The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หลักสูตรไม้ไผ่ใช้ฉบับเต็ม

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by tuktik2517, 2021-01-18 03:05:06

หลักสูตรไม้ไผ่ใช้ฉบับเต็ม

หลักสูตรไม้ไผ่ใช้ฉบับเต็ม

อช2300750

คำนำ

หลักสูตรวิชาเลือกการจักสานผลิตภัณฑ์จากไม้ไผ่ นำมาใช้ในการการจัดการศึกษานอกระบบตาม
หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น
มาตรฐานการเรียนรู้ระดับ สาระการประกอบอาชีพ ซึ่งกำหนดให้มีมีความรู้ ความเข้าใจทักษะในอาชีพท่ี
ตัดสนิ ใจเลอื กบนพ้นื ฐานความรู้ กระบวนการผลิตกระบวนการตลาด ที่ใช้นวัตกรรม เทคโนโลยีที่เหมาะสม
ปัจจุบันผลิตภัณฑ์จากไม้ไผ่ได้รับความนิยมจากประชาชนทั่วไป เช่น การทำสุ่มไก่ เข่งไม้ไผ่ ชะลอมไม้ไผ่
ฯลฯ ซึ่งการทำผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ สามารถนำไปใช้ในการประกอบอาชีพหลักและทำเป็นอาชีพเสริมของ
ประชาชนได้

ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอเมืองพะเยา ขอขอบคุณคณะครูกศน.
คณะกรรมการสถานศึกษา นายสุรพล วงศ์หวัน ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและ
การศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดพะเยาและอาจารย์อัญชลี ธรรมะวิธีกุล ศึกษานิเทศก์เชี่ยวชาญ อดีตหัวหนา้
หน่วยศึกษานิเทศก์ สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ที่ให้ให้คำแนะนำ
คำปรึกษา ในการจัดทำหลักสูตรครั้งนี้ได้เสร็จส้ินสมบรู ณ์มา ณ โอกาสนี้ หวังว่าเอกสารหลักสตู รรายวิชา
เลือกฉบับนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อ ผู้บริหารสถานศึกษา ครูการศึกษานอกโรงเรียนและผู้เกี่ยวข้อง ในการ
นำไปใชใ้ นการจดั การศกึ ษาให้กบั ผเู้ รยี น

....................................
(นายอดิสอน ขุย่ คำ)
ผ้อู ำนวยการกศน.อำเภอเมืองพะเยา
20 มถิ นุ ายน 2562

สารบัญ หนา้ 2

คำนำ ข
สารบญั 1
คำอธิบายรายวิชา
มาตรฐานที่ 3.2 2
มาตรฐานการเรียนร้รู ะดับ
ศึกษาและฝึกทักษะ 5
การจัดประสบการณ์การเรยี นรู้
การวัดประเมนิ ผล
รายละเอียดคำอธิบายรายวชิ า
มาตรฐานการเรยี นรรู้ ะดบั
หวั เรื่อง
ตัวชี้วดั
เน้ือหา
จำนวนชว่ั โมง
หลกั สตู รวิชาการจักสานผลติ ภณั ฑ์จากไมไ้ ผ่
ความสำคญั
จดุ มุ่งหมาย
จุดประสงค์
เน้อื หา
ระยะเวลาเรียนและจำนวนหนว่ ยกิต
สอ่ื ประกอบการเรยี นและแหล่งเรยี นรู้
การวัดผลประเมินผล
ประโยชนท์ ่ีคาดวา่ จะได้รบั
โครงสร้างหลักสตู ร
คณะกรรมการจดั ทำหลักสูตร

คำอธิบายรายวชิ า

รหัสวิชา อช2300750 ชือ่ รายวชิ าการจกั สานผลติ ภัณฑจ์ ากไม้ไผ่ จำนวน 1 หน่วยกติ
ระดับมัธยมศกึ ษาตอนต้น
มาตรฐานที่ 3.2 มีความรู้ ความเข้าใจ ทักษะในอาชีพทต่ี ัดสินใจเลือก
มาตรฐานการเรียนรู้ระดับ มีความรู้ ความเข้าใจทักษะในอาชพี ที่ตัดสนิ ใจเลือกบนพน้ื ฐานความรู้
กระบวนการผลิตกระบวนการตลาด ทใ่ี ชน้ วตั กรรม เทคโนโลยที ี่เหมาะสม

ศึกษาและฝึกทักษะ
1. การประกอบอาชีพการจกั สานผลิตภัณฑจ์ ากไม้ไผ่
2. การจักสานผลิตภัณฑ์จากไม้ไผ่
3. การทำสุม่ ไก่
4. การทำเข่งใส่ไม้ไผ่
5. การทำชะลอมไมไ้ ผ่
6. การบริหารจัดการและการตลาด
7. คุณธรรมและจรยิ ธรรมในการประกอบอาชีพ

การจัดประสบการณก์ ารเรียนรู้
1. ศึกษาจากใบความรู้
2. ศกึ ษาจากแหลง่ เรยี นรู้
3. การทำใบงาน
4. การทำแบบทดสอบ
5. การเรียนรโู้ ดยการทำโครงงาน

การวดั และประเมินผล
1. สงั เกตการเขา้ รว่ มกจิ กรรมของผเู้ รียน
2. ประเมินผลงานจากการทำใบงาน
3. ตรวจแบบทดสอบ
4. ประเมนิ โครงงาน

รายละเอยี ดคำอธบิ ายรายวิชา

รหสั รายวิชา อช2300750 ชอื่ รายวชิ าการจักสานผลติ ภณั ฑ์จากไม้ไผ่ จำนวน 1 หนว่ ยกิต
ระดับมธั ยมศึกษาตอนต้น

มาตรฐานการเรียนร้รู ะดับ มคี วามรู้ ความเข้าใจทักษะในอาชีพทตี่ ัดสนิ ใจเลือกบนพื้นฐานความรู้
กระบวนการผลติ กระบวนการตลาด ที่ใชน้ วตั กรรม เทคโนโลยีที่เหมาะสม

ท่ี หวั เรอ่ื ง ตัวชวี้ ัด เนอื้ หา จำนวน
(ช่วั โมง)

1 การประกอบอาชีพ 1. รูแ้ ละเข้าใจความ หมาย 1. ความหมายและ 2

การจกั สานผลิตภัณฑ์ และความสำคญั ของการจกั ความสำคัญของการจัก

จากไม้ไผ่ สานผลติ ภัณฑ์จากไม้ไผ่ สานผลิตภณั ฑ์จากไมไ้ ผ่

2. รูแ้ ละเขา้ ใจรูปแบบ 2. รูปแบบผลิตภณั ฑ์จกั

ผลิตภัณฑจ์ ักสานจากไม้ไผ่ สานจากไม้ไผ่

3. รู้และเขา้ ใจประโยชนข์ อง 3. ประโยชน์ของ

ผลิตภณั ฑ์จักสานจากไม้ไผ่ ผลิตภัณฑจ์ ักสานจากไม้ไผ่

2 การจักสานผลิตภัณฑ์ 1. รู้และเข้าใจจักสาน 1. วัสดุและอุปกรณ์ ใน 6
8
จากไม้ไผ่ ผลิตภัณฑ์จากไมไ้ ผ่ การจกั สานผลติ ภณั ฑ์จาก

2. รู้และเข้าใจการคัดเลือก ไมไ้ ผ่

วตั ถุดิบท่ีใชใ้ นการจกั สาน 2. การคัดเลอื กวัตถุดิบท่ี

ผลติ ภณั ฑ์จากไมไ้ ผ่ ใช้ในการจักสานผลติ ภณั ฑ์

3. รแู้ ละเข้าใจการออกแบบ จากไม้ไผ่

ผลิตภัณฑ์จากไม้ไผ่ 3. การออกแบบ

ผลติ ภณั ฑ์จากไม้ไผ่

3 การทำส่มุ ไก่ 1. รูแ้ ละเข้าใจการเตรยี ม 1. การเตรียมวัสดุและ

วัสดุและอปุ กรณ์ในการทำ อุปกรณ์ในการทำสุ่มไก่

ส่มุ ไก่ 2. ข้นั ตอนการทำสุ่มไก่

2. รู้และเข้าใจการนำไปใช้ 3. การนำไปใชป้ ระโยชน์

ประโยชน์ 4. การเก็บรกั ษา

3. รู้และเข้าใจการเกบ็ รักษา

4. ทกั ษะการทำสุ่มไก่

ที่ หวั เร่อื ง ตัวชว้ี ดั เนอ้ื หา จำนวน
4 การทำเข่งไม้ไผ่ (ชั่วโมง)
1. รแู้ ละเข้าใจการเตรียม 1. การเตรยี มวัสดุและ
วัสดุและอุปกรณใ์ นการทำ อปุ กรณ์ในการทำเขง่ ใสผ่ ัก 8
เขง่ ไมไ้ ผ่ 2. ขน้ั ตอนการทำเข่งใส่ผัก
2. รู้และเข้าใจการนำไปใช้ 3. การนำไปใช้ประโยชน์
ประโยชน์ 4. การเกบ็ รักษา
3. รแู้ ละเขา้ ใจการเกบ็ รักษา
4. ทักษะการทำเข่งใส่ผัก

