรุณศึกษา มีเรื่องที่สองคนไปนอนอยู่ใต้ต้น
มะม่วงหรือต้นอะไรสักอย่าง มะม่วงตกลงมา ได้กินมะม่วง แกก็เขียนว่า เป็นเพราะบารมีพระเป็นเจ้า
นอ้ งชายผมบอกวา่ ‘ดนี ะเป็นมะม่วง ถ้าอยู่ใต้ต้นมะพร้าวล่ะฉิบหายแน่เลย พระเป็นเจ้าจะช่วยไหม’ คือ
พวกเราเดก็ ๆ นล่ี ้อกันเลยนะ ดงั นั้นเรอื่ งสอนศาสนาน่ไี ม่ไดผ้ ลหรอก” อาจารย์สลุ ักษณ์กลา่ ว
เม่ือ ฟ.ฮีแลร์ แต่งแบบเรียน ดรุณศึกษา มีผู้ทรงคุณวุฒิหลายท่านช่วยตรวจแก้ หน่ึงใน
จานวนนน้ั คือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดารงราชานุภาพ อาจารย์สุลักษณ์เล่าว่า “คุณพ่อ
กอลมเบต์ก็ให้กาลังใจมากในการแต่ง ดรุณศึกษา บอกว่าเน่ียถวายกรมดารงฯ สิ ฟ.ฮีแลร์ ท่านกลัวมาก
เลยเพราะเด็กกว่า แต่กรมดารงฯ ท่านก็แก้ให้ ตรวจตราให้ ต้นฉบับของ ฟ.ฮีแลร์ เขียนว่า ถนนพ่อยม
ทรงแกว้ ่า ถนนสาทร”
สมยั นัน้ ผู้คนเรยี กถนนสาทรวา่ ถนนพอ่ ยมเพราะหลวงสาทรราชายุกต์ (ยม) เปน็ ผสู้ รา้ ง ท่าน
มีเช้ือจีนและฐานะร่ารวย ผู้คนจึงเรียกว่า เจ้าสัวยม ฝรั่งจะพูดหรือเขียนหนังสือถึงถนนสายนี้ แม้ใน
หนังสือพมิ พ์ภาษาองั กฤษก็เรยี ก พ่อยมโรด
*เมอ่ื แรกพมิ พ์ใชช้ ่ือวา่ “อัสสัมชญั ดรณุ ศึกษา” ประกอบดว้ ย 3 ตอน ได้แก่ 1. ตอน กอ ขอ 2. ตอนกลาง และ 3. ตอนปลาย
ในการพมิ พ์ครั้งที่ 4 ได้เพมิ่ อสั สมั ชญั ดรณุ ศกึ ษา ตอนต้น อีก 1 เลม่ (แยกออกมาจากตอน กอ ขอ) รวมทัง้ หมดจึงมี 4 เล่ม
สานักพิมพไ์ ทยวัฒนาพานิช ได้จัดพมิ พ์หนงั สอื อสั สมั ชัญ ดรณุ ศกึ ษาจาหนา่ ย โดยเปลี่ยนช่อื เป็น “ดรุณศึกษา” แยกออกตามหลักสูตรของ
กระทรวงศกึ ษาธิการ ประกอบด้วยดว้ ย 5 เลม่ ได้แก่ ปฐมวยั และ ป.1 - ป. 4
อีกจุดท่ีสมเด็จฯ กรมพระยาดารงราชานุภาพทรงแก้ไขต้นฉบับให้คือท่ี ฟ.ฮีแลร์ เขียนว่า
“ในโลกน้ีก็จะต้องถือว่า มีแต่คนชั่วท้ังนั้น” ท่านทรงแก้เป็น “ในโลกนี้เกือบจะต้องถือว่า มีแต่คนชั่ว
ท้ังนั้น” ซง่ึ ไดค้ วามรัดกมุ ข้ึน
เจ้านายสยามพระองค์น้ีทรงพระเมตตาท่านฮีแลร์นัก ประทานพระอนุเคราะห์ในเรื่องวิชา
ความรู้แก่ทา่ นอย่เู สมอ ประทานตน้ ฉบบั จดหมายเหตขุ อง มองซิเออร์ เดอวีเซ (Monsieur de Visé) ว่า
ด้วยเรอ่ื งโกษาปานไปฝร่งั เศส ท่ี ศาสตราจารย์ยอร์ช เซเดส์ (George Cœdès) นามาถวาย ให้ภราดาฮี
แลรล์ งมอื แปลเปน็ ภาษาไทย
“สมเด็จฯ ดตี อ่ ทา่ นมาก เวลาน้นั ฝรั่งเศสก็รังแกประเทศไทยนะ แต่ท่านไม่เคยรังแกพวกเรา
