The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

Diaryตำบางงอนสมบูรณ์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by praphussor_zaza, 2021-11-17 05:08:37

Diaryตำบางงอนสมบูรณ์

Diaryตำบางงอนสมบูรณ์

DIARY

ตำ บ ล
บางงอน

อำ เ ภ อ พุ น พิ น จั ง ห วั ด สุ ร า ษ ฎ ร์ ธ า นี

นั ก ศึ ก ษ า ฝึ ก ป ร ะ ส บ ก า ร ณ์ วิ ช า ชี พ ท า ง รั ฐ ป ร ะ ศ า ส น ศ า ส ต ร์
มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี



คณะผู้จัดทำ

นางสาวประภัสสร อุ่นเรือน 6116209001054
นางสาวศศิวิมล พลหลา 6116209001055
นางสาวชรินรัตน์ โกศล 6116209001140

ความเจริญของประเทศชาติ
เป็นความเจริญส่ วนรวม ซึ่งเกิดจากผลงาน

หรือผลของการกระทำของคนทั้งชาติ
ถือได้ว่าทุกคนแบ่งหน้าที่กันทำประโยชน์
ให้แก่ชาติตามความถนัดและความสามารถ

และเกื้ อกูลกันและกัน
ไม่มีผู้ใดจะอยู่ได้และทำงานให้แก่ประเทศชาติ

ได้โดยลำพังตนเอง









พระบรมราโชวาทในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ใ น พิ ธี พ ร ะ ร า ช ท า น ป ริ ญ ญ า บั ต ร ข อ ง จุฬ า ล ง ก ร ณ์ ม ห า วิ ท ย า ลั ย
10 กรกฎาคม 2513

คำนำผู้เขียน

หนั งสื อเล่มนี้ จัดทำขึ้นเพื่อการสำเร็จการศึ กษาของนั กศึ กษาระดับปริญญาตรี

สาขารัฐประศาสนศาสตร์ วิชาการฝึกประสบการณ์ วิชาชีพทางรัฐประศาสนศาสตร์

(BPA0602) โดยมีจุดประสงค์เพื่อศึ กษาความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ตำบลบางงอน

อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งหนั งสื อเล่มนี้ มีเนื้ อหาเกี่ยวกับข้อมูลพื้นฐาน

ตำบล โครงสร้างของชุมชน โครงสร้างเศรษฐกิจและอาชีพ สถานที่สำคัญ การวิเคราะห์

ศั กยภาพชุมชน หนั งสื อเล่มนี้ สามารถดำเนิ นการจนประสบความสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี

เนื่ องจากได้รับความอนุเคราะห์และสนั บสนุนเป็นอย่างดียิ่งจากอาจารย์อยับ ซาดัดคาน

ที่ได้สละเวลาอันมีค่าแก่คณะผู้จัดทำ เพื่อให้คำปรึกษาและแนะนำตลอดจนตรวจทาน

แก้ไขข้อบกพร่องต่างๆด้วยความเอาใจใส่ เป็นอย่างยิ่งจนหนั งสื อเล่มนี้ สำเร็จสมบูรณ์ ลุ

ล่วงได้ด้วยดี คณะผู้จัดทำขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงไว้ ณ ที่นี้

ขอขอบคุณเพื่อนร่วมงานที่ช่วยเหลือและให้กําลังใจในการทำหนั งสื อครั้งนี้ จน

ประสบความสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี

ข อ ข อ บ คุ ณ ผู้ ใ ห้ ข้ อ มู ล เ กี่ ย ว กั บ ตำ บ ล ต ล อ ด จ น อำ น ว ย ค ว า ม ส ะ ด ว ก ใ น ก า ร ล ง พื้ น

ที่รวมทั้งประสบการณ์ ดีๆที่ได้ทำร่วมกับชุมชน

ขอขอบคุณสาขารัฐประศาสนศาสตร์ที่มอบความรู้อันเป็นประโยชน์ รวมทั้ง

ประสบการณ์ ดีๆในการจัดทำหนั งสื อประวัติศาสตร์ตำบลบางงอน

สุดท้ายนี้ คณะผู้จัดทำหวังว่าหนั งสื อเล่มนี้ คงเป็นประโยชน์ สำหรับหน่ วยงานที่

เกี่ยวข้องและผู้ที่สนใจศึ กษาต่อไป

คณะผู้จัดทำ

สารบัญ

01 ส่วนที่ 1 ข้อมูลพื้นฐาน 25 ส่วนที่ 4 สถานที่สำคัญ

02 ประวัติความเป็นมาของตำบล 26 แหล่งท่องเที่ยวแหล่ง
03 ขนาดที่ตั้งของตำบล 31 โบราณสถาน
04 ทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ 37 ศาสนสถานของทุกศาสนา
05 ลักษณะภูมิประเทศ ภูมิอากาศ 37 แหล่งเรียนรู้โรงเรียนห้องสมุด
06 การเดินทาง/การคมนาคม
ชุมชน
07 ส่วนที่ 2 โครงสร้างของชุมชน
38 ส่วนที่ 5 การวิเคราะห์
08 ด้านการเมืองการปกครอง ศั กยภาพชุมชน
08 ข้อมูลประชากร
10 ด้านการศึกษา/ศาสนา/วัฒนธรรม 39 ด้านสิ่งแวดล้อม
12 บริบทสังคม/ความเป็นอยู่ 40 ด้านเศรษฐกิจ
12 ความเชื่อ ประเพณี และพิธีกรรม 41 ด้านโครงสร้างพื้นฐาน
13 ภูมิปัญญาท้องถิ่น 42 ด้านคุณภาพชีวิต

ส่วนที่ 3 โครงสร้าง 43 บรรณานุกรม
เศรษฐกิจและอาชีพ 44 ภาคผนวก

15

16 แหล่งทุนทางธรรมชาติ
17 แหล่งอาหาร
18 ผลิตภัณฑ์ชุมชนของดีของขึ้นชื่อ
20 สถานภาพทางเศรษฐกิจของ

ประชาชน
24 วิสาหกิจชุมชน

สารบัญภาพ

02 ภาพที่ 1 ภาพหาดต้นยวน 28 ภาพที่ 18 ภาพหลวงพ่ออุตศธาพรองค์จำลอง
16 ภาพที่ 2 ภาพท่าน้ำ 29 ภาพที่ 19 ภาพต้นมะขามเกลียวยักษ์ 1000 ปี
29 ภาพที่ 20 ภาพต้นมะขามเกลียวยักษ์ 1000 ปี
17 ภาพที่ 3 ภาพขนมจีนแกงกะทิ
17 ภาพที่ 4 ภาพแกงเลียงต้นเตียง 30 ภาพที่ 21 ภาพพื้นที่ทำนาข้าว
17 ภาพที่ 5 ภาพข้าวต้มมัด 31 ภาพที่ 22 ภาพวัดเกษมบำรุง
17 ภาพที่ 6 ภาพข้าวเหนี ยวมะม่วง 32 ภาพที่ 23 ภาพพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น
18 ภาพที่ 7 ภาพเครื่องแกงเผ็ด(คั่ว) 32 ภาพที่ 24 ภาพวัตถุโบราณ
18 ภาพที่ 8 ภาพเครื่องแกงส้ม 33 ภาพที่ 25 ภาพโบสถ์เก่าวัดรัษฏาราม
19 ภาพที่ 9 ภาพขั้นตอนการทำเครื่องแกง 34 ภาพที่ 26 ภาพวัดรัษฏาราม
19 ภาพที่ 10 ภาพการบรรจุเครื่องแกง 35 ภาพที่ 27 ภาพถ่ายโบสถ์เก่าวัดรัษฏาราม
35 ภาพที่ 28 ภาพโบสถ์เก่าวัดรัษฏาราม
ลงบรรจุภัณฑ์ 35 ภาพที่ 29 ภาพหลักเขตพัทธสีมาโบสถ์
35 ภาพที่ 30 ภาพหลักเขตพัทธสีมาโบสถ์สลัก
20 ภาพที่ 11 ภาพสวนยางพาราและปาล์ม
ด้วยภาษาจีน
น้ำมัน
36 ภาพที่ 31 ภาพวัดนอก
20 ภาพที่ 12 ภาพการทำประมง 37 ภาพที่ 32 ภาพศูนย์พัฒนาเด็กเล็กองค์การ
20 ภาพที่ 13 ภาพไก่และสุกร
26 ภาพที่ 14 ภาพวัดเกษมบำรุง บริหารส่ วนตำบลบางงอน
27 ภาพที่ 15 ภาพวัดรัษฎาราม
27 ภาพที่ 16 หลวงพ่อทวด 37 ภาพที่ 33 โรงเรียนบ้านราษฎร์ประสานจิต
27 ภาพที่ 17 ภาพโบสถ์เก่าวัดรัษฏาราม 37 ภาพที่ 34 โรงเรียนวัดเกษมบำรุง

สารบัญตาราง




09 22

ตารางที่ 1 ตารางที่ 4

แสดงสั ดส่ วนประชากร แสดงการรวมกลุ่มและการจัด
ตำบลบางงอน ตั้งกลุ่มของตำบลบางงอน

10 22

ตารางที่ 2 ตารางที่5

แสดงช่วงอายุและจำนวน แสดงข้อมูลพื้นฐานของ
ประชากร หมู่บ้านหรือชุมชน

12 23

ตารางที่ 3 ตารางที่ 6

แสดงความเชื่อ ประเพณี แสดงข้อมูลทางการเกษตร
และพิธีกรรม

1

ส่ วนที่

1

ข้อมูลพื้นฐาน

2

1.1 ประวัติความเป็นมาของตำบล

ตำบลบางงอนเป็นตำบลหนึ่ งในเขตการปกครองของอำเภอพุนพินจังหวัด
สุราษฎร์ธานี อยู่ทางทิศตะวันตกของที่ทำการอำเภอพุนพินระยะห่างจากตัวอำเภอ
พุนพินประมาณ 25 กิโลเมตรแบ่งเขตปกครองออกเป็น 11 หมู่บ้าน มีการบริหาร
งานโดยองค์การบริหารส่ วนตำบลบางงอนซึ่งองค์การบริหารส่ วนตำบลบางงอน
ตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่ วนตำบล พ.ศ.2537 ได้
รับการประกาศจัดตั้งเป็นองค์การบริหารส่ วนตำบลจากกระทรวงมหาดไทยเมื่อ
วันที่ 25 ธันวาคมพ.ศ.2539 สำนั กงานตั้งอยู่เลขที่2/2 หมู่ที่ 4 ตำบลบางงอน
อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี (แผนพัฒนาท้องถิ่น,2561)

ภาพที่ 1 ภาพหาดต้นยวน

“บางงอน” ตามที่เล่าสู่กันมาตั้งแต่ดั้งเดิม ได้มีชาวบ้านอพยพมาจากที่อื่นมา
ตั้งถิ่นฐานอยู่ตามแนวชายฝั่ งคลองพุมดวง โดยเป็นลักษณะการตั้งถิ่นฐานของ
ชาวบ้านในสมัยก่อนจะใช้การเดินทางจากทางแม่น้ำชาวบ้านที่มาตั้งถิ่นฐานก็จะ
ตั้งถิ่นฐานตามแนวริมฝั่ งแม่น้ำลำคลองด้วยและการเรียกชื่อการตั้งถิ่นฐานใน
สมัยก่อนนั้ นก็จะเรียกตามลักษณะพื้นที่คือริมคลองพุมดวงจะมีลำคลองแยก
ออกมาซึ่งมีขนาดเล็กกว่าชาวบ้านสมัยนั้ นเรียกว่า“บาง”และมีลักษณะคดโค้งไป
ตามลักษณะพื้นที่ ชาวบ้านเรียกว่า “งอน” ชาวบ้านจึงเรียกว่า “บางงอน” จนมา
ถึงทุกวันนี้ ตำบลบางงอน เป็นตำบลเก่าแก่เดิมขึ้นอยู่กับอำเภอพุนพินก่อนแรก
เริ่มเรียกว่า“บางงอน”เนื่ องจากเป็นตำบลที่มีพื้นที่กว้างและมีถนนซอยมากมาย
ต่อมาเลยเรียกว่า “บางงอน” จนถึงปัจจุบัน (แผนพัฒนาท้องถิ่น,2561)

3

1.2 ขนาดที่ตั้งของตำบล

องค์การบริหารส่วนตำบลบางงอน เป็นตำบลหนึ่ งของอำเภอพุนพิน
จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของที่ว่าการอำเภอพุนพินระยะ
ห่างจากตัวอำเภอประมาณ 25 กิโลเมตรพื้นที่และอาณาเขตขององค์การ
บริหารส่วนตำบลบางงอน มีพื้นที่ จำนวน 55,934 ไร่ หรือ 89.49 ตาราง
กิโลเมตร โดยมีอาณาเขต ดังนี้ (แผนพัฒนาท้องถิ่น,2561)

N ทิ ศ เ ห นื อ
W
ติดต่อกับตำบลมะลวน อำเภอ
พุนพิน, ตำบลตะกุกใต้ อำเภอ
วิภาวดี

ทิ ศ ต ะ วั น ต ก E ทิ ศ ต ะ วั น อ อ ก
S
ทิศตะวันตกติดต่อกับตำบลท่า ติดต่อกับตำบลน้ำรอบ อำเภอ
กระดาน และตำบลน้ำหัก อำเภอ พุนพิน
คีรีรัฐนิ คมตำบลตะกุกใต้ อำเภอ

วิภาวดี

ทิ ศ ใ ต้

ติดต่อกับ คลองพุมดวง ตำบลบาง
เดือน อำเภอพุนพิน และตำบลถ้ำ
สิ งขรอำเภอคีรีรัฐนิ คม



