The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

นวัตกรรมของกนกพรรณ วรรณ์คำ เรื่องการแยกสาร สื่อการสอน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kanokphunna2555, 2022-09-29 00:12:55

นวัตกรรมของกนกพรรณ วรรณ์คำ เรื่องการแยกสาร สื่อการสอน

นวัตกรรมของกนกพรรณ วรรณ์คำ เรื่องการแยกสาร สื่อการสอน

การพัฒนาสอ่ื การสอน เรอื่ งการแยกสารเนอ้ื ผสม
สาหรับนกั เรยี นชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 6

โดยใชก้ ารจดั การเรยี นรตู้ ามแนวทางสมรรถนะวทิ ยาศาสตร์

จดั ทาโดย
นางกนกพรรณ วรรณ์คา
ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะครชู านาญการ

โรงเรยี นบา้ นห้วยแพง่ อาเภอบา้ นโฮง่ จงั หวัดลาพนู
สานกั งานเขตพน้ื ทก่ี ารศึกษาประถมศกึ ษาลาพนู เขต 2

สานกั งานการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน
กระทรวงศกึ ษาธิการ

แบบรายงานนวตั กรรมการจดั การเรยี นรฐู้ านสมรรถนะวิทยาศาสตร์ ตามแนว สสวท.
สงั กดั โรงเรียนบ้านหว้ ยแพง่ อาเภอบา้ นโฮง่ จงั หวดั ลาพนู

ชอื่ เรื่อง การพัฒนาสื่อการสอน เรือ่ งการแยกสารเน้ือผสม สาหรับนักเรียนช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 6

โดยใชก้ ารจัดการเรียนรู้ตามแนวทางสมรรถนะวิทยาศาสตร์

ผรู้ ายงาน นางกนกพรรณ วรรณค์ า

สอนวชิ า วิทยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว16101 ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2565

1. ความเปน็ มาและความสาคญั ของปญั หา
ปจั จุบันได้มีการพัฒนาการจัดกระบวนการเรยี นรทู้ ่ีมุ่งเน้นให้นักเรียนไดเ้ ป็นผู้ค้นพบความรู้ ดว้ ยตนเอง

มากที่สุด เพื่อแก้ปัญหาให้นักเรียนท่ียังเรียนวิชาวิทยาศาสตร์อย่างไม่เข้าใจและไม่มีทิศทางได้เข้าใจเนื้อหา
สาระและกระบวนการต่าง ๆ ทางวิทยาศาสตร์ และไม่ชอบวิชาวิทยาศาสตร์ เพื่อที่จะได้นาไปประยุกต์ใช้ใน
ชีวิตประจาวัน การศึกษาต่อและการประกอบอาชีพ พร้อมกับปลูกจิตวิทยาศาสตร์ จึงได้การจัดกิจกรรมการ
เรียนรู้ตามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้กระบวนการคิด 5 Es โดยให้ผู้เรียนเกิดสมรรถนะทางวิทยาศาสตร์

ตามแนว สสวท ซ่ึงสมรรถนะเป็นพัฒนาขึ้นให้กับผู้เรียนในรายวิชาวิทยาศาสตร์เรียกว่า “สมรรถนะ
วิทยาศาสตร์” ซึ่งร่างหลักสูตรฐานสมรรถนะโดยอ้างอิงจากสมรรถนะ PISA ซึ่งเป็นสมรรถนะท่ีต้องพัฒนาให้
เกดิ ข้ึนในตวั ของผเู้ รยี นและเกดิ การสรา้ งองค์ความรดู้ ้วยตนเอง และเปน็ ไปตามหลักสตู รการศึกษา

จากการที่ผู้วิจัยได้จัดกิจกรรมการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ในช้ันประถมศึกษาปีท่ี 6 กลับพบว่ามี
นักเรียนส่วนใหญ่ยังขาดทักษะกระบวนการคิดและไม่สามารถเชื่อมโยงหลักการ และสร้างองค์ความ รู้ด้วย
ตนเองได้ จึงเป็นปัญหาต่อการเรียนรู้ในวิชา วิทยาศาสตร์ดังน้ันจึงมีความสนใจในการพัฒนาสมรรถะทาง
วิทยาศาสตร์ เพื่อให้นักเรียนเกิดทักษะการวิเคราะห์ดังกล่าวนี้เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนให้กับ
นกั เรียนให้มผี ลสัมฤทธิท์ างการเรยี นสงู ข้ึน

2. วตั ถปุ ระสงคข์ องการสรา้ งนวตั กรรม
2.1 เพื่อพัฒนากิจกรรมการเรยี นรู้เรอื่ ง การแยกสารเนอ้ื ผสม สาหรบั นักเรยี นชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 6
2.2 เพอ่ื ศึกษาผลการจดั การเรียนรู้เรอื่ ง การแยกสารเนอื้ ผสม สาหรับนกั เรยี นชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 6

โดยใชส้ มรรถนะวทิ ยาศาสตร์

3. ขอบเขตของการสรา้ งนวตั กรรม
3.1 ดา้ นเนอื้ หา เรอ่ื ง การแยกสารเน้ือผสม

4. วธิ ดี าเนนิ การ
4.1 ประชากร/กลมุ่ ตวั อยา่ ง
นกั เรยี นชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 6 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 จานวน 11 คน
4.2 เคร่อื งมอื ท่ใี ชใ้ นการวจิ ยั /นวตั กรรม
1.แผนการจัดการเรียนรู้โดยใชก้ ารประเมินและการออกแบบกระบวนการสบื เสาะหาความรู้

ทางวทิ ยาศาสตร์
2. ชุดกจิ กรรมการเรยี นร้เู ร่ืองการแยกสารเน้ือผสม

4.3 การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู
1) ศกึ ษาหลักสูตร มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตวั ชวี้ ัดในเร่ือง การแยกสารเน้ือผสม
2) ศึกษาเนื้อหา เร่ือง การแยกสารเนื้อผสม
3) เขียนแผนการจัดการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาสมรรถนะระบุนาความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาใช้

สร้างคาอธิบายที่สมเหตุสมผล(A1)และระบุใช้และสร้างแบบจาลองและตัวแทนเชิงอธิบาย (A2) พร้อมท้ัง
พฒั นาการวัดและประเมินผลสมรรถนะ

4) สรา้ งชุดกจิ กรรมการเรียนเรอ่ื งการแยกสารเน้อื ผสม
4) ทดลองจดั การเรยี นการสอนแนวเดมิ กบั นักเรียน และประเมินผลการเรียนรู้ บนั ทึกผลและ
ขอ้ สงั เกต
5) นาแผนการจดั การเรยี นรู้และชดุ กิจกรรมการเรียนรูท้ ่ีพัฒนานาไปทดลองจดั การเรียนการ
สอนกับนักเรียน พรอ้ มท้ังประเมนิ ผลการเรียนรู้สมรรถนะ บนั ทึกผลพฒั นาการและขอ้ สังเกตท่คี น้ พบ

5. การวเิ คราะห์ข้อมลู /สถติ ทิ ใ่ี ช้ในการวจิ ยั
วิเคราะห์ข้อมูลค่าเฉล่ียของคะแนนพัฒนาการ จากการประเมินโดยการนาคะแนนการประเมินจาก

การจัดการเรยี นรู้มาเปรียบเทียบเพ่ือตรวจสอบพัฒนาการกับคะแนนการประเมินผลงานจากการจัดการเรยี นรู้
แนวเดมิ

สถติ ทิ ใี่ ชใ้ นการวเิ คราะห์ขอ้ มูลในการศึกษาครั้งนีป้ ระกอบดว้ ย

ค่าเฉลย่ี x จากสูตร

x= x

n

เมื่อ x แทน คา่ กลางเลขคณิตหรือคา่ เฉลยี่

∑ แทน ผลรวมทงั้ หมดของคะแนน

n แทน จานวนคนทง้ั หมด

6. ผลการวจิ ยั

จากการศึกษาการพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ เร่ืองการแยกสารเนื้อผสม สาหรับนักเรียน

ช้ันประถมศึกษาปที ่ี 6 โดยใช้การจดั การเรียนร้ตู ามแนวทางสมรรถนะวิทยาศาสตร์ ไดผ้ ลดังตอ่ ไปน้ี

ตารางแสดงคะแนนพัฒนาการโดยการประเมนิ ผลงานการพัฒนากิจกรรมการเรยี นรู้ เรือ่ งการแยกสารเน้ือผสม

สาหรบั นักเรียนชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 6 โดยใช้การจัดการเรียนรู้ตามแนวทางสมรรถนะวิทยาศาสตร์

เลขที่ คะแนนกอ่ นดาเนนิ กจิ กรรม คะแนนหลงั ดาเนนิ กจิ กรรม คะแนน

(10 คะแนน) (10 คะแนน) พัฒนาการ

15 72

26 93

35 72

44 62

53 85

62 53

71 54

83 63

95 83

10 4 73

11 6 82

เฉลยี่ 4 6.91 2.91

จากตาราง พบว่าคะแนนพัฒนาการจากการประเมินผลงานจากการการพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้
เร่ืองการแยกสารเน้ือผสม สาหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้การจัดการเรียนรู้ตามแนวทาง
สมรรถนะวิทยาศาสตร์ เป็นฐานเปรียบเทียบกับคะแนนการประเมินผลงานจากการจัดการเรียนรู้แนวเดิมของ
นกั เรยี นรายบุคคล มคี ะแนนพฒั นาการเพิ่มขนึ้ เฉล่ีย 2.91

ขอ้ สังเกตท่ีคน้ พบ นกั เรยี นสามารถอธิบายเร่ืองการแยกสารได้พร้อมท้ังสร้างแบบจาลองการแยกกสาร

ในชีวติ ประจาวนั ได้เปน็ อย่างดี

7. ข้อเสนอแนะ

7.1 ขอ้ เสนอแนะสาหรับการศกึ ษาคร้งั ต่อไป

ในการศึกษาครั้งต่อไปควรเพ่ิมเติมเกณฑ์การประเมินผลที่สะท้อนสมรรถนะ ให้ชัดเจนมาก

ยง่ิ ข้ึน และเขียนแผนการจัดการเรยี นรู้ที่เน้นนวัตกรรมให้เดน่ ชัด

7.2 ข้อเสนอแนะท่วั ไป

การศกึ ษานวตั กรรมชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ไปใชใ้ นการจดั การเรยี นรู้ในเนื้อหาอ่นื ๆควรพัฒนา

สมรรถนะทางวิทยาศาสตร์อนื่ ๆ เพ่อื ให้นกั เรยี นไดเ้ กิดการเรียนรู้ท่ีหลากหลายตอ่ ไปได้

ภาคผนวก

แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ 24

สาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว 16101

ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2565
เวลา 2 ชว่ั โมง
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 3 เร่ือง การแยกสารเนื้อผสมในชวี ิตประจาวัน

วันท.่ี ...........เดอื น..........................................พ.ศ....................... ครผู ้สู อน นางกนกพรรณ วรรณ์คา

******************************************************************************************

1. มาตรฐานการเรยี นรู้

มาตรฐาน ว 2.1 เขา้ ใจสมบตั ขิ องสสาร องคป์ ระกอบของสสาร ความสมั พันธร์ ะหวา่ งสมบัตขิ อง
สสารกับโครงสร้างและแรงยดึ เหน่ยี วระหว่างอนภุ าค หลักและธรรมชาติของการเปลีย่ นแปลงสถานะของสสาร
การเกิดสารละลาย และการเกิดปฏกิ ิรยิ าเคมี

2. ตวั ชวี้ ดั

ว 2.1 ป. 6/1 อธิบายและเปรียบเทยี บการแยกสารผสม โดยการหยบิ ออก การร่อน การใช้
แมเ่ หล็กดึงดดู การรนิ ออก การกรอง และการตกตะกอน โดยใชห้ ลักฐานเชิงประจกั ษ์ รวมท้งั ระบวุ ธิ ี
แกป้ ญั หาในชวี ิตประจาวันเก่ียวกับการแยกสาร

3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

1) สารวจการแยกสารในชวี ิตประจาวนั ได้ (K)
2) มคี วามสนใจใฝร่ ู้หรอื อยากรู้อยากเหน็ (A)
3) พอใจในประสบการณ์การเรยี นรู้ท่เี กย่ี วกบั วิทยาศาสตร์ (A)
4) ทางานร่วมกบั ผู้อ่นื อย่างสร้างสรรค์ (A)
5) สอ่ื สารและนาความรู้เรอื่ งการแยกสารในชวี ติ ประจาวันไปใช้ในชีวิตประจาวันได้ (P)

4. สาระสาคัญ

การแยกสารวิธีตา่ งๆ ต้องสงั เกตลักษณะและสมบตั ิของสารทผ่ี สมกนั ซง่ึ เป็นปัจจัยสาคัญใน

การเลือกวิธีการท่ีเหมาะสมเพื่อใชแ้ ยกสาร ซ่งึ การแยกสารบางชนดิ ในชีวิตประจาวนั อาจต้องใช้วิธี

แยกสารมากกว่า 1 วิธี เพอ่ื ใหไ้ ดส้ ารที่ต้องการ

5. สาระการเรยี นรู้

การแยกสารเนื้อผสม

6. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
1. มวี นิ ยั
2. มงุ่ ม่ันในการทางาน
3. ใฝเ่ รยี นรู้
4. กล้าแสดงออก

7. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคดิ
3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

สมรรถนะทางวทิ ยาศาสตรต์ ามแนวทาง สสวท.

 A1 นาความรทู้ างวิทยาศาสตรม์ าใชส้ ร้างคาอธิบายท่สี มเหตสุ มผล
 A2 ระบุ ใช้ และสร้างแบบจาลองและตวั แทนเชงิ อธบิ าย
8. ชนิ้ งานหรอื ภาระงาน

สารวจการแยกสารในชวี ติ ประจาวนั
9. กจิ กรรมการเรยี นรู้ (รปู แบบการสอน: สบื เสาะหาความรู้ ( 5Es Instructional Model))

ขนั้ นาเขา้ สบู่ ทเรยี น
1) ใช้คาถามเพ่ือทบทวนความรูเ้ ดิมและประสบการณเ์ ดิมของนักเรยี น ดังน้ี
– ถา้ ตอ้ งการแยกเศษผงออกจากนา้ ควรใชว้ ธิ ใี ด (แนวคาตอบ การกรอง)
– ถ้าตอ้ งการแยกกรวดออกจากข้าวสารควรใชว้ ธิ ใี ด (แนวคาตอบ การร่อน)
2) ร่วมกันอภปิ รายจากการตอบคาถามและแสดงความคดิ เหน็ เพื่อเช่ือมโยงความร้เู ดิม

ไปสู่กจิ กรรมการเรียนรเู้ ร่ืองการแยกสารในชีวิตประจาวนั
ขน้ั จดั กจิ กรรมการเรยี นรู้
ขั้นสรา้ งความสนใจ (Engagement)
(1) ใช้คาถามเพื่อกระต้นุ ความสนใจของนักเรยี น ดังน้ี
– การกรองและการร่อนมลี ักษณะใดเหมือนกนั (แนวคาตอบ การกรองและการร่อนตอ้ ง

ใชอ้ ปุ กรณ์ทม่ี ีรูพรนุ เพ่ือแยกของผสมออกจากกนั เหมอื นกนั )
– การกรองและการร่อนมลี กั ษณะใดแตกต่างกัน (แนวคาตอบ การกรองใช้แยกของแขง็ ท่ี

ไมล่ ะลายในของเหลวออกจากของเหลว ส่วนการร่อนใชแ้ ยกของแข็งออกจากของแขง็ )

(2) ร่วมกนั อภปิ รายหาคาตอบเกยี่ วกบั คาถามตามความคิดเหน็ ของนักเรยี นแตล่ ะคน

ขน้ั สารวจและคน้ หา (Exploration)

1) แบ่งกลมุ่ ใหน้ ักเรียนแตล่ ะกลุ่มสารวจการแยกสารบริเวณโรงเรยี นหรอื ชุมชน(เครื่อง
กรองน้าของโรงเรียนหรือชุมชน) พร้อมกับสบื คน้ หาความรู้เกีย่ วกับวิธแี ยกสารในชีวติ ประจาวนั ครคู อย
แนะนาชว่ ยเหลือนักเรียนขณะปฏิบัตกิ ิจกรรม โดยครเู ดนิ ดูบรเิ วณทีน่ กั เรยี นสารวจและเปดิ โอกาสให้นักเรียน
ทกุ คนซักถามเมื่อมีปญั หา

2) แจกชุดกิจกรรมเรื่องการแยกสารเน้ือผสม(การแยกสารเน้ือผสมในชีวิตประจาวัน)
ใหน้ กั เรยี นศึกษาและสบื คน้ พร้อมยกตวั อย่างแยกสารในชวี ติ ประจาวนั

3) ให้นักเรียนลงมือปฏิบัติการสร้างแบบจาลองการแยกสารในชีวิตประจาวันจาก
ส่อื ชิ้นงาน IDEA KIT

4) ครูเดินดูให้คาแนะนานักเรียนให้วางแผนออกแบบก่อนสร้างแบบลงไปในใบงาน และ
ตรวจสอบการออกแบบของนักเรียนแต่ละกลุ่ม โดยอาจให้นักเรียนนาเสนอแล้วครูให้คาแนะนาปรับแก้ตาม
ความเหมาะสม

ขัน้ อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ (Explanation)
(1) นักเรยี นแตล่ ะกลุม่ นาเสนอผลการปฏิบตั กิ ิจกรรมหนา้ ห้องเรียน
(2) ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลจากการปฏิบัติกิจกรรม โดยใช้แนวคาถาม เช่น

– ยกตวั อย่างการแยกสารท่ีสารวจได้มา 2 ตัวอย่าง
(แนวคาตอบ การแยกเศษขยะจากน้าทไี่ หลลงท่อระบายน้าด้วยการกรอง และการแยก
กรวดและหินออกจากทรายท่ีใช้ในการก่อสรา้ งดว้ ยการร่อน)
– วธิ แี ยกสารท่ีพบมากทส่ี ดุ คือวิธีใด (แนวคาตอบ การกรอง)
– การแยกสารผสมใดทีต่ ้องใช้วิธีการแยกสารมากกวา่ 1 วธิ ี และใช้วิธีการแยกสารใดบา้ ง
(แนวคาตอบ การทาน้าหมกั ชีวภาพใชก้ ารตกตะกอนเพื่อตกตะกอนชนิ้ ผลไม้ทนี่ ามาทาน้าหมักชวี ภาพ
ใช้การรนิ ออกเพ่ือรนิ เฉพาะของเหลวออกจากสารผสม และใชก้ ารกรองเพ่ือใหไ้ ด้เฉพาะของเหลวท่ีไมม่ เี ศษ
ผลไมข้ นาดเลก็ ปนอยู่)
(3) ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั สรุปผลจากการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม โดยครูเน้นใหน้ ักเรยี นเข้าใจวา่ เม่อื
พจิ ารณาลักษณะและสมบตั ิของสารทผ่ี สมกนั ได้ เรากส็ ามารถใชว้ ิธกี ารแยกสารที่เหมาะสมเพ่อื แยกสารที่
ตอ้ งการได้

ข้นั ขยายความรู้ (Elaboration)
อธิบายเร่ืองน่ารู้ เรื่อง เครื่องกรองน้าจากแหล่งต่าง ๆ หรือส่ือโฆษณา อาทิเช่น บ้านกรอง
น้า น้าด่ืม coway ให้นักเรียนเข้าใจว่า เครื่องกรองน้าทาให้น้าสะอาดขึ้นได้ ด้วยการกรอง แต่เทคโนโลยี
ในปัจจุบันช่วยให้เครื่องกรองน้ามีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การผลิตไส้กรองท่ีกรอง อนุภาคได้เล็กถึง 0.5
ไมครอน และการเพม่ิ หลอดยูวีเพอื่ กาจดั เชื้อโรค

ขั้นประเมนิ (Evaluation)

(1) ร่วมกนั อภิปรายและพิจารณาว่า จากหวั ขอ้ ท่เี รียนมาและการปฏิบัติกิจกรรม มีจุดใดบ้างท่ียัง
ไมเ่ ข้าใจหรือยังมีข้อสงสยั ถ้ามี ครชู ว่ ยอธิบายเพิ่มเติมใหน้ ักเรยี นเขา้ ใจ

(2) นักเรียนร่วมกันประเมินการปฏิบัติกิจกรรมกลุ่มว่ามีปัญหาหรืออุปสรรคใด และได้มีการ
แก้ไขอยา่ งไรบ้าง

(3) ร่วมกันแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรม และการนา
ความรทู้ ีไ่ ด้ไปใชป้ ระโยชน์

(4) ทดสอบความเขา้ ใจของนักเรียนโดยการให้ตอบคาถาม เชน่
– ถา้ ต้องการแยกใบชาออกจากนา้ ชา วัสดุกรองตอ้ งมลี กั ษณะสาคญั ใด (แนวคาตอบ รขู องวสั ดุ
กรองต้องมีขนาดเล็กกว่าขนาดของใบชา)
– การรินออกใช้แยกนา้ ปูนใสออกจากสารผสมไดห้ รือไม่ เพราะอะไร (แนวคาตอบ ได้ เพราะปูน
แดงมขี นาดใหญ่จงึ ตกตะกอนเมื่อต้ังท้ิงไว้ การรนิ นา้ ปนู ใสทอี่ ยูส่ ่วนบนออกจะสามารถแยกน้าปูนใส
ออกจากสารผสมได)้
ขัน้ สรุป
1) ร่วมกนั อภิปรายความร้แู ละสรุปเกี่ยวกบั การแยกสารในชีวิตประจาวนั โดยรว่ มกันเขียนเป็นแผนท่ี
ความคดิ หรอื ผงั มโนทัศน์
2) ดาเนินการทดสอบหลังเรียน โดยให้นักเรียนทาแบบทดสอบหลังเรยี น เพ่อื วดั ความกา้ วหนา้ /
ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียน
9. ส่อื /แหล่งการเรียนรู้

 หนังสือเรยี นวิชาวทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 6 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั
พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. 2560)

 ชดุ กจิ กรรมเร่อื งการแยกสารเนอ้ื ผสม (การแยกสารเน้ือผสมในชวี ิตประจาวัน)

 สอื่ ชิน้ งาน IDEA KIT
10. การวดั และประเมนิ ผล

รายการประเมนิ วธิ กี ารวดั เคร่อื งมือวดั เกณฑ์การประเมนิ ผล
พุทธพิ สิ ยั (K)
- นักเรียนสามารถวิเคราะห์และ - การตรวจชดุ กิจกรรม - ใบงานเร่อื ง การ ผา่ นเกณฑ์ประเมนิ
อธบิ ายการแยกสารประจาวันจาก แยกสารอยา่ งงา่ ย รอ้ ยละ 70 ข้นึ ไป
แบบจาลองได้ (K)
ทักษะ/กระบวนการ (P) - การปฏบิ ัตกิ จิ กรรม - แบบประเมินการ ผา่ นเกณฑ์ระดบั
- นักเรยี นสามารถสบื คน้ เรื่องการ - การตอบคาถามในใบ ปฏิบัติกจิ กรรม พอใช้ขึ้นไป
แยกสารในชวี ติ ประจาวันได้ กจิ กรรม

จติ พสิ ยั (A) - สงั เกตพฤติกรรมใน - แบบสังเกต ผ่านเกณฑ์ระดบั
- นักเรยี นมีความใฝ่เรียนรู้
- ม่งุ มัน่ ในการทางาน ชั้นเรยี นของนักเรียน พฤติกรรมในชั้นเรียน พอใช้ขนึ้ ไป
- สามารถทางานรว่ มกบั ผู้อนื่ ได้
ของนักเรียน

บนั ทกึ ผลหลงั การจดั การเรยี นรู้

1. ผลการนาไปใชจ้ ดั กจิ กรรมการเรยี นรู้

2. ปญั หา/อุปสรรค

…………………………………………………..……………………………………………………………………………………………………
…………..………………………………………………………………………………………………………………..…………….……………
……………………………………………………………………………………..….……………………………………………………..………

3. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข

…………………………………………………..……………………………………………………………………………………………………
…………..………………………………………………………………………………………………………………..…………….……………
……………………………………………………………………………………..….……………………………………………………..………

ลงชอ่ื ...........................................................

(.........................................................)

ครูผูส้ อนและบนั ทึก

........./........./.........

ความคดิ เหน็ ของผบู้ รหิ าร

…………..………………………………………………………………………………………………………………..…………….……………
……………..………………………………………………………………………………………………………………..…………….…………
………………………………………………………………………………………..….……………………………………………………..……

ลงชื่อ..........................................................
(.........................................................)

ตาแหนง่ ......................................................

........./........./.........

การวาดภาพแบบจาลองอ (5)แบบบนั ทกึ คะแนนการประเมนิ ผลงานรายบคุ คล
การใช้แบบจาลองเ ื่พอการกิจกรรม เรือ่ ง แบบจาลองการแยกสารในชวี ติ ประจาวนั

อธิบาย (5) คะแนน
รวม (10)เลขท่ี ชือ่ – สกลุ

ลงชื่อ..........................................................ผูป้ ระเมนิ
(นางกนกพรรณ วรรณ์คา)

วนั …………….เดือน……………………….พ.ศ…………………

เกณฑ์การประเมนิ

การสรา้ งแบบจาลองและนาเสนอข้อมลู

องคป์ ระกอบ ระดบั คะแนน 4-5 รวมคะแนน
2 -3 5
0-1 วาดภาพ
การวาดภาพ ไม่วาดภาพ วาดภาพ แบบจาลองการ 5
แบบจาลองอะตอม แบบจาลองหรือ แบบจาลองการ แยกสารใน
แยกสารได้ถกู ต้อง ชีวิตประจาวันได้
วาดไมถ่ ูกต้อง แต่ไมส่ มบรู ณ์ ถกู ต้องและ
สมบูรณ์
การใชแ้ บบจาลอง ไม่เขียนคาอธิบาย เขียนคาอธิบาย
เพื่อการอธิบาย หรือเขยี นไม่ เช่ือมโยง เขียนคาอธิบาย
ถูกต้องหรือไม่ แบบจาลอง เชื่อมโยง
เช่อื มโยง บางสว่ นแตไ่ ม่ แบบจาลอง
แบบจาลอง เพยี งพอ หรือไม่ สามารถนาไปสู่การ
ครบถ้วน สาหรับ อธบิ ายใน
การอธบิ าย ชวี ติ ประจาวนั ได้

รปู ภาพ การดาเนนิ การจดั การเรยี นการสอน



ชดุ อปุ กรณ์ Ideakit

สื่อการสอน แยกสารเน้ือผสม


Click to View FlipBook Version