The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การตลาดแบบดั้งเดิม (ชลธร,เนตรนภา,ณัฐธิดา,ภัทรพร)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by jjay.1999.jj, 2021-08-14 10:24:45

การตลาดแบบดั้งเดิม (ชลธร,เนตรนภา,ณัฐธิดา,ภัทรพร)

การตลาดแบบดั้งเดิม (ชลธร,เนตรนภา,ณัฐธิดา,ภัทรพร)

รายงาน

เรอ่ื ง การตลาดแบบดัง้ เดิม (Traditional marketing)

จดั ทำโดย

นางสาวเนตรนภา มมี าก เลขที่ 5

นางสาวชลธร แซ่ตง๊ั เลขท่ี 8

นางสาวณฐั ธิดา ประเสรฐิ เลขท่ี 10

นางสาวภัทรพร พละชีวะ เลขท่ี 14

นักศกึ ษาระดบั ปรญิ ญาตรีปีท่ี 2 สาขาวชิ าการบัญชี

เสนอ
อาจารยน์ พิ ร จทุ ยั รตั น์

รายงานนเ้ี ป็นสว่ นหนึ่งของวิชาการบริหารเศรษฐศาสตรอ์ ุตสาหกรรม (23–4001–2007)
ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2564

สถาบันการอาชวี ศึกษาภาคตะวนั ออก

รายงาน

เรอ่ื ง การตลาดแบบดัง้ เดิม (Traditional marketing)

จดั ทำโดย

นางสาวเนตรนภา มมี าก เลขที่ 5

นางสาวชลธร แซ่ตง๊ั เลขท่ี 8

นางสาวณฐั ธิดา ประเสรฐิ เลขท่ี 10

นางสาวภัทรพร พละชีวะ เลขท่ี 14

นักศกึ ษาระดบั ปรญิ ญาตรีปีท่ี 2 สาขาวชิ าการบัญชี

เสนอ
อาจารยน์ พิ ร จทุ ยั รตั น์

รายงานนเ้ี ป็นสว่ นหนึ่งของวิชาการบริหารเศรษฐศาสตรอ์ ุตสาหกรรม (23–4001–2007)
ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2564

สถาบันการอาชวี ศึกษาภาคตะวนั ออก

คำนำ

รายงานเรื่องการตลาดแบบดั้งเดิม (Traditional marketing) เป็นส่วนหนึ่งของวิชาการ
บริหารเศรษฐศาสตร์อตุ สาหกรรม ระดบั ปรญิ ญาตรีปีท่ี 2 สาขาวิชาการบัญชี จดั ทำข้ึนเพื่อศึกษาการ
วางแผนกลยุทธท์ างการตลาดแบบดั้งเดมิ และการเปลี่ยนไปของการตลาดแบบดั้งเดิมเข้าสู่การตลาด
แบบใหม่ตามยุคสมัยที่พัฒนาขึ้น คณะผู้จัดทำได้รวบรวมข้อมูลจากส่ืออินเทอร์เน็ต นำมาเรียบเรียง
เพื่อให้ง่ายต่อการศึกษา และเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจศึกษาและใช้ประโยชน์จากการตลาดแบบ
ดั้งเดิม

คณะผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่า รายงานเรื่องการตลาดแบบดั้งเดิม (Traditional
marketing) นี้ จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจจะศึกษา หากรายงานเล่มนี้มีข้อผิดพลาดประการใด
คณะผู้จดั ทำตอ้ งขออภัยมา ณ ทน่ี ดี้ ้วย

คณะผจู้ ัดทำ

สารบัญ หนา้

เรอื่ ง ค

คำนำ จ
สารบญั ฉ
สารบัญภาพ 1
สารบัญตาราง 2
การตลาดแบบด้ังเดมิ 2
ตัวอยา่ งการส่ือสารการตลาดแบบดงั้ เดมิ 5
7
การออกบธู แสดงสินค้า 9
การโฆษณาผา่ นป้าย 9
หลักการตลาดแบบดง้ั เดมิ และการวางแผนการตลาดโดยใช้ 4P 11
การแบ่งสว่ นตลาด 14
ระดับของการแบง่ ส่วนการตลาด 14
การเปลี่ยนแปลงตลาดดัง้ เดมิ ส่ตู ลาดดิจติ อล 16
ขอ้ ดีของการตลาดแบบดง้ั เดิม 17
ความแตกตา่ งระหว่างการตลาดแบบดงั้ เดิมและการตลาดแบบใหม่
สรุป
บรรณานกุ รม

สารบัญภาพ หนา้

ภาพที่ 1
4
ภาพท่ี 1 ตวั อย่างการสือ่ สารการตลาดแบบด้ังเดิม 4
ภาพท่ี 2 ตัวอยา่ งการสอื่ สารการตลาดแบบด้ังเดิม 6
ภาพที่ 3 ตัวอย่างการสอ่ื สารการตลาดแบบด้ังเดิม 6
ภาพที่ 4 ตัวอย่างการสอ่ื สารการตลาดแบบด้ังเดิม 10
ภาพท่ี 5 ตวั อยา่ งการสือ่ สารการตลาดแบบด้ังเดิม 13
ภาพท่ี 6 การแบ่งสว่ นทางการตลาด
ภาพท่ี 7 การเปรยี บเทียบระหวา่ งตลาดแบบด้ังเดิมและตลาดแบบใหม่

สารบัญตาราง หนา้

ตารางท่ี 15

ตารางที่ 1 ตารางแสดงการเปรยี บเทยี บตลาดแบบดง้ั เดมิ กับตลาดแบบใหม่

การตลาดแบบด้ังเดิม
การตลาดแบบดั้งเดิม (Traditional marketing) คือ การทำการตลาดโดยท่ีไมม่ ีอินเทอร์เน็ต

เข้ามาช่วยในการประชาสัมพันธ์ หรือเผยแพร่ข้อมูลต่างๆ และเป็นการใช้ช่องทางออฟไลน์ต่างๆ ที่มี
อยู่ในขณะนั้นเป็นการสื่อสารไปยังผู้บริโภคและกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ อีกทั้งการตลาดแบบดั้งเดิม
ยังเป็นการสื่อสารเพียงด้านเดียวอีกด้วย ซึ่งทำให้การได้รับฟีคแบกต่างๆ หรือผลลัพธ์ก็จะคอ่ ยข้างช้า
และการทำการตลาดแบบดั้งเดิมนี้มีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงและมีการใช้ระยะเวลานานในการทำ
การตลาดแบบนี้กว่าจะเขา้ ถึงกลุ่มลูกค้าได้นั่นเอง การสื่อสารแบบทางเดยี วในการตลาดแบบดั้งเดมิ น้ี
เช่น การโฆษณาผ่านโทรทัศน์ วิทยุ สื่อสิ่งพิมพ์ รวมไปถึงการแจกโบรชัวร์ การติดป้ายโฆษณาตามท่ี
ตา่ งๆ ซึง่ ลูกคา้ นั้นจะไม่สามารถแลกเปลี่ยน หรอื แสดงความคดิ เหน็ อนื่ ใดได้ เพราะว่าน่ีเปน็ การส่ือสาร
ทางเดียว และได้รบั สารอย่ฝู ่ายเดียว เมอื่ เปน็ เชน่ น้ผี ลลัพธท์ ี่ได้จึงไม่แม่นยำ และใช้เวลาค่อนข้างนาน
แต่จะสามารถความน่าเชือ่ ถือได้มากกว่าการทำการตลาดแบบอนไลน์ เนื่องจากลูกค้าสามารถรบั ร้ไู ด้
วา่ ธรุ กจิ ของเรานั้นมีตวั ตน

ภาพที่ 1 ตัวอยา่ งการสื่อสารการตลาดแบบด้ังเดิม

ตวั อยา่ งการสื่อสารการตลาดแบบดั้งเดิม

1. การออกบูธแสดงสินค้า
การออกบธู แสดงสนิ คา้ ถือเปน็ เรื่องธรรมดาที่ผู้ประกอบการธรุ กจิ หลายท่านอาจเคย

ผ่านและมีประสบการณ์บ้างไม่มากก็น้อย เพราะในปัจจุบันกระแสตอบรับการออกบูธแสดงสินค้า
ได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้าผูบ้ ริโภคมากอย่างยิ่ง และเพราะการออกบูธแสดงสินค้ายังให้ผลตอบ
รับและตอบแทนอย่างดีมาตลอด ผู้ประกอบการหลายรายจึงไว้วางใจเลือกใช้การออกบูธแสดงสินค้า
หรือทำกิจกรรมต่างๆ เป็นเครื่องมือทางการตลาดอีกชนิดหนึ่ง แต่ก็เป็นที่น่าสังเกตว่าผู้ประกอบการ
ส่วนใหญ่โดยเฉพาะกลุม่ ตลาดและทนุ ใหม่กลบั ใหค้ วามสนใจไปออกบูธแสดงสินค้าและบริการเพียงแค่
เล็กน้อยเท่านั้น ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วการไปออกบูธแสดงสินค้าและบริการสามารถสร้างประโยชน์
ตา่ งๆ ไดม้ ากมายดงั ตอ่ ไปนี้

1.1. ออกบูธแสดงสินค้าเพ่ือประชาสมั พันธส์ ินค้าหรือบริการ
การออกบูธแสดงสินค้าหรือบริการถือเป็นการโฆษณาประชาสัมพันธ์สินคา้

