The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by , 2017-08-17 03:29:11

swu-ratchakitcha-59

swu-ratchakitcha-59

เล่ม ๑๓๓ ตอนท่ี ๓๓ ก หน้า ๑๐ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๙
ราชกิจจานุเบกษา



พระราชบัญญัติ

มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวโิ รฒ
พ.ศ. ๒๕๕๙

ภมู ิพลอดลุ ยเดช ป.ร.

ให้ไว้ ณ วนั ท่ี ๑๘ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๙
เปน็ ปีที่ ๗๑ ในรัชกาลปัจจุบนั

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ
ให้ประกาศว่า

โดยทเี่ ปน็ การสมควรปรบั ปรงุ กฎหมายว่าดว้ ยมหาวิทยาลัยศรีนครนิ ทรวิโรฒ
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติข้ึนไว้โดยคําแนะนําและยินยอมของ
สภานิติบญั ญัตแิ หง่ ชาติ ดังตอ่ ไปน้ี
มาตรา ๑ พระราชบัญญัติน้ีเรียกว่า “พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
พ.ศ. ๒๕๕๙”
มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกําหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศ
ในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓ ใหย้ กเลกิ พระราชบัญญตั ิมหาวิทยาลัยศรนี ครินทรวิโรฒ พ.ศ. ๒๕๔๑
มาตรา ๔ ในพระราชบัญญตั ิน้ี
“มหาวิทยาลยั ” หมายความวา่ มหาวิทยาลัยศรนี ครินทรวโิ รฒ
“วิทยาเขต” หมายความว่า เขตการศึกษาท่ีประกอบด้วยส่วนงานของมหาวิทยาลัยท่ีตั้งอยู่
ในเขตท้องท่ีตามทส่ี ภามหาวทิ ยาลยั กําหนด
“สภามหาวทิ ยาลัย” หมายความว่า สภามหาวิทยาลยั ศรีนครินทรวิโรฒ
“สภาวิชาการ” หมายความว่า สภาวชิ าการมหาวิทยาลยั ศรีนครนิ ทรวิโรฒ

เลม่ ๑๓๓ ตอนท่ี ๓๓ ก หนา้ ๑๑ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๙
ราชกจิ จานุเบกษา

“สภาคณาจารย์และพนักงาน” หมายความว่า สภาคณาจารย์และพนักงานมหาวทิ ยาลยั ศรนี ครินทรวโิ รฒ
“พนกั งานมหาวทิ ยาลัย” หมายความว่า พนกั งานมหาวิทยาลยั ศรีนครินทรวโิ รฒ
“ผู้ปฏิบัติงานในมหาวิทยาลัย” หมายความว่า พนักงานมหาวิทยาลัย ข้าราชการ ลูกจ้างของ
ส่วนราชการซึ่งปฏบิ ตั งิ านในมหาวิทยาลัย และลูกจา้ งของมหาวทิ ยาลยั
“รฐั มนตรี” หมายความวา่ รฐั มนตรีผรู้ กั ษาการตามพระราชบญั ญตั นิ ้ี
มาตรา ๕ ใหม้ หาวทิ ยาลยั ศรีนครนิ ทรวโิ รฒตามพระราชบัญญัติมหาวทิ ยาลัยศรีนครนิ ทรวิโรฒ
พ.ศ. ๒๕๔๑ เป็นมหาวทิ ยาลยั ศรีนครนิ ทรวิโรฒตามพระราชบญั ญตั ินี้ และเปน็ นิติบุคคล
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒมีฐานะเป็นหน่วยงานในกํากับของรัฐ ท่ีไม่เป็นส่วนราชการ
ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน กฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ
และกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม และไม่เป็นรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วย
วธิ ีการงบประมาณและกฎหมายอื่น
มาตรา ๖ ใหร้ ัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการรักษาการตามพระราชบัญญตั นิ ี้

หมวด ๑
บททว่ั ไป

มาตรา ๗ ให้มหาวิทยาลัยเป็นสถาบันทางวิชาการและวิชาชีพชั้นสูง มีวัตถุประสงค์
ในการสร้างองค์ความรู้ สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ และสร้างกระบวนการเรียนรู้ท่ีก่อให้เกิดปัญญา เพ่ือพัฒนา
สงั คมให้อยู่รว่ มกันอย่างสนั ตแิ ละมีดุลยภาพ มีพันธกิจต่อสังคมในการจัดการศึกษา ทําการวิจัย ให้บริการ
ทางวิชาการ และทะนุบํารุงศิลปะและวัฒนธรรม รวมถึงการสืบสาน และสร้างเสริมภูมิปัญญาให้เหมาะสม
กบั การเปล่ยี นแปลงทางสงั คม เศรษฐกิจ และการเมือง ดว้ ยวิทยาการความรูด้ า้ นสงั คมศาสตร์ มนุษยศาสตร์
วทิ ยาศาสตรส์ ุขภาพ และวทิ ยาศาสตร์เทคโนโลยี

มาตรา ๘ เพ่ือใหบ้ รรลุวัตถุประสงค์ตามมาตรา ๗ ให้มหาวิทยาลยั คํานงึ ถงึ
(๑) ความเสมอภาคในโอกาสทางการศึกษา
(๒) ความมีเสรภี าพทางวชิ าการและความเป็นเลิศทางวชิ าการควบคู่ไปกับคณุ ธรรมและจรยิ ธรรม
(๓) การเปน็ ชุมชนทางวิชาการและการใชอ้ งค์ความรู้เพ่อื ชน้ี ําสังคม
(๔) การมสี ว่ นรว่ มและมคี วามรบั ผิดชอบต่อรฐั และสงั คม
(๕) ความมปี ระสทิ ธภิ าพและประสิทธผิ ล ความโปรง่ ใส ความถูกตอ้ ง ความยุติธรรม ความน่าเช่ือถือ
และตรวจสอบได้
(๖) การมสี ว่ นรว่ มของผูป้ ฏิบตั ิงานในมหาวทิ ยาลัย
มาตรา ๙ มหาวทิ ยาลยั อาจแบ่งสว่ นงาน ดังตอ่ ไปนี้
(๑) สาํ นกั งานสภามหาวิทยาลยั

เลม่ ๑๓๓ ตอนที่ ๓๓ ก หน้า ๑๒ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๙
ราชกจิ จานุเบกษา

(๒) สํานกั งาน
(๓) คณะ
(๔) สถาบนั
(๕) สาํ นัก
มหาวิทยาลัยอาจให้มีส่วนงานท่ีเรียกชื่ออย่างอ่ืนที่มีฐานะเทียบเท่าสํานักงาน คณะ สถาบัน
หรือสาํ นัก เพื่อดําเนินการตามวตั ถปุ ระสงคต์ ามมาตรา ๗ อกี ได้
มาตรา ๑๐ การจัดตั้ง การรวม หรอื การยุบเลกิ ส่วนงานตามมาตรา ๙ ให้ทําเป็นประกาศของ
มหาวิทยาลัยและประกาศในราชกิจจานุเบกษา และในกรณีการจัดตั้งและการรวมส่วนงาน ให้กําหนดฐานะ
และภาระหนา้ ที่ของสว่ นงานน้นั ดว้ ย
การจัดตั้ง การรวม การแบ่ง หรือการยุบเลิกหน่วยงานภายในของส่วนงานตามมาตรา ๙
ให้ทําเป็นประกาศของมหาวิทยาลัย
มาตรา ๑๑ ภายใต้วัตถุประสงค์ตามมาตรา ๗ มหาวิทยาลัยอาจรับสถานศึกษาชั้นสูง
หรือสถาบันอ่ืนเข้าสมทบในมหาวิทยาลัยได้ และมีอํานาจให้ปริญญา อนุปริญญา หรือประกาศนียบัตร
ชนั้ หนง่ึ ชั้นใดแกผ่ สู้ าํ เร็จการศกึ ษาจากสถาบันสมทบนั้นได้
การรับเข้าสมทบหรือการยกเลิกการสมทบซ่ึงสถานศึกษาช้ันสูงหรือสถาบันอ่ืนตามวรรคหนึ่ง
ให้ทําเปน็ ประกาศของมหาวิทยาลัยและประกาศในราชกิจจานุเบกษา
การควบคุมสถานศึกษาช้ันสูงหรือสถาบันอ่ืนท่ีเข้าสมทบในมหาวิทยาลัย ให้เป็นไปตามข้อบังคับ
ของมหาวิทยาลยั
มาตรา ๑๒ ภายใต้วัตถุประสงค์ตามมาตรา ๗ มหาวิทยาลัยอาจจัดการศึกษาและดําเนินการวิจัย
ร่วมกับสถานศึกษาชั้นสูงหรือสถาบันวิจัยอื่นในประเทศหรือต่างประเทศหรือขององค์การระหว่างประเทศได้
โดยในการจัดการศึกษา มหาวิทยาลัยมีอํานาจให้ปริญญา อนุปริญญา หรือประกาศนียบัตรชั้นหนึ่งชั้นใด
ร่วมกับสถานศกึ ษาช้นั สูงนั้นแกผ่ ู้สาํ เรจ็ การศกึ ษาได้
การจดั การศึกษาหรือการยกเลิกการจัดการศึกษาตามวรรคหน่ึง ให้ทําเป็นประกาศของมหาวิทยาลัย
และประกาศในราชกิจจานุเบกษา
การดําเนนิ การตามวรรคหน่งึ ให้เปน็ ไปตามข้อบงั คับของมหาวิทยาลยั
มาตรา ๑๓ กิจการของมหาวิทยาลัยไม่อยู่ภายใต้บังคับแห่งกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน
และกฎหมายว่าดว้ ยแรงงานสัมพันธ์ แต่พนักงานมหาวิทยาลัยต้องได้รับการคุ้มครองและประโยชน์ตอบแทน
ไม่น้อยกวา่ ที่กาํ หนดไวใ้ นกฎหมายวา่ ดว้ ยการคุม้ ครองแรงงาน
มาตรา ๑๔ มหาวิทยาลัยมีอํานาจหน้าท่ีกระทําการต่าง ๆ ตามวัตถุประสงค์ท่ีระบุไว้ใน
มาตรา ๗ อาํ นาจหนา้ ท่ีเชน่ วา่ นี้ให้รวมถึง

เล่ม ๑๓๓ ตอนที่ ๓๓ ก หนา้ ๑๓ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๙
ราชกจิ จานุเบกษา

(๑) ซื้อ ขาย จ้าง รับจ้าง สร้าง จัดหา โอน รับโอน เช่า ให้เช่า เช่าซ้ือ ให้เช่าซื้อ แลกเปลี่ยน
และจําหน่าย หรือทํานิติกรรมใด ๆ เพ่ือประโยชน์แก่กิจการของมหาวิทยาลัย ตลอดจนถือกรรมสิทธ์ิ
มีสิทธิครอบครอง มีสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา หรือมีทรัพยสิทธิต่าง ๆ ในทรัพย์สินของมหาวิทยาลัย
และจําหน่ายทรัพย์สนิ ท้งั ภายในและภายนอกราชอาณาจักร ตลอดจนรบั เงนิ หรอื ทรัพยส์ นิ ท่มี ีผอู้ ทุ ศิ

การจาํ หนา่ ยหรอื แลกเปลย่ี นอสงั หาริมทรพั ยข์ องมหาวิทยาลัย ใหก้ ระทําได้เฉพาะอสงั หาริมทรัพย์
ที่ไดม้ าตามมาตรา ๑๗ ท่มี วี ัตถุประสงค์ให้จาํ หน่ายหรอื แลกเปลี่ยนได้

(๒) ดาํ เนนิ กิจการวิทยกุ ระจายเสยี ง วทิ ยุโทรทัศน์ กจิ การโทรคมนาคม หรือเทคโนโลยีสารสนเทศ
เพื่อประโยชน์ในการให้การศึกษาและบรกิ ารทางวิชาการ

(๓) รับค่าธรรมเนียม ค่าบํารุง ค่าตอบแทน เบี้ยปรับ และค่าบริการในการให้บริการภายใน
อาํ นาจหน้าท่ขี องมหาวทิ ยาลัย รวมทั้งทาํ ความตกลงและกําหนดเงื่อนไขเกี่ยวกับการน้ัน

(๔) ร่วมมือกับหน่วยงานของรัฐหรือเอกชน หรือกับองค์การหรือหน่วยงานต่างประเทศ
หรอื ระหว่างประเทศ

(๕) กู้ยืมเงินและให้กู้ยืมเงินโดยมีหลักประกันด้วยบุคคลหรือทรัพย์สิน ถือหุ้น เข้าเป็นหุ้นส่วน
และลงทุนหรือรว่ มลงทุน ทั้งน้ี เพือ่ ประโยชนแ์ ก่กิจการของมหาวิทยาลยั

การกู้ยืมเงิน การให้กู้ยืมเงิน การถือหุ้น การเข้าเป็นหุ้นส่วน การลงทุน หรือการร่วมลงทุน
ถา้ เป็นจาํ นวนเงนิ เกินวงเงนิ ทีร่ ัฐมนตรีกําหนดตอ้ งไดร้ ับความเห็นชอบของคณะรฐั มนตรีก่อน

(๖) ออกพนั ธบตั รหรือตราสารอ่นื ใดเพ่ือการลงทนุ โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
(๗) กําหนดค่าตอบแทนหรือค่าตอบแทนพิเศษ รวมท้ังสวัสดิการ สิทธิประโยชน์ และประโยชน์
อย่างอน่ื ให้แกผ่ ปู้ ฏิบัติงานในมหาวิทยาลยั ทงั้ นี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขท่ีกําหนดในข้อบังคับ
ของมหาวิทยาลยั
(๘) จัดให้มีกองทุนเพ่ือกิจการต่าง ๆ ตามวัตถุประสงค์ของมหาวิทยาลัย โดยการบริหารกองทุน
ใหเ้ ป็นไปตามข้อบงั คบั ของมหาวทิ ยาลยั
(๙) จดั ให้มที นุ การศึกษาและทุนการวจิ ยั ในสาขาวิชาตา่ ง ๆ
(๑๐) ปกครอง ดูแล บํารุงรักษา จัดการ ใช้ และจัดหาประโยชน์จากทรัพย์สินของมหาวิทยาลัย
และท่ีราชพัสดุตามกฎหมายว่าด้วยทร่ี าชพัสดุ
(๑๑) จัดตงั้ หรอื ร่วมกบั บคุ คลอ่นื ในการจัดตัง้ องค์กรท่ีเป็นนติ ิบคุ คล รวมตลอดถึงลงทุนหรอื ร่วมลงทนุ
กับบคุ คลหรอื นิตบิ คุ คลใด เพือ่ ดําเนนิ กิจการท่ีเกย่ี วกบั หรือต่อเนอื่ งกบั กจิ การของมหาวทิ ยาลัย หรือนําผล
การคน้ คว้าวิจัยไปเผยแพร่หรอื หาประโยชน์ เพื่อเป็นรายได้ของมหาวทิ ยาลัย
มาตรา ๑๕ รายได้ของมหาวทิ ยาลยั มีดงั ตอ่ ไปนี้
(๑) เงินอุดหนนุ ทว่ั ไปทร่ี ัฐบาลจดั สรรใหเ้ ป็นรายปี
(๒) เงนิ และทรัพย์สนิ ที่มีผอู้ ุทศิ ให้แกม่ หาวิทยาลยั

เล่ม ๑๓๓ ตอนที่ ๓๓ ก หนา้ ๑๔ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๙
ราชกิจจานุเบกษา

(๓) เงนิ กองทนุ ทร่ี ฐั บาลหรอื มหาวิทยาลัยจัดต้ังข้ึน และรายได้หรอื ผลประโยชนจ์ ากกองทุนดังกล่าว
(๔) ค่าธรรมเนยี ม คา่ บํารุง คา่ ตอบแทน เบย้ี ปรบั และคา่ บรกิ ารตา่ ง ๆ ของมหาวทิ ยาลัย
(๕) รายไดห้ รอื ผลประโยชนท์ ไ่ี ดจ้ ากการลงทนุ หรอื การรว่ มลงทุนและจากทรพั ย์สินของมหาวิทยาลัย
(๖) รายได้หรือผลประโยชน์ท่ีได้จากการใช้ที่ราชพัสดุ หรือจัดหาประโยชน์ในที่ราชพัสดุท่ี
มหาวทิ ยาลัยปกครอง ดูแล ใช้ หรอื จัดหาประโยชน์
(๗) รายไดห้ รือผลประโยชนอ์ ยา่ งอื่น
เงนิ อุดหนุนทั่วไปตาม (๑) น้ัน รัฐบาลพึงจัดสรรให้แก่มหาวิทยาลัยโดยตรง เป็นจํานวนท่ีเพียงพอ
สําหรับค่าใช้จ่ายท่ีจําเป็นในการดําเนินการตามวัตถุประสงค์ของมหาวิทยาลัยและการพัฒนามหาวิทยาลัย
เพื่อประกันคุณภาพการศกึ ษา
รายได้ของมหาวิทยาลัยไม่เป็นรายได้ที่ต้องนําส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินตามกฎหมายว่าด้วย
เงินคงคลงั กฎหมายว่าด้วยวธิ ีการงบประมาณ หรอื กฎหมายอืน่
ในกรณีท่ีรายได้ตามวรรคหน่ึงมีจํานวนไม่เพียงพอสําหรับค่าใช้จ่ายในการดําเนินการของมหาวิทยาลัย
และค่าภาระต่าง ๆ ท่ีเหมาะสม และมหาวิทยาลัยไม่สามารถหาเงินจากแหล่งอ่ืนได้ รัฐบาลพึงจัดสรร
เงนิ อดุ หนนุ ทัว่ ไปเพิ่มเติมใหแ้ ก่มหาวทิ ยาลัยตามความจาํ เปน็ ของมหาวทิ ยาลัย
ในกรณีท่ีรัฐบาลได้ปรับเงินเดือน เงินประจําตําแหน่ง ค่าตอบแทน หรือสิทธิประโยชน์อ่ืนใด
ให้แก่ข้าราชการ ให้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณในลักษณะเงินอุดหนุนทั่วไปเพิ่มเติมให้แก่มหาวิทยาลัย
ในสดั ส่วนเดยี วกนั เพื่อเป็นค่าใชจ้ า่ ยดังกลา่ วให้แก่พนักงานมหาวทิ ยาลัยดว้ ย
มาตรา ๑๖ มหาวทิ ยาลยั ต้องสง่ เสรมิ และสนับสนนุ ผู้ซ่ึงมหาวิทยาลัยรับเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัย
และนิสิตซ่งึ ขาดแคลนทุนทรัพย์อย่างแท้จริงใหม้ ีโอกาสเรียนจนสาํ เรจ็ ปริญญาตรี
หลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณาว่าผู้ใดขาดแคลนทุนทรัพย์อย่างแท้จริง ให้เป็นไปตามข้อบังคับ
ของมหาวทิ ยาลัย
มาตรา ๑๗ บรรดาอสงั หาริมทรพั ย์ท่ีมหาวิทยาลัยได้มาโดยมีผู้อุทิศ หรือซ้ือด้วยเงินรายได้
ของมหาวิทยาลยั หรอื แลกเปลย่ี นกบั ทรพั ย์สินของมหาวทิ ยาลยั หรือได้มาโดยวิธีอ่นื ไม่ถือเป็นท่ีราชพัสดุ
และให้เปน็ กรรมสทิ ธิข์ องมหาวิทยาลัย
มาตรา ๑๘ ทรัพย์สินของมหาวิทยาลัยที่ใช้เพื่อประโยชน์เก่ียวกับการศึกษา การวิจัย
การบริการทางวิชาการ และการทะนุบํารุงศิลปะและวัฒนธรรมโดยตรง ไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับ
คดีทั้งปวง และการบังคับทางปกครอง
บุคคลใดจะยกอายุความหรือระยะเวลาในการครอบครองขึ้นเป็นข้อต่อสู้กับมหาวิทยาลัยในเร่ือง
ทรัพย์สินของมหาวทิ ยาลยั มไิ ด้
มาตรา ๑๙ บรรดารายได้และทรัพย์สินของมหาวิทยาลัยต้องจัดการเพ่ือให้บรรลุวัตถุประสงค์
ของมหาวิทยาลัยตามมาตรา ๗

เล่ม ๑๓๓ ตอนท่ี ๓๓ ก หน้า ๑๕ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๙
ราชกจิ จานุเบกษา

เงินและทรัพย์สินท่ีมีผู้อุทิศให้แก่มหาวิทยาลัยต้องจัดการตามเงื่อนไขท่ีผู้อุทิศกําหนดไว้ แต่ถ้ามี
ความจําเป็นต้องเปล่ียนแปลงเงื่อนไขดังกล่าว ต้องได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากผู้อุทิศหรือทายาท
หากไม่มีทายาทหรือทายาทไมป่ รากฏ ต้องได้รบั อนุมัตจิ ากสภามหาวิทยาลัย

หมวด ๒
การดําเนินการ

มาตรา ๒๐ ใหม้ สี ภามหาวทิ ยาลัย ประกอบด้วย
(๑) นายกสภามหาวิทยาลยั ซง่ึ จะได้ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ แตง่ ตั้ง
(๒) กรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิจํานวนสิบห้าคน ซ่ึงจะได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
แตง่ ต้งั จากบคุ คลภายนอกมหาวิทยาลัย
(๓) อธกิ ารบดี
(๔) ประธานสภาคณาจารย์และพนกั งาน
(๕) กรรมการสภามหาวิทยาลยั จาํ นวนหน่ึงคนจากผซู้ ึ่งเป็นกรรมการสภาวิชาการ
(๖) กรรมการสภามหาวิทยาลัยจาํ นวนหน่งึ คนจากผูด้ ํารงตําแหน่งรองอธกิ ารบดี
(๗) กรรมการสภามหาวิทยาลัยจํานวนส่ีคนจากผู้ดํารงตําแหน่งคณบดีจํานวนสามคน และจาก
ผู้ดํารงตําแหน่งผู้อํานวยการสถาบัน ผู้อํานวยการสํานัก หรือหัวหน้าส่วนงานท่ีเรียกชื่ออย่างอ่ืนท่ีมีฐานะ
เทยี บเท่าสถาบนั หรอื สาํ นักจํานวนหนง่ึ คน
(๘) กรรมการสภามหาวทิ ยาลยั จาํ นวนสค่ี นจากคณาจารย์ประจํา และมิใช่ผู้ดํารงตําแหน่งตาม (๓)
(๔) (๕) (๖) และ (๗)
(๙) กรรมการสภามหาวิทยาลัยจํานวนหนึ่งคนจากผู้ดํารงตําแหน่งผู้อํานวยการสํานักงาน
สภามหาวทิ ยาลยั ผู้อํานวยการสํานักงาน หรอื หัวหน้าหน่วยงานภายใน และมิใช่ผู้ดํารงตําแหน่งตาม (๔)
และ (๕)
คุณสมบตั ิ หลกั เกณฑ์ และวิธีการสรรหานายกสภามหาวิทยาลัยและกรรมการสภามหาวิทยาลัย
ผู้ทรงคุณวุฒิตาม (๒) ให้เป็นไปตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย ทั้งนี้ ต้องสรรหากรรมการสภามหาวิทยาลัย
ผู้ทรงคุณวุฒิจากรายชอื่ ทีค่ ณะกรรมการการอุดมศกึ ษาเสนอจํานวนหนึ่งคน
คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ และวิธีการได้มาซึ่งกรรมการสภามหาวิทยาลัยตาม (๕) (๖) (๗) (๘) และ (๙)
ใหเ้ ปน็ ไปตามขอ้ บงั คบั ของมหาวิทยาลยั
ให้สภามหาวิทยาลัยเลือกกรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิคนหน่ึงเป็นอุปนายกสภามหาวิทยาลัย
และให้อุปนายกสภามหาวิทยาลัยทําหน้าที่แทนนายกสภามหาวิทยาลัย เมื่อนายกสภามหาวิทยาลัย
ไม่อาจปฏิบัติหน้าท่ีได้ หรือเม่ือไม่มีผู้ดํารงตําแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัย และในกรณีที่อุปนายก

เลม่ ๑๓๓ ตอนที่ ๓๓ ก หน้า ๑๖ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๙
ราชกจิ จานุเบกษา

สภามหาวิทยาลัยไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ หรือเมื่อไม่มีผู้ดํารงตําแหน่งอุปนายกสภามหาวิทยาลัย
ใหส้ ภามหาวทิ ยาลัยเลอื กกรรมการสภามหาวทิ ยาลยั ผู้ทรงคุณวฒุ ิคนหนึ่งทําหน้าทแ่ี ทนนายกสภามหาวทิ ยาลัย

ให้สภามหาวิทยาลัยแต่งตั้งรองอธิการบดีคนหน่ึงซึ่งมิใช่กรรมการสภามหาวิทยาลัยตาม (๖)
เป็นเลขานกุ ารสภามหาวิทยาลัย และจะใหม้ ผี ู้ช่วยเลขานุการดว้ ยกไ็ ด้

มาตรา ๒๑ ใหส้ าํ นกั งานสภามหาวทิ ยาลัยทําหน้าท่ดี า้ นบริหารและธรุ การของสภามหาวทิ ยาลัย
การบริหารงานสาํ นักงานสภามหาวทิ ยาลยั ใหเ้ ป็นไปตามข้อบงั คับของมหาวทิ ยาลยั
มาตรา ๒๒ นายกสภามหาวิทยาลัยและกรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ
ตามมาตรา ๒๐ (๒) มวี าระการดํารงตาํ แหน่งคราวละสี่ปี และจะทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ แตง่ ตง้ั ใหมอ่ กี ได้
กรรมการสภามหาวิทยาลัยตามมาตรา ๒๐ (๕) (๖) (๗) (๘) และ (๙) มีวาระการดํารงตําแหน่ง
คราวละส่ีปี และอาจได้รบั เลือกใหม่อีกได้
นอกจากการพ้นจากตําแหน่งตามวาระตามวรรคหน่ึงและวรรคสอง นายกสภามหาวิทยาลัย
และกรรมการสภามหาวทิ ยาลัยตามมาตรา ๒๐ (๒) (๕) (๖) (๗) (๘) และ (๙) พน้ จากตําแหนง่ เมอื่
(๑) ตาย
(๒) ลาออก
(๓) สภามหาวิทยาลัยมีมติให้ถอดถอนด้วยคะแนนเสียงเกินกว่าสองในสามของจํานวนกรรมการ
ที่มาประชุม
(๔) ขาดคุณสมบัติหรอื มีลกั ษณะตอ้ งห้ามของการเป็นกรรมการสภามหาวิทยาลยั ในประเภทน้ัน
(๕) ถูกจาํ คุกโดยคําพพิ ากษาถึงทส่ี ุดใหจ้ าํ คกุ
(๖) เปน็ บคุ คลล้มละลาย
(๗) เป็นคนไรค้ วามสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
ในกรณีที่ตําแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัยหรือกรรมการสภามหาวิทยาลัยว่างลงไม่ว่าด้วยเหตุใด
และยงั มไิ ดม้ ีการดําเนนิ การใหไ้ ดม้ าซ่ึงนายกสภามหาวิทยาลัยหรือกรรมการสภามหาวิทยาลัยแทนตําแหน่งท่ีว่าง
ให้สภามหาวทิ ยาลัยประกอบดว้ ยกรรมการสภามหาวทิ ยาลัยเท่าที่มอี ยู่
ในกรณีท่ีนายกสภามหาวิทยาลัยหรือกรรมการสภามหาวิทยาลัยพ้นจากตําแหน่งก่อนครบวาระ
และได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง หรือได้มีการดําเนินการให้ผู้ใดดํารงตําแหน่งแทนแล้ว ให้ผู้นั้น
อยู่ในตําแหน่งเพียงเท่ากับวาระท่ีเหลืออยู่ของผู้ซึ่งตนแทน แต่ถ้าวาระการดํารงตําแหน่งเหลืออยู่น้อยกว่า
เกา้ สบิ วนั จะไมด่ าํ เนนิ การใหม้ ีผู้ดํารงตาํ แหน่งแทนกไ็ ด้
ในกรณีที่นายกสภามหาวิทยาลัยหรือกรรมการสภามหาวิทยาลัยพ้นจากตําแหน่งตามวาระ
แต่ยังมไิ ดท้ รงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ แต่งตั้งนายกสภามหาวิทยาลัยหรือกรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ
หรือยังมิได้ดําเนินการให้ได้มาซ่ึงกรรมการสภามหาวิทยาลัยอื่นข้ึนใหม่ ให้นายกสภามหาวิทยาลัย กรรมการ
สภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ หรือกรรมการสภามหาวิทยาลัยอ่ืนซ่ึงพ้นจากตําแหน่งปฏิบัติหน้าท่ีต่อไป

เลม่ ๑๓๓ ตอนที่ ๓๓ ก หน้า ๑๗ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๙
ราชกจิ จานุเบกษา

จนกว่าจะได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกสภามหาวิทยาลัยหรือกรรมการสภามหาวิทยาลัย
ผทู้ รงคุณวฒุ ิ หรอื ได้มีการดาํ เนินการให้ไดม้ าซึง่ กรรมการสภามหาวทิ ยาลัยอ่นื ขนึ้ ใหมแ่ ลว้

มาตรา ๒๓ สภามหาวิทยาลัยมีอํานาจหน้าท่ีควบคุมดูแลกิจการท่ัวไปของมหาวิทยาลัย
อาํ นาจหน้าท่เี ช่นวา่ น้ใี ห้รวมถงึ

(๑) กาํ หนดนโยบายและแผนพฒั นาของมหาวิทยาลยั
(๒) ออกข้อบังคับ ระเบียบ และประกาศของมหาวิทยาลัยเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติงาน
ของมหาวิทยาลัย และอาจมอบหมายให้ส่วนงานใดในมหาวิทยาลัยเป็นผู้ออกข้อบังคับ ระเบียบ และประกาศ
สาํ หรับส่วนงานนน้ั เปน็ เรอ่ื ง ๆ ไปได้
(๓) ออกข้อบงั คับว่าดว้ ยการบริหารงานบคุ คลของมหาวทิ ยาลัย
(๔) ออกขอ้ บงั คับเกีย่ วกับการบรหิ าร การเงนิ การพสั ดุ และทรัพยส์ ินของมหาวทิ ยาลยั
(๕) อนุมตั กิ ารจัดตั้งและยุบเลิกวิทยาเขต
(๖) อนุมตั ิการจดั ต้ัง การรวม และการยุบเลิกส่วนงานของมหาวิทยาลัย รวมท้ังการแบ่งหน่วยงาน
ภายในของส่วนงานดังกลา่ ว
(๗) อนุมัติการรับเข้าสมทบ การจัดการศึกษาร่วม หรือการยกเลิกการสมทบ การยกเลิก
การจัดการศึกษารว่ มของสถานศกึ ษาช้ันสงู หรอื สถาบนั อน่ื
(๘) อนุมัติหลักสูตรการศึกษาและการเปิดสอน รวมทั้งการปรับปรุง การยุบรวม หรือการยกเลิก
หลักสตู รการศึกษา
(๙) อนุมัติการให้ปริญญา อนุปริญญา และประกาศนียบัตรช้ันหนึ่งช้ันใดทั้งของมหาวิทยาลัย
และที่มหาวิทยาลัยจัดการศึกษาร่วมกับสถานศึกษาชั้นสูงหรือสถาบันอ่ืน รวมท้ังอนุมัติการให้ปริญญา
กิตติมศกั ดิ์
(๑๐) พิจารณาดําเนินการเพ่ือทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง และพิจารณาถอดถอน
นายกสภามหาวทิ ยาลยั กรรมการสภามหาวิทยาลยั ผูท้ รงคณุ วุฒิ อธิการบดี ศาสตราจารย์ และศาสตราจารยพ์ เิ ศษ
(๑๑) แต่งต้ังและถอดถอนรองอธิการบดี คณบดี ผู้อํานวยการสถาบัน ผู้อํานวยการสํานัก
หัวหน้าส่วนงานท่ีเรียกช่ืออย่างอ่ืนท่ีมีฐานะเทียบเท่าสถาบันหรือสํานัก ศาสตราจารย์เกียรติคุณ
รองศาสตราจารย์ รองศาสตราจารยพ์ ิเศษ ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ผูช้ ว่ ยศาสตราจารย์พิเศษ ผู้ดํารงตําแหน่ง
ทางวชิ าการทีเ่ รียกชอ่ื อยา่ งอ่ืนตามมาตรา ๕๘ วรรคสาม และกรรมการสภาวิชาการ
(๑๒) ติดตามและประเมินผลการปฏิบัติหนา้ ทขี่ องอธิการบดีและหวั หนา้ ส่วนงานต่าง ๆ
(๑๓) กําหนดนโยบายและวธิ ีการเกยี่ วกับการจดั หารายได้ การจดั หาแหล่งทนุ และทรพั ยากรอน่ื
(๑๔) อนุมัตกิ ารกยู้ มื เงิน การให้กู้ยืมเงิน การถือหุ้น การเข้าเป็นหุ้นส่วน การลงทุน หรือการร่วมลงทุน
ตามมาตรา ๑๔ (๕)
(๑๕) อนมุ ัติการต้ังงบประมาณรายรบั และงบประมาณรายจ่ายของมหาวิทยาลัย

เลม่ ๑๓๓ ตอนท่ี ๓๓ ก หน้า ๑๘ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๙
ราชกจิ จานุเบกษา

(๑๖) อนุมัติการจัดตั้งหรือร่วมกับบุคคลอื่นในการจัดต้ังองค์กรท่ีเป็นนิติบุคคล หรือยกเลิกนิติบุคคล
ท่จี ดั ตั้งขนึ้ ตามมาตรา ๑๔ (๑๑)

(๑๗) รบั รองรายงานประจาํ ปีของมหาวิทยาลัย และเสนอรายงานนั้นต่อรัฐมนตรเี พือ่ ทราบ
(๑๘) แต่งตั้งคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ หรือบุคคลใดบุคคลหนึ่งเพื่อกระทําการใด ๆ
อันอยู่ในอํานาจหน้าที่ของสภามหาวิทยาลัย รวมทั้งมอบอํานาจให้คณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ
หรอื บคุ คลดงั กลา่ วทาํ การแทนแลว้ รายงานสภามหาวิทยาลัยเพื่อพิจารณาหรือเพ่อื ทราบ แล้วแต่กรณี
(๑๙) ปฏบิ ตั หิ น้าทีอ่ นื่ เก่ยี วกับกจิ การของมหาวิทยาลยั ท่ีมิได้ระบุใหเ้ ปน็ หน้าทีข่ องผู้ใดโดยเฉพาะ
มาตรา ๒๔ การประชุมและวิธีดําเนินงานของสภามหาวิทยาลัย ให้เป็นไปตามข้อบังคับ
ของมหาวิทยาลัย
มาตรา ๒๕ ให้มีคณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลยั ประกอบด้วย
(๑) อธิการบดี เป็นประธานกรรมการ
(๒) กรรมการโดยตําแหน่ง ได้แก่ รองอธกิ ารบดี คณบดี และประธานสภาคณาจารย์และพนกั งาน
(๓) กรรมการซงึ่ อธิการบดแี ต่งตง้ั จากผ้ดู ํารงตําแหน่งผ้อู าํ นวยการสํานักงาน ผู้อํานวยการสถาบัน
ผู้อํานวยการสาํ นัก หรือหัวหนา้ ส่วนงานทเ่ี รยี กชื่ออย่างอนื่ ที่มฐี านะเทียบเท่าสาํ นกั งาน สถาบนั หรอื สํานัก
ให้คณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัยแต่งต้ังรองอธิการบดีหรือผู้ช่วยอธิการบดีคนหน่ึงเป็นเลขานุการ
โดยคาํ แนะนําของอธกิ ารบดี
องค์ประกอบ จํานวน หลักเกณฑ์ วิธีการได้มา อํานาจหน้าที่ ตลอดจนการประชุมและวิธี
ดาํ เนินงานของคณะกรรมการบรหิ ารมหาวทิ ยาลัย ใหเ้ ป็นไปตามขอ้ บงั คับของมหาวิทยาลัย
มาตรา ๒๖ ให้มสี ภาวชิ าการ ประกอบดว้ ย ประธานกรรมการและกรรมการซ่ึงเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ
จากภายในและภายนอกมหาวทิ ยาลัย
จํานวน คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการได้มา วาระการดํารงตําแหน่ง และการพ้นจากตําแหน่ง
ของประธานกรรมการและกรรมการ อํานาจหน้าท่ี ตลอดจนการประชุมและวิธีดําเนินงานของสภาวิชาการ
ใหเ้ ปน็ ไปตามขอ้ บงั คบั ของมหาวิทยาลยั
มาตรา ๒๗ ให้มีสภาคณาจารย์และพนักงาน ประกอบด้วย ประธานกรรมการและกรรมการ
ซง่ึ เลือกจากผ้ปู ฏบิ ตั ิงานในมหาวทิ ยาลัย
จํานวน คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการได้มา วาระการดํารงตําแหน่ง และการพ้นจากตําแหน่ง
ของประธานกรรมการและกรรมการ ตลอดจนการประชุมและวิธีดําเนินงานของสภาคณาจารย์และพนักงาน
ให้เปน็ ไปตามขอ้ บังคบั ของมหาวทิ ยาลยั
มาตรา ๒๘ สภาคณาจารย์และพนักงานมีอาํ นาจหน้าที่ ดังตอ่ ไปน้ี
(๑) เสนอแนะและให้คําปรึกษาแก่สภามหาวิทยาลัยและอธิการบดีในการบริหารกิจการทั้งปวง
ของมหาวทิ ยาลัย

เล่ม ๑๓๓ ตอนท่ี ๓๓ ก หนา้ ๑๙ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๙
ราชกิจจานุเบกษา

(๒) ส่งเสรมิ จรรยาบรรณของคณาจารยแ์ ละผูป้ ฏิบตั ิงานในมหาวิทยาลยั
(๓) สรา้ งและส่งเสรมิ ความสามคั คขี องคณาจารย์และผูป้ ฏิบตั ิงานในมหาวิทยาลัย
(๔) ปฏิบัตหิ น้าท่อี ่นื ตามท่ีสภามหาวิทยาลัยหรอื อธกิ ารบดมี อบหมาย
มาตรา ๒๙ ให้มีอธิการบดีเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด และรับผิดชอบการบริหารงานของ
มหาวทิ ยาลัย และอาจมีรองอธิการบดีหรือผู้ช่วยอธิการบดี หรือจะมีท้ังรองอธิการบดีและผู้ช่วยอธิการบดี
ตามจาํ นวนทส่ี ภามหาวทิ ยาลยั กําหนด เพื่อทําหน้าท่ีและรบั ผดิ ชอบตามที่อธกิ ารบดีมอบหมายก็ได้
มาตรา ๓๐ อธิการบดีนั้น จะได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งโดยคําแนะนําของ
สภามหาวิทยาลัยจากผมู้ คี ณุ สมบัตแิ ละไมม่ ีลกั ษณะตอ้ งหา้ มตามมาตรา ๓๒
หลกั เกณฑแ์ ละวธิ ีการสรรหาอธกิ ารบดี ให้เป็นไปตามข้อบงั คบั ของมหาวทิ ยาลยั
รองอธิการบดีน้ัน ให้สภามหาวิทยาลัยแต่งต้ังโดยคําแนะนําของอธิการบดีจากผู้มีคุณสมบัติ
และไมม่ ลี ักษณะตอ้ งห้ามตามมาตรา ๓๓ วรรคหนึง่ วรรคสอง และวรรคส่ี
ผชู้ ว่ ยอธกิ ารบดีน้นั ให้อธกิ ารบดแี ต่งต้งั จากผมู้ ีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๓๓
วรรคสามและวรรคส่ี
มาตรา ๓๑ อธิการบดีมีวาระการดํารงตําแหน่งคราวละส่ีปี และจะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
แต่งตงั้ ใหมอ่ ีกได้ แต่จะดาํ รงตาํ แหนง่ เกินสองวาระตดิ ตอ่ กนั มิได้
เม่ืออธกิ ารบดพี น้ จากตาํ แหนง่ ใหร้ องอธิการบดีและผูช้ ่วยอธิการบดพี น้ จากตําแหนง่ ดว้ ย
นอกจากการพ้นจากตําแหนง่ ตามวาระ อธิการบดพี ้นจากตําแหน่งเม่อื
(๑) ตาย
(๒) ลาออก
(๓) สภามหาวทิ ยาลัยมีมตใิ ห้ถอดถอนดว้ ยคะแนนเสียงเกินกวา่ กึ่งหน่งึ ของจํานวนกรรมการทัง้ หมด
(๔) ขาดคณุ สมบตั หิ รือมีลกั ษณะต้องห้ามตามมาตรา ๓๒
(๕) ถกู จาํ คุกโดยคําพพิ ากษาถงึ ทส่ี ุดให้จาํ คกุ
(๖) เป็นบุคคลล้มละลาย
(๗) เป็นคนไร้ความสามารถหรอื คนเสมอื นไร้ความสามารถ
มาตรา ๓๒ อธิการบดีตอ้ งมคี ณุ สมบตั ิอยา่ งหนง่ึ อยา่ งใด ดังตอ่ ไปนี้
(๑) สําเร็จการศึกษาไม่ตํ่ากว่าชั้นปริญญาเอกหรือเทียบเท่าจากมหาวิทยาลัยหรือสถาบันอุดมศึกษาอ่ืน
ท่ีสภามหาวิทยาลัยรับรอง และได้ทําการสอนหรือมีประสบการณ์ด้านการบริหารมาแล้วไม่น้อยกว่าส่ีปี
ในมหาวิทยาลัยหรือสถาบันอดุ มศกึ ษาอ่นื ทสี่ ภามหาวิทยาลัยรบั รอง
(๒) สําเร็จการศึกษาระดับปริญญาช้ันหน่ึงช้ันใดหรือเทียบเท่าจากมหาวิทยาลัยหรือสถาบัน
อุดมศึกษาอ่ืนที่สภามหาวิทยาลัยรับรอง และมีประสบการณ์ด้านการบริหารตามหลักเกณฑ์ท่ีกําหนด
ในข้อบงั คบั ของมหาวทิ ยาลัยมาแลว้ ไม่นอ้ ยกวา่ แปดปี

