ตอนท ี่3 เรือใหญ่แล่นออกไปไกลจากเกาะอังกฤษ เพื่อมุ่งหน้าไปยังมหาสมุทรแอตแลนติก ทิวทัศน์เหล่านั้นสวยงามมาก ภูเขา ทะเล มหาสมุทรต่างรวมกันแล้วเป็นสิ่งสวยงามมาก มากจนดาริกาอดไม่ได้ที่จะ… “โอ้โห! หมอรันดูนั่นสิ!” เธอพยายามสะกิดตัวนิรันดร์ นิรันดร์นั่งกรนครอกๆ อยู่บนม้านั่งข้างกันกับเธอ ดาริกาเห็นแล้วก็ถอนหายใจ กรอกตามองบนด้วยความเบื่อหน่าย และเรือใหญ่ล่องใต้ลัดเลาะแหลมกู๊ดโฮป ประเทศแอฟริกาใต้ ฝ่ามรสุมจากแหลมกู๊ดโฮมที่เกือบจะคร่าชีวิตคนบนเรือใหญ่ ผู้คนทั้งหลายยังหวาดกลัวโศกนาฏกรรมจากไททานิค บ้างก็หาที่เกาะอย่างมั่นคง บ้างก็หาทางท าตัวให้ขนานกับเรือ บ้างคอยสอดส่องเครื่องแก้ว มีดอย่างใกล้ชิด เพราะถ้าเกิดร่วงหล่นลงไป ก็อันตรายถึงชีวิตได้ ลมพายุพัดโหมกระหน ่า ต้นหนและกัปตันเรือเข้าประชุมอย่างเร่งด่วนเพื่อที่จะหาทางแก้ปัญหาอย่างรวดเร็ว และท่ามกลางพายุนั้น กล้องส่องทางไกลกล้องหนึ่ง มองเห็นฝูงเครื่องบินเรียงรายบนน่านฟ้า สันนิษฐานว่าคือเครื่องบินรบ ตาคู่นั้นเลบิกโพลง เห็นท่าจะไม่ดี จึงรีบวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตรายงานกัปตันโดยด่วน
“แย่แล้วครับกัปตันแมคอินไตย์!” ชายชราแก่กล้าประสบการณ์เรื่องการเดินสมุทรก าลังคุยกับต้นหนอยู่ก็หันมาทางคนที่ก าลังจะแจ้งข่าว ชายชราคนนั้นผมสีขาว หนวดเคราก็สีขาวตามผม ผิวขาวเฉกเช่นคนยุโรปทั่วไป แต่งเครื่องแบบกัปตันเรือตามยุคสมัยนั้น สายตาของเขาดั่งเหยี่ยวผู้เฉียบแหลม หันมาทางคนๆนั้นที่ก าลังจะอ้าปากรายงาน แต่เขาย่อตัวลงหอบด้วยความเหนื่อยจากการวิ่งเต็มก าลังมา “จ่าจัดส์ ว่ามาสิ เกิดอะไรขึ้น?” “ฝูงเรือบินรบ 5 ล า ก าลังมุ่งตรงมาทางเรือเราครับ!!!!” กัปตัน จอห์น ชาร์ลส แมคอินไตย์กัดปากสบถอย่างไม่พอใจ “ชิ! ยังจะตามมาฆ่ามาแกงกันถึงนี่!” หลังจากนั้นก็หยิบกล้องส่องทางไกลฝ่าพายุฝนที่พัดพาอย่างบ้าคลั่งไปส่องดูข้างนอก ปรากฏ ว่าเป็นอย่างที่บอกจริงๆ แต่กัปตันก็ไม่ได้อยู่เฉย จึงสั่งการไป “เบี่ยงเรือออกจากแหลมกู๊ดโฮปไป อย่างไรเสีย เรือเราก็ปลอดภัย!!!” ต้นหนคนนั้นก็แย้งขึ้นมา “ช้าก่อนครับท่าน!” กัปตันแมคอินไตย์หันมาทางต้นหนคนนั้น ต้นหนคนนั้นรูปร่างปราดเปรียว