The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Sunny Strong, 2021-06-01 10:18:21

ดวงจีน 102

ดวงจีน 102

ดวงจีน 102
นบั คะแนน
ข้นั ตอนการพยากรณ์ดวงจีน

12 พค.2564
13.27น.

1

สารบญั

ทฤษฎียนิ -หยาง หน้า
ทฤษฎีปัญจธาตุ 25
คณุ ลกั ษณะของธาตตุ า่ งๆ 41
การชง่ั นํา้ หนกั ดวง 71
หน้าทข่ี องบ้านทงั้ 8 บ้าน 114
หลกั การให้กําเนิดของ 5 แมธ่ าตหุ ลกั 125
ขนั้ ตอนการพยากรณ์ดวงจีน โป๊ ยหยี่ส่ีเถียว 133

2

ทฤษฎียนิ -หยาง

ยนิ – หยาง เป็ นด้านของสรรพสงิ่ ที่ตรงข้ามกนั
จะตอ่ ต้านกนั ขณะเดียวกนั ก็ควบคมุ และเป็นเอกภาพ
แกก่ นั เก่ียวเนื่องสมั พนั ธ์ซงึ่ กนั และกนั ตลอดเวลา
• สรรพสง่ิ ที่ปรากฏอยใู่ นจกั รวาลนี ้

ประกอบด้วยยนิ -หยางทงั ้ สนิ ้
• ยิน-หยางเหลา่ นี ้

มีการเปล่ียนแปลงเกี่ยวเน่ืองกนั ตลอดเวลา
และการเปลยี่ นแปลงนีเ้อง
ที่เป็นตวั กําหนดปรากฏการณ์ธรรมชาตทิ งั้ ปวง
รวมทงั้ การเจริญเตบิ โต
และการเปล่ยี นแปลงของชีวติ มนษุ ย์

3

ลกั ษณะของยนิ -หยาง

หยาง มีแนวโน้มท่ีจะแผ่ออก ไหลขนึ ้ เบือ้ งบน
และ เป็นความเคล่อื นไหว
สว่ นยนิ มีแนวโน้มท่ีจะหดเข้าภายใน ไหลลงเบือ้ งลา่ ง
และ เป็นความหยดุ น่งิ
• หากปริมาณหรือคณุ ภาพของตวั ใดตวั หนง่ึ

เหลือ่ มลาํ ้ เกินไป
สภาวะสมดลุ ก็จะแปรเปลีย่ นไป

4

ความหมายของยนิ -หยาง
ในลกั ษณะท่ีเป็นคู่ตรงกนั ขา้ ม

ยิน 阴 หยาง阳
กลางคืน晚上 กลางวนั 白天
ฤดใู บไม้ร่วง หนาว冬秋 ฤดใู บไม้ผลิ ร้อน春夏
หญิง女性 ชาย男性
เยน็ 寒凉 ร้ อน温热
หนกั 重 เบา轻
มืด阴暗 สวา่ ง明亮
ลงต่ํา下降 ขนึ ้ สงู 上升
ด้านใน向内 ด้านนอก向外
สงบน่ิง静止 เคล่ือนไหว运动

5

กฎของยนิ -หยางแบ่งออกไดเ้ ป็น 4 ขอ้ คือ

1. ยนิ -หยาง ตรงข้ามกนั (阴阳对立)
คนโบราณคิดแบบเข้าใจงา่ ย ๆ วา่

ด้านท่ีหนั เข้าหาดวงอาทติ ย์เป็ น “พลงั หยาง”
ด้านท่ีหนั หลงั ให้กบั ดวงอาทติ ย์เป็ น “พลงั ยิน”
• แม้วา่ สง่ิ ของ 2 สง่ิ จะอยตู่ รงข้ามกนั

แตต่ า่ งก็มีหน้าท่ีอสิ ระตอ่ กนั
สง่ิ ที่ตรงข้ามกนั 2 สง่ิ จะก่อให้เกิด หรือแปรเปลยี่ น
ทําให้เกิดสงิ่ ใหม่ ๆ ได้
เชน่ การเคลือ่ นไหวของดวงจนั ทร์กบั ดวงอาทิตย์
ทําให้เกิดฤดกู าลตา่ ง ๆ
ผ้ชู ายกบั ผ้หู ญิงทําให้เกิดลกู ได้