5

1.4 ลักษณะภูมิประเทศและลักษณะภูมิอากาศ

1.4.1 ลักษณะภูมิประเทศ
ลักษณะภูมิประเทศ ส่วนใหญ่เป็นที่ราบค่อนข้าง

สูง และเป็นที่ราบลุ่มทางตอนใต้ ซึ่งมีแม่น้ำพุมดวง
ไหลผ่าน เกษตรกรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพ ทำสวน
ยางพารา ทำสวนปาล์มน้ำมัน ทำนา ทำสวนผลไม้แบบ
ผสมผสาน และปลูกผักสวนครัว จุดเด่นของพื้นที่ที่
เอื้อต่อการพัฒนาตำบลบางงอน มีพื้นที่ประมาณร้อย
ละ 80 ทำสวนยางพารา ซึ่งเป็นเศรษฐกิจหลักของ
ตำบล(แผนพัฒนาท้องถิ่น,2561)

1.4.2 ลักษณะภูมิอากาศ
ลักษณะภูมิอากาศ ได้รับอิทธิพลจาก

มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งทำให้มีช่วง
ฤดูฝนยาวนาน และมรสุมตะวันออก
เฉียงเหนื อพัดผ่านทำให้ฤดูร้อนและฤดู
ฝนระยะเวลาใกล้เคียงกัน ทำให้ฤดูฝน
มีน้ำมากเกินไป และฤดูร้อนเกิดการ
ขาดแคลนน้ำดื่มน้ำใช้ในช่วงฤดู
(แผนพัฒนาท้องถิ่น,2561)

1.4.3 ลักษณะของดิน
เป็นดินเหนี ยว เหมาะสำหรับการทำการเกษตร

เช่น ยางพารา ปาล์มน้ำมัน พืชไร่บางชนิ ด
(แผนพัฒนาท้องถิ่น,2561)

6

1.5 การเดินทาง/การคมนาคม

เส้ นทางคมนาคมของตำบลบาง สายที่ 3 ถนนลาดยาง จากสามแยก
หนองขรี ตำบลหนองไทร ผ่านตำบล
งอน ที่สำคัญมีด้วยกัน 5 สาย หนองไทร ตำบลน้ำรอบและตำบลบาง
งอน ผ่านหมู่ที่ 4,9 ไปเชื่อมต่อกับถนน
สามารถเดินทางติดต่อกับตัวอำเภอ ลาดยางสายดอนเลียบที่หมู่ที่ 2 ตำบล
บางงอน ซึ่งมีระยะทางห่างจากถนน
หรือตำบลใกล้เคียง หรือตลาดในตัว เอเชียประมาณ 12 กิโลเมตร
สายที่ 4 ถนนลาดยาง จากถนน
อำเภอได้สะดวกตลอดเวลา เอเชียตรงทางแยกเข้าศูนย์วิจัยและ
บำรุงพันธุ์สัตว์สุราษฎร์ธานี (ทางแยก
สายที่ 1 ทางน้ำ ได้แก่ แม่น้ำพุมด อยู่ในท้องที่ตำบลมะลวน) ผ่านตำบล
มะลวนเข้าเขตตำบลบางงอน หมู่ที่
วง แต่ปัจจุบันประชาชนไม่นิ ยม 6,10 ถึงหมู่ที่ 8 ซึ่งมีระยะทางห่างจาก
ถนนเอเชียประมาณ 20 กิโลเมตร
ใช้กันแล้ว สายที่ 5 เป็นเส้นทางรถไฟจากอำเภอ
คีรีรัฐนิ คม – อำเภอพุนพิน ผ่านหมู่ที่
สายที่ 2 ถนนลาดยาง เลียบ 3,4,7,9 ตำบลบางงอน ระยะทาง
ประมาณ 28 กิโลเมตร
ชายฝั่ งแม่น้ำพุมดวง สายหนอง (แผนพัฒนาท้องถิ่น,2561)

ไทร – คีรีรัฐนิ คม เป็นถนนที่ทาง

หลวงชนบทสร้างขึ้นผ่านตำบล

หนองไทร ตำบลน้ำรอบและ

ตำบลบางงอน ผ่านหมู่ที่1,2,3

และ 5 ซึ่งมีระยะทางห่างจากถนน

เอเชียประมาณ 25 กิโลเมตร

และไปสุดสายที่อำเภอคีรีรัฐนิ คม

7

ส่ วนที่

2

8

2.1 ด้านการเมืองการปกครอง

เขตการปกครอง

หมู่ บ้านปึก ผู้ใหญ่บ้านชื่อ นายธงชัย สุวรรณพิมล
ที่ 1 ผู้ใหญ่บ้านชื่อ นายธนเทพ รอดศรีนาค
กำนั นตำบลชื่อ นายจิรวัฒน์ พริกบางงอน
หมู่ บ้านบางงอน ผู้ใหญ่บ้านชื่อ นายสมชาย จินาเหงียบ
ททหีี่่ มู22่ ผู้ใหญ่บ้านชื่อ นายปิยะนั นทร์ รักกลัด

หมู่ บ้านเงิน ผู้ใหญ่บ้านชื่อ นายสนธยา พรหมดนตรี
ที่ 3 ผู้ใหญ่บ้านชื่อ นายบรรจบ เกื้อกูล
ผู้ใหญ่บ้านชื่อ นายนรินทร์ จิตราภิรมย์
หมู่ บ้านขนาย ผู้ใหญ่บ้านชื่อ นายสมชาย เมืองแก้ว
ที่ 4 ผู้ใหญ่บ้านชื่อ นายสั ญญา พรศรี
ผู้ใหญ่บ้านชื่อ นายประเสริฐ แก้วดำ
หมู่

ที่ 5 บ้านหนองเตียน

หมู่ บ้านศรีไพวัลย์
ที่ 6

หมู่ บ้านนาดง
ทหทีี่่มู2่7

หมู่ บ้านสะพานมอส
ที่ 8

หมู่ บ้านคลองเคี่ยม
ที่ 9

หมู่ บ้านภิรมย์ภักดี
ที่10

หมู่ บ้านสี่ ขีด

ที่11

(แผนพัฒนาท้องถิ่น,2561)

2.2 ข้อมูลประชาการ

ตำบลบางงอนมีจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นจากปี 2562 เป็น 5,417 คน คิดเป็น
ร้อยละ 0.33 (แผนพัฒนาท้องถิ่น,2561)

ชาย

หญิง 2,668 คน
2,749 คน
5,417 คน

9

หมู่บ้านที่มีประชากรมากที่สุด คือ หมู่ที่ 7
บ้านนาดง รองลงมา หมู่ที่ 11 บ้านสี่ขีด
อาชีพหลักของประชากรตำบลบางงอน คือ ด้าน
เกษตร ปศุสัตว์ ประมง

ประชากรนั บถือศาสนาพุทธ

อัตราความหนาแน่ นของประชากรเฉลี่ย
61 คน : ตารางกิโลเมตร

จำนวนบ้าน 2,247 ครัวเรือน

(แผนพัฒนาท้องถิ่น,2561)

ตารางที่ 1 แสดงสัดส่วนประชากรตำบลบางงอน

(แผนพัฒนาท้องถิ่น,2561)

10

ตารางที่ 2 แสดงช่วงอายุและจำนวนประชากร
ตำบลบางงอนมีประชากรจากทะเบียนบ้าน ณ เดือนธันวาคม 2563 ประชากรทั้งสิ้น

5,417 คน โดยแบ่งเป็นช่วงอายุและจำนวนประชากร ดังนี้

ที่มา : สำนั กบริหารการทะเบียนอำเภอพุนพิน กรมการปกครอง ณ เดือนธันวาคม พ.ศ.2563

2.3 ด้านการศึ กษา/ศาสนา/วัฒนธรรม

1.การศึ กษา
ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 1 แห่ง คือ
- ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กองค์การบริหารส่วนตำบลบางงอน ตั้งอยู่ที่ 4
โรงเรียนประถมศึกษา 3 แห่ง คือ
- โรงเรียนวัดรัษฎาราม ตั้งอยู่ที่ 3
- โรงเรียนวัดเกษมบำรุง ตั้งอยู่ที่ 4
- โรงเรียนบ้านราษฎร์ประสานจิต ตั้งอยู่ที่ 8 (เป็นโรงเรียนขยายโอกาสทาง
การศึ กษา)
- กศน.ตำบลบางงอน ตั้งอยู่หมู่ที่ 7

2. สาธารณสุข
- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบางงอน 1 แห่ง คือ โรงพยาบาลส่งเสริม
สุขภาพตำบลบางงอน ตั้งอยู่หมู่ที่ 5
- สถานพยาบาลเอกชน (คลินิ ก) จำนวน 3 แห่ง ตั้งอยู่หมู่ที่ 3,และหมู่ที่ 4
- มีอาสาสมัครสาธารณสุขมูลฐานประจำหมู่บ้าน ครบทั้ง 11 หมู่บ้าน
จำนวน 122 คน
- อัตราการมีและใช้ส้วมราดน้ำ ร้อยละ 100

(แผนพัฒนาท้องถิ่น,2561)

11

3. สังคมสงเคราะห์

องค์การบริหารส่วนตำบลบางงอน ได้ดำเนิ นการตามนโยบายของรัฐบาลใน

เรื่องโครงการสร้างหลักประกันด้านรายได้แก่ผู้สูงอายุและโครงการสนั บสนุน

การเสริมสร้างสวัสดิการทางสังคมให้แก่คนพิการหรือทุพพลภาพ โดยจัดทำ

ฐานข้อมูลในระบบสารสนเทศ การจัดการข้อมูลเบี้ยยังชีพขององค์กรปกครอง

ส่วนท้องถิ่นเพื่อเป็นข้อมูลในการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและเบี้ยความพิการ โดย

ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 มีผู้สูงอายุ ผู้พิการ ที่ได้ขึ้นทะเบียนขอรับเบี้ยยังชีพ

ไว้กับองค์การบริหารส่วนตำบลบางงอน ดังนี้

- ผู้สูงอายุที่มีสิทธิ์รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ จำนวน 946 คน

- ผู้พิการที่มีสิทธิ์รับเบี้ยความพิการ จำนวน 80 คน

(แผนพัฒนาท้องถิ่น,2561)

4.การนั บถือศาสนา

ประชาชนส่วนใหญ่นั บถือศาสนาพุทธ

มี วัด 3 แห่ง สำนั กสงฆ์ 2 แห่ง ได้แก่

- วัดรัษฎาราม (วัดเงิน) ตั้งอยู่หมู่ที่ 3

- วัดเกษมบำรุง (วัดขนาย) ตั้งอยู่หมู่ที่ 4

- วัดบางงอน ตั้งอยู่หมู่ที่ 5

- สำนั กสงฆ์ศรีไพรวัลย์ ตั้งอยู่หมู่ที่ 6

- สำนั กสงฆ์บ้านราษฎร์ประสานจิต ตั้งอยู่หมู่ที่ 8

(แผนพัฒนาท้องถิ่น,2561)

12

2.4 บริบทสังคม/ความเป็นอยู่

อาชีพหลักของประชากรตำบลบางงอน 2. การประมง
การทำประมงนั้ นยังมีน้ อย เกษตรกร
คือ ด้านเกษตร ปศุสัตว์ ประมง
จับปลาในบริเวณแม่น้ำลำคลองไปบริโภค
1.การเกษตร ในครัวเรือนส่วนที่เหลือ ก็จำหน่ าย
3. การปศุสัตว์
เกษตรกรส่ วนใหญ่ที่ปลูกยางพาราจะใช้
การเกษตรส่ วนมากจะเลี้ยงเป็นสั ตว์
พันธุ์ที่แนะนำ ส่งเสริมเกษตรกรที่ทำนา พันธุ์ดีและคำนึ งผลตอบแทนเป็นหลัก
ส่วนใหญ่จะเลี้ยงไว้บริเวณใน ครัวเรือน
นิ ยมใช้พันธุ์ที่แนะนำส่งเสริม แต่มีบางราย เช่น สุกร ไก่ เป็ด ที่เหลือจากการบริโภค
จะจำหน่ าย ส่วนการเลี้ยงโค กระบือ จะ
นิ ยมใช้พันธุ์พื้นเมืองตามสภาพความเหมาะ เลี้ยงเพื่อการจำหน่ าย แต่การเลี้ยงยังมี
จำนวนน้ อย เนื่ องจากเกษตรกรยังขาด
สมของปัจจัยการผลิต สำหรับปาล์มน้ำมัน การจัดทำแปลงหญ้าอาหารสั ตว์ในบริเวณ
หัวไร่ปลายนา หรือในบริเวณที่ว่างของ
เกษตรกรบางรายที่จัดซื้อพันธุ์ปลูกจาก ร่องสวน (แผนพัฒนาท้องถิ่น,2561)

แหล่งที่เชื่อถือได้ บางรายอาจจะจัดหาจาก

แหล่งที่เชื่อถือไม่ได้ส่งผลต่อ ผลผลิตของ

เกษตรเอง และเนื่ องจากบางรายไม่มีเงิน

ทุนในการดำเนิ นการ สำหรับสวนผลไม้

ส่วนใหญ่นิ ยมปลูกรอบๆ บริเวณบ้าน

สำหรับพืชผักเกษตรกรปลูกพืชผักกินใบ

เช่น ใบโหระพา แมงลัก กะเพรา พริก และ

พืชผักสวนครัว - อื่น ๆ ตามความนิ ยมใน

แต่ละช่วงของระบบตลาด

2.5 ความเชื่อ ประเพณี และพิธีกรรม

ตารางที่ 3 แสดงความเชื่อ ประเพณี และพิธีกรรม
มีขนบธรรมเนี ยมประเพณี พิธีกรรมเหมือนกันเกือบทุกหมู่บ้าน ดังนี้

ที่ พื้นที่

น้ำ

(แผนพัฒนาท้องถิ่น,2561)