ว่องไว อีกทั้งยังหน้าตาดีมากๆ แบบชาวฝรั่งเศส อายุแค่ 15-16 ปีเท่านั้น แต่ประสบการณ์เดินสมุทรของเขาไม่แพ้ผู้ใหญ่เลย ต้นหนหนุ่มน้อยยิ้มอย่างมั่นใจออกมา กัปตันแมคอินไตย์ถามเขา “เธอมีอะไรหรือ? จ่าอากีลาร์” วิลเลียม อากีลาร์ในชุดเครื่องแบบคล้ายๆกัปตัน เพียงแต่ไม่ประดับยศจนดูรกรุงรัง อย่างมากสุดแค่ 3 ตราเครื่องหมายเท่านั้น เขาเอ่ยออกมาว่า “ปล่อยให้พายุจัดการเครื่องบินเหล่านั้นเถอะครับ” กัปตันแมคอินไตย์ยิ้มด้วยความมั่นใจในตัวต้นหนน้อยคนนี้มาก “ก็ได้ ฉันจะเชื่อเธอ” ไม่นาน พายุก็พัดไปทางเครื่องบินเหล่านั้นจนกระจุยกันไปหลายล า ท้องฟ้าก็สว่างสดใสทันที หลังจากที่พายุได้ท าลายเครื่องบินเหล่านั้นไปแล้ว วิลเลียม อากีลาร์เห็นแสงร าไรอยู่เบื้องหน้า เขาเบิกตากว้าง “ถึงแล้วครับ!” กัปตันแมคอินไตย์หันไปทางเดียวกันที่วิลเลียม อากีลาร์ ถึงกับเอ่ยออกมา ยิ้มเพียงน้อย “ถึงเสียที คาบสมุทรอินเดีย ประตูของเอเชีย” ขณะนี้เรือใหญ่ก าลังแล่นไปยังประเทศอินเดีย และคาดว่าอีกไม่นานก็ถึงประเทศไทย เรือใหญ่ลอนดอนก าลังจะจอดเทียบท่าประเทศไทย แต่กัปตันแมคอินไตย์เห็นแล้วว่าเบื้องหน้านั้น คือกองทัพทหารญี่ปุ่ น บัดนี้ธงอาทิตย์อุทัย ปลิวไสวอยู่รอบเกาะ ลูกเรือทั้งหมดตัวเกร็งท าอะไรไม่ถูก เพราะหนีจากพายุ และสมรภูมิจากอักษะมา ยังต้องเจออักษะอาทิตย์อุทัยที่ครอบครองประเทศไทยไว้อีก โชคดีที่เรือใหญ่ล านี้รอบคอบ ไม่ติดธงอังกฤษไว้ แต่ติดธงเรือโดยสารแทน อีกทั้งยังรอบคอบกว่านั้นอีก ป้ายธงนั้นมีภาษาญี่ปุ่ นอยู่ด้วย แต่กระนั้นกัปตันแมคอินไตย์ก็ไม่ไว้ใจกองทัพญี่ปุ่ นข้างหน้าอยู่ดี ถึงแม้ว่าบริเวณนั้นคือน่านน ้าสากล
ก็ยังคิดว่ามีภัยรอบตัวอยู่ดี จนกระทั่งเสียงระฆังดังขึ้น และลูกปืนใหญ่ก็พุ่งมายังเรือโดยสารทันที หมายจะท าให้เรือล านี้อัปปางลง เสียงหนึ่งก าลังตะโกน “ยิง!” ลูกปืนนั้นท าเรือสั่นสะเทือน ผู้โดยสารบนเรือนั้นหวีดร้องและวิ่งหนีหามุมหลบภัยกันไป หญิงสาวคนหนึ่งในชุดเครื่องแบบเปิดประตูห้องใดห้องหนึ่งออกมา อีกทั้งพุ่งตรงมายังโทรโข่งที่เกือบเสียหายจากสงคราม ฝ่ายชายที่ตามมาด้วยกันนั้นก็ร้องเสียงหลงห้ามปรามหญิงสาวคนนั้นแทบไม่ทัน “ดาด้า!!! อย่าบ้าบิ่นแบบนั้นสิ!!!” “ขอโทษนะคะ....” ดาริกาพูดภาษาญี่ปุ่ นใส่โทรโข่งนั้น ท าให้ปืนใหญ่หยุดยิง ดาริกาไม่รอช้า เอ่ยออกไป “พวกเราเป็นเพียงแค่ชาวบ้านธรรมดา อย่ามาฆ่าแกงกันเลย ขอร้องล่ะค่ะ ให้พวกเราได้กลับมาตุภูมิเพื่อมาเยี่ยมญาติพี่น้องพวกเขานะคะ พวกคุณมีญาติพี่น้องกันบ้างไหม? พวกคุณน่าจะเข้าใจความรู้สึกนี้นะ...” แต่ไม่ทันจะพูดจบ ปืนใหญ่ก็พุ่งตรงมาทางเรือโดยสารนั้นพอดี เสียงหวีดร้องของผู้โดยสารเหล่านั้นท าให้ดาริการู้สึกสงสารจับใจ ดาริกาก าลังพูดต่อไป มือใหญ่คว้ามาจับแขนเธอไว้ เขาเอ่ยขึ้นมาว่า “ดาด้า!” “ปล่อยนะ! หมอรัน! ฉันจะปกป้องคนบนเรือล านี้!!!” “จะบ้ารึไง? เอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงขนาดนั้น อยากตายอย่างนั้นหรือ? ทหารญี่ปุ่ นนะ! ไม่ใช่ชาวบ้านตาสีตาสาที่ไหน!!!” ดาริกาพยายามสะบัดแขนออกจากการควบคุม ระหว่างนั้นเองเรือเล็กที่บรรจุทหารญี่ปุ่ นต่างเข้ามารายล้อมเรือโดยสารขนาดใหญ่ ท าให้ทุกอย่างล้วนตกอยู่ในอันตรายทั้งสิ้น ทหารญี่ปุ่ นขึ้นมาบนเรือโดยสารหลายนาย บรรดาผู้โดยสารต่างกลืนน ้าลายดังเอื้อก ต่างกลัวว่าชีวิตตนจะจมลงบนท้องทะเลใหญ่หรือไม่? เพราะเพิ่งผ่านพายุกันมา แต่ต้องมาจบชีวิตที่นี่เป็นแน่ ทหารญี่ปุ่ นขึ้นมาตรวจสอบเรือโดยสารอย่างรวดเร็วและว่องไว และปรากฏหน้านายทหารญี่ปุ่ นนายหนึ่ง นายทหารคนนั้นส่งสายตามามองดาริกา ก็ยิ้มออกมา ฝ่ายดาริกาเองก็ยิ้มออกมาเช่นกัน เขาโบกมือห้ามทหารญี่ปุ่ นคนอื่นๆ ไม่ให้กระท าการอุกอาจมากไปกว่านี้ นายทหารญี่ปุ่ นคนนั้นก็ตรงมาสนทนากับกัปตันบนเรือด้วยภาษาอังกฤษ “เรือนี้เป็นเรือโดยสารนี่ครับ ท าไมปล่อยเรือค้างอยู่น่านน ้านานขนาดนี้ล่ะ?” กัปตันแมคอินไตย์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ตกใจนึกว่าจะมารบราฆ่าฟันกันเสียแล้ว นี่ผมยังคิดอยู่นะถ้าพวกคุณรุกเข้ามาหาพวกเรา พวกเราจะท าอย่างไร? ผู้โดยสารไม่มีอาวุธยุทโธปกรณ์เฉกเช่นทหารอย่างพวกคุณนะครับ แต่โชคดีจริงๆที่เจอทหารเช่นคุณ” นายทหารญี่ปุ่ นคนนั้นหัวเราะ “คุณมาดี ไม่ได้ท าท่าทางพิรุธแล้วจะกลัวไปท าไมครับ?” และเขาก็ปรับเปลี่ยนสีหน้าจริงจังมากขึ้น “หรือคุณซ่อนอาชญากรสงครามไว้หรือ?” กัปตันแมคอินไตย์หนักแน่นทั้งแววตาและน ้าเสียง