5 การทำชะลอมไม้ไผ่ 1. รู้และเข้าใจการเตรยี ม 1. การเตรยี มวัสดุและ 8

วสั ดุและอปุ กรณใ์ นการทำ อุปกรณ์ในการทำชะลอม

ชะลอมไมไ้ ผ่ ไม้ไผ่

2. รแู้ ละเขา้ ใจการนำไปใช้ 2. ขน้ั ตอนการทำชะลอม

ประโยชน์ ไม้ไผ่

3. รแู้ ละเข้าใจการเก็บรักษา 3. การนำไปใช้ประโยชน์

4. ทกั ษะการทำชะลอมไม้ไผ่ 4. การเก็บรกั ษา

6 การบริหารจดั การ 1. รแู้ ละเข้าใจการวาง 1. การวางแผนการผลติ 6
และการตลาด แผนการผลติ 2. การวางแผนการ
2. รแู้ ละเขา้ ใจการวาง จำหน่าย
แผนการจำหนา่ ย 3. การกำหนดราคาขาย
3. รู้และเข้าใจการกำหนด 4. การทำบญั ชีรายรบั -
ราคาขาย รายจ่าย
4. ร้แู ละเขา้ ใจการทำบญั ชี 5. การคา้ ออนไลน์
รายรับ-รายจา่ ย
5. ร้แู ละเข้าใจการคา้ ขาย
ออนไลน์
6. ทักษะการบรหิ ารการ
จดั การและการตลาด

ท่ี หวั เร่อื ง ตวั ชี้วัด เนือ้ หา จำนวน
(ชั่วโมง)
7 คุณธรรมและ 1. รแู้ ละเขา้ ใจเกยี่ วกับ 1. ความหมายและ
จรยิ ธรรมในการ คณุ ธรรม จริยธรรมในการ ความสำคัญของคุณธรรม 2
ประกอบอาชีพ ประกอบอาชีพ และจริยธรรมในการ
2. ตระหนักถงึ ความสำคญั ประกอบอาชีพ
ของคณุ ธรรม จริยธรรมใน 2. คุณธรรมในการ
การประกอบอาชีพ ประกอบอาชีพ

- ขยัน
- อดทน
- ซอ่ื สัตย์

หลักสตู รวิชาการจกั สานผลิตภณั ฑ์จากไมไ้ ผ่
ความสำคัญ

การทำเครื่องจักสานในจังหวัดพะเยา มีการทำสืบต่อกันมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์นัก
โบราณคดไี ด้พบหลักฐานสำคัญเก่ยี วกบั การทำเคร่ืองจักสานในยุคหนิ ใหม่ที่บริเวณถ้ำแห่งหน่ึงในเขตอำเภอ
ศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งทำด้วยไม้ไผ่เป็นลายขัดสองเส้นประมาณว่ามีอายุราว 4,000 ปีมาแล้ว การ
ทำเครือ่ งจักสานยุคแรกๆ มนษุ ยจ์ ะนำวตั ถุดิบจากธรรมชาติเทา่ ท่จี ะหาได้ใกล้ตวั มาทำให้เกดิ ประโยชน์ เช่น
การนำใบไม้ กิ่งไม้ ต้นไม้ประเภทเถานำมาสานมาขัดเป็นรูปทรงง่ายๆ เพื่อใช้เป็นภาชนะหรอื มาสานขัดกัน
เป็นแผ่นเพื่อใช้สำหรับปูรองนั่ง รองนอน ก่อนที่จะพัฒนามาเป็นเครื่องจักสานที่มีความประณีตในยุคตอ่ ๆ
มา เครื่องจักสานเป็นงานศิลปหัตถกรรมที่มนุษย์คิดวิธีการต่าง ๆ ขึ้นเพื่อใช้สร้างเครื่องมือเครื่องใช้ใน
ชีวิตประจำวันด้วยวิธีการสอดขัดและสานกันของวัสดุ ที่เป็นเส้นเป็นริ้ว โดยสร้างรูปทรงของสิ่งที่ประดิษฐ์
ขึ้นนั้นตามความประสงค์ในการใช้สอยตามสภาพภูมศิ าสตร์ ประสานกับขนบธรรมเนยี มประเพณีความเชอื่
ศาสนาและวัสดุในท้องถิ่นนั้น ๆ ผลิตภัณฑ์จากไม้ไผ่นั้นเป็นงานที่มีคุณค่า มีน้ำหนักเบาและทนนาน ส่วน
ต่าง ๆ ของไม้ไผ่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง เช่น ลำต้นใช้ทำด้ามไม้กวาด อุปกรณ์กีฬา เส่ือ
ตะกร้า เคร่ืองดักปลา เก้าอี้ โต๊ะ เครื่องเรือน สุ่มไก่ เข่งไม้ไผ่ ชะลอมไม้ไผ่ เป็นต้น ซึ่งการทำผลติ ภัณฑ์ตา่ ง
ๆ สามารถนำไปใช้ในการประกอบอาชพี หลกั และทำเปน็ อาชพี เสริมของประชาชนได้

ดงั น้ันการพฒั นาหลักสตู รวชิ าเลือกการจักสานผลิตภณั ฑ์จากไมไ้ ผ่ นำมาใช้ในการการจดั การศึกษา
นอกระบบตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับ
มัธยมศึกษาตอนต้น มาตรฐานการเรียนรู้ระดับ สาระการประกอบอาชีพ ซึ่งกำหนดให้มีมีความรู้ ความ
เข้าใจทักษะในอาชีพที่ตดั สินใจเลือกบนพื้นฐานความรู้ กระบวนการผลิตกระบวนการตลาด ที่ใช้นวัตกรรม
เทคโนโลยีทเ่ี หมาะสม

จุดมงุ่ หมาย
เพอ่ื ให้ผเู้ รียนมคี วามรู้ ความเข้าใจและมที ักษะในการจักสานผลติ ภณั ฑ์จากไมไ้ ผ่ นำความารูไ้ ปใช้

ประกอบอาชีพและนำไปใช้ในชีวติ ประจำวนั

จดุ ประสงค์
1. เพอื่ ให้มีความรู้ ความเขา้ ใจและมีทักษะในการจักสานผลิตภณั ฑ์จากไมไ้ ผ่
2. เพือ่ ให้นำความรไู้ ปใช้ในการประกอบอาชีพจักสานผลิตภัณฑ์จากไม้ไผ่และนำไปใช้ใน
ชีวติ ประจำวนั

เนอื้ หาของหลกั สตู ร
1. การประกอบอาชีพการจกั สานผลิตภัณฑจ์ ากไม้ไผ่
2. การจักสานผลติ ภัณฑ์จากไมไ้ ผ่
3. การทำสมุ่ ไก่
4. การทำเข่งไม้ไผ่
5. การทำชะลอมไมไ้ ผ่
6. การบรหิ ารจดั การและการตลาด
7. คุณธรรมและจรยิ ธรรมในการประกอบอาชีพ

ระยะเวลาเรียนและจำนวนหนว่ ยกติ
จำนวน 40 ชว่ั โมง 1 หนว่ ยกิต

- ภาคทฤษฎี 10 ชั่วโมง
- ภาคปฎบิ ัติ 30 ชว่ั โมง

สอื่ ประกอบการเรยี นและแหล่งเรยี นรู้
1. ศึกษาจากใบความรู้
2. ศกึ ษาจากแหลง่ เรยี นรู้
3. การทำใบงาน
4. การทำแบบทดสอบ

การวัดผลประเมนิ ผล
1. สงั เกตการเขา้ ร่วมกิจกรรมของผู้เรียน
2. ประเมินผลงานจากการทำใบงาน
3. ตรวจแบบทดสอบ

ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1. ผู้เรยี นมีความรู้ ความเข้าใจและมที ักษะในการจักสานผลิตภัณฑ์จากไมไ้ ผ่
2. ผ้เู รยี นนำความรู้ไปใช้ในการประกอบอาชีพจักสานผลิตภณั ฑจ์ ากไม้ไผ่และนำไปใชใ้ น

ชวี ิตประจำวัน

โครงสร้างหลกั สตู ร
1. การประกอบอาชพี การจักสานผลิตภณั ฑจ์ ากไมไ้ ผ่ จำนวน 2 ชั่วโมง

1.1 ความหมายและความสำคัญของการจักสานผลิตภณั ฑ์จากไม้ไผ่
1.2 รปู แบบผลติ ภณั ฑจ์ ักสานจากไม้ไผ่
1.3 ประโยชน์ของผลติ ภัณฑจ์ ักสานจากไมไ้ ผ่

2. การจกั สานผลิตภณั ฑจ์ ากไมไ้ ผ่ จำนวน 6 ช่ัวโมง
2.1 วัสดุ/อปุ กรณ์ ในการจกั สานผลติ ภณั ฑจ์ ากไมไ้ ผ่
2.2 การคดั เลอื กวตั ถุดิบทใ่ี ชใ้ นการจกั สานผลติ ภัณฑจ์ ากไม้ไผ่
2.3 การออกแบบผลติ ภณั ฑจ์ ากไม้ไผ่