6

ยนิ -หยางต่างทาหนา้ ที่ตรงขา้ มกนั คือ

ยนิ เกี่ยวกบั โครงสร้างร่างกาย
หยาง เก่ียวกบั การทําหน้าท่ี
ยิน-หยางควบคมุ ซงึ่ กนั และกนั
ให้อยใู่ นสภาวะสมดลุ ร่างกายจงึ เป็นปกติ
แตถ่ ้าเสยี สมดลุ จะทําให้เกิดโรคตามมา

7

2. ยนิ -หยาง อาศยั ซ่ึงกนั และกนั
(阴阳互根)

สรรพสง่ิ ในโลกนี ้
แม้วา่ มี 2 สง่ิ ท่ีตรงข้ามกนั แตก่ ็ต้องอาศยั ซงึ่ กนั และกนั

เพ่ือความอยรู่ อด และเพื่อประโยชน์ระหวา่ งกนั
• ยนิ พงึ่ พาหยาง หยางพง่ึ พายิน
ตา่ งฝ่ ายจะคงอยไู่ ด้
ก็ตอ่ เม่ือฝ่ ายตรงข้ามยงั คงอยู่
• ยิน-หยาง แยกจากกนั ไมไ่ ด้
เช่น มีฟ้ าจงึ จะมีดนิ ไมม่ ีฟ้ าก็ไมม่ ีดนิ

มีรูปร่างจงึ จะมีเงา เงาก็จะอาศยั ตามรูปร่าง
ไมม่ ีรูปร่างก็จะไมเ่ กิดเงา

8

3. ยนิ หยาง มีการเปล่ียนแปลงข้ึนและลง
(阴阳消长)

สรรพสง่ิ ที่ตรงข้ามกนั 2 อยา่ ง
มีการเคลอ่ื นไหวในลกั ษณะขดั แย้งกนั

• ฝ่ ายหนง่ึ จะมีการเพมิ่ ขนึ ้
ขณะท่ีอีกฝ่ ายหนง่ึ จะต้องลดลง
เชน่ การเปลยี่ นแปลงของฤดกู าล

9

เมื่อเข้าสฤู่ ดใู บไม้ผลิ และฤดรู ้อน
เป็ นเวลาท่ี ยนิ คอ่ ยๆลดลง
หยาง คอ่ ยๆเพิม่ ขนึ ้
ทําให้อากาศเยน็ คอ่ ยๆอนุ่ ขนึ ้

คือ ยินลดหยางเพมิ่ (阴衰阳盛)

และจากฤดรู ้อนเข้าสฤู่ ดใู บไม้ร่วงและฤดหู นาว
อากาศจะเปล่ียนจากร้อนคอ่ ยๆเย็นลง
เป็ นเวลาท่ี หยาง คอ่ ยๆลดลง
ยิน คอ่ ยๆเพมิ่ ขนึ ้
คือ หยางลดยินเพ่มิ (阴盛阳衰)

10

4. ยนิ หยางมีการแปรเปลี่ยนซ่ึงกนั และกนั
(阴阳转化)

เม่ือยินและหยาง
มีการเปล่ียนแปลงขนึ ้ ลงถงึ ระดบั หนงึ่
ยินท่ีเพิม่ ขนึ ้ จะสามารถเปล่ียนเป็ นหยาง
หยางท่ีเพ่มิ ขนึ ้ สามารถเปล่ียนเป็ นยินได้

คือ ร้อนจดั เปล่ียนเป็ นหนาว,
หนาวจดั เปล่ียนเป็ นร้อน

(热极生寒,寒极生热)
เชน่ ภาวะไข้และความร้อนสงู ในร่างกาย
เป็ นสาเหตใุ ห้ร่างกายใช้พลงั งานมากเกินปกติ
จนเกิดอาการตวั เยน็ มีอาการหน้าซดี ขาว