“เรือเราเป็นเรือโดยสาร หาใช่เรือทหารไม่ ถ้าซ่อนจริง ป่ านนี้ผมต้องรู้แล้วสิว่าใคร และไม่มีทางให้ขึ้นเรือเราแน่นอน!” นายทหารญี่ปุ่ นพยักหน้าเข้าใจ จึงเตือนกัปตันแมคอินไตย์ฉันเพื่อน “โชคดีที่คุณเจอทหารแบบพวกเรา แต่ถ้าคุณจอดบริเวณอื่น ผมไม่รับรองความปลอดภัยของพวกคุณ ที่ผ่านมาพวกเราในบริเวณอื่นๆจมเรือโดยสารแบบนี้มาหลายล าแล้ว แต่บริเวณของผมมีการตรวจอย่างละเอียดมาก ถ้าใครเป็นปรปักษ์กับพวกผม ผมจะจับพวกเขาเดี๋ยวนั้นเลย! ฉะนั้น ระวังกันไว้หน่อยจะดีกว่านะครับ อ้อ! เมื่อผู้โดยสารทุกคนลงจากเรือแล้ว เรียนเชิญท่านกลับถิ่นที่มาของท่านให้เร็วที่สุดเท่าที่จะท าได้ ในยามสงครามแบบนี้ ปลอดภัยไว้ก่อนจะดีที่สุดนะครับ!!!” กัปตันแมคอินไตย์พยักหน้าเข้าใจ “ครับ ขอบคุณที่บอกกันนะ” “ด้วยความยินดีครับ” นายทหารญี่ปุ่ นคนนั้นยิ้มและโค้งค านับตามมารยาทชาวญี่ปุ่ น เรือโดยสารขนาดใหญ่ได้ล าเลียงผู้โดยสารเหล่านั้นไปยังฝั่งไทยเรียบร้อยแล้ว นายทหารญี่ปุ่ นคนนั้นปล่อยเรือใหญ่ล านั้นไป เพราะเป็นเรือโดยสาร และเรือโดยสารนั้นก็แล่นออกห่างจากอ่าวไทยจนไกลสุดสายตา นายทหารญี่ปุ่ นคนนั้นถอนหายใจอย่างโล่งอก และหันมาทางดาริกากับนิรันดร์ที่ก าลังวุ่นวายกับการส ารวจข้าวของกันอยู่ นายทหารญี่ปุ่ นคนนั้นเดินตรงและถอดหมวกโค้งค านับเธอ “อรุณสวสัดิ์นะดาด้าจัง เดินทางล าบากไหม?” ดาริกายิ้ม “ก็ล าบากนะคะ มาซาฮิโระซัง โชคดีจริงๆที่เป็นคุณ” พลต ารวจพิเศษตรีมาซาฮิโระ นาคามูระคนนี้ เคยได้รับความช่วยเหลือจากดาริกาเมื่อดาริกายังเล็ก เพราะเขาหลงทางและป่วยในวันที่เขาเดินทางมาเที่ยวเมืองไทย ซึ่งก่อนนั้นมีชื่อว่าสยาม เขาพลัดหลงกับพ่อแม่ และอายุเขาก็มากกว่าเรวัตรเสียด้วยซ ้า มาซาฮิโระได้รับความช่วยเหลือจากดาริกาและดังฟ้า จึงสอนภาษาญี่ปุ่ นให้ทั้งคู่ รวมไปถึงพ่อแม่และญาติๆของดาริกาด้วย จนกระทั่งพ่อแม่มาพบมาซาฮิโระพอดี มาซาฮิโระและครอบครัวขอบคุณครอบครัวของดาริกามากๆที่มาช่วยเหลือเขา และเขาสัญญาว่าเขาจะตอบแทนดาริกากับครอบครัวเป็นอย่างดี และจนวันนี้มาซาฮิโระกลับมาเมืองไทยในฐานะต ารวจพิเศษของกองทัพญี่ปุ่ น เพื่อคอยช่วยเหลือดาริกา ถึงแม้ว่าจะรู้ข่าวดาริกากับดังฟ้าเข้าร่วมเสรีไทยที่เป็นปรปักษ์กับญี่ปุ่ นก็ตาม เขายิ้ม ใส่หมวกและวันทยาหัตถ์แบบต ารวจญี่ปุ่ น “ด้วยความยินดีครับ!” นิรันดร์พูดภาษาญี่ปุ่ นกับมาซาฮิโระด้วย “นี่ๆเดี๋ยวก่อนนะ! นายจะมาท าจีบดาด้าแบบนี้ไม่ได้นะ! รู้ไหมว่าดาด้ามีคนรักแล้ว!” มาซาฮิโระอึ้ง เพราะว่าเขาไม่เคยเห็นชายชาวยุโรปคนไหนที่พูดภาษาญี่ปุ่ นได้คล่องราวกับเป็นภาษาแม่ได้ขนาดนี้เลย นายยุโรปคนนี้เล่นเอามาซาฮิโระตกใจมาก มาซาฮิโระถาม “นี่นายไปเรียนภาษาญี่ปุ่ นมาจากไหน?” นิรันดร์เล่าให้ฟัง
“จากนายทหารญี่ปุ่ นคนหนึ่งที่พ่อฉันรักษาเขาน่ะ บังเอิญว่าเขาบาดเจ็บอยู่หน้าบ้านพ่อบุญธรรมกับแม่บุญธรรมน่ะ พ่อบุญธรรมมาช่วยชีวิตเขาไว้ ทั้งๆที่หมอนั่นตั้งใจจะมาฆ่าพวกเราแท้ๆ แต่ทว่านายคนนั้นบาดเจ็บน่าดูเลยล่ะ สงสัยโดนท าร้ายมาจากที่อื่นน่ะ หลังจากนั้นเขาก็จะท าร้ายตัวเองหลายครั้ง แต่ทว่าพ่อไม่ยอม เขาบอกว่ามันเป็นกฏของชาวญี่ปุ่ นน่ะ ท างานผิดพลาดต้องใช้ด้วยชีวิต แต่พ่อไม่เห็นด้วยที่จะท าแบบนั้น พ่อจึงรักษาเขาจนเขาหายดี เขาก็ตอบแทนพวกเราด้วยการสอนภาษาญี่ปุ่ นน่ะ และเดินทางกลับญี่ปุ่ นไป” มาซาฮิโระพยักหน้าเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น “เหมือนผมเคยเจอชายคนนั้นนะ เขาพูดภาษาญี่ปุ่ นอย่างคล่องแบบคุณเลยล่ะ อ้อ! เขาเป็นคนฮ่องกง และเขาก็เล่าเรื่องเดียวกันแบบที่คุณเล่าให้ผมฟังด้วย” นิรันดร์กอดอก นึกถึงใครบางคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเขา “คงจะเป็นพี่เรย์สินะ” มาซาฮิโระถามอีก “คุณรู้จักเขาด้วยหรือ?” “ก็เขาคือพี่ชายบุญธรรมของฉันน่ะ” มาซาฮิโระใช้มือท าท่าค้อนทุบกระดาษ เขาเข้าใจแล้ว “อ๋อ! อย่างนี้นี่เอง!” และหันมาทางดาริกา “แล้วดาด้าจังมาที่นี่ท าไมหรือ?” ดาริกาตอบกลับ “เรามีค าสั่งจากสภากาชาดมาดูแลผู้ป่ วยน่ะ” มาซาฮิโระยิ้ม “คุณนี่ก็มีน ้าใจไม่เปลี่ยนเลย แต่คราวนี้คุณกล้าหาญมากขึ้นนะ ไม่กลัวอันตรายใดๆเลย ดังแคนคุงสบายดีนะ หมอดีนซัง ดารินซัง และเดซี่จังสบายดีนะ” “จ่ะ!” จากนั้นทั้งคู่ก็คุยอะไรเรื่อยเปื่อย มาซาฮิโระช่วยทั้งคู่ถือของและโบกเกวียนทั้งสองเล่มเพื่อเข้าเมืองหาดใหญ่และยังช่วยทยอยส่งสัมภาระให้กับดาริกาและนิ รันดร์ด้วย มาซาฮิโระพูดว่า “อาแปะครับ” แปะคนนั้นยิ้มรับ “อะไรหรือพ่อหนุ่ม?” เกวียนนั้นมาสองเล่มพอดีเลย มาซาฮิโระยิ้มกว้าง เขาไม่ต้องไปตามเกวียนอีกเล่มแล้ว “ช่วยไปส่งเพื่อนผมที่ร้านแปะซาหน่อยนะครับ” อาแปะรถเกวียนอีกเล่มชี้นิ้วมายังนิรันดร์ที่ยืนกอดอกหน้ามุ่ยและหันหน้าไปทางอื่นอยู่ ถามมาซาฮิโระ “นี่ๆ คุณ ฝรั่งคนนั้นน่ะ เพื่อนคุณใช่ไหม?” นิรันดร์หันมาด้วยแววตาไม่พอใจอย่างมาก มาซาฮิโระก าลังจะอ้าปาก “เอ่อ....” แต่ไม่ทันดาริกาที่ตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว “ใช่ค่ะ ฝรั่งคนนี้เป็นเพื่อนของหนูเอง รบกวนช่วยพาพวกเราไปตัวเมืองหาดใหญ่ด้วยนะคะ” อาแปะเกวียนเล่มแรกก็อุทานดังลั่น “เอ๊า! คุณหนูก็พูดภาษาสะ เอ้ย ไทยได้นี่ ได้เลยครับคุณหนู”
“ขอบคุณนะคะ” มาซาฮิโระช่วยดาริกาแบกสัมภาระขึ้นเกวียน จนกระทั่งดาริการวบกระโปรงและขึ้นไปนั่งบนเกวียน มาซาฮิโระหยิบธนบัตรจ านวนหนึ่งให้กับอาแปะเกวียนเล่มแรกและอธิบายกับเธอ “รถคันนี้แล่นไปถึงตัวเมืองหาดใหญ่นะ หาร้านขายกาแฟชื่อว่าแปะซาน่ะ ร้านนี้ผมกินเป็นประจ าเลย แปะซาเป็นคนน่ารัก ถ้าหาไม่เจอก็ถามชาวบ้านบริเวณนั้นได้เลย ส่วนเรื่องเข้าวังภิรมย์น่ะ ประเดี๋ยวผมจะโทรศัพท์แจ้งคุณชายราชิดให้ ผมรู้จักเขาอยู่ เขาเป็นนักการฑูตที่ดูสง่ามากเลย ผมกับเขาเจอกันที่ร้านแปะซา ตอนนั้นเขามากินปาท่องโก๋กับกาแฟข้างโต๊ะผมน่ะ ผมสนใจเขามาก เลยชวนคุยไปเรื่อยเปื่อย….” มาซาฮิโระเล่าบทสนทนาของตนต่อไป ดาริกายิ้มรับฟังอย่างสนใจ ผิดกับนิรันดร์ที่เคร่งเครียดเพราะยุ่งวุ่นวายเรื่องจัดกระเป๋ าไม่พอ ยังต้องมาตามหึงดาริกาแทนพี่ชาย ซ ้าร้ายโดนจับแยกจากดาริกาอีก “ขอบคุณค่ะ แล้วคุณไม่ไปกับเราหรือคะ?” มาซาฮิโระยิ้ม ตอบว่า “ไม่ครับ ผมมีภารกิจที่ต้องท าอยู่ที่นี่ ไว้เจอกันที่วังนะครับ ถ้าผมเสร็จธุระที่นี่แล้ว” “ค่ะ แล้วเจอกันนะคะ” เกวียนอาแปะนั้นก็ขับไปอย่างทุลักทุเล เพราะด้วยสภาพถนนรนแคมที่ยังไม่เจริญนัก ดาริกาหันหลังมาโบกมือหยอยไม่ต่างจากมาซาฮิโระ แต่นิรันดร์นั่งเกวียนอีกเล่ม กอดอกหน้าบึ้งตลอดทาง จนกระทั่งเกวียนสองเล่มขับเคลื่อนออกไปไกลลับตา