3. การทำสุม่ ไก่ จำนวน 8 ชัว่ โมง
3.1 การเตรียมวัสดุ อปุ กรณ์ในการทำสุม่ ไก่
3.2 ข้ันตอนการทำสุ่มไก่
3.3 การนำไปใชป้ ระโยชน์
3.4 การเกบ็ รักษา

4. การทำเขง่ ไม้ไผ่ จำนวน 8 ชั่วโมง
4.1 การเตรียมวสั ดุ อุปกรณ์ในการทำเข่งใสผ่ ัก
4.2 ข้ันตอนการทำเข่งใส่ผกั
4.3 การนำไปใชป้ ระโยชน์
4.4 การเก็บรักษา

5. การทำชะลอมไมไ้ ผ่จำนวน 8 ชั่วโมง
5.1 การเตรียมวัสดุ อุปกรณใ์ นการทำเข่งใสผ่ กั
5.2 ขนั้ ตอนการทำเข่งใส่ผกั
5.3 การนำไปใช้ประโยชน์
5.4 การเก็บรกั ษา

6. การบรหิ ารจดั การและการตลาด จำนวน 6 ช่ัวโมง
6.1 การวางแผนการผลิต
6.2 การวางแผนการจำหน่าย
6.3 การกำหนดราคาขาย
6.4 การทำบญั ชีรายรบั - รายจา่ ย
6.5 การค้าออนไลน์

7. คุณธรรมและจรยิ ธรรมในการประกอบอาชีพ จำนวน 2 ชั่วโมง
7.1 ความหมายและความสำคัญของคุณธรรมและจรยิ ธรรมในการประกอบอาชีพ
7.2 คณุ ธรรมในการ ประกอบอาชีพ
- ขยัน
- อดทน
- ซื่อสตั ย์

แบบทดสอบก่อนเรียน

หลกั สตู รวิชาการจกั สานผลิตภัณฑจ์ ากไมไ้ ผ่

จงเลอื กคำตอบทถี่ กู ต้องที่สดุ

1. ข้อใดให้ความหมายของการจักสานไดถ้ ูกต้อง 6. ข้อใดต่อไปน้ีเป็นบรรจภุ ัณฑจ์ ากวัสดุธรรมชาต.ิ

ท่ีสดุ ก. บรรจุภัณฑใ์ สขนมจากใบตอง

ก. การสานดว้ ยวิธกี ารสอดขดั ดว้ ยเส้นทแยง ข. บรรจุภณั ฑใ์ สข่ นมจากใบเตย

ข. การนำวัสดุมาทำให้เปน็ เส้นเปน็ แฉก ค. บรรจภุ ณั ฑ์จากการนำไม้ไผม่ าจักสานเปน็

ค. เป็นคำท่เี รยี กขนึ้ ตามวธิ ีการท่ีทำให้เกดิ เครอ่ื ง ตะกรา้ ชะลอม

จกั สาน ง. ถกู ทุกข้อ

ง. เป็นกระบวนการประกอบที่ช่วยใหก้ ารทำ 7. ไมไ้ ผ่ เป็นวัสดุธรรมชาติประเภทใด
เครอื่ งจักสานสมบรู ณ์ ก. วสั ดุธรรมชาติทแ่ี ปรรูป

2. ข้อใดไมใ่ ชอ่ ุปกรณ์การสานกระติบขา้ ว ข. วสั ดธุ รรมชาตปิ ระเภทไม้

ก. มีด ค. วสั ดธุ รรมชาตปิ ระเภทเสน้ ใย

ข. กรรไกร ง. วสั ดุธรรมชาตทิ ่ีแปรรูปเปน็ แผน่ รปู ทรงต่าง ๆ

ค. เครื่องกร้อดา้ ย 8. ข้อใดไมใ่ ช่ประโยชน์ของการเลือกใช้วัสดทุ มี่ ีใน
ง. ใบมะพร้าว ท้องถิ่น

3. ขอ้ ใดไม่สามารถสานกระติบได้ ก. ราคาถูก

ก. ใบจาก ข. ประหยัดค่าใชจ้ า่ ย

ข. ไมไ้ ผ่ ค. เพือ่ อนรุ กั ษส์ ่ิงแวดล้อม

ค. ใบตาล ง. ลดปริมาณขยะและสลายไดต้ ามธรรมชาติ

ง. ผักตบชวา 9. วสั ดทุ ี่ใชท้ ำบรรจภุ ัณฑ์มีกี่ประเภท

4. เหตุใดจึงนิยมใชก้ ระตบิ ขา้ ว ก. 2 ประเภท

ก. สะดวกในการพกพา ข. 3 ประเภท

ข. อนลุ กั ษณ์ของพน้ื บา้ น ค. 4 ประเภท

ค. เปน็ เอกลักษณ์ของคนไทย ง. 5 ประเภท

ง. ทำใหข้ ้าวเหนียวท่ีบรรจไุ มเ่ หนยี วแฉะ 10. การนำไม้ไผ่มาทำเปน็ เสน้ เล็กๆ แลว้ สานขน้ึ รปู

5. กระตบิ ขา้ วนิยมทำจากอะไร เปน็ ชะลอมเส้นเล็กๆ เรียกว่า

ก. ใบลาน ก. สาน

ข. ใบจาก ข. ตะกรา้

ค. ไมไ้ ผ่ ค. ตอก

ง. ใบมะพร้าว ง. เสน้ ใยไม้ไผ่

ใบความร้ทู ี่ 1
เรอ่ื ง การประกอบอาชพี การจักสานผลิตภณั ฑ์จากไม้ไผ่

ความหมายและความสำคญั ของการจกั สานผลติ ภัณฑจ์ ากไมไ้ ผ่
การทำเครื่องจักสานในประเทศไทย มีการทำสืบต่อกันมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์นัก

โบราณคดีไดพ้ บหลักฐานสำคัญเกยี่ วกบั การทำเครื่องจักสานในยุคหนิ ใหม่ท่บี รเิ วณถ้ำแห่งหนึ่งในเขตอำเภอ
ศรสี วสั ดิ์ จังหวดั กาญจนบุรี ซึ่งทำด้วยไม้ไผ่เป็นลายขดั สองเส้นประมาณว่ามอี ายรุ าว 4,000 ปมี าแลว้

การทำเครื่องจักสานยุคแรก ๆ มนุษย์จะนำวัตถุดิบจากธรรมชาติเท่าท่ีจะหาได้ใกล้ตัวมาทำให้เกิด
ประโยชน์ เช่น การนำใบไม้ กิ่งไม้ ต้นไม้ประเภทเถานำมาสานมาขัดเป็นรูปทรงง่ายๆ เพื่อใช้เป็นภาชนะ
หรือมาสานขัดกันเป็นแผ่นเพื่อใช้สำหรับปูรองนั่ง รองนอน ก่อนที่จะพัฒนามาเป็นเครื่องจักสานที่มีความ
ประณตี ในยคุ ตอ่ ๆ มา เคร่ืองจักสานเป็นงานศลิ ปหตั ถกรรมทีม่ นษุ ยค์ ิดวธิ กี ารต่างๆ ขึน้ เพื่อใชส้ รา้ งเครื่องมือ
เครื่องใชใ้ นชวี ิตประจำวนั ด้วยวิธีการสอดขัดและสานกันของวสั ดุ ทีเ่ ป็นเส้นเปน็ รว้ิ โดยสรา้ งรูปทรงของส่ิงที่
ประดิษฐ์ขึ้นน้ันตามความประสงค์ในการใช้สอยตามสภาพภูมิศาสตร์ ประสานกับขนบธรรมเนียมประเพณี
ความเชือ่ ศาสนาและวสั ดุในท้องถนิ่ นั้นๆ

การเรียกเครื่องจักสานว่า “จักสาน” นั้น เป็นคำที่เรียกขึ้นตามวิธีการที่ทำให้เกิดเครื่องจักสาน
เพราะเครอ่ื งจักสานต่างๆ จะสำเรจ็ เปน็ รปู รา่ งทส่ี มบูรณ์ไดน้ ั้นตอ้ งผ่านกระบวนการ ดงั น้ี

1. การจัก คือการนำวัสดุมาทำให้เป็นเส้น เป็นแฉก หรือเป็นริ้วเพื่อความสะดวกในการสาน
ลักษณะของการจักโดยทั่วไปนั้นขึ้นอยู่กับลักษณะของวัสดุแต่ละชนิดซึ่งจะมีวิธีการเฉพาะที่แตกต่างกันไป
หรือบางครั้งการจกั ไม้ไผ่หรือหวายมักจะเรยี กว่า “ตอก” ซึ่งการจักถือได้ว่าเป็นขั้นตอนของการเตรียมวัสดุ
ในการทำเครอื่ งจักสานขนั้ แรก

2. การสาน เป็นกระบวนการทางความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ที่นำวัสดุธรรมชาติมาทำประโยชน์
โดยใช้ความคิดและฝีมือมนุษย์เป็นหลัก การสานลวดลายจะสานลายใดนั้นขึ้นอยู่กับความเหมาะสมในการ
ใช้สอย ซ่ึงมีด้วยกนั 3 วิธี คือ

