เมขลากับรามสูร
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์(E-book) นี้ จัดทำ มาเพื่อให้ผู้ อ่านได้ทราบข้อมูลเกี่ยวกับวรรณคดีเรื่อง เมขลา ทางคณะผู้จัดทำ หวังว่าหนังสือE-bookเล่มนี้จะมีประโย ขน์ต่อผู้อ่านไม่มากก็น้อง คำ นำ จัดทำ โดย นายสิปปณัฎฐ์ เป็นสุข
เรื่องย่อ 1 เนื้อเรื่อง ข้อคิด ประเด็นและปัญหา บรรณานุกรม สารบัญ หน้า 2 17 18 20
ขณะที่นางเมขลาเหาะออกจากวิมานเพื่อไปร่วมงานนักขัต ฤกษ์ บังเอิญเจ้ายักษ์รามสูรได้เห็นแสงแวววาวของดวง แก้ววิเศษก็นึกอยากได้รีบเหาะติดตามหมายจะชิงมาเป็น ของตน ส่วนนางเมขลาเห็นว่าจอมอสูรผู้นี้เป็นยักษ์ชั้นเลว ที่เที่ยวเกะกะระรานไปทั่วทั้งแดนสวรรค์และใต้บาดาล เหล่า เทพเทวาทั้งหลายต่างเกลียดและกลัวไม่อยากจะตอแยด้วย เพราะเจ้ายักษ์รามสูรนี้มีขวานวิเศษอยู่ด้ามหนึ่งทำ ให้ไม่มี ใครสู้ฤทธิ์ได้ นางเมขลาจึงคิดที่จะยั่วโทสะจอมมาร เรื่องย่อของ เมขลากับรามสูร
คนทางประเทศตะวันออก เช่น ประเทศอินเดีย จีน ประเทศในแหลมอินโดจีน รวม ทั้งคนไทยมีความเชื่อกันว่า เมื่อใดที่ฝนตกฟ้าคะนอง ฟ้าแลบ เป็นประกายเจิดจ้า ตามด้วยเสียงฟ้าร้อง สะเทือนไปทั้งแผ่นดิน และบางครั้งฟ้าก็ผ่าลงมาดังสนั่น หวั่นไหว ถูกอะไรก็พังพินาศ ไหม้เป็นจุล ไม่ว่าคนหรือสัตว์ โดนฟ้าผ่าก็ตายทันที ปรากฏการที่กล่าวมานี้ คนชาวอาเซียเชื่อกันว่า เกิดจากอำ นาจ แก้ววิเศษของ นางฟ้าเมขลา และขวานวิเศษของอสูรเทพรามสูร ดังรายละเอียดของเรื่องว่าไว้ ดังนี้ เนื้อเรื่อง
เนื้อเรื่อง เมขลา เป็นเทพธิดาผู้รักษาน่านน้ำ และนางผู้ถือดวงแก้วล่อให้รามสูรขว้าง ขวานทำ ให้เกิดฟ้าแลบและฟ้าร้อง (ดูรามสูร) นิยายพื้นบ้านของไทยยกเรื่องฟ้า คะนองขึ้นมาเล่าว่า นางเมขลาหรือมณีเมขลามีดวงแก้วประจำ ตัว รามสูร พอใจใน ดวงแก้วและความงามของเมขลา จึงเที่ยววิ่งไล่จับนาง เมื่อจับไม่ทันก็ใช้ขวานขว้าง แต่ไม่ถูก เพราะเมขลาใช้แก้วล่อจนเป็นฟ้าแลบ แสงแก้วทำ ให้ตารามสูรมัวจึงขว้าง ขวานไม่ถูก