เลย ตอนเสด็จประพาสยุโรปครั้งท่ีสอง ไปเฝ้าโป๊ปท่ีกรุงโรม โป๊ปถามว่า จะขออะไร ท่านขอลูกประคา
ศกั ดิส์ ทิ ธิ์ ให้โป๊ปเสกให้ ทา่ นเอากลบั มาใหบ้ ราเดอร์ฮีแลร์ ทา่ นใช้จนตลอดชีวิตเลย กรมดารงฯ พระทัยดี
มาก ฟ.ฮแี ลร์ ก็รักท่าน รักเหมือนพ่อเลย” อาจารย์สุลักษณเ์ ล่า
ครูฮีแลร์ยึดถือกฎระเบียบข้อบังคับของโรงเรียนอย่างเคร่งครัด อาจารย์สุลักษณ์ระบุใน
หนังสอื หกชวี ประวัติ วา่ บราเดอร์ฮีแลรท์ าหนา้ ท่อี าจารย์ผู้ปกครอง ทุกเช้าท่านจะตรวจตรานักเรียนมา
สาย นักเรยี นขาดเรียน ใครมาสายเกนิ หนง่ึ ครง้ั ตอ้ งถูกลงโทษ
“บราเดอร์ฮีแลร์เป็นคนเข้มงวดกวดขันมาก ถ้าคุณมาสายเน่ียถูกเล่นงาน ต้องอยู่เย็น
เรียกว่ายืนเสา ให้ท่องหนังสือ ท่องไม่ได้ก็กลับไม่ได้ แล้วถ้าเผ่ือไม่มาโรงเรียนนะ ทางโรงเรียนมี
ไปรษณยี บัตรถึงบา้ นทนั ทีเลย คดิ ค่าไปรษณยี ์ทบี่ ้านด้วย ทาไมลูกไม่มา ต้องตรงเวลา ทุกคนต้องมาเรียน
หนังสอื เน้นเรือ่ งทอ่ งขนึ้ ใจแบบโบราณ เน้นเร่ืองตอ้ งเขียนลายมอื สวย” อาจารยส์ ุลักษณเ์ ลา่
เม่ือนักเรียนกลับมาเรียนจะต้องมีจดหมายผู้ปกครองมา หรือบางกรณีผู้ปกครองต้องมา
อธบิ ายการขาดเรยี นของลูกหลานด้วยตนเอง
อาจารย์สุลักษณ์ยังระบุว่า ฟ.ฮีแลร์ ไม่เคยสนใจว่าศิษย์คนน้ันเป็นลูกใคร พ่อจะมีบุญหนัก
ศักดิ์ใหญ่เพียงใดก็ตาม ถ้ามาอยู่ในอาณัติโรงเรียนอัสสัมชัญสมัยท่าน เป็นอันว่าต้องได้ลิ้มรสหวาย ไม้
เรยี ว ไมเ่ ลอื กหน้า แม้ในสมัยราชาธปิ ไตยท่านก็เฆี่ยนเจ้านายมานกั ตอ่ นกั แลว้
แม้จะยึดถือกฎระเบียบเพียงใด แต่ในบางกรณี ฟ.ฮีแลร์ ก็ยอมผ่อนผัน เมื่ออยู่ชั้น ม.6
อาจารย์สุลักษณ์ออกหนังสือพิมพ์ช่ือ ยุววิทยา บทความชิ้นหน่ึงทาให้เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตถึงกับจะ
ถูกให้ออกจากโรงเรียน แต่ในท่ีสุดเมื่อเร่ืองถึงหูครูฮีแลร์ผู้เคร่งครัดระเบียบ กลับทาให้สุลักษณ์ ศิวรักษ์
กลายเป็นนักเรียนโปรด
ท่านนึกว่าผมหัวรุนแรง เป็นตัวร้าย จนกระทั่งผมมาทา อุโฆษสาร (นิตยสารของโรงเรียน
อัสสัมชัญท่ีนักเรียนทากันเอง) ก็มีเขียนถึงบราเดอร์ฮีแลร์ แกตกใจมากที่ผมรู้เร่ืองราว เพราะผมไปคัด
ข้อความจากหนังสือสาส์นสมเด็จ กรมดารงฯ เขียนว่า ‘ภราดาฮีแลร์แวะมาท่ีเกาะหมาก มาเรี่ยไรเงิน
สร้างตึกกอลมเบต์ คงจะไปเรี่ยไรพระองค์ท่านด้วย’ สมเด็จฯ กรมพระยานริศฯ ท่านตอบว่า ‘หลวงพ่ีฮี
แลรม์ าหาแลว้ มารีดเงินเกล้ากระหมอ่ มไปแล้ว’ (หัวเราะ)”
คาว่า ‘หลวงพี่ฮีแลร์’ ดูจะเป็นคาเรียกท่านอย่างกว้างขวางในหมู่เจ้านาย แสดงถึง
ความคุ้นเคย นอกจากความสนิทสนมกับเจ้านายหลายพระองค์ พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลท่ี 7 และ 9 เคย
เสด็จพระราชดาเนนิ มาเยยี่ มโรงเรยี นอสั สมั ชัญ
ในหนังสือ สปั ตมราชาภิเษก กรมพระนราธปิ ประพันธพ์ งศ์ ทรงพระนพิ นธ์ไว้ว่า
“บาทหลวงสบิ แปดนอ้ ม วนั ทนา
หลวงพฮ่ี แี ลรส์ า- มารถรู้
อา่ นราชสดดุ คี ณา- เศยี รวาท ถวายเอย
แถลงมนัสหวังสวสั ดิก์ ู้ เกยี รตไิ ท้ไทเสนอ”
อาจารย์สุลักษณ์อธิบายว่า บทพระนิพนธ์น้ีกรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ทรงพระนิพนธ์
กล่าวถึงเมอ่ื บราเดอร์ฮีแลร์และบาทหลวงรวม 18 คน ไปรว่ มพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จ
พระปกเกลา้ เจ้าอยู่หวั และอา่ นคาถวายพระพรชยั มงคล
อาจารยส์ ุลักษณ์คัดกลอนดังกลา่ วมาลงตพี ิมพใ์ น อโุ ฆษสาร ทาใหภ้ ราดาฮีแลร์แปลกใจมาก
เพราะไมค่ ดิ วา่ นกั เรยี นจะรู้เรื่องพวกน้ี
อาจารย์สุลักษณ์ยังระบุในหนังสือ หกชีวประวัติ ว่า “บราเดอร์ฮีแลร์ทาหน้าท่ีแม่บ้าน
ของอัสสัมชัญอยู่จนตลอดชีวิต คือเป็นท้ังอาจารย์ผู้ปกครอง ต้องว่ิงเต้นหาเงินมาสร้างตึกและจ่าย
เงินเดือนครู พยายามรักษามาตรฐานการศึกษาแบบด้ังเดิมของอัสสัมชัญไว้ ต้องสู้กับกระทรวงฯ ที่
ต้องการให้สอนง่ายๆ สอนเปน็ ภาษาไทยทุกวิชา และคดิ ค่าเลา่ เรียนถูกๆ สู้กับผู้ปกครองที่ขอแต่ให้รับลูก
ตนเข้าอัสสัมชัญ เม่ือเกิดการเปล่ียนแปลงการปกครองใหม่ๆ เด็กนักเรียนสไตรก์ ไม่เรียนหนังสือ
เรยี กร้องเสรภี าพ ท่านก็ตอ้ งปราบจนเข้าทีเ่ ข้าทางจนได้”
“บราเดอร์ฮีแลร์ถือหลักว่า อัสสมั ชญั ต้องเนน้ เรื่องภาษา โดยเฉพาะภาษาฝรั่งเศส เขาถือว่า
เป็นแห่งเดียวท่ีสอนในเมืองไทย ผมไม่แน่ใจว่าเซนต์คาเบรียลสอนด้วยหรือเปล่า เพราะบราเดอร์พวกน้ี
เขามาจากฝร่ังเศส ภาษาอังกฤษถือเป็นรอง แต่เป็นที่รู้กันว่าโรงเรียนนี้จะเน้นภาษา” อาจารย์สุลักษณ์
กลา่ ว
มผี ตู้ ้งั ขอ้ สงั เกตว่า โรงเรียนอสั สัมชัญต้งั ขึน้ ถกู จงั หวะ เพราะเป็นช่วงที่รัฐและบริษัทห้างร้าน
ตา่ งๆ ต้องการคนไปทางาน แนวนโยบายของโรงเรียนอัสสัมชัญท่ีเน้นสอนภาษาต่างประเทศ จึงเป็นการ
ผลติ คนไวร้ องรับงาน
ช้ันมัธยมปลายของอัสสัมชัญคือตั้งแต่ ม.4 ข้ึนไป สอนทุกวิชา เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด
(ยกเวน้ วชิ าภาษาไทย) ตาราสว่ นใหญ่ใชข้ องตา่ งประเทศ
อาจารยส์ ุลักษณร์ ะบเุ รื่องนใ้ี นหนงั สือ ช่วงแหง่ ชวี ิต ไว้ว่า
“เมื่อสอบ ม.6 ได้กันหมดแล้ว หลายคนออกไปได้งานทาตามห้างฝร่ังกันเลย เพราะ
การศึกษาเพียงเท่านี้ก็พูดภาษาอังกฤษได้ แต่งจดหมายและเรียงความได้ นับว่าเป็นเสมียนห้างได้แล้ว
โดยทต่ี อนนีฝ้ ร่ังไดก้ ลับมาเขา้ มามีอิทธิพลขึน้ โดยเฉพาะกอ็ งั กฤษ โดยมีอเมรกิ ันตามติด ๆ เข้ามา
“นอกจากพวกโรงเรียนฝรั่งแล้ว ก็ไม่มีโรงเรียนอ่ืนใดฝึกคนไว้ให้เข้าในระดับพนักงานเช่นนี้
กนั เลย ท้ังห้างพวกนี้กใ็ หเ้ งินเดือนดีพอสมควร…”
อาจารยส์ ลุ กั ษณ์อธิบายเพิ่มเตมิ วา่
“ท่ีบอกว่าอัสสัมชัญเตรียมคนไว้รองรับงานราชการ ก็ถูกต้อง เพราะตอนน้ันงานราชการ
เป็นของใหม่ การรับราชการสมัยก่อนเป็นการสืบสกุลวงศ์ พวกขุนนางเอาลูกไปฝากเป็นมหาดเล็ก ภาค
ราชการมันเลก็
ในสมัยรัชกาลท่ี 5 ทา่ นต้องการขยายราชการใหม่ ถ้าจะรวมศนู ยอ์ านาจก็ต้องการคน ท่านก็
ตั้งโรงเรียนเองเลยเพ่ือเตรียมคน สวนกุหลาบเป็นต้น ต่อมาก็เป็นโรงเรียนฝึกหัดข้าราชการพลเรือน
มหาวิทยาลัย โรงเรยี นนายร้อย โรงเรียนนายเรือต่าง ๆ ก็เพราะต้องการคนท้ังน้ัน เป็นของใหม่ พอพวก
นักเรียนอัสสัมชัญ นักเรียนกรุงเทพคริสเตียนจบมาก็เป็นจังหวะดีเลยราชการกาลังต้องการคนก็ผลิตคน
ให”้
ฟ.ฮีแลร์ เป็นชาวฝร่ังเศสท่ีเทิดทูนสถาบันกษัตริย์ หนังสือ ช่วงแห่งชีวิต ของอาจารย์สุ
ลกั ษณ์ กลา่ วว่า
“เวลาไปคุยกับ ฟ.ฮีแลร์ ท่านด่าพวกปฏิวัติฝรั่งเศสเสียยับเยิน หาว่าเป็นคนนอกศาสนา
อาสัตย์ อาธรรม์ต่อพระมหากษัตริย์ ยิ่งเอ่ยถึงเลนิน สตาลินด้วยแล้ว ครูเฒ่าย่ิงสับหนักไปกว่ารุสโซและ
วอลแตร์เสียอีก
“เม่ือเสร็จสงครามโลกครั้งที่สอง กระทรวงออกกฎมามากมายเลย เขาก็ให้ผู้ปกครองมาลง
นามเลยวา่ จะเอาแบบโรงเรียนหรือแบบกระทรวง ผู้ปกครองเอาแบบโรงเรียนหมด ดังน้ันเมื่อขึ้นมัธยม 4
เป็นตน้ มา ทกุ อยา่ งสอนตามหลักสูตรโรงเรียนหมด ประวัติศาสตร์ก็เป็นการสอนแบบโรงเรียน เร่ิมต้ังแต่
พระเจ้าสรา้ งโลก และจบที่สมัยพระเจา้ หลุยสท์ ่ี 14 ไม่สอนเหตุการณ์หลังจากนั้น เขาถือว่าพวกที่ทาการ
ปฏวิ ัตเิ ปน็ พวกเลวรา้ ยมาก เพราะพวกบราเดอร์เทิดทูนสถาบันกษตั รยิ ์…”
อาจารย์สุลักษณ์ระบุว่า บราเดอร์ฮีแลร์ไม่เห็นด้วยกับหลักสูตรของกระทรวง เพราะบังคับ
ใหส้ อนอยา่ งไทยๆ ให้ลดภาษาต่างประเทศลง โดยมีวิชาจุกๆ จิกๆ ซึ่งท่านเห็นว่าไม่เป็นผล ท่านเห็นว่า
ควรให้แก่วิชาหลัก โดยเฉพาะภาษาต่างประเทศ จะได้ไปหากินได้ และที่สาคัญอย่างยิ่งคือ ให้เข้มแข็ง
ทางศีลธรรมจรรยา
“หลงั สงครามโลกครั้งท่ีสอง บราเดอร์ฮีแลร์บ่นเลยว่า คนไทยเดี๋ยวนี้เลวกว่าคนไทยแต่ก่อน
ทา่ นบอก คนไทยแต่ก่อนน่ีซ่ือสัตย์สุจริตมากกว่านี้เยอะ ตอนนี้ก็งก โกงกิน ท่านเอ่ยปากเลย ท่านว่าไม่รู้
โรงเรียนจะสอนคนให้สู้กับกระบวนการเลวร้ายนไ้ี ด้หรือไม่ เอ่ยปากอย่างนเี้ ลย
“ก็จริงของท่าน สงครามโลกคร้ังที่สองทาให้ค่าครองชีพสูงข้ึน เงินเดือนครูก็ไม่พอกิน
โรงเรียนกจ็ ะให้เงนิ เดือนครเู พิ่มไมไ่ ด้ สารพัด ทุกอย่างรดั ตวั
“แม้เราจะไม่ได้นับถือพระเจ้า แต่ก็เห็นว่าพระเจ้าอานวยพรให้บราเดอร์เหล่านี้อุทิศตน ทา
คุณงามความดีให้นักเรียนดูเป็นแบบอย่าง แต่เป็นความดีแบบโบราณนะ สอนให้คน Conservative
ท้ังน้ัน ไม่ชอบให้หัวก้าวหน้า บราเดอร์ฮีแลร์บอกผมเลยว่า ไอ้วอลแตร์เนี่ย รุสโซเน่ีย ตกนรกทั้งน้ันเลย
นะ” อาจารยส์ ุลักษณก์ ล่าว
ความดีแบบโบราณ คอื อะไร
“คอื จงรกั ภกั ดตี ่อพระเจา้ แผน่ ดิน พวกน้เี ขาชอบพระเจ้าแผ่นดิน ซ่ือสัตย์สุจริต ไม่โกงไม่คด
อย่าง เจ้าคุณศราภัย (พระยาศราภัยพิพัฒ) เป็นแบบอย่างเลย ท่านฮีแลร์ไปเย่ียมถึงในคุกเลยนะ แล้วก็
บอกว่า ลูกเจ้าคุณไม่ต้องห่วง โรงเรียนจะสอนให้เรียนฟรีตลอดเลย คือ ฟ.ฮีแลร์ ท่านจะอยู่ข้างคนท่ีถูก
เอาเปรยี บ
เดก็ ร่นุ หลังจะเรียนรอู้ ะไรจากบราเดอรฮ์ ีแลรแ์ ละอัสสัมชัญยุคก่อนได้บา้ ง
“ท่านเป็นคนซื่อสัตย์ แล้วก็เป็นคนถือกฎกติกาเข้มแข็งมาก คุณจะชอบไม่ชอบอีกเรื่อง แต่
ระเบียบแบบแผนนท่ี า่ นเขม้ งวดกวดขัน อทุ ิศตัวเพ่ือพระผู้เป็นเจา้ แท้ๆ
สังคมมันเปลี่ยนไป บางอย่างดีขึ้น บางอย่างแย่ลง น่ีเป็นธรรมดา ผมไม่วิตก ที่สาคัญคือ
ระบบการศกึ ษาของเราเวลาน้ี มันไปเน้นทุนนิยม บริโภคนิยม เน้นให้คนหาความร่ารวยกับอานาจ อันนี้
มนั ผิด อัสสัมชัญแต่กอ่ นเขาไมไ่ ด้เนน้ ส่ิงนี้ เนน้ ให้คนมีคุณภาพ มีคุณงามความดี ส่วนคุณจะไปได้อานาจ
หรือร่ารวย นัน่ เป็นประเดน็ รอง แตเ่ ด๋ียวนม้ี ันเป็นประเดน็ หลักไปแล้ว…”
เรือ่ ง : กรณิศ รตั นามหทั ธนะ
ภาพ : ปฏิพล รัชตอาภา
ทมี่ า : https://readthecloud.co/f-hilaire/