ความเป็นมา
รามเกียรติเ์ ป็นวรรณคดสี าคัญของไทยทีม่ ตี ้นกาเนดิ จากคัมภีร์รามายณะ ของอินเดีย สันนษิ ฐานว่า
พ่อค้าชาวอนิ เดียเป็นผู้นามาเผยแพรใ่ นประเทศไทยในรูปแบบการถา่ ยทอดทางมุขปาฐะ คือเปน็ การเลา่ นทิ าน
เรอื่ ง “พระราม” ต่อมาจึงนามาแต่งใหม่ตามฉันทลักษณ์ร้อยกรองของไทย ดงั จะเห็นได้ว่ากวีไทยนยิ มนาเรอื่ ง
รามเกยี รต์ิมาแตง่ ตงั้ แต่สมยั อยุธยาแลว้
ภาพจติ รกรรมฝาผนงั เล่าเรื่องราวรามเกียรติ์ วดั พระศรรี ตั นศาสดาราม
ในสมัยรตั นโกสนิ ทร์ พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟ้าจฬุ าโลกมหาราช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้
ทานุบารุงวรรณกรรมของชาติไวใ้ ห้เป็นสมบัตขิ องอนุชน รุ่นหลังสืบไป โปรดเกล้าฯ ให้กวีรวบรวมบทละคร
เร่ืองรามเกยี รติไ์ ว้เปน็ ตน้ ฉบบั สาหรบั พระนคร บทละครเร่ืองรามเกียรติ์สานวนนีจ้ งึ นบั วา่ เปน็ สานวนท่ีสมบรู ณ์
ที่สุด มีจานวน ๑๑๖ เล่มสมดุ ไทย มเี หตกุ ารณ์สาคัญหลายตอนและตัวละครสาคัญหลายตวั ซง่ึ มีเนื้อหาสืบ
เนือ่ งกันมาตั้งแตต่ น้ เร่อื ง
ผู้แต่ง
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราช
มพี ระนามเดิมวา่ “ทองดว้ ง” ทรงพระราชสมภพ เม่ือวนั ที่
๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๒๗๙ ในรัชกาลของพระเจ้าอย่หู ัว
บรมโกศ เสด็จข้นึ ครองราชย์ เมือ่ วันท่ี ๖ เมษายน พ.ศ.
๒๓๒๕ ขณะมีพระชนมพรรษาได้ ๔๖ พรรษา และเสดจ็
สวรรคต พ.ศ. ๒๓๕๒ รวมพระชนมายไุ ด้ ๗๓ พรรษา
พระบาทสมเด็จพระพทุ ธยอดฟา้ จุฬาโลกมพี ระ
ราชกรณียกจิ ที่สาคัญหลายดา้ น ตง้ั แตท่ รงเริ่มครองราชย์
เชน่ ทรงสถาปนากรุงรตั นโกสินทร์ และพระราชทานนาม
พระนครใหมว่ ่า “กรงุ เทพมหานครบวรรตั นโกสนิ ทร์ มหิ
นทรายทุ ธยามหาดิลกภพนพรัตน์ราชธานีบุรรี มยอ์ ุดมราช
นิเวศนม์ หาสถานอมรพิมานอวตารสถิต สกั กทัตตยิ ะ
วษิ ณกุ รรมประสิทธ์ิ” ต่อมาในรชั สมัยพระบาทสมเดจ็ พระ
จอมเกลา้ เจา้ อยู่หวั ทรงแปลงสร้อยพระนามพระนครจาก
“บวรรัตนโกสนิ ทร์” เป็น “อมรรัตนโกสินทร์”และ โปรด
เกล้าฯ ใหอ้ ัญเชญิ พระพทุ ธมหามณรี ตั นปฏิมากร หรือพระ
แก้วมรกตมาประดษิ ฐาน ณ พระอโุ บสถ วัดพระศรรี ัตน โปรดเกลา้ ฯ ให้ต้งั การพระราชพิธบี รม
ศาสดาราม ราชาภเิ ษกสมบรู ณแ์ บบอย่างโบราณราช
ประเพณี ณ พระท่ีนั่งอมรนิ ทราภิเษกมหาปราสาท ซึ่งโปรดเกล้าฯ ให้สรา้ งข้ึนด้วยไม้ท้ังองค์ หลังคาดาดดว้ ย
ดีบุกโดยถ่ายแบบจากพระท่ีนั่งสรรเพชญปราสาทในพระนครศรีอยธุ ยา โปรดเกลา้ ฯ ให้ฟ้ืนฟกู ารเลน่ สักวา ใน
ดา้ นศาสนา โปรดเกลา้ ฯ ใหส้ ังคยนาพระไตรปิฎก พร้อมทั้งอรรถกถาฎกี า ณ วดั มหาธาตุยุวราชรังสฤษฎ์ิ สร้าง
หอมณเฑยี รธรรมข้นึ ในบรเิ วณวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เพอ่ื ใชส้ าหรับเกบ็ คัมภีรท์ างพุทธศาสนา เป็นต้น ดา้ น
อักษรศาตร์ พระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟ้าจฬุ าโลกทรงพระราชนพิ นธ์วรรณคดีหลายเรื่อง เชน่ บทละคร
เร่ืองรามเกยี รต์ิ บทละครเร่ืองอุณรทุ นิราศรบพมา่ ทา่ ดนิ แดง และทรงชาระพระราชพงศาวดาร
จดุ ประสงค์ในการแตง่
พระบาทสมเด็จพระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราช ทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นดว้ ยเหตุผลหลายประการ ไดแ้ ก่
๑. เพ่ือใช้เป็นบทละครใน
๒. เพ่ือปลกุ ใจใหป้ ระชาชนเกิดความกลา้ หาญ
๓. เพ่ือใหม้ ีเรื่องรามเกยี รติ์ฉบับสมบรู ณ์
๔. เพื่อแสดงให้เหน็ ว่า “ธรรมะยอ่ มชนะอธรรม”
๕. เพ่ือใหม้ คี วามซอื่ สัตย์สุจริตตอ่ บิดามารดา
๖. เพ่ือให้เหน็ ตัวอยา่ งของความไม่เท่ียงแท้ของส่ิงตา่ ง ๆ ในโลก
ลักษณะคาประพนั ธ์
บทละครในเร่ืองรามเกยี รต์ิแต่งเป็นกลอนบทละคร ซ่งึ มีลักษณะบางประการคล้ายกลอนสภุ าพหรือ
กลอนแปด กลอนบทละครแต่งขนึ้ เพื่อใช้ประกอบการแสดงละคร
๑. ลกั ษณะบังคับ มีดงั นี้
๑.๑ บทหน่ึงมี ๔ วรรค หรอื ๒ บาท ในแตล่ ะวรรคนิยมใช้คา ๖ – ๗ คา ไมเ่ กนิ ๘ คา เพราะรอ้ ง
ไดล้ งจังหวะและเข้ากับทานองไดด้ กี วา่
แผนผงั คาประพนั ธ์
ตวั อยา่ ง ถึงนนทกน้าใจกล้าหาญ
มาจะกล่าวบทไป ประทานใหล้ า้ งเทา้ เทวา
สรุ าฤทธต์ิ บหัวแล้วลบู หน้า
ตง้ั แต่พระสยมภูวญาณ บา้ งถอนเส้นเกศาวุน่ ไป
อยูบ่ ันไดไกรลาสเปน็ นจิ
บา้ งใหต้ กั นา้ ลา้ งบาทา
๑.๒ สัมผสั บงั คบั มีดงั นี้
• คาสดุ ทา้ ยของวรรคท่ี ๑ สง่ สัมผสั ไปยงั คาที่ ๓ หรอื ๕ ของวรรคที่ ๒
• คาสุดทา้ ยของวรรคที่ ๒ สง่ สัมผสั ไปยงั คาสุดท้ายของวรรคท่ี ๓
• คาสุดทา้ ยของวรรคท่ี ๓ ส่งสัมผสั ไปยงั คาท่ี ๓ หรือ ๕ ของวรรคที่ ๔
• ถา้ แต่งหลายบท คาสุดท้ายของวรรคที่ ๔ ต้องสง่ สัมผสั ระหวา่ งบทไปยังคาสดุ ท้ายของวรรค