และบรกิ ารได้ดมี ากที่สุดวิธหี นึง่ เพราะองค์ประกอบท่ีจะทำให้การโฆษณาและประชาสัมพันธ์ได้ผลคือ
สาระสำคัญของสารต้องถูกส่งผ่านไปยังผู้รับสารเป็นจำนวนมาก ซึ่งการไปออกบูธแสดงสินค้าหรือ
บริการตามนิทรรศการหรืองานเทศกาลต่างๆ สามารถตอบโจทย์ข้อนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะสามารถ
เข้าถงึ กลุ่มลกู ค้าท่ีมาเดนิ ภายในงานได้เปน็ จำนวนมากและรวดเร็ว ซึ่งสว่ นใหญ่ลกู ค้าท่มี าเดินตามงาน
ต่างๆ ท่ีผู้ประกอบการไปออกบูธแสดงสินค้าก็มักสนใจในเรื่องท่ีเกี่ยวข้องกับงานท่ีจัดแสดงอยู่แล้ว
ทำให้สามารถส่ือสารได้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากทีส่ ดุ ซึ่งประโยชนข์ ้อนค้ี ือจดุ เด่นท่ีสดุ ของการไปออกบูธ
แสดงสินค้าและบริการ

1.2. ออกบธู แสดงสนิ คา้ เพื่อเพิม่ ช่องทางและโอกาสในการขาย
การออกบูธแสดงสินค้าและบรกิ ารจัดเป็นอีกหนึ่งช่องทางการค้าขายสนิ คา้

หรือบริการที่น่าสนใจมาก เพราะแม้ว่าช่วงระยะเวลาในการจัดงานจะน้อยและไม่ใช่ช่องทางการขาย
สินค้าหรือบริการที่มั่นคงถาวร แต่นิทรรศการและงานที่จัดขึ้นก็มักเป็นแหล่งชุมนุมของบรรดาลูกค้า
ช้ันดีที่ต่างแห่แหนมาร่วมงานกัน จึงทำให้เวลาที่มีอยู่น้อยนิดไม่ใช่เป็นอุปสรรคแต่อย่างใด
หากเจา้ ของกจิ การสามารถใช้การออกบูธแสดงสนิ คา้ และบริการคร้ังน้ันให้เป็นประโยชนด์ ้วยการสร้าง
ยอดจำหน่ายต่อช่ัวโมงให้ได้จำนวนสูงมาก อย่างเช่น สำนักพิมพ์ต่างๆ ที่มักไปออกบูธแสดงสนิ คา้ ใน
มหกรรมหนงั สือ เป็นต้น

1.3. ออกบูธแสดงสนิ คา้ และบริการเพ่ือโชวศ์ ักยภาพอยา่ งเต็มท่ี
การออกบูธแสดงสินค้าและบรกิ ารถือเปน็ โอกาสทองในการแสดงศักยภาพ

สินคา้ บรกิ าร หรอื การดำเนนิ งานของบริษัทน้ันๆ อกี ดว้ ย เพราะสามารถเขา้ ถึงและส่ือสารกับผู้คนได้
เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้เจ้าของกิจการทั้งหลายยังสามารถใช้การออกบูธแสดงสินค้าเป็นช่องทาง
เพ่อื เกทบั คตู่ ่อสู้ที่ทัง้ ไม่ได้มาและมาออกบธู งานเดยี วกนั ได้อีกดว้ ย การแสดงศักยภาพนี้ผู้ประกอบการ
สามารถนำสินค้าหรือบริการต้นแบบที่แสดงถึงนวัตกรรมเทคโนโลยีแห่งอนาคตมาโชว์ได้โดยไม่จำวา่
จะเป็นสินค้าต้นแบบหรือเป็นเพียงคอนเซปต์ไอเดีย ไม่จำเป็นต้องเป็นสินค้าพร้อมจำหน่ายเสมอไป
ดังเชน่ งานออกบูธแสดงสินค้าด้านเทคโนโลยตี า่ งๆ

1.4. ออกบูธแสดงสินคา้ และบรกิ ารเพอ่ื หาคคู่ า้ ทางธุรกิจ
การออกบูธแสดงสินค้าและบริการนอกจากจะได้พบลูกค้ารายย่อยแล้ว

ยังมีโอกาสพบคู่ค้าทางธุรกิจอีกด้วย เพราะในปัจจุบันงานมหกรรมแสดงสินค้าและบริการต่างๆ
ได้แบง่ กำหนดการให้มวี ันและชว่ งเวลาสำหรบั นักธุรกิจโดยเฉพาะ เพ่อื เปิดโอกาสให้พบปะพูดคุยและ
หาคู่ค้าทางธุรกิจ ซึ่งส่วนมากแล้วมักเป็นวันแรกๆ ของงาน) จึงกลายเป็นโอกาสสำคัญให้
ผู้ประกอบการได้พบปะพูดคุยและทำสัญญาธุรกิจกับคู่ค้าได้โดยตรง ซึ่งโอกาสดังกล่าวช่วยให้
ผู้ประกอบการและนักธุรกิจทั้งหลายสามารถลดต้นทุนของตนเองลงได้อันเนื่องมาจากได้พบเจอกับ
เจ้าของปัจจัยการผลิตรายอื่นๆ ซึ่งเสนอขายราคาวัตถุดิบและปัจจัยการผลิตสินค้าให้เราเพื่อเป็น
ตัวเลอื กเพอ่ื เทยี บกับคู่ค้าเดิมอีกดว้ ย ถือเปน็ ประโยชนด์ ้านงบประมาณเลยทีเดยี ว

1.5. ออกบูธแสดงสนิ คา้ และบริการเพื่อแลกเปล่ียนข้อมลู กับลกู ค้าและกลมุ่ ธรุ กิจ
การออกบูธสินค้าและบริการมขี ้อดีอีกหนึ่งอย่างคือเป็นการสื่อสารสองทาง

ที่ผู้ประกอบการสามารถรับฟังความคิดเห็นจากลูกค้าและคู่ค้าทางธุรกิจ และสามารถแนะนำสินค้า
และบริการกลับคืนสู่ทงั้ ลูกค้าและคู่คา้ อีกด้วย สิ่งน้จี ะชว่ ยใหผ้ ปู้ ระกอบการได้ข้อมูลอันเป็นประโยชน์
ซงึ่ สามารถนำกลบั มาใช้พัฒนาธุรกิจได้ในอนาคต

1.6. ออกบูธแสดงสนิ ค้าและบรกิ ารเพื่อสำรวจคู่แข่งและตลาด
การออกบูธสินค้าและบริการนอกจากจะทำให้ผู้ประกอบการได้พบกับ

ลูกค้าและคู่ค้าทางธุรกิจแล้ว ยังถือเป็นโอกาสดีที่จะทำให้ผู้ประกอบการได้พบกับคู่แข่งด้วย จึงเป็น
ช่วงสำคญั และมีประโยชน์อยา่ งมากเพราะผู้ประกอบการสามารถสำรวจตรวจสอบความกา้ วหน้าของ
คู่แขง่ และสามารถสำรวจตลาดไปในตวั ไดอ้ ีกดว้ ย

1.7. ออกบธู แสดงสินคา้ และบรกิ ารเพื่อสรา้ งฐานข้อมูลลูกค้า
แม้ผู้ประกอบการจะไม่มีสินค้าหรือบริการไปออกบูธแสดงสินค้าแม้แต่ช้ิน

เดียว แต่ผู้ประกอบการก็ควรต้องไปออกบูธที่งานเพ่ือเป็นการสรา้ งฐานข้อมลู ของลูกค้าผู้บริโภค ไม่มี
โอกาสไหนแลว้ ที่ผู้บริโภคจะรวมตัวกนั มากขนาดนี้ ดังน้นั ผู้ประกอบการจึงควรฉวยโอกาสน้ีไปออกบูธ
แสดงสินค้าและบริการด้วยประการทั้งปวง แม้ไม่ได้ตัวเงินกลับมา อย่างน้อยก็ขอให้ได้ฐานข้อมูล
ลกู ค้าก็ยังดเี พราะบางคร้งั ขอ้ มลู เหล่าน้ีอาจมคี ่าและประโยชน์มากกว่าเงนิ เสยี อีก

ภาพท่ี 2 ตัวอยา่ งการสื่อสารการตลาดแบบด้ังเดมิ

ภาพที่ 3 ตวั อยา่ งการสอ่ื สารการตลาดแบบด้ังเดิม

2. การโฆษณาผา่ นปา้ ย
ในการทำการตลาด โฆษณาประชาสัมพนั ธส์ ินคา้ “ปา้ ยโฆษณาสินคา้ ” เปน็ วิธโี ปรโมตหน่งึ