- การสานดว้ ยวธิ สี อดขัด
- การสานดว้ ยวธิ กี ารสอดขัดดว้ ยเส้นทแยง
- การสานดว้ ยวธิ ขี ดเป็นวง
3. การถัก เป็นกระบวนการประกอบที่ช่วยให้การทำครื่องจักสานสมบูรณ์ การถักเครื่องจักสาน
เช่น การถักขอบของภาชนะจักสานไม้ไผ่ การถักหูภาชนะ เป็นต้น การถักส่วนมากจะเป็นการเสริมความ
แขง็ แรงของโครงสร้างภายนอก เชน่ ขอบ ขา ปาก กน้ ของเคร่ืองจกั สาน และเป็นการเพ่มิ ความสวยงามไป
ด้วย มูลเหตุทท่ี ำใหเ้ กดิ เคร่อื งจักสานทสี่ ำคัญ 3 ประการดังน้ี
1. มูลเหตุจากความจำเป็นในการดำรงชีวิต การดำรงชีวิตในชนบทจำเป็นอย่างย่ิงที่จะต้องอาศัย
เครื่องมือเครื่องใช้พื้นบ้าน ที่สามารถผลิตได้เองมาช่วยให้เกิดความสะดวกสบาย โดยเฉพาะผู้มีอาชีพ
เกษตรกรรม ซ่ึงสามารถจำแนกออกเป็นประเภทต่างๆ ตามหน้าที่ใชส้ อยดังนี้

1.1 เครื่องจกั สานท่ีใชใ้ นการบริโภค ได้แก่ ซ้าหวด กระติ๊บ แอบข้าว หวดน่ึงข้าว

เหนยี ว กอ่ งขา้ ว กระชอน กระดง้ ฯลฯ
1.2 เครอื่ งจกั สานท่ีใช้เป็นภาชนะ ไดแ้ ก่ กระบงุ กระจาด ซา้ กระทาย กระบาย กะโล่

กระดง้ ชะลอม ฯลฯ
1.3 เครื่องจกั สานท่ใี ชเ้ ปน็ เครอ่ื งตวง ได้แก่ กระออม กระชุ กระบุง สัด ฯลฯ
1.4 เครอื่ งจักสานที่ใชเ้ ป็นเครอื่ งเรือนและเคร่ืองปูลาด ได้แก่ เส่ือต่างๆ
1.5 เคร่ืองจกั สานท่ีใชป้ ้องกันแดดฝน ได้แก่ หมวก กบุ๊ งอบ ฯลฯ
1.6 เครื่องจกั สานที่ใช้ในการดกั จับสัตว์ ไดแ้ ก่ ลอบ ไซ อีจู้ ชะนาง จนั่ ฯลฯ
1.7 เคร่อื งจกั สานทีใ่ ช้เกย่ี วกับความเชือ่ ประเพณแี ละศาสนา ได้แก่ ก่องข้าวขวัญ ซ้า

สำหรบั ใส่พาน สลาก ฯลฯ
2. มลู เหตุทเี่ กดิ จากสงิ่ แวดล้อมทางธรรมชาตติ ามสภาพภูมิศาสตร์ เพราะชาวไทยส่วนใหญ่มีอาชีพ

ทางเกษตรกรรม จึงจำเป็นต้องทำมาหากินกันตามสภาพสิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิศาสตร์ของท้องถิ่นนั้นๆ
ดังนั้นการทำเครื่องจักสานที่เห็นได้ชัด คือ เครื่องมือเครื่องใช้ในการจับปลาและสัตว์น้ำจืด ได้แก่ ลอบ ไซ
ชะนาง โดยทำด้วยไม้ไผ่และหวาย ซึ่งรูปแบบและโครงสร้างจะสร้างขึ้นให้เหมาะสมกับการใช้สอย และครุ
ใชส้ ำหรับตีขา้ วของทางภาคเหนือ เป็นตน้

3. มูลเหตุที่เกิดจากความเชื่อ ขบธรรมเนียมประเพณี และศาสนา เครื่องจักสานจำนวนไม่น้อย
เกิดขึ้นจากผลของความเชื่อของท้องถิ่น ซึ่งจะเห็นได้จากการสานเสื่อปาหนันเพื่อใช้ในการแต่งงานของ
ภาคใต้ เปน็ ตน้

นอกจากข้อมูลอันสำคัญทั้ง 3 ประการแล้ว ปัจจุบันพบว่าในหลายท้องถิ่น เครื่องจักสานได้กลาย
มาเปน็ อาชพี รองจากการทำไร่ ทำนา เพ่อื จำหนา่ ยเป็นรายได้พิเศษในช่วงตอ่ ไป

รูปแบบผลิตภณั ฑ์จกั สานจากไม้ไผ่
ไม้ไผ่ที่พบในประเทศไทยมี 13 สกุล 59 ชนิด มีระบบเหง้าแบบเป็นกอทุกชนิดจงึ มีลักษณะรูปทรง

เป็นพุ่ม ไม้ไผ่แต่ละชนิดจะมีลักษณะประจำสกุล การกระจายพันธุ์ ลักษณะทั่วไป และการใช้ประโยชน์
แตกต่างกันไป ลักษณะของไม้ไผ่ (ใช้จำแนกพันธุ์) ประกอบด้วยเหงา้ ใบ กาบหุ้มลำ การแตกกิ่ง ความสั้น–
ยาวของปล้อง ขนาดความโตของลำ ลักษณะของตาข้าง สีของลำต้น ลักษณะความนวลของลำต้น หน่อ
ชอ่ ดอกและเมล็ด

ไม้ไผ่มีความสำคัญในแง่เศรษฐกิจ–สังคมต่อคนไทยในชนบทมาช้านาน ไม้ไผ่เป็นไม้ที่ใช้ประโยชน์
ได้เอนกประสงค์ท้ังทางตรงและทางอ้อม อาทเิ ช่น รากใช้ประดิษฐ์เครื่องประดับ หนอ่ ใชร้ บั ประทาน ลำต้น
ใช้ทำหตั ถกรรมจักสาน ทำโป๊ะ ทำท่ีค้างผักและผลไม้ ใช้ในงานก่อสร้าง อุตสาหกรรมกระดาษและอุตสาห-
กรรมไหมเทียม ใบใช้เป็นภาชนะห่อของและมุงหลังคา เป็นต้น อุตสาหกรรมไม้ไผ่ที่สำคัญ ได้แก่ ไม้ไผ่อั ด
เย่อื กระดาษไมไ้ ผ่ ไผ่รวกดัด เขง่ ไม้ไผ่ ตะเกียบไมไ้ ผ่ ไมจ้ ้มิ ฟัน ไมซ้ ีก และหัตถกรรมจักสานต่าง ๆ

ไผ่รวก
ไผ่รวกเปน็ ไผ่ทข่ี น้ึ กอแนน่ มีลำตน้ เปลาตรงสูงประมาณ 7–15 ม. ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของลำ 2–

6 ซม. ปล้องยาวประมาณ 15–30 ม. เนื้อลำหนา ผลผลิตของป่าไผ่รวก Ueba (1966) กล่าวว่าผลผลิตป่า
ไผ่ตามธรรมชาติให้ผลผลิตเพียงตันเศษ ๆ ต่อไร่ ผลผลิตลำรายปีของกอไผ่ขึ้นอยู่กับอายุและคุณภาพของ
เหง้าไผ่รวกนิยมนำมาสานเป็นเข่งไม้ไผ่ ซึ่งเป็นอาชีพที่สำคัญชนิดหนึ่ง เข่งไม้ไผ่ใช้เป็นภาชนะใส่สิ่งของ
อาหารทะเล ผกั และผลไม้

ประโยชนข์ องผลติ ภณั ฑ์จักสานจากไมไ้ ผ่
จักสานไม้ไผ่เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นสืบทอดต่อๆ กันจากบรรพบุรุษและผูกพันกับวิถีชีวิตประจำวัน

ของคนไทยมาตั้งแต่สมยั โบราญจนถึงปัจจุบัน เช่น พัด ตะกร้า กระด้ง กระจาด ใส่เครื่องอุปโภค – บริโภค
ในครัวเรือน การจักสานไม้ไผ่และผลิตภัณฑ์ที่นำไม้ไผ่จากธรรมชาติ ไม้ไผ่มีอยู่มากมายในทุกพื้นที่ของ
ประเทศไทย ไม่ต้องซื้อหานำมาจักตอกเหลาเป็นท่อนเล็ก ท่อนน้อยนำมาจักสาน ตามจินตนาการของผู้จกั
สานเป็นเครื่องใชไ้ ม้สอยในครัวเรือน และดัดแปลงให้เข้ากับยุคสมัยในปัจจุบันตามความต้องการของลูกค้า
ผลิตภัณฑ์จากไม้ไผ่นั้นเป็นงานที่มีคุณค่า นอกจากนี้จะมีน้ำหนักเบาและทนนาน ส่วนต่างๆ ของหวาย
สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง เช่น ลำต้นใช้ทำด้ามไม้กวาด ไม้เท้าและอุปกรณ์กีฬา ผิวที่ลอก
ออกจากลำนำมาจักสานทำเสื่อ ตะกร้า เครื่องดักปลา เก้าอี้ โต๊ะ และเครื่องเรือนเครื่องใช้ต่าง เครื่องจัก
สาน มู่ลี่และใช้แทนเชือกในการผูกมัด ใช้ในการจักสานและใช้เป็นส่วนเสริมแต่งให้ผลิตภัณฑ์ชนิดต่างๆ
แลดูสวยงามยิ่งขนึ้