ท่ี ๒ ของบทต่อไป
๒. มคี านาหรอื คาขึน้ ต้นเมือ่ จะเร่มิ บท ดงั น้ี
๒.๑ “มาจะกลา่ วบทไป” ใชส้ าหรับขนึ้ ต้นเรือ่ ง หรอื กล่าวถงึ เรื่องที่แทรกเข้ามา
๒.๒ “เมื่อน้ัน” ใช้ข้นึ ตน้ เมื่อกลา่ วถึงผูม้ ียศศักด์ิ เช่น พระมหากษตั รยิ ์ พระมเหสี เทวดาผเู้ ป็นใหญ่
๒.๓ “บัดน้นั ” ใช้ขึ้นตน้ เม่ือกลา่ วถึงผูน้ ้อย หรอื ผู้ใต้บังคับบญั ชา เช่น อามาตย์ เสนาทหาร สามัญชน
๒.๔ อาจใช้คาข้ึนต้นอน่ื ๆ ได้ เช่น “ฟังพาที” หรือ ขนึ้ ต้นคล้าย กลอนดอกสร้อย คือ วรรคสดับ
มี ๔ คา มคี าวา่ “เอย” หรือ “เอ๋ย” เป็นคาที่ ๒ เชน่ สดุ เอยสดุ สวาท โฉมเอยโฉมเฉลา
เมื่อน้ัน บดั น้ัน
จะใชก้ บั ตวั ละครท่ีเป็น จะใชก้ บั ตวั ละครทว่ั ไป
กษตั ริย์ หรือเทวดา
มาจะกลา่ วบทไป
จะใชเ้ มื่อเปลีย่ นเรือ่ งมาเลา่ เรื่องใหม่ ซึ่งเปน็ รูปแบบพิเศษท่ีใช้
เฉพาะในกลอนบทละครเท่าน้ัน ลักษณะกลอนบทละครยังคงมี
วรรคละ ๖-๙ คา เชน่ เดียวกบั กลอนบทละครโดยท่วั ไป
๓. คาขึ้นตน้ ดงั กล่าวสามารถใช้แทนวรรคสดับได้ เช่น
• “เมือ่ นั้น นางสีดานารีศรีใส”
• “บัดนั้น กรมเมืองรบั สง่ั ใส่เกศี”
รูจ้ กั ตวั ละคร
พระอศิ วร
เทวดาผูเ้ ป็นใหญใ่ นสวรรค์ มีกายสีขาวแต่พระศอเปน็ สดี า
เพราะเคยด่ืมยาพิษเพ่ือรกั ษาโรคใหพ้ ้นจากเศษนาค เม่ือคราวกวน
เกษยี รสมุทร มีพระเนตร ๓ ดวง ดวงท่ี ๓ อยู่กลางพระนลาฎ ซง่ึ
ตามปกติจะหลับอยู่ เนือ่ งจากพระเนตรดวงนม้ี ีอานภุ าพร้ายแรงมาก
หากลืมตาขน้ึ เมอ่ื ใดจะเผาผลาญทกุ อย่างให้มอดไหม้ได้ พระมเหสีของ
พระองค์ คอื พระอมุ า มพี ระราชโอรสคอื พระขันทกุมาร เทพเจ้าแห่ง
สงคราม และพระพิฆเนศ เทพเจ้าแห่งศิลปวิทยาการ พระอิศวรมีนาค
เปน็ สังวาล มพี ระจันทร์เป็นปิ่น อาวุธประจาพระองค์คือ ตรีศลู (หลาว
สามง่าม) พาหนะของพระองค์ คือ โคอศุ ุภราช พระอิศวรมชี ือ่ อีกหลาย
ชอ่ื เช่น พระศุลี พระศวิ ะ พระภเู ตศวร พระตรเี นตร พระสยมภู พระ
มเหศวร ชาวฮินดูนบั ถอื ว่าเป็นเทพเจา้ สูงสดุ ในบรรดาเทพทั้งสาม ได้แก่
พระอศิ วร พระนารายณ์ พระพรหม โรโมลี เป็นต้น
พระนารายณ์
เป็นเทพเจา้ ฝ่ายปราบปราม มีพระกายสีดอกตะแบก (สี
ม่วง) และมี 4 กร อาวธุ ประจาพระองคค์ ือ ตรี คทา จักร สังข์
บางครั้งถือธนูและพระขรรค์ พาหนะประจาพระองค์คือครุฑ ที่
สถิตของพระนารายณ์เรยี กวา่ ไวกูณฐ์ อย่ใู นเกษยี รสมุทร (ทะเล
นา้ นม) และประทับบนบลั ลังค์นาคชือ่ พระยาอนนั ตนาคราช พระ
มเหสีคอื พระลักษมี พระนารายณน์ ้ันจะอวตารปราบยุคเขญ็ อยเู่ ป็น
นจิ เช่น อวตารเป็นพระรามเพ่อื ปราบทศกณั ฐ์
พระนารายณ์มพี ระนามเรียกต่างๆ กนั เช่น พระส่ีกร ศรี
สังขก์ ร พระกฤษณะ จตุรภชุ จตรุ หันถ์ วษิ ณุ ไกรสพ วาสเุ ทพ หริ
พระทรงสังข์ พระธราธร พระสงั ขกร เป็นต้น
นนทก
ยกั ษท์ ่ีทาหนา้ ทลี่ ้างเทา้ เทวดาท่ีเชิงเขาไกรลาส
ถกู พวกเทวดาแกลง้ ตบหวั บา้ ง ถอนผมบ้าง จนหวั โลน้
นนทกมีความแค้นมากจึงเขา้ เฝา้ พระอิศวรทลู ขอพรให้มี
นิว้ เป็นเพชร สามารถชีใ้ หผ้ ใู้ ดตายกไ็ ด้ จากนัน้ นนทกก็
ใช้น้วิ เพชรช้ใี ห้เทวดา พญาครุฑ คนธรรพ์ ตายเกลื่อน
กลาด พระนารายณจ์ งึ ต้องไปปราบ กอ่ นตายนนทกต่อว่า
พระนารายณ์ว่า ตนเองมเี พยี ง สองมือเท่านน้ั จะชนะพระ
นารายณ์ทมี่ ีถงึ สี่กรได้อย่างไร พระนารายณจ์ ึงประทาน
พรให้นนทกไปเกิดเปน็ ยกั ษ์ มีสบิ หนา้ ยสี่ ิบมอื แล้ว
พระองค์จะไปเกิดเปน็ มนษุ ย์ มเี พยี งสองมือเพ่ือสู้นนทก
ในชาติใหม่ ให้หมดสิน้ ท้ังวงศย์ กั ษ์ นนทกจึงกลับชาติมา
เกดิ เป็นทศกณั ฑ์
พระอนิ ทร์
เทวดาผเู้ ปน็ ใหญ่ในสวรรค์ช้นั ดาวดงึ ส์ มีกายสี
เขยี ว มพี ระเนตรถึงพนั ดวง ใช้วัชระ (สายฟา้ ) เป็นอาวธุ
มีชา้ งเอราวณั เป็นพาหนะ พระองคม์ มี เหสี ๔ องค์ คอื สจุ ิ
ตรา สุธรรม สุนนั ทาและสชุ าดา พระอนิ ทร์เป็นผดู้ แู ล
ทุกข์สุขของมนุษยโ์ ลก ยามใดท่ีมเี รือ่ งเดือดร้อนขึน้ บน
โลกมนุษย์ อาสนะของพระองค์ ท่ีเคยออ่ นนุ่ม ก็จะแข็ง
กระดา้ ง หรอื บางครั้งก็ร้อน จนไม่สามารถประทบั อยู่ได้
พระอนิ ทรม์ ชี ื่อเรียกอย่างอนื่ เช่น ท้าวสหัสนยั น์ ท้าวโก
ลีย์ ท้าวสักกะเทวราช อมรินทร์ ศกั รินทร์ มฆั วาน
นางสุวรรณอปั สร
เปน็ นางฟา้ จาแลงขององค์พระนารายณ์ เมื่อครั่ง
ทน่ี นทกใชน้ ิ้วเพชรที่ได้พรจากพระอิศวรไล่ชี้เทวดาจนเทวดา
ลม้ ตาย พระอิศวรจงึ ให้พระนารายณม์ าปราบนนทก ซ่งึ พระ
นารายณ์ได้แปลงรา่ งเปน็ นางสวุ รรณอัปสร นางฟา้ ท่สี วยที่สุด
นนทกพบนางสวุ รรณอปั สรจึงหลงรกั และราท่าตา่ งๆ ตามนาง
จนถึงท่า "นาคามว้ นหาง"น้วิ เพชรจงึ ชใ้ี สข่ าตนเองจนลม้ ลง
นางสวุ รรณอปั สรจึงคืนรา่ งเป็นพระนารายณ์ดงั เดิม แลว้
สังหารนนทกในที่สดุ
ทศกัณฐ์
ทศกัณฐเ์ ปน็ ยักษ์ครองกรุงลงกา มกี ายสเี ขยี ว มี ๑๐ พกั ตร์
๒๐ กรลกั ษณะปากแสยะ ตาโพลง สามารถแปลงกายไดต้ ามปรารถนา
และไม่มใี ครฆ่าให้ตายไดเ้ น่ืองจากถอดดวงใจใสก่ ล่องฝากไว้กับพระฤาษี
โคบุตร ทศกัณฐ์ คือ นนทกท่ีกลับชาติมาเกดิ เปน็ โอรสของทา้ วลสั
เตยี นและนางรชั ดา
ตน้ เหตแุ ห่งสงครามระหวา่ งทศกณั ฐ์กับพระรามเกิดขน้ึ
เม่อื ทศกัณฐ์ไปลกั พาตวั นางสีดามาไว้ท่ีกรุงลงกา เพราะต้องการไดน้ าง
เป็นมเหสี โดยท่ีไม่รู้วา่ นางสดี าก็คือธิดาของตน เหตกุ ารณค์ รั้งน้ที าให้
ทศกัณฐต์ อ้ งสูญเสียญาติมติ รและบริวารเปน็ จานวนมากแม้ผู้ใดจะทัด
ทานกไ็ ม่ฟัง สุดทา้ ยแม้แต่ตนเองกต็ ้องตายด้วยศรพรหมาสตรข์ อง
พระราม
เนือ้ เรือ่ งย่อ
ยกั ษ์ชอ่ื นนทกเปน็ บริวารของพระอิศวร นั่งประจาอยทู่ เ่ี ชงิ เขาไกรลาส โดยมหี นา้ ท่ลี า้ งเท้าให้เหล่า
เทวดาที่จะขึน้ ไปเฝา้ พระอศิ วร เทวดาแกล้งตบหวั ถอนผมนนทก จนศรี ษะโลน้ ได้รับความอับอาย นนทกแค้น
ใจจึงไปขอพรจากพระอิศวรใหต้ นมีนิว้ เพชรช้ีสังหารใคร ๆ ได้ พระอิศวรประทานพรให้เพราะเหน็ ว่านนทกทา
ความดคี วามชอบ มาช้านาน ต้งั แตน่ ้นั มานนทกก็มีใจกาเริบใช้น้ิวเพชรสงั หารเทวดาที่มากล่ันแกล้งตน พระ
อศิ วรจงึ ขอให้พระนารายณ์ไปปราบ พระนารายณ์แปลงเปน็ นางรารูปรา่ งงดงาม ไปยั่วยวนนนทก โดยใหน้ นท
กราตามท่าต่าง ๆ จนถงึ ทา่ นาคาม้วนหาง คือชนี้ ิว้ ลงทข่ี าตนเอง นนทกขาหักล้มลง นางราแปลงกลบั ร่างเปน็
พระนารายณ์ นนทกตอ่ วา่ พระนารายณ์ว่ามีถงึ สีก่ รแต่ยังไมก่ ล้าสกู้ บั ตนซึ่งหน้า พระนารายณ์ทา้ ว่าขอให้น
นทก ไปเกิดใหม่มสี ิบหน้ายส่ี ิบมอื เหาะเหินเดินอากาศไดแ้ ละมีอาวธุ พร้อมสรรพ ส่วนพระองคจ์ ะอวตารเปน็
มนุษย์สองมอื เพอื่ สู้กนั ในโลกมนุษยอ์ ีกครง้ั หนึ่ง แล้วจงึ สังหารนนทก นนทกลงมาเกดิ เป็นทศกัณฐ์ สว่ นพระ
นารายณ์อวตารลงมาเปน็ พระราม
บทละครใน เรอื่ ง รามเกียรติ์
ตอน นารายณ์ปราบนนทก
๏ มาจะกล่าวบทไป ถงึ นนทกน้าใจกล้าหาญ
ตง้ั แตพ่ ระสยมภวู ญาณ ประทานใหล้ ้างเทา้ เทวา
อย่บู ันไดไกรลาสเป็นนิจ สรุ าฤทธิต์ บหัวแล้วลูบหนา้
บ้างให้ตักน้าล้างบาทา บา้ งถอนเส้นเกศาวนุ่ ไป
จนผมโกร๋นโล้นเกลย้ี งถึงเพียงหู ดูเงาในน้าแลว้ ร้องไห้
ฮึดฮัดขดั แค้นแนน่ ใจ ตาแดงด่ังแสงไฟฟา้
เปน็ ชายดดู มู๋ าหม่ินชาย มติ ายจะได้มาเห็นหนา้
คิดแลว้ กร็ ีบเดินมา เฝ้าพระอิศราธิบดี ฯ
ฯ ๘ คา ฯ เสมอ
๏ ครัน้ ถึงจ่ึงประณตบทบงส์ุ ทลู องค์พระอศิ วรเรอื งศรี
ว่าพระองคเ์ ปน็ หลักธาตรี ย่อมเมตตาปรานีทวั่ พกั ตร์
ผ้ใู ดทาชอบต่อเบอ้ื งบาท กป็ ระสาททั้งพรแลยศศักดิ์
ตวั ข้ากม็ ีชอบนัก ลา้ งเท้าสุรารักษ์ถงึ โกฏปิ ี
พระองคผ์ ู้ทรงศกั ดาเดช ไม่โปรดเกศแกข่ ้าบทศรี
กรรมเวรส่งิ ใดด่ังน้ี ทูลพลางโกกรี าพัน ฯ
ฯ ๖ คา ฯ โอด
๏ เม่ือน้นั พระอิศวรบรมรังสรรค์
เหน็ นนทกโศกาจาบัลย์ พระทรงธรรม์ให้คิดเมตตา
จงึ่ มเี ทวราชบรรหาร เอ็งตอ้ งการส่ิงไรจงเร่งว่า
ตัวกูจะให้ดง่ั จินดา อย่าแสนโศกาอาลัย ฯ
ฯ ๔ คา ฯ
๏ บัดนน้ั นนทกผมู้ อี ชั ฌาสัย
นอ้ มเศยี รบังคมแล้วทูลไป จะขอพรเจ้าไตรโลกา
ใหน้ ิว้ ข้าเป็นเพชรฤทธี จะชี้ใครจงมว้ ยสังขาร์
จะได้รองเบ้อื งบาทา ไปกว่าจะสนิ้ ชวี ี ฯ
ฯ ๔ คา ฯ
๏ เมอื่ น้ัน พระสยมภูวญาณเรอื งศรี
ได้ฟงั นนทกพาที ภมู นี ิง่ นกึ ตรกึ ไป
อ้ายน่มี ชี อบมาช้านาน จาเป็นจาจะประทานให้
คิดแลว้ ก็ประสิทธ์พิ รชยั จงได้สาเรจ็ มโนรถ
ฯ ๔ คา ฯ
๏ บัดนั้น นนทกผ้ใู จสาหส
รับพรพระศลุ ีมียศ บังคมแล้วบทจรไป ฯ
ฯ ๒ คา ฯ เสมอ
๏ ครน้ั ถงึ บนั ไดไกรลาส ขัดสมาธินงั่ ย้ิมริมอ่างใหญ่
คอยหมเู่ ทวาสุราลยั ด้วยใจกาเรบิ อหังการ์ ฯ
ฯ ๒ คา ฯ
๏ เมื่อนนั้ เทวาสรุ าฤทธิท์ กุ ทิศา
สบุ รรณคนธรรพ์วทิ ยา ตา่ งมาเฝ้าองค์พระศลุ ี ฯ
ฯ ๒ คา ฯ เหาะ
๏ ครั้นถงึ ซง่ึ เชิงไกรลาส คนธรรพ์เทวราชฤๅษี
กช็ วนกนั ย่างเย้อื งจรลี เขา้ ไปยังท่อี ัฒจนั ทร์ ฯ
ฯ ๒ คา ฯ
๏ นนทกก็ลา้ งเทา้ ให้ เม่ือจะไปก็จับหวั สนั่
สพั ยอกหยอกเล่นเหมอื นทุกวนั สรวลสันตเ์ ยาะเย้ยเฮฮา ฯ
ฯ ๒ คา ฯ เจรจา
๏ บัดนนั้ นนทกน้าใจแกล้วกล้า
กริ้วโกรธร้องประกาศตวาดมา อนจิ จาขม่ เหงเลน่ ทุกวัน
จนหวั ไมม่ ีผมติด สุดคดิ ทเี่ ราจะอดกลน้ั
วนั นจ้ี ะไดเ้ ห็นกนั ขบฟนั แลว้ ชน้ี ิ้วไป
ฯ ๔ คา ฯ
๏ ตอ้ งสบุ รรณเทวานาคี ด่งั พิษอสุนีไม่ทนได้
ล้มฟาดกลาดเกล่ือนลงทนั ใด บรรลัยไมท่ ันพรบิ ตา ฯ
ฯ ๒ คา ฯ โอด
๏ เมือ่ นั้น หสั นยั นเ์ จา้ ตรัยตรงึ ศา
เหน็ นนทกนน้ั ทาฤทธา ชี้หมู่เทวาวายปราณ
ตกใจตะลึงราพงึ คดิ ใครประสิทธิ์ให้มนั สังหาร
คดิ แล้วขน้ึ เฝา้ พระทรงญาณ ยงั พิมานทพิ รตั นร์ ูจี ฯ
ฯ ๔ คา ฯ เสมอ
๏ ครัน้ ถึงจ่ึงประณตบทบงสุ์ ทลู องคพ์ ระอศิ วรเรอื งศรี
วา่ นนทกมนั ทาฤทธี ช้หี มู่เทวาบรรลยั
อนั ซง่ึ นิ้วเพชรของมนั พระทรงธรรมป์ ระทานฤๅไฉน
จ่งึ ทาอาจองทะนงใจ ไมเ่ กรงใต้เบ้ืองบาทา ฯ
ฯ ๔ คา ฯ พระอศิ วรบรมนาถา
จึ่งมบี ัญชาตอบไป
๏ เม่อื นน้ั เราจึ่งประทานพรให้
ไดฟ้ งั องค์อมรนิ ทรา ทาการหยาบใหญ่ถึงเพยี งน้ี ฯ
อา้ ยนท่ี าชอบมาช้านาน
มนั กลับทรยศกระบถใจ ดูราพระนารายณ์เรอื งศรี
เป็นทีพ่ งึ่ แก่หมเู่ ทวัญ
ฯ ๔ คา ฯ ใหเ้ ยน็ ทวั่ พิภพสรวงสวรรรค์
๏ ตรัสแลว้ จงึ่ มบี ญั ชา ให้มันสิน้ ชีพชีวา ฯ
ตัวเจ้าผูม้ ีฤทธี
จงชว่ ยระงบั ดับเข็ญ
เชิญไปสงั หารอ้ายอาธรรม์
ฯ ๔ คา ฯ
๏ เมื่อนั้น องค์พระนารายณน์ าถา
รับสั่งถวายบงั คมลา ออกมาแปลงกายดว้ ยฤทธี
ฯ ๒ ฯ คา ฯ
๏ เปน็ โฉมนางเทพอัปสร ออ้ นแอ้นอรชรเฉลิมศรี
กรายกรย่างเย้อื งจรลี ไปอยู่ท่นี นทกจะเดนิ มา ฯ
ฯ ๒ คา ฯ เชดิ เพลง
๏ บดั นัน้ นนทกผูใ้ จแกลว้ กลา้
สนิ้ เวลาเฝา้ เจา้ โลกา สาราญกายาแลว้ เท่ียวไป ฯ
ฯ ๒ คา ฯ เชิด
๏ เหลอื บเห็นสตรีวิไลลักษณ์ พิศพกั ตรผ์ อ่ งเพยี งแขไข
งามโอษฐ์งามแกม้ งามจุไร งามนัยน์เนตรงามกร
งามถันงามกรรณงามขนง งามองค์ยง่ิ เทพอปั สร
งามจริตกริ ยิ างามงอน งามเอวงามออ่ นทงั้ กายา
ถงึ โฉมองค์อคั รลักษมี พระสุรสั วดเี สนห่ า
สน้ิ ท้ังไตรภพจบโลกา จะเอามาเปรียบไมเ่ ทียบทัน
ดูไหนกเ็ พลนิ จาเริญรกั ในองคเ์ ยาวลักษณส์ าวสวรรค์
ยง่ิ พิศยิง่ คิดผกู พนั ก็เดินกระช้นั เข้าไป ฯ
ฯ ๘ คา ฯ เข้ามา่ น
๏ โฉมเอยโฉมเฉลา เสาวภาคย์แน่งน้อยพิสมัย
เจ้ามาแต่สวรรค์ชน้ั ใด นามกรชื่อไรนะเทวี
ประสงคส์ ิ่งใดจะใครร่ ู้ ทาไมมาอยู่ทนี่ ี่
ข้าเห็นเปน็ น่าปรานี มารศรจี งแจ้งกจิ จา ฯ
ฯ ๔ คา ฯ
๏ เมอ่ื นนั้ นางนารายณ์เยาวลกั ษณเ์ สน่หา
ได้ฟังย่งิ ทามารยา ชาเลอื งนัยนาแลว้ ตอบไป
ทาไมมาลว่ งไถ่ถาม ลวนลามบุกรุกเขา้ มาใกล้
ทา่ นน้ไี มม่ ีความเกรงใจ เราเป็นขา้ ใช้เจ้าโลกา
พนักงานฟอ้ นราระบาบัน ช่ือสุวรรณอปั สรเสนห่ า
มที ุกข์จึง่ เท่ียวลงมา หวังว่าจะให้คลายรอ้ น ฯ
ฯ ๖ คา ฯ
๏ สุดเอยสุดสวาท โฉมประหลาดล้าเทพอัปสร
ท้ังวาจาจรติ กง็ ามงอน ควรเป็นนางฟอ้ นวิไลลกั ษณ์
อนั ซง่ึ ธุระของเจ้า หนกั เบาจงแจ้งให้ประจกั ษ์
ถา้ วาสนาเราเคยบารงุ รกั กจ็ ะเป็นภกั ษ์ผลสืบไป
ตัวพมี่ ไิ ด้ลวนลาม จะถอื ความสง่ิ น้ีน่ีไมไ่ ด้
สาวสวรรคข์ วัญฟา้ ยาใจ พ่ีไรค้ จู่ ะพึ่งแตไ่ มตรี ฯ
ฯ ๖ คา ฯ
๏ เมือ่ น้นั นางเทพนมิ ติ โฉมศรี
คอ้ นแลว้ จ่ึงตอบวาที ว่านี้ไพเราะเปน็ พน้ ไป
อนั ซึ่งจะฝากไมตรขี า้ ข้อนั้นอยา่ ว่าหารู้ไม่
เราเป็นนางราระบาใน จะมีมิตรท่ใี จผกู พนั
ในการนกั เลงเพลงฟ้อน จง่ึ จะผอ่ นดว้ ยความเกษมสันต์
ราไดก้ ม็ าราตามกนั นนั่ แหละจะสมด่ังจนิ ดา ฯ
ฯ ๖ คา ฯ
๏ บดั นัน้ นนทกผใู้ จแกลว้ กล้า
ไม่รู้ว่านารายณแ์ ปลงมา กโ็ สมนัสสาพนั ทวี
ยิม้ แล้วจ่ึงกลา่ วสนุ ทร ดกู ่อนนางฟ้าเฉลมิ ศรี
เจา้ จักปรารมภ์ไปไยมี พเี่ ป็นคนเกา่ พอเข้าใจ
เชญิ เจ้าราเถิดนะนางฟา้ ใหส้ นิ้ ท่าทนี่ างจาได้
ตวั พจี่ ะราตามไป มิให้ผดิ เพลงนางเทวี ฯ
ฯ ๖ คา ฯ
๏ เมื่อน้ัน พระนารายณ์ทรงสวัสดร์ิ ศั มี
เหน็ นนทกหลงกลกย็ ินดี ทาทีเย้อื งกรายให้ยวนยิน ฯ
ฯ ๒ คา ฯ เจรจา
๏ เทพนมปฐมพรหมสห่ี น้า สอดสร้อยมาลาเฉดิ ฉนิ
ทัง้ กวางเดินดงหงส์บิน กนิ รินเลียบถ้าอาไพ
อกี ช้านางนอนภมรเคล้า ท้งั แขกเต้าผาลาเพยี งไหล่
เมขลาโยนแก้วแววไว มยุเรศฟอ้ นในอมั พร
ลมพัดยอดตองพรหมนมิ ติ ทงั้ พสิ มัยเรียงหมอน
ย้ายท่ามจั ฉาชมสาคร พระสกี่ รขวา้ งจักรฤทธิรงค์
ฝา่ ยว่านนทกกร็ าตาม ด้วยความพิสมัยใหลหลง
ถึงทา่ นาคาม้วนหางวง ชต้ี รงถูกเพลาทันใด ฯ
ฯ ๘ คา ฯ เพลง
๏ ดว้ ยเดชนวิ้ เพชรสิทธิศกั ดิ์ ขาหกั ลม้ ลงไม่ทนได้
นางกลายเป็นองค์นารายณ์ไป เหยยี บไว้จะสงั หารราญรอน ฯ
ฯ ๒ คา ฯ เชิด
๏ บดั นนั้ นนทกแกล้วหาญชาญสมร
เหน็ พระองค์ทรงสงั ข์คทาธร เปน็ สกี่ รก็รู้ประจกั ษใ์ จ
ว่าพระหรวิ งศ์ทรงฤทธิ์ ลวงลา้ งชวี ติ กเ็ ป็นได้
จึ่งมวี าจาถามไป โทษขา้ เป็นไฉนให้ว่ามา ฯ
ฯ ๔ คา ฯ
๏ เม่อื น้ัน พระนารายณ์บรมนาถา
ไดฟ้ ังจึ่งมบี ัญชา โทษามงึ ใหญ่หลวงนกั
ด้วยทาโอหังบงั เหตุ ไม่เกรงเดชพระอศิ วรทรงจักร
เอง็ ฆ่าเทวาสรุ ารกั ษ์ โทษหนักถงึ ท่ีบรรลัย
ตัวกูกค็ ดิ เมตตา แต่จะไว้ชีวามึงไมไ่ ด้
ตรสั แลว้ แกว่งตรเี กรียงไกร แสงกระจายพรายไปด่ังไฟกาล ฯ
ฯ ๖ คา ฯ
๏ บัดนนั้ นนทกผู้ใจแกลว้ หาญ
ได้ฟังจงึ่ ตอบพจมาน ซ่ึงพระองคจ์ ะผลาญชีวี
เหตใุ ดมิทาซ่ึงหน้า มารยาเป็นหญิงไมบ่ ดั สี
หรือว่ากลวั นิ้วเพชรน้ี จะชีพ้ ระองคใ์ ห้บรรลัย
ตวั ข้ามีมอื แต่สองมอื ฤๅจะสทู้ ้ังสก่ี รได้
แมน้ สมี่ อื เหมือนพระองค์ทรงชัย ทไ่ี หนจะทาไดด้ ่ังน้ี ฯ
ฯ ๖ คา ฯ
๏ เมือ่ นนั้ พระนารายณท์ รงสวัสดริ์ ศั มี
ไดฟ้ ังจ่ึงตอบวาที กนู ้ีแปลงเปน็ สตรีมา
เพราะมงึ จะถงึ แก่ความตาย ฉิบหายด้วยหลงเสน่หา
ใช่วา่ จะกลวั ฤทธา ศักดาน้ิวเพชรนนั้ เม่อื ไร
ชาตนิ ีม้ งึ มีแต่สองหัตถ์ จงไปอุบตั เิ อาชาติใหม่
ใหส้ ิบเศียรสบิ พักตรเ์ กรียงไกร เหาะเหนิ เดินได้ในอมั พร
มีมอื ย่ีสบิ ซ้ายขวา ถอื คทาอาวุธธนศู ร
กูจะเปน็ มนษุ ยแ์ ต่สองกร ตามไปราญรอนชีวี
ใหส้ ิ้นวงศพ์ งศม์ ึงอันศกั ดา ประจักษแ์ กเ่ ทวาทุกราศี
ว่าแลว้ กวัดแกว่งพระแสงตรี ภูมีตัดเศยี รกระเดน็ ไป ฯ
ฯ ๑๐ คา ฯ เชดิ โอด
๏ ครนั้ แลว้ นนทกมรณา พระจักราผู้มอี ชั ฌาสัย
เหาะระเหจ็ เตร็ดฟา้ ดว้ ยว่องไว ไปยงั เกษียรวารี ฯ
ฯ ๒ คา ฯ เชดิ
๏ เมือ่ นัน้ ฝา่ ยนางรัชดามเหสี
องค์ทา้ วลัสเตยี นธบิ ดี เทวมี ีราชบตุ รา
คอื ว่านนทกมากาเนดิ เกิดเป็นพระโอรสา
ช่อื ทศกณั ฐก์ มุ ารา สบิ เศยี รสิบหนา้ ยี่สิบกร
อนั นอ้ งซง่ึ ถดั มานน้ั ช่อื กมุ ภกรรณชาญสมร
องค์พระบิตเุ รศมารดร มิให้อนาทรสกั นาที
ฯ ๖ คา ฯ
กระบถ อธบิ ายคาศพั ท์
เกษียรวารี
ไกรลาส กบฏ หมายถึง ความทรยศ
โกฏิ เกษยี รสมทุ ร คือ ทะเลน้านมทป่ี ระทับของพระนารายณ์
ขม่ เหง ชือ่ ภเู ขาท่เี ป็นทีป่ ระทับของพระอิศวร
แขไข ชอื่ มาตรานบั เท่ากบั ๑๐ ลา้ น
คนธรรพ์ ใช้กาลงั รงั แกแกลง้ ทาความเดอื ดรอ้ นให้ผอู้ ่นื
จุไร พระจนั ทร์
ตรัยตรงึ ศา ชาวสวรรค์พวกหนึง่ มคี วามชานาญในวิชาดนตรีและขับรอ้ ง
ผมท่เี กล้าเป็นจุกประดบั อยา่ งสวยงาม
ตรี ตรัยตรึงศ์หรือดาวดงึ ส์ แปลว่าสามสบิ สาม เป็นชือ่ สวรรคท์ ่ีมีเทพชน้ั
เทพอปั สร ผู้ใหญส่ ามสิบสามองค์ และมีพระอินทรเ์ ป็นหวั หน้า เป็นสวรรค์
ธาตรี ช้ันท่สี องแหง่ ฉกามาพจร (สวรรค์ ๖ ชนั้ ฟา้ )
นาคี คือ ตรศี ูล เป็นอาวธุ สามง่าม
บทบงสุ์, บทศรี นางฟา้
บงั เหตุ แผน่ ดนิ , โลก
บัดสี นาค คืองูใหญม่ หี งอน เป็นสัตวใ์ นเทพนิยาย
พระหริวงศ์ ในที่นห้ี มายถงึ พระบาทของเทวดาหรือกษัตริย์
พิภพ ทาให้เป็นเหตุ
ไฟกาล นา่ อับอายขายหน้า เปน็ ที่น่ารังเกียจ
พระนารายณ์
ภักษผ์ ล โลก
ลวนลาม ไฟกลั ป์หรอื ไฟบรรลัยกัลป์ ตามคติพราหมณ์เชือ่ ว่าเป็นไฟไหม้
ลกั ษมี ล้างโลก เมื่อส้นิ อายขุ องโลกครัง้ หนึ่ง ๆ
วายปราณ ผลสาเร็จ
วิทยา ลว่ งเกินในลกั ษณะชู้สาวดว้ ยการพดู หรือการกระทาเกินสมควร
ศกั ดา ชายาของพระนารายณ์
สพั ยอก ตาย
สาหส ในที่นคี้ ือ วทิ ยาธร ชาวสวรรค์พวกหนึง่ ท่ีมีวิชาอาคม
สิ้นท่า อานาจ
สุบรรณ ครฑุ หยอกเย้า
สาหัส หมายถึง ร้ายแรง รุนแรงเกินสมควร
ในท่ีนี้หมายถงึ ครบทกุ ท่ารา
คือ พญานกในเทพนยิ าย
สุรารกั ษ์ เทวดาผู้คมุ้ ครอง
สรุ สั วดี ชายาของพระพรหม
โสมนสั า ยนิ ดี
หัสนยั น์ ผ้มู ีพนั ตา หมายถึง พระอนิ ทร์ เป็นเทวราชผเู้ ป็นใหญใ่ นสวรรคช์ นั้
ดาวดงึ ส์
อสนุ ี คือ อสนุ ีบาต หมายถงึ ฟา้ ผา่
อหังการ์ ความเย่อหยิ่งจองหอง ความทะนงตัว ความก้าวร้าวดว้ ยการถอื
วา่ ตนเองสาคญั
อัฒจันทร์ ในท่นี ้ีหมายถึง ขั้นบันได
อมั พร ฟา้ ท้องฟ้า อากาศ
อาธรรม์ ชัว่ ไมเ่ ปน็ ธรรม ไมเ่ ทยี่ งธรรม ไม่ยตุ ธิ รรม
วเิ คราะห์คุณค่า
เนือ้ เรื่องรามเกยี รติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก ทาใหผ้ อู้ ่านได้รบั ความสนุกสนานเพลิดเพลนิ ดว้ ยกลวิธตี ่อไปน้ี
๑. การดาเนินเรอ่ื งท่รี วดเร็วฉับไว เชน่ ตอนทน่ี นทกไดร้ ับพรให้มีนว้ิ เพชรจากพระอศิ วร
ก็ไปทาหน้าท่ลี า้ งเท้าเทวดาตามปกติ เมื่อถูกเทวดาหยอกล้อเหมือนเช่นเคยกส็ ุดที่จะอดกลน้ั
จงึ ใชน้ ้ิวเพชรสังหารเหล่าเทวดาไปเป็นจานวนมาก ซง่ึ เนื้อเรื่องสามารถอธบิ ายอยา่ งชัดเจน
ได้ในคาประพนั ธ์เพียงบทเดยี ววา่
๒. เหตกุ ารณ์ในเร่อื งสรา้ งความตื่นเตน้ และน่าติดตามตง้ั แตเ่ ร่มิ ต้นจนจบตอน ตง้ั แต่
ทนี่ นทกถกู เทวดากลั่นแกล้งจนเกิดความแค้นจึงไปขอพรจากพระอิศวรให้ประทานนว้ิ เพชร เมอื่ ไดน้ ้วิ เพชรก็
นาไปสังหารเทวดาจนพระอิศวรต้องขอให้พระนารายณม์ าช่วยปราบ พระนารายณ์ จึงแปลงเปน็ นางฟ้าแสน
สวยมาหลอกนนทกใหล้ ุ่มหลงและราตาม ในท่สี ดุ ก็ปราบนนทกได้ และก่อนทน่ี นทกจะถูกสงั หารเน้ือเร่ืองกย็ งั
ทิง้ ทา้ ยไวใ้ ห้ผอู้ ่านต้องการตดิ ตามตอนต่อไปอีกด้วย
๓. กาหนดฉากและตัวละครน่าสนใจแตกต่างจากเรื่องอื่น เนอื้ เร่อื งรามเกยี รติ์ตอนน้ี
เปน็ ฉากเขาไกรลาสบนสวรรค์ มตี วั ละคร คอื พระอิศวร พระนารายณ์ พระอินทร์ ซึ่งเป็นเทพผเู้ ปน็ ใหญ่
มเี หล่าเทวดาตา่ ง ๆ และ
เรอ่ื งรามเกียรต์ิ ตอน นารายณ์ปราบนนทกนี้ แสดงใหเ้ ห็นแนวคดิ เกยี่ วกบั การใช้อานาจ
ให้เป็นและให้ถกู ต้องทั้งเทวดาและนนทก การที่เทวดาไปตบหัวถอนผมนนทกจนผมโกร๋น นับวา่ เป็นการใช้
อานาจในทางท่ีผิด เปน็ การรงั แกผนู้ อ้ ย ซ่ึงไม่สมควรเลยี นแบบ แม้จะหยอกล้อเลน่ กนั ก็ตาม
ขณะเดียวกนั เมื่อนนทกได้น้วิ เพชรสามารถช้ใี ห้ใครตายก็ได้ จงึ ใชอ้ านาจเกินไปจนทาให้
เดือดร้อนไปทวั่ ท้ังสวรรค์
สาหรบั พระนารายณไ์ ปสงั หารนนทกตามบัญชาของพระอิศวรซงึ่ ถือเป็นหนา้ ที่ต่อ
ส่วนรวมเพ่ือให้สวรรคม์ ีสันตสิ ุข การทาให้คนช่วั หมดไปไม่ไปทารา้ ยคนอ่นื ๆ อีกถือวา่ เป็นหน้าทขี่ องพระ
นารายณโ์ ดยตรง ไม่ไดท้ าเพราะลุแกโ่ ทสะเหมือนนนทก นอกจากนีก้ ารท่ีพระนารายณ์แปลงกายเปน็ นาง
อปั สรยงั เป็นการแสดงใหเ้ ห็นถงึ การใชป้ ญั ญาในการแก้ไขปัญหาแทนการใชก้ าลงั
บทละครเร่ืองรามเกียรต์ิ ตอน นารายณ์ปราบนนทก มลี ลี าการใชถ้ อ้ ยคา ดงั นี้
๑. การเลน่ คา เชน่ ตอนชมความงามของนางฟ้าแปลงมีการซา้ คาเพ่ือเน้น
ความหมายให้เหน็ วา่ มีความงามทกุ สว่ น โดยเล่นคาว่า งาม ดังคาประพนั ธว์ ่า
๒. การใช้อุปมาเปรียบเทยี บเพ่อื ให้เห็นภาพ เชน่
๓. การใช้คาใหเ้ กดิ จนิ ตภาพ (อารมณส์ ะเทือนใจ) เชน่
๔. การสรรคาที่ส่อื ความหมายถึงส่ิงเดยี วกนั มาใช้อย่างหลากหลาย เช่น
คุณคา่ ด้านข้อคิด
คณุ คา่ ดา้ นข้อคิด ไดแ้ ก่ การให้อานาจแกค่ นท่ีไมค่ วรให้ การใชอ้ านาจโดย ไม่ยบั ยั้งชงั่
ใจ และการกล่าวโทษผอู้ ืน่ มากกวา่ ตนเอง
๑. การใหอ้ านาจแก่คนทีไ่ มค่ วรให้ พระราชนิพนธ์เรอ่ื งรามเกียรต์ิตอนน้ีมีเน้ือหาใหข้ ้อคดิ
สาคญั วา่ การใหอ้ านาจแก่คนท่ีไม่ควรใหน้ นั้ ย่อมทาใหเ้ กิดผลรา้ ยตามมา ผูม้ อบอานาจจึงตอ้ งพิจารณาอย่าง
รอบคอบ ดงั ท่ีพระอศิ วรทรงมอบอานาจแกน่ นทกเพราะทรงเหน็ วา่ “อา้ ยน่ที าชอบมาช้านาน” แตน่ นทกกลับ
ใช้อานาจที่ไดท้ ารา้ ยผู้อน่ื การพิจารณาให้อานาจแกใ่ ครจึงตอ้ งไตร่ตรองอย่างรอบคอบ เพราะหากผ้นู น้ั เปน็ คน
ที่ ลมื ตัว มีใจกาเริบ ไม่ยับยัง้ ชั่งใจในการใชอ้ านาจดงั เช่น นนทก ก็อาจใชอ้ านาจนน้ั ระรานผู้อ่ืนได้ เดิมนนทก
โกรธทถี่ ูกเทวดาหยอกเล่นแต่ทาไดเ้ พียง “ฮึดฮัดขดั แคน้ แน่นใจ ตาแดงด่งั แสงไฟฟา้ ” คือ สะกดกลนั้ ความ
โกรธของตนเองได้แตเ่ ม่ือมีอานาจ ก็กลับสังหารเทวดามากมาย การพิจารณามอบอานาจแก่ใครจงึ อาจต้อง
จากดั ขอบเขตของอานาจ เพ่ือไม่ต้องมาแกไ้ ขเหตุรา้ ยภายหลงั
๒. การใช้อานาจโดยไม่ยับยั้งชั่งใจ นอกจากความไพเราะงดงามด้านภาษาแลว้ บทละครใน
เรื่องรามเกยี รต์ิ ตอนนารายณ์ปราบนนทก ยงั มเี น้ือหาให้ขอ้ คิดสาคญั คือ การใช้อานาจโดยไมย่ ับย้งั ช่ังใจย่อม
เกิดผลเสยี ตอ่ ผอู้ ื่นและบางคร้ังกเ็ ปน็ ผลเสียตอ่ ตนเองดว้ ย ดังตวั อยา่ งอานาจน้วิ เพชรนนทก นนทกทาความดี
ความชอบมาชา้ นานจงึ ได้รับรางวลั จากพระอศิ วร นัน่ คือการมอบอานาจในการใชน้ ว้ิ เพชรแกน่ นทก
๓. การกล่าวโทษผู้อ่นื มากกว่าตนเอง นนทกเป็นตัวอยา่ งของผทู้ ี่กล่าวโทษผู้อน่ื โดยไมม่ องเหน็
ความผิดของตนเอง จากเดิมท่ีเคยอดทนอดกลัน้ ทาหน้าที่ “ล้างเทา้ สุรารกั ษ์ถงึ โกฏิปี” และกล้าหาญขอพรพระ
อิศวรคือ “น้วิ เพชร” โดยมีเจตนาชัดเจนวา่ “จะช้ีใครจงม้วยสังขาร์” ซ่ึงเป็นการผกู โกรธผอู้ ่ืนและตั้งใจจะทา
รา้ ยถึงชวี ิต เม่ือพระนารายณ์แปลงเป็นนางรามายวั่ ยวนนนทก และนนกทกเองก็ “พิสมยั ใหลหลง” จนนิว้
เพชรกลับมาทาร้ายตนเอง นนทกก็กลบั ยอ้ นถามพระนารายณ์วา่ “โทษข้าเป็นไฉนใหว้ ่ามา” แสดงว่านนทกไม่
เคยมองเห็นความผดิ ของตนเองแต่กลับโทษผ้อู ื่น เมือ่ ตนเป็นฝ่ายพา่ ยแพ้ก็ยงั โทษผู้อื่นว่า
คุณคา่ ดา้ นนาฏศลิ ป์
บทละครเร่ืองรามเกียรตเิ์ ป็นบทละครราเร่ืองหนงึ่ ทรี่ ูจ้ ักกันอยา่ งแพร่หลาย โดยเฉพาะอย่างยิง่
ตอนนารายณ์ปราบนนทกไดแ้ สดงท่ารา “แม่บท” ในตอน พระนารายณเ์ ป็นนางราไปยวั่ ยวนนนทก ทา่ รา่ ยรา
อันงดงามนีเ้ องท่ีทาให้นนทกหลงใหลและรา่ ยราตาม ดังนี้
๏ เทพนมปฐมพรหมสหี่ น้า สอดสร้อยมาลาเฉิดฉิน
ทง้ั กวางเดินหงส์บนิ กนิ รินเลยี บถ้าอาไพ
อกี ชา้ นางนอนภมรเคล้า ทงั้ แขกเตา้ ผาลาเพยี งไหล่
เมขลาโยนแกว้ แววไว มยเุ รศฟ้อนในอัมพร
ลมพัดยอดตองพรหมนิมติ ทั้งพสิ มยั เรยี งหมอน
ย้ายทา่ มจั ฉาชมสาคร พระส่ีกรขว้างจักรฤทธริ งค์
ฝ่ายนนทกกร็ าตาม ด้วยความพิสมยั ใหลหลง
ถงึ ทา่ นาคาม้วนหางวง ชี้ตรงถกู เพลาทนั ใด
ด้วยเดชนวิ้ เพชรสิทธศิ กั ดิ์ ขาหกั ลม้ ลงไม่ทนได้
นางกลายเปน็ องค์นารายณไ์ ป เหยียบไว้จะสงั หารราญรอน
ทา่ ราของนางราแปลงมีดังนี้ ๑๑. ผาลาเพยี งไหล่
๑. เทพนม ๑๓. มยเุ รศฟ้อน
๒. ปฐม ๑๕. พรหมนมิ ติ
๓. พรหมสี่หน้า ๑๗. มัจฉาชมสาคร
๔. สอดสรอ้ ยมาลา ๑๙. นาคามว้ นหาง
๕. กวางเดินดง
๖. หงส์บนิ
๗. กนิ รินเลยี บถ้า
๘. ชา้ นางนอน
๙. ภมรเคล้า
๑๐. แขกเตา้ เข้ารงั
๑๒. เมขลาล่อแกว้
๑๔. ลมพดั ยอดตอง
๑๖. พสิ มยั เรยี งหมอน
๑๘. พระส่กี รขวา้ งจกั ร
บทละครเรื่องรามเกียรติ์ ตอนนารายณ์ปราบนนทก เปน็ วรรณคดีที่ไดบ้ นั ทึกหลักฐานเกีย่ วกบั
เรือ่ งทา่ ราเอาไว้ ซึ่งเปน็ ประโยชน์แก่การศึกษาประวัตินาฏศลิ ป์ไทย ทาใหน้ ักเรยี นได้รับความรใู้ นเรอ่ื งทา่ รา
ต่าง ๆ จึงควรหาโอกาสชมโขนหรอื ละครตอนนี้ หรือหาภาพประกอบ เพอื่ จะไดเ้ ห็นความงดงามของนาฏศิลป์
ไทย
แบบทดสอบกอ่ นและหลังเรยี น
บทละครใน เร่อื ง รามเกยี รติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก
คาชีแ้ จง ใหท้ าเครอ่ื งหมายกากบาท (X) ลงในกระดาษคาตอบ
๑. เรื่องรามเกยี รต์มิ ีเคา้ โครงมาการที่ใด
ก. จนี ข. ลงั กา
ค. เขมร ง. อินเดยี
๒. ผทู้ ่อี วตารมาเกดิ เป็นพระรามเพื่อปราบทุกข์เขญ็ คือใคร
ก. พระอศิ ศวร ข. พระพรหม
ค. พระนารายณ์ ง. พระอนิ ทร์
๓. เหตกุ ารณข์ อ้ ใด "ไม่ปรากฏ" ในเรือ่ ง
ก. พระอนิ ทร์ทูลพระอิศวรเรื่องนนทกทารา้ ยเทวดา
ข. พระอนิ ทรบ์ อกอุบายปราบนนทกแกพ่ ระนารายณ์
ค. นนทกร่ายราตามนางสุวรรณอัปสร
ง. พระนารายณ์สังหารนนทกตามคาสงั่ พระอศิ วร
๔. ข้อใดเปน็ สาเหตทุ ี่พระอศิ วรประทานพรใหน้ นทก
ก. อ้ายน่มี ีชอบมาชา้ นาน ข. ถึงนนทกน้าใจกลา้ หาญ
ค. เห็นนนกทกโศกาจาบลั ย์ ง. จนผมโกร๋นโล้นเกล้ยี งถงึ เพียงหู
๕. "ต้องสุบรรณเทวานาคี ด่งั พิษอสนุ ีไม่ทนได้" คาประพันธ์ข้างต้นนี้ มีคุณค่าวรรณศลิ ปใ์ นเรื่องใด
ก. อุปมา ข. สัทพจน์
ค. อปุ ลกั ษณ์ ง. อตพิ จน์
๖. ข้อคิดเรือ่ งใดทน่ี ักเรียนสามารถนาไปใช้ในชวี ติ ประจาวันได้
ก. แคน้ นต้ี อ้ งชาระ ข. การอดทน อดกลั้น
ค. การไตร่ตรองก่อนใชอ้ านาจ ง. เวรย่อมระงบั ดว้ ยการจองเวร
๗. ขอ้ ใดเป็นเหตกุ ารณ์ที่เกิดก่อนเหตุการณ์อ่นื
ก. พระอิศวรประทานพรใหน้ นทก ข. นนทกถกู เทวดากล่ันแกล้ง
ค. นนทกทลู ขอน้วิ เพชรจากพระอิศวร ง. นนทกหลงรักนางสุวรรณอัปสร
๘. ตวั ละครในข้อใดควรไดร้ ับการตาหนิมากท่ีสุด
ก. เทวดา ข. นนทก
ค. พระนารายณ์ ง. พระอิศวร
๙. “ตวั เจ้าผู้มีฤทธี เปน็ ท่ีพึ่งแก่หมเู่ ทวัญ” บทประพนั ธ์นหี้ มายถึงใคร
ก. พระอศิ วร ข. พระอินทร์
ค. พระพรหม ง. พระนารายณ์
๑๐. เหตุใดนนทกจึงพา่ ยแพ้
ก. เหตใุ ดมทิ าซ่ึงหนา้ ข. ตัวข้ามีมือแตส่ องมือ
ค. ฉบิ หายด้วยหลงเสนห่ า ง. ไมเ่ กรงเดชพระอิศวรทรงจักร
๑๑. ขอ้ ใดไม่ใช่บคุ ลกิ ลกั ษณะของพระอศิ วรจากเนอื้ เร่ืองตอนนี้
ก. ใจดี ข. ชอบใชอ้ านาจ
ค. ตัดสนิ ใจเรว็ ง. ใหข้ วัญและกาลงั ใจคนทาความดี
๑๒. ตัวละครตัวใดในเร่ืองตอนนีท้ ส่ี มควรจะไดร้ ับความเห็นใจมากท่ีสุด
ก. เทวดา ข. พระอศิ วร
ค. พระนารายณ์ ง. นนทก
๑๓. ตวั ละครใดไม่ปรากฏในเรือ่ งนี้
ก. พระอินทร์ ข. พระนารายณ์
ค. พระพรหม ง. พระอิศวร
๑๔. ท่าราท่าใดท่นี นทกพลาดทา่ แก่พระนารายณ์
ก. พระสกี่ รขวา้ งจักร ข. นาคาม้วนหาง
ค. เมขลาโยนแก้ว ง. ลมพัดยอดตอง
๑๕. ขอ้ คิดเรอื่ งใดทนี่ ักเรยี นสามารถนาไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ได้
ก. การอดทนอดกลั้น ข. การใชอ้ านาจ
ค. แค้นน้ีต้องชาระ ง. เวรยอ่ มระงับด้วยการจองเวร
๑๖. ขอ้ คิดเรื่องใดไมป่ รากฏในเรือ่ ง
ก. ผู้มีอานาจควรใชอ้ านาจอย่างถูกต้อง
ข. การกดขี่ข่มเหงผู้อ่ืนเปน็ พฤตกิ รรมทีไ่ ม่ควรปฏบิ ัติ
ค. ทกุ คนควรแสวงหาอานาจ
ง. อานาจเปรียบประดจุ ขนมหวานทาให้คนลืมตวั
๑๗. ขอ้ ใดคือหลกั สังเกตวา่ กลอนบทละครแตกตา่ งจากกลอนทว่ั ไปที่ชัดเจนทส่ี ุด
ก. จุดประสงค์ในการแต่ง ข. จานวนคาในวรรค
ค. คาขึ้นต้นบท ง. เสยี งพยญั ชนะ
๑๘. ท่าราทแ่ี สดงความหมายของการเคารพกราบไหว้บูชาอธษิ ฐาน คือทา่ ราชือ่ ใด
ก. เทพนม ข. พรหมนิมิต
ค. พรหมสีห่ น้า ง. พิสมยั เรียงหมอน
๑๙. ขอ้ ใดเปน็ พฤตกิ รรมของนนทกหลงั ได้รับพรจากพระอิศวร
ก. ฮดึ ฮดั ขดั แค้นแนน่ ใจ ข. ดเู งาในนา้ แลว้ ร้องไห้
ค. สดุ คดิ ทเี่ ราจะอดกลน้ั ง. บ้างใหต้ ักน้าลา้ งบาทา
๒๐. วรรณคดีเองรามเกยี รติ์ ปรากฏในไทยเมอ่ื ใด
ก. สมัยสโุ ขทัย ข. สมยั อยธุ ยา
ค. สมยั ธนบรุ ี ง. สมัยรตั นโกสิทร์
ใบงานที่ ๑
เรือ่ ง รจู้ ักตวั ละคร
๑. ใหน้ กั เรียนดภู าพแลว้ เติมตัวอักษรให้เปน็ ชื่อตัวละครจากเร่ือง รามเกียรติ์
พ__ ะ __ __ __ __ __ __ ณ์ ท __ __ __ ฐ์
สุ __ __ __ __อั __ __ ร พ __ __ __ __ __ร์
พ __ __ __ __ __ ร น __ __ ก
ใบงานที่ ๒
เรือ่ ง รู้คารู้ความหมาย
๑. ให้นักเรียนเขยี นคาอ่าน และความหมายของคาทีข่ ดี เส้นใต้
๑.๑ ตัง้ แตพ่ ระสยมภวู ญาณ อ่านวา่ ..................................................................................
หมายถงึ ..................................................................................
๑.๒ ว่าพระองคเ์ ป็นหลักธาตรี อ่านวา่ ..................................................................................
หมายถึง ..................................................................................
๑.๓ เหน็ นนทกโศกาจาบลั ย์ อ่านว่า ..................................................................................
หมายถงึ ..................................................................................
๑.๔ รบั พรพระศุลีมยี ศ อา่ นวา่ ..................................................................................
หมายถงึ ..................................................................................
๑.๕ ด้วยใจกาเริบอหงั การ์ อา่ นว่า ..................................................................................
หมายถงึ ..................................................................................
๑.๖ สบุ รรณคนธรรพว์ ทิ ยา อ่านวา่ ..................................................................................
หมายถึง ..................................................................................
๑.๗ ดง่ั พิษอสุนีไม่ทนได้ อา่ นว่า ..................................................................................
หมายถงึ ..................................................................................
๑.๘ เจา้ จักปรารมภ์ไปไยมี อ่านว่า ..................................................................................
หมายถงึ ..................................................................................
๑.๙ นนทกแกลว้ หาญชาญสมร อ่านวา่ ..................................................................................
หมายถงึ ..................................................................................
๑.๑๐ ไปยงั เกษยี รวารี อา่ นว่า ..................................................................................
หมายถงึ ..................................................................................
ตวั ละคร ใบงานที่ ๓
เรอ่ื ง ผังความคดิ พินจิ วรรณคดี
ฉาก
บทละครเรอื่ งรวมเกยี รติ์
ตอน
นารายณป์ ราบนนทก
ขอ้ คดิ ปญั หา
เหตุการณ์
ใบงานท่ี ๔
เร่ือง ยอ่ ความคดิ ประดษิ ฐภ์ าษา
การเขียนย่อความมหี ลกั การดังน้ี
๑. ตอ้ งมคี านาตามรปู แบบของการยอ่ ความ เชน่
ย่อ_________เรื่อง____________________ของ_____________________________
จากหนังสอื _________________หนา้ ________________ความว่า
๒. ในแต่ละย่อหน้าจะมีใจความสาคัญเพยี งประเดน็ เดยี ว ให้นาใจความสาคญั ของแต่ละยอ่ หน้ามาเรยี บเรียง
ด้วยภาษาของตนเองใหอ้ า่ นเข้าใจงา่ ย
๓. ควรยอ่ ให้ไดป้ ระมาณ ๑ ใน ๔ ของเรอ่ื งเดิม
๔. ถ้ามคี าราชาศัพทใ์ ห้คงคาราชาศัพท์นน้ั ไว้
๕. ถา้ เรอ่ื งที่จะย่อความเปน็ บทร้อยกรองต้องถอดความใหเ้ ป็นบทรอ้ ยแก้ว
ใหน้ ักเรียนเขียนยอ่ ความบทละครเรอ่ื ง รามเกียรติ์ ตอน นารายณป์ ราบนนทก
_____________________________________________________________________
________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________
________________________________________________________________________________
พฤติกรรม ใบงานท่ี ๕
ตัวละคร เร่อื ง สะท้อนนสิ ัยในพฤติกรรม
พระอศิ วร
พระนารายณ์
หมู่เทวดา
นนทก
ใบงานที่ ๖
เรอ่ื ง ข้อคดิ ชวี ติ งาม
๑. ให้นกั เรยี นสรุปความรู้ทไี่ ด้รับจากการอ่านบทละคร เร่อื งรามเกยี รติ์
ตอน นารายณป์ ราบนนทก
............................................................................................................................. ...................................
................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................................
............................................................................................................................. ...................................
.................................................................................. ..............................................................................
............................................................................................................................. ...................................
๒. ใหน้ กั เรียนสรุปขอ้ คดิ ทไี่ ด้จากการอ่านบทละครเร่ือง รามเกยี รต์ิ
ตอน นารายณป์ ราบนนทก
............................................................................................................................. ...................................
......................................................................................................................................................... .......
........................................................................................................................... .....................................
............................................................................................................................. ...................................
................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................................
๓. ถา้ นักเรียนนาข้อคิดดังกลา่ วมาใช้ในชีวิตจริง จะเกดิ ผลดีต่อคนรอบขา้ ง ต่อสังคมไทย สงั คมโลก
อยา่ งไร ยกตัวอยา่ งมา ๑ เร่ือง
ข้อคิด
...................................................
......................................................
...........................................
บรรณานุกรม
ครูณัฐพัชร์. บทละครเรื่อง รามเกยี รติ์ ตอน นารายณป์ ราบนนทก [ออนไลน]์ . เขา้ ถงึ ได้จาก
http://pasathaim2fornr.blogspot.com/2012/12/blog-post.html. เผยแพร่เม่อื ๒๓
ธันวาคม ๒๕๕๕.
ผกาศรี เย็นบุตร, สภุ คั มหาวรากร และ นธิ อิ ร พรอาไพสกุล. หนังสือเรียนรายวชิ าพ้นื ฐาน ภาษาไทย ๒ เลม่ ๑
ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี ๒. กรงุ เทพฯ : เอมพันธ์, ๒๕๕๗.
เวชวรรณ หงษ์โต. รามเกียรต์ิ ตอน นารายณ์ปราบนนทก [Video file]. เขา้ ถงึ ได้จาก
https://www.youtube.com/watch?v=8A2J8JC5luo. เผยแพรเ่ ม่ือ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๕.
สานักเทคโนโลยเี พื่อการเรียนการสอน. บทเรยี นอิเล็กทรอนกิ ส์ กล่มุ สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย เร่ือง
รามเกยี รต์ิ ตอน นารายณ์ปราบนนทก [Tablet file]. ๒๕๕๘.
Chitsumon Foam'z. รามเกียรติ์ มินแิ อนเิ มชนั ชุดท่ี ๑ [Video file]. เข้าถงึ ไดจ้ าก
https://www.youtube.com/watch?v=pLP73f1SQIA. เผยแพรเ่ มอื่ ๒๔ พฤษภาคม
๒๕๕๖.
ผศ.ชินวัฒน์ ประยูรรตั น.์ / (2561)./ รามเกียรติ์ ตอนนารายณป์ ราบนนทก [3D Animation]./ 31 สงิ หาคม 2563,/ จาก
https://www.youtube.com/watch?v=euwa4Iv_Jzg