ที่มีผลต่อผู้บริโภคอย่างมาก เนื่องจากป้ายโฆษณาเป็นสื่อที่กว้างขวาง เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้
หลากหลายและชัดเจน ตัวอย่างท่ีเห็นได้ง่ายที่สุด เช่น ป้ายโฆษณาตามทางด่วนหรือบนตึกสูง
ป้ายขนาดใหญ่ ตัวอักษรโดดเด่นดึงดูดตา แน่นอนว่าผ่านสายตาของคนเป็นหมื่นๆ คนทุกวัน
นอกจากนี้อีกตวั อย่างหน่ึงท่ีเห็นได้บ่อยน่ันก็คือ ปา้ ยหาเสียงของนักการเมือง ฤดกู าลเลือกต้ังมาเยือน
เมื่อไหร่ ป้ายแนะนำผู้สมัครล้นเมืองเมื่อนั้น ดังนั้นสรุปแล้ว ป้ายโฆษณา คือ สื่อประเภทหนึ่งท่ี
สามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวสินค้า หรือการแนะนำให้คนอื่นรู้จักสินค้า ผ่านรูปภาพ ถ้อยคำที่สั้น
กระชับ โดดเด่น ไว้สำหรับเผยแพร่ในที่สาธารณะ สามารถเข้าถึงกลุ่มคนได้มาก และนับได้ว่าเป็นสือ่
โฆษณาที่ใช้กนั อย่างแพร่หลายในทุกวงการในปจั จุบันอีกด้วย

ประโยชน์ของปา้ ยโฆษณา
1) ดงึ ดูดความสนใจได้ดี
ถ้าให้คุณเลือกอ่านข้อความจากสื่อสองสื่อนี้ คุณจะเลือกอ่านข้อความจาก

อะไรก่อน ระหวา่ ง ป้ายโฆษณาขนาด 1.5 เมตร กบั โบรชวั ร์โฆษณาที่วางอยู่บนโตะ๊ แน่นอนวา่ ถ้าคุณ
ยืนอยู่ในระยะ 5 เมตร คุณจะต้องเห็นข้อความบนป้ายโฆษณาก่อนและสามารถอ่านข้อความทั้งหมด
จบได้ในครั้งแรกท่ีเห็น ซึ่งต่างจากโบรชัวร์ทวี่ างไว้ทโี่ ต๊ะ กวา่ จะรับข้อมูลได้คุณจะต้องเดินไปเพ่ือหยิบ
มันขึ้นมาอ่าน ดังนั้นจากข้อนี้สรุปได้อย่างดีว่าป้ายโฆษณาดึงดูดความสนใจได้ดีกว่าสื่ออีกหลาย
ประเภท เน่อื งจากปา้ ยโฆษณามขี นาดใหญ่ ตวั อกั ษรขนาดใหญน่ น่ั เอง

2) เขา้ ถึงกลุม่ เปา้ หมายไดม้ าก
หากจดั ประเภทป้ายโฆษณา กค็ งจดั ให้อยู่ในหมวดของสื่อโฆษณากลางแจ้ง

ทั้งในรูปแบบโปสเตอร์ ไวนิล บิลบอร์ดและอื่นๆ ป้ายโฆษณานอกจากจะดึงดูดความสนใจได้ดีแล้ว
ยังเป็นอิสระในการหาพื้นที่จัดวางเพื่อให้เหมาะสมสำหรับกลุ่มเป้าหมาย ดังนั้นก่อนการติดตั้งป้าย
โฆษณาจึงจำเป็นต้องวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายเสียก่อน เช่น โฆษณารถยนต์ หากต้องการ
ประชาสัมพันธ์ให้ลูกค้าได้รู้ถึงรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด พื้นฐานอาจจะต้องเป็นคนมีฐานะ มีรถขับอยู่แลว้
ดังนั้นป้ายโฆษณาชิน้ น้ีอาจตดิ เปน็ ปา้ ยโฆษณาขนาดใหญ่ตามทางด่วน เพื่อให้เห็นอย่างทั่วถึงครบทุก
ดา้ น

3) ตน้ ทุนต่ำ
หลายคนสงสยั ว่าการทำปา้ ยโฆษณาใช้ตน้ ทุนต่ำจรงิ หรือ ขออธบิ ายเพ่ิมเติม

ว่าในการลงทุนทำป้ายโฆษณาต่อหนึ่งชิ้นอาจแพงกว่าสื่ออื่นๆ แต่หากเทียบคุณภาพกับจำนวนที่ต้อง

ผลิตสามารถลดต้นทุนในการผลิตได้ โดยให้ผลประโยชน์เท่ากัน เช่น ต้องการทำสื่อให้ถึง
กลุ่มเป้าหมาย 500,000 คน ผู้ผลิตอาจเลือกทำป้ายขนาดใหญ่ติดบนตึกที่มีรถผ่านสม่ำเสมอ
ลงทนุ 200,000 บาท/ช้ิน แตท่ ำเพียง 2 ชิ้น (ใช้งบ 400,000 บาท) หรอื ทำสื่อโบรชัวร์เฉล่ียใบละ 2 บาท
จำนวน 500,000 แผ่น (ใชง้ บ 1,000,000 บาท) จะเห็นไดว้ ่าในปริมาณเป้าหมายท่เี ท่ากัน การทำป้าย
โฆษณาช่วยลดตน้ ทุนไดม้ ากกว่า และถา้ ปา้ ยทำจากวัสดุทม่ี ีคุณภาพกย็ ่งิ อยู่ได้นาน ค้มุ มากขึ้น

ภาพที่ 4 ตวั อยา่ งการสื่อสารการตลาดแบบด้ังเดมิ

ภาพท่ี 5 ตวั อยา่ งการสื่อสารการตลาดแบบด้ังเดมิ

หลกั การตลาดแบบดั้งเดิมและการวางแผนการตลาดโดยใช้ 4P

กลยุทธ์ทางการตลาดนั้นมีอยู่มากมาย แต่ที่เป็นที่รู้จัก และเป็นพื้นฐานที่สุดก็คือการ ใช้ 4P
(Product Price Place Promotion) ซึ่งหลักการใช้คือการวางแผนในแต่ละส่วนให้เข้ากันและเป็นที่
ตอ้ งการของกลมุ่ เปา้ หมายทีเ่ ราเลือกเอาไว้ใหม้ ากทีส่ ดุ

1. Product
คือสินค้าหรือบริการที่เราจะเสนอให้กับลูกค้า แนวทางการกำหนดตัว product ให้

เหมาะสมก็ต้องดูว่ากลุ่มเป้า หมายตอ้ งการอะไร เช่นต้องการน้ำผลไม้ที่ สะอาด สด ในบรรจุภัณฑ์ถือ
สะดวก โดยไม่สนรสชาติ เราก็ต้องทำตามที่ลูกค้าต้องการ ไม่ใช่ว่าเราชอบหวานก็จะพยายาม
ใสน่ ้ำตาลเข้าไป แตโ่ ดยทัว่ ไปแนวทางที่จะทำสินค้าให้ขายไดม้ ีอย่สู องอย่างคือ

1.1 สินค้าที่มีความแตกต่าง โดยการสร้างความแตกต่างนั้น จะต้องเป็นสิ่งที่ลูกค้า
สามารถสัมผัสได้จริงว่าต่างกันและลูกค้าตระหนักและชอบในแนวทางนี้ เช่นคุณสมบัติพิเศษ
รูปลักษณ์ การใช้งาน ความปลอดภัย ความคงทนโดยกลุ่มลูกค้าที่เราจะจับก็จะเป็นลูกค้าที่ไม่มีการ
แข่งขนั มาก (niche market)

1.2 สินค้าที่มีราคาต่ำนั่นคือการยอมลดคุณภาพในบางด้านที่ไม่สำคัญลงไป เช่น
สนิ ค้าทีผ่ ลิตจากจีน จะมีคุณภาพไม่ดี นักพอใช้งานได้ แต่ถกู มากๆหรือ สนิ ค้าท่ีเลยี นแบบแบรนด์ดังๆ
ในซุปเปอร์สโตรต่างๆ จริงๆแล้วสำหรับนักธุรกิจมือ ใหม่ควรเลือกในแนวทาง สร้างความแตกต่าง
มากกว่า การเป็นสินค้าราคาถูกเพราะ หากเป็นด้านการผลิตแล้วรายใหญ่ จะมีต้นทุนการผลิตที่ถูก
กว่ารายย่อย แต่หากเป็นด้านบริการ เราอาจจะเริ่มต้นที่ราคาถูกก่อน แล้วค่อยๆ หาตลาดที่รายใหญ่
ไม่สนใจ

2. Price
ราคาเป็นส่ิงที่ค่อนขา้ งสำคัญในการตลาด แต่ไม่ใช่ว่าคิดอะไรไม่ออกก็ลดราคาอย่าง

เดยี วเพราะการลดราคาสินค้าอาจจะไม่ได้ชว่ ยให้การขายดีข้นึ ได้ หากปญั หาอ่นื ๆยังไม่ได้รับการแก้ไข
การตง้ั ราคาในทีน่ ้ีจะเป็นการตั้งราคาให้เหมาะสมกับผลติ ภณั ฑ์และกลุ่มเปา้ หมายของเรา เชน่ หากเรา
ขายน้ำผลไม้ที่จตุจักร ราคาอาจจะต้องถูกหน่อย แต่หากขายที่สยาม หากตั้งราคาถูกไป เช่น 10 บาท
กลุ่มท่เี ปน็ เปา้ หมายอยากให้ซื้ออาจจะไม่ซ้ือ แต่คนทีซ่ ้ืออาจจะเป็นคนอีกกลุม่ ซ่ึงมีน้อยกว่าและไม่คุ้ม
ทีจ่ ะขายแบบน้ีในสยาม ย่ิงไปกว่านั้นหากราคาและรูปลักษณ์สินคา้ ไมเ่ ข้ากนั ลกู ค้าก็จะเกิดความข้อง
ใจและอาจจะกังวลท่ีจะซ้ือเพราะราคาคือตัวบ่งบอกภาพลักษณ์ของสินค้าท่สี ำคญั ท่ีสุด อย่างไรก็ตาม