ใบงานท่ี 1
เรอื่ ง การประกอบอาชีพการจกั สานผลิตภณั ฑ์จากไม้ไผ่

1. ให้อธบิ ายความหมายและความสำคัญของการจกั สานผลิตภัณฑจ์ ากไมไ้ ผ่
............................................................................................................................. ............................................
....................................................................................... ..................................................................................
............................................................................................................................. ............................................
.................................................................................................................................. .......................................
............................................................................................ .............................................................................
............................................................................................................................. ............................................
....................................................................................................................................... ..................................
.........................................................................................................................................................................
2. จงอธบิ ายรปู แบบผลิตภัณฑจ์ กั สานจากไม้ไผ่มีอะไรบา้ ง ตามความเขา้ ใจของนักเรยี น
.......................................................................................................... ...............................................................
............................................................................................................................. ............................................
..................................................................................................................................................... ....................
............................................................................................................... ..........................................................
............................................................................................................................. ............................................
.......................................................................................................................................................... ...............
.................................................................................................................... .....................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
3.จงอธิบายประโยชนข์ องผลติ ภัณฑ์จกั สานจากไม้ไผ่ วา่ มีอะไรบ้าง
.........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ............................................
............................................................................................................................. ............................................
.........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ............................................
............................................................................................................................. ............................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................

ใบความรทู้ ี่ 2
เรอ่ื ง การจกั สานผลิตภัณฑ์จากไม้ไผ่

วัสดุ/อุปกรณ์ ในการจักสานผลิตภณั ฑ์จากไมไ้ ผ่
1. ไมไ้ ผ่
2. มดี ขนาดตา่ งๆ เช่น มดี สำหรบั ผา่ มดี จกั ตอก ฯลฯ
3. สว่านแบบมือหมนุ
4. เลอ่ื ย
5. ปากคีบ
6. แบบห่นุ
7. เหลก็ หมาด สำหรบั เขย่ี และงดั ตอกให้ลายแน่นขึน้

การคัดเลอื กวัตถุดบิ ที่ใช้ในการจักสานผลิตภัณฑจ์ ากไมไ้ ผ่
1. เตรยี มไม้ไผเ่ พ่ือนำมาจักสาน ควรเปน็ ไผ่ทม่ี ีอายุ 2-4 ปี ซ่ึงเน้ือไม้จะมีความเหนยี วกำลังดี ไม่แก่

หรืออ่อนเกินไปและต้องเลือกดูไม้ที่ไม่มีแมลง ควรจะต้มหรือผ่านกรรมวิธีป้องกันเชื้อราและมอดเสียก่อน
(ไม้ไผท่ น่ี ยิ มนำมาใชใ้ นการจักสาน ไดแ้ ก่ ไผ่เลย้ี ง ไผ่สีสกุ ไผเ่ ฮ๊ยี ะ ไผ่ลำมะลอก ไผร่ วก เป็นตน้ )

2. นำไม้ไผ่ไปตัดให้มีความยาวตามขนาดผลิตภัณฑ์ที่จะสาน แล้วนำไปริดข้อ (ต้องระวังอย่าริดให้
ลึกจนเกิดรอยแผลท่ีผวิ ไมไ้ ผ่)

3. ขูดผวิ ไม้ไผ่ เพอ่ื การยอ้ ม/ทาสี หลังจากขูดแล้วใชก้ ระดาษทรายเบอร์ 0 ขดั ให้เรยี บรอ้ ยอีกครัง้

การออกแบบผลติ ภัณฑ์
การออกแบบ หมายถึง การรู้จักวางแผนจัดตั้งขั้นตอน และรู้จักเลือกใช้วัสดุวิธีการเพื่อทำตามที่

ต้องการนั้น โดยให้สอดคล้องกับลักษณะรูปแบบและคุณสมบัติของวัสดุแต่ละชนิดตามความคิดสร้างสรรค์
และการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ขึ้นมา เช่น เราจะทำเก้าอี้นั่งซักตัวจะต้องวางแผนไว้เป็นขั้นตอนโดยต้องเร่ิม
เลือกวัสดุที่จะใช้ทำเก้าอี้น้ันจะใช้วัสดุอะไรที่เหมาะสม วิธีการต่อยึดนั้นควรใช้กาว ตะปูนอต หรือใช้ข้อต่อ
แบบใด คำนวณสัดส่วนการใช้งานให้เหมาะสม ความแข็งแรงของเก้าอี้นั่งมากน้อยเพียงใด สีสันควรใช้สี
อะไรจึงจะสวยงาม และทนทานกับการใช้งาน เป็นต้น การออกแบบมีการใช้ความคิดเชิงสร้างสรรค์ 4
ลักษณะ

1. ความคิดรเิ ริม่
2. ความคลอ่ งในการคิด
3. ความยืดหย่นุ ในการคดิ
4. ความคดิ ละเอยี ดลออ

การพัฒนา หมายถงึ อะไร
การพัฒนา ใช้ศพั ท์ทางภาษาอังกฤษว่า Improvement หมายถึงการปรับปรงุ เปลย่ี นแปลงบ้าง แต่

ถ้าใช้คำว่า Development หมายถึงการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น สำหรับคำหลังดูเหมือนจะตรงกับ
ภาษาไทยมากกวา่

ผลิตภณั ฑ์ หมายถึงอะไร
สิ่งที่มนุษย์ค้นคว้าออกแบบ ประดิษฐ์ขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกสบายในการดำรงชีพการพัฒนา

ผลติ ภัณฑ์ หมายถงึ กระบวนการคน้ ควา้ คดิ ออกแบบ แกไ้ ขและปรบั ปรงุ เพ่ือให้ได้มาซึ่งผลิตภณั ฑ์ที่ดีขนึ้

การออกแบบผลติ ภณั ฑอ์ ตุ สาหกรรม หมายถึงอะไร
การออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นด้วยกรรมวิธีทางด้านอุตสาหกรรม และสิ่งแวดล้อมต่างๆท่ี

เกย่ี วกบั อุตสาหกรรม โดยมีการวิเคราะหห์ าขอ้ มลู ต่างๆ เก่ียวกบั หน้าท่ีใช้สอยของผลิตภัณฑ์ ข้อมูลเกี่ยวกับ
ตลาดแล้วนำมาปรับปรุงผลิตภัณฑ์เพื่อผลิตเป็นจำนวนมากๆ ให้อยู่ในความนิยมของตลาดในราคา
พอสมควร

ปจั จัยทเี่ กี่ยวกับการออกแบบผลติ ภัณฑ์
การออกแบบผลติ ภณั ฑม์ ีปจั จัยทเ่ี กี่ยวขอ้ ง 4 ประการคือ
1. การออกแบบท่สี ัมพันธ์กบั คณุ ภาพของผลติ ภณั ฑ์
2. การออกแบบทส่ี ัมพนั ธ์กบั วัสดุและกระบวนการผลติ
3. การออกแบบที่สมั พนั ธก์ ับคความต้องการของผ้บู ริโภค
3.1 ความตอ้ งการท่สี อดคล้องกับความเป็นอยู่
3.2 ความสอดคล้องกบั สภาพเศรฐกจิ
4. การออแบบทมี่ ีคณุ คา่ ทางความสวยงาม

ความสำคญั ของการออกแบบผลิตภณั ฑ์
1. ความสำคัญ ในด้านคุณค่าทาง ศิลปะ งานออกแบบที่ดีทำให้ผลิตภัณฑ์ มีความงามดึงดูดใจ

สามารถตอบสนอง รสนยิ มของผูบ้ ริโภคได้
2. มีประสิทธิภาพทางอุตสาหกรรม มีการเลือกวัสดุที่ดีเพื่อนำเข้าสู่ กระบวน การผลิตที่มี

ประสิทธิภาพลงทนุ น้อย แต่มปี ริมาณผลผลิตท่เี พิ่มข้ึน
3. มคี ณุ ภาพทางการบริโภค ผลิตภัณฑ์ทม่ี กี ารออกแบบท่ีดี มีการใช้วัสดทุ ี่ดมี กี ระบวนการผลิตอย่าง

มปี ระสิทธิภาพจะทำให้ผลิตภัณฑ์มีความคงทนและ มคี วามปลอดภยั ในการใชส้ อย
4. มีศกั ยภาพในการแข่งขันทางพาณชิ ย์ ผลติ ภณั ฑท์ ่มี คี วามงาม ความ คงทนและความปลอดภัยจะ