แขนขาเยน็ หายใจขดั
อาการดงั กลา่ วนี ้

เป็ นอาการเย็นเกินไปนนั่ เอง
หรือหยางเปลี่ยนเป็ นยนิ

11

โครงสร้างร่างกายกบั ยนิ -หยาง
(人的组织结构)

สว่ นตา่ งๆของร่างกาย จําแนกเป็ นยิน-หยางได้ดงั นี ้
- ร่างกายสว่ นบน เป็ นหยาง สว่ นลา่ ง เป็นยิน
- ร่างกายสว่ นนอก เป็ นหยาง สว่ นใน เป็ นยิน
- ด้านหลงั ของร่างกาย เป็ นหยาง ด้านหน้า เป็นยิน

12

• อวยั วะภายใน
จําแนกตามการทําหน้าท่ี
เป็ นอวยั วะตนั ทงั ้ 5(五脏)
ได้แก่ หวั ใจ ปอด ม้าม ตบั ไต เป็น ยิน
เพราะทําหน้าที่เก็บสะสมสารจําเป็ น (หยดุ นงิ่ )

• และอวยั วะกลวงทงั ้ 6 (六腑)
ได้แก่ ถงุ นํา้ ดี กระเพาะอาหาร ลําไส้ใหญ่ ลําไส้เลก็
กระเพาะปัสสาวะ ซานเจียว เป็ น หยาง
เพราะทําหน้าที่ยอ่ ย ระบาย ขบั ถ่าย
(มีการเคลือ่ นไหว)

13

• โดยท่ีในอวยั วะตนั ทงั ้ 5 ก็ยงั จําแนก หวั ใจและปอด
เป็ น หยาง (อยดู่ ้านบน ในชอ่ งอก)
สว่ นม้าม ตบั และไต เป็ น ยนิ
(อยดู่ ้านลา่ ง ในช่องท้อง)

14

• ระบบเส้นลมปราณ (经络)
จําแนกเส้นลมปราณหลกั เป็ น ยิน
เส้นลมปราณยอ่ ย เป็ น หยาง เป็ นต้น

• เลือดและพลงั ลมปราณ (血气)
จําแนก เลอื ด เป็ น ยนิ
พลงั ลมปราณ เป็ น หยาง เป็ นต้น

15

หนา้ ที่ทางสรีระวิทยาของร่างกาย
กบั ยนิ -หยาง

ยิน เป็ นสารหลอ่ เลยี ้ งร่างกาย
ซงึ่ เป็ นวตั ถพุ ืน้ ฐานในการทําหน้าที่
หยาง เป็ นการทําหน้าที่ตา่ งๆของร่างกาย
ถ้าขาดสารหลอ่ เลยี ้ งร่างกายก็ทํางานไมไ่ ด้
ยนิ -หยางมีคณุ สมบตั ิตรงข้ามกนั

แตพ่ งึ่ พาอาศยั กนั
มีการเปล่ยี นแปลงขนึ ้ ลง
เปล่ียนแปลงซงึ่ กนั และกนั ได้

16

ถ้าอยรู่ ่วมกนั อยา่ งสมดลุ
ร่างกายก็จะเป็ นปกติ
แตถ่ ้าหาก ยิน-หยาง ไม่สมดลุ
ก็เป็ นเหตใุ ห้เกิดโรคภยั ไข้เจบ็ ขนึ ้

หาก หยาง มีปริมาณมากเกินไป
ก็จะทําให้ ยนิ ออ่ นกําลงั ลง
และในทํานองกลบั กนั
ถ้า ยนิ มากเกินไป