ในด้านการทำธุรกิจขนาดย่อมแล้ว ราคาที่เราต้องการอาจไม่ได้คิดอะไรลึกซ้ึงขนาดนั้น แต่จะมองกัน
ในเรอื่ งของตัวเลข ซง่ึ จะมีวธิ กี ำหนดราคาง่ายตา่ งๆดงั น้ี

2.1 กำหนดราคาตามลกู ค้า คือ การกำหนดราคาตามที่เราคิดว่าลูกค้าจะเต็มใจจา่ ย
ซึง่ อาจจะไดม้ าจากการทำสำรวจหรอื แบบสอบถาม

2.2 กำหนดราคาตามตลาด คือ การกำหนดราคาตามคู่แข่งในตลาด ซึ่งอาจจะต่ำ
มากจนเราจะมีกำไรน้อย ดังนั้นหากเราคิดทจ่ี ะกำหนดราคาตามตลาด เราอาจจะต้องมานง่ั คิดคำนวณ
ย้อนกลับ วา่ ต้นทนุ สินค้าควรเปน็ เท่าไรเพอ่ื จะได้กำไรตามทีต่ งั้ เปา้ แลว้ มาหาทางลดตน้ ทนุ ลง

2.3 กำหนดราคาตามต้นทนุ +กำไร วธิ นี เี้ ป็นการคำนวณว่าตน้ ทุนของเราอยู่ท่ีเท่าใด
แล้วบวกคา่ ขนสง่ คา่ แรงของเราบวกกำไร จึงไดม้ าซง่ึ ราคา แต่หากราคาทีไ่ ด้มาสงู มาก เราอาจจำเป็น
ต้องมีการทำประชาสมั พนั ธ์หรอื ปรบั ภาพลกั ษณ์ใหเ้ ขา้ กับราคาน้ัน

3. Place
คือ วิธีการนำสินค้าไปสู่มือของลูกค้า หากเป็นสินค้าที่จะขายไปหลายๆแห่ง วิธีการ

ขายหรือการกระจายสินค้าจะมีความสำคัญมาก หลักของการเลือกวิธีกระจายสินค้านั้นไม่ใช่ขายให้
มากสถานท่ที ่ีสุดจะดเี สมอ เพราะมนั ขึ้นอยกู่ ับว่าสินคา้ ของท่านคอื อะไรและกลมุ่ เป้าหมายท่านคือใคร
เช่น ของใช้ในระดับบน ควรจะจำกัดการขายไม่ให้มีมากเกินไปเพราะอาจจะทำให้เสียภาพลักษณ์ได้
ส่งิ ท่ีเราควรจะคำนงึ อีกอย่างของวธิ ีการกระจายสินค้าคือต้นทุนการกระจายสินคา้ เชน่ การขายสินค้า
ใน 7-eleven อาจจะกระจายได้ทวั่ ถงึ แตอ่ าจจะมีตน้ ทุนท่ีสูงกว่า หากจะกลา่ วถงึ ธรุ กจิ ทเ่ี ป็นการขาย
หน้ารา้ น Place ในท่ีน้ีกค็ ือ ทำเล ซ่ึงกค็ วรเลือกท่ีใหเ้ หมาะสมกับสินคา้ ของเราเชน่ กัน อย่างมาบุญครอง
กบั สยามเซ็นเตอร์ จะมีกลมุ่ คนเดินท่ีตา่ งออกไปและลักษณะสินคา้ และราคาก็ไม่เหมือนกันด้วยท้ังๆที่
ตง้ั อยูใ่ กลก้ นั ทา่ นควรขายท่ีใดกต็ อ้ งพิจารณาตามลกั ษณะสนิ ค้า

4. Promotion
คือ การทำกิจกรรมต่างๆเพื่อบอกลูกค้าถึงลักษณะสินค้าของเรา เช่นโฆษณาในส่ือ

ต่างๆ หรือการทำกิจกรรมท่ีทำให้คนมาซื้อสินคา้ ของเรา เช่น การทำการลดราคาประจำปี หากจะพูด
ในแงข่ องธุรกิจขนาดย่อม การโฆษณาอาจจะเป็นสงิ่ ทเ่ี กนิ ความจำเป็นเพราะจะต้องใช้เงินจะมากหรือ
น้อยกข็ น้ึ กับช่องทางที่เราจะใช้

การแบ่งสว่ นตลาด

การแบ่งส่วนตลาด (Marketing Segmentation) เป็นการแบ่งตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ชนิด
ใดชนิดหนึ่งออกเป็นตลาดย่อยๆ ที่แตกต่างกันทางด้านความชอบ ความต้องการ และพฤติกรรม
ผู้บริโภคในแต่ละตลาดย่อยๆนั้น โดยอาศัยคุณสมบัติของผู้บริโภคหรือตลาดเป็นปัจจัยในการแบ่ง
ทั้งนี้เพื่อให้สามารถแยกตลาดออกเป็นส่วนๆ (Market Segments) และทำให้เห็นความเด่นชัดท่ี
แตกตา่ งกนั ของคุณสมบัติ ความชอบ ความต้องการและพฤติกรรมของผบู้ ริโภคที่อยู่ในแต่ละส่วนของ
ตลาด เพื่อจะได้วางแผนและใช้ความพยายามทางการตลาดได้เหมาะสมกับแต่ละส่วนตลาด ตัวอย่าง
เช่น ผลิตภัณฑ์กระเป๋า แบ่งส่วนตลาดโดยยึดเกณฑ์เพศ วัย รายได้ และรสนิยม เป็นพื้นฐานในการ
แบง่ ตลาดกระเปา่ ออกเปน็ สว่ นๆ (Market Segment)

ระดับของการแบง่ ส่วนการตลาด (Levels of market segmentation) มี 6 ระดบั ดังนี้

การตลาดมวลชน (Mass marketing) เป็นการตลาดที่มุ่งความสำคัญที่มีการผลิตสินค้าใน
รูปแบบเดียวกันเป็นจำนวนมาก (Mass production) โดยนำออกวางตลาดให้ทั่วถึง (Mass distribution)
และส่งเสริมการตลาดอย่างมาก (Mass promotion) โดยมองตลาดว่ามีความต้องการคล้ายคลึงกัน
เป็นแนวคิดที่มุ่งความสำคัญที่การผลิต (Production-oriented) โดยมุ่งที่จะผลิตภัณฑ์สินค้าใน
รปู แบบเดียวกันจำนวนมาก เพื่อลดต้นทุนในการผลิต

การตลาดโดยมุ่งที่ส่วนของตลาด (Segment marketing) เป็นการใช้เครื่องมือการตลาด
โดยมุ่งที่ส่วนของตลาด (Market segment) แนวคิดนี้อาจมองว่าตลาดมีความต้องการที่แตกต่างกัน
บริษัทต้องจัดผลิตภัณฑ์และส่วนประสมทางการตลาดให้แตกต่างกันสำหรับแต่ละตลาดเป้าหมาย
ในกรณีนจี้ ะก่อให้เกิดข้อได้เปรยี บกับธรุ กจิ เพราะผลติ ภัณฑแ์ ละสว่ นประสมทางการตลาดจะสามารถ
สนองความต้องการของลูกคา้ ได้ดีขึน้

การตลาดโดยมุ่งทต่ี ลาดกลุ่มเล็ก (Niche marketing) เป็นการใช้เคร่อื งมือการตลาดโดยมุ่งท่ี
ตลาดกลุ่มเล็ก (Niche market) ซึ่งมีความต้องการที่เฉพาะเจาะจงเป็นกลุ่มท่ีแคบกว่าส่วนของตลาด
(Market segment) เนื่องจากส่วนของตลาดมีขนาดใหญ่จึงมีคู่แข่งขันมาก แต่ตลาดกลุ่มเล็กน้ี
(Niche market) จะมีคู่แข่งขันเพียงหนึ่งรายหรือไม่กี่รายเท่านั้น ตลาดกลุ่มเล็กจึงเป็นที่น่าสนใจ
สำหรบั บริษัทเลก็ แต่อยา่ งไรก็ตามบริษัทใหญ่ก็สามารถใช้กลยุทธ์นี้ไดเ้ ช่นกนั ตลาดกลุ่มเล็กส่วนใหญ่
จะเป็นกลุ่มที่มีรายได้สูง พร้อมที่จะจ่ายเงินซื้อสินค้าราคาแพง มีความต้องการที่เฉพาะเจาะจง เช่น
มคี ณุ ภาพดเี ดน่ เปน็ พิเศษ