เป็นทตี่ อ้ งการของตลาดทำให้มียอดขายสงู สามารถแขง่ ขัน ทางการคา้ กับผลิตภัณฑช์ นิดเดียวกันของบริษัท
อ่นื

5. มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เมื่อบริษัทมีกำไรจากการขายผลิตภัณฑ์ ที่มีการออกแบบที่ดี บริษัท
จะนำผลกำไรมาลงทุนเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยการ ปรับปรุงผลิตภัณฑ์เดิมหรือสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ท่ี
คล้ายคลงึ กับผลิตภัณฑเ์ ดิม

6. มีศักยภาพในการรักษาลูกค้าเดิม การปรับปรุงผลิตภัณฑ์เดิมหรือการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ท่ี
เกี่ยวพันกันข้ึนด้วยการออกแบบที่ดีจะช่วยให้บริษัทสามารถรักษาลูกค้าเดิมไว้ได้ ในขณะเดียวกันบริษทั ยัง
สามารถดงึ ดูดลกู คา้ ใหม่ทีม่ รี สนิยมอยา่ งเดยี วกนั ได้ดว้ ย

7. มีการพยากรณ์ที่ดี เป็นที่คาดหมายกันว่าสินค้าที่มีการออกแบบไม่ดี จะไม่ค่อยได้รับการยอมรับ
ของประชาชนในทางตรงกันข้ามสินค้าที่มีการออกแบบ ที่ดีจะได้รับการยอมรับ ทำให้การพยากรณ์เป็นไป
ในทางท่ีพงึ ประสงค์

8. มีการรับรองคุณภาพตามระบบ ISO 9000 ผลิตภัณฑ์ของบริษัทที่ได้รับ ประกันคุณภาพ มีการ
ควบคุมการออกแบบกระบวนการผลิตการตรวจและการทดสอบลักษณะและคุณลักษณะโดยรวมของ
ผลิตภณั ฑ์และแสดงใหเ้ ห็นได้ ทำใหผ้ ูบ้ รโิ ภคเกดิ ความพึงพอใจ

9. มีการคิดค้นสิ่งใหม่ เมื่อมีความต้องการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือ ต้องการผลิตภัณฑ์ที่มีความ
แปลกและแตกต่างไปจากเดิมตั้งแต่ระดับเล็กน้อยจนถึงระดับมาก เป็นต้นว่า บริษัทผลิตรถยนต์จะมีการ
เปลย่ี นแปลงเล็กนอ้ ยกับรถยนตร์ ุ่นเดมิ อยู่เสมอ เพ่ือให้กลายเป็นรถยนตร์ นุ่ ใหมพ่ ร้อมกับราคาท่เี พ่ิมสูงขึน้

10. มีการพัฒนาทีมงานในการออกแบบ เป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง นักออกแบบด้วยกัน และ
ทำงานรว่ มกับบุคลากรฝา่ ยการตลาด วิศวกร ฝ่ายผลิต คนงานรวมทั้งผบู้ รหิ ารองค์การ ซง่ึ ทำใหม้ ี

หลักการออกแบบผลิตภัณฑ์
ปจั จยั ท่มี ีอิทธพิ ลตอ่ การกำหนดองคป์ ระกอบของงานออกแบบผลติ ภณั ฑ์

การออกแบบผลิตภัณฑ์มีปัจจัย (Design factors) มากมายที่นักออกแบบที่ต้องคำนึงถึง แต่ใน
ท่ีนี้จะขอกล่าวเพียงปัจจัยพื้นฐาน 10 ประการ ที่นิยมใช้เป็นเกณฑ์ในการพิจารณาสร้างสรรค์ผลงานเชิง
อุตสาหกรรม ซึ่งปัจจัยดังกล่าวเป็นปัจจัยที่สามารถควบคุมได้ และเป็นตัวกำหนดองค์ประกอบของงาน
ออกแบบผลติ ภณั ฑ์ทสี่ ำคญั ได้แก่
1. หนา้ ที่ใชส้ อย (Function)

ผลิตภัณฑ์ทุกชนิดจะต้องมีหน้าที่ใช้สอยถูกต้องตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ คือสามารถตอบสนอง
ประโยชน์ใช้สอยตามที่ผู้บริโภคต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในหนึ่งผลิตภัณฑ์นั้นอาจมีหน้าที่ใช้สอย
อย่างเดียวหรือกลายหน้าที่ก็ได้ แต่หน้าที่ใช้สอยจะดีหรือไม่นั้น ต้องใช้งานไประยะหนึ่งถึงจะทราบ
ขอ้ บกพรอ่ ง ตวั อย่างเชน่

การออกแบบโต๊ะอาหารกับโต๊ะทำงาน โต๊ะทำงานมีหน้าที่ใช้สอยยุ่งยากกว่า มีลิ้นชักสำหรับเก็บ
เอกสาร เครื่องเขียน ส่วนโต๊ะอาหารไม่จำเป็นต้องมีลิ้นชักเก็บของ ระยะเวลาของการใช้งานสั้นกว่า แต่
ตอ้ งสะดวกในการทำความสะอาด

การออกแบบเก้าอ้ี หน้าที่ใช้สอยเบื้องต้นของเก้าอี้คือใช้นั่ง ด้วยกิจกรรมต่างกัน เช่น เก้าอ้ี
รับประทานอาหารลักษณะและขนาดต้องเหมาะสมกับโต๊ะอาหาร เก้าอี้เขียนแบบลักษณะและขนาดต้อง

เหมาะสมกับโต๊ะเขียนแบบ ถ้าจะเอาเก้าอี้รับแขกมาใช้นั่งเขียนก็คงจะเกิดการเมื่อยล้า ปวดหลัง ปวดคอ
และนง่ั ทำงานไดไ้ มน่ าน

การออกแบบมีดที่ในครัวนัน้ มีอย่มู ากกมายหลายชนิดตามการใช้งานเฉพาะเช่น มดี ปอกผลไม้ มีด
แล่เนื้อสัตว์ มีดสับกระดูก มีดหั่นผัก เป็นต้น ถ้าหากมีการใช้มีดอยู่ชนิดเดียวต้ังแต่แล่เนื้อ สับกระดูก ห่ัน
ผกั ก็อาจจะใชไ้ ด้แต่จะไม่ได้ความสะดวกเท่าทีค่ วร หรอื อาจจะได้รับอุบัติเหตุขณะใช้ได้ เพราะไม่ได้รับการ
ออกแบบมาให้ใช้งานเปน็ การเฉพาะอยา่ ง
2. ความสวยงามนา่ ใช้ (Aesthetics or sales appeal)

ผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมานั้นจะต้องมีรูปทรง ขนาด สีสันสวยงาม น่าใช้ ตรงตามรสนิยมของกลุ่ม
ผู้บริโภคเป้าหมาย เป็นวิธีการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมและได้ผลดี เพราะความสวยงามเป็น
ความพึงพอใจแรกท่ีคนเราสัมผัสได้ก่อนมักเกดิ มาจากรปู ร่างและสเี ปน็ หลัก การกำหนดรูปร่างและสีในงาน
ออกแบบผลิตภัณฑ์นั้น ไม่เหมือนกับการกำหนดรูปร่างและสีในงานจิตรกรรม ซึ่งสามารถที่จะแสดงหรือ
กำหนดรูปรา่ งและสไี ดต้ ามความนึกคิดของจิตกร แตใ่ นงานออกแบบผลิตภณั ฑน์ ัน้ จำเปน็ ต้องยึดข้อมูลและ
กฎเกณฑ์ผสมผสานของรูปร่างและสีสัน ระหว่างทฤษฎีทางศิลปะและความพึงพอใจของผู้บริโภคเข้า
ด้วยกัน ถึงแม้ว่ามนุษย์แต่ละคนมีการรับรู้และพึงพอใจในเรื่องของความงามได้ไม่เท่ากันและไม่มีกฎเกณฑ์
การตัดสนิ ใจใดๆ ที่เป็นตัวชขี้ าดความถกู ความผดิ แตค่ นเราสว่ นใหญ่กม็ ีแนวโน้มท่ีจะมองเหน็ ความงามไปใน
ทิศทางเดียวกันตามธรรมชาติ ตัวอย่างเช่น ผลิตภัณฑ์เครื่องประดับ ของที่ระลึกและของตกแต่งบ้านต่างๆ
ความสวยงามก็คือหน้าที่ใช้สอยนั้นเองและความสวยงามจะสร้างความประทับใจแก่ผู้บริ โภคให้เกิดการ
ตัดสนิ ใจซ้อื ได้
3. ความสะดวกสบายในการใช้ (Ergonomics)

การออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ดีนั้นต้องเข้าใจกายวิภาคเชิงกลเกี่ยวกับขนาด สัดส่วน ความสามารถ
และขีดจำกัดที่เหมาะสมสำหรับอวัยวะต่างๆ ของผู้ใช้ การเกิดความรู้สึกที่ดีและสะดวกสบายในการใช้
ผลิตภัณฑ์ ทั้งทางด้านจิตวิทยา(Psychology)และสรีระวิทยา(Physiology) ซึ่งแตกต่างกันไปตามลักษณะ
เพศ เผา่ พนั ธ์ุ ภูมิลำเนา และสังคมแวดล้อมทใี่ ชผ้ ลิตภัณฑน์ ั้นเปน็ ข้อบงั คับในการออกแบบ