เรื่องเมขลารามสูรนี้ในวรรณคดีเก่า ๆ เช่น เฉลิมไตรภพ ว่า มีพระยามังกรการ ตนหนึ่งอมแก้วไว้เสมอ จะไปไหนก็เอาดวงแก้วทูนศีรษะไว้ มังกรการได้แปลงเป็นเทวดาไปสมสู่กับ นางฟ้ามีบุตรีชื่อ เมขลา เมื่อเจริญวัยขึ้นมีความงามยิ่ง มังกรการได้นำ บุตรีและดวงแก้วไปมอบ แก่พระอิศวร ครั้งหนึ่งเมขลาได้ขโมยดวงแก้ววิเศษนั้นไป ราหูผู้มีครึ่งตัวเพราะถูกจักรพระ นารายณ์เมื่อครั้งแปลงเป็นเทวดาไปดื่มน้ำ อมฤต ได้อาสาไปจับเมขลา และได้ชวนรามสูรผู้เพื่อน ไปด้วย รามสูรได้ขว้างขวานจนกลายเป็นฟ้าลั่น เนื้อเรื่อง
เมขลาช่วยพระชนก เรื่องรามสูรเมขลาในวรรณคดีสันสกฤตไม่มี แต่ในรามเกียรติ์กล่าวถึงรามสูร (เพี้ยนมาจากปรศุราม) ว่าเป็นอสูรเทพบุตร มีขวานเพชร ในเทศกาลวสันต์ เทวดาและอัปสร เล่นจับระบำ กัน รามสูรเจ้าไปไขว่คว้านางอัปสร และไล่ตามนางเมขลาไปพบพระอรชุน ได้ท้ารบกัน รามสูรจับอรชุนสองขาฟาดเหลี่ยมพระสุเมรุตาย นางเมขลาฝ่ายบาลีนั้นว่ามีหน้าที่รักษาน่านน้ำ มหาสมุทร คอยช่วยเหลือผู้มีบุญที่ตกน้ำ เช่น ช่วยพระชนกและพระสมุทรโฆษ เมขลาของ อินเดียมีคำ ว่ามณีอยู่ด้วยรวมเป็นมณีเมขลา จึงรวมเป็นองค์เดียวกับเมขลาที่ถือแก้วในนิยาย พื้นบ้านไทย เนื้อเรื่อง
เรื่องรามสูรเมขลาในวรรณคดีสันสกฤตไม่มี แต่ในรามเกียรติ์กล่าวถึงรามสูร (เพี้ยนมาจาก ปรศุราม) ว่าเป็นอสูรเทพบุตร มีขวานเพชร ในเทศกาลวสันต์ เทวดาและอัปสรเล่นจับระบำ กัน รามสูรเจ้าไปไขว่คว้านางอัปสร และไล่ตามนางเมขลาไปพบพระอรชุน ได้ท้ารบกัน รามสูร จับอรชุนสองขาฟาดเหลี่ยมพระสุเมรุตาย นางเมขลาฝ่ายบาลีนั้นว่ามีหน้าที่รักษาน่านน้ำ มหาสมุทร คอยช่วยเหลือผู้มีบุญที่ตกน้ำ เช่น ช่วยพระชนกและพระสมุทรโฆษ เมขลาของ อินเดียมีคำ ว่ามณีอยู่ด้วยรวมเป็นมณีเมขลา จึงรวมเป็นองค์เดียวกับเมขลาที่ถือแก้วในนิยาย พื้นบ้านไทย เรื่องฟ้าคะนองนี้มีอีกว่า เป็นเพราะรามสูร เมขลา และพระประชุนมาชุมนุม รื่นเริงกัน พระประชุนคือพระอินทร์ในสมัยพระเวทที่มีหน้าที่ทำ ให้เกิดพายุฝน พระอินทร์ใน หน้าที่นี้เรียกว่า ปรรชันยะ หรือ ปรรชัยนวาต ไทยเรียกเป็นพระประชุน เมื่อมีการชุมนุม รื่นเริงกันของเทพแห่งฝน เมขลาผู้มีดวงแก้วและรามสูรผู้มีขวานจึงทำ ให้เกิด ฟ้าแลบ ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า เป็นเรื่องเอานิยายไทยมาปนกับอินเดีย เนื้อเรื่อง