การตลาดท้องถิ่น (Local marketing) เป็นการใช้กลยุทธ์การตลาดเพื่อตอบสนองความ
ต้องการของกลุ่มลูกค้าในท้องถิ่น เช่น ห้างสรรพสินค้าแต่ละสาขาจะจัดหาสินค้า และใช้กลยุทธ์
การตลาดแตกต่างกัน ธนาคารแต่ละสาขาจะเน้นกลยุทธ์การให้บริการลูกค้าที่แตกต่างกัน การตลาด
ท้องถิ่นนี้จะยึดถือลักษณะด้านประชากรศาสตร์ (Demographics) ค่านิยมและรูปแบบการดำรงชวี ติ
(Value and lifestyles) ของแต่ละชุมชนหรือท้องถิน่ เปน็ หลกั

การตลาดมุ่งเฉพาะบุคคล (Individual marketing) เป็นการใช้เครื่องมือการตลาดโดยมุ่งที่
ลกู ค้ารายใดรายหนึ่ง ตัวอย่างของธรุ กจิ ท่ีใช้กลยุทธน์ ี้คอื บริษทั คอมพิวเตอร์มงุ่ ขายให้กบั ธนาคารหรือ
สถาบันการศึกษาหรือบริษัทใดบริษัทหนึ่ง ร้านตัดเสื้อซึ่งตัดเสื้อผ้าสำเร็จรูปส่งให้ร้านค้าปลีกร้านใด
ร้านหนึ่ง บริษัททัวร์จัดท่องเที่ยวให้กับครอบครัวหรือนักศึกษากลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง กลยุทธ์นี้อาจจะ
เรียกว่า การตลาดมุ่งเฉพาะกลุ่มลูกค้า (Customized marketing) หรือ การตลาดมุ่งเฉพาะบุคคล
(One-to-one marketing) หรอื การตลาดหนึง่ ส่วนตลาด (Segments of one)

การตลาดที่ลูกค้าต้องรับผิดชอบตัวเอง (Self-marketing) เป็นการตลาดที่ลูกค้าช่วยตัวเอง
ในการซื้อสินค้า ซึ่งผู้บริโภคแต่ละรายต้องใช้ความรับผิดชอบมากขึ้นในการพิจารณาผลิตภัณฑ์และ
ตราสนิ คา้ เชน่ การซ้ือผ่านอนิ เตอร์เน็ต การสง่ั ซื้อสินค้าทางโทรศพั ท์ การสั่งซ้ือทาง Fax หรอื E-mail
การสัง่ ซ้อื สนิ คา้ ทางจดหมาย ฯลฯ

ภาพที่ 6 การแบ่งสว่ นทางการตลาด

การเปล่ยี นแปลงตลาดดั้งเดิมสู่ตลาดดจิ ติ อล

การตลาดมกี ารวิวัฒนาการข้ึนมาอยตู่ ลอดเกอื บทุกยคุ ทุกสมยั ทัง้ นี้ขึ้นอยกู่ ับปัจจยั ตา่ งๆ
ที่ต่างกันออกไป และแน่นอนว่าปัจจัยเหล่านี้จะต้องเป็นปัจจัยที่มีผลต่อการซื้อ-ขาย อย่างเช่นความ
ต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปอยู่ตลอด สภาพสังคมและสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมือนเดิม รวมไปถึง
สภาพเศรษฐกิจต่างๆที่ทำให้การตลาดต้องปรับตัวตามไปเพื่อรองรับความต้องการของผู้คนที่เป็น
กลุ่มเป้าหมาย จนกระทั่งมาถึงในยุคนี้ที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในการดำเนินชีวิตของผู้คนเป็น
อย่างมาก จนทำให้พฤติกรรมของผู้คนเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม จากแผนการตลาดที่เคยใช้ได้กับ
ผู้บริโภคกลุ่มนี้ก็อาจใช้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ดังนั้นผู้ประกอบการจึงควรทำความเข้าใจกับพฤติกรรม
ผู้บริโภคสมัยใหม่ว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง พร้อมทั้งหาวิธีรับมือกับความเปลี่ยนแปลงว่า
ควรจัดการสิ่งเหล่านอ้ี ย่างเป็นระบบไดอ้ ย่างไร

1. จากโฆษณา ไปสู่ความเหน็ ของผใู้ ชจ้ ริง
ที่ผ่านมานั้นผู้ประกอบการส่วนมากใช้โฆษณาเป็นเครื่องมือในการส่งสารต่างๆ

ให้ลูกค้าได้รับรู้ถึงการมีตัวตนของแบรนด์ รวมไปถึงบ่งบอกคุณลักษณะของสินค้าที่เราต้องการจะ
นำเสนอ แต่ในทุกวันนี้ลูกค้าแทบไม่ค่อยจะเชื่อถือโฆษณาที่มาจากทางองค์กรโดยตรงอีกต่อไปแล้ว
และหันไปรับฟังประสบการณ์ของผู้ที่เคยใช้ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ต่างๆจากคนรอบตัวแทน ส่งผลให้
ผู้คนในปัจจุบันส่วนมากนั้นรับรู้ถึงการมีอยู่ของแบรนด์ผ่านการบอกปากต่อปากหรือผ่านกระแสใน
Social Network ได้รวดเร็วกว่าการโฆษณาในแบบเดิมๆเสียอีก ทำให้สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องปรับตัว
ตามก็คือการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีในการสร้างความสัมพันธ์ลูกค้า ทำให้ลูกค้ารู้สึกผูกพันกับแบรนด์
และผู้ใช้รายอื่นๆ เพื่อก่อให้เกิดสังคมของกลุ่มผู้ใช้ที่พร้อมจะช่วยสร้างกระแสและบอกต่อถึงสินค้า
และบรกิ ารของแบรนด์ออกไปในทางท่ดี ี โดย Social Media ถือเป็นช่องทางอีกอย่างหนึ่งท่ีจะช่วยให้
เราเข้าถึงบรรดาลูกค้าของเราได้ง่ายขึ้น เป็นอีกช่องทางที่ใช้เปิดรับความคิดเห็นข้อเสนอแนะของ
ลูกค้าชั้นดีถ้าหากมีการใช้อย่างถูกวิธี ซึ่งทั้งน้ีตอ้ งคำนึงถงึ คอนเทนทแ์ ละเนือ้ หาที่จะนำเสนอด้วยวา่ มี
ความเหมาะสมกบั กลมุ่ เป้าหมายหรอื ไม่ เพอ่ื ไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดและชอื่ เสียงทางด้านลบตามมา

2. จากเหตผุ ล ไปสูค่ วามหลงใหล
ลูกค้าอาจเคยเลือกซื้อสินค้าโดยตัดสินจากเหตุผลและความจำเป็นของผลิตภัณฑ์

เหล่านั้น แต่หน้าที่ของผู้ประกอบการในยุคใหม่นั้นคือเปลี่ยนจาก “ความจำเป็น” ให้กลายเป็น
“ความต้องการ” ให้ได้ สังเกตได้ว่าทุกวันนี้สินค้าแบรนด์หลายอย่างนั้นไม่ได้มีความจำเป็นในการ
ดำรงชีวิตของลูกค้าสักเท่าไร แต่แบรนด์เหล่านี้กลับเป็นที่ต้องการของลูกค้าเป็นจำนวนมาก

ยกตัวอย่างเช่น บรรดากระเป๋าแบรนด์เนมต่างๆที่มีราคาสูงถึงหลักหมื่นหลักแสน แต่ผู้คนก็ยังสนใจ
และอยากซ้ือจากความหลงใหลแทนที่จะซื้อโดยใช้เหตุผลและหลักความจำเป็นเหมือนเมื่อก่อน แล้ว
คำตอบแรกที่ก่อให้เกิดความหลงใหลก็คอื ประสบการณ์ที่ลูกค้าจะได้รับจากแบรนด์นั่นเอง เพราะทุก
วันนี้ลูกค้าเลือกซื้อสินค้าโดยมองที่ประสบการณ์ที่จะได้รับมากกว่าคุณภาพของสินค้าเสียอีก
อย่างเช่น กระเปา๋ แบรนดเ์ นมน้ันลูกคา้ ยอมจ่ายราคาสูงเพ่ือแลกกับประสบการณ์ของความความรู้สึก
ว่าตัวเองดูดีตอบแทนกลับมาและเกิดมั่นใจทุกครั้งเมื่อได้ใช้ นอกจากเรื่องของประสบการณ์แล้วการ
ทำให้ลูกค้าเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ทำให้ลูกค้าผู้จงรักภักดีหลงใหลในสินค้าและ
การบริการของแบรนด์เราได้มากขึ้นเช่นกัน อย่างบรรดาสาวก Apple ที่เกือบทุกคนรู้สึกที่เป็นส่วน
หน่งึ ของแบรนดก์ ็จะคอยตดิ ตามทุกผลิตภณั ฑ์ที่ออกมาวางขายของแบรนดน์ ี้ พรอ้ มท้ังช่วยกันโปรโมท
แจ้งข่าวสารต่างๆเมื่อมีสินค้าใหม่ๆออกมาอีกด้วย เพียงเท่านี้ก็จะทำให้ลูกค้านั้นเลือกซื้อสินค้าด้วย
ความหลงใหลมากกว่าเหตุผลและความจำเป็นแล้ว

3. จากเนน้ การวางแผน ไปสเู่ นน้ การปรับตวั
ไม่ใช่วา่ การวางแผนจะเป็นสง่ิ ท่ีไม่ดี แตท่ วา่ การวางแผนธรุ กจิ เพียงอย่างเดียวอาจไม่