การวัดคุณภาพทางด้าน กายวิภาคเชิงกล(ergonomics) พิจารณาได้จากการใช้งานได้อย่าง
กลมกลืนต่อการสัมผัส ตัวอย่างเช่น การออกแบบเก้าอี้ต้องมีความนุ่มนวล มีขนาดสัดส่วนที่นั่งแล้ว
สบาย โดยองิ กบั มาตรฐานผ้ใู ช้ของชาวตะวันตกมาออกแบบเก้าอี้สำหรับชาวเอเชยี เพราะอาจเกิดความไม่
พอดีหรือไม่สะดวกในการใช้งาน ออกแบบปุ่มบังคับ ดา้ มจบั ของเครื่องมือและอุปกรณต์ ่าง ๆ ทีผ่ ู้ใช้ต้องใช้
รา่ งกายไปสมั ผสั เปน็ เวลานาน จะตอ้ งกำหนดขนาด (dimensions) ส่วนโคง้ ส่วนเวา้ ส่วนตรง สว่ นแคบ
ของผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ได้อย่างพอเหมาะกับร่างกายหรืออวัยวะของผู้ใช้ผลติ ภัณฑ์นัน้ ๆ เพื่อทำให้เกิดความ
ถนดั และความสะดวกสบายในการใช้ รวมท้ังลดอาการเมื่อยลา้ เม่ือใชไ้ ปนาน ๆ
4. ความปลอดภัย (Safety)

ผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกในการดำรงชีพของมนุษย์ มีทั้งประโยชน์และโทษใน
ตัว การออกแบบจึงต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินของผู้บริโภคเป็นสำคัญ ไม่เลือกใช้
วัสดุ สี กรรมวิธีการผลิต ฯลฯ ที่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้หรือทำลายสิ่งแวดล้อม ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ต้องแสดง

เครื่องหมายเตือนไว้ให้ชัดเจนและมีคำอธิบายการใช้แนบมากับผลิตภัณฑ์ด้วย ตัวอย่างเช่น การออกแบบ
ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ควรมีส่วนป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้จากความเมื่อยล้าหรือพลั้งเผลอ เช่น
จากการสัมผัสกับส่วนกลไกทำงาน จากความร้อน จากไฟฟ้าดูด ฯลฯ จากการสัมผัสกับส่วนกลไกทำงาน
จากความร้อน จากไฟฟา้ ดูด ฯลฯ หลกี เลย่ี งการใช้วสั ดุที่ง่ายต่อการเกดิ อัคคีภัยหรือเป็นอนั ตรายต่อสุขภาพ
และควรมสี ัญลักษณห์ รือคำอธบิ ายตดิ เตอื นบนผลิตภัณฑ์ไว้ การออกแบบผลิตภัณฑ์สำหรบั เด็ก ตอ้ งเลือกใช้
วัสดุทีไ่ ม่มสี ารพิษเจอื ปน เผื่อป้องกันเวลาเด็กเอาเขา้ ปากกัดหรอื ออม ชิ้นส่วนต้องไม่มสี ว่ นแหลมคมให้เกิด
การบาดเจ็บ มีขอ้ ความหรอื สัญลกั ษณ์บอกเตอื น เปน็ ตน้
5. ความแขง็ แรง (Construction)

ผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมานั้นจะต้องมีความแข็งแรงในตัว ทนทานต่อการใช้งานตามหน้าที่และ
วตั ถุประสงคท์ กี่ ำหนดโครงสรา้ งมีความเหมาะสมตามคุณสมบตั ิของวัสดุ ขนาด แรงกระทำในรปู แบบตา่ ง ๆ
จากการใช้งาน ตัวอย่างเช่น การออกแบบเฟอร์นิเจอร์ที่ดีต้องมีความมั่นคงแข็งแรง ต้องเข้าใจหลัก
โครงสร้างและการรบั น้ำหนัก ตอ้ งสามารถควบคมุ พฤติกรรมการใช้งานให้กับผู้ใช้ดว้ ย เช่น การจดั ท่าทางใน
การใชง้ านให้กับผใู้ ช้ดว้ ย เชน่ การจัดทา่ ทางในการใช้งานให้เหมาะสม สะดวกสบาย ถูกสุขลักษณะและต้อง
รู้จกั ผสมความงามเข้ากบั ชิ้นงานไดอ้ ยา่ งกลมกลืน เพราะโครงสรา้ งบางรูปแบบมีความแข็งแรงดีมากแต่ขาด
ความสวยงาม จึงเป็นหน้าที่ของนักออกแบบที่จะต้องเป็นผู้ผสานสองสิ่งเข้ามาอยู่ในความพอดีให้
ได้ นอกจากการเลือกใชป้ ระเภทของวัสดุ โครงสร้างท่ีเหมาะสมแลว้ ยงั ต้องคำนงึ ถงึ ความประหยัดควบคู่กัน
ไปดว้ ย
6. ราคา (Cost)

กอ่ นการออกแบบผลิตภัณฑค์ วรมีการกำหนดกลมุ่ เปา้ หมายทีจ่ ะใช้ว่าเปน็ กลุม่ ใด อาชีพอะไร ฐานะ
เปน็ อยา่ งไร ซ่งึ จะช่วยให้นักออกแบบสามารถกำหนดแบบผลิตภณั ฑ์และประมาณราคาขายให้เหมาะสมกับ
กลุม่ เปา้ หมายได้ใกลเ้ คียงมากขน้ึ การจะได้มาซึง่ ผลิตภัณฑท์ ่ีมีราคาเหมาะสมนั้น สว่ นหน่ึงอยู่ท่ีการเลือกใช้
ชนิด หรือเกรดของวัสดุและวิธีการผลติ ที่เหมาะสม ผลิตได้ง่ายและรวดเร็ว แต่ในกรณีที่ประมาณราคาจาก
แบบสูงกว่าที่กำหนดก็อาจต้องมีการเปลี่ยนแปลงหรือพัฒนาองค์ประกอบด้านต่าง ๆ กันใหม่เพื่อลด
ต้นทุน แต่ท้ังนีต้ ้องคงไว้ซ่ึงคุณคา่ ของผลติ ภัณฑ์นัน้
7. วัสดุ (Materials)

การออกแบบควรเลือกวัสดุที่มีคุณสมบัติด้านต่าง ๆ ได้แก่ ความใส ผิวมันวาว ทนความร้อน ทน
กรดด่างไม่ลืน่ ฯลฯ ให้เหมาะสมกับหน้าท่ีใช้สอยของผลิตภัณฑ์นัน้ ๆ นอกจากนั้นยังต้องพิจารณาถึงความ
ง่ายในการดูแลรักษา ความสะดวกรวดเร็วในการผลิต สั่งซื้อและคงคลัง รวมถึงจิตสำนึกในการรณรงค์
ชว่ ยกันพิทกั ษส์ ง่ิ แวดล้อมดว้ ยการเลือกใชว้ สั ดุที่หมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ได้ (recycle) ก็เป็นส่ิงที่นักอกแบบ
ตอ้ งตระหนกั ถึงในการออกแบบร่วมดว้ ย เพอื่ ชว่ ยลดกันลดปริมาณขยะของโลก
8. กรรมวธิ ีการผลติ (Production)

ผลิตภัณฑ์ทุกชนิดควรออกแบบให้สามารถผลิตได้ง่าย รวดเร็ว ประหยัดวัสดุ ค่าแรงและค่าใช้จ่าย
อื่นๆ แต่ในบางกรณีอาจต้องออกแบบให้สอดคล้องกับกรรมวิธีของเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่มีอยู่เดิมและ

ควรตระหนักอย่เู สมอว่าไม่มีอะไรท่ีจะลดต้นทนุ ได้รวดเร็วอย่างมีประสิทธิภาพ มากกวา่ การประหยัดเพราะ
การผลิตทลี ะมากๆ
9. การบำรุงรักษาและซ่อมแซม (Maintenance)