เล่ม ๑๓๓ ตอนท่ี ๓๓ ก หนา้ ๒๐ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๙
ราชกจิ จานุเบกษา

(๓) สําเร็จการศึกษาระดับปริญญาช้ันหนึ่งช้ันใดหรือเทียบเท่าจากมหาวิทยาลัย หรือสถาบัน
อุดมศึกษาอื่นท่ีสภามหาวทิ ยาลยั รับรอง และดํารงตําแหนง่ หรอื เคยดํารงตาํ แหนง่ กรรมการสภามหาวิทยาลยั

(๔) ดํารงตาํ แหนง่ ศาสตราจารย์หรือศาสตราจารย์พเิ ศษ
นอกจากคุณสมบัติตามวรรคหน่ึง อธิการบดีต้องมีคุณสมบัติอื่นและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามท่ี
กาํ หนดในข้อบังคบั ของมหาวทิ ยาลัย
มาตรา ๓๓ รองอธิการบดีต้องสําเร็จการศึกษาระดับปริญญาชั้นหน่ึงชั้นใดหรือเทียบเท่า
จากมหาวทิ ยาลยั หรอื สถาบันอุดมศึกษาอน่ื ท่สี ภามหาวิทยาลัยรับรอง และได้ทําการสอนหรือมีประสบการณ์
ด้านการบรหิ ารมาแลว้ ไมน่ อ้ ยกว่าสปี่ ใี นมหาวิทยาลยั หรอื สถาบันอุดมศกึ ษาอนื่ ทีส่ ภามหาวิทยาลยั รับรอง
รองอธิการบดีอาจแต่งตั้งจากบคุ คลซึ่งมิได้เป็นผู้ปฏิบัติงานในมหาวิทยาลัยได้ โดยต้องสําเร็จการศึกษา
ระดับปริญญาช้นั หน่งึ ชั้นใดหรอื เทยี บเท่าจากมหาวิทยาลัยหรือสถาบันอดุ มศกึ ษาอื่นท่ีสภามหาวิทยาลัยรับรอง
และมีประสบการณ์ด้านการบริหารตามหลักเกณฑ์ที่กําหนดในข้อบังคับของมหาวิทยาลัยมาแล้ว
ไม่น้อยกว่าแปดปี แตต่ อ้ งมจี าํ นวนไม่เกนิ กึง่ หน่งึ ของจํานวนรองอธกิ ารบดี
ผู้ช่วยอธิการบดีต้องสําเร็จการศึกษาระดับปริญญาช้ันหน่ึงชั้นใดหรือเทียบเท่าจากมหาวิทยาลัย
หรอื สถาบนั อดุ มศกึ ษาอื่นที่สภามหาวทิ ยาลยั รบั รอง
นอกจากคุณสมบัติตามวรรคหนึ่ง วรรคสอง และวรรคสาม รองอธิการบดี และผู้ช่วยอธิการบดี
ต้องมีคณุ สมบตั ิอ่ืนและไม่มีลกั ษณะตอ้ งห้ามตามที่กําหนดในขอ้ บงั คบั ของมหาวิทยาลยั
มาตรา ๓๔ อธิการบดีเป็นผู้แทนของมหาวิทยาลัยในกิจการทั้งปวง และให้มีอํานาจหน้าที่
ดังต่อไปน้ี
(๑) บริหารกิจการของมหาวิทยาลัยให้เป็นไปตามกฎหมาย ข้อบังคับ ระเบียบ และประกาศ
รวมทงั้ นโยบายและวตั ถุประสงคข์ องมหาวิทยาลยั
(๒) บริหารงานบุคคล บริหารการเงิน การพัสดุ และทรัพย์สินอ่ืนของมหาวิทยาลัยให้เป็นไป
ตามกฎหมาย ข้อบังคบั ระเบียบ และประกาศของมหาวิทยาลัย
(๓) จัดหารายได้และทรัพยากรอื่นจากแหล่งต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการดําเนินภารกิจให้บรรลุ
วตั ถุประสงคข์ องมหาวทิ ยาลยั
(๔) จดั ทาํ งบประมาณรายรบั และงบประมาณรายจ่ายเพื่อเสนอตอ่ สภามหาวทิ ยาลัย
(๕) แต่งตั้งและถอดถอนผู้ช่วยอธิการบดี รองคณบดี รองผู้อํานวยการ รองหัวหน้าส่วนงาน
ทเี่ รยี กชือ่ อย่างอน่ื ทม่ี ีฐานะเทียบเท่าสถาบนั หรือสํานัก และอาจารย์พเิ ศษ
(๖) บรรจุ แต่งตั้ง ถอดถอน และดําเนินการทางวินัยแก่ผู้ปฏิบัติงานในมหาวิทยาลัย ตามข้อบังคับ
ของมหาวิทยาลยั
(๗) จัดทําแผนพัฒนามหาวิทยาลัย และดูแลให้มีการปฏิบัติตามนโยบายและแผนงาน รวมท้ัง
ติดตามและประเมินผลการดาํ เนนิ งานด้านตา่ ง ๆ ของมหาวิทยาลยั

เลม่ ๑๓๓ ตอนท่ี ๓๓ ก หนา้ ๒๑ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๙
ราชกิจจานุเบกษา

(๘) เสนอรายงานประจําปีเกยี่ วกับกจิ การด้านตา่ ง ๆ ของมหาวิทยาลัยตอ่ สภามหาวทิ ยาลยั
(๙) ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามกฎหมาย ข้อบังคับ ระเบียบ และประกาศของมหาวิทยาลัยหรือตามที่
สภามหาวทิ ยาลยั มอบหมาย
มาตรา ๓๕ ในกรณีที่อธิการบดีไม่อาจปฏิบัติหน้าท่ีได้ ให้รองอธิการบดีเป็นผู้รักษาการแทน
ถ้ามีรองอธิการบดีหลายคน ให้รองอธิการบดีซึ่งอธิการบดีมอบหมายเป็นผู้รักษาการแทน ถ้าอธิการบดี
มไิ ด้มอบหมาย ให้รองอธกิ ารบดซี ่ึงมอี าวุโสสูงสุดตามหลกั เกณฑ์ที่สภามหาวิทยาลัยกําหนดเปน็ ผรู้ ักษาการแทน
ในกรณีท่ีไม่มีผู้ดํารงตําแหน่งอธิการบดี หรือไม่มีผู้รักษาการแทนอธิการบดีตามวรรคหน่ึง หรือ
มีแต่ไม่อาจปฏิบัติหน้าท่ีได้ ให้สภามหาวิทยาลัยแต่งตั้งผู้มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๓๒
เปน็ ผรู้ กั ษาการแทน
มาตรา ๓๖ ในคณะหรือส่วนงานที่เรียกช่ืออย่างอ่ืนท่ีมีฐานะเทียบเท่าคณะ ท่ีจัดการเรียน
การสอน ใหม้ ีคณบดคี นหนึ่งเปน็ ผบู้ งั คับบญั ชา และรับผิดชอบการบริหารงานของสว่ นงานนั้น และจะให้มี
รองคณบดตี ามจาํ นวนท่ีสภามหาวทิ ยาลยั กําหนดเพือ่ ทําหน้าที่และรบั ผิดชอบตามทีค่ ณบดีมอบหมายกไ็ ด้
คณบดีมีวาระการดํารงตําแหน่งคราวละส่ีปี และอาจได้รับแต่งต้ังใหม่อีกได้ แต่จะดํารงตําแหน่ง
เกินสองวาระติดตอ่ กนั มิได้
คณบดีนั้น ให้สภามหาวิทยาลัยแต่งต้ังจากผู้มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๓๗
วรรคหนง่ึ และวรรคสาม
รองคณบดีน้ัน ให้อธิการบดีแต่งต้ังโดยคําแนะนําของคณบดีจากผู้มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะ
ตอ้ งห้ามตามมาตรา ๓๗
หลกั เกณฑ์ วิธกี ารแตง่ ต้ัง และการพน้ จากตาํ แหน่งของคณบดีและรองคณบดี ให้เป็นไปตามข้อบังคับ
ของมหาวทิ ยาลยั
เม่อื คณบดีพ้นจากตําแหน่ง ให้รองคณบดพี ้นจากตําแหนง่ ด้วย
มาตรา ๓๗ คณบดแี ละรองคณบดตี ้องมีคณุ สมบัตอิ ย่างหน่งึ อย่างใด ดงั ตอ่ ไปน้ี
(๑) สาํ เรจ็ การศกึ ษาไม่ตํา่ กว่าชนั้ ปริญญาเอกหรือเทียบเท่าจากมหาวิทยาลัยหรือสถาบันอุดมศึกษาอื่น
ท่ีสภามหาวิทยาลัยรับรอง และได้ทําการสอนมาแล้วไม่น้อยกว่าสองปีในมหาวิทยาลัยหรือสถาบันอุดมศึกษาอื่น
ท่ีสภามหาวิทยาลัยรบั รอง
(๒) สําเร็จการศึกษาระดับปริญญาช้ันหนึ่งชั้นใดหรือเทียบเท่าจากมหาวิทยาลัยหรือสถาบัน
อุดมศึกษาอ่ืนท่ีสภามหาวิทยาลัยรับรอง และได้ทําการสอนมาแล้วไม่น้อยกว่าส่ีปีในมหาวิทยาลัย
หรอื สถาบันอุดมศกึ ษาอ่ืนที่สภามหาวิทยาลัยรบั รอง
รองคณบดีอาจแต่งตั้งจากบุคคลซึ่งมิได้เป็นผู้ปฏิบัติงานในมหาวิทยาลัยได้ โดยต้องสําเร็จ
การศึกษาระดับปริญญาช้ันหน่ึงช้ันใดหรือเทียบเท่าจากมหาวิทยาลัยหรือสถาบันอุดมศึกษาอ่ืนที่สภามหาวิทยาลัย
รับรอง และมีประสบการณ์ด้านการบริหารตามหลักเกณฑ์ที่กําหนดในข้อบังคับของมหาวิทยาลัยมาแล้ว
ไม่น้อยกวา่ สปี่ ี แตต่ ้องมจี าํ นวนไมเ่ กินหนง่ึ ในสามของจํานวนรองคณบดี

เลม่ ๑๓๓ ตอนที่ ๓๓ ก หน้า ๒๒ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๙
ราชกจิ จานุเบกษา

นอกจากคุณสมบัติตามวรรคหน่ึงและวรรคสอง คณบดีและรองคณบดีต้องมีคุณสมบัติอ่ืนและไม่มี
ลกั ษณะต้องหา้ มตามทก่ี าํ หนดในข้อบงั คบั ของมหาวทิ ยาลยั

มาตรา ๓๘ ในคณะหรือส่วนงานที่เรียกช่ืออย่างอ่ืนท่ีมีฐานะเทียบเท่าคณะ ที่จัดการเรียน
การสอน ให้มคี ณะกรรมการประจําส่วนงานนั้น ประกอบด้วย คณบดีเป็นประธานกรรมการและกรรมการอ่ืนอีก
จาํ นวนหน่งึ

องค์ประกอบ จํานวน คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการได้มา วาระการดํารงตําแหน่ง และการพ้นจาก
ตําแหน่งของกรรมการ อํานาจหน้าที่ ตลอดจนการประชุมและวิธีดําเนินงานของคณะกรรมการประจําคณะ
หรือส่วนงานท่ีเรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะ ท่ีจัดการเรียนการสอน ให้เป็นไปตามข้อบังคับ
ของมหาวทิ ยาลยั

มาตรา ๓๙ ในสถาบัน สํานัก หรือส่วนงานท่ีเรียกชื่ออย่างอ่ืนท่ีมีฐานะเทียบเท่าสถาบัน
หรือสํานัก ท่ีไม่ได้จัดการเรียนการสอน ให้มีผู้อํานวยการหรือหัวหน้าส่วนงานคนหนึ่ง เป็นผู้บังคับบัญชา
และรับผิดชอบการบริหารงานของส่วนงานน้ัน และจะให้มีรองผู้อํานวยการหรือรองหัวหน้าส่วนงาน
ตามจํานวนทีส่ ภามหาวิทยาลัยกําหนดเพื่อทําหน้าท่ีและรับผิดชอบตามท่ีผู้อํานวยการหรือหัวหน้าส่วนงาน
มอบหมายก็ได้

ผู้อํานวยการหรือหัวหน้าส่วนงานตามวรรคหน่ึง มีวาระการดํารงตําแหน่งคราวละสี่ปี และ
อาจไดร้ ับแต่งตงั้ ใหม่อีกได้ แต่จะดํารงตําแหน่งเกินสองวาระติดตอ่ กันมไิ ด้

คณุ สมบัติ หลกั เกณฑ์ วิธีการแต่งตง้ั และการพน้ จากตําแหน่งของผู้อํานวยการหรือหัวหน้าส่วนงาน
และรองผอู้ ํานวยการหรอื รองหัวหน้าสว่ นงาน ให้เป็นไปตามขอ้ บังคบั ของมหาวทิ ยาลัย

เมื่อผู้อาํ นวยการหรือหัวหน้าส่วนงานพ้นจากตําแหน่ง ให้รองผู้อํานวยการหรือรองหัวหน้าส่วนงาน
พ้นจากตําแหน่งด้วย

มาตรา ๔๐ ในสถาบัน สํานัก หรือส่วนงานท่ีเรียกชื่ออย่างอ่ืนที่มีฐานะเทียบเท่าสถาบัน
หรือสํานัก ที่ไม่ได้จัดการเรียนการสอน อาจให้มีคณะกรรมการประจําส่วนงานน้ัน ประกอบด้วย
ผู้อํานวยการสถาบัน ผู้อํานวยการสํานัก หรือหัวหน้าส่วนงานที่เรียกช่ืออย่างอ่ืนท่ีมีฐานะเทียบเท่าสถาบัน
หรอื สาํ นัก ที่ไม่ได้จดั การเรียนการสอน เป็นประธานกรรมการและกรรมการอน่ื อกี จาํ นวนหน่ึง

องค์ประกอบ จํานวน คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการได้มา วาระการดํารงตําแหน่ง และการพ้นจาก
ตําแหน่งของกรรมการ อํานาจหน้าที่ ตลอดจนการประชุมและวิธีดําเนินงานของคณะกรรมการประจํา
สถาบนั สาํ นกั หรือสว่ นงานท่ีเรยี กช่ืออย่างอ่ืนท่ีมีฐานะเทียบเท่าสถาบันหรือสํานัก ที่ไม่ได้จัดการเรียนการสอน
ใหเ้ ปน็ ไปตามข้อบงั คบั ของมหาวิทยาลัย

มาตรา ๔๑ ในสํานักงานสภามหาวิทยาลัยหรือสํานักงาน ให้มีผู้อํานวยการคนหนึ่งเป็น
ผบู้ งั คับบัญชาและรบั ผดิ ชอบการบริหารงานของสว่ นงานน้ัน

คุณสมบตั ิ หลกั เกณฑ์ วธิ กี ารไดม้ า และอํานาจหน้าที่ของผู้อํานวยการสํานักงานสภามหาวิทยาลัย
หรือสํานกั งาน ใหเ้ ป็นไปตามข้อบังคบั ของมหาวิทยาลัย

เลม่ ๑๓๓ ตอนท่ี ๓๓ ก หนา้ ๒๓ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๙
ราชกิจจานุเบกษา

มาตรา ๔๒ ผู้ดํารงตําแหน่งอธิการบดี รองอธิการบดี คณบดี ผู้อํานวยการสถาบัน
ผู้อํานวยการสาํ นกั และหวั หนา้ ส่วนงานทเี่ รียกชอ่ื อย่างอ่นื ท่ีมีฐานะเทียบเท่าสถาบันหรือสํานัก ต้องปฏิบัติ
หนา้ ทไี่ ด้เตม็ เวลา และจะดาํ รงตําแหน่งดงั กลา่ วเกินหนึง่ ตําแหนง่ ในขณะเดยี วกันมไิ ด้

ผู้ดํารงตําแหน่งตามวรรคหน่ึงอยู่หน่ึงตําแหน่งแล้ว ให้รักษาการแทนตําแหน่งอ่ืนได้อีกเพียง
หนงึ่ ตาํ แหน่ง แต่ต้องไมเ่ กินหนึง่ ร้อยแปดสิบวนั

มาตรา ๔๓ เพื่อประโยชน์ในการบริหารงานในสํานักงานสภามหาวิทยาลัย สํานักงาน คณะ
สถาบัน สํานัก หรือส่วนงานท่ีเรียกชื่ออย่างอื่นท่ีมีฐานะเทียบเท่าสํานักงาน คณะ สถาบัน หรือสํานัก
อธิการบดีจะมอบอํานาจให้ผู้ดํารงตําแหน่งคณบดี ผู้อํานวยการ หรือหัวหน้าส่วนงานดังกล่าว ปฏิบัติหน้าท่ี
แทนอธกิ ารบดเี ฉพาะในสว่ นงานน้ันก็ได้

คณบดี ผู้อํานวยการ หรือหัวหน้าส่วนงานซึ่งได้รับมอบอํานาจจากอธิการบดีอาจมอบอํานาจต่อ
ให้รองคณบดี รองผู้อํานวยการ หรือรองหัวหน้าส่วนงานน้ันปฏิบัติหน้าที่ท่ีรับมอบอํานาจมานั้นแทนได้
เม่ือได้รับความเห็นชอบจากอธิการบดี และให้ผู้รับมอบอํานาจหรือผู้รับมอบอํานาจต่อมีอํานาจหน้าที่ตามที่
อธิการบดกี ําหนด

มาตรา ๔๔ นอกจากท่ีบัญญัติไว้แล้วในพระราชบัญญัติน้ี การรักษาการแทน การมอบอํานาจ
ใหป้ ฏบิ ัติการแทน ตลอดจนการมอบอํานาจช่วงให้ปฏิบตั กิ ารแทนของผู้ดํารงตําแหน่งต่าง ๆ ในมหาวิทยาลัย
ให้เป็นไปตามข้อบังคบั ของมหาวิทยาลยั

ในกรณีที่มีกฎหมาย ข้อบังคับ ระเบียบ คําส่ัง หรือมติคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งหรือกําหนด
ให้ผู้ดํารงตําแหน่งใดเป็นกรรมการ อนุกรรมการ หรือมีอํานาจหน้าที่อย่างใด ให้ผู้รักษาการแทนหรือ
ผู้ปฏิบัติการแทนทําหน้าท่ีกรรมการ อนุกรรมการ หรือมีอํานาจหน้าท่ีเช่นเดียวกับผู้ดํารงตําแหน่งนั้น
ในระหว่างที่รักษาการแทนหรือปฏิบัติการแทนด้วย แล้วแต่กรณี เว้นแต่ผู้มอบอํานาจจะกําหนดไว้
เป็นอย่างอ่นื ในคําสั่งมอบอาํ นาจ

หมวด ๓
การประกันคุณภาพและการประเมิน

มาตรา ๔๕ ให้มหาวิทยาลัยจัดให้มีการประกันคุณภาพการศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพ
และมาตรฐานการศกึ ษาของมหาวทิ ยาลัย

ระบบ หลักเกณฑ์ และวธิ ีการประกันคุณภาพการศึกษา ใหเ้ ป็นไปตามขอ้ บงั คับของมหาวิทยาลยั
มาตรา ๔๖ ให้มหาวิทยาลัยจัดให้มีการประเมินส่วนงานของมหาวิทยาลัย เพ่ือพัฒนา
คณุ ภาพและมาตรฐานการศกึ ษาของมหาวทิ ยาลัย
ระบบ หลักเกณฑ์ และวิธีการประเมินส่วนงานของมหาวิทยาลัย ให้เป็นไปตามข้อบังคับ
ของมหาวิทยาลยั

เล่ม ๑๓๓ ตอนท่ี ๓๓ ก หนา้ ๒๔ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๙
ราชกิจจานุเบกษา

มาตรา ๔๗ ให้สภาวิชาการจัดให้มีการประเมินหลักสูตรการศึกษา การเรียนการสอน
และการวัดผลตามหลักสูตรน้ัน ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และระยะเวลาที่สภามหาวิทยาลัยกําหนดแล้วเสนอ
สภามหาวิทยาลยั พิจารณา

มาตรา ๔๘ ให้สภามหาวิทยาลัยจัดให้มีการประเมินผลการปฏิบัติหน้าท่ีของอธิการบดี
และหวั หนา้ สว่ นงานต่าง ๆ ตามหลกั เกณฑ์ วธิ ีการ และระยะเวลาท่ีกาํ หนดในขอ้ บังคับของมหาวิทยาลัย

มาตรา ๔๙ ให้อธิการบดีจัดให้มีการประเมินผลการปฏิบัติงานของผู้ปฏิบัติงานในมหาวิทยาลัย
ตามหลกั เกณฑ์ วิธีการ และระยะเวลาท่กี าํ หนดในข้อบงั คบั ของมหาวิทยาลยั

หมวด ๔
การบัญชแี ละการตรวจสอบ

มาตรา ๕๐ ให้มหาวิทยาลัยวางและรักษาไว้ซึ่งระบบบัญชีอันถูกต้อง แยกตามส่วนงาน
ของมหาวิทยาลัย เป็นไปตามหลักการควบคุมภายในท่ีดี มีสมุดบัญชีลงรายการแยกตามประเภทของสินทรัพย์
หน้ีสิน ทุน รายได้ และค่าใช้จ่ายตามความเป็นจริง พร้อมด้วยข้อความอันเป็นท่ีมาของรายการนั้น ๆ
และให้มกี ารตรวจสอบบัญชภี ายในเป็นประจํา

การบนั ทกึ รายการในสมุดบญั ชตี ามวรรคหนง่ึ ใหเ้ ปน็ ไปตามมาตรฐานการบัญชที ร่ี บั รองทวั่ ไป
มาตรา ๕๑ ให้มหาวิทยาลัยจัดทํางบการเงินและบัญชีรายรับและรายจ่ายส่งผู้สอบบัญชี
ของมหาวิทยาลยั ภายในเกา้ สบิ วันนบั แตว่ ันสิน้ ปบี ัญชี
วันเรม่ิ และวนั ส้ินปีบัญชขี องมหาวิทยาลยั ให้เป็นไปตามประกาศของมหาวทิ ยาลยั
มาตรา ๕๒ ให้สํานักงานการตรวจเงินแผ่นดินหรือบุคคลภายนอกซึ่งสภามหาวิทยาลัย
แตง่ ตั้งโดยความเห็นชอบของสํานักงานการตรวจเงินแผ่นดิน เป็นผู้สอบบัญชีของมหาวิทยาลัย และให้ทํา
การตรวจสอบรบั รองบญั ชีและการเงินทกุ ประเภทของมหาวิทยาลัยทกุ รอบปบี ัญชี
มาตรา ๕๓ ให้ผู้สอบบัญชีมีอํานาจตรวจสอบสรรพสมุดบัญชีและเอกสารหลักฐานต่าง ๆ
ที่เก่ียวข้องของมหาวิทยาลัย เพื่อการน้ีให้มีอํานาจสอบถามอธิการบดีและผู้ปฏิบัติงานในมหาวิทยาลัย
และเรียกให้ส่งสรรพสมุดบัญชีและเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ท่ีเก่ียวข้องของมหาวิทยาลัยเป็นการเพ่ิมเติมได้
ตามความจําเป็น
มาตรา ๕๔ ใหผ้ ู้สอบบญั ชจี ดั ทาํ รายงานผลการสอบบัญชีและการเงินเสนอต่อสภามหาวิทยาลัย
ภายในหนึ่งร้อยห้าสบิ วันนบั แตว่ ันสนิ้ ปีบญั ชี เพ่อื ใหส้ ภามหาวทิ ยาลยั เสนอต่อรัฐมนตรี
ให้มหาวิทยาลัยเผยแพร่รายงานประจําปีของปีท่ีส้ินไปนั้น แสดงบัญชีงบดุล บัญชีทําการ
และบัญชรี ายรบั และรายจ่ายท่ีผู้สอบบัญชีรับรองแล้ว พร้อมทั้งแสดงผลงานของมหาวิทยาลัยในปีที่ล่วงมา
และแผนงานที่จะจดั ทาํ ในปีตอ่ ไปภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวนั นับแตว่ ันสิน้ ปีบัญชี

เล่ม ๑๓๓ ตอนที่ ๓๓ ก หน้า ๒๕ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๙
ราชกิจจานุเบกษา

มาตรา ๕๕ ให้อธิการบดีเป็นผู้ดํารงตําแหน่งระดับสูงตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ
ว่าดว้ ยการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริต

หมวด ๕
การกํากับและดูแล

มาตรา ๕๖ รัฐมนตรีมีอํานาจหน้าท่ีกํากับและดูแลโดยท่ัวไปซึ่งกิจการของมหาวิทยาลัย
ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ในมาตรา ๗ และให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลหรือมติคณะรัฐมนตรี
ท่ีเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยเป็นการเฉพาะ ในกรณีที่มีปัญหาข้อขัดแย้งในการดําเนินกิจการของมหาวิทยาลัย
ซ่ึงอาจเกิดความเสียหายต่อส่วนรวม ให้รัฐมนตรีเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา เม่ือคณะรัฐมนตรีวินิจฉัย
เปน็ ประการใดแลว้ ให้ผู้เกยี่ วขอ้ งมหี นา้ ท่ตี ้องปฏิบตั ติ ามคําวินิจฉัยของคณะรัฐมนตรี

มาตรา ๕๗ บรรดาเร่ืองท่ีมหาวิทยาลัยจะต้องเสนอไปยังคณะรัฐมนตรีตามพระราชบัญญัติน้ี
ให้รฐั มนตรีเปน็ ผู้เสนอ

หมวด ๖
ตาํ แหนง่ ทางวิชาการ

มาตรา ๕๘ คณาจารย์ประจําของมหาวิทยาลัยมตี าํ แหนง่ ทางวิชาการ ดงั ตอ่ ไปนี้
(๑) ศาสตราจารย์
(๒) รองศาสตราจารย์
(๓) ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์
(๔) อาจารย์
ศาสตราจารย์นนั้ จะไดท้ รงพระกรณุ าโปรดเกล้าฯ แตง่ ต้ังโดยคําแนะนาํ ของสภามหาวิทยาลัย
สภามหาวิทยาลัยอาจกําหนดให้มีตําแหน่งทางวิชาการท่ีเรียกช่ืออย่างอ่ืนได้โดยทําเป็นประกาศ
ของมหาวิทยาลยั และประกาศในราชกจิ จานุเบกษา
คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ และวิธีการแต่งต้ังและถอดถอนผู้ดํารงตําแหน่งทางวิชาการ ให้เป็นไป
ตามขอ้ บงั คบั ของมหาวทิ ยาลัย
มาตรา ๕๙ ศาสตราจารย์ซึ่งมีความรู้ความสามารถและความชํานาญเป็นพิเศษและ
พ้นจากตําแหน่งไปโดยไม่มีความผิด สภามหาวิทยาลัยอาจแต่งตั้งให้เป็นศาสตราจารย์เกียรติคุณในสาขาวิชา
ทศ่ี าสตราจารย์ผนู้ ้นั มคี วามเชยี่ วชาญเพอื่ เป็นเกียรตยิ ศได้

เลม่ ๑๓๓ ตอนที่ ๓๓ ก หน้า ๒๖ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๙
ราชกิจจานุเบกษา

คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ และวิธีการแต่งต้ังและถอดถอนศาสตราจารย์เกียรติคุณ ให้เป็นไป

ตามข้อบงั คบั ของมหาวิทยาลัย

มาตรา ๖๐ ศาสตราจารย์พิเศษนั้น จะได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งจากผู้ซ่ึงมิได้เป็น

ผปู้ ฏบิ ตั ิงานในมหาวทิ ยาลัยโดยคําแนะนําของสภามหาวิทยาลัย

คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ และวิธีการแต่งต้ังและถอดถอนศาสตราจารย์พิเศษ ให้เป็นไปตามข้อบังคับ

ของมหาวทิ ยาลัย

มาตรา ๖๑ สภามหาวิทยาลยั อาจแตง่ ตั้งผ้ซู ึง่ มคี ุณสมบัติเหมาะสมและมิได้เป็นผู้ปฏิบัติงาน

ในมหาวทิ ยาลัยเปน็ รองศาสตราจารยพ์ ิเศษหรอื ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์พเิ ศษได้ โดยคาํ แนะนําของสภาวิชาการ

อธิการบดีอาจแต่งต้ังผู้ซ่ึงมีคุณสมบัติเหมาะสมและมิได้เป็นคณาจารย์ประจําของมหาวิทยาลัย

เป็นอาจารยพ์ เิ ศษได้ โดยคาํ แนะนําของคณบดี

คณุ สมบัติ หลักเกณฑ์ และวธิ กี ารแตง่ ตั้งและถอดถอนรองศาสตราจารย์พิเศษ ผู้ช่วยศาสตราจารย์พิเศษ

และอาจารย์พเิ ศษ ใหเ้ ปน็ ไปตามขอ้ บงั คบั ของมหาวิทยาลัย

มาตรา ๖๒ บุคคลซ่ึงได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งต้ังให้ดํารงตําแหน่งศาสตราจารย์

ศาสตราจารย์พิเศษ หรือได้รับแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งศาสตราจารย์เกียรติคุณ รองศาสตราจารย์

รองศาสตราจารย์พิเศษ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ หรือผู้ช่วยศาสตราจารย์พิเศษ ตามพระราชบัญญัติน้ี

ให้มสี ทิ ธใิ ชต้ ําแหน่งทางวชิ าการดังกลา่ วเป็นคํานาํ หน้านาม เพ่ือแสดงวิทยฐานะได้ตลอดไป

การใช้คาํ นําหนา้ นามตามความในวรรคหนง่ึ ให้ใชอ้ กั ษรยอ่ ดงั ต่อไปน้ี

(๑) ศาสตราจารย์ ใช้อกั ษรยอ่ ศ.

(๒) ศาสตราจารย์เกยี รติคุณ ใชอ้ ักษรยอ่ ศ. (เกียรตคิ ุณ)

(๓) ศาสตราจารย์พิเศษ ใชอ้ ักษรย่อ ศ. (พเิ ศษ)

(๔) รองศาสตราจารย์ ใช้อักษรยอ่ รศ.

(๕) รองศาสตราจารย์พเิ ศษ ใชอ้ ักษรย่อ รศ. (พิเศษ)

(๖) ผ้ชู ว่ ยศาสตราจารย์ ใชอ้ กั ษรย่อ ผศ.

(๗) ผู้ช่วยศาสตราจารยพ์ ิเศษ ใช้อักษรย่อ ผศ. (พิเศษ)

การใช้คํานําหน้านามและการใช้อักษรย่อคํานําหน้านามสําหรับตําแหน่งทางวิชาการที่เรียกช่ือ

อย่างอ่ืน ใหเ้ ปน็ ไปตามข้อบังคับของมหาวิทยาลยั

มาตรา ๖๓ สภามหาวิทยาลัยอาจกําหนดให้มีตําแหน่งสําหรับพนักงานมหาวิทยาลัยซึ่งมิใช่

คณาจารย์ประจํา และเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ และมีผลงานในหน้าท่ีที่แสดงถึง

การใชว้ ชิ าชพี หรอื ระดบั ความสามารถได้

คณุ สมบตั ิ หลักเกณฑ์การกาํ หนดตาํ แหน่ง วิธีการแต่งตั้ง และถอดถอนผู้ดํารงตําแหน่งตามวรรคหน่ึง

ให้เปน็ ไปตามขอ้ บงั คบั ของมหาวทิ ยาลยั

เล่ม ๑๓๓ ตอนท่ี ๓๓ ก หน้า ๒๗ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๙
ราชกจิ จานุเบกษา

หมวด ๗
ปรญิ ญาและเคร่อื งหมายวทิ ยฐานะ

มาตรา ๖๔ ปริญญามสี ามชนั้ คอื

ปริญญาเอก เรยี กว่า ดษุ ฎีบณั ฑติ ใช้อกั ษรย่อ ด.

ปรญิ ญาโท เรียกวา่ มหาบณั ฑิต ใชอ้ ักษรยอ่ ม.

ปรญิ ญาตรี เรียกวา่ บัณฑติ ใช้อักษรยอ่ บ.

มาตรา ๖๕ มหาวทิ ยาลัยมอี าํ นาจให้ปริญญา อนุปริญญา หรือประกาศนียบัตรช้ันหน่ึงชั้นใด

ในสาขาวิชาท่ีมีการสอนในมหาวิทยาลัย และให้หรือร่วมให้ปริญญา อนุปริญญา หรือประกาศนียบัตร

ชั้นหน่ึงช้ันใดในสาขาวิชาที่มีการจัดการศึกษาร่วมกับสถานศึกษาชั้นสูงหรือสถาบันวิจัยอื่นในประเทศ

หรอื ตา่ งประเทศหรอื ขององค์การระหว่างประเทศ

การกําหนดให้สาขาวิชาใดมีปริญญา อนุปริญญา หรือประกาศนียบัตรช้ันใด และจะใช้อักษรย่อ

สําหรับสาขาวชิ าน้ันอยา่ งไร ให้เปน็ ไปตามประกาศของมหาวทิ ยาลยั และประกาศในราชกิจจานุเบกษา

มาตรา ๖๖ สภามหาวิทยาลัยอาจออกข้อบังคับกําหนดให้ผู้สําเร็จการศึกษาชั้นปริญญาตรี

ได้รับปริญญาเกยี รตินิยมอันดับหนึง่ หรือปริญญาเกยี รตนิ ยิ มอันดบั สองได้

มาตรา ๖๗ สภามหาวิทยาลัยอาจออกข้อบังคับกําหนดให้มีประกาศนียบัตรชั้นต่าง ๆ

และอนุปริญญาได้ ดังตอ่ ไปน้ี

(๑) ประกาศนียบัตรบัณฑิตชั้นสูง ออกให้แก่ผู้สําเร็จการศึกษาในสาขาวิชาใดสาขาวิชาหน่ึง

ภายหลงั ทไ่ี ดร้ ับปริญญาโทหรือเทยี บเทา่ แลว้

(๒) ประกาศนียบัตรบัณฑิต ออกให้แก่ผู้สําเร็จการศึกษาในสาขาวิชาใดสาขาวิชาหนึ่งภายหลัง

ท่ไี ดร้ บั ปริญญาตรหี รอื เทียบเท่าแลว้

(๓) อนุปริญญา ออกให้แกผ่ ู้สาํ เรจ็ การศึกษาในสาขาวิชาใดสาขาวชิ าหนึง่ กอ่ นถึงข้ันไดร้ ับปริญญาตรี

(๔) ประกาศนยี บตั รประเภทอื่น ออกให้แก่ผสู้ าํ เรจ็ การศึกษาเฉพาะวิชา

มาตรา ๖๘ มหาวิทยาลัยมีอํานาจให้ปริญญากิตติมศักดิ์แก่ผู้ซ่ึงสภามหาวิทยาลัยเห็นว่า

ทรงคุณวุฒิและคุณธรรมสมควรแก่ปริญญาน้ัน ๆ แต่จะให้ปริญญาดังกล่าวแก่ผู้ปฏิบัติงานในมหาวิทยาลัย

นายกสภามหาวทิ ยาลัย หรือกรรมการสภามหาวิทยาลยั ในขณะดํารงตําแหน่งนน้ั มไิ ด้

ชั้น สาขาของปริญญา และหลักเกณฑ์การให้ปริญญากิตติมศักด์ิ ให้เป็นไปตามข้อบังคับของ

มหาวิทยาลยั

มาตรา ๖๙ มหาวิทยาลัยอาจกําหนดให้มีครุยวิทยฐานะหรือเข็มวิทยฐานะเป็นเคร่ืองหมาย

แสดงวิทยฐานะของผู้ได้รับปริญญา อนุปริญญา หรือประกาศนียบัตรชั้นหน่ึงช้ันใด และอาจกําหนดให้มี

เลม่ ๑๓๓ ตอนที่ ๓๓ ก หน้า ๒๘ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๙
ราชกิจจานุเบกษา

ครุยประจําตําแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัย ครุยประจําตําแหน่งกรรมการสภามหาวิทยาลัย ครุยประจํา

ตําแหน่งผบู้ ริหาร หรือครุยประจาํ ตาํ แหน่งคณาจารย์ของมหาวิทยาลยั ได้
การกําหนดลักษณะ ชนิด ประเภท และส่วนประกอบของครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ

และครุยประจําตาํ แหน่ง ใหท้ าํ เปน็ ประกาศของมหาวทิ ยาลัยและประกาศในราชกจิ จานุเบกษา
ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจําตําแหน่งจะใช้ในโอกาสใด โดยมีเง่ือนไขอย่างใด

ใหเ้ ปน็ ไปตามข้อบงั คบั ของมหาวิทยาลยั
มาตรา ๗๐ มหาวิทยาลัยอาจกําหนดให้มีตรา เคร่ืองหมาย หรือสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัย

หรอื ส่วนงานของมหาวทิ ยาลยั ได้ โดยทําเป็นประกาศของมหาวิทยาลยั และประกาศในราชกิจจานุเบกษา
การใช้ตรา เครื่องหมาย หรือสัญลักษณ์ตามวรรคหน่ึงเพื่อการค้า หรือการใช้สิ่งดังกล่าวที่มิใช่

เพอ่ื ประโยชน์ของมหาวทิ ยาลยั หรือส่วนงานของมหาวิทยาลยั ต้องได้รบั อนุญาตเปน็ หนงั สอื จากมหาวิทยาลัย
มาตรา ๗๑ มหาวิทยาลัยอาจกําหนดให้มีเครื่องแบบ เคร่ืองหมาย หรือเครื่องแต่งกายของนิสิต

และผปู้ ฏบิ ตั ิงานในมหาวิทยาลยั ได้ โดยทําเปน็ ข้อบงั คับของมหาวทิ ยาลัยและประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา

หมวด ๘
บทกําหนดโทษ

มาตรา ๗๒ ผใู้ ดใช้ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ ครุยประจําตําแหน่ง เครื่องแบบ เครื่องหมาย
หรือเคร่ืองแต่งกายของนิสิตและผู้ปฏิบัติงานในมหาวิทยาลัย หรือสิ่งใดท่ีเลียนแบบสิ่งดังกล่าว โดยไม่มีสิทธิ
ที่จะใช้ หรือแสดงด้วยประการใด ๆ ว่าตนมีปริญญา อนุปริญญา หรือประกาศนียบัตรช้ันหน่ึงชั้นใด
หรือมีตําแหน่งใดในมหาวิทยาลัยโดยท่ีตนไม่มีสิทธิ ถ้าได้กระทําเพื่อให้บุคคลอื่นเชื่อว่าตนมีสิทธิท่ีจะใช้
หรือมีวิทยฐานะ หรือมีตําแหน่งเช่นนั้น ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท
หรือทั้งจําทั้งปรบั

มาตรา ๗๓ ผู้ใดกระทําการอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปน้ี ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งปี
หรอื ปรบั ไม่เกินหนึง่ แสนบาท หรือทั้งจาํ ทั้งปรับ

(๑) ปลอม หรือทําเลียนแบบซึ่งตรา เครื่องหมาย หรือสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยหรือส่วนงาน
ของมหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะทําเป็นสใี ด หรอื ทาํ ดว้ ยวิธใี ด ๆ

(๒) ใช้ตรา เครื่องหมาย หรือสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยหรือส่วนงานของมหาวิทยาลัยปลอม
หรือซง่ึ ทาํ เลียนแบบ

(๓) ใช้ หรือทําให้ปรากฏซ่ึงตรา เคร่ืองหมาย หรือสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยหรือส่วนงาน
ของมหาวิทยาลัย ที่วตั ถหุ รอื สนิ ค้าใด ๆ โดยฝ่าฝืนมาตรา ๗๐ วรรคสอง

ถา้ ผู้กระทําความผดิ ตาม (๑) เปน็ ผูก้ ระทําความผิดตาม (๒) ดว้ ย ให้ลงโทษตาม (๒) แต่กระทงเดยี ว
ความผดิ ตาม (๓) เปน็ ความผดิ อนั ยอมความได้

เล่ม ๑๓๓ ตอนที่ ๓๓ ก หนา้ ๒๙ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๙
ราชกิจจานุเบกษา

บทเฉพาะกาล

มาตรา ๗๔ ให้โอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หน้ี ภาระผูกพัน งบประมาณ และรายได้
ของมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ พ.ศ. ๒๕๔๑
มาเปน็ ของมหาวทิ ยาลยั ตามพระราชบญั ญตั นิ ี้

มาตรา ๗๕ ให้นายกสภามหาวิทยาลัย อุปนายกสภามหาวิทยาลัย และกรรมการสภามหาวิทยาลัย
ตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ พ.ศ. ๒๕๔๑ ซึ่งดํารงตําแหน่งอยู่ในวันก่อนวันท่ี
พระราชบญั ญัตินี้ใชบ้ ังคับ เป็นนายกสภามหาวิทยาลัย อุปนายกสภามหาวิทยาลัย และกรรมการสภามหาวิทยาลัย
ตามพระราชบัญญัตินี้ และปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีสภามหาวิทยาลัยตามพระราชบัญญัติน้ี ซ่ึงต้อง
ไมเ่ กนิ หนง่ึ ปีนับแต่วนั ทพ่ี ระราชบัญญตั ินี้ใช้บังคบั

มาตรา ๗๖ ใหป้ ระธานสภาคณาจารย์และขา้ ราชการและกรรมการสภาคณาจารย์และข้าราชการ
ตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ พ.ศ. ๒๕๔๑ ซ่ึงดํารงตําแหน่งอยู่ในวันก่อนวันท่ี
พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ปฏิบัติหน้าที่ประธานสภาคณาจารย์และพนักงานและกรรมการสภาคณาจารย์
และพนกั งานจนกวา่ จะมีสภาคณาจารย์และพนักงานตามพระราชบัญญัตนิ ้ี

มาตรา ๗๗ ให้ส่วนราชการในมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒตามพระราชบัญญัติ
มหาวทิ ยาลัยศรีนครินทรวโิ รฒ พ.ศ. ๒๕๔๑ และส่วนงานภายในท่สี ภามหาวทิ ยาลัยได้อนุมัติและจัดต้ังขึ้น
ในมหาวิทยาลัย ที่มีอยู่ในวันก่อนวันท่ีพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ เป็นส่วนงานของมหาวิทยาลัยไปพลางก่อน
จนกว่าจะมีประกาศของมหาวิทยาลัยจัดต้ังส่วนงานตามมาตรา ๑๐ ซ่ึงต้องไม่เกินสองปีนับแต่วันที่
พระราชบญั ญัตินีใ้ ช้บงั คบั

มาตรา ๗๘ ใหผ้ ดู้ าํ รงตาํ แหนง่ อธกิ ารบดีตามพระราชบญั ญัติมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
พ.ศ. ๒๕๔๑ อยู่ในวันก่อนวันท่ีพระราชบัญญัติน้ีใช้บังคับ คงดํารงตําแหน่งต่อไปจนกว่าจะครบวาระ
แต่ถ้าบุคคลดังกล่าวเป็นข้าราชการของมหาวิทยาลัยต้องแสดงเจตนาเปล่ียนสถานภาพมาเป็นพนักงาน
มหาวิทยาลัยตามพระราชบัญญัติน้ีภายในสามสิบวันนับแต่วันท่ีพระราชบัญญัติน้ีใช้บังคับ และให้มหาวิทยาลัย
ดําเนินการบรรจุเป็นพนกั งานมหาวทิ ยาลยั ทันที

ให้ผดู้ าํ รงตําแหน่งรองอธกิ ารบดแี ละผชู้ ่วยอธกิ ารบดตี ามพระราชบัญญัตมิ หาวิทยาลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ
พ.ศ. ๒๕๔๑ อยใู่ นวันก่อนวันท่ีพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ คงดํารงตําแหน่งต่อไปจนกว่าผู้ดํารงตําแหน่งอธิการบดี
จะพ้นจากตําแหนง่

ในกรณที ่มี ีการแต่งตง้ั ผูร้ กั ษาราชการแทนอธิการบดีตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
พ.ศ. ๒๕๔๑ อยูใ่ นวันกอ่ นวันที่พระราชบญั ญัตนิ ้ีใช้บงั คบั ใหผ้ ้รู ักษาราชการแทนอธกิ ารบดีปฏิบัติหน้าที่ต่อไป
จนกว่าจะได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งต้ังอธิการบดี และให้รองอธิการบดีซึ่งสภามหาวิทยาลัยแต่งต้ัง

เลม่ ๑๓๓ ตอนท่ี ๓๓ ก หนา้ ๓๐ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๙
ราชกจิ จานุเบกษา

และผู้ช่วยอธิการบดีซ่ึงผู้รักษาราชการแทนอธิการบดีแต่งตั้งปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าผู้รักษาราชการแทน
อธกิ ารบดจี ะพน้ จากตาํ แหนง่

ในกรณีท่ีมีการสรรหาและดําเนินการเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งต้ังอธิการบดี
ตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ พ.ศ. ๒๕๔๑ อยู่ในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้
ใชบ้ ังคบั ให้ถอื วา่ เปน็ การสรรหาและดําเนนิ การตามพระราชบัญญตั นิ ี้ และหากได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
แต่งตั้งอธิการบดีแล้ว ให้ผู้นั้นดํารงตําแหน่งอธิการบดีตามพระราชบัญญัติน้ี แต่ถ้าบุคคลดังกล่าวเป็น
ข้าราชการของมหาวิทยาลัยต้องแสดงเจตนาเปล่ียนสถานภาพมาเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยตามพระราชบัญญัตินี้
ภายในสามสิบวันนับแต่วันท่ีทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง และให้มหาวิทยาลัยดําเนินการบรรจุ
เป็นพนักงานมหาวทิ ยาลัยทันที

เม่ือครบกาํ หนดเวลาสามสบิ วนั ตามวรรคหน่ึงหรอื วรรคสีแ่ ล้ว ถ้าผดู้ ํารงตําแหน่งดังกล่าวไม่แสดง
เจตนาเปล่ียนสถานภาพมาเป็นพนกั งานมหาวิทยาลัย ให้พ้นจากตาํ แหนง่

มาตรา ๗๙ ใหผ้ ดู้ ํารงตําแหนง่ คณบดี ผ้อู ํานวยการสถาบัน ผู้อํานวยการสํานัก ผู้อํานวยการ
วิทยาลัย ผ้อู าํ นวยการศูนย์ หวั หน้าภาควิชา และหัวหน้าส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอ่ืนท่ีมีฐานะเทียบเท่า
คณะหรือภาควิชาตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ พ.ศ. ๒๕๔๑ และหัวหน้าส่วนงาน
ภายในท่ีสภามหาวิทยาลัยได้อนุมัติและจัดต้ังขึ้นในมหาวิทยาลัย อยู่ในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
คงดาํ รงตําแหน่งตอ่ ไปจนกว่าจะครบวาระ

ให้ผู้ดํารงตําแหน่งรองของผู้ดํารงตําแหน่งตามวรรคหนึ่ง คงดํารงตําแหน่งต่อไปจนกว่าผู้ดํารงตําแหน่ง
ตามวรรคหนึ่งจะพ้นจากตาํ แหนง่

มาตรา ๘๐ ให้ผดู้ าํ รงตําแหนง่ ผ้อู ํานวยการสํานักงานอธิการบดี ผู้อํานวยการกอง ผู้อํานวยการ
สํานักงานบัณฑิตวิทยาลัย ผู้อํานวยการสํานักงานคณบดี ผู้อํานวยการสํานักงานสถาบัน ผู้อํานวยการ
สาํ นกั งานสาํ นัก ผู้อํานวยการสาํ นักงานวิทยาลัย ผู้อํานวยการสํานักงานศูนย์ และหัวหน้าหน่วยงานท่ีเรียกช่ือ
อย่างอ่ืนท่ีมีฐานะเทียบเท่าผู้อํานวยการกอง ผู้อํานวยการสํานักงานคณบดี ผู้อํานวยการสํานักงานสถาบัน
ผอู้ าํ นวยการสํานักงานสาํ นัก ผอู้ าํ นวยการสํานักงานวิทยาลัย และผู้อํานวยการสํานักงานศูนย์ อยู่ในวันก่อน
วนั ทีพ่ ระราชบัญญัตนิ ี้ใช้บงั คบั คงดํารงตําแหน่งตอ่ ไป

มาตรา ๘๑ การนับวาระการดํารงตําแหน่งของอธิการบดี คณบดี ผู้อํานวยการสถาบัน
ผู้อํานวยการสํานัก และหัวหน้าส่วนงานท่ีเรียกชื่ออย่างอ่ืนท่ีมีฐานะเทียบเท่าสถาบันหรือสํานัก ให้นับรวม
วาระการดํารงตําแหน่งตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ พ.ศ. ๒๕๔๑ เป็นวาระ
การดํารงตําแหน่งตามพระราชบญั ญตั นิ ้ีด้วย

มาตรา ๘๒ ให้คณะกรรมการประจําบัณฑิตวิทยาลัย คณะกรรมการประจําคณะ คณะกรรมการ

ประจําสถาบัน คณะกรรมการประจําสํานัก คณะกรรมการประจําวิทยาลัย คณะกรรมการประจําศูนย์

หรือคณะกรรมการประจําส่วนราชการที่เรียกช่ืออย่างอ่ืนท่ีมีฐานะเทียบเท่าคณะตามพระราชบัญญัติ

มหาวทิ ยาลยั ศรีนครนิ ทรวิโรฒ พ.ศ. ๒๕๔๑ และคณะกรรมการประจําส่วนงานภายในที่สภามหาวิทยาลัย

เลม่ ๑๓๓ ตอนท่ี ๓๓ ก หนา้ ๓๑ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๙
ราชกจิ จานุเบกษา

ได้อนุมัติและจัดต้ังขึ้นในมหาวิทยาลัย ท่ีมีอยู่ในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัติน้ีใช้บังคับ ทําหน้าท่ีต่อไป
จนกว่าจะมีคณะกรรมการประจําคณะ คณะกรรมการประจําสถาบัน คณะกรรมการประจําสํานัก
หรือคณะกรรมการประจําส่วนงานท่ีเรียกช่ืออย่างอ่ืนท่ีมีฐานะเทียบเท่าคณะ สถาบัน หรือสํานัก
ตามพระราชบญั ญัตนิ ี้ ซงึ่ ตอ้ งไม่เกนิ หนึ่งร้อยแปดสบิ วันนับแตว่ ันทพ่ี ระราชบญั ญตั ินี้ใช้บังคับ

ให้คณะกรรมการอ่ืนซึ่งสภามหาวิทยาลัยแต่งตั้งตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
พ.ศ. ๒๕๔๑ ที่มีอยู่ในวันก่อนวันท่ีพระราชบัญญัติน้ีใช้บังคับ ทําหน้าท่ีต่อไปจนกว่าจะครบวาระ
การดํารงตาํ แหนง่ หรอื จนกวา่ สภามหาวทิ ยาลัยจะมีคําสั่งเป็นอย่างอ่นื

มาตรา ๘๓ ให้ผู้ซ่ึงเป็นศาสตราจารย์ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ศาสตราจารย์พิเศษ
รองศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์พิเศษ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์พิเศษ และอาจารย์
ของมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ พ.ศ. ๒๕๔๑
อยู่ในวนั ก่อนวนั ท่ีพระราชบญั ญตั นิ ใ้ี ชบ้ งั คับ เปน็ ศาสตราจารย์ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ศาสตราจารย์พิเศษ
รองศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์พิเศษ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์พิเศษ และอาจารย์
ของมหาวทิ ยาลัยตอ่ ไปตามพระราชบญั ญัตนิ ี้

ให้ผู้ซึ่งเป็นอาจารย์พิเศษของมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัย
ศรีนครินทรวิโรฒ พ.ศ. ๒๕๔๑ อยู่ในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ เป็นอาจารย์พิเศษของ
มหาวทิ ยาลัยตามพระราชบญั ญตั นิ จ้ี นครบกาํ หนดเวลาทไ่ี ดร้ บั การแต่งต้ัง

มาตรา ๘๔ ให้โอนบรรดาข้าราชการ ลูกจ้างของส่วนราชการ พนักงานมหาวิทยาลัย
และลูกจ้างของมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
พ.ศ. ๒๕๔๑ มาเป็นข้าราชการ ลูกจ้างของส่วนราชการ พนักงานมหาวิทยาลัย และลูกจ้างของมหาวิทยาลัย
ตามพระราชบัญญัตนิ ี้

เพื่อประโยชน์ในการบริหารงานบุคคลของข้าราชการและลูกจ้างของส่วนราชการตามวรรคหนึ่ง
ให้ถือว่ามหาวิทยาลัยเป็นส่วนราชการ และให้ข้าราชการและลูกจ้างของส่วนราชการดังกล่าว รับเงินเดือน
คา่ จ้าง และเงินอน่ื ๆ ผา่ นมหาวิทยาลัย โดยเบิกจ่ายจากเงินงบประมาณแผ่นดิน งบบุคลากรท่ีจ่ายในลักษณะ
เงินเดือน ค่าจ้างประจํา และเงินอ่ืนท่ีเก่ียวข้อง และให้นํากฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือน
ในสถาบันอดุ มศึกษา หรือระเบยี บกระทรวงการคลงั วา่ ดว้ ยลูกจ้างของส่วนราชการมาใช้บงั คับ แล้วแต่กรณี

ในกรณีที่นํากฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาหรือระเบียบ
กระทรวงการคลังว่าด้วยลูกจ้างของส่วนราชการมาใช้บังคับ แต่ไม่สอดคล้องกับพระราชบัญญัติน้ีหรือ
มีกรณีที่ไม่อาจนํามาใช้บังคับได้ด้วยเหตุใด ให้การดําเนินการในส่วนท่ีไม่สอดคล้องกับพระราชบัญญัตินี้
หรอื ในส่วนท่ีไมอ่ าจนํามาใชบ้ ังคับได้ เป็นไปตามขอ้ บังคบั ของมหาวทิ ยาลยั หรือตามมตสิ ภามหาวทิ ยาลัย

มาตรา ๘๕ ขา้ ราชการหรือลูกจา้ งของส่วนราชการตามมาตรา ๘๔ ผ้ใู ด

เลม่ ๑๓๓ ตอนที่ ๓๓ ก หน้า ๓๒ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๙
ราชกจิ จานุเบกษา

(๑) แสดงเจตนาเปล่ียนสถานภาพมาเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยหรือลูกจ้างของมหาวิทยาลัย
ตามพระราชบัญญัตินี้ภายในหน่ึงปีนับแต่วันท่ีพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้มหาวิทยาลัยดําเนินการบรรจุเป็น
พนกั งานมหาวทิ ยาลยั หรือลกู จ้างของมหาวิทยาลยั ทนั ที แลว้ แต่กรณี

(๒) แสดงเจตนาเปล่ียนสถานภาพมาเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยหรือลูกจ้างของมหาวิทยาลัย
ตามพระราชบัญญัตินี้ภายหลังกําหนดเวลาตาม (๑) แต่ไม่เกินสามปีนับแต่วันท่ีพระราชบัญญัติน้ีใช้บังคับ
เมื่อมหาวิทยาลัยได้ประเมินแล้วเห็นว่ามีความรู้ความสามารถตามหลักเกณฑ์ท่ีมหาวิทยาลัยกําหนด
ให้มหาวิทยาลัยดําเนินการบรรจุเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยหรือลูกจ้างของมหาวิทยาลัยได้โดยไม่ต้องทดลอง
ปฏิบัติงาน

(๓) แสดงเจตนาเปล่ียนสถานภาพมาเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยหรือลูกจ้างของมหาวิทยาลัย
ตามพระราชบัญญัติน้ีภายหลังกําหนดเวลาตาม (๒) ถ้ามหาวิทยาลัยเห็นว่าการรับบุคคลนั้นเข้าทํางาน
จะเป็นประโยชน์ต่อมหาวิทยาลัยและมีอัตราที่จะบรรจุทํางานได้ เม่ือมหาวิทยาลัยได้ประเมินแล้วเห็นว่า
มีความรู้ความสามารถตามหลกั เกณฑท์ ่มี หาวิทยาลยั กาํ หนด ใหม้ หาวทิ ยาลัยดําเนินการบรรจุเป็นพนักงาน
มหาวทิ ยาลัยหรอื ลูกจา้ งของมหาวิทยาลยั ได้โดยไม่ตอ้ งทดลองปฏบิ ัตงิ าน

การแสดงเจตนาตามวรรคหน่ึง ให้เป็นไปตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย และเม่ือได้ย่ืนแสดง
เจตนาแลว้ จะถอนมไิ ด้

ข้าราชการหรือลูกจ้างของส่วนราชการตามมาตรา ๘๔ ซึ่งมิได้รับการบรรจุเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย
หรือลูกจ้างของมหาวิทยาลัยตามพระราชบัญญัติน้ี ให้ยังคงสถานะความเป็นข้าราชการ หรือลูกจ้าง
ของสว่ นราชการตอ่ ไปตามกฎหมายหรือระเบยี บว่าดว้ ยการนั้น

มาตรา ๘๖ ผู้ซึ่งมหาวิทยาลัยบรรจุเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยหรือลูกจ้างของมหาวิทยาลัย
ตามมาตรา ๗๘ และมาตรา ๘๕ ให้ได้รับเงินเดือน ค่าจ้าง สวัสดิการ และประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่น
ไมน่ อ้ ยกวา่ ทีเ่ คยได้รบั อยูก่ ่อนบรรจุเปน็ พนกั งานมหาวิทยาลยั หรือลกู จา้ งของมหาวทิ ยาลยั

มาตรา ๘๗ ข้าราชการซ่ึงมหาวิทยาลัยบรรจุเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยตามมาตรา ๗๘
และมาตรา ๘๕ ให้ถือว่าเป็นการให้ออกจากราชการเพราะทางราชการเลิกหรือยุบตําแหน่งตามกฎหมาย
ว่าด้วยบําเหน็จบํานาญข้าราชการ หรือกฎหมายว่าด้วยกองทุนบําเหน็จบํานาญข้าราชการ แล้วแต่กรณี
ท้งั นี้ นบั แตว่ ันท่ไี ด้รับการบรรจุเปน็ พนกั งานมหาวทิ ยาลัย

ลูกจ้างของส่วนราชการซ่ึงมหาวิทยาลัยบรรจุเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยหรือลูกจ้างของมหาวิทยาลัย
ตามมาตรา ๘๕ ให้ถือว่าเป็นการออกจากงานเพราะทางราชการยุบตําแหน่งและมีสิทธิได้รับบําเหน็จ
ตามระเบียบกระทรวงการคลังวา่ ดว้ ยบาํ เหนจ็ ลกู จ้าง

ข้าราชการซึ่งเป็นสมาชิกกองทุนบาํ เหนจ็ บํานาญข้าราชการอย่แู ล้ว ให้มีสทิ ธิขอเปน็ สมาชิกตอ่ ไปได้
แม้จะออกจากราชการแล้ว ในกรณีเช่นน้ีให้ถือว่าเป็นข้าราชการบํานาญและมีสิทธิได้รับสวัสดิการจาก
ทางราชการเช่นเดยี วกับผไู้ ดร้ ับบาํ นาญตามกฎหมายว่าดว้ ยกองทนุ บําเหน็จบํานาญข้าราชการ

เลม่ ๑๓๓ ตอนที่ ๓๓ ก หนา้ ๓๓ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๙
ราชกิจจานุเบกษา

พนักงานมหาวิทยาลัยซ่ึงได้รับสิทธิประโยชน์ในฐานะข้าราชการบํานาญแล้ว ให้ได้รับยกเว้น
ไมต่ ้องอยู่ภายใต้บังคับกฎหมายวา่ ดว้ ยการประกันสังคม แตไ่ ม่ตดั สทิ ธิท่จี ะประกนั ตนด้วยความสมัครใจ

มาตรา ๘๘ สิทธิในการเข้าสู่ตําแหน่งศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์
หรือตาํ แหนง่ อ่ืนใดของข้าราชการหรอื พนักงานที่โอนมาตามมาตรา ๘๔ หรือเปล่ียนสถานภาพตามมาตรา ๗๘
และมาตรา ๘๕ และสิทธใิ นการเลื่อนตาํ แหน่งของลกู จ้างของส่วนราชการทมี่ อี ยู่เดิม มิให้เสียไปเพราะเหตุ
ทโี่ อนมาหรือเปล่ียนสถานภาพหรือไม่เปลี่ยนสถานภาพมาเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยหรือลูกจ้างของมหาวิทยาลัย

มาตรา ๘๙ ในกรณที ต่ี าํ แหนง่ ข้าราชการและลูกจ้างของส่วนราชการในมหาวิทยาลัยว่างลง
ไมว่ า่ จะว่างอยู่ก่อนหรือภายหลังวันท่ีพระราชบัญญัติน้ีใช้บังคับ ให้ยุบเลิกตําแหน่งน้ันและให้โอนอัตราตําแหน่ง
และเงินงบประมาณแผ่นดินประจําอัตรา รวมตลอดท้ังงบบุคลากรที่จ่ายในลักษณะเงินเดือน ค่าจ้างประจํา
และเงินอ่ืนท่ีเก่ียวข้องซ่ึงต้ังไว้สําหรับตําแหน่งนั้นมาเป็นของมหาวิทยาลัย และให้ถือว่าการโอน
เงนิ งบประมาณดังกล่าวเปน็ การโอนเงนิ งบประมาณรายจ่ายตามกฎหมายว่าดว้ ยวิธีการงบประมาณ

มาตรา ๙๐ เพ่ือประโยชน์ในการปฏิบัติตามความในบทเฉพาะกาลน้ี ให้มีคณะกรรมการ
เฉพาะกิจคณะหนึ่ง ประกอบด้วย นายกสภามหาวิทยาลัยเป็นประธานกรรมการ อธิการบดี ประธาน
สภาคณาจารย์และขา้ ราชการ ผู้แทนกระทรวงการคลัง ผู้แทนสํานักงบประมาณ ผู้แทนสํานักงานคณะกรรมการ
การอดุ มศึกษา และผทู้ รงคุณวุฒซิ ่งึ สภามหาวทิ ยาลยั แตง่ ต้งั จํานวนสองคน เป็นกรรมการ

ใหอ้ ธกิ ารบดแี ต่งตัง้ รองอธิการบดีคนหน่ึงเปน็ กรรมการและเลขานุการ
ให้คณะกรรมการเฉพาะกิจทําหน้าท่ีให้ความเห็นและกําหนดแนวปฏิบัติในกรณีท่ีมีปัญหา
ในการปฏบิ ตั ติ ามบทเฉพาะกาล
ให้คณะกรรมการเฉพาะกิจตามมาตราน้ี ปฏิบัติหน้าท่ีไปจนกว่าการปฏิบัติตามบทเฉพาะกาลนี้
ไดด้ าํ เนินการจนเสร็จส้ินแล้ว
มาตรา ๙๑ ให้ออกข้อบังคับ ระเบียบ หรือประกาศ เพ่ือปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
ให้แล้วเสร็จภายในสามปนี บั แตว่ ันท่พี ระราชบัญญัตนิ ้ีใชบ้ ังคับ
ในระหว่างที่ยังมิได้ออกข้อบังคับ ระเบียบ หรือประกาศตามวรรคหน่ึง ให้นําพระราชกฤษฎีกา
กฎทบวง ประกาศทบวงมหาวิทยาลัย ข้อบังคับ ระเบียบ และประกาศที่ออกตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัย
ศรีนครินทรวิโรฒ พ.ศ. ๒๕๔๑ ท่ีใช้อยู่ในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ มาใช้บังคับโดยอนุโลม
เท่าทไี่ มข่ ัดหรอื แยง้ กบั พระราชบัญญตั นิ ี้

ผรู้ บั สนองพระบรมราชโองการ
พลเอก ประยทุ ธ์ จนั ทรโ์ อชา

นายกรัฐมนตรี

เล่ม ๑๓๓ ตอนที่ ๓๓ ก หน้า ๓๔ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๙
ราชกจิ จานุเบกษา

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงการศึกษา
ระดับอุดมศึกษาให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม โดยการส่งเสริมให้มหาวิทยาลัยของรัฐ
พัฒนาไปสูก่ ารเปน็ มหาวทิ ยาลัยของรัฐทไ่ี มเ่ ป็นสว่ นราชการแต่อยู่ในกํากับของรัฐ เพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการ
ท่ีเป็นอิสระและมีความคล่องตัว สามารถจัดการศึกษาในระดับอุดมศึกษาได้อย่างมีคุณภาพและมีประสิทธิภาพ
มากยิ่งข้ึน โดยการจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาจะต้องคํานึงถึงความเป็นอิสระและความเป็นเลิศทางวิชาการ
สมควรปรับปรุงการบริหารมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒให้เป็นไปตามแนวทางดังกล่าว จึงจําเป็นต้อง
ตราพระราชบัญญตั นิ ้ี


Click to View FlipBook Version