เพียงพออีกต่อไปแล้ว เพราะโลกธุรกิจทุกวันนี้มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา กระแสบางอย่างมา
เร็วไปเร็วจนแทบตามไม่ทัน ทำให้แผนที่วางไว้อยู่แต่เดิมอาจใช้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ดังนั้นแทนที่จะ
ม่งุ เน้นไปกบั การวางแผนอยา่ งละเอียดเพยี งแผนเดยี วก็ควรท่ีจะมีแผนสำรอง และเตรียมรบั มือสำหรับ
ความเปลี่ยนต่างๆที่เข้ามาอยู่เสมอ แผนธุรกิจที่ดีคือแผนที่สามารถปรับยืดหยุ่นได้ตามสภาพและ
ความเหมาะสม ซงึ่ หัวใจสำคัญของการปรบั ตัวนั้นก็คือการหม่นั ติดตามข่าวสารใหท้ ันอยู่ตลอดเวลาว่า
ทุกวันนี้ผู้คนสนใจอะไรกันอยู่ ผู้บริโภคยังมีปัญหาอะไรที่สินค้าและการบริการของเราจะช่วย
ตอบสนองความต้องการของพวกเขาได้หรือไม่ มีหลากหลายตัวอย่างของแบรนด์ดังๆในประเทศท่ี
แสดงให้เห็นว่าพวกเขาพร้อมปรับตัวให้เข้ากับกระแสอย่างรวดเร็วและคว้าโอกาสในการทำกำไร
นำหน้าคู่แข่งได้จากกระแสเหล่านี้ ตัวอย่างเช่น ธนาคารกสิกรไทยที่รีบคว้าเอาลิขสิทธิ์ของตัวการ์ตูน
ใน Application Line ที่เป็น Application สำหรับการ Chat ที่หลายๆ คนรู้จัก เพื่อมาออกเป็น
ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ของทางธนาคารอย่างบัตรเครดิต เดบิตที่สกรีนด้วยลาย หมี Brown และกระต่าย Cony
รวมไปถึงแคมเปญของสมนาคุณอื่นๆ ที่มีตัวละครใน Line ก็ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับสิ่งของเหล่านี้เป็น
อย่างมาก

4. เนน้ จากการ คาดคะเน ไปสู่ การทดลอง
หากเป็นเมื่อก่อนนั้นการทำธุรกิจโดยใช้สัญชาตญาณและการคาดคะเนโดยอาศัย

ข้อมูลอาจยังใช้ได้ผลดีโดยที่ไม่มีปัญหา แต่สำหรับปัจจุบันที่ธุรกิจเริ่มมีปัจจัยต่างๆ มากมายเข้ามา

เกีย่ วขอ้ งมากข้นึ แลว้ การคาดคะเนกค็ งไม่เพียงพออีกต่อไป ปจั จยั บางอย่างกม็ เี รอ่ื งของเทคโนโลยีเข้า
มาเกีย่ วขอ้ ง อยา่ งเม่อื ก่อนที่กวา่ ผู้คนจะรู้ถงึ คุณภาพของสินค้าหรือการบริการก็ตอ้ งลองเริ่มทดลองใช้
ด้วยตัวเองหรือไม่ก็จากคนรอบข้างเท่านั้น ในขณะท่ีทุกวันนี้ผู้คนนั้นหันมาหาข้อมูล หาความคิดเห็น
ของผู้อื่นที่เคยทดลองใช้สินค้ามาแล้ว เพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนการซื้อโดยที่ไม่ต้องไปทดลอง
เลือกใช้เองก่อนด้วยซ้ำ ทำให้หลายๆ ธุรกิจที่คาดคะเนว่ายอดขายจะออกมาดี แต่กลับโดนกระแส
ช่วงแรกๆ ของการจำหน่ายสินค้าออกมาว่าไม่ดีแล้วก็มีโอกาสคว่ำได้ง่ายๆ ทางเลือกอย่างหนึ่งที่จะ
ช่วยลดความเสี่ยงได้ก็คือการวิเคราะห์ข้อมูลจากลูกค้าอย่างละเอียดและรอบคอบ หากใช้
แบบสอบถาม กต็ อ้ งมคี ำถามท่ีตรงตามจุดประสงคแ์ ละนำไปใชป้ ระโยชน์ไดจ้ ริง รวมไปการออกสินค้า
ตัวอย่างออกมาทดลองก่อนว่ามีผลตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างไรและมีอะไรที่ยังต้องปรับปรุงอยู่บ้าง
กอ่ นทจ่ี ะตดั สินใจนำสินคา้ เหล่านัน้ ออกมาขายจรงิ

ภาพท่ี 7 การเปรยี บเทียบระหว่างตลาดแบบดง้ั เดมิ และตลาดแบบใหม่

ข้อดขี องการตลาดแบบด้ังเดมิ

COVID-19 ได้ผลักดันให้ประชาชนยอมรับโลกดิจิทัลมากขึ้นกว่าเดิม แม้ว่าจะใช่การตลาด
ดิจิทัลเป็นเทรนด์ในปัจจุบัน แต่การตลาดแบบดั้งเดิมยังคงได้รับการพิสูจน์แล้วว่าให้ผลลัพธ์ที่มี
ประสิทธิภาพ การตลาดแบบดั้งเดิมยังคงมีชีวิตอยู่เป็นอย่างมากและทำงานได้ดีที่สุดสำหรับการ
สอ่ื สารแบบ Business to Business ตลอดจนการส่อื สารระหว่างธุรกจิ กบั

1. การตลาดแบบดั้งเดิมได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีอัตราความสำเร็จสูงกว่าการตลาดดิจิทัล
เหตุผลหลักคือความสามารถในการเข้าถึงสถานที่ที่ไม่มีอินเทอร์เน็ต ไม่ปฏิเสธว่าโบร ชัวร์ที่พิมพ์
ออกมาและป้ายโฆษณาขนาดใหญ่นั้นดึงดูดผู้บริโภคและดึงดูดความสนใจได้มากเมื่อเทียบกับวิธีการ
ทางดิจิทัล โฆษณาทางโทรทัศน์ได้พิสูจน์แล้วว่าวิธีการทางการตลาดหลักในการกำหนดเป้าหมาย
ผู้บริโภคจำนวนมาก เป็นกลยทุ ธ์ที่มปี ระสิทธภิ าพสงู สุดในปจั จบุ นั การตลาดที่มีอทิ ธิพลจำนวนมากทำ
ผา่ นโทรทัศน์เช่นกนั

2. กลยุทธ์การตลาดแบบดั้งเดิมหากวางแผนด้วยแผนการที่ดีที่สุดจะสร้างผลลัพธ์ที่มี
ประสิทธผิ ลสูงสดุ และสรา้ งยอดขายได้มากขนึ้

3. การตลาดแบบดั้งเดิมมีผู้ชมออฟไลน์จำนวนมากและอาจเป็นประโยชน์สำหรับแคมเปญ
การตลาดของคณุ ที่จะไมเ่ พิกเฉยต่อผู้ชมกล่มุ น้ี

ความแตกตา่ งระหว่าง การตลาดแบบด้งั เดิม (Traditional Marketing) และ การตลาดแบบใหม่
(Digital Marketing)

ความแตกต่างระหว่างการตลาดดิจิทัลและการตลาดแบบดั้งเดิม คือ ผลลัพธ์ของ
ความกา้ วหน้าทางเทคโนโลยีและความรู้ของเผ่าพันธมุ์ นุษย์ การตลาดในระดับกว้างที่อธิบายกิจกรรม
ทั้งหมดตั้งแต่การระบุความต้องการจนถึงการสนับสนุนหลังการซื้อ แม้ว่าแนวคิดของการตลาดจะ
ยังคงเหมือนเดิมทั้งสองคำ แต่ส่วนผสมทางการตลาดหรือ 4 P’s (Product, Place, Price, and
Promotion) ก็สรา้ งความแตกต่างได้ ท้ังสองมุ่งม่นั ท่ีจะบรรลุวตั ถุประสงค์เดียวกนั ในการเข้าถึงลูกค้า
สร้างเอกลักษณ์ของแบรนด์และเจาะเข้าไปในตลาด มีความเชื่ออย่างมากพร้อมหลักฐานที่สรุปได้ว่า
การตลาดดิจทิ ลั กำลังเอาชนะการตลาดแบบเดิม อย่างไรกต็ ามทง้ั สองกลยุทธ์จำเปน็ สำหรับบรษิ ทั
ทจ่ี ะประสบความสำเร็จและบรษิ ทั ตอ้ งหาจุดสมดลุ ทีถ่ ูกต้องระหวา่ งท้งั สองอย่าง