13

ภูมิปัญญาท้องถิ่น ในพื้นที่ตำบลบางงอน มี

ภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านต่าง ๆ ดังนี้

2 . 6 ภู มิ ปั ญ ญ า ท้ อ ง ถิ่ น 2.6.1ด้านวรรณศิ ลป์

นายเพิ่ม (เนิ ม) วิเชียรแก้ว เกิดวันที่ 19

เมษายน 2473 ปัจจุบันอยู่บ้านเลขที่ 14 หมู่ที่

2 ต.บางงอน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี มีความ

สามารถและเชี่ยวชาญด้านวรรณศิ ลป์ในหลาย

สาขา เช่น การดูฤกษ์ยาม การทำขวัญนาค พ่น

ยารักษาโรคเริม การว่าคำตักในงานบวช ดูวัน

ศึกพระ ผลงานคณะเพลงบอก

2.6.2 ด้านนวดแผนไทย ต่อกระดูก

นายทนงศักดิ์ เกื้อด้วง ปัจจุบันอยู่หมู่ที่

10 ต.บางงอน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี ผลงาน

ด้านการต่อกระดูก

2.6.3 ด้านการรำและมโนราห์

นางวรรณา เสือแก้ว ปัจจุบันอยู่บ้านเลข

ที่ 28 หมู่ที่ 7 ต.บางงอน อ.พุนพิน

จ.สุราษฎร์ธานี ผลงาน มีความสามารถและ

เชี่ยวชาญในการรำมโนราห์ และการว่าคำ

กลอน (แผนพัฒนาท้องถิ่น,2561)

2.6.4 ด้านพิธีทางศาสนา

- นายสมคิด ศักดา อยู่ที่ 2 ต.บางงอน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี

- นายสุธรรม พรหมชิต อยู่ที่ 2 ต.บางงอน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี

- นายบุญโปรด สองธานี อยู่ที่ 3 ต.บางงอน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี

- นายบัญชา บัวเพชร อยู่ที่ 4 ต.บางงอน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี

- นายสายันห์ สุปันตี อยู่ที่ 5 ต.บางงอน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี

- นายสำรวม รักษาพราหมณ์ อยู่ที่ 5 ต.บางงอน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี

- นายลิขิต เพชรศรี อยู่ที่ 7 ต.บางงอน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี

- นายสำรอง สุปันตี อยู่ที่ 8 ต.บางงอน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี

- นายชำนาญ พรศรี อยู่ที่ 10 ต.บางงอน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี

- นายจรูญ แก้วทองประเสริฐ อยู่ที่ 11 ต.บางงอน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี

(แผนพัฒนาท้องถิ่น,2561)

14

2.6.5 ด้านการจักสาน

นายครื้น อินสิงคาร เกิดวันที่ 8

กุมภาพันธ์ 2474 ปัจจุบันอยู่บ้านเลขที่ 18 หมู่ที่

4 ต.บางงอน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี มีความ

สามารถและเชี่ยวชาญด้านการจักสาน เช่น นาง

สุ่ม กระด้ง ระยะเวลาและประสบการณ์ในการ

จักสานมากกว่า 50 ปี

นายวัทรินทร์ หมานพัฒน์ เกิดวันที่ 4

พฤศจิกายน 2505 ปัจจุบันอยู่บ้านเลขที่ 11 หมู่ที่

1 ต.บางงอน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี มีความ

สามารถและเชี่ยวชาญด้านช่างไม้ เฟอร์นิ เจอร์

เครื่องเรือน โต๊ะ ระยะเวลาและประสบการณ์ใน

การทำเฟอร์นิ เจอร์ 35 ปี

นายสมศักดิ์ บุญอำไพ เกิดวันที่ 12

เมษายน 2506 ปัจจุบันอยู่บ้านเลขที่ 47 หมู่ที่ 1

ต.บางงอน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี มีความ

สามารถและเชี่ยวชาญด้านช่างไม้ เฟอร์นิ เจอร์

เครื่องเรือน โต๊ะระยะเวลาและประสบการณ์ใน

การทำเฟอร์นิ เจอร์ 35 ปี

2.6.6 ด้านการตัดเย็บเสื้อผ้า

นางรัชนี ศรีคิรินทร์ เกิดวันที่ 28

ตุลาคม 2504 ปัจจุบันอยู่บ้านเลขที่ 211 หมู่ที่ 4

ต.บางงอน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี มีความ

สามารถและเชี่ยวชาญด้านการตัดเย็บเสื้อผ้า ชุด

ผ้าไหม เรียนรู้จากสอนตัดเย็บและ ประสบการณ์

ส่ วนตัวเริ่มตั้งแต่การวัดการออกแบบการตัดเย็บมี

ประสบการณ์ 35 ปี

(แผนพัฒนาท้องถิ่น,2561 )

15

3

16

3 . 1 แ ห ล่ ง ทุ น

ท า ง ธ ร ร ม ช า ติ

ภาพที่ 2 ภาพท่าน้ำ

3.1.1 แหล่งน้ำ 3.1.2 ไม้และป่าไม้

แหล่งน้ำเพื่อการเกษตร ยังต้องอาศัย เป็นเขตป่าสงวนบางส่วน ซึ่งอยู่ทางทิศ

น้ำฝน โดยส่วนใหญ่ปริมาณน้ำฝนตกน้ อย เหนื อของตำบล ขอบเขตของพื้นที่ป่าสวน

เป็นภาวะฝนทิ้งช่วง ปริมาณน้ำฝนค่อนข้าง ทั้งหมด ทั้งตำบล เกษตรทำการปลูก

เล็กน้ อยจึงทำให้ผลผลิตทางการเกษตร ยางพาราทั้งหมด ป่าไม้กับเกษตร

เกือบทุกชนิ ดมีปัญหา ได้ผลผลิตไม่ดีเท่าที่ เกษตรกรไม่มีเอกสารสิ ทธิ์ในที่ดินทำกิน

ควร ไม่ว่า จะเป็นยางพารา ปาล์มน้ำมัน ไม้ และปัจจุบันเกษตรกร เริ่มมองเห็นถึง

ผล นาข้าว หรือพืชผัก พืชไร่ แหล่งน้ำ ความสำคัญของพื้นที่ป่าไม้ เนื่ องจากความ

ธรรมชาติคลองพุมดวงเป็นแม่น้ำสายหลัก แห้งแล้งและขาดไม้ไว้ใช้สอย โดยส่วน

ของตำบล เป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่ ใหญ่ทางวัด หรือ สำนั กสงฆ์จะเป็นผู้

สำคัญ ทางด้านการประมงของราษฎร รณรงค์ให้มีการปลูกไม้ไว้ใช้สอยตาม

ภายในตำบล สถานที่ของวัดหรือสำนั กสงฆ์ และใน

แหล่งน้ำธรรมชาติ สถานที่ หัวไร่ปลายนา หรือข้างสระน้ำ

- แม่น้ำพุมดวง 1 แห่ง (แผนพัฒนาท้องถิ่น,2561 )

- คลองบางงอน 1 แห่ง

(แผนพัฒนาท้องถิ่น,2561 )

17

3.2 แหล่งอาหาร

อาหารพื้นถิ่น ได้แก่

01

ขนมจีนแกงกะทิ

ภาพที่ 3 ภาพขนมจีนแกงกะทิ

02

แกงเลียงต้นเตียง

มีให้รับประทานปีละ 1 ครั้ง
ช่วงเดือนพฤษภาคม – มิถุนายน

ภาพที่ 4 ภาพแกงเลียงต้นเตียง


03

ข้าวต้มมัด

ภาพที่ 6 ภาพข้าวเหนี ยวมะม่วง ภาพที่ 5 ภาพข้าวต้มมัด

04

ข้าวเหนี ยวมะม่วง

(นรินทร์ จิตราภิรมย์,สัมภาษณ์,28 สิงหาคม 2564)

18



3.3 ผลิตภัณฑ์ชุมชนของดีของขึ้นชื่อ

เครื่องแกง

จุดเริ่มต้น
ตั้งอยู่หมู่ที่ 2 ซึ่งเป็นที่ประชุมหมู่บ้านหลัง

เก่า มาดัดแปลงในภายหลังเพื่อจะไม่ปล่อยทิ้ง
ให้มันรกร้างจึงนำมาตั้งเป็นที่ทำเครื่องแกงของ
กลุ่มทำเครื่องแกง จุดเริ่มต้นมาจากชุมชนได้งบ
ประมาณมาจากกองทุนเงินล้าน (กทบ.) ชุมชน
ได้มีการประชุมกันว่าจะทำผลิตภัณฑ์เครื่องแกง
จากนั้ นได้มีการเขียนโครงการไปยังกองทุนเงิน
ล้าน (กทบ.) และจึงได้งบมาจัดทำเป็นกลุ่ม
เครื่องแกง รวมทั้งสิ้น งบประมาณ 300,000
บาท และต่อมาได้มีการหาสมาชิกกันภายใน
หมู่บ้านเพื่อหาคนที่สนใจในการที่จะทำ
ผลิตภัณฑ์ ส่วนมากจะเป็นคนในพื้นที่ที่จะช่วย
การทำซึ่งเป็นชาวบ้านหมู่ที่ 2 ทั้งหมด
(พิพามลรัตน์ เที่ยงธรรม,สัมภาษณ์ 7 กันยายน
2564)

ภาพที่ 7 ภาพเครื่องแกงเผ็ด(คั่ว)

จุดเด่นของผลิตภัณฑ์
รสชาติของเครื่องแกงจะเน้ นเผ็ด

และเป็นรสชาติพื้นบ้าน
วัตถุดิบ

เครื่องแกงส้ ม
พริกแห้ง พริกสด ขมิ้น หอมแดง
กระเทียม เกลือ
เครื่องแกงเผ็ด(คั่ว)
พริกแห้ง พริกสด พริกไทย หอมแดง
กระเทียม กระชาย ข่า ตะไคร้ ขมิ้น เกลือ
(พิพามลรัตน์ เที่ยงธรรม,สัมภาษณ์,7
กันยายน 2564)

ภาพที่ 8 ภาพเครื่องแกงส้ม

19

วิธีการทำ

1. เลือกซื้อวัตถุดิบ (เน้ นวัตถุดิบในพื้นที่)

ในหมู่ที่ 2 ซึ่งเป็นของชาวบ้าน แต่ถ้าหาก

วัตถุดิบไม่เพียงพอจะไปหาซื้อจากที่อื่นจะหา

วัตถุดิบที่มีราคาค่อนข้างต่ำ อีกอย่างคือ

เป็นการช่วยเหลือคนในหมู่บ้านให้มีรายได้

อีกด้วย

2. ขั้นตอนต่อมาก็ได้มีการนั ดสมาชิกใน

กลุ่มซึ่งปัจจุบันนี้ มีสมาชิกทั้งหมด 10คน

และจึงนั ดกันมาทำ และจะกลับมาทำอีกครั้ง

เมื่อเครื่องแกงหมด ตกอยู่ประมาณ1-2ครั้ง

ต่อเดือน ทำครั้งละ 80-100 กิโลกรัม มีแกง

คั่วและแกงส้มเป็นหลัก เพราะแกงคั่วแกง

พริกก็สามารถใช้เครื่องแกงกระทิได้เหมือน

กัน

3. ราคาจะขายตามความต้องการของลูกค้า

ขายกิโลกรัมละ130บาท แต่ส่วนมากจะทำถุง

ละครึ่งกิโล หนึ่ งกิโลกรัม จุดเด่นของเครื่อง

แกงคือมีความแตกต่างจากรสชาติของที่อื่น

ขึ้นอยู่ที่ปริมาณและวัตถุดิบของที่นั้ นๆด้วย

(นางพิพามลรัตน์ เที่ยงธรรม,สัมภาษณ์ 7

กันยายน 2564)

ภาพที่ 9 ภาพขั้นตอนการทำเครื่องแกง ภาพที่ 10 ภาพการบรรจุเครื่องแกงลงบรรจุภัณฑ์

แนวโน้ มการพัฒนา
ในการที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ในเรื่องของ

แพ็คเก็จ และการตลาดเพราะมีเรื่องจุดด้อย
ของเรื่องการตลาดและบุคคลที่รับผิดชอบด้าน
การขาย ยังด้อยในเรื่องของการวางขายสินค้า
และด้อยในการของการตลาด เพราะส่วนใหญ่
และจะเป็นผู้สูงอายุเป็นส่ วนมาก
(พิพามลรัตน์ เที่ยงธรรม,สัมภาษณ์ 7,
กันยายน 2564)

20

3.4 สถานภาพเศรษฐกิจของประชาชน

ภาพที่ 11 ภาพสวนยางพาราและปาล์มน้ำมัน ระบบเศรษฐกิจ
3.4.1 การเกษตร
เกษตรกรส่ วนใหญ่ที่ปลูกยางพาราจะใช้

พันธุ์ที่แนะนำส่งเสริมเกษตรกรที่ทำนา นิ ยมใช้
พันธุ์ที่แนะนำส่งเสริม แต่มีบางรายนิ ยมใช้พันธุ์
พื้นเมืองตามสภาพความเหมาะสมของปัจจัยการ
ผลิต สำหรับปาล์มน้ำมัน เกษตรกรบางรายที่
จัดซื้อพันธุ์ปลูกจากแหล่งที่เชื่อถือได้ บางราย
อาจจะจัดหาจากแหล่งที่เชื่อถือไม่ได้ส่ งผลต่อ
ผลผลิตของเกษตรเอง และเนื่ องจากบางราย
ไม่มีเงินทุนในการดำเนิ นการ สำหรับสวนผลไม้
ส่วนใหญ่นิ ยมปลูกรอบๆ บริเวณบ้าน สำหรับ
พืชผักเกษตรกรปลูกพืชผักกินใบ เช่น ใบ
โหระพา แมงลัก กะเพรา พริก และพืชผักสวน
ครัว - อื่น ๆ ตามความนิ ยมในแต่ละช่วงของ
ระบบตลาด (แผนพัฒนาท้องถิ่น,2561)

3.4.2 การประมง
การทำประมงนั้ นยังมีน้ อย เกษตรกร

จับปลาในบริเวณแม่น้ำลำคลองไปบริโภค
ในครัวเรือนส่วนที่เหลือ ก็จำหน่ าย
(แผนพัฒนาท้องถิ่น,2561)

ภาพที่ 12 ภาพการทำประมง

3.4.3 การปศุสัตว์
การเกษตรส่วนมากจะเลี้ยงเป็นสัตว์พันธุ์ดี และ

คำนึ งผลตอบแทนเป็นหลัก ส่วนใหญ่จะเลี้ยงไว้
บริเวณใน ครัวเรือน เช่น สุกร ไก่ เป็ด ที่เหลือจาก
การบริโภคจะจำหน่ าย ส่วนการเลี้ยงโค กระบือ จะ
เลี้ยงเพื่อการจำหน่ าย แต่การเลี้ยงยังมีจำนวนน้ อย
เนื่ องจากเกษตรกรยังขาดการจัดทำแปลงหญ้า
อาหารสัตว์ในบริเวณหัวไร่ปลายนา หรือในบริเวณ
ที่ว่างของร่องสวน (แผนพัฒนาท้องถิ่น,2561)

ภาพที่ 13 ภาพไก่และสุกร

21

3.4.4 การบริการ
ในเขตองค์การบริหารส่ วนตำบล

บางงอน มีร้านค้าและการบริการ ดังนี้
ปั้ มน้ำมัน 1 แห่ง ตั้งอยู่หมู่ที่ 1
ลานรับซื้อปาล์ม 3 แห่ง ตั้งอยู่หมู่
ที่ 2,7,10
ร้านรับซื้อยางแผ่น/เศษยาง 10
แห่ง ตั้งอยู่หมู่ที่ 2,3,4,7,8,10,11
คาร์แคร์ 2 แห่ง ตั้งอยู่หมู่ที่ 1,2
ร้านขายของชำมินิ มาร์ท 33 แห่ง
ตั้งอยู่หมู่ที่ 1-11
ร้านขายอาหาร 5 แห่ง ตั้งอยู่หมู่ที่
2,3,4,5
ร้านเสริมสวย/ตัดผม 12 แห่ง ตั้ง
อยู่หมู่ที่ 1-11

(แผนพัฒนาท้องถิ่น,2561)
3.4.5 อุตสาหกรรม

ปัจจุบันในพื้นที่ตำบลบางงอน มี
โรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่ จำนวน 3
แห่ง ดังนี้

โรงงานผลิตก๊าซเชื้อเพลิงชีวมวล
ตั้งอยู่หมู่ที่ 10
โรงงานแปรรูปไม้ยางพารา
ตั้งอยู่หมู่ที่ 9
โรงงานผลิตอิฐมวลเบา
ตั้งอยู่หมู่ที่ 3
(แผนพัฒนาท้องถิ่น,2561)

22
3.4.6 การพานิชย์และกลุ่มอาชีพ
ตารางที่ 4 แสดงการรวมกลุ่มและการจัดตั้งกลุ่มของตำบลบางงอน
การรวมกลุ่มและการจัดตั้งกลุ่มของตำบลบางงอน มีดังนี้

(แผนพัฒนาท้องถิ่น,2561)
3.4.7 แรงงาน
ในพื้นที่ตำบลบางงอน ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำการเกษตร
ปลูกยางพารา ปาล์มน้ำมันและมีแรงงานต่างด้าวเข้ามาประกอบอาชีพเป็นลูก
จ้างในพื้นที่เกือบทุกหมู่บ้าน (แผนพัฒนาท้องถิ่น,2561)

23

ตารางที่ 5 แสดงข้อมูลพื้นฐานของหมู่บ้านหรือชุมชน

(แผนพัฒนาท้องถิ่น,2561)
ตารางที่ 6 แสดงข้อมูลทางการเกษตร

(แผนพัฒนาท้องถิ่น,2561)

24



3.5 วิสาหกิจชุมชน

วิสาหกิจชุมชนวัง วิสาหกิจชุมชน
ขนาย ชาวสวนยาง

9/2 หมู่ 10 ต.บางงอน กยท.บ้านภิรมย์ภักดี
อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี
2 8/5 หมู่ 10 ต.บางงอน
โทรศั พท์ 077313795 อ.พุนพิน
ทำเกี่ยวกับพลังงาน
ทดแทนและรีไซเคิล จ.สุราษฎร์ธานี โทรศั พท์
0862666396 ทำเกี่ยวกับ
วัตถุดิบและขยะที่ไม่ใช้ จัดหาปัจจัยการผลิตราคา
งาน

ถูกแก่สมาชิกและ
เกษตรกร และให้ความรู้

ในการจัดการสวน
ยางพารา/ปาล์มน้ำมัน






วิสาหกิจชุมชนส่ ง วิสาหกิจชุมชนบ้านสี่
เสริมชาวสวนยาง ขีด

บางงอน 118/1 หมู่ 11 ต.บางงอน
อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี
53 หมู่ 5 ต.บางงอน
อ.พุนพิน โทรศั พท์ 0856887739
ทำเกี่ยวกับรับซื้อน้ำยาง
จ.สุราษฎร์ธานี สดและแปรรู ปยางแผ่น
โทรศั พท์ 0986965961
ทำเกี่ยวกับรับซื้อน้ำยาง



สด



วิสาหกิจชุมชน T.D. FARM กลุ่มเลี้ยงโคเนื้ อ
พันธุ์กำแพงแสน

156/3 หมู่ 7 ต.บางงอน อ.พุนพิน
จ.สุราษฎร์ธานี



(http://smce.doae.go.th/smce1/report.28 สิงหาคม 2564)

25

ส่ วนที่

4

สถานที่สำคัญ

26

4.1 แหล่งท่องเที่ยว



สถานที่น่ าสนใจ

4 . 1 . 1 วั ด เ ก ษ ม บำ รุ ง ( วั ด ข น า ย )

ภาพที่ 14 ภาพวัดเกษมบำรุง

วัดเกษมบำรุง (วัดขนาย) วัดขนายขึ้นทะเบียนเป็นวัดเมื่อปี พ.ศ.
ตั้งอยู่หมู่ที่ 4 วัดเกษมบำรุง เดิม
มีชื่อว่า “วัดโคกพร้าว” ตามตำนาน 2375 พระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อปี พ.ศ.
กล่าวกันว่ามีตาปะขาวหรือตาผ้า
ขาว (ผู้มีวิชาอาคม ถือศีล นุ่ งขาว 2388 สำหรับชื่อวัดได้เปลี่ยน จากวัดขนาย
ห่มขาว) เป็นผู้สร้างวัดขึ้น แต่ไม่
ทราบหลักฐานที่แน่ นอนว่าสร้าง เป็นวัดเกษมบำรุง เนื่ องจากเปลี่ยนไปตาม
ขึ้นเมื่อใด ต่อมาเมื่อมีชาวบ้านเข้า
มาตั้งหลักปักฐานทำมาหากินกัน ชื่อเจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน คือ “พระครูเกษม
มากขึ้น จนกลายเป็นชุมชนขนาด
ใหญ่โตขึ้นเป็นหมู่บ้าน มีชื่อเรียก จิตตาภิรักษ์ หรือพ่อหลวงล้าน” ซี่งเป็นพระ
กันทั่วไปว่า “หมู่บ้าน ขอ - นาย”
ต่อมาเพี้ยนไปเป็น “ขนาย” ใน เกจิอาจารย์ ที่พุทธศาสนิ กชนให้ความนั บถือ
ที่สุด ส่วนวัดโคกพร้าวก็ได้เปลี่ยน
มาเป็น “วัดขนาย” ตามชื่อหมู่บ้าน เลื่อมใสศรัทธา ภายในวัดมีพิพิธภัณฑ์ท้อง
ไปด้วย
ถิ่น วัดเกษมบำรุงให้เยี่ยมชมมีสมบัติโบราณ

ที่มีอยู่หลายชิ้นในวัดนี้ สมควรอนุรักษ์ไว้

เป็นมรดกตกทอดคนรุ่นหลังจะได้เห็นถึง

ความเป็นมาของชนชาติไทยในอดีต และยัง

รอยพระพุทธบาทจำลอง และกำลังสร้าง

สารีริกธาตุ(ศูนย์ข้อมูลทางวัฒนธรรม.วัด

เกษมบำรุง.ออนไลน์ ].2011, สืบค้นเมื่อ 10

กันยายน 2564.จาก http://

www.mculture.in.th/album/112856)

27

4 . 1 . 2 วั ด รั ษ ฎ า ร า ม ( วั ด เ งิ น )

ภาพที่ 15 ภาพวัดรัษฎาราม

วัดรัษฎาราม เป็นวัดสังกัดมหานิ กาย ก่อสร้างเมื่อปี
พ.ศ. 2385 ได้รับวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ. 2412 เป็นวัดที่มี
ความร่มรื่น สิ่งแปลกไปจากวัดทั่วไป ตรงที่รั้วโบสถ์ได้
ก่อสร้างโดยประดิษฐานพระพุทธรูปรายล้อม ภายในวัด
ได้จำลองเสมาธรรมจักรขนาดใหญ่ สันนิ ษฐานว่าน่ าจะ
ก่อสร้างขึ้นพร้อม ๆ กับการตั้งวัด ตั้งประดิษฐานอยู่
บริเวณหน้ าโบสถ์ เป็นเอกลักษณ์ที่สวยงามมาก
(วัดรัษฎาราม.ประวัติวัดรัษฎาราม.[ออนไลน์ ].2019,
สืบค้นเมื่อ9กันยายน2564 https://www.facebook.
com/notes/357721162095155)

ภาพที่ 16 หลวงพ่อทวด

ภาพที่ 17 ภาพโบสถ์เก่าวัดรัษฏาราม

28

4 . 1 . 3 วั ด บ า ง ง อ น



ภาพที่ 18 ภาพหลวงพ่อ วัดบางงอน เป็นวัดเก่าแก่อายุกว่า ๑๐๐ ปี มีการพัฒนามากที่สุดในสมัย
อุตศธาพรองค์จำลอง หลวงพ่อหันต์ ปภกโร (พระครูรัษฎารามคณิศร์) เป็นเจ้าอาวาส ท่านสร้าง
อุโบสถแทนหลังเก่าที่พังเพราะพายุ เริ่มลงมือสร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๒ มาเสร็จเมื่อ
พ.ศ. ๒๕๔๓ ใช้เวลาแห่งความมานะพยายามถึง ๔๑ ปี พุทธบริษัทต่างชื่นชม
อุโบสถที่สูงใหญ่กว่าอุโบสถหลังอื่นในถิ่นนี้ ภายในประดิษฐาน พระประธาน
ปางมารวิชัย อันสงบ งดงาม และมีการขุดพบเมื่อปี พ.ศ. 2521 วัตถุที่ขุดพบนั้ น
ชื่อหลวงพ่ออุตศธาพรทำให้วัดแห่งนี้ มีชื่อเสียง
(ศูนย์ข้อมูลทางวัฒนธรรม.วัดบางงอน.[ออนไลน์ ].2011,สืบค้นเมื่อ 9 กันยายน
2564.จาก http://www.mculture.in.th/album/112715)

4.1.4 ต้นมะขามเกลียวยักษ์ 1000 ปี 29

ชาวบ้านในพื้นที่บอกว่าต้นมะขามยักษ์ต้นนี้ มีเส้นรอบ จุดน่ าสนใจ
วงขนาด 840 เซนติเมตร หรือขนาด 8 คนโอบ ซึ่งพื้นที่ จุดน่ าสนใจตรงที่ต้นมะขามต้นนี้
บริเวณนี้ เมื่อก่อนมีต้นมะขามอยู่หลายต้น แต่ส่วนใหญ่จะมี
ลำต้นตรง แต่มะขามต้นนี้ มีความพิเศษมีลำต้นใหญ่โตและ ประกอบไปด้วย
พันกันเป็นเกลียวชูยอดขึ้นฟ้า มีด้วยกันถึง 9 ยอด ส่วนต้น 1. ต้นมะขามต้นนี้ มีลักษณะที่ใหญ่กว่า
อื่นที่เป็นลำต้นตรงนั้ นได้ตายไปหมดแล้ว จึงเป็นที่มาของ ต้นอื่นภายในหมู่บ้าน
ชื่อมะขาม 1000 ปี จุดเด่นของมะขามต้นนี้ อยู่ที่ตลอดทั้ง 2.มีลักษณะไม่หมือนต้นมะขามทั่วไป
ลำต้นพันกันเป็นเกลียวรอบลำต้น ซึ่งจากอดีตถึงปัจจุบัน 3.มีความเชื่อโบราณมีการมาขอเลข ขอ
คนเคยเห็นแต่ต้นมะขามมีลำต้นตรง ส่วนลำต้นพันกัน หวย
เป็นเกลียวนั้ นยังไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน หรือจะมีข่าวว่า
เจอที่ไหน ซึ่งชาวบ้านทั่วไปคาดว่าต้นมะขามเกลียวต้นนี้ ที่ ได้มีการนิ มนต์พระสงฆ์มาทำพิธี
มีขนาดใหญ่โตและหายากนี้ จะมีต้นเดียวในประเทศไทย จึงทำให้ต้นมะขามนี้ มีผ้า 7 สีมากมายที่
ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมา มีผู้คนมาบนบานศาลกล่าวขอโชค ผูกไว้รอบๆต้นมะขาม ได้มีการมาทำ
ลาภ และน่ าจะประสบผลสำเร็จจึงมีคนมาจุดประทัดและ ข่าวอยู่หนึ่ งครั้งทางรายการ 123 เมือง
นำผ้าสี มาผูกลำต้นเพื่อเป็นการแก้บนอยู่เรื่อยๆ คนดีสุราษฎร์ธานี เกิดจากการที่ชาว
บ้านไปขอหวยแล้วมีคนถูก และกลาย
ต้นมะขามนี้ ชื่อเดิมๆเลย คือ ต้นมะขาวเกลียว ซึ่งมีอายุ เป็นความเชื่อของคนในหมู่บ้านตั้งแต่
ประมาณมากกว่า 300-400 ปี เพราะคนสมัยก่อนที่มีอายุ นั้ นเป็นต้นมา และยังมีทางด้านนั ก
กว่า 90 ปีนั บถอยหลัง ต้นมะขามต้นนี้ ก็มีอยู่แล้วและได้มี ท่องเที่ยวจากหลายแห่งได้มาเยี่ยมชม
การสันนิ ฐานว่ามีอายุมาแล้วไม่ต่ำกว่า 300-400 ปี และ และมีการถ่ายรูปเป็นที่รู้จักไปทั่วเนื่ อง
ต้นมะขามนี้ เป็นต้นมะขามดั้งเดิมของหมู่บ้าน ตั้งอยู่หมู่ที่ 5 จากได้มีการมาทำข่าวจนเป็นสาเหตุให้
ตำบลบางงอน (สำรวม รักษาพราหมณ์,7 กันยายน 2564) นั กท่องเที่ยวอยากมาเยี่ยมชมและมาดู
ความแปลกตาของต้นมะขามต้นนี้
(สำรวม รักษาพราหมณ์,7 กันยายน
2564)

ภาพที่ 19 ภาพต้นมะขามเกลียวยักษ์ 1000 ปี ภาพที่ 20 ภาพต้นมะขามเกลียวยักษ์ 1000 ปี

คนสมัยใหม่ก่อนได้มีการเล่าขานกันว่าสาเหตุที่
ต้นมะขามนี้ มีลักษณะเกลียวเป็นเพราะว่าต้นมะขามต้นนี้ ได้
เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่ชาวบ้านสมัยก่อนได้มีการเอาวัว
เอาควายไปผูกไว้กับต้นมะขามต้นนี้ และเชือกที่ผูกได้เกิด
การพันกับต้นมะขามจึงทำให้เกิดเป็นเกลียวๆและตั้งแต่นั้ น
มาจึงเป็นสาเหตุให้ต้นมะขามนี้ เกิดมีลักษณะเป็นเกลียวๆมา
จนถึงปัจจุบันและปัจจุบันนี้ ไม่ได้มีการดูแลเพราะมันเกิดขึ้น
เองตามธรรมชาติ (สำรวม รักษาพราหมณ์,7 กันยายน
2564)

30

4.1.5 พื้นที่ทำนาข้าว

น า ข้ า ว บ า ง ง อ น ภาพที่ 21 ภาพพื้นที่ทำนาข้าว 4.1.5.1 ความเป็นมา
นาข้าวแห่งนี้ ตั้งอยู่ที่หมู่ที่5 ตำบลบางงอน เป็น

นาข้าวที่ทำกันมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ พื้นที่นา
ติดต่อกันทั้งหมดประมาณ 125 ไร่ นาข้าวผืนนี้ มี
เจ้าของแปลงนาประมาณ 27 คน มีการปล่อยน้ำ
เข้าสู่ แปลงนาเป็นระยะเวลาเพื่อที่จะเก็บเกี่ยวข้าว
พร้อมกันทุกแปลงนา
4.1.5.2 ดึงดูดความน่าสนใจ

นาข้าวผืนนี้ เป็นจุดดึงดูดความน่ าสนใจของ
นั กท่องเที่ยวเพราะสถานที่แหล่งนี้ สามารถเป็น
จุดเช็คอินใหม่ให้กับนั กเดินทางหรือนั กท่อง
เที่ยวที่รักธรรมชาติได้ และเป็นสถานที่แห่งใหม่
ของหมู่บ้านอีกด้วย แต่ที่ผ่านๆมาก็ยังมีนั กท่อง
เที่ยวหรือคนในหมู่บ้านมาเยี่ยมชมและมีการเช็ค
อินอยู่ตลอด สถานที่แห่งนี้ เป็นที่ดั้งเดิมแต่จะ
พัฒนาให้มันดูน่ าสนใจและสวยขึ้นกว่าเดิม
(ปิยะนั นทร์ รักกลัด,สัมภาษณ์ 7 กันยายน 2564)

4.1.5.3 แนวโน้มการพัฒนา

นาข้าวแห่งนี้ จะมีการปรับให้เป็นศูนย์เรียนรู้ ประกอบไปด้วย มีการย้อนยุคกลับไป

ในสมัยก่อนและที่มา การดำนายังไงให้ได้ผลผลิตที่เพิ่มขึ้นและมากขึ้นกว่าปีก่อนๆเพราะ

การทำนาไม่ได้มีตลอดทั้งปีแต่จะมีเป็นช่วงๆ แบ่งออกเป็น 2 ช่วง คือ

1.การทำนาปี เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคมมิถุนายน

2.การทำนาปรัง หรือการทำนาครั้งที่สอง คือการทำนาที่ไม่ได้อาศัยน้ำฝนที่ตกตาม

ฤดูกาลเป็นหลัก แต่อาศัยน้ำจากลำห้วย หนอง คลองบึง น้ำใต้ดิน หรือน้ำจากคลอง

ชลประทาน

การจัดทำนาข้าวครั้งนี้ ได้มีการของบไปแล้วหนึ่ งครั้งแต่ยังไม่มีการตอบรับ แต่ตอน

นี้ ได้มีหน่ วยงานของราชภัฎสุราษฎร์ธานี ได้เข้ามาช่วยปรับปรุงและมีงบประมาณในการ

จัดทำอยู่แล้วส่วนหนึ่ งแต่ตอนนี้ ยังไม่ได้มีการประชุมอย่างเป็นทางการในเรื่องของงบ

ประมาณ

นอกจากการปรับภูมิทัศน์ เพื่อจะดึงดูดให้นั กท่องเที่ยวได้มาเยี่ยมชม

ธรรมชาติภายในหมู่บ้านที่จะมีการจัดทำตอนนี้ ได้ทำการของบประมาณไปแล้ว

และสิ่ งที่จะทำคือการจัดทำเป็นลานธรรม และเป็นจุดเช็คอินซึ่งและการจัดทำ

แหล่งท่องเที่ยวครั้งนี้ ชาวบ้านทุกคนมีความร่วมมือกัน แต่เดิมการปล่อยน้ำเข้า

นาเป็นหน้ าที่ของชลประทาน แ ต่ ต่ อ ม า ช ล ป ร ะ ท า น ไ ด้ มี ก า ร โ อ น ใ ห้ อ ง ค์ ก า ร

บริหารส่ วนตำบลเป็นผู้รับผิดชอบ

(ปิยะนั นทร์ รักกลัด,สัมภาษณ์ 7 กันยายน 2564)

4.2 โบราณสถาน 31


ภาพที่ 22 ภาพวัดเกษมบำรุง
4.2.1 วัดเกษมบำรุง (วัดขนาย)

เดิมวัดแหล่งนี้ ชื่อวัดโคกพร้าว แต่ได้มีการตั้งชื่อ วัดเกษมบำรุง (วัดขนาย) ตั้งอยู่หมู่ที่ 4
ใหม่ขึ้นเป็นวัดขนาย วัดแห่งนี้ มีอายุประมาณ 600-700 ปี
ต่อมาสมัยพ่อตาผ้าขาวในตำนานเป็นผู้รักษาผู้คนมาตลอด วัดเกษมบำรุง เดิมมีชื่อว่า “วัดโคกพร้าว” ตาม
เช่น เกี่ยวกับเรื่องกระดูก การรักษานี้ แต่เดิมคนที่เป็นคน
เริ่มคือพ่อหลวงพริ้ม และวัดได้มีการทิ้งร้างอยู่ช่วงนึ งแต่ ตำนานกล่าวกันว่ามีตาปะขาวหรือตาผ้าขาว (ผู้มีวิชา
ได้มีตาหลวงรวยมาสื บทอดและพัฒนาต่อมาจนถึงปัจจุบัน
และปัจจุบันวัดแห่งนี้ ได้มีการก่อสร้างสารีริกธาตุหรืเจดีย์ อาคมถือศี ล นุ่ งขาวห่มขาว) เป็นผู้สร้างวัดขึ้น แต่ไม่
เจดีย์ได้สร้างขึ้นเมื่อสมัยพ่อหลวงราน ราวประมาณ 7 ปี
และมีแนวโน้ มที่จะมีการพัฒนาวัดแห่งนี้ ใ ห้กลายเป็นที่ ทราบหลักฐานที่แน่ นอนว่าสร้างขึ้นเมื่อใด ต่อมา
ท่องเที่ยวเพื่อให้คนในหมู่บ้านได้มาเยี่ยมชมรวมถึงนั ก
ท่องเที่ยวจากที่อื่นด้วย มีลักษณะ 2 นั ย คือ มีสิทธิ์ยานุ เมื่อมีชาวบ้านเข้ามาตั้งหลักปักฐานทำมาหากินกัน
สิทธิ์ ได้มีงบประมาณที่จะสร้างให้เกิดขึ้นมาเป็นวัตถุเพื่อที่
จะตกทอดไปให้คนรุ่นหลัง ปัจจุบันนี้ วัดแห่งนี้ ก็ยังมีการ มากขึ้น จนกลายเป็นชุมชนขนาดใหญ่โตขึ้นเป็น
รักษาเกี่ยวกับกระดูกแต่จะไม่ใช่ตาหลวงพริ้ม และมีการ
ถ่ายทอดวิชาความรู้ในแก่ลูกศิษย์ที่ เพื่อให้คนรุ่นหลังได้ หมู่บ้าน มีชื่อเรียกกันทั่วไปว่า “หมู่บ้าน ขอ –นาย”
สืบต่อ ท่านมีลูกศิษย์หลายคน อยู่จังหวัดสุราษฎร์ธานี
บ้าง ชุมพรบ้าง (นาย สำรอง สุปันตี,สัมภาษณ์ 7 กันยายน ต่อมาเพี้ยนไปเป็น “ขนาย” ในที่สุด ส่ วนวัดโคก
2564)
พร้าวก็ได้เปลี่ยนมาเป็น “วัดขนาย” ตามชื่อหมู่บ้าน

ไปด้วย วัดขนายขึ้นทะเบียนเป็นวัดเมื่อปี พ.ศ. 2375

พระราชทานวิสุงคามสี มา เมื่อปี พ.ศ. 2388 สำหรับ

ชื่อวัดได้เปลี่ยน จากวัดขนายเป็นวัดเกษมบำรุ ง

เนื่ องจากเปลี่ยนไปตามชื่อเจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน

คือ “พระครู เกษมจิตตาภิรักษ์ หรือพ่อหลวง

ล้าน” ซึ่งเป็นพระเกจิอาจารย์ ที่พุทธศาสนิ กชน

ให้ความนั บถือเลื่อมใสศรัทธา(ศูนย์ข้อมูลทาง

วัฒนธรรม.วัดเกษมบำรุ ง.ออนไลน์ ].2011,สื บค้น

เมื่อ 10 กันยายน 2564.จากhttp://www.m-

culture.in.th/album/112856)

วั ด ข น า ย32 4.2.1.1การต่อกระดูก
ความเป็นมาของการรักษา “การต่อกระดูก”โดยใช้ภูมิปัญญาไทย

มีว่าหลวงพ่อพระสมุห์สำรวย หตาโส ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดเกษมบำรุงในขณะ
นั้ น ได้ทำการรักษานายปุ้น ตันปัก ซึ่งตกต้นไม้ขาหักทั้งสองข้าง ได้มาให้
หลวงพ่อพระสมุห์สำรวย หตาโส ทำการรักษาโดยวิธีการต่อกระดูก และทา
น้ำมัน ใช้เวลาเพียง 7 วันได้หายเป็นปกติ นั บว่าเป็นผู้ป่วยรายแรกของวัดเกษม
บำรุงที่ได้ทำการรักษา

ต่อมาเมื่อหลวงพ่อพระสมุห์สำรวย หตาโส ได้มรณภาพ หลวงพ่อพระครู
พิทักษ์ธรรมสาร (พริ้ม ฐานธรรมโม) เจ้าอาวาสองค์ต่อมาได้สืบต่อทำการรักษาการต่อ
กระดูก อัมพฤกษ์ อัมพาต จนท่านมรณภาพ เมื่อปี พ.ศ. 2530 ท่านพระครูเกษมจิตตาภิ
รักษ์ เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน ก็ได้สืบทอดการรักษามาจนปัจจุบัน ซึ่งปัจจุบันทางวัดได้
จัดให้มีอาคารผู้ป่วย มีเตียงผู้ป่วย พร้อมด้วยมีครูผู้ดแลผู้ป่วยนายทนงค์ เกื้อด้วง เป็นผู้
มีความรู้ ความชำนาญ การรักษาด้านกระดูกและเส้นตามตำราแพทย์แผนไทยประจำ
ในอาคารตลอดเวลา(ศูนย์ข้อมูลทางวัฒนธรรม.การต่อกระดูก.ออนไลน์].2011,สืบค้น
เมื่อ 10 กันยายน 2564. จาก http://www.m-culture.in.th/album/112689)

เริ่มมีการต่อกระดูกพร้อมๆกับการก่อตั้งวัด สมัยพ่อหลวงรวย จุดน่ า
สนใจคือ เป็นสถานที่ต่อกระดูกทำให้มีชื่อเสียง และมีคนเข้าไปรับการรักษา
มากและปัจจุบันก็ยังมีการรักษาอยู่อีก และยังมีอาคารสำหรับคนรักษาอีกด้วย
(สำรวม รักษาพราหมณ์,สัมภาษณ์ 7 กันยายน 2564)