ก็จะเป็ นอปุ สรรคขวางกนั้ หยาง

17

การเปล่ียนแปลง
ทางพยาธิวิทยาของร่างกาย

ถ้า ยนิ -หยาง เสยี สมดลุ จะเกิดโรค
โดยการเกิดโรคและการดําเนินการของโรคขนึ ้

ปัจจยั 2 ประการ คือ

- ลมปราณต้านทานโรค(正气)
คือ สมรรถภาพในการต้านทานโรค

จากภายในร่างกาย
ได้แก่ สารจําเป็ นในร่างกาย เป็น ยิน

ลมปราณเป็ น หยาง

18

- ลมปราณกอ่ โรค(邪气)
คือ อทิ ธิพลและปัจจยั ตา่ ง ๆ ที่ทําให้เกิดโรค

จากภายนอกร่างกาย
ได้แก่ ความเย็น ความชืน้ เป็น ยิน

ความร้อน ลม ไฟ เป็ น หยาง

19

การเปล่ียนแปลงของยนิ และหยาง มีดงั น้ี

1. ยิน-หยาง เพ่มิ ขนึ ้ (阴阳偏盛)
คือ ระดบั ของ ยิน หรือ หยาง เพ่มิ สงู กวา่ ปกติ

ระดบั ลมปราณกอ่ โรค หยาง เพม่ิ ขนึ ้
ทําให้เกิดกลมุ่ อาการร้อน

(阳胜则热:实热证)
เช่น มีไข้สงู เหงื่อออก หน้าแดง ชีพจรเร็ว

ขณะเดียวกนั หยาง ท่ีเพมิ่ ขนึ ้
สามารถเผาผลาญของเหลวในร่างกายให้ลดลง

ทําให้พบอาการคอแห้ง เป็นต้น
เรียกว่า หยาง เพม่ิ ทําให้ ยนิ ป่ วย

(阳胜则阴病)

20

ระดบั ลมปราณก่อโรค ยนิ เพม่ิ ข้ึน

ทําให้เกิดกลมุ่ อาการเยน็
( 阴胜则寒:实寒证 )

เชน่ ปวดท้อง ท้องเดนิ
ลนิ ้ ซีด มีฝ้ าขาว ชีพจรลกึ
ขณะเดยี วกนั ยนิ เพ่มิ ขนึ ้
จะไปทําลาย ลมปราณ หยาง ในร่างกาย
ทําให้มีอาการกลวั หนาว มือเท้าเย็น เป็ นต้น
เรียกวา่ ยิน เพม่ิ ทําให้ หยาง ป่ วย

(阴胜则阳病)

21

2. ยนิ -หยาง ลดลง (阴阳偏衰)
คือ ระดบั ยนิ หรือ หยาง ลดลงต่ากวา่ ปกติ

ระดบั ลมปราณกอ่ โรค ยิน ลดลง
ทําให้เกิดกลมุ่ อาการร้อน

(阴虚则热:虚寒证 )
เช่น มีไข้เป็ นเวลา เหง่ือออกมากตอนกลางคืน

ร้อนตามฝ่ ามือฝ่ าเท้า ปากและลนิ ้ แห้ง
ชีพจรเล็กเร็ว

22

ระดบั ลมปราณก่อโรค หยาง ลดลง

ทําให้เกิดกลมุ่ อาการเย็น
(阳虚则寒:虚热证)
เชน่ ใบหน้าซดี ขาว กลวั หนาว มือเย็น

ออ่ นเพลยี
เหงื่อออกมากตอนกลางวนั

ชีพจรเบา

23

การรักษาโรค

เกิดจากสภาพ หยาง มากไป (ร้อน)
ก็ให้ยาเย็น

ถ้าเกิดจากสภาพ ยนิ มากไป (เย็น)
ก็ให้ยาร้อนหรือยาขบั เย็น

แตถ่ ้าสภาวะ หยาง ออ่ นลงแล้ว
มีผลทําให้ ยนิ ดมู ากเกิน
การรักษาใช้วิธีเพม่ิ หยาง

และพยงุ ยิน ให้คงสภาพพอดีไว้
• หรือในทํานองกลบั กนั

เพ่ือปรับ ยิน-หยาง ให้สสู่ ภาวะสมดลุ

24

อาหารหรือยาที่มีรสเคม็ (咸) ขม (苦) เปรีย้ ว (酸)
ฝาด (涩) จดั เป็ น ยิน

อาหารหรือยาท่ีมีรสเผ็ด (辛) หวาน (甘) จืด (淡)
จดั เป็ น หยาง

ยาที่มีฤทธ์ิชว่ ยกระจาย ระบาย (发散)
ขนึ ้ ข้างบนหรือออกข้างนอก (升浮)

จดั เป็ น หยาง
ยาท่ีมีฤทธิ์ชว่ ยดบั สมาน (收敛)
ลงข้างลา่ งหรือเข้าข้างใน (沉降)

จดั เป็ น ยนิ

http://cmed.hcu.ac.th/knowledge.php?num=41

25

ทฤษฎีปัญจธาตุ

ในศาสตร์การแพทย์แผนจีน
ทกุ สรรพสง่ิ ในจกั รวาล
รวมถึงร่างกายมนษุ ย์
ล้วนกอ่ เกิดขนึ ้ และถกู ขบั เคลื่อนผลกั ดนั
โดย “ช่ี” หรือ “ลมปราณ”
ซง่ึ สรรพสง่ิ แม้วา่ ประกอบขนึ ้ จากชี่
• แตห่ ากจําแนกตามลกั ษณะเดน่ ที่แตกตา่ งกนั

ของสรรพสง่ิ ในธรรมชาติ
สามารถจดั กลมุ่ สง่ิ ที่มีลกั ษณะเดน่ ใกล้เคียงกนั ได้
เป็ น 5 ธาตุ ประกอบด้วย ไม้ ไฟ ดนิ โลหะ และนํา้
รวมเรียกวา่ ปัญจธาตุ (五行-อสู่ งิ )

26

ธาตุไม(้ 木)

เปรียบได้กบั การแผก่ ิ่งก้านของต้นไม้
ที่มีความสามารถโค้งงอและยืดตรงได้
มีลกั ษณะพเิ ศษ คือ การเจริญเติบโต

การกระจาย ความผ่อนคลาย

27

ธาตุไฟ(火)

เปรียบได้กบั เปลวไฟท่ีมีความร้อน
แผ่ขนึ ้ สดู่ ้านบนและความสว่างไสว
มีลกั ษณะพิเศษ คือ ความร้อน

ทศิ ขนึ ้ สดู่ ้านบน ความสวา่ ง

28

ธาตุดิน(土)

เปรียบได้กบั ดนิ ท่ีมีความอดุ มสมบรู ณ์
ท่ีสามารถเพาะปลกู เก็บเก่ียวได้

มีลกั ษณะพเิ ศษ คือ การให้กําเนิด การรับเข้า
การเปล่ยี นแปลง

29

ธาตุโลหะ(金)

เปรียบได้กบั โลหะ
มีเปล่ยี นแปลงได้ทงั ้ แขง็ และออ่ น
มีลกั ษณะพเิ ศษ คือ การจมลง ความเงียบงนั

การดดู ซบั

30

ธาตุน้า(水)

เปรียบได้กบั นํา้ ท่ีไหลลงสทู่ ่ีต่ํา และมีความชมุ่ ชืน้
มีลกั ษณะพเิ ศษ คือ ความชมุ่ ชืน้ มีทิศทางลงลา่ ง

ความเย็น การเก็บกกั

31

ทฤษฎีปัญจธาตุ

นอกจากจะศกึ ษาลกั ษณะเดน่ ของสง่ิ ตา่ งๆในธรรมชาติ
ตามธาตแุ ล้ว ยงั สามารถแบง่ ลกั ษณะเดน่ ของสว่ นตา่ งๆ
ในร่างกายมนษุ ย์ตามธาตไุ ด้อีกด้วย ดงั นี ้

ธรรมชาติ 自然界 ร่างกายมนษุ ย์人体
อวยั วะตนั 脏
รสชาต五ิ 味 อวยั วะกลวง腑
สี五色 อวยั วะรับรู้五官
อากาศ气候 เนือ้ เย่ือ五体
ฤดกู าล季節 อารมณ์五志

32

ธาตุไม้


รสชาต五ิ 味 เปรีย้ ว 酸
ส五ี 色 เขียว青
อากาศ气候 ลม风
ฤดกู าล季節
อวยั วะตนั 脏 ใบไม้ผล春ิ
อวยั วะกลวง腑 ตบั 肝
อวยั วะรับรู้五官
เนือ้ เย่ือ五体 ถงุ นํา้ ดี胆
อารมณ์五志 ตา目
เอน็ 筋
โกรธ怒

33

ธาตุไฟ


รสชาต五ิ 味 ขม苦
ส五ี 色 แดง赤
อากาศ气候 ร้ อน暑
ฤดกู าล季節 ร้ อน夏
อวยั วะตนั 脏 หวั ใจ心
อวยั วะกลวง腑 ลําไส้เลก็ 小肠
อวยั วะรับรู้五官 ลนิ ้ 舌
เนือ้ เย่ือ五体 หลอดเลอื ด血
อารมณ์五志 ดใี จ喜

34

ธาตุดิน


รสชาต五ิ 味 หวาน甘
ส五ี 色 เหลอื ง黃
อากาศ气候 ชืน้ 湿
ฤดกู าล季節 ปลายร้ อน長夏
อวยั วะตนั 脏 ม้าม脾
อวยั วะกลวง腑 กระเพาะอาหาร胃
อวยั วะรับรู้五官 ปาก口
เนือ้ เยื่อ五体 กล้ามเนือ้ 肉
อารมณ์五志 กงั วล思

35

ธาตุทอง


รสชาต五ิ 味 เผด็ 辛
ส五ี 色 ขาว白
อากาศ气候 แห้ง燥
ฤดกู าล季節 ใบไม้ร่วง秋
อวยั วะตนั 脏 ปอด肺
อวยั วะกลวง腑 ลําไส้ใหญ่大肠
อวยั วะรับรู้五官 จมกู 鼻
เนือ้ เยื่อ五体 ผิวหนงั ,ขน皮毛
อารมณ์五志 เศร้ า悲

36

ธาตุน้า


รสชาต五ิ 味 เคม็ 咸
ส五ี 色 ดํา黑
อากาศ气候 เย็น寒
ฤดกู าล季節 หนาว冬
อวยั วะตนั 脏 ไต肾
อวยั วะกลวง腑
อวยั วะรับรู้五官 กระเพาะปัสสาวะ膀胱
เนือ้ เย่ือ五体
อารมณ์五志 ห耳ู
กระดกู 骨
กลวั 恐

37

ธาตุท้งั หา้ จะมีความสมั พนั ธ์ต่อกนั ใน 2 ลกั ษณะคือ
การสร้าง (生) และการข่ม (克)

การสร้าง (生) หมายถึง ความสมั พนั ธ์ที่มีการหนนุ
นํากนั ให้มีการเกิด กระต้นุ พฒั นาระหวา่ งธาตทุ งั้ 5
ธาตทุ ี่เป็ นตวั สร้างถือเป็ น ธาตุ “แม”่
สว่ นธาตทุ ี่ถกู สร้างถือวา่ เป็ นธาตุ “ลกู ”

38

ตวั อยา่ งเชน่ นํา้ ก่อเกิด ไม้
นํา้ จงึ เป็นแมข่ องไม้
และไม้เป็ นลกู ของนํา้
ไม้ สร้าง ไฟ
ไม้ จงึ เป็นแมข่ องไฟ
และไฟเป็นลกู ของไม้ ดงั นี ้

ไม้ สร้าง ไฟ
ไฟ สร้าง ดิน
ดนิ สร้าง โลหะ
โลหะ สร้าง นํา้
นํา้ สร้าง ไม้

39

การข่ม (克) หมายถึง ความสมั พนั ธ์ที่มีการยบั ย้งั
ควบคุมกนั ระหวา่ งธาตุท้งั 5 ซ่ึงมีลกั ษณะดงั น้ี

ไม้ ข่ม ดิน
ดนิ ข่ม นํา้
นํา้ ข่ม ไฟ
ไฟ ข่ม โลหะ
โลหะ ข่ม ไม้

40

สรุป

การสร้างและการขม่ ของปัญจธาตจุ ะดําเนินควบคู่
สมั พนั ธ์กนั ในลกั ษณะสมดลุ ดํารงการหมนุ เวียน
เปลี่ยนแปลงตามวฏั จกั รของสรรพสง่ิ และร่างกาย

มีการเกิดขนึ ้ เจริญเตบิ โต เส่ือมถอย
และดบั สลายตามธรรมชาติ

http://cmed.hcu.ac.th/knowledge.php?num=263

41

คุณลกั ษณะของธาตุไม้

เมตตา ชอบทําความดี ใจบญุ ขีส้ งสาร
มีคณุ ธรรม ศีลธรรม

ไม่แกง่ แยง่ ชิงดี ไมท่ ะเลาะววิ าท รักสงบ
ศกั ดศ์ิ รี กล้าหาญ เชื่อมนั่ ในตนเองสงู
กระตือรือร้น ขยนั มงุ่ มน่ั ไปข้างหน้า

42

ธาตุไม้


43

๑.ไมห้ ยาง (แขง็ ตรง ช่วยผอู้ ่อนแอ)

ต้นไม้ใหญ่
กระตือรือร้น พฒั นาตอ่ เน่ือง
เข้มแขง็ ซ่อื ตรง มีศกั ดศิ์ รี รักคณุ ธรรม
ชว่ ยเหลือผ้อู อ่ นแอ เป็ นท่ีพงึ ของผ้นู ้อย
กล้าหาญ สมาธิดี หนกั แนน่ ใจกว้าง
มีเมตตา อบอนุ่

44

จุดอ่อน คือ

• เชื่อมน่ั ในตวั เองสงู
แข็งกระด้าง
ไมร่ ู้จกั โอนออ่ นผอ่ นตาม
ขีร้ ะแวง
โกรธงา่ ย

45

๒.ธาตุไมห้ ยนิ
(ยดื หยนุ่ ปรับตวั เก่ง คิดเลก็ คิดนอ้ ย)

ไม้เลอื ้ ย ไม้ดอก
นมุ่ นวล ออ่ นโยน ซอ่ื ตรง อดทน
ปรับตวั เกง่ ถ่อมตน ไมแ่ ก่งแยง่ ชงิ ดี
รักสงบ ไมท่ ะเลาะววิ าท
มีทกั ษะในการแสดงออก มีมารยาท
ปัญญาดี มีไหวพริบ มีเหตผุ ล
แตค่ อ่ นข้างขีเ้กียจ
คิดเลก็ คดิ น้อย ขีอ้ จิ ฉา
มองแตป่ ระโยชน์สว่ นตน

46

ธาตุไฟ


• โดดเดน่ ช่ือเสยี ง
การแสดงออก
ให้ความรู้ ความอบอนุ่ ใจ

• นา่ เกรงขาม
โปร่งใส ตรงไปตรงมา ซอื่ สตั ย์มีคณุ ธรรม
มีมารยาท มีความเคารพผ้ใู หญ่
รักพวกพ้อง ใจกว้าง มีนํา้ ใจกบั ผ้นู ้อย

47

• ชอบชว่ ยเหลอื
แตท่ ําคณุ บชู าโทษโปรดสตั ว์ได้บาป
ทําคณุ คนไมข่ นึ ้

• เพราะไฟจดุ แล้วต้องดบั
ตะวนั ขนึ ้ ก็ต้องตกดนิ
ไมต่ อ่ เนื่องสม่ําเสมอ

• ความช่วยเหลือมาแบบตามอารมณ์
คนท่ีได้รับความชว่ ยเหลือจงึ ไม่ให้ความสําคญั

48

• กระตือรือร้น เฉลยี วฉลาด
เดนิ เร็วพดู เร็ว ใจร้อน
มองโลกชดั เจน

49

ธาตุไฟหยาง-สวา่ งไสว ร้อนแรง
รักษาหนา้ ตา

พระอาทิตย์
เปิ ดเผย ตรงไปตรงมา
นา่ เกรงขาม
ซ่ือสตั ย์ มีคณุ ธรรม
ใจร้อน โกรธงา่ ยหายเร็ว
มีทฐิ ิมานะ
รักษาภาพพจน์
ทํากิจวตั รเดิมๆซาํ ้ ๆ

50


Click to View FlipBook Version