เมขลาของจีนมีชื่อว่า เง็กนิ้ง แปลว่า นางหยก บางทีก็ชื่อ เตียนบ๊อ แปลว่าเจ้า แห่งสายฟ้า แต่ไม่ได้ถือดวงแก้ว หากถือธงหรือกระจกเงาทำ ให้เกิดแสงแวบวับ (อุทัย สินธุ สาร 2520:3500-3501) รามสูร เป็นยักษ์ถือขวานเป็นอาวุธ เป็นผู้ทำ ให้ฟ้าร้อง เรื่องรามสูรมักมีคู่กับเมขลา (ดู เมขลา) บางแห่งว่า รามสูร เลือนมาจากปรศุราม ในนารายณ์สิบปาง ปางที่ 6 กล่าวว่า ปรศุรามเป็นพราหมณ์ ลูกฤษีชมทัศนีกับนางเรณุกา มีขวานเป็นอาวุธ ปรศุรามได้บำ เพ็ญตบะ จนบรรลุอริยผลหลายชั้นเหลือแต่ชั้นสูงสุดคือ ปรพรหม ปรศุรามโทโสร้ายจึงมีฉายาว่า “ นยักษ์ ” แปลว่า ต่ำ เมื่อพบกับพระรามก็ท้ารบแล้วรบแพ้พระราม ๆ ไม่ฆ่าด้วยเห็นว่าเป็น พราหมณ์ แต่ให้เลือกว่าจะให้แผลงศรไปทำ ลายมรรค (ทางดำ เนินสู่อริยภูมิ) หรือ ผล (อริย ภูมิที่จะบรรลุด้วยบำ เพ็ญตบะ) ปรศุรามเลือกให้ทำ ลายผล เนื้อเรื่อง
เนื้อเรื่อง เ รามสูร ถวายศร ในรามเกียรติ์ว่า รามสูรเป็นอสูรเทพบุตร มีขวานเพชรเป็นอาวุธมีฤทธิ์มาก ในเทศกาลวสันต์ เทวดาและอัปสรเล่นนักษัตรฤกษ์จับระบำ กัน รามสูรเข้าไปไล่จับนางเมขลาพบพระอรชุน เกิดรบกัน รามสูรจับสองขาอรชุนฟาดเหลี่ยมเขาพระสุเมรุตาย คราวหนึ่งได้พบพระรามที่กลับจากอภิเษก สมรส จะไปกรุงอโยธยาเกิดรบกับพระราม แต่ยอมแพ้เมื่อรู้ว่าเป็นพระนารายณ์ แล้วถวายศรที่ พระอิศวรประทานแก่ยักษ์ตรีเมฆผู้เป็นอัยกาตน
เนื้อเรื่อง นิยายชาวบ้านว่า รามสูรเป็นยักษ์ถือขวานเพชรเป็นอาวุธ เป็นเพื่อนกับพระราหู เมื่อ พระราหูไปดื่มน้ำ อมฤตที่พระนารายณ์ชักชวนไปกวน แล้วถูกพระนายรายณ์เอาจักรขว้างตัดร่าง ขาดครึ่งตัวแต่ไม่ตายเพราะดื่มน้ำ ทิพย์ รามสูรก็คิดจะขอพรพระอินทร์ให้พระราหูกลับมีร่างดังเดิม บังเอิญนางเมขลาไปลักดวงแก้วพระอินทร์จึงจะจับนางไปถวายเพื่อได้ความชอบก่อน แต่เมขลาก็ หลบหลีกโยนแก้วล่อหลอกรามสูร รามสูรจึงขว้างขวานเพชรไป แต่อำ นาจดวงแก้ววิเศษคุ้มครอง นางเมขลาไว้ ต่างวนเวียนไล่ล่อกันจนเกิดเป็นฟ้าแลบเพราะแสงแก้วของเมขลา และมีเสียงฟ้าร้อง เพราะรามสูรขว้างขวาน
เนื้อเรื่อง เรามสูรจีนชื่อ ลุ่ยกง หน้าตาน่าเกลียดหัวมีผมพนมขึ้นไปเหมือนลิง หน้าเหมือนครุฑ ผิวเนื้อ ดำหรือเขียว มีปีกอย่างค้างคาว ที่ตีนมีเล็บอย่างเหยี่ยว เอากลองมาร้อยกันสวมคอเป็นสร้อย สังวาลย์ เสียงฟ้าร้องนั้นเกิดจากลุ่ยกงรัวกลอง บ้างว่ามือหนึ่งของลุ่ยกงถือสิ่ว อีกมือหนึ่งถือ ขวานและฆ้อน ลุ่ยกงมีหน้าที่ลงโทษผู้มีใจชั่วโดยให้ฟ้าผ่า ครั้งหนึ่งไปผ่าคนผิดโดยผ่าชายคน หนึ่งซึ่งโยนเปลือกแตงโมทิ้ง โดยเข้าใจว่าโยนข้าวที่มีประโยชน์แก่มนุษย์ทิ้ง เรื่องรู้ถึงลุ่ยโจ๊ว หัวหน้าใหญ่จึงบัญชาให้เง็กนิ้ง (แปลว่านางหยก) หรือบางทีเรียกว่าเตียนบ๊อ ซึ่งเป็นนางเมขลาของจีนนำกระจกมาคอยฉาย และคอยโบกธงให้ลุ่ยกงรู้ก่อนว่าผู้ใดมีใจชั่วควรลงโทษ คราวหนึ่ง ลุ่ยกงทำให้ฟ้าผ่าถูกลูกชาวนาตาย พ่อเด็กจึงทำพิธีบวงสรวงลุ่ยกงเพราะเชื่อว่าลูกตนไม่มี ความผิด
เนื้อเรื่อง ลุ่ยกงพิจารณาแล้วเห็นว่าเด็กไม่ผิดจึงทำ ให้ฟ้าผ่าอีกครั้ง ให้เด็กนั้นคืนชีวิตขึ้นมาได้ และอีกครั้ง หนึ่งลุ่ยกงทำ งานพลาดแล้วตนเองไปติดอยู่ในง่ามไม้ที่ตนให้ฟ้าผ่า ถูกไม้หนีบออกไม่ได้ ต้องขอให้ คนตัดฟืนช่วย คนตัดฟืนต้องเอาหินทำ เป็นลิ่มตอกตรงรอยแยกให้ไม้ถ่างช่วยลุ่ยกงออกมาได้ ลุ่ย กงจึงมอบตำ ราศักดิ์สิทธิ์เรียกฝน และรักษาโรคภัยความเดือดร้อนต่าง ๆ ได้ คนตัดฟืนได้อาศัย ตำ รานั้นช่วยผู้คนจนร่ำ รวย วันหนึ่งคนตัดฟืนกินเหล้าเมาไปนอนในศาลเจ้า เจ้าเมืองจับตัวไป ชายนั้นก็ขอให้ลุ่ยกงช่วย ลุ่ยกงจึงบันดาลให้ฟ้าผ่า เจ้าเมืองจึงต้องปล่อยตัวไป
เนื้อเรื่อง เรามสูรจีนชื่อ ลุ่ยกง หน้าตาน่าเกลียดหัวมีผมพนมขึ้นไปเหมือนลิง หน้าเหมือนครุฑ ผิวเนื้อดำ หรือเขียว มีปีกอย่างค้างคาว ที่ตีนมีเล็บอย่างเหยี่ยว เอากลองมาร้อยกันสวมคอเป็นสร้อย สังวาลย์ เสียงฟ้าร้องนั้นเกิดจากลุ่ยกงรัวกลอง บ้างว่ามือหนึ่งของลุ่ยกงถือสิ่ว อีกมือหนึ่งถือ ขวานและฆ้อน ลุ่ยกงมีหน้าที่ลงโทษผู้มีใจชั่วโดยให้ฟ้าผ่า ครั้งหนึ่งไปผ่าคนผิดโดยผ่าชายคนหนึ่ง ซึ่งโยนเปลือกแตงโมทิ้ง โดยเข้าใจว่าโยนข้าวที่มีประโยชน์แก่มนุษย์ทิ้ง เรื่องรู้ถึงลุ่ยโจ๊วหัวหน้าใหญ่ จึงบัญชาให้เง็กนิ้ง (แปลว่านางหยก) หรือบางทีเรียกว่าเตียนบ๊อ ซึ่งเป็นนางเมขลาของจีนนำ กระจกมาคอยฉาย และคอยโบกธงให้ลุ่ยกงรู้ก่อนว่าผู้ใดมีใจชั่วควรลงโทษ คราวหนึ่งลุ่ยกงทำ ให้ ฟ้าผ่าถูกลูกชาวนาตาย พ่อเด็กจึงทำ พิธีบวงสรวงลุ่ยกงเพราะเชื่อว่าลูกตนไม่มีความผิด
เนื้อเรื่อง ลุ่ยกงพิจารณาแล้วเห็นว่าเด็กไม่ผิดจึงทำ ให้ฟ้าผ่าอีกครั้ง ให้เด็กนั้นคืนชีวิตขึ้นมาได้ และอีกครั้ง หนึ่งลุ่ยกงทำ งานพลาดแล้วตนเองไปติดอยู่ในง่ามไม้ที่ตนให้ฟ้าผ่า ถูกไม้หนีบออกไม่ได้ ต้องขอให้ คนตัดฟืนช่วย คนตัดฟืนต้องเอาหินทำ เป็นลิ่มตอกตรงรอยแยกให้ไม้ถ่างช่วยลุ่ยกงออกมาได้ ลุ่ย กงจึงมอบตำ ราศักดิ์สิทธิ์เรียกฝน และรักษาโรคภัยความเดือดร้อนต่าง ๆ ได้ คนตัดฟืนได้อาศัย ตำ รานั้นช่วยผู้คนจนร่ำ รวย วันหนึ่งคนตัดฟืนกินเหล้าเมาไปนอนในศาลเจ้า เจ้าเมืองจับตัวไป ชายนั้นก็ขอให้ลุ่ยกงช่วย ลุ่ยกงจึงบันดาลให้ฟ้าผ่า เจ้าเมืองจึงต้องปล่อยตัวไป
เนื้อเรื่อง ณ สวรรค์ชั้นฟ้าอันเป็นที่สถิตของเหล่าเทพยาดาและบรรดานางฟ้าทั้งหลาย ครั้นถึงวสันตฤดู เหล่าทวยเทพต่างร่วมกันจัดงานนักขัตฤกษ์มีการละเล่นเป็นที่สนุกสนานครื้นเครง ในครั้งนั้น นางฟ้าองค์หนึ่งนามว่า เมขลา สถิตอยู่ ณ วิมานรัตนะ มีหน้าที่คอยพิทักษ์รักษาสมุทรไท นาง มีดวงแก้ววิเศษดวงหนึ่งซึ่งได้รับการประทานมาจากพระนารายณ์ทำ ให้มีอิทธิฤทธิ์ เมื่อเหาะไปแห่ง หนใดเมขลาก็ถือดวงแก้ววิเศษนี้ติดตัวไปด้วยเสมอ ขณะที่นางเมขลาเหาะออกจากวิมานเพื่อไปร่วมงานนักขัตฤกษ์ บังเอิญเจ้ายักษ์รามสูรได้เห็นแสง แวววาวของดวงแก้ววิเศษก็นึกอยากได้รีบเหาะติดตามหมายจะชิงมาเป็นของตน ส่วนนางเมขลา เห็นว่าจอมอสูรผู้นี้เป็นยักษ์ชั้นเลวที่เที่ยวเกะกะระรานไปทั่วทั้งแดนสวรรค์และใต้บาดาล เหล่าเทพ เทวาทั้งหลายต่างเกลียดและกลัวไม่อยากจะตอแยด้วย เพราะเจ้ายักษ์รามสูรนี้มีขวานวิเศษอยู่ ด้ามหนึ่งทำ ให้ไม่มีใครสู้ฤทธิ์ได้ นางเมขลาจึงคิดที่จะยั่วโทสะจอมมาร
เนื้อเรื่อง มาร ๏ อสุราเห็นแก้วแววไว ซึ่งนางเมขลาโยนเล่น ยิ่งเห็นยิ่งชอบอัชฌาสัย ยิ่งพิศยิ่งติดต้องใจ จะใคร่ได้ดวงจินดา หมายเขม้นเข่นเขี้ยวจะราญรอน กรกุมขวานเพชรเงื้อง่า เผ่นโผนโจนไปในเมฆา ไล่นางเมขลาด้วยฤทธีฯ ……………. …………….. เมื่อนั้น นวลนางเมขลามารศรี เลี้ยวล่อรามสูรอสุรี กรโยนมณีจินดา ทำ ทีประหนึ่งจะให้แก้ว กลอกแสงพราวแพรวบนหัตถา ครั้นรามสูรไล่เลี้ยวมา กัลยารำ ล่ออสุรี นางแกล้งเลี้ยวลัดฉวัดเฉวียน เวียนไปตามจักราศี มือหนึ่งชูแก้วมณี ทำ ทีเยาะเย้ยอสุราฯ นางเมขลาถือดวงแก้วล่อหลอกเหาะหนี ฝ่ายรามสูรก็ควงขวานเพชรไล่ติดตาม อย่างไม่ลดละ พอได้ระยะจอมอสูรหมายจะขว้างขวานในมือใส่่ รามสูรตกใจขวาน จึงพลาดเป้าแล่นแฉลบไปตามหมู่เมฆในท้องฟ้า บางครั้งก็ลงมาถึงพื้นดินเกิด เสียงสะเทือนเลื่อนลั่น ขณะนั้น พระอรชุน ผู้เป็นใหญ่เหาะผ่านมาพอดี
เนื้อเรื่อง ร้อนถึงเหล่าเทพยดาทั้งหลาย รวมทั้งบรรดาฤาษีชีไพร ครุฑ นาค คนธรรพ์ ต้องมาทำ พิธีชะลอเขาพระสุเมรุให้กลับตั้งตรงดังเดิมโดยใช้พญานาคพันรอบเขาไว้แทนเชือกแล้วช่วย กันออกแรงดึง ซึ่งพระอินทร์ทำ หน้าที่เป่าสังข์ให้อาณัติสัญญาณ เหตุการณ์ในเรื่องนางเมขลารามสูรนี้ เป็นเกร็ดตอนหนึ่งจากรามเกียรติ์ ซึ่งก็คือตำ นาน ที่มาปรากฏการณ์ธรรมชาติอันได้แก่ ฟ้าแลบ ฟ้าร้อง และฟ้าผ่านั่นเอง คนสมัยโบราณ เชื่อกันว่าสายฟ้าคือประกายแสงจากขวานของรามสูร ซึ่งหากฟ้าผ่าลงมายังพื้นดินถูก ต้นไม้ก็จะทำ ให้หักโค่นจนเกิดไฟลุกไหม้ บางตำ รากล่าวว่าเมขลาเป็นนางฟ้าผู้เป็นนางบำ เรอของพระอิศวร ซึ่งพระบิดาของนาง เองเป็นผู้นำ มาถวายพร้อมกับดวงแก้ว วันหนึ่งนางเมขลาได้ทูลถามต่อพระอิศวรว่า เพราะเหตุใดนางจึงต้องมีเวรเข้าเฝ้า จึงได้รับคำ ตอบว่านางนั้นเหนือกว่านางฟ้าทั่วไป เพราะเป็นรองพระอุมาและมีหน้าที่ดูแลดวงแก้ว อยู่มาวันหนึ่งนางเมขลาเกิดไม่พอใจใน ฐานะความเป็นอยู่ของตน จึงลักดวงแก้วของพระอิศวรแล้วเหาะไปเที่ยวเล่น เนื่องจาก มีดวงแก้ววิเศษ เหล่าเทพเทวาทั้ง
เนื้อเรื่อง หลายจึงไม่อาจจับตัวได้ กล่าวถึงเจ้ายักษ์รามสูรผู้เป็นสหายกับฝนและกินลมเป็นอาหาร อสูรผู้นี้มีขวานเพชรเป็น อาวุธและเป็นมิตรกับพระราหู วันหนึ่งรามสูรได้รับการไหว้วานจากพระราหูให้ช่วยไป ชิงดวงแก้วและจับนางเมขลา เพื่อพระราหูจะได้นำ ไปถวายพระอิศวรอีกต่อหนึ่งเป็นการไถ่ โทษในความผิดของตน ซึ่งครั้งหนึ่งเคยแปลงตัวเป็นเทวดาแอบไปกินน้ำ อมฤตเมื่อคราว เหล่าเทพและอสูรช่วยกันกวนเกษียรสมุทร แต่ด้วยอำ นาจแสงที่ส่องออกมาจากดวงแก้ว รามสูรจึงไม่สามารถขว้างขวานถูกนางได้แม้แต่ครั้งเดียว … ดังนั้นเมื่อนางเมขลากับรามสูรพบกันเมื่อไหร่ ก็จะเกิดเหตุการณ์สั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไป ทั้งแดนสวรรค์และโลกมนุษย์ตราบถึงทุกวันนี้…ไทยเราคิดเห็นไปว่าเมื่อเวลาฟ้าแลบ ฟ้าร้องนั้น ก็คือเวลาเมขลาล่อแก้วและรามสูรขว้างขวานนี่เอง แสงแก้วคือแสงฟ้าแลบ เสียงขวานคือฟ้าร้อง
ข้อคิด ๑. เรี่องเมขลากับรามสูร เป็นการอธิบายเกี่ยว กับการเกิดฟ้าแลบ ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า…ทำ ให้เรา เรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติรอบตัวได้สนุกมากขึ้น… ที่สำ คัญทำ ให้เข้าและผูกพันกับท้องถิ่น ก่อให้เกิด ความภาคภูมิใจในท้องถิ่น ๒. ได้เรียนรู้กาพย์กลอนการใช้คำ ภาษาไทยที่ สวยงาม ก่อให้เกิดความภาคภูมิใจในภาษา ศิลปะ วัฒนธรรมของไทย
ประเด็นที่1 ทำ ไมเมขลาถึงมีลูกแก้วล่อฟ้าอยู่ในมือ ประเด็นที่2 ทำ ไมรามสูรต้องโมโหนางเมขลา
ปัญหาในการดำ เนินงานคือ ข้อมูลของเรื่องนี้แบบละเอียดค่อนข้างหายากจึงต้องใช้เวลา ตอนนี้กำ ลังดำ เนินการหาข้อมูล แหล่งที่มา:https://nitanstory.com
บรรณานุกรม สิปปณัฎฐ์ เป็นสุข. (2567).วรรณคดีเรื่องเมขลา.สืบค้น 24 ธันวาคม 2566, จากแหล่งที่มา:https://nitanstory.com กิเลน ประลองเชิง (24 มกราคม 2557). "เมขลาล่อแก้ว" นาค ใจอารีย์. อันเนื่องมาแต่วรรณคดี. พระนคร : คุรุสภา, 2507, หน้า 250-251
พิสูจน์อักษร จิรวัฒน์ สิทธารถธรรม สรวิท แซ่ลิ้ม