ภาพที่ 23 ภาพพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น 4.2.1.2 พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น วัดเกษมบำรุง
ภาพที่ 24 ภาพวัตถุโบราณ ได้ก่อตั้งขึ้นมา เมื่อปี พ.ศ. 2531 โดยพระครูล้าน เขมจิตฺ

โต (สมณศักดิ์ในขณะนั้ น) ได้คิดว่าสมบัติโบราณที่มีอยู่หลาย
ชิ้นในวัดนี้ สมควรอนุรักษ์ไว้เป็นมรดกตกทอดคนรุ่นหลังจะ
ได้เห็นถึงความเป็นมาของชนชาติไทยในอดีต จึงได้รวบรวม
เก็บรักษาไว้ในที่อันเหมาะสม คือใส่ไว้ในตู้กระจก ต่อมาเมื่อมี
ผู้คนมาเห็นและผู้มีจิตใจเห็นตรงกันว่าสมบัติเหล่านั้ น น่ าจะ
อนุรักษ์และเก็บไว้เป็นที่เป็นทาง จึงได้นำโบราณวัตถุต่าง ๆ
ที่ตนมีอยู่มาถวายเพื่อเก็บรวบรวมไว้ที่วัดเกษมบำรุง

เมื่อปีพ.ศ. 2536 -2538 วัตถุโบราณมีจำนวนมากขึ้น
พระครูเกษมจิตตาภิรักษ์ จึงสร้างตู้กระจกเพิ่มเติม และเก็บ
รักษาไว้ที่หอฉันชั้นบน และเปิดให้ผู้สนใจได้เข้าชมและศึกษา
ตลอดมา ต่อมาในปี พ.ศ. 2543 จึงได้สร้างพิพิธภัณฑ์ขึ้น 1
หลัง ค่าใช้จ่ายประมาณ 2 ล้านบาท เสร็จในปีพ.ศ. 2547 จึง
ได้ย้ายโบราณวัตถุต่าง ๆ จากหอฉันมาไว้ที่พิพิธภัณฑ์ และ
เปิดให้ผู้สนใจได้เข้าชมความงดงามในศิลปะ ที่บรรพบุรุษได้
สร้างมาจนเป็นมรดกของชาติ
(ศูนย์ข้อมูลทางวัฒนธรรม.พิพิธภัณฑ์.[ออนไลน์ ].2011,
สืบค้นเมื่อ 10 กันยายน 2564. จาก http://www.m-
culture.in.th/album/112691)

33

ภาพที่ 25 ภาพโบสถ์เก่าวัดรัษฏาราม

4.2.2 วัดรัษฎาราม (วัดเงิน)

ปลายสมัยกรุงธนบุรี เกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองแย่งชิงอำนาจการ

ปกครอง เหล่าขุนนางและเชื้อพระวงศ์ ต่างพากันอพยพหนี จากความวุ่นวายมีทั้งกลุ่มเล็ก

กลุ่มใหญ่แยกย้ายกันไปคนละทิศละทาง มีกลุ่มของเชื้อพระวงศ์เชื้อสายจีน กลุ่มหนึ่ ง วั ด รั ษ ฎ า ร า ม

อพยพทางเรือมุ่งหน้ าทางใต้จนกระทั่งเข้าสู่ลุ่มน้ำตาปี ได้ล่องเรือตามแม่น้ำเรื่อยมาจนมา

ถึงแม่น้ำพุมดวงได้จอดเรือสร้างบ้านเรือน สร้างวัดริมแม่น้ำขึ้นบริเวณ “บ้านท่าเดื่อ” ต่อ

มาได้เกิดภัยธรรมชาติน้ำกัดเซาะตลิ่งบ้านเรือนพังเสียหาย เป็นเหตุให้เกิดการย้ายถิ่นฐาน

เพื่อสร้างบ้านเรือนอยู่อาศัยใหม่ โดยมีการสร้างวัด สร้างบ้านเรือนอีกครั้งบริเวณ “บ้าน

ฮิน”, “วัดฮิน” (บ้างก็ชื่อว่า บ้านงิน แต่คนใต้จะออกเสียง ง เป็น ฮ เลยเป็น บ้านฮิน)

วัดฮิน ในขณะนั้ น มีเจ้าอาวาสซึ่งชาวบ้านเรียกขานนามท่านว่า “ท่านราชวงศ์” โดยไม่มีผู้

ใดสามารถยืนยันนามที่แท้จริงของท่านได้ อาจด้วยท่านเป็นผู้นำของกลุ่มอพยพและเป็น

เชื้อพระวงศ์ ชาวบ้านจึงเรียกขานนามท่านเช่นนั้ นเรื่อยมาก็เป็นได้ บริเวณบ้านฮินเป็นที่อยู่

อาศัยของกลุ่มคนหลายก๊กหลายเหล่า มีทั้งกลุ่มโจรใจทมิฬ กลุ่มอันธพาล กลุ่มคนที่หลบ

หนี คดีมาจากที่อื่น มีการดักปล้นฆ่าพ่อค้าที่เดินทางผ่านไปมาอยู่เป็นประจำ ทำให้บ้านฮิน

ถูกเรียกขานชื่อ อีกชื่ออย่างว่า “บ้านทมิฬ” ซึ่งมีความหมายถึง ความดุร้ายโหดเหี้ยม แห้ง

แล้งขาดแคลน ถือว่าเป็นชื่อที่ไม่เป็นมงคล

ท่านเจ้าอาวาส (ท่านราชวงศ์) เป็นที่เคารพนั บถือของผู้คนในบริเวณนั้ นเป็นอย่าง

กว้างขวาง ด้วยท่านเป็นผู้มีความสามารถและเชี่ยวชาญในด้านไสยศาสตร์ เวทมนต์ อีกทั้ง

ท่านยังคอยพร่ำสอนให้ทุกคนประพฤติตนเป็นคนดี อยู่ในศีลธรรม รวมถึงกลุ่มโจรทมิฬ

กลุ่มอันธพาล ท่านก็ยังเมตตาอบรมสั่งสอนจนกลับใจเป็นคนดี จนชื่อที่ถูกกล่าวขานว่า

“บ้านทมิฬ” ก็ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น “บ้านฮิน” หรือ “บ้านงิน” สืบมา..บรรดาทรัพย์สินเงิน

ทองของต้นตระกูลเชื้อสายจีนที่อพยพมา รวมถึงทรัพย์สินเงินทองของเหล่าโจรที่กลับใจ

เป็นคนดี แล้วนำทรัพย์สินมามอบให้กับท่านราชวงศ์ ทรัพย์สินดังกล่าวได้ถูกฝังไว้ที่

บริเวณวัดเงิน เมื่อสิ้ นท่านเจ้าอาวาสราชวงศ์ ต่อมาอีกหลายสมัยได้มีชาวต่างชาติ (ชาว

ตะวันตก) ได้ค้นพบลายแทง ที่มีข้อความเขียนว่า “สีตีจัน ไม้ฆ้อนตีรันจันทึง” ซึ่งแปล

ความหมายได้ว่า ..

34

“ที่กอไผ่สีสุกเสียดสีกับต้นจัน มีไม้ฆ้อนที่ใช้ตี
ต้นทึง ยามที่มีคนเดินผ่านไปมา”จากการเล่าต่อๆ กัน
มา ปรากฎว่าชาวต่างชาติได้ขุดพบทรัพย์สินมากมาย
อยู่บริเวณนั้ นจริงๆอย่างไรก็ตามชื่อ บ้านฮิน วัดฮิน
ยังมีชาวบ้านยังใช้ชื่อนี้ ในการเรียกขานกันอยู่บ้าง แต่
ในปัจจุบันมีการเรียกชื่อวัดฮิน ในชื่อที่เป็นทางการ
และรู้จักกันโดนทั่วไปว่า “วัดรัษฎาราม” โดยการตั้ง
ชื่อตามยศของอดีตท่านเจ้าอาวาสท่าน พระครูรัษฎา
รามคณิศร์ (เทา ธม̣มรก̣ขิโต) ส่วนชื่อ วัดฮิน ก็ถูก
เปลี่ยนเป็น “วัดเงิน” เพื่อให้มีความหมายและเป็น
มงคล การเปลี่ยนชื่อดังกล่าวเป็นความเห็นของชาว
บ้านและท่านกำนั นสำรอง (ผ้ง) วงศ์ประไพ กำนั น
ตำบลบางงอน ณ ขณะนั้ น พร้อมด้วยคณะสงฆ์ภาย
ใต้การนำของเจ้าอาวาสพระสมุห์สุดจิตต์ สีลเตโช ดัง
ปรากฎชื่อวัด ณ ซุ้มประตูวัดว่า “วัดรัษฏาราม (เงิน)”
ในปัจจุบัน

วัดรัษฎาราม เป็นวัดสังกัดมหานิ กาย ก่อสร้าง
เมื่อปี พ.ศ. 2385 ได้รับวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ. 2412
เป็นวัดที่มีความร่มรื่น สิ่งแปลกไปจากวัดทั่วไป ตรง
ที่รั้วโบสถ์ได้ก่อสร้างโดยประดิษฐานพระพุทธรูป
รายล้อม ภายในวัดได้จำลองเสมาธรรมจักรขนาด
ใหญ่ สันนิ ษฐานว่าน่ าจะก่อสร้างขึ้น พร้อม ๆ กับการ
ตั้งวัด ตั้งประดิษฐานอยู่บริเวณหน้ าโบสถ์ เป็น
เอกลักษณ์ ที่สวยงามมาก
โบสถ์เก่าวัดรัษฏาราม (เงิน)

ไม่ทราบปีที่สร้างอย่างชัดเจน แต่สร้างก่อนปี
ที่ตั้งวัด (ตั้งวัด พ.ศ. 2348) มีการเล่ากันว่าตอนสร้าง
ในสมัยแรกๆ มุงหลังคาด้วยจาก หากนั บเวลาจากที่
มีการจัดตั้งวัดแบบมีเอกสารรับรอง นั บได้ว่าอายุของ
โบสถ์ มากกว่าสองร้อยปี และยังใช้งานประกอบพิธี
ทางศาสนาจนปัจจุบัน(วัดรัษฎาราม.ประวัติวัดรัษฎา
ราม. [ออนไลน์ ].2019,สืบค้นเมื่อ 9 กันยายน2564
https://www.facebook.com/notes/35772116209
5155)

ภาพที่ 26 ภาพวัดรัษฏาราม

35

4.2.2.1 โบราณวัตถุ
สถูปหลวงพ่อราชวงศ์

เจ้าอาวาสผู้ก่อตั้งวัดรัษฎาราม
วัดเงิน สถูป[สะถูบ] น. สิ่งก่อสร้างที่มี
รูปโอคว่ำซึ่งก่อไว้สำหรับบรรจุของควร
บูชามีกระดูกของพระพุทธเจ้าและพระ
อรหันต์เป็นต้น

ภาพที่ 29 ภาพหลักเขตพัทธสีมาโบสถ์
ภาพที่ 27 ภาพถ่ายโบสถ์เก่าวัดรัษฏาราม

ภาพที่ 28 ภาพโบสถ์เก่าวัดรัษฏาราม ภาพที่ 30 ภาพหลักเขตพัทธสีมาโบสถ์สลักด้วยภาษาจีน

หลักเขตพัทธสี มาโบสถ์
วัดรัษฎาราม (เงิน)

มีการสลักด้วยภาษาจีน รูปด้านใน
ได้แปลความหมายไว้ บางคำด้วย

(วัดรัษฎาราม. [ออนไลน์ ].2019,
สืบค้นเมื่อ 9 กันยายน 2564.จากhttps://hiin.facebook.com/

wadrassadaram/ posts/116603076445177/)

36

4.2.3 วัดบางงอน 4.2.3.1 โบราณวัตถุ
เริ่มมีการก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ.2390 นั บถอย มีการขุดพบเมื่อปี พ.ศ. 2521 วัตถุที่ขุด

หลังคือประมาณ 200 ปี เพราะวัดแห่งนี้ ได้ พบนั้ น ชื่อหลวงพ่ออุตศธาพรและวัดแห่ง
มีเจ้าอาวาสมาหลายองค์แล้วและแต่ละ นี้ มีชื่อเสียงเรื่องดินเป็นยาเนื่ องจากดิน
องค์อยู่มาหลายๆปี พ่อท่านคุ้ม พ่อท่าน บริเวณที่ขุดพบนั้ นชาวบ้านได้นำมาใช้เป็น
เย็น เป็นที่นั บถือบูชาของคนในชุมชนและ ยารักษาและปัจจุบันโบราณวัตถุนี้ ยังมีอยู่
ต่อมาสมัยพระครูศาสดารามหรือพ่อหลวง แต่ไม่ได้ตั้งอยู่ที่วัดบางงอน
หันแต่ปัจจุบันท่านได้มรณะภาพไปเกือบ
วัดแห่งนี้ มีกุฎิเก่าแก่อยู่ 1 หลังแต่ยัง
20 ปี และสันนิ ษฐานว่าวัดแห่งนี้ เป็นวัด ไม่ได้ขึ้นเป็นโบราณสถานของกรมศิ ลป์
แรกของตำบลบางงอนและวัดแห่งนี้ มี (สำรวม รักษาพราหมณ์,สัมภาษณ์ 7
โบราณวัตถุ 1 ชิ้น ( สำรวม รักษา กันยายน 2564
พราหมณ์,สัมภาษณ์ 7 กันยายน 2564)
วัดบางงอน เป็นวัดเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี 4.2.4 วัดนอก
มีการพัฒนามากที่สุดในสมัยหลวงพ่อหัน วัดนอกมีมานานแล้ว เมื่อก่อนชาวบ้าน
ต์ ปภกโร (พระครูรัษฎารามคณิศร์) เป็น
เจ้าอาวาส ท่านสร้างอุโบสถแทนหลังเก่า เรียกกุฏพ่อท่าน เขาเล่าต่อๆกันว่ามีพระ
ที่พังเพราะพายุ เริ่มลงมือสร้างเมื่อ พ.ศ. ธุดงค์มาปรากฏที่นี่ ชาวบ้านก็เลยสร้างวัด
2502 มาเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2543 ใช้เวลาแห่ง ให้ พระธุดงค์ก็เลยจำวัดอยู่ที่นี่ และดับที่
ความมานะพยายามถึง 41 ปี พุทธบริษัท นี่ (พัชรี รักชื่อ,สัมภาษณ์ 29 กันยายน
ต่างชื่นชมอุโบสถที่สูงใหญ่กว่าอุโบสถ 2564)
หลังอื่นในถิ่นนี้ ภายในประดิษฐาน พระ
ประธานปางมารวิชัย อันสงบ งดงาม
(ศูนย์ข้อมูลทางวัฒนธรรม. วัดบางงอน.
[ออนไลน์ ].2011,สืบค้นเมื่อ 9 กันยายน
2564.จาก
http://www.mculture.in.th/album/1127
15

ภาพที่ 31 ภาพวัดนอก

37



4.3 ศาสนสถานของทุกศาสนา

ประชาชนส่วนใหญ่นั บถือศาสนาพุทธ มีวัด 3 แห่ง

สำนั กสงฆ์ 2 แห่ง ได้แก่

- วัดรัษฎาราม (วัดเงิน) ตั้งอยู่หมู่ที่ 3

- วัดเกษมบำรุง (วัดขนาย) ตั้งอยู่หมู่ที่ 4

- วัดบางงอน ตั้งอยู่หมู่ที่ 5

- สำนั กสงฆ์ศรีไพรวัลย์ ตั้งอยู่หมู่ที่ 6

- สำนั กสงฆ์บ้านราษฎร์ประสานจิต ตั้งอยู่หมู่ที่ 8

(แผนพัฒนาท้องถิ่น,2561 )

4.4 แหล่งเรียนรู้โรงเรียนห้องสมุดชุมชน

ภาพที่ 32 ภาพศูนย์พัฒนาเด็กเล็กองค์การบริหารส่วนตำบลบางงอน ภาพที่ 33 โรงเรียนบ้านราษฎร์ประสานจิต
ภาพที่ 34 โรงเรียนวัดเกษมบำรุง
ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 1 แห่ง คือ
- ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กองค์การบริหารส่วนตำบล

บางงอน ตั้งอยู่หมู่ที่ 4
โรงเรียนประถมศึกษา 3 แห่ง คือ

- โรงเรียนวัดรัษฎาราม ตั้งอยู่หมู่ที่ 3
- โรงเรียนวัดเกษมบำรุง ตั้งอยู่หมู่ที่ 4
- โรงเรียนบ้านราษฎร์ประสานจิต ตั้งอยู่ที่ 8
(เป็นโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึ กษา)
- กศน.ตำบลบางงอน ตั้งอยู่หมู่ที่ 7
(แผนพัฒนาท้องถิ่น,2561 )

38

ส่ วนที่

5



การวิเคราะห์ศักยภาพ

ชุมชน

SWOT 39

ANALYSIS ด้านสิ่ งแวดล้อม

สิ่ งที่ชุมชนทำได้ดี(จุดแข็ง) สิ่ งที่ชุมชนต้องพัฒนา(จุดอ่อน)

สิ่ งแวดล้อมถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีปัจจุบันมีความอุดม เมื่อเข้าช่วงฤดูฝนก็มีน้ำท่วมขังแต่โดยส่ วนใหญ่แล้วจะ
เป็นพื้นที่ทางการเกษตรของชาวบ้านเพราะเมื่อฝนตกแล้ว
สมบูรณ์และทัศนี ยภาพดีขึ้นเยอะเรื่องมลพิษก็ไม่ค่อยมี ปริมาณน้ำจะเอ่อล้นจึงส่ งผลกระทบต่อแปลงเกษตรของ
ชาวบ้านที่จะท่วมหนั กๆและสร้างความเสียหายให้ชาวบ้าน
ปัญหาไม่ได้ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ส่วนของน้ำ
Wเป็นจำนวนมากก็จะเป็น พ.ศ.2554 ในส่วนของจำนวนน้ำ
ท่วมบ้านเรือนของประชาชนนั้ นเมื่อก่อนเคยมีน้ำท่วมขัง
ฝนที่ตกลงมาเยอะ ส่งผลต่อชาวบ้านที่อยู่ในที่ลุ่มต่ำ เช่น
Sแต่ปัจจุบันชุนชนได้มีการสร้างชลประทานขึ้นมาทำให้น้ำ หมู่ที่ 1,2, 4 และหมู่ที่5 เพราะน้ำที่ไหลมาจากหมู่ที่ 7 และ
เกิดการระบายเร็วขึ้นและในส่วนของน้ำเน่ าเสียภายใน หมู่ที่8 ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่อยู่บนที่ราบสูงและอีกหนึ่ งปัญหา
ต้องการถังทิ้งขยะและรถเก็บขยะ เช่น อยากให้มีถังขยะ
ชุมชนก็ไม่มีปัญหา เพราะพื้นที่ตำบลบางงอนนั้ นอยู่ใกล้ ประจำบ้าน เพราะตอนนี้ ชาวบ้านมีการกำจัดขยะกันเอง
โดยวิธีการเผาซึ่งวิธีนี้ อาจจะส่งผลให้อากาศในอนาคตเป็น
กับคลองพุมดวงทำให้น้ำระบายได้เร็ว ส่วนเรื่องของขยะ มลพิษได้ ถ้าหากมีหน่ วยงานภายนอกเข้ามา อยากให้
พัฒนาในเรื่องหลักๆ เลยคือเรื่องของขยะ ในบางหมู่บ้านมี
ในชุมชนนั้ น องค์การบริหารส่วนตำบลบางงอนจัดให้ แรงงานต่างด้าวเยอะ จึงทำให้การสื่อสารยังไม่เข้าใจ และ
ส่งผลให้การทิ้งขยะเกลื่อน และให้ความรู้เกี่ยวกับการคัด
ทุกบ้านมีการกำจัดเองกันในแต่ละบ้าน เพราะงบ แยกขยะและส่งเสริมในการคัดแยกขยะ เช่น ขยะที่สามารถ
รีไซเคิลได้ ขยะที่สามารถนำไปขายได้และขยะที่สามารถนำ
ประมาณในส่วนนี้ สามารถนำไปพัฒนาอย่างอื่นได้อีก ใน ไปทำเป็นปุ๋ยหมักได้เพื่อได้เป็นตัวอย่างให้แก่คนในชุมชน
และองค์การบริหารส่วนตำบลนั้ นได้เขียนแผนการจัดตั้ง
วันสำคัญต่างๆ ทางชุมชนจะมีการพัฒนาถนนหนทาง ถังขยะสาธารณะแล้วและเพื่อป้องกันการเกิดมลพิษ

และมีกิจกรรมการปลูกต้นไม้ริมถนนภายในตำบลมีสวน

สาธารณะให้คนในชุมชนไปออกกำลังกาย ส่วนใหญ่แล้ว

คิดว่าเป็นการจัดการวางแผนไว้ดีกว่าชุมชนที่อยู่ใน

ชนบท คนในชุมชนช่วยกันพัฒนาและทำความสะอาด

นอกจากนี้ ทางชุมชนได้มีการรณรงค์ในเรื่องการอนุรักษ์

สิ่งแวดล้อม เช่น ก็ได้มีการปลูกต้นไม้ในชุมชน ปล่อย

ปลาลงคลองพุมดวงในวันสำคัญประจำทุกๆปี

โอกาสของชุมชน อุปสรรคและความท้าทาย

องค์การบริหารส่วนตำบลได้มีการดำเนิ นการ

องค์การบริหารส่ วนตำบลบางงอนเองได้มี Tเรื่องขยะ มีการจัดอบรมแล้วบ้างบางส่วน และยังมี
Oการอบรมส่งเสริมการอนุรักษ์ธรรมชาติให้กับ
โครงการที่จะพาตัวแทนหมู่บ้านไปดูงานที่ต่าง

คนในตำบลทั้ง 11 หมู่บ้าน เป็นประจำทุกปี จังหวัด แต่ด้วยสถานการณ์ โควิดจึงทำให้เกิด

หรือแล้วแต่โครงการ โดยประกาศให้ชาวบ้านรู้ ความล่าช้า มีผลทำให้องค์การบริหารส่วนตำบล

ในที่ประชุมหมู่บ้านของแต่ละหมู่ ตอนนี้ ใน บางงอนไม่สามารถดำเนิ นการต่อได้ ปัจจุบันเนื่ อง

ตำบลมีโครงการเกี่ยวกับขยะซึ่งลักษณะของ ด้วยสถานการณ์โควิดระบาด ทำให้การพัฒนาใน

โครงการคือมีที่กำจัดขยะ และถังกำจัดขยะให้ ส่ วนของด้านสิ่ งแวดล้อมต้องหยุดไว้ก่อนเพื่อป้อง

แต่ละบ้าน ซึ่งหมู่บ้านนำร่อง คือหมู่ที่ 1 2 3 การการแพร่กระจายของโรค และยังทำให้

และ5 หรือโซนล่าง และมีการส่งเสริมอนุรักษ์ โครงการการพัฒนาด้านสิ่ งแวดล้อมเป็นไปด้าน

สิ่ งแวดล้อมและส่ งเสริมการท่องเที่ยว ผู้นำ

ชุมชน ครู หรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องปลูกฝัง ส่ง อย่างล่าช้า รวมทั้งปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ และ

เสริมให้เด็กและประชนในพื้นที่มีการปลูกจิต ในบางปีสภาพอากาศหรือฝนไม่ตกตามฤดูกาลส่ ง

สำนึ กในการรักษาทรัพยากรธรรมชาติ ผลกระทบต่อทรัพยากรและสภาพแวดล้อม

40 ด้านเศรษฐกิจ

SWOT

ANALYSIS

สิ่ งที่ชุมชนทำได้ดี(จุดแข็ง) สิ่ งที่ชุมชนต้องพัฒนา(จุดอ่อน)

สภาพพื้นที่เอื้อเฟื้ อต่อการทำเกษตร ด้านเศรษฐกิจ ปัญหาเศรษฐกิจตอนนี้ ตกต่ำรวมไปถึงการแพร่ระบาดของ

ที่เด่นชัดของชุมชนคือ ยางพารา ปาล์ม มีการทำเกษตร โรคโควิด-19 ทำให้ราคายางพารา ปาล์ม และสินค้าเกษตร

ตกต่ำจึงเป็นปัญหาของคนในชุมชนและประชาชนไม่ค่อยมี

ผสมผสานคือ การทำพืชอายุ 15วัน 3เดือน 1 ปี และ 3ปี อาชีพเสริมนอกฤดูการทำการเกษตร ทำให้ขาดโอกาสที่

ส่ วนใหญ่จะเป็นพืชล้มลุก และยังเป็นการกระตุ้น พัฒนา รายได้กับครัวเรือน/ชุมชน เพราะประชาชนส่วนใหญ่

Sเศรษฐกิจไปในตัว เป็นทั้งการลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ให้ Wในพื้นที่ตำบลบางงอนมีอาชีพทำสวนยางพารา ปาล์มน้ำมัน
ในส่ วนของราคาผักขึ้นอยู่กับแม่ค้าคนกลางเข้ามาซื้อตามจุด
กันคนในชุมชน และรายได้เสริมคือการปลูกผักสวนครัว
ผักที่ชาวบ้านปลูกนั้ นจะเน้ นไปทางปลอดสารพิษเป็น ขาย ต้องการให้หน่ วยงานเข้ามาช่วยเรื่องราคาผัก ส่วน
ส่ วนใหญ่ส่ งออกให้กับแม่ค้าคนกลางจุดเด่นของการทำ
เกษตรของชุมชน คือการมีพื้นที่ทำการเกษตรใหม่ที่สุด สถานที่ท่องเที่ยวที่เด่นยังมีไม่มาก เพระส่วนใหญ่สถานที่
ของอำเภอ พุนพิน เพราะมี 11 หมู่บ้าน และมีผลผลิต
มากมาย ในเรื่องการท่องเที่ยวของตำบลยังมีอยู่น้ อยนิ ด เป็นของ สำนั กงานปฏิรูปเพื่อการเกษตรเป็นข้อกำหนดไม่ใช้

เป็นสถานที่เชิงท่องเที่ยว แต่ปัจจุบันก็มีโครงการแบบ

คร่าวๆ เพราะสถานที่บางที่เริ่มปลดล็อกบ้างแล้ว อยากให้

พัฒนาเรื่องการส่งเสริมอาชีพให้คนในตำบลแต่ตอนนี้ มีการ

คิดและดำเนิ นการเรื่องโครงการเลี้ยงหอยโข่งซึ่งจะเชื่อมต่อ

กับตำบลน้ำหัก พื้นที่หมู่ที่2 มีการทำผลิตภัณฑ์ชุมชนคือการ

ปัจจุบันยังมีพืชกระท่อมที่พึ่งได้ปลดล็อคถูกต้องตาม ทำเครื่องแกง และตอนนี้ ก็ยังไม่มีแพ็คเกจที่สมบูรณ์แบบ

กฎหมาย คนในชุมชนอาจมีรายได้ในการขายผลผลิตจาก มากนั กและช่องทางการจำหน่ ายก็ยังไม่รัดคลุมเพราะคนใน

สมาชิกช่วยขายกันเอง เพราะคนในชุมชนยังเข้าไม่ถึงโลก

ส่วนนี้ บ้าง ชาวบ้านในตำบลบางงอนรับประทานเกือบ ออนไลน์ มากนั ก และอีกความต้องการหนึ่ งอยากให้หน่ วย

ทุกครัวเรือนเพราะเป็นพืชที่คนนิ ยมรับประทานมาตั้งแต่ งานช่วย ด้านการท่องเที่ยว และเศรษฐกิจเพราะอยากทำ

อดีต ในเรื่องแหล่งท่องเที่ยว จุดเด่นด้านการท่องเที่ยว สถานที่ช่องเที่ยงเชิงเกษตร เช่น การเลี้ยงปูดำ เลี้ยงปลาดุก

ไก่ไข่ ให้ขึ้นเป็นวิสาหกิจชุมชนเพื่อการเรียนรู้หรือแหล่ง

ทางเศรษฐกิจตำบล มีวัดเกษมบำรุง มีโบราณวัตถุ เรียนรู้ แหละเป็นสิ่งที่ชาวบ้านได้รับผลประโยชน์ อย่าง

พิพิธภัณฑ์ต่างๆ มีเป็นสถานที่ท่าน้ำวัดเงิน หาดต้นยวน ชัดเจน และต้องการปรับภูมิทัศน์ หาดต้นยวน เพราะเป็น

พื้นที่ขึ้นชื่อของตำบล และมีความสวยงามอยู่ระดับหนึ่ ง

และทุ่งนาบางงอน ที่เป็นเป้าหมายหลัก

โอกาสของชุมชน อุปสรรคและความท้าทาย

ผู้บริหารให้ความสำคัญและส่ งเสริมให้มีแหล่งท่อง สถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรค
Oเที่ยวในพื้นที่ มีหน่วยงานเข้ามามีบทบาทในการ
พัฒนาให้กับชุมชน เช่น พัฒนาผลิตภัณฑ์ ยกระดับ Tโควิด-19 ปัจจุบันส่งผลกระทบทางการ

และส่ งเสริมการท่องเที่ยวรวมทั้งพัฒนาสั มมาชีพ พัฒนาด้านเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก ทำให้
ราคาสินค้าเกษตรต่ำลง เช่น ราคาผักส่ง
ให้กับชุมชนชุมชน มีนโยบายของรัฐบาลในเรื่อง ออกตกต่ำแต่ราคาสิ นค้าที่ใช้สอยกลับ
แพงขึ้นเลยทำให้มีรายจ่ายเยอะขึ้นแต่ราย
โครงการสร้างหลักประกันด้านรายได้แก่ผู้สูงอายุ ได้น้ อยลง ประชาชนมีรายได้ลดลงจึง
ทำให้การค้าขายของแม่ค้าในตลาดขาย
และโครงการสนั บสนุนการเสริมสร้างสวัสดิการ ยากขึ้น

ทางสั งคมให้แก่คนพิการหรือทุพพลภาพ และ

รัฐบาลและทุกภาคส่ วนให้ความสำคัญด้านราคา

สินค้าเกษตร ตำบลบางงอนมีพื้นที่ที่เหมาะสมกับ

การผลิตพืชผลทางการเกษตรมีการประกันราคา

พืชผลการเกษตรได้รับความเสียหาย เกษตรกร

ประสบภาวะขาดทุน มีการส่งเสริมด้านการเกษตร

และส่งเสริม การและประยุกต์ใช้ หลักปรัชญา

เศรษฐกิจ พอเพียง

SWOT 41

ANALYSIS ด้านโครงสร้างพื้นฐาน

สิ่ งที่ชุมชนทำได้ดี(จุดแข็ง) สิ่ งที่ชุมชนต้องพัฒนา(จุดอ่อน)

ปัจจุบันตำบลบางงอน น้ำประปา และไฟฟ้า ในส่วนของปัญหาอาจจะพบเจอบ้างบางส่วน ตำบลบาง
เพียงพอต่อความต้องการของคนในชุมชน
มาก ถ้าหากเทียบกับ 10 ปีที่แล้วนั้ น มีความ งอนน้ำประปาไม่ใช่น้ำประปาของส่วนภูมิภาค ในชุมชน

Sแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ถ้าเทียบกับเมื่อก่อน อาจจะเกิดปัญหาน้ำขุ่นในช่วงที่มีฝนตกเพราะทางชุมชน

ตอนนี้ เกือบจะ 80 เปอร์เซ็นต์ ที่ดีมากกว่าเดิม ได้นำน้ำจากท่าน้ำไปบำบัดแล้วนำกระจายให้ชาวบ้าน
และมี wifi ประจำหมู่บ้าน ซึ่งติดตั้งอยู่ที่ศาลา
ประจำหมู่บ้านที่เป็นนโยบายของรัฐบาล ใน Wและยังมีปัญหาน้ำไม่ไหลเป็นบางวันที่มีปัญหาเรื่องของ
ปัจจุบันถนนลาดยางเข้าถึงทุกสายมีการ น้ำประปา เพราะเครื่องสูบหรือแรงดันน้ำที่มีขนาดเล็ก
คมนาคมที่สะดวกมีถนนที่เชื่อมต่อกันได้ทั่ว
ถึงทั้งตำบลในเรื่องของสั ญญาณโทรศั พท์มี กว่าเดิม ปริมาณน้ำจึงลดลงเพราะจากเมื่อก่อนท่อ
หลายเครือข่ายครอบคลุมทุกพื้นที่แล้ว
ชุมชนหมู่ที่ 8 มีน้ำประปาผิวดิน ที่ส่งให้กับ ที่ทำการส่ งน้ำมีขนาดที่ใหญ่แต่ปัจจุบันมีการลดขนาด
การทำเกษตรโดยตรง
ของท่อน้ำให้เล็กลง อยากให้มีหน่ วยงานเข้ามาช่วยเหลือ

ในเรื่องของน้ำประปาในชุมชน ชุมชนเคยมีหน่ วยงานเข้า

มาช่วยเหลือในส่วนนี้ แล้วแต่เนื่ องด้วยการขุดเจาะต้องใช้

พื้นที่ค่อนข้างมากและลึกแต่ทางชุมชนมีพื้นที่ขีดกำจัดใน

การขุดเจาะจึงทำให้ไม่สามารถทำการขุดเจาะได้ ในส่วน

ของหมู่ที่ 5 สีของน้ำขุ่น เพราะมันจะขึ้นอยู่กับสีของน้ำ

คลอง น้ำประปาอยู่ในระดับต่ำมากเพราะนำน้ำคลองเข้า

มากักขังไว้ให้ตกตะกอนแล้วจ่ายให้ประชาชนใช้ตามครัว

เรือน จึงทำให้น้ำประปายังไม่ค่อยสะอาดสักเท่าไหร่ และ

ต้องการติดตั้งกล้องวงจรบริเวณทางแยกของชุมชนและ

จุดสำคัญของชุมชน ไฟฟ้ามีการดับบ้างในช่วงฝนตกแต่

ไม่ค่อยมีปัญหาที่ส่งผลกระทบให้เกิดความเสียหาย ไฟฟ้า

ส่องสว่างทางยังไม่สามารถดำเนิ นการครอบคลุมพื้นที่

ได้ทั้งหมด

โอกาสของชุมชน อุปสรรคและความท้าทาย

Oมีงบซ่อมแซมถนนที่ชำรุด ระบบเครือ สถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ข่ายอินเตอร์เน็ ตที่ทั่วถึง Tมีผลกระทบต่อการทำงาน การพัฒนาและการ
ทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ที่
ทันสมัยได้ ซ่อมแซมหรือปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานอย่าง
มากเพราะทุกสิ่ งทุกอย่างต้องใช้ระดมความคิด
จำเป็นจะต้องใช้กำลังคนค่อนข้างเยอะเมื่อมี
การแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงทำให้กำลังคน
ต้องลดน้ อยลงไปจากเดิมและการทำงานก็ไม่
เต็มที่มากนั กและในบางครั้งอากาศไม่อำนวย
หากในบางครั้งมีการชำรุดของถนนไม่สามารถ
ซ่อมแซมได้ทันที

42 ด้านคุณภาพชีวิต

SWOT

ANALYSIS

สิ่ งที่ชุมชนทำได้ดี(จุดแข็ง) สิ่ งที่ชุมชนต้องพัฒนา(จุดอ่อน)

เป็นสังคมที่เอื้ออาทร ประชาชนมีความ

สามัคคีช่วยเหลือกันอยู่กันแบบญาติพี่น้ อง เนื่ องจากเกิดปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ

Sคุณภาพชีวิตโดยรวมถือว่าดี ชาวบ้านมีส่วนร่วม ตอนนี้ ตกต่ำ เช่น ราคายางพาราตกต่ำ ราคา
ในการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด ไม่
Wปลากระชังที่ลด รวมไปถึงการแพร่ระบายของ
ค่อยออกไปในที่กลุ่มเสี่ ยงและสิ่ งของใดที่ไม่
โรคโควิด-19 ส่งกระทบทำให้ชาวบ้านมีวีถีชีวิต
จำเป็นนั กและรู้จักประหยัดการ มีการสวม ที่เปลี่ยนไปและขาดรายได้น้ อยลงจากเมื่อก่อน
ยังมีชาวบ้านบางส่ วนที่ทำงานนอกบ้านหรือ
หน้ ากากอนามัย ในส่วนขององค์การบริหาร รับจ้างรายวันช่วงแรกๆก็มีการส่ งผลกระทบต่อ
การใช้ชีวิตของชาวบ้านส่วนนี้ ตำบลบางงอน
ส่ วนตำบลได้มีการรณรงค์ให้ชาวบ้านฉี ดวัคซีน ยังมีครัวเรือนยากจนอยู่บ้างเนื่ องจากพื้นฐาน
ฐานะไม่เหมือนกัน อยากจะให้มีการฝึกอบรม
เกิน 80 เปอร์เซ็นต์แล้ว แจกหน้ ากากอนามัย

เจลล้างมือ และจัดสถานที่ LQ รองรับผู้ป่วย

กลุ่มเสี่ยงของตำบลและเป็นจุดตรวจโควิด มี

อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน รณรงค์ อาชีพเสริมประชาชนกลุ่มนี้ เพื่อเพิ่มรายได้

ให้ความรู้เรื่องโควิดกับคนในหมู่บ้าน ส่วน เสริมและเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ผลกระทบเป็นส่วนน้ อย เพราะคนในหมู่บ้าน

ส่วนใหญ่ทำสวน จึงไม่เกิดความเสี่ยงมากนั ก

ทางองค์การบริหารส่ วนตำบลได้มีโครงการ

รณรงค์และมีการมาให้ความรู้แก่คนในชุมชน




โอกาสของชุมชน อุปสรรคและความท้าทาย

มีหน่ วยงานที่จะเข้ามาช่วยเหลือในด้านอาชีพเสริม เนื่ องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค

ของประชาชน มีงบประมาณโดยการแจกหน้ ากาก Tโควิด-19 ทำให้ความเป็นอยู่และการดำเนินชีวิต
Oอนามัย เจลล้างมือคนในตำบลเกิน 50 เปอร์เซ็นต์ ได้
ของประชาชนเปลี่ยนไปอย่างมากเมื่อเทียบกับ
รับการฉีดวัคซีนแล้ว และส่วนของหน่ วยงานองค์การ เมื่อก่อน โดยการมีมาตรการเคอร์ฟิว ทำให้ปรับ
บริหารส่ วนตำบลและกรมส่ งเสริมสุขภาพตำบลได้มี เวลายากขึ้น แต่ในปัจจุบันทุกอย่างเริ่มลงตัว
การจัดกิจกรรมรณรงค์ต้านภัยโควิดและยังมีสถานที่ ส่วนอุปสรรคขององค์การบริหารส่วนตำบลนั้ น
กักกันผู้เป็นกลุ่มเสี่ยง ส่งเสริมด้านสวัสดิการสังคม เป็นการจัดการประชุม ที่ยังไม่สามารถรวมตัวกัน
สังคมสงเคราะห์ และสาธารณสุข ทุกหมู่บ้านจะ ได้ เพื่อพูดคุยถึงปัญหา แต่ก็ยังไม่ถือว่าหนั กจน
กองทุนหมู่บ้าน คือ แหล่งเงินทุนหมุนเวียนสำหรับ เกินไป สถานการณ์โควิดทำให้เกิดความเข้าใจ
การลงทุนเพื่อพัฒนาอาชีพ สร้างงาน สร้างรายได้ กันมากกว่าเดิมประชาชนที่ต้องออกไปทำงานมี
และมีอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านเพื่อให้ ความเสี่ยงในการได้รับเชื้อ ทำให้ในบางครั้ง
ประชาชนเกิดความระแวงในการออกไปทำงาน
ความรู้ด้านสาธารณสุข ดูแลส่วนในเรื่องของประชาชน นอกพื้นที่ แต่ถ้าหากจะไม่ออกไปทำงานก็ไม่ได้
เพราะต้องหารายได้เนื่ องจากบางครัวเรือนไม่มี
ที่มีความประสงค์จะฉีดวัคซีนสามารถ ได้รับการกระจา อาชีพเสริมและทำให้การเดินทางไปต่างจังหวัดมี
ขั้นตอนยุ่งยาก ในบางครอบครัวที่มีอาชีพค้าขาย
ยอำนาจสู่ องค์กรปกครองส่ วนท้องถิ่นให้ดูแลด้าน ก็มีรายได้หรือกำไรที่น้ อยลงหรือไม่พอใช้จ่าย

การศึกษา ส่งเสริมด้านการศึกษาโดยการจัดบริการ

สาธารณะ ด้านการศึกษา การจัดตั้งศูนย์พัฒนาเด็ก

เล็ก สนั บสนุนกิจกรรมต่างๆ ให้กับเด็กนั กเรียน มีน

โยบายของรัฐบาลในเรื่องโครงการสร้างหลักประกัน

ด้านรายได้แก่ผู้สูงอายุ และโครงการสนั บสนุนการ

เสริมสร้างสวัสดิการทางสั งคมให้แก่คนพิการหรือ

ทุพพลภาพ และยังมีการรณรงค์ส่งเสริมให้เด็กได้รับ

การศึ กษาตามเกณฑ์


Click to View FlipBook Version