ผลิตภัณฑ์ทุกชนิดควรออกแบบให้สามารถบำรุงรักษา และแก้ไขซ่อมแซมได้ง่าย ไม่ยุ่งยากเมื่อมี
การชำรุดเสียหายเกิดขึ้น ง่ายและสะดวกต่อการทำความสะอาดเพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานของ
ผลิตภัณฑ์ รวมทั้งควรมีค่าบำรุงรักษาและการสึกหรอต่ำ ตัวอย่างเช่น ผลิตภัณฑ์ประเภท
เครื่องมือ เครื่องจักรกล เครื่องยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ที่มีกลไกภายในซับซ้อน อะไหล่บางชิ้นย่อมมี
การเสื่อมสภาพไปตามอายุการใช้งานหรือจากการใช้งานที่ผิดวิธี การออกแบบที่ดีนั้นจะต้องศึกษาถึง
ตำแหน่งในการจัดวางกลไกแต่ละชิ้น เพื่อที่จะได้ออกแบบส่วนของฝาครอบบริเวณต่างๆ ให้สะดวกในการ
ถอดซ่อมแซมหรือเปล่ียนอะไหล่ไดโ้ ดยง่าย นอกจากนัน้ การออกแบบยังต้องคำนึงถึงองค์ประกอบอ่ืนๆ ร่วม
ด้วย เช่น การใช้ชิ้นส่วนร่วมกันให้มากที่สุด โดยเฉพาะอุปกรณ์ยึดต่อการเลือกใช้ชิ้นส่วนขนาดมาตรฐานที่
หาได้ง่าย การถอดเปลี่ยนได้เป็นชุดๆ การออกแบบให้บางส่วนสามารถใช้เก็บอะไหล่หรือใช้เป็นอุปกรณ์
สำรบั การซ่อมบำรงุ รกั ษาได้ในตวั เป็นต้น
10. การขนสง่ (Transportation)

ผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบควรคำนึงถึงการประหยัดค่าขนส่ง ความสะดวกในการ
ขนสง่ ระยะทาง เสน้ ทางการขนส่ง (ทางบก ทางนำ้ หรอื ทางอากาศ ) การกนิ เน้อื ท่ีในการขนส่ง (มิติความ
จุ กว้าง*ยาว*สูง ของรถยนต์ส่วนบุคคล รถบรรทุกทั่วไป ตู้บรรทุกสินค้า ฯลฯ) ส่วนการบรรจุหีบห่อต้อง
สามารถป้องกันไม่ให้เกิดการชำรุดเสียหายของผลิตภัณฑ์ได้ง่าย กรณีที่ผลิตภัณฑ์ที่ทำการออกแบบนั้นมี
ขนาดใหญ่ อาจต้องออกแบบให้ชิ้นส่วนสามารถถอดประกอบได้ง่าย เพื่อทำให้หีบห่อมีขนาดเล็กลง
ตัวอย่างเช่น การออกแบบเครื่องเรือนชนิดถอดประกอบได้ ต้องสามารถบรรจุผลติ ภัณฑ์ลงในตูส้ นิ ค้าท่เี ป็น
ขนาดมาตรฐานเพื่อประหยัดค่าขนส่งรวมทั้งผู้ซื้อสามารถทำการขนส่งและประกอบชิ้นส่วนให้เข้ารูปเป็น
ผลติ ภณั ฑไ์ ดโ้ ดยสะดวกด้วยตวั เอง

งานออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ดีจะต้องผสมผสานปัจจัยต่างๆ ทั้งรูปแบบ(form) ประโยชน์ใช้สอย
(function) กายวิภาคเชิงกล(ergonomics) และอื่นๆ ให้เข้ากับวิถีการดำเนินชีวิตแฟชั่นหรือแนวโน้มที่จะ
เกดิ ขนึ้ กับผู้บริโภคเป้าหมายได้อยา่ งกลมกลนื ลงตัวมคี วามสวยงามโดดเดน่ มเี อกลักษณเ์ ฉพาะตัว ต้ังอยู่บน
พื้นฐานทางการตลาด และความเป็นไปได้ในการผลิตจำนวนมาก ส่วนการให้ลำดับความสำคัญของปัจจัย
ตา่ งๆ ข้นึ อยกู่ บั จดุ ประสงค์และความซับซ้อนของผลิตภณั ฑน์ ้ันๆ เชน่ การออกแบบเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า
ตามแฟชั่น อาจพิจารณาที่ประโยชน์ใช้สอย ความสะดวกสบายในการใช้ และความสวยงาม เป็นหลัก แต่
สำหรับการออกแบบยานพาหนะ เช่น จักรยาน รถยนต์ หรือเครื่องบิน อาจต้องคำนึงถึงปัจจยั ดังกล่าวครบ
ทุกขอ้ หรือมากกวา่ น้นั
สรปุ

การออกแบบ คือ กิจกรรมการแก้ปัญหาเพื่อใหบ้ รรลตุ ามเป้าหมายหรือจดุ ประสงค์ทีต่ ง้ั ไว้ (Design
is a goal-directed problem-solving) เป็นการกระทำของมนุษย์ ด้วยจุดประสงค์ที่ต้องการแจ้งผล
เป็นสิ่งใหม่ๆ มีทั้งที่ออกแบบเพื่อสร้างขึ้นใหม่ให้แตกต่างจากของเดิมหรือปรับปรุงตกแต่งของเดิม

ความสำคัญของออกแบบเป็นขั้นตอนเบื้องต้นที่จะทำให้กระบวนการในการผลิตสินค้าหรือผลิตภัณฑ์
ประสบผลสำเรจ็ ในตลาดและตรงตามเป้าหมาย

งานออกแบบ คือ สงิ่ ทีม่ นษุ ยส์ รา้ งขึน้ โดยการเลือกนำเอาองคป์ ระกอบมาจดั เรยี งให้เกิดรูปทรงใหม่
ที่สามารถสนองความต้องการตามจุดประสงค์ของผู้สรา้ ง และสามารถผลิตไดด้ ้วยวัสดุและกรรมวิธีการผลิต
ทม่ี อี ยูใ่ นขณะนัน้ (แหลง่ ข้อมลู ..http://netra.lpru.ac.th/~weta/ch-2/..13-07-2557)

หลกั การพ้ืนฐานในการออกแบบผลติ ภัณฑ์
การออกแบบมีหลักการพ้ืนฐาน โดยอาศยั ส่วนประกอบขององค์ประกอบศลิ ป์ตามท่ีไดก้ ล่าวมาแล้ว

ในบทเรียนเรื่อง “ องค์ประกอบศิลป์ ” คือ จุด เส้น รูปร่าง รูปทรง น้ำหนัก สี และพื้นผิว นำมาจัดวาง
เพ่ือใหเ้ กดิ ความสวยงามโดยมีหลกั การ ดงั นี้

1. ความเป็นหน่วย (Unity) ในการออกแบบ ผ้อู อกแบบจะตอ้ งคำนงึ ถงึ งานทั้งหมดให้อยู่ใน
หน่วยงานเดียวกันเป็นกลุ่มก้อน หรือมีความสัมพันธ์กันทั้งหมดของงานนั้นๆ และพิจารณาส่วนย่อยลงไป
ตามลำดับในส่วนยอ่ ยๆก็คงต้องถือหลักนี้เช่นกัน

2. ความสมดลุ หรอื ความถ่วง (Balancing) เป็นหลักทวั่ ๆไปของงานศิลปะทจี่ ะตอ้ งดูความ
สมดุลของงานนั้นๆ ความรู้สึกทางสมดุลของงานนี้เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นในส่วนของความคิดในเรื่องของ
ความงามในสิง่ นัน้ ๆ มหี ลกั ความสมดลุ อยู่ 3 ประการ

2.1 ความสมดลุ ในลักษณะเทา่ กัน (Symmetry Balancing) คือ มลี ักษณะเป็นซ้าย-ขวา บน-
ล่าง เป็นต้น ความสมดุลในลักษณะน้ีดแู ละเขา้ ใจงา่ ย

2.2 ความสมดุลในลักษณะไม่เท่ากัน (Nonsymmetry Balancing) คือมีลักษณะสมดุลกันใน
ตัวเองไม่จำเป็นจะต้องเท่ากันแต่ดูในด้านความรู้สึกแล้วเกิดความสมดุลกันในตัวลักษณะการสมดุลแบบนี้
ผอู้ อกแบบจะต้องมีการประลองดูให้แน่ใจในความรูส้ ึกของผู้พบเห็นดว้ ยซึ่งเปน็ ความสมดุลท่ีเกิดในลักษณะ
ท่ีแตกตา่ งกันได้ เชน่ ใชค้ วามสมดลุ ด้วยผิว (Texture) ดว้ ยแสง-เงา (Shade) หรอื ดว้ ยสี (Colour)

2.3 จุดศูนยถ์ ว่ ง (Gravity Balance) การออกแบบใดๆทเี่ ป็นวัตถสุ ่ิงของและจะต้องใช้งานการ
ทรงตัวจำเป็นที่ผู้ออกแบบจะต้องคำนึงถึงจุดศูนย์ถ่วงได้แก่ การไม่โยกเอียงหรือให้ความรู้สึกไม่มั่นคง
แข็งแรง ดังนั้นสิ่งใดที่ต้องการจุศูนย์ถ่วงแล้วผู้ออกแบบจะต้องระมัดระวังในสิง่ น้ีให้มาก ตัวอย่างเช่น เก้าอี้
จะต้องตั้งตรงยึดมั่นทั้งสี่ขาเท่าๆกัน การทรงตัวของคนถ้ายืน 2 ขา ก็จะต้องมีน้ำหนักลงที่เท้าทั้ง 2 ข้าง
เท่าๆกนั ถ้ายืนเอียงหรือพิงฝา น้ำหนักตวั ก็จะลงเท้าข้างหนึง่ และส่วนหนึ่งจะลงท่ีหลังพิงฝา รูปป้ันคนในท่า
วิง่ จุดศูนยถ์ ่วