คู่มือความปลอดภัย ในการทำ งาน บริษัท แมนเอโฟรสเซนฟู้ดส์ จำ กัด
คำ นำ
นิยามศัพท์สาเหตุการเกิดอุบัติเหตุความสูญเสียจากอุบัติเหตุการสอบสวนอุบัติเหตุโรคจากการทำ งานการป้องกันการเจ็บป่วย สารบัญความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัยฯ 1 124557 4ความร้อน แสง เสียงอุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคลสารเคมีอันตรายไฟฟ้าเครื่องจักร ปั้นจั่น หม้อน้ำรังสีกฎทั่วไปเกี่ยวกับความปลอดภัยหน้าที่ของจป.แต่ละระดับ810111213141516กฎหมายความปลอดภัยฯ 2ทำ งานบนที่สูงเครื่องจักรสารเคมีไฟฟ้านั่งร้านลิฟต์ขนส่งรถยก โฟล์คลิฟต์งานตัด งานเชื่อม งานเจียร์2223242526262728ข้อบังคับว่าด้วยความปลอดภัยฯ3
การป้องกันอัคคีภัย แผนฉุกเฉินแอมโมเนีย แผนฉุกเฉินคลอรีน แผนฉุกเฉิน Boiler ก๊าซ LPG แผนสารเคมี ป้ายสัญลักษณ์ความปลอดภัย สารบัญ (ต่อ) 29 31 32 33 34 35 37 ข้อบังคับว่าด้วยความปลอดภัยฯ (ต่อ) 3 4
1 ความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำ งาน ความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำ งาน
3 4 5 6 7 1 การใช้อุปกรณ์เครื่องมือที่เป็นเครื่องจักรกลต่าง ๆ โดยพลการหรือไม่ได้รับมอบหมาย สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุ 2 การใช้เครื่องมืออุปกรณ์เครื่องจักรที่ชำ รุดและไม่ถูก วิธี การถอดอุปกรณ์ป้องกันออกจากเครื่องจักรโดยไม่มี เหตุอันสมควรสมควร การดูแลซ่อมบำ รุงอุปกรณ์เครื่องจักรในขณะที่กำ ลัง ทำ งาน การคึกคะนองหรือเล่นตลกขณะทำ งาน ไม่สวมใสอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล ไม่ใส่ใจในคำ แนะนำ หรือคำ เตือนความปลอดภัย 1. สาเหตุจากการปฏิบัติงานที่ไม่ปลอดภัย (Unsafe Act) เป็นการกระทำ ที่ไม่ ปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงานในขณะทำ งาน ซึ่งอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ เช่น 2
1 2 3 4 5 6 7 เครื่องจักรไม่มีอุปกรณ์ป้องกันอันตราย สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุ อุปกรณ์เครื่องมือเครื่องจักรที่ออกแบบไม่เหมาะ สมกับการใช้งาน ไม่มีการจัดระเบียบและดูแลความสะดวกของ สถานที่ทำ งานให้ถูกต้องตามสุขลักษณะ บริเวณพื้นที่ของการปฏิบัติงานไม่เหมาะสม แสงสว่างไม่เพียงพอ ไม่มีระบบระบายและถ่ายเทอากาศที่เหมาะสม ไม่มีระบบเตือนภัยที่เหมาะสม 2. สภาพการทำ งานที่ไม่ปลอดภัย (Unsafe Condition) คือสภาพแวดล้อมที่ไม่ ปลอดภัยโดยรอบตัวของผู้ปฏิบัติงานขณะทำ งาน ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของการเกิด อุบัติเหตุได้ เช่น 3
ความสูญเสียจากอุบัติเหตุ ในการทำ งาน 1. ความสูญเสียทางตรง (Direct Loss)หมายถึง จำ นวนเงินที่ต้อง จ่ายไปอันเกี่ยวเนื่องกับผู้ได้รับบาดเจ็บโดยตรงจากการเกิดอุบัติเหตุ หรือเป็นค่าเสียหายที่แสดงให้เห็นอย่างเด่นชัด ได้แก่ 1.1 ค่ารักษาพยาบาล 1.2 ค่าทดแทนจากการได้รับบาดเจ็บ 1.3 ค่าทำ ขวัญ 1.4 ค่าทำ ศพ 1.5 ค่าประกันชีวิต 2. ความสูญเสียทางอ้อม (Indirect Loss) หมายถึง ค่าใช้จ่ายอื่นๆ (ซึ่ง ส่วนใหญ่จะคำ นวณเป็นตัวเงินได้) นอกเหนือจากค่าใช้จ่ายทางตรง สำ หรับการเกิดอุบัติเหตุในแต่ละครั้งรั้ ได้แก่ สูญเสียเวลาการทำ งานของผู้บาดเจ็บ สูญเสียขวัญกำ ลังใจในการทำ งาน สูญเสียเวลาในการจัดหาบุคลากรมาทำ งาน แทนผู้บาดเจ็บ ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแชมเครื่องจักร สินค้าได้รับความเสียหาย กระบวนการผลิตขัดข้อง ผลผลิตช้าลง สูญเสียเวลาทางการแพทย์ที่ต้องช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ มีค่าใช้จ่ายสวัสดิการเรื่องบาดเจ็บ สูญเสียชื่อเสียง 4
การสอบสวนอุบัติเหตุ หากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเหตุฉุกเฉินและได้มีการปฏิบัติตาม แผนระงับเหตุจุกเฉินแล้ว ผู้บริหารจะต้องทำ การสอบสวนเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้น เพื่อหาสาเหตุพื้นฐาน (Basic Causes) เพื่อนำ ไปสู่การแก้ไข และเพื่อให้เป็นตามข้อกำ หนดของกฎหมาย กรณีที่อุบัติเหตุเกิดขึ้นหัวหน้างานร่วมกับเจ้าหน้าที่ความปลอดภัย หรือทีมสอบสวนต้องทำ การสอบสวนเพื่อหาสาเหตุและทบทวนสถิติ อุบัติเหตุ เพื่อระบุขี้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้นและดูแนวโน้มของอุบัติเหตุเพื่อหา ทางควบคุม ป้องกัน ก่อนที่เกิดความสูญเสียมากขึ้น โรคจากการประกอบอาชีพและ สิ่งแวดล้อม โรคจากการทำ งานหรือโรคจากการประกอบอาชีพหรือตามกฎหมาย เรียกว่า โรคซึ่งเกิดขึ้นเกี่ยวเนื่องกับการทำ งาน บางโรคอาจจะปรากฎอาการ อย่างเฉียบพลันเนื่องจากอาจได้รับสิ่งทำ ให้เกิดโรคในปริมาณค่อนข้างสูงใน ระยะเวลาอันสั้นสั้แต่บางโรคอาจจะปรากฎอาการแบบเรื้อรัง เนื่องจากคนงาน จะค่อยๆได้รับสิ่งที่ทำ ให้เกิดโรคนั้นนั้ทีละน้อยๆ เป็นเวลานานหลายเดือนหรือ หลายปี โรคส่วนใหญ่เมื่อเกิดขึ้นแล้วจะมีความรุนแรงสูง บางครั้งรั้ ไม่อาจรักษา ให้กลับสู่สภาพเดิมได้และมีจำ นวนมากที่เป็นโรคนี้เกิดความรุนแรงมากจน พิการหรือเสียชีวิต 5
จากประกาศกระทรวงรงงานและสวัสดิการสังคม กำ หนดชนิดของโรคตาม พระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ. 2537 มีจำ นวน 32 โรค ดังนี้ 1. โรคจากตะกั่วกั่/สารประกอบตะกั่วกั่ 2. โรคจากแมงกานีส/สารประกอบแมงกานีส 3. โรคจากสารหนู /สารประกอบสารหนู 4. โรคจากเบอริลเสี่ยม /สารประกอบเบอริลเลี่ยม 5. โรคจากปรอท /สารประกอบปรอท 6. โรคจากโครเมี่ยม /สารประกอบโครเมี่ยม 7. โรคจากนิเกิ้ลกิ้/สารประกอบนิเกิ้ลกิ้ 8. โรคจากสังกะสี 9. โรคจากแคดเมี่ยม สารประกอบแคดเมี่ยม 10. โรคจากฟอสฟอรัส/สารประกอบฟอสฟอรัส 11. โรคจากคาร์บอนไดซัลไฟด์ 12. โรคจากไฮโดรเจนซัลไฟด์ 13. โรคจากซัลเฟอร์ไดออกไซด์ /กรดซัลฟิวริค 14. โรคจากไนโตรเจนออกไซด์ /กรดไนตริค 15. โรคจากแอมโมเนีย 16. โรคจากคลอรีน /สารประกอบคลอลีน 17. โรคจากคาร์บอนมอนนอกไซด์ 18. โรคจากเบนซีน้องหรือสารประกอบเบนซีน 19. โรคฮาโลเจนเป็นอนุพันธ์ของกลุ่มน้ำ มัน 20. โรคจากสารกำ จัดศัตรูพืช 21. โรคจากสารเคมีอื่น /สารประกอบสารเคมีอื่นๆ 22. โรคจากเสียง 23. โรคจากความร้อน /สารประกอบสังกะสี 24. โรคจากความเย็น 25. โรคจากความสั่นสั่สะเทือน 26. โรคจากความกดดันอากาศ 27. โรคจากรังสีไม่แตกตัว 28. โรคจากรังสีแตกตัว 29. โรคจากคลื่นแม่เหล็ก-ไฟฟ้าอื่นๆ 30. โรคจากฝุ่น 31. โรดติดเชื้อจากการทำ งาน 32. โรคอื่นๆ ซึ่งเกิดขึ้นตามลักษณะหรือสภาพ โรคจากการประกอบอาชีพและ สิ่งแวดล้อม (ต่อ) 6
7 การป้องกันการเจ็บป่วย สภาพแวดล้อมในการทำ งานที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ สภาพแวดล้อมในการทำ งานที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ หมายถึง สิ่งหรือสภาพต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัวผู้ปฏิบัติงาน เช่น ความร้อน ความเย็น แสงสว่าง เสียงดัง ความสั่นสะเทือน รังสี ก๊าซ ไอสาร ฝุ่น ฟูม ละออง สารเคมี เชื้อโรค และสัตว์ต่าง ๆ นอกจากนี้ยังรวมถึงสภาพการทำ งาน ที่ซ้ำ ซาก การเร่งรีบทำ งาน การทำ งานล่วงเวลา สัมพันธภาพระหว่าง เพื่อนร่วมงาน ค่าตอบแทน และชั่วโมงการทำ งาน เป็นต้น ความไม่ เหมาะสมของสภาพแวดล้อมในการทำ งาน นับว่าเป็นปัจจัยที่มีส่วน เกี่ยวข้องในการก่อให้เกิดการเจ็บป่วยจากการทำ งานได้
กฎกระทรวง งานเบา คือ ลักษณะงานที่ใช้แรงน้อยหรือใช้กำ ลังที่เผา ผลาญอาหารในร่างกายไม่เกิน 200 กิโลแคลล อรีต่อชั่วโมง งานปานกลาง งานหนัก กฎกระทรวง กำ หนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำ เนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และ สภาพแวดล้อมในการทำ งานเกี่ยวกับความร้อน แสงสว่าง และเสียง พ.ศ. 2559 คือ ลักษณะงานที่ใช้แรงปานกลางหรือใช้กำ ลังที่ เผาผลาญอาหารในร่างกายไม่เกิน 200 - 350 กิโลแคลลอรีต่อชั่วโมง คือ ลักษณะงานที่ใช้แรงมากหรือใช้กำ ลังที่เผา ผลาญอาหารในร่างกายมากกว่า 350 กิโลแคล ลอรีต่อชั่วโมง 8
งานเบา งานปานกลาง งานหนัก ความร้อน หมวดที่ 1 แสงสว่าง หมวดที่ 2 34 32 30 ลูกจ้างทำ งานในลักษณะ งานเบา ต้องมีมาตรฐาน ระดับความร้อนไม่เกินค่า เฉลี่ย ลูกจ้างทำ งานในลักษณะ งานปานกลาง ต้องมี มาตรฐานระดับความร้อน ไม่เกินค่าเฉลี่ย ลูกจ้างทำ งานในลักษณะ งานหนัก ต้องมีมาตรฐาน ระดับความร้อนไม่เกินค่า เฉลี่ย องศาเซลเซียส องศาเซลเซียส องศาเซลเซียส กรณีที่ภายในสถานประกอบ กิจการมีระดับความร้อนเกิน มาตรฐานที่กำ หนดนายจ้างต้อง ดำ เนินการปรับปรุงหรือแก้ไข สภาวะการทำ งานให้ระดับความ ร้อนไม่เกินมาตรฐาน นายจ้างต้องจัดให้สถานประกอบกิจการมีความเข้มของแสงให้เพียงพอต่อ การทำ งานไม่ต่ำ กว่ามาตรฐานตามกฎกระทรวงตลอดระยะเวลาการทำ งาน ในกรณีที่ต้องทำ งานให้สถานที่ มืด ทึบ คับแคบ นายจ้างต้องจัดให้ลูกจ้าง สมหมวกนิรภัยที่มีอุปกรณ์ส่องแสงสว่าง 9
นายจ้างต้องควบคุมระดับเสียงที่ลูกจ้างได้รับเฉลี่ยตลอดเวลการทำ งานใน แต่ละวันไม่ให้เกินมาตรฐานที่ได้กำ หนดไว้ ในบริเวณที่มีระดับเสียงเกินมาตรฐานที่กำ หนด นายจ้างต้องจัดให้มี เครื่องหมายเตือนให้ใช้อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคลติดไว้ให้ เห็นชัดเจน ในกรณีที่สภาวะการทำ งานมีระดับเสียงเฉลี่ยตลอดเวลาการทำ งาน 8 ชั่วชั่ โมง ตั้งตั้แต่ 85 dB(A) ขึ้นไป นายจ้างต้องจัดทำ มาตรการอนุรักษ์ก ษ์ ารได้ยิน หมวดที่ 1 อุปกรณ์คุ้มครองความ ปลอดภัยส่วนบุคคล หมวดที่ 2 เสียง หมวกนิรภัย หน้ากากกันฝุ่น ถุงมือนิรภัย รองเท้านิรภัย เสื้อสะท้อนแสง แว่นตานิรภัย อุปกรณ์ป้องกันหู เข็มขัดนิรภัย 10
กฎกระทรวง กำกำกำกำหนดมาตรฐานในการบริริ ริ หริ หาร จัจั จั ด จั ดการ และดำดำดำดำเนินิ นินิ นการด้ด้ ด้ า ด้ านความปลอดภัภั ภั ย ภั ย อาชีชีชี วชี วอนามัมั มั ย มั ย และสภาพแวดล้ล้ ล้ อ ล้ อมในการทำทำทำทำงานเกี่กี่ กี่ ย กี่ ยวกักั กั บ กั บสารเคมีมี มีมี อัอั อั น อั นตราย พ.ศ. 2556 สารเคมีอันตราย หมายความว่า ธาตุ สารประกอบ หรือสารผสม ตามบัญชีรายชื่อที่อธิบดีประกาศกำ หนด ซึ่งมี สถานะเป็นของแข็ง ของเหลว หรือก๊าซ ไม่ว่าจะอยู่ในรูปเส้นใย ฝุ่น ละออง ไอ หรือฟูม ที่มีคุณสมบัติอย่าง หนึ่งอย่างใด หรือหลายอย่างรวมกัน ดังนี้ - มีพิษ กัดกร่อน ระคายเคือง ซึ่งอาจทำ ให้เกิดอาการแพ้ การก่อมะเร็ง หรือการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม เป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์หรือสุขภาพอนามัย หรือทำ ให้ถึงแก่ความตาย - เป็นตัวทำ ปฏิกิริยาที่รุนแรง เป็นตัวเพิ่มออกซิเจนหรือไวไฟ ซึ่งอาจทำ ให้เกิดการระเบิดหรือไฟไหม้ หมวด 1 ข้อมูลความปลอดภัยของสารเคมีอันตราย 1. ให้นายจ้างจัดทำ บัญชีรายชื่อสารเคมีอันตรายและรายละเอียดข้อมูลความปลอดภัยของสารเคมีอันตรายตาม แบบที่อธิบดีประกาศกำ หนด 2. แจ้งให้ลูกจ้างทราบและอธิบายให้ลูกจ้างเข้าใจข้อมูลความปลอดภัยของสารเคมีอันตรายที่อยู่ในครอบครอง 3. จัดทำ คู่มือเกี่ยวกับแนวปฏิบัติและขั้นขั้ตอนในการทำ งานเกี่ยวกับสารเคมีอันตราย คำ แนะนำ ลูกจ้างเกี่ยวกับ การป้องกันอันตราย ความหมายของข้อมูลที่มีบนฉลากและเอกสารข้อมูลความปลอดภัยของสารเคมีอันตราย หมวด 2 ฉลากและป้าย นายจ้างจัดให้มีการปิดฉลากที่เป็นภาษาไทยมีขนาดใหญ่พอสมควร อ่านง่าย คงทน ไว้ที่หีบห่อบรรจุภัณฑ์ ภาชนะบรรจุ และต้องมีป้ายห้าม ป้ายให้ปฏิบัติหรือป้ายเตือน ในการทำ งานเกี่ยวกับสาร เคมีอันตรายในที่ที่เห็นได้ชัด หมวด 5 การขนถ่าย การเคลื่อนย้าย หรือการขนส่ง 1.การปฏิบัติเกี่ยวกับการขนถ่าย เคลื่อนย้าย หรือขนส่งสารเคมีอันตราย - มีมาตรการป้องกันการฟุ้งกระจายรวมทั้งทั้การกระเด็น หก ล้น รั่วรั่ ไหล หรือตกหล่นและทำ ปฏิกิริยาต่อกันของ สารเคมีอันตราย - จัดให้มีเครื่องดับเพลิงชนิดเคลื่อนย้ายได้ที่มีคุณสมบัติสมารถดับเพลิงจากสารเคมีอันตรายตามความเหมาะสม หมวด 8 การดูแลสุขภาพอนามัย มีการประเมินความเสี่ยงต่อสุขภาพของลูกจ้างที่มีการใช้สารเคมีอันตราย กรณีที่ผลการประเมินอยู่ในระดับที่ อาจก่อให้เกิดอันตราย 11
หมวด ๑ บททั่วไป 1. ให้นายจ้างจัดให้มีข้อบังคับเกี่ยวกับการปฏิบัติงานด้านความปลอดภัยในการทํางานเกี่ยวกับไฟฟ้า 2. ให้นายจ้างจัดให้มีการฝึกอบรมให้กับลูกจ้างซึ่งปฏิบัติงานเกี่ยวกับไฟฟ้าให้มีความรู้ ความเข้าใจ และทักษะ ที่จําเป็นในการทํางานอย่างปลอดภัยตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ทั้งทั้นี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ อธิบดีประกาศกำ หนด 3. ให้นายจ้างจัดให้มีแผ่นป้ายที่มีตัวอักษรหรือสัญลักษณ์เตือนให้ระวังอันตราย จากไฟฟ้าที่มองเห็นได้ชัดเจน ติดตั้งตั้ ไว้โดยเปิดเผยในบริเวณที่อาจเกิดอันตรายจากกระแสไฟฟ้า 4. ห้ามนายจ้างให้ลูกจ้างซึ่งปฏิบัติงานเกี่ยวกับไฟฟ้าเข้าใกล้หรือนําสิ่งที่เป็นตัวนําไฟฟ้า ที่ไม่มีที่ถือหุ้มด้วย ฉนวนไฟฟ้าที่เหมาะสมกับแรงดันไฟฟ้าเข้าใกล้สิ่งที่มีกระแสไฟฟ้าในระยะที่น้อยกว่า ระยะห่างตามมาตรฐาน ของสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กฎกระทรวง กำกำกำกำหนดมาตรฐานในการบริริ ริ หริ หาร จัจั จั ด จั ดการ และดำดำดำดำเนินิ นินิ นการด้ด้ ด้ า ด้ านความปลอดภัภั ภั ย ภั ย อาชีชีชี วชี วอนามัมั มั ย มั ย และ สภาพแวดล้ล้ ล้ อ ล้ อมในการทำทำทำทำงานเกี่กี่กี่ยกี่วกักั กั บ กั บไฟฟ้ฟ้ฟ้ฟ้ า พ.ศ. 2558 หมวด ๒ บริภัณฑ์ไฟฟ้าและเครื่องกําเนิดไฟฟ้า 1. นายจ้างจัดให้มีการใช้กุญแจป้องกันการสับสวิตช์เชื่อมต่อวงจร หรือจัดให้มีระบบ ระวังป้องกันมิให้ เกิดการสับสวิตช์เชื่อมต่อวงจรตลอดเวลาที่ลูกจ้างซึ่งปฏิบัติงานเกี่ยวกับไฟฟ้าทํางาน ติดตั้งตั้ตรวจสอบ ซ่อมแซม หรือซ่อมบํารุงระบบไฟฟ้าหรือบริภัณฑ์ไฟฟ้า และให้ติดป้ายแสดง เครื่องหมาย หรือสัญลักษณ์ ห้ามสับสวิตช์เชื่อมต่อวงจร 2. ห้ามนายจ้างให้ลูกจ้างทำ ความสะอาดบริภัณฑ์ไฟฟ้าที่มีกระแสไฟฟ้า เว้นแต่มีมาตรการด้านความ ปลอดภัยรองรับไว้อย่างครบถ้วน หมวด ๔ อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคล และอุปกรณ์ป้องกันอันตรายจากไฟฟ้า นายจ้างจัดอุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคลที่เหมาะสมกับลักษณะงาน เช่น ถุงมือหนัง ถุงมือยาง แขนเสื้อยาง หมวกนิรภัย รองเท้าพื้นยางหุ้มข้อชนิดมีส้น หรือรองเท้าพื้นยางหุ้มส้น ให้ลูกจ้าง ซึ่งปฏิบัติงานเกี่ยวกับไฟฟ้าสวมใส่ตลอดเวลาที่ปฏิบัติงาน และจัดให้มีอุปกรณ์ป้องกันอันตรายจากไฟฟ้า ที่เหมาะสมกับลักษณะงาน 12
กฎกระทรวง กำกำกำกำหนดมาตรฐานในการบริริ ริ หริ หาร จัจั จั ด จั ดการ และดำดำดำดำเนินิ นินิ นการด้ด้ ด้ า ด้ านความปลอดภัภั ภั ย ภั ย อาชีชีชี วชี วอนามัมั มั ย มั ย และ สภาพแวดล้ล้ ล้ อ ล้ อมในการทำทำทำทำงานเกี่กี่กี่ยกี่วกักั กั บ กั บเครื่รื่รื่รื่รื่ อรื่ องจัจั จั ก จั กร ปั้ปั้ปั้ปั้ ปั้ปั้ นจั่จั่จั่นจั่ และหม้ม้ ม้ อ ม้ อน้ำน้ำ น้ำน้ำ น้ำน้ำ พ.ศ. 2564 หมวด 1 เครื่องจักร การทำ งานเกี่ยวกับเครื่องจักรทั่วไป 1. ลูกจ้างซึ่งทำ งานเกี่ยวกับเครื่องจักร ต้องสวมใส่เครื่องนุ่งห่มให้เรียบร้อย รัดกุม และไม่รุ่งริ่ง ไม่สวม ใส่เครื่องประดับที่อาจเกี่ยวโยงกับสิ่งหนึ่งสิ่งใดได้ รวบผมที่ปล่อยยาวเกินสมควร 2. นายจ้างต้องดูแลให้ลูกจ้างซึ่งทำ งานกับเครื่องจักรตรวจสอบเครื่องจักรนั้นนั้ ให้อยู่ ในสภาพใช้งานได้ดี และปลอดภัยก่อนการใช้งาน 3.นายจ้างต้องดูแลให้พื้นบริเวณรอบเครื่องจักรมีความปลอดภัยจากความร้อน แสงสว่าง เสียง ฝุ่น ฟูม โลหะ สารเคมีอันตราย หรือสิ่งกีดขวาง ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อลูกจ้างหรือผู้ซึ่งเกี่ยวข้อง 4. บริเวณที่มีการติดตั้งตั้การซ่อมแซม หรือการตรวจสอบเครื่องจักร ต้องติดป้ายแสดงการดำ เนินการดัง กล่าว โดยใช้เครื่องหมายหรือข้อความที่เข้าใจง่ายและเห็นได้ชัดเจน หมวด 2 ปั้นจั่น หมวด ๓ หม้อน้ำ หม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำ ความร้อน ภาชนะรับความดัน และ ภาชนะบรรจุก๊าซทนความดัน ส่วนที่ ๑ บททั่วไป นายจ้างต้องจัดให้ลูกจ้างซึ่งปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ควบคุมหม้อน้ำ หรือหม้อต้มผ่านการฝึกอบรม แนวทางการปฏิบัติที่ดีเกี่ยวกับการใช้งานและความปลอดภัยในการทำ งานของหม้อน้ำ หรือหม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำ ความร้อน โดยให้รับการฝึกอบรมนั้นนั้ต้องทำ อย่างน้อยสองปีต่อหนึ่งครั้งรั้ ขนาดพิกัดยก 1 -3 ต้นทดสอบส่วนประกอบและอุปกรณ์ของปั้นจั่นจั่ปีละ1ครั้งรั้ ขนาดพิกัดยก 3 - 50ต้น ทดสอบส่วนประกอบและอุปกรณ์ของปั่นจั่นจั่ทุก ๆ 6 เดือน ขนาดพิกัดยกมากกว่า 50 ต้นขึ้นไปทดสอบส่วนประกอบและอุปกรณ์ของปั้นจั่นจั่ทุกๆ 3 เดือน ไม่มีรายละเอียดขนาดพิกัดยกทดสอบให้นายจ้างทดสอบโดยใช้ขนาดพิกัดยกตามที่วิศวกรกำ หนด ปั้นจั่นจั่ที่หยุดการใช้งานตั้งตั้แต่ 6 เดือนขึ้นไป หรือปั้นจั่นจั่ที่มีการช่อมแชม ก่อนนำ มาใช้งานใหม่จะต้อง ทดสอบส่วน 13
กฎกระทรวงกำกำกำกำหนดมาตรฐานการทำทำทำทำงานเกี่กี่กี่ยกี่วกักั กั บ กั บรัรั รั ง รั งสีสี สีสี พ.ศ.2564 หมวด ๑ บททั่วไป ข้อ ๓ การแจ้งตามกฎกระทรวงนี้ให้เป็นไปตามแบบที่อธิบดีประกาศกำ หนด และให้ดำ เนินการโดย วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลัก ในกรณีที่ไม่สามารถดำ เนินการโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ให้การ ดำ เนินการดังกล่าวกระทำ ณ สถานที่ ข้อ ๔ การเก็บเอกสารหรือหลักฐานไว้ให้พนักงานตรวจความปลอดภัยตรวจสอบจะเก็บ โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ หมวด ๒ การควบคุมและป้องกันอันตราย ข้อ ๕ ให้นายจ้างแจ้งประเภทต้นกำ เนิดรังสี ปริมาณรังสี และสถานประกอบกิจการซึ่งต้นกำ เนิดรังนั้นนั้ตั้งตั้ อยู่ รวมทั้งทั้แจ้งข้อมูลเกี่ยวกับการอนุญาตหรือการแจ้งการครอบครองหรือใช้ตามกฎหมายว่าด้วย พลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติต่ออธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่นำ ต้นกำ เนิดรังสี เข้ามาในสถานประกอบกิจการในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลตามวรรคหนึ่ง ให้นายจ้างแจ้งต่ออธิบดี หรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่มีการเปลี่ยนแปลง ข้อ ๗ นายจ้างต้องกำ หนดพื้นที่ควบคุมโดยจัดทำ รั้วรั้คอกกั้นกั้หรือเส้นแสดงแนวเขต หรือ วิธีการอื่นที่เหมาะสม และจัดให้มีป้ายสัญลักษณ์ทางรังสีพร้อมข้อความเตือนภัยที่เหมาะสมอย่างน้อย เป็นภาษาไทยและภาษาอื่นที่ลูกจ้างสามารถเข้าใจได้ แล้วแต่กรณี แสดงให้เห็นชัดเจนในบริเวณนั้นนั้ หมวด ๓ สัญลักษณ์ทางรังสี สัญญาณเตือนภัย และระบบสัญญาณฉุกเฉิน ข้อ ๒๑ นายจ้างต้องจัดให้มีสัญลักษณ์ทางรังสีพร้อมข้อความเตือนภัยจากรังสีแสดงให้เห็นอย่างชัดเจน บริเวณพื้นที่ควบคุม ต้นกำ เนิดรังสี กากกัมมันตรังสี และเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ใช้แล้ว ทั้งทั้นี้สัญลักษณ์ทาง รังสีพร้อมข้อความเตือนภัยดังกล่าวให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมหรือ กฎหมายว่าด้วยพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ ข้อ๒๒นายจ้างต้องจัดให้มีสัญญาณฟสีแดงหรือป้ายสัลักษณ์เตือนภัยให้เห็นได้อย่างชัดเจนขณะที่มีการใช้ งานต้นกำ เนิดรังสี ข้อ ๒๓ นายจ้างต้องจัดให้มีระบบสัญญาณฉุกเฉินในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินทางรังสีเพื่อให้ลูกจ้างออกไปยัง สถานที่ที่ปลอดภัย โดยสัญญาณฉุกเฉิน หมวด ๔ อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคล ข้อ ๒๔ นายจ้างต้องจัดให้มีอุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคล เช่น หมวกพลาสติกถุงมือผ้าหรือยาง รองเท้า เสื้อคลุมที่ทำ ด้วยฝ้ายหรือยาง แว่นตา ที่กรองอากาศ เครื่องช่วยหายใจ หรืออุปกรณ์อื่นที่จำ เป็น ซึ่ง มีคุณสมบัติที่สามารถป้องกันหรือลดอันตรายจากรังสีที่จะเข้าสู่ร่างกายเพื่อให้ลูกจ้างซึ่งปฏิบัติงานเกี่ยวกับรังสี ใช้หรือสวมใส่ตลอดเวลาขณะปฏิบัติงาน ทั้งทั้นี้ ให้เป็นไปตามสภาพและลักษณะของงาน 14
กฎทั่วไปเกี่ยวกับความปลอดภัย 1. หากมีความสงสัย, ไม่เข้าใจที่เกี่ยวกับงานควรรีบปรึกษาหัวหน้างาน (ทันที) 2. ห้ามหยอกล้อเล่นกันในขณะปฏิบัติงาน 3. ต้องปิดสวิทซ์ หรือถอดปลั๊กลั๊ก่อนล้างครื่องจักรทุกครั้งรั้ 4. ไม่สบาย ร่างกายไม่พร้อม ง่วง ซึมให้รีบปรึกษาพยาบาล หรือแพทย์ ทันที 5. ต้องปฏิบัติตามแผนฉุกเฉิน, กฎระเบียบ ,เครื่องหมายป้ายเตือน และป้ายห้ามต่างๆ ของ บริษัทษัฯอย่างเคร่งครัด และกำ จัด บำ บัด ลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นและมีผลต่อสิ่ง แวดล้อม 6. อย่าทำ งานในที่ลับตาคนเพียงคนเดียว โดยไม่มีใครทราบ โดยเฉพาะการทำ งานหลัง เวลาทำ งานปกติ เช่น งานไฟฟ้า ที่อับอากาศ เป็นต้น 7. ต้องแต่งกายให้เรียบร้อยรัดกุม ไม่ขาดรุ่งริ่ง หรือมีส่วนยื่นห้อย และปฏิบัติตามหลัก ของ GMP HACCP และกฎความปลอดภัยของงานนั้นนั้ๆ เป็นต้น 8. ต้องใส่อุปกรณ์ป้องกันอันตราย PPE ตามประเภท หรือชนิดของงานนั้นนั้ๆ ตลอดเวลา ทำ งาน 9. ขณะปฏิบัติงานต้องมีการสื่อสาร ประสานงานที่ดีกับเพื่อนร่วมงาน เช่น ใช้วิทยุสื่อสาร 10. การปรับแต่ง, เปลี่ยนแปลงหรือซ่อมแซมอุปกรณ์ใดๆต้องกระทำ โดยผู้มีหน้าที่รับผิด ชอบเท่านั้นนั้ 11. ห้ามนำ อาหาร เครื่องดื่ม ขนมขบเคี้ยคี้ว ลูกอม หรือตามข้อห้ามของ GMP เข้าไลน์ การผลิต โดยเด็ดขาด 12. ต้องสูบบุหรี่ในเวลาและในพื้นที่ที่กำ หนดไว้ให้เท่านั้นนั้ 13. ไม่อนุญาตให้ใช้ทางออก หรือประตูฉุกเฉินในสถานการณ์ปกติ 14. ห้ามฉีดเครื่องดับเพลิงหรือกดสัญญาณแจ้งเหตุฉุกเฉินเล่นโดยไม่มีเหตุอันควร 15. ผู้รับเหมา ที่เข้ามาปรับปรุงแก้ไขซ่อมแซม ต้องปฏิบัติตามกฎด้านความปลอคภัย หรือต้องได้รับอนุญาต Work permit ก่อนเริ่มงานทุกครั้งรั้ 16. กรณีหญิงมีครรภ์ ห้ามยกของหนัก ,ขึ้นที่สูง หรือทำ งานที่อาจเป็นอันตรายต่อ สุขภาพ และไม่ทำ งาน ในช่วงเวลา 24.00 น. - 06.00 น. หรือเกินกว่าที่กฎหมาย กำ หนดไว้ 15
1. กำ หนดนโยบายและเป้าหมายด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อม ในการทำ งานให้ผู้ใต้บังตับบัญชาจัดทำ เผนและดำ เนินงานตามนโยบาย 2. จัดโครงสร้างการบริหารงานด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อม ในการทำ งานและหน่วยงานความปลอดภัยให้มีประสิทธิภาพ 3. ตรวจสอบ /วัดผล และประเมินผลการดำ เนินด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยฯ ของหน่วยงาน ให้เป็นไปตามเป้าหมายขององค์กร 4. บริหารงานให้เป็นไปตามกฎหมาย 5. ให้ความสนับสนุนและกำ หนดทรัพยากรอย่างเพียงพอในการดำ เนินงานด้าน ความปลอดภัยอาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อมในการทำ งาน 6. ปฏิบัติตามกฎ, ข้อกำ หนด, คู่มือและมาตรฐานการปฏิบัติงานของหน่วยงาน โดยให้มีความปลอดภัยมากที่สุด 7. กำ กับดูแล และฝึกอบรม การปฏิบัติหน้าที่ความรับผิดชอบตามแผนระงับเหตุ ฉุกเฉินบริษัทษัฯ 8. นำ ผลการดำ เนินงานด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมมา เป็นส่วนหนึ่งในการประเมินผลผู้บริหารและพนักงานขององค์กร ผู้บริหารสูงสุด หน้าที่ค ที่ วามรับ รั ผิด ผิชอบ 16
1. พิจารณานโยบายและแผนงานด้านความปลอดภัยในการทำ งานรวมทั้งทั้ความ ปลอดภัยนอกงาน เพื่อป้องกันและลดการเกิดอุบัติเหตุ การประสบอันตราย การเจ็บ ป่วย หรือการเกิดเหตุเดือดร้อนรำ คาญ อันเนื่องจากการทำ งานหรือความไม่ปลอดภัยใน การทำ งานเสนอต่อนายจ้าง 2. รายงานและเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้องตามกฎหมาย เกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำ งานและมาตรฐานความปลอดภัยในการทำ งานต่อ นายจ้าง เพื่อความปลอดภัยในการทำ งานของลูกจ้าง ผู้รับเหมาและบุคคลภายนอกที่เข้า มาปฏิบัติงาน หรือเข้ามาใช้บริการในสถานประกอบ 3. ส่งเสริม สนับสนุน กิจกรรมด้านความปลอดภัยในการทำ งานของสถานประกอบ กิจการในสถานประกอบกิจการ 4. พิจารณาข้อบังคับและคู่มือตามข้อ 3 รวมทั้งทั้มาตรฐานด้านความปลอดภัยในการ ทำ งานของสถานประกอบกิจการเสนอต่อนายจ้าง 5. สำ รวจการปฏิบัติการด้านความปลอดภัยในการทำ งาน และตรวจสอบสถิติการประสบ อันตรายที่เกิดขึ้น ในสถานประกอบกิจการนั้นนั้อย่างน้อยเดือนละหนึ่งครั้งรั้ 6. พิจารณาโครงการหรือแผนการฝึกอบรมเกี่ยวกับความปลอภัยในการทำ งาน รวมถึง โครงการหรือแผนการอบรมเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบในด้านความ ปลอดภัยของลูกจ้าง หัวหน้างาน ผู้บริหาร นายจ้าง และบุคลากรทุกระดับเพื่อเสนอ ความเห็นต่อนายจ้าง 7. วางระบบการรายงานสภาพการทำ งานที่ไม่ปลอดภัยให้เป็นหน้าที่ของลูกจ้างทุกคน ทุกระดับต้องปฏิบัติ 8.ติดตามความคืบหน้าเรื่องที่เสนอนายจ้าง 9. รายงานผลการปฏิบัติงานประจำ ปี รวมทั้งทั้ระบุปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะ การปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการ 10. ประเมินผลการดำ เนินการด้านความปลอดภัยในการทำ งานของสถานประกอบ กิจการ 11. ปฏิบัติงานด้านความปลอดภัยในการทำ งานอื่นตามที่นายจ้างมอบหมาย คณะกรรมการความปลอดภัย (คปอ.) 17
จป.ระดับบริหาร 1.กำ กับดูแลเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำ งานทกระดับซึ่งอยู่ในบังคับบัญชาของตน เสนอแผนงานหรือโครงการด้านความปลอดภัยในการทำ งานในหน่วยงานที่รับผิดชอบ ต่อนายจ้าง 2. ส่งเสริม สนับสนุนและติดตามการดำ เนินงานเกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำ งาน ให้ เป็นไปตามแผนงานหรือโครงการเพื่อให้มีการจัดการด้านความปลอดภัยในการทำ งานที่ เหมาะสมกับสถานประกอบกิจการ 3. กำ กับดูแลและติดตามให้มีการแก้ไขข้อบกพร่องเพื่อความปลอดภัยในการทำ งานของ ลูกจ้างตามที่ได้รับรายงานหรือตามข้อเสนอแนะของเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการ ทำ งาน คณะกรรมการความปลอดภัยหรือหน่วยงานความปลอดภัย 4. 18
จป.ระดับหัวหน้างาน กำ กับดูแลลูกจ้างในหน่วยงานที่รับผิดชอบให้ปฏิบัติตามคู่มือว่าด้วยความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำ งานของสถานประกอบกิจการ 1. วิเคราะห์งานในหน่วยงานที่รับผิดชอบเพื่อค้นหาความเสี่ยงหรืออันตรายเบื้องต้น จาก การทำ งานโดยอาจร่วมดำ เนินการกับเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำ งานระดับ เทคนิค ระดับเทคนิคขั้นขั้สูงหรือระดับวิชาชีพ 2. จัดทำ คู่มือว่าด้วยความปลอดภัยอาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำ งานของ หน่วยงานที่รับผิดชอบโดยร่วมดำ เนินการกับเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำ งาน ระดับเทคนิค ระดับเทคนิคขั้นขั้สูงหรือระดับวิชาชีพ เพื่อเสนอคณะกรรมการความ ปลอดภัยหรือนายจ้าง แล้วแต่กรณีและทบทวนคู่มือดังกล่าวตามที่นายจ้างกำ หนด โดยนายจ้างต้องกำ หนดให้มีการทบทวนอย่างน้อยทุกหกเดือน 3. สอนวิธีการปฏิบัติงานที่ถูกต้องแก่ลูกจ้างในหน่วยงานที่รับผิดชอบเพื่อให้เกิดความ ปลอดภัยในการทำ งาน 4. ตรวจสอบสภาพการทำ งานของเครื่องจักรเครื่องมือและอุปกรณ์ให้อยู่ในสภาพที่ ปลอดภัยก่อนลงมือปฏิบัติงานประจำ วัน 5. กำ กับดูแลการใช้อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคลของลูกจ้างในหน่วยงานที่ รับผิดชอบ 6. รายงานการประสบอันตราย การเจ็บป่วยหรือการเกิดเหตุเดือดร้อนรำ คาญอัน เนื่องจาก การทำ งานของลูกจ้างต่อนายจ้างและแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการ ทำ งานระดับเทคนิค ระดับเทคนิคขั้นขั้สูงหรือระดับวิชาชีพ สำ หรับสถานประกอบ กิจการที่มีหน่วยงานความปลอดภัยให้แจ้งต่อหน่วยงานความปลอดภัยทันทีที่เกิด เหตุ 7. ตรวจสอบหาสาเหตุการประสบอันตราย การเจ็บป่วยหรือการเกิดเหตุเดือดร้อนรำ คาญ อันเนื่องจากการทำ งานของลูกจ้างร่วมกับเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำ งานระดับ เทคนิค ระดับเทคนิคขั้นขั้สูงหรือระดับวิชาชีพและรายงานผลการตรวจสอบ รวมทั้งทั้ เสนอแนะแนวทางการแก้ไขปัญหาต่อนายจ้าง เพื่อป้องกันการเกิดเหตุโดยไม่ชักช้า 8. 9.ส่งเสริมและสนับสนุนกิจกรรมความปลอดภัยในการทำ งาน ปฏิบัติงานด้านความปลอดภัยในการทำ งานอื่นตามที่นายจ้างหรือเจ้าหน้าที่ความ ปลอดภัยในการทำ งานระดับบริหารมอบหมาย 10. 19
1.ตรวจสอบและเสนอแนะให้นายจ้างปฏิบัติตามกฎหมายความปลอดภัย 2.รวบรวมสถิติวิเคราะห์ข้อมูล ทำ รายงานและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการประสบอันตราย 3.วิเคราะห์งานเพื่อชี้บ่ชี้บ่งอันตราย 4.วิเคราะห์แผนงานโครงการมาตรการ 5.ตรวจประเมินตามแผน 6.ตรวจสอบหาสาเหตุและวิเคราะห์การประสบอันตราย 7.แนะนำ ฝึกสอน อบรมลูกจ้าง 8. ให้ลูกจ้างปฏิบัติตามข้อบังคับความปลอดภัย 9.ปฏิบัติงานด้านความปลอดภัยอื่นๆ ตามที่นายจ้างมอบหมาย จป.ระดับเทคนิคขั้น ขั้ สูง จป.ระดับเทคนิค 1.ตรวจสอบและเสนอแนะให้นายจ้างปฏิบัติตามกฏหมายความปลอดภัย 2.ดำ เนินการจัดทำ รายงานการประสบอันตราย 3.รวบรวมสถิติจัดทำ รายงานและข้อเสนอแนะการประสบอันตราย 4.ปฏิบัติงานด้านความปลอดภัยอื่นๆ ตามที่นายจ้างมอบหมาย 5. ให้ลูกจ้างปฏิบัติตามข้อบังคับความปลอดภัย 6.วิเคราะห์งานเพื่อบ่งชี้อัชี้อันตราย 20
ตรวจสอบและเสนอแนะให้นายจ้างปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยความปลอดภัยอาชีว อนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำ งาน 1. วิเคราะห์งานเพื่อชี้บ่ชี้บ่งอันตรายและกำ หนดมาตรการป้องกันและขั้นขั้ตอนการทำ งาน อย่างปลอดภัยเสนอต่อนายจ้าง 2. 3.ประเมินความเสี่ยงด้านความปลอดภัยอาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำ งาน วิเคราะห์แผนงานหรือโครงการและข้อเสนอแนะของหน่วยงานต่างๆและเสนอแนะ มาตรการความปลอดภัยในการทำ งานต่อนายจ้าง 4. ตรวจประเมินการปฏิบัติงานของสถานประกอบกิจการให้เป็นไปตามแผนงานโครงการ หรือมาตรการความปลอดภัยในการทำ งน 5. แนะนำ ให้ลูกจ้างปฏิบัติตามคู่มือว่าด้วยความปลอดภัยอาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อม ในการทำ งานของสถานประกอบกิจการ 6. แนะนำ ฝึกสอนและอบรมลูกจ้างเพื่อให้การปฏิบัติงานปลอดจากเหตุอันจะทำ ให้เกิด ความไม่ปลอดภัยในการทำ งาน 7. ตรวจวัดและประเมินสภาพแวดล้อมหรือดำ เนินการร่วมกับบุคคลหรือนิติบุคคลที่ขึ้น ทะเบียนหรือได้รับใบอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยความปลอดภัย อาชีวอนามัย และ สภาพแวดล้อมในการทำ งาน หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง 8. เสนอแนะต่อนายจ้างเพื่อให้มีการจัดการด้านความปลอดภัยในการทำ งานที่เหมาะสม กับสถานประกอบกิจการและพัฒนาให้มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง 9. ตรวจสอบหาสาเหตุและวิเคราะห์การประสบอันตรายการเจ็บป่วยหรือการเกิดเหตุเดือด ร้อนรำ คาญอันเนื่องจากการทำ งานของลูกจ้าง และรายงานผลการตรวจสอบ รวมทั้งทั้ เสนอแนะแนวทางการแก้ไขปัญหาต่อนายจ้างเพื่อป้องกันการเกิดเหตุโดยไม่ชักช้า 10. รวบรวมสถิติวิเคราะห์ข้อมูลและจัดทำ รายงานและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการประสบ อันตรายการเจ็บป่วย หรือการเกิดเหตุเดือดร้อนรำ คาญอันเนื่องจากการทำ งานของ ลูกจ้างเสนอต่อนายจ้าง 11. ให้ความรู้และอบรมด้านโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อมแก่ลูกจ้างก่อนเข้า ทำ งานและระหว่างทำ งาน เพื่อทบทวนความรู้อย่างน้อยปีละ 1 ครั้งรั้ 12. 13.ปฏิบัติงานด้านความปลอดภัยในการทำ งานอื่นตามที่นายจ้างมอบหมาย จป. ระดับวิชาชีพ 21
ความปลอดภัย ในการทำ งานบนที่สูง เมื่อมีการทำ งานบนที่สูงมากกว่า 2 เมตร ขึ้นไป จะ ต้องมีการแจ้งหรือติดประกาศให้ทราบทั่วทั่กันและต้องกั้นกั้ เขตอันตรายเพื่อเตือนป้องกัพนักงาน 1. หากมีอาการผิดปกติ, เจ็บป่วยต้องหยุดทำ งานและ รายงาน หัวหน้างานให้ทราบทันที 2. บริเวณที่ไม่มีราวเกาะ หรือเครื่องป้องกันชนิดอื่นให้ คาดเข็มขัดนิรภัย และก่อนใช้งานควรตรวจสอบสภาพ ของเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งรั้ 3. อย่าวางเครื่องมือและวัสดุอื่นๆ ในตำ แหน่งที่อาจจะ ตกลงมาได้ 4. อย่าโยนหรือขว้างเครื่องมือหรือวัสดุอื่นๆ ในตำ แหน่ง ที่อาจจะตกลงมาได้ 22
1. ใช้ครื่องจักรได้เฉพาะคนที่มีอำ นาจหน้าที่เท่านั้นนั้และการใช้ต้องใช้อย่างถูกต้อง 2. เครื่องจักรที่สั่งสั่ซื้อใหม่ หรือนำ มาใช้ในกระบวนการผลิตต้องทำ การขึ้นทะเบียน และประเมินความเสี่ยงก่อนใช้งานทุกครั้งรั้ 3. สวมใส่เสื้อผ้าที่รัดกุม อย่าสวมเสื้อปล่อยชายหรือแขนหลุดลุ่ย 4. เครื่องจักรต่างๆ จะต้องมีที่ครอบ หรือปกปิดป้องส่วนที่หมุนได้ และติดอยู่ในที่ ของมันเรียบร้อยแล้วเพื่อป้องกัน อันตรายจากการยื่นชิ้นชิ้ส่วนของร่างกายเข้าไปถูก เครื่องจักร 5. สวมใส่เครื่องป้องกัน และใช้เครื่องมืออย่างถูกต้องและเหมาะสมกับงาน ระวัง การใช้ถุงมือ 6. ในการตรวจสอบ ซ่อมแซม และทำ ความสะอาดเครื่องจักรนั้นนั้ต้องหยุดเครื่องจักร ให้เรียบร้อยและมีเครื่องหมายชี้บชี้อกหรือติดป้ายแขวนว่า "ห้าม" เดินเครื่องจักร และนำ ขยะที่เกิดจากความสะอาด ทิ้งทิ้ตามชนิด / ประเภทของ ขยะเพื่อลดผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวคล้อม 7. รักษาเครื่องจักรให้สะอาดอยู่เสมอ ตรวจสภาพของเครื่องจักร ก่อนใช้งานทุกครั้งรั้ หากมีส่วนใดชำ รุดให้แจ้งหัวหน้างานทราบทันที 8. อย่าใช้เครื่องจักรเกินกำ ลังจะเกิดอันตราย 9. เมื่อต้องทำ งานร่วมกัน จะต้องแน่ใจว่าทุกคนเข้าใจสัญญาณ ในการสื่อสารต่างๆ อย่างชัดเจนและถูกต้องตรงกัน 10. อย่าเข้าไปในส่วนที่ป็นอันตราย หรือส่วนที่มีการเคลื่อนไหวของเครื่องจักร ตลอดเวลา แค่ถ้าจำ เป็นต้องเข้าไปต้องแน่ใจว่าเครื่องจักรได้หยุดเดินเครื่องแล้ว ความปลอดภัย ในการทำ งานกับเครื่องจักร 23
1.พื้นที่จัดเก็บวัตถุอันตรายหรือสารเคมื ต้องมีการระบายอากาศที่ดี 2.กำ หนดผู้ที่สามารถเข้า-ออก พื้นที่และมีป้ายบ่งชี้ชัชี้ชัดเจนไว้หน้าทางเข้า-ออก 3.ห้าม ผู้ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องเข้า-ออก พื้นที่จัดเก็บสารเคมีและวัตถุอันตรายเด็ดขาด 4.ผู้ปฏิบัติงานต้องสวมใส่อุปกรณ์ PPE เช่น หน้ากาก แว่นตา ถุงมือทุกครั้งรั้ก่อนเริ่มทำ งาน ถ้าได้รับอุบัติเหตุ ผู้เข้าทำ การช่วยเหลือจะต้องรีบขนย้ายผู้ป่วยออกไปสู่บริเวณที่โล่งโดยเร็วที่สุด และปฏิบัติตาม MSDS ของสารเคมีนั้นนั้ๆ 5. 6.หีบห่อหรือภาชนะบรรจุสารเคมีทุกชนิดต้องมีสลากบ่งชี้ที่ชี้ ที่ ชัดเจน 7.ก่อนทำ งานต้องทราบชนิดและอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจาก MSDS 8.หลีกเสี่ยงการสัมผัสสารเคมีโดยตรง 9.ห้าม รับประทานอาหาร เครื่องดื่ม หรือ สูบบุหรี่ ขณะทำ งานกับสารเคมี ก่อนทานอาหาร สูบบุหรี่ หรือเข้าห้องน้ำ ต้องถอดอุปกรณ์ป้องกันอันตรายและล้างมือให้สะอาด ก่อนทุกครั้งรั้ 10. 11.ห้าม ผู้ที่ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องทำ งานเกี่ยวกับสารเคมี 12.หากสารเคมีหก ต้องรายงานผู้บังคับบัญชา ทำ การกำ จัดตามวิธีแนะนำ ขอคู่มือ 13.อุปกรณ์ป้องกันอันตรายที่ใช้แล้วต้องทำ ความสะอาด หรือทำ ลายทิ้งทิ้ตามคำ แนะนำ 14.เมื่อทำ งานเสร็จต้องล้างมือ อาบน้ำ และผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า 15.การเก็บสารเคมีควรแยกเก็บให้เป็นระเบียบตามชนิดและประเภทของสารเคมี 16.เมื่อสารเคมีกระเด็นโดนผิวหนัง - รีบล้างบริเวณที่โดนสารเคมีทันที ให้ล้างอย่างน้อย 15 นาที - ถอดเสื้อผ้าที่ถูกสารเคมีออกทันที หากรุนแรงมากให้ล้างน้ำ อีกครั้งรั้ 17.เมื่อสารเคมีกระเด็นเข้าตาควรปฏิบัติดังนี้ - ไปที่อ่างล้างตาฉุกเฉินที่ใกล้ที่สุด - ลืมตาตลอดเวลาในน้ำ โดยให้น้ำ ไหลผ่านตาประมาณ 15 นาที - รีบพบแพทย์หรือพยาบาลทันที 18.จัดเก็บวัสดุดูดชับสารเคมีหลังทำ ความสะอาดพื้นที่ เขียนป้ายบ่งชี้แชี้ละแยกทิ้งทิ้ตามประเภทชนิด ของขยะ ความปลอดภัยในการทำ งานกับ วัตถุอันตรายหรือสารเคมี วัตถุอันตราย หมายถึง วัตถุที่สามารถลุกไหม้ได้ ติดไฟได้และระเบิดได้ซึ่งวัตถุอันตราย เหล่านี้จะมีกฎหมายควบคุมพิเศษ และมีข้อบังคับในการทำ งาน โดยเฉพาะอีกด้วย 24
การปฏิบัติงานที่เกี่ยวกับอุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องตรวจวัดไฟฟ้า จำ เป็นต้องมีใบ อนุญาตปฏิบัติงาน รวมทั้งทั้ผู้ที่ผ่านการฝึกอบรม หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเท่านั้นนั้ที่สามารถ ทำ งานเกี่ยวกับไฟฟ้าซ่อมหรือต่อวงจรเครื่องมือไฟฟ้าได้ 1. พนักงานที่ทำ งานเกี่ยวกับการซ่อมแซม ต่อเติม ติดตั้งตั้อุปกรณ์ไฟฟ้า ต้องสวมเสื้อผ้าที่ แห้ง และสวมรองเท้าพื้นยางพร้อมทั้งทั้ตัดกระแสไฟฟ้า 2. เครื่องมือที่ใช้งานกับไฟฟ้าชนิดมือจับ ต้องมีฉนวนซึ่งอยู่ในสภาพดีที่ด้ามจับไม่ควรนำ อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ชำ รุดมาใช้งาน จนกว่าจะได้รับการซ่อมแซมให้เรียบร้อย 3. ในกรณีที่มีการปฏิบัติงานตรวจสอบ ซ่อมแซม หรือติดตั้งตั้ ไฟฟ้าต้องตัดสวิตซ์ล็อคกุญแจ และแขวนป้าย 4. ไม่นำ อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ชำ รุดมาใช้งานจนกว่าจะได้รับการซ่อมแชมให้เรียบร้อย 5. ตรวจส่อบอุปกรณ์ป้องกันไฟฟ้าดูด ไฟฟ้ารั่วรั่ก่อนใช้อุปกรณ์นั้นนั้เสมอ 6. การเปิดหรือปิดระบบไฟฟ้า ต้องแน่ใจก่อนว่าปลอดภัยแล้ว 7. ปฏิบัติตามระเบียบอย่างเคร่งครัดเมื่อทำ งานในพื้นที่อันตราย 8. ห้าม ใช้บันไดโลหะ และวัสดุอื่นที่เป็นสื่อไฟฟ้าขณะทำ งานเกี่ยวกับไฟฟ้า 9. ห้าม ปฏิบัติงานขณะที่ยังมีกระแสไฟฟ้าอยู่ในระบบโดยเด็ดขาดแต่ถ้าไม่สามารถ หลีก เลี่ยงได้จะต้องมีพนักงานอีกคนหนึ่งอยู่ด้วยในขณะปฏิบัติงาน 10. ก่อนการลงมือปฏิบัติงานที่เกี่ยวกับไฟฟ้าต้องปฏิบัติ ดังนี้ ตัดการจ่ายกระแสไฟฟ้าเข้าสู่ วงจรทุกครั้งรั้ต้องมีป้ายแแขวนอธิบายการทำ งาน ณ ตำ แหน่งที่มีการหยุดทำ งานของเครื่อง 11. เมื่อทำ งานเกี่ยวกับไฟฟ้าเรียบร้อยแล้วต้องปฏิบัติ ดังนี้ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าสายดิน และการทำ งานได้ตามปกติเหมือนเดิม ติดตั้งตั้หรือปิดฝาครอบ และรอยต่อต่างๆ ให้เรียบร้อยก่อนที่จะจ่ายกระแสไฟฟ้า เมื่อเครื่องไฟฟ้าหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าที่ถูกจะเริ่มเดินเครื่องใหม่ จำ เป็นต้องให้พนักงาน 2 คน ประสานงานกันที่จุดหยุดการทำ งานของเครื่อง เพื่อให้แน่ใจว่าจะสามารถปฏิบัติการ ได้อย่างถูกต้อง ความปลอดภัยในการทำ งาน เกี่ยวกับไฟฟ้า 25
ความปลอดภัยในการใช้ นั่งร้าน ความปลอดภัยในการใช้ ลิฟต์ขนส่งสินค้า การประกอบนั่งนั่ร้านต้องได้รับอนุญาตและตรวจสอบก่อนใช้งานต้องป้องกัน ล่วงหน้ามิให้วัสดุ หรือเศษวัสดุตกในระหว่างก่อตั้งตั้หรือระหว่างใช้งานแต่ละระดับ ของนั่งนั่ร้านจะต้องปูด้วยกระดานไม้ให้เต็มที่และมีราวไม้กั้นกั้ระดับของพื้นโดยรอบ ช่องทางขึ้นลงของแต่ละขั้นขั้บันไดจะต้องมีขนาดเล็กพอเหมาะในการขึ้นลงยึด กระดานแต่ละแผ่นให้แน่น การตั้งตั้หรือรื้อถอนต้องหย่อนวัสดุและอุปกรณ์ทุกอย่าง ของนั่งนั่ร้านลงมาโดยปลอดภัยห้าม โยนลงมา ตรวจสภาพทั่วทั่ ไปของลิฟต์ เช่น ประตูลิฟต์, กระเช้า, ปุ่มกดลิฟต์, ไฟฟ้า แสงสว่าง เป็นต้น ทุกครั้งรั้ก่อนใช้งานห้ามวางสินค้ากระแทกกับประตูลิฟต์ตรวจ สภาพชิ้นชิ้งานที่ใส่ในลิฟต์ เพื่อป้องกันชิ้นชิ้งานไหลออกนอกประตูลิฟต์ให้ปิดประตู ลิฟต์เบาๆ ห้ามกระแทกประตูโดยเด็ดขาด ปิดประตูลิฟต์ให้สนิททุกครั้งรั้หลังเลิกใช้ งาน และเอาลิฟต์ลงทุกครั้งรั้(ห้ามค้างไว้) เปิดประตูลิฟต์ทุกครั้งรั้ที่มีการเอาของ ออกจากลิฟต์ หากพบว่าลิฟต์ชำ รุด / เสียหายให้รีบแจ้งซ่อมบำ รุงทันที - ห้ามหยอกล้อเล่นกั้นกั้ ในขณะทำ งานโดยเด็ดขาด - ห้ามโดยสารลิฟต์เด็ดขาด 26
การใช้รถยก Forklift อย่างปลอดภัย รถยก หมายความว่า รถที่ติดตั้ง ตั้ อุปกรณ์ใช้ สำ หรับการยกหรือเคลื่อนย้ายสิ่งของ สิ่งที่ต้องปฏิบัติ 1.ผู้ขับขี่ต้องเป็นผู้ที่ผ่านการฝึกอบรมมีใบอนุญาตขับขี่ได้เท่านั้นนั้ ต้องมีการตรวจสอบรถยกทุกวัน ก่อนการปฏิบัติงาน หรือพบเหตุผิดปกติให้รายงานผู้ที่รับผิด ชอบทันที และห้ามใช้รถที่ผิดปกติ หรือมีลักษณะที่ไม่ปลอดภัยต่อการใช้งาน 2. 3.บรรทุกสิ่งของตามพิกัดที่กำ หนด 4.บีบแตรให้สัญญาณทุกครั้งรั้เมื่อเลี้ยลี้ว ถอยหลัง ทางข้าม ประตูเข้า-ออก หรือมุมอับ ไม่ขับเร็ว ใช้ความเร็วรถพอเหมาะกับสภาพพื้นผิวถนน น้ำ หนักบรรทุก และสภาพบริเวณ ทำ งาน 5. 6.ทำ ป้ายบอกพิกัดน้ำ หนักยก ติดไว้ที่รถยกเห็นได้ชัดเจน 7. ให้มีสัญญาณเสียงหรือแสงไฟเตือนภัยในขณะทำ งาน 8. ให้กำ หนดเส้นทางและตีเส้นช่องทางเดินรถยกในอาคารหรือบริเวณที่มีการใช้รถยกเป็นประจำ ติดตั้งตั้กระจกนูน หรือวัสดุอื่นที่มีคุณสมบัติคล้ายกันไว้ที่บริเวณทางแยก หรือทางโค้งที่มองไม่ เห็นเส้นทางข้างหน้า 9. 27
ความปลอดภัยในงานตัด งานเชื่อม งานเจียร์ ห้าม ❌ เชื่อมหรือตัดภาชนะ (เช่นถัง กระป้อง ฯลฯ) ที่ใช้บรรจุวัตถุไวไฟ พนักงานที่ทำ การเชื่อมโลหะ ต้องสวมอุปกรณ์ป้องกันดวงตา และอุปกรณ์ PPE ระวัง! อย่าให้เถ้าหรือประกายไฟจากการเชื่อมสัมผัสวัสดุติดไฟ เช่น ก๊ซของติดไฟได้ ต้องระวังในการตัด หรือเชื่อมโลหะในบริเวณที่อยู่เหนือศีรษะ เพราะสะเก็ดของการเชื่อม หรือประกายไฟอาจก่อให้เกิดอัคคีภัยหรือเป็นอันตรายต่อพนักงาน งานเจียร์ งานเชื่อม พนักงานเชื่อมโลหะต้องตรวจสอบสายเชื่อม สายดิน และสายต่อก่อนทำ งานหากพบว่าฉนวนหุ้มชำ รุด เสีย หายต้องเปลี่ยนทันที ควรต่อสายดินให้ใกล้กับชิ้นชิ้งานเพื่อป้องกันกระแสไฟ ตกค้าง ไม่ม้วนสายไฟ เพื่อป้องกันการสะสมความร้อน เครื่องเชื่อมชนิดที่เคลื่อนที่ได้ต้องต่อสายดิน ขณะทำ การเชื่อมควรมีการระบายอากาศ จะต้องติดตั้งตั้เครื่องขัดให้ยึดแน่น กับโต๊ะที่มั่นมั่คงและมีฝาครอบ ป้องกันอันตราย ไม่ตั้งตั้อัตรารอบหมุนของจานขัด เกินอัตรา จานที่สึก ชำ รุด ต้องเปลี่ยนใหม่ผู้ที่ ปฏิบัติงาน ต้องสวมแว่นนิรภัย เครื่องกรองอากาศ และถุงมือ ป้องกันเศษ โลหะ งานตัด ระมัดระวังในการยกและเคลื่อนย้ายถังบรรจุก๊าซ ควรเก็บถังในที่ร่ม ห่างจากเปลวไฟและความร้อนวางถังในแนวตั้งตั้และยึดอย่างแข็งแรง ก่อนการเคลื่อนย้ายควรครอบถังก๊าซให้เรียบร้อย ถังออกซิเจนควรจัดเก็บแยกจากถังก๊าซเชื้อเพลิงเมื่อต้องการเคลื่อนย้ายถังก๊าซ และถังออกซิเจน ให้วางถังลงในตะแกรง ตะกร้าหรืออุปกรณ์อื่นๆ ที่คล้ายกัน ห้ามใช้เชือกหรือลวดผูกมัดถังก๊าซโดยตรง ห้ามใช้ถังก๊าซที่รั่วรั่ทดสอบโดยการใช้สบู่ สายต่อออกซิเจน และก๊าซอะเซทิลีน ต้องมีอุปกรณ์ป้องกันเปลวไฟ ติดตั้งตั้อยู่หลังตัวควบคุม ความดันก๊าซ 28
องค์ประกอบของไฟ ประเภทของไฟและเครื่องดับเพลิง การป้องกันอัคคีภัยและ เครื่องดับเพลิง 29
ปฏิบัติตามแผนป้องกันอัคคีภัย การทำ งานที่มีประกายไฟ และความร้อนใกล้กับวัสดุที่อาจติดไฟได้ต้อง จัดเตรียมเครื่องดับเพลิงตามจำ นวนและชนิดที่เหมาะสมที่จะสามารถดับ เพลิงได้ทันท่วงที ห้ามสูบบุหรี่ในบริเวณที่มีป้ายห้ามสูบและบริเวณพื้นที่ก่อสร้างที่ไม่มีป้าย อนุญาตให้สูบบุรี่ และเก็บขยะต่างๆ เช่น เศษผ้า, เศษกระดาษ หรือขยะอื่นๆ ที่ติดไฟได้ง่ายลงที่ที่จัดไว้ให้เรียบร้อย ห้ามเทน้ำ มันเชื้อเพลิงหรือของเหลวไวไฟลงไปในท่อน้ำ หรือท่อระบายสิ่ง โสโครกอื่นๆ ห้ามทำ ให้เกิดประกายไฟในบริเวณที่เก็บวัตถุไวไฟ ก่อนใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าต้องตรวจบริเวณรอยต่อ หรือข้อต่อต่างๆ ว่าแน่น หนาดีหรือไม่ ถ้าหลวมอาจเกิดประกายไฟหรือความร้อนซึ่งจะเป็นสาเหตุให้ เกิดเพลิงไหม้ได้ก่อนเลิกงานจะต้องตัดสวิทซ์ไฟฟ้าสำ หรับอุปกรณ์ฟ้าที่ไม่ได้ ใช้งานทุกจุด เมื่อเกิดเพลิงไหม้ ให้ผู้ที่ประสบเหตุระงับหรือดับไฟ โดยอุปกรณ์ดับ เพลิงที่มีอยู่ ถ้าไม่สามารถดับด้วยตนเองได้ให้แจ้งผู้บังคับบัญชาทราบโดย เร็ว และปฏิบัติตามแผนการดับเพลิง (ตามรายละเอียดเอกสารแนบ 29) ต้องจัดให้มีเครื่องดับเพลิงตามลักษณะของเพลิงอันเนื่องมาจากวัตถุหรือ ของเหลวที่มีใช้งานอยู่เช่นเครื่องดับเพลิงชนิด ABC,DRY POWDER CHEMICAI1. หนัก 5-7 กิโลกรัม เป็นต้น โดยมีจำ นวนตามที่กำ หนดใน ประกาศอ้างถึงจัดให้มีการฝึกอบรมดับเพลิง โดยเชิญวิทยากรจากกองดับ เพลิง หน่วยบรรเทาสาธารณภัยไฟ การป้องกันอัคคีภัยและ เครื่องดับเพลิง 30
เมื่อพบเหตุฉุกเฉินแอมโมเนียรั่วไหล ช่างผู้ควบคุมเครื่องทำ ความเย็น ต้องทำ การระงับเหตุเบื้องต้น ตามขั้นตอนแผนแอมโมเนียรั่วไหล ช่างผู้ควบคุมเครื่องทำ ความเย็นเข้าควบคุมและหยุดการรั่ว ของแอมโมเนีย โดยปฏิบัติดังนี้ ถ้าควบคุมได้ รายงานหัวหน้างาน และแจ้ง จป.วิชาชีพ จป.วิชาชีพ / หัวหน้างาน ฝ่ายช่าง เข้าทำ การสอบสวน และสำ รวจ ความเสียหายและผลกระทบต่อผลิตภัณฑ์ และสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้น จป.วิชาชีพ รายงานผู้อำ นวยการ ถ้าควบคุมไม่ได้ หัวหน้างาน แจ้ง จป.วิชาชีพ และรายงาน ผู้อำ นวยการสั่งการให้ทีมฉุกเฉินเข้าระงับเหตุ โดยสวมใส่ชุดป้องกัน แอมโมเนียรั่วไหล ผู้อำ นวยการ ตัดสินใจใช้แผนอพยพ และแจ้งให้ประชาสัมพันธ์ ประกาศพร้อมกดสัญญาณแจ้งเหตุฉุกเฉิน เพื่อให้ทุกคนออกนอกอาคาร แผนอพยพ ให้ใช้แผนขั้นตอนปฏิบัติเช่นเดียวกับแผนอพยพหนีไฟ ไปยัง ณ จุดรวมพล หากทิศทางลมพัดไปยังจุ๊ดรวมพลให้จุดสำ รอง เช่น ลาน จอดรถ หรือ พื้นที่อื่นตามความเหมาะสม หากมีความรุนแรงและกระจายไปยังชุมชน หรือบริษัทใกล้เดียง ฝ่าย ประสานงานต้อง ทำ การแจ้งหัวหน้าชุมชนและบริษัทข้างเคียงรับทราบ และอพยพออกจาก เส้นทางของแอมโมเนียไหลผ่าน ทีมฉุกเฉินหากสามารถควบคุมและหยุดการรั่วของแอมโมเนียได้ ให้ รายงานหัวหน้างาน/ฝ่ายช่าง/จป.วิชาชีพ เข้าทำ การสอบส่วนและสำ รวจ ความเสียหายและผลกระทบต่อ ผลิตภัณฑ์ และสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นจป.วิชาชีพ รายงานผู้อำ นวยการ แผนฉุกเฉินกรณี แอมโมเนียรั่วไหล 31