ตารางท่ี 1 ตารางแสดงการเปรียบเทียบตลาดแบบด้งั เดมิ กับตลาดแบบใหม่

การตลาดแบบดงั้ เดิม การตลาดแบบใหม่

1. คำจำกดั ความ การส่งเสริมการขายแบบคลาสสิก การทำการตลาดของผลิตภัณฑ์หรือ

ที่การใช้เทคโนโลยีต่ำมากหรอื ไม่มี บริการโดยใช้ช่องทางเทคโนโลยีเพื่อ

เลย เขา้ ถึงผ้บู ริโภค

2. ค่าใช้จา่ ย ต้นทุนการตลาดแบบดง้ั เดิมสูงกว่า ต้นทุนการตลาดดิจิทัลน้อยกว่า

การตลาดดิจิทัล ช่องที่ใช้เช่น การตลาดแบบเดิมมาก บางครั้งอาจ

โทรทัศน์วิทยุหรือป้ายโฆษณาต้อง เป็นอิสระไดด้ ว้ ย

ใช้เงินลงทนุ มหาศาล

3. ความครอบคลุม การตลาดแบบดั้งเดิมโฆษณาจะ การตลาดดิจิทัลสามารถทำได้ถาวร

พิมพ์ในหนังสือพิมพ์หรือนิตยสาร ตัวอย่างเช่นการโพสต์บน Facebook

ความครอบคลมุ จำกัด เฉพาะผชู้ ม จะคงอยู่ตลอดไปและลูกค้าสามารถ

ที่อ่านสื่อสิ่งพิมพ์ดังกล่าว เรยี กคืนไดต้ ลอดเวลา

นอกจากนี้ผลกระทบของการ

โฆษณายังคงเกิดขึ้นชั่วขณะโดยที่

ไม่มกี ารเรียกคืน

4. การตรวจสอบ วัดผลได้ยากเช่นพฤติกรรมของ วัดผลได้อย่างง่ายดายด้วยเครื่องมือ

ลูกค้าหรือจำนวนคนท่ีเข้าถงึ ซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้อง ตัวอย่างเช่น

ซอฟต์แวร์การตลาดอีเมลสามารถ

บันทึกจำนวนข้อความที่ส่งและ

จำนวนข้อความที่ดู นอกจากน้ี

ซ อ ฟ ต์ แ ว ร ์ ท ี ่ ค ล ้ า ย ก ั น ย ั ง ส า ม า ร ถ

ติดตามยอดขายที่เป็นผลมาจากการ

โฆษณาดจิ ิทลั

5. เวลา ไม่สามารถส่งไปยังลูกค้าได้ทันที สามารถแสดงข้อความแบบเรียลไทม์

ตอ้ งใชเ้ วลาในการพิมพ์ ให้กบั ลูกคา้ ไดท้ นั ที

สรุป
การตลาดแบบดั้งเดิม คือ การทำการตลาดโดยผ่านสื่อโฆษณาต่างๆแบบออฟไลน์ เป็นการ

สื่อสารพียงด้านเดียว ทำให้ไม่สามารถรับรู้ได้ว่าลูกค้าสามารถเข้าถึงได้มากแค่ไหน โดยการทำ
การตลาดแบบดั้งเดิมนั้น ใช้หลักการวางแผนการตลาดแบบ 4P (Product, Price, Place และ
Promotion) และมีการแบ่งส่วนตลาดออกเป็น 6 ระดับ คือ การตลาดมวลชน (Mass marketing)
การตลาดโดยมุง่ ที่ส่วนของตลาด (Segment marketing) การตลาดโดยมุง่ ที่ตลาดกลุ่มเล็ก (Niche marketing)
การตลาดท้องถิ่น (Local marketing) การตลาดมุ่งเฉพาะบุคคล (Individual marketing) และ
การตลาดที่ลูกค้าต้องรับผิดชอบตัวเอง (Self-marketing) และในปัจจุบันการตลาดมีการเปล่ียนแปลงไป
ตามยุคสมัย ทำให้ผู้ประกอบการมีการพัฒนากลยุทธ์ทางการตลาดให้ทันสมัยขึ้นแทนการตลาดแบบ
ด้งั เดมิ

บรรณานุกรม

"การตลาดแบบด้งั เดิม.". [ออนไลน]์ . เข้าถงึ ไดจ้ าก: http://avedoofficial.com/2018/06/
การตลาดแบบดั้งเดิม-การ/

"การตลาดแบบด้ังเดิม.". [ออนไลน]์ . เข้าถึงไดจ้ าก: http://moneyforaids.org/การตลาดแบบดั้งเดิม/
"การตลาดแบบด้งั เดิมและการตลาดแบบดิจิทัล.". [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก:

https://www.dreamrev.info/blog/2017/04/25/traditional-vs-digitalmarketing/
"การออกบูธแสดงสนิ คา้ .". [ออนไลน]์ . เข้าถงึ ไดจ้ าก: https://www.prosoft.co.th/Article/Detail/108042
"ความต่างระหวา่ งการตลาดแบบด้งั เดมิ และการตลาดดิจิทลั .". [ออนไลน์]. เขา้ ถึงได้จาก:

https://www.thumbsup.in.th/10-differences-classic-marketing-digital-marketing
" TRADITIONAL MARKETING VS DIGITAL MARKETING.". [ออนไลน]์ . เข้าถึงได้จาก:

https://www.wynnsoft-solution.com/บทความTraditional_marketing_vs_Digital_marketing
"ปา้ ยโฆษณา.". [ออนไลน์]. เขา้ ถึงได้จาก: http://socialintegrated.com/ปา้ ยโฆษณา

การตลาดแบบด

(Traditional ma

จดั ทาโดย
นางสาวเนตรนภา มีมาก เลขที่ 5
นางสาวชลธร แซต่ ง๊ั เลขที่ 8
นางสาวณฐั ธิดา ประเสริฐ เลขท่ี 10
นางสาวภทั รพร พละชีวะ เลขท่ี 14
นกั ศกึ ษาระดบั ปริญญาตรีปี ท่ี 2 สาขาวชิ าการ

ดง้ั เดมิ

arketing)

รบญั ชี

การตลาดแบบดัง้ เดมิ

การตลาดแบบดัง้ เดิม (Traditio
marketing) คือ การทาการตลาดโดยท
อินเทอร์ เน็ตเข้ า มาช่วยในการปร ะชาสัมพันธ์

“ เผยแพร่ข้อมลู ต่าง ๆ และเป็ นการใช้ช่องทางออฟ
ต่าง ๆ ท่ีมีอย่ใู นขณะนนั้ เป็ นการส่ือสารไปยงั ผ้บู ร
และกลุ่มเป้ าหมายท่ีต้องการ อีกทัง้ การตลาด
ดงั้ เดิมยงั เป็ นการสื่อสารเพียงด้านเดียวอีกด้วย ซ
ให้การได้รับฟี คแบกตา่ ง ๆ หรือผลลพั ธ์ก็จะคอ่ ยข้า
และการทาการตลาดแบบดัง้ เดิมนีม้ ีค่าใช้ จ
ค่อนข้ างสูงและมีการใช้ ระยะเวลานานในกา
การตลาดแบบนีก้ วา่ จะเข้าถงึ กลมุ่ ลกู ค้าได้นนั่ เอง

การสื่อสารแบบทางเดียวในการตลาดแบบดงั้ เดิม

”ไปถงึ การแจกโบรชวั ร์ การติดป้ ายโฆษณาตามที่ต

ความคิดเห็นอื่นใดได้ เพราะว่านี่เป็ นการส่ือสา
ผลลัพธ์ที่ได้จึงไม่แม่นยา และใช้เวลาค่อนข้างน
การตลาดแบบอนไลน์ เน่ืองจากลกู ค้าสามารถรับร

onal
ที่ไม่มี
หรื อ
ฟไลน์
ริโภค
แบบ
ซ่งึ ทา
างช้า
จ่ายที่
ารทา

มนี ้เช่น การโฆษณาผ่านโทรทศั น์ วิทยุ ส่ือสิ่งพิมพ์ รวม
ต่าง ๆ ซง่ึ ลกู ค้านนั้ จะไม่สามารถแลกเปลี่ยน หรือแสดง
ารทางเดียว และได้รับสารอยู่ฝ่ ายเดียว เม่ือเป็ นเช่นนี ้
นาน แต่จะสามารถความน่าเชื่อถือได้มากกว่าการทา
รู้ได้วา่ ธุรกจิ ของเรานนั้ มีตวั ตน

ตวั อยา่ งการส

1

1. ออก
2. ออก
3. ออก
4. ออก
5. ออก
และกล
6. ออก
7. ออก

ส่ือสารการตลาดแบบดง้ั เดมิ

1. การออกบธู แสดงสินค้า

กบธู แสดงสินค้าเพ่ือประชาสมั พนั ธ์สินค้าหรือบริการ
กบธู แสดงสินค้าเพ่ือเพม่ิ ชอ่ งทางและโอกาสในการขาย
กบธู แสดงสนิ ค้าและบริการเพื่อโชว์ศกั ยภาพอยา่ งเต็มท่ี
กบธู แสดงสนิ ค้าและบริการเพ่อื หาคคู่ ้าทางธรุ กิจ
กบธู แสดงสนิ ค้าและบริการเพอื่ แลกเปลี่ยนข้อมลู กบั ลกู ค้า
ลมุ่ ธรุ กิจ
กบธู แสดงสินค้าและบริการเพ่ือสารวจคแู่ ขง่ และตลาด
กบธู แสดงสินค้าและบริการเพ่อื สร้างฐานข้อมลู ลกู ค้า

ตวั อยา่ งการส

ในการ
สินค้า”
เน่ืองจ
ได้หลา
โฆษณ
โดดเด
ทกุ วนั
ประโย

สื่อสารการตลาดแบบดง้ั เดมิ

2.การโฆษณาผา่ นป้ าย

รทาการตลาด โฆษณาประชาสมั พนั ธ์สินค้า “ป้ ายโฆษณา
” เป็ นวิธีโปรโมตหนงึ่ ท่ีมีผลตอ่ ผ้บู ริโภคอยา่ งมาก
จากป้ ายโฆษณาเป็ นสื่อท่ีกว้างขวาง เข้าถงึ กลมุ่ เป้ าหมาย
ากหลายและชดั เจน ตวั อยา่ งท่ีเห็นได้งา่ ยที่สดุ เชน่ ป้ าย
ณาตามทางดว่ นหรือบนตกึ สงู ป้ ายขนาดใหญ่ ตวั อกั ษร
ดน่ ดงึ ดดู ตา แนน่ อนวา่ ผา่ นสายตาของคนเป็ นหม่ืนๆ คน

ยชน์ของป้ ายโฆษณา
1) ดงึ ดดู ความสนใจได้ดี
2) เข้าถงึ กลมุ่ เป้ าหมายได้มาก
3) ต้นทนุ ต่า

หลกั การตลาดแบบดง้ั เดมิ

และการวางแผนก

01 Product 03

02 Price



การตลาดโดยใช้ 4P

Place

04 Promotion

การแบ่งส่วนตลาด

การแบง่ สว่ นตลาด (Marketing Segme
ชนดิ หนงึ่ ออกเป็ นตลาดยอ่ ยๆ ท่ีแตกตา่ งกนั ทางด้านความ
ตลาดยอ่ ยๆนนั้ โดยอาศยั คณุ สมบตั ิของผ้บู ริโภคหรือตลา

ออกเป็ นสว่ นๆ (Market Segments) และทาให้เห
ความต้องการและพฤตกิ รรมของผ้บู ริโภคที่อยใู่ นแตล่ ะสว่
การตลาดได้เหมาะสมกบั แตล่ ะสว่ นตลาด

entation) เป็ นการแบง่ ตลาดสาหรับผลิตภณั ฑ์ชนิดใด
มชอบ ความต้องการ และพฤติกรรมผ้บู ริโภคในแตล่ ะ

าดเป็ นปัจจยั ในการแบง่ ทงั้ นีเ้พ่ือให้สามารถแยกตลาด

หน็ ความเดน่ ชดั ท่ีแตกตา่ งกนั ของคณุ สมบตั ิ ความชอบ
วนของตลาด เพื่อจะได้วางแผนและใช้ความพยายามทาง

ระดบั ของการแบง่ ส่วนการต
(Levels of mark

1.การตลาดมวลชน (Mass 4
marketing

การตลาดโดยมงุ่ ท่ีสว่ น
ของตลา(Segment

2 5marketing)

การตลาดโดยมุ่งที่ตลาด

3กลุ่มเลก็ (Niche marketin

ตลาด
ket segmentation)
มี 6 ระดบั ดงั นี้

การตลาดทอ้ งถ่ิน

4 (Local marketing)
5การตลาดมุ่งเฉพาะบุคคล
ด (Individual marketing

6ng) 6.การตลาดที่ลูกคา้ ตอ้ ง
รับผดิ ชอบตวั เอง (Self-

marketing)

การเปลย่ี นแปลงตลา

ดงั้ เดมิ สู่ตลาดดจิ ติ อล

การตลาดมีการวิวัฒนาการขึน้ มาอ
ตลอดเกือบทกุ ยคุ ทกุ สมยั ทงั้ นีข้ นึ ้ อย่กู บั ปัจจยั ตา่ ง
ที่ต่างกนั ออกไป และแน่นอนว่าปัจจยั เหล่านีจ้ ะต้อ
เป็ นปัจจัยท่ีมีผลต่อการซือ้ -ขาย อย่างเช่นควา
ต้องการของผู้บริโภคท่ีเปลี่ยนไปอยู่ตลอด สภา
สงั คมและสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมือนเดิม รวมไปถ
สภาพเศรษฐกิจต่างๆที่ทาให้การตลาดต้องปรับต
ตา มไ ป เพ่ื อ รอ ง รั บ ค วา ม ต้ อ ง การ ขอ ง ผ้ ูค น ท่ี เ ป็
กล่มุ เป้ าหมาย จนกระทง่ั มาถึงในยุคนีท้ ี่เทคโนโล
เข้ ามามีบทบาท ในการดาเนินชี วิตของผ้ ูคนเป็
อย่างมาก จนทาให้พฤตกิ รรมของผ้คู นเปลี่ยนแปล
ไปจากเดิม จากแผนการตลาดท่ีเคยใช้ ได้ ก
ผ้บู ริโภคกลมุ่ นีก้ ็อาจใช้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

าด

อยู่
งๆ
อง
าม
าพ
ถึง
ตวั
ปน
ลยี
ปน
ลง
กับ

ขอ้ ดขี องการตลา
1. การตลาดแบบดงั้ เดิมได้รับการพิสจู น์แ
เหตุผลหลัก คือความสามารถในการเข้าถึงสถานท
ออกมาและป้ ายโฆษณาขนาดใหญ่นนั้ ดงึ ดดู ผ้บู ริโภค
ทางดิจิทลั โฆษณาทางโทรทศั น์ได้พิสจู น์แล้วว่าวิธีก
ผ้บู ริโภคจานวนมาก เป็ นกลยทุ ธ์ที่มีประสิทธิภาพสงู
ทาผา่ นโทรทศั น์เชน่ กนั

2. กลยุทธ์การตลาดแบบดงั้ เดิมหากวา
ประสิทธิผลสงู สดุ และสร้างยอดขายได้มากขนึ ้

3. การตลาดแบบดัง้ เดิมมีผู้ชมออฟไล
แคมเปญการตลาดของคณุ ที่จะไมเ่ พิกเฉยตอ่ ผ้ชู มกล

าดแบบดงั้ เดมิ

แล้ววา่ มีอตั ราความสาเร็จสงู กวา่ การตลาดดจิ ิทลั
ท่ีที่ไม่มีอินเทอร์เน็ต ไม่ปฏิเสธว่าโบรชัวร์ท่ีพิมพ์
คและดงึ ดดู ความสนใจได้มากเมื่อเทียบกบั วิธีการ
การทางการตลาดหลกั ในการกาหนดเป้ าหมาย
งสดุ ในปัจจบุ นั การตลาดที่มีอิทธิพลจานวนมาก

างแผนด้วยแผนการที่ดีท่ีสุดจะสร้ างผลลพั ธ์ท่ีมี

ลน์จานวนมากและอาจเป็ นประโยชน์สาหรับ
ลมุ่ นี ้

ความแ

การตลาดแบบดงั้ เดมิ

1. คาจากัดความ การส่งเสริมการขายแบบคลาสสิกที่การใช้เท

มากหรือไมม่ เี ลย

2. ค่าใช้จ่าย ต้นทนุ การตลาดแบบดงั ้ เดิมสงู กว่าการตลาด

ท่ีใช้เช่นโทรทัศน์วิทยุหรือป้ ายโฆษณาต้องใ

มหาศาล

3. ความ การตลาดแบบดงั ้ เดมิ โฆษณาจะพมิ พ์ในหนงั ส

ครอบคลุม นิตยสาร ความครอบคลุม จากัด เฉพาะผู้ช

สิ่งพิมพ์ดังกล่าว นอกจากนีผ้ ลกระทบของก

ยงั คงเกิดขนึ ้ ชว่ั ขณะโดยท่ีไมม่ ีการเรียกคืน

4. การตรวจสอบ วัดผลได้ยากเช่นพฤติกรรมของลูกค้าหรือจ
เข้าถึง

5. เวลา ไมส่ ามารถสง่ ไปยงั ลกู ค้าได้ทนั ที ต้องใช้เวลาใ

แตกต่าง

การตลาดแบบใหม่
ทคโนโลยีต่า การทาการตลาดของผลิตภัณฑ์หรือบริการโดยใช้

ช่องทางเทคโนโลยีเพ่ือเข้าถึงผ้บู ริโภค
ดดิจิทลั ช่อง ต้นทุนการตลาดดิจิทัลน้อยกว่าการตลาดแบบเดิม
ใช้เงินลงทุน มาก บางครัง้ อาจเป็นอิสระได้ด้วย

สือพิมพ์หรือ การตลาดดิจทิ ลั สามารถทาได้ถาวร ตวั อย่างเช่นการ
ชมที่อ่านสื่อ โพสต์บน Facebook จะคงอยู่ตลอดไปและ
การโฆษณา ลกู ค้าสามารถเรียกคืนได้ตลอดเวลา

จานวนคนท่ี วัดผลได้อย่างง่ายดายด้วยเคร่ืองมือซอฟต์แวร์ที่
เก่ียวข้อง ตัวอย่างเช่นซอฟต์แวร์การตลาดอีเมล
สามารถบันทึกจานวนข้ อความที่ส่งและจานวน
ข้ อความท่ีดู นอกจากนีซ้ อฟต์แวร์ท่ีคล้ายกันยัง
สามารถติดตามยอดขายที่เป็ นผลมาจากการ
โฆษณาดจิ ทิ ลั

ในการพิมพ์ สามารถแสดงข้อความแบบเรียลไทม์ให้กบั ลกู ค้าได้
ทนั ที

Tha

anykou


Click to View FlipBook Version