เมื่อพบเหตุฉุกเฉินคลอรีนรั่วไหล ช่างผู้ควบคุมเครื่องทำ ความเย็น ต้อง ทำ การระงับเหตุเบื้องต้น ตามขั้นตอนแผนคลอรีนรั่วไหล ช่างผู้ควบคุมเครื่องทำ ความเย็นเข้าควบคุมและหยุดการรั่ว ของคลอรีน โดยปฏิบัติดังนี้ ถ้าควบคุมได้ รายงานหัวหน้างาน และแจ้ง จป.วิชาชีพ จป.วิชาชีพ / หัวหน้างาน ฝ่ายช่าง เข้าทำ การสอบสวน และสำ รวจ ความเสียหายและผลกระทบต่อผลิตภัณฑ์ และสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้น จป.วิชาชีพ รายงานผู้อำ นวยการ ถ้าควบคุมไม่ได้ หัวหน้างาน แจ้ง จป.วิชาชีพ และรายงาน ผู้อำ นวยการสั่งการให้ทีมฉุกเฉินเข้าระงับเหตุ โดยสวมใส่ชุดป้องกัน คลอรีนรั่วไหล ผู้อำ นวยการ ตัดสินใจใช้แผนอพยพ และแจ้งให้ประชาสัมพันธ์ ประกาศพร้อมกดสัญญาณแจ้งเหตุฉุกเฉิน เพื่อให้ทุกคนออกนอกอาคาร แผนอพยพ ให้ใช้แผนขั้นตอนปฏิบัติเช่นเดียวกับแผนอพยพหนีไฟ ไปยัง ณ จุดรวม พล หากทิศทางลมพัดไปยังจุ๊ดรวมพลให้จุดสำ รอง เช่น ลานจอดรถ หรือ พื้นที่อื่นตามความเหมาะสม หากมีความรุนแรงและกระจายไปยังชุมชน หรือบริษัทใกล้เดียง ฝ่าย ประสานงานต้อง ทำ การแจ้งหัวหน้าชุมชนและบริษัทข้างเคียงรับทราบ และอพยพออกจากเส้น ทางของคลอรีนไหลผ่าน ทีมฉุกเฉินหากสามารถควบคุมและหยุดการรั่วของคลอรีนได้ ให้รายงาน หัวหน้างาน/ฝ่ายช่าง/จป.วิชาชีพ เข้าทำ การสอบส่วนและสำ รวจความเสีย หายและผลกระทบต่อ ผลิตภัณฑ์ และสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นจป.วิชาชีพ รายงานผู้อำ นวยการ แผนฉุกเฉินกรณี คลอรีนรั่วไหล 32
ผู้ควบคุม BOILER หากตรวจพบว่า BOILER ทำ งานผิดปกติให้เข้าทำ การแก้ไขทันที ผู้ควบคุม BOILER เข้าระงับเหตุเบื้องตัน ต้องปฏิบัติตามขั้นตอนดังนี้ ถ้าควบคุมได้ รายงานหัวหน้างาน และแจ้ง จป.วิชาชีพ จป.วิชาชีพ / หัวหน้างาน ฝ่ายช่าง เข้าทำ การสอบสวน และสำ รวจความเสียหายและ ผลกระทบต่อผลิตภัณฑ์ และสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้น จป.วิชาชีพ รายงานผู้อำ นวยการ ถ้าควบคุมไม่ได้ และอาจระเบิดได้ ทีมฉุกเฉินเข้าระงับเหตุ BOILER ทำ งานผิดปกติ หากควบคุมไม่ได้ทำ การแจ้ง ผู้อำ นวยการ ตัดสินใจใช้แผนอพยพ และแจ้งให้ประชาสัมพันธ์ประกาศ พร้อมกด สัญญาณแจ้งเหตุฉุกเฉิน เพื่อให้ทุกคนออกไปยังจุดรวมพล แผนอพยพ ให้ใช้แผนขั้นตอนปฏิบัติเช่นเดียวกับแผนอพยพหนีไฟ ไปยัง ณ จุดรวมพล หลีกเลี่ยง เส้นทางที่เข้าใกล้พื้นที่เกิดเหตุ ที่มฉุกเฉินหากสามารถควบคุมและหยุดการทำ งานของ BOILER ได้ ให้รายงานหัวหน้า งาน/ ฝ่ายช่าง/จป.วิชาชีพ เข้าทำ การสอบสวนและสำ รวจความเสียหายและผล กระทบต่อผลิตภัณฑ์ และสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้น จป.วิชาชีพ รายงานผู้อำ นวยการ ผอ.ควบคุมเหตุฉุกเฉินสรุปรายงานและสั่งให้พนักงานเข้าปฏิบัติตามปกติ หากไม่สามารถควบคุมหรือระงับเหตุได้ ซึ่งอาจทำ ให้ BOILER เกิดระเบิดได้ ให้ปิด ระบบจ่ายพลังงาน และให้ที่มฉุกเฉินออกนอกพื้นที่เกิดเหตุทันที หากประเมินความรุนแรง่ หรือทิศทางที่อาจกระจายไปยังชุมชนหรือบริษัทใกล้เคียง ฝ่ายประสานงานต้องทำ การแจ้งหัวหน้าชุมชนและบริทข้างเคียงรับทราบ และอพยพ ออกจากเส้นทาง แผนฉุกเฉินกรณี BOILER ทำ งานผิดปกติ 33
การปฏิบัติเพึ่งให้เกิดความปลอดภัย ถ้าสูดดม หรือหายใจเข้าไปมากๆ อาจทำ ให้ขาดอากาศหายใจ ให้รีบนำ ผู้ป่วยออกไปยัง พื้นที่มีอากาศบริสุทธิ์ กรณีก๊าซเข้าตาอาจทำ ให้เยื่อหุ้มตาอักสบ ให้รีบล้างตาด้วยน้ำ สะอาดแล้วนำ ส่งแพทย์ ทันที ถ้าถูกผิวหนัง เนื่องจากก๊าชมีความเย็น อาจทำ ผิวหนังไหม้ ภาชนะโลหะที่ใช้เก็บ LPG ต้องมีการต่อสายดิน และเก็บในที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก ในการขนย้ายและจัดเก็บ จะต้องหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีประกายไฟ กรณีเกิดก๊ซรั่วไหล ถ้าไม่สามารถหยุดได้ให้เคลื่อนย้ายถังใบนั้นไปยังบริเวณที่โล่ง แล้ว ปล่อยก๊าซออกให้หมด บริเวณที่อับอากาศหากมีก๊าชสะสมอาจทำ ให้เกิดการระเบิด สารที่ใช้ในการดับพลิง เช่น ผงเคมีแห้ง, น้ำ , คารับอนไดออกไซด์, โฟม กรณีก๊าซ LPG รั่วไหล (ถังใหญ่) ผู้ควบคุมสถานีจ่ายก๊าซ LPG ตรวจพบได้รับแจ้งว่า LPG รั่ไหล ให้ทำ การแก้ไขทันที ผู้ควบคุมสถานีจ่ายก๊ว LPG เข้าทำ การระงับเหตุเบื้องต้น และปฏิบัติตามขั้นตอนดังนี้ ถ้าควบคุมได้ รายงานหัวหน้างาน และแจ้ง จป.วิชาชีพ จป.วิชาชีพ / หัวหน้างาน ฝ้ายช่าง เข้าทำ การสอบสวน และสำ รวจ ความเสียหายและผลกระทบต่อผลิตภัณฑ์ และสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้น จป.วิชาชีพ รายงานผู้อำ นวยการ ถ้าควบคุมไม่ได้ ผู้อำ นวยการสั่งการให้ทีมปฏิบัติการเข้าระงับเหตุ ผู้อำ นวยการ ตัดสินใจใช้แผ่นอพยพ และแจ้งให้ประชาสัมพันธ์ประกาศ พร้อมกด สัญญาณแจ้งเหตุฉุกเฉิน เพื่อให้ทุกคนออกนอกอาคาร แผนอพยพ ให้ใช้แผนขั้นตอนปฏิบัติเช่นเดียวกับแผนอพยพหนีไฟไปยัง ณ จุดรวมพล หากทิศทาง ลมพัดไปยังจุดรวมพลให้จุดสำ รอง เช่น ลานจอดรถ หรือ พื้นที่อื่นตามความเหมาะสม หากมีความรุนแรงและกระจายไปยังชุมชน หรือบริษัทใกล้เคียง ฝ่ายประสานงานต้อง ทำ การแจ้งหัวหน้าชุมชนและบริษัทข้างเคียงรับทราบ และอพยพออกจากเส้นทางของ ก๊าซ LPG ไหลผ่าน และแจ้งหน่วยงานภายนอกและภาครัฐ เพื่อระงับเหตุ จป.วิชาชีพ/หัวหน้างาน/ฝ่ายช่าง เข้าทำ การสอบสวนและสำ รวจความเสียหายและผล กระทบต่อผลิตภัณฑ์ และสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้น จป.วิชาชีพ รายงานผู้อำ นวยการ แผนฉุกเฉินกรณี ก๊าซ LPG รั่วไหล 34
พนักงานที่พบเหตุสารเคมีหกรั่วไหลแจ้งเพื่อนร่วมงาน/หัวหน้างาน และเข้าระงับ เหตุในเบื้องต้นด้วยอุปกรณ์ PPE ที่จัดไว้ให้ และปฏิบัติตามขั้นตอนดังต่อไปนี้ ถ้าระงับได้ให้รายงานหัวหน้างาน , จป.วิชาชีพ และผู้จัดการแผนกความปลอดภัย หากไม่สามารถระงับเหตุได้ให้แจ้งหัวหน้างาน และจป. เพื่อแจ้งทีมฉุกเฉินเข้า ระงับเหตุและแจ้งผู้อำ นวยการเหตุฉุกฉิน ผู้อำ นวยการเหตุลุกเฉิน /จป./ทีมฉุกเฉิน เข้าตรวจสอบพื้นที่ และสั่งการให้ทีม ฉุกเฉินทำ การปิดกั้นพื้นที่ กันผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ผู้อำ นวยการเหตุฉุกเฉิน แจ้งประชาสัมพันธ์ประกาศเสียงตามสาย และกดสัญญาณ แจ้งเหตุฉุกฉิน (กรณีสารเคมีที่รั่วไหล เป็นชนิดที่มีความเป็นพิศ หรือมีอันตรายร้าย แรง) ประชาสัมพันธ์ประกาศเรียกทีมฉุกเฉินและระบุสถานที่เกิดเหตุ ทีมฉุกเฉินทำ การควบคุมสถานการณ์และระงับเหตุสารเคมีหกรั่วไหล ถ้าควบคุมได้ รายงานผู้อำ นวยการเหตุฉุกเฉินประชาสัมพันธ์ประกาศเหตุสงบ ถ้าควบคุมไม่ได้ จป.วิชาชีพ แจ้งหน่วยงานภายนอก เพื่อขอความช่วยเหลือ รายงานผู้อำ นวยการเหตุฉุกเฉินประชาสัมพันธ์ประกาศเหตุสงบ แผนฉุกเฉินกรณี สารเคมีหกรั่วไหล 35
ป้ายสัญลักษณ์ความปลอดภัย ป้ายห้าม ป้ายบังคับ ป้ายเตือน ป้ายสภาวะความ ปลอดภัย 36
37 ป้ายสัญลักษณ์ความปลอดภัย เครื่องหมายอุปกรณ์เกี่ยวกับอัคคีภัย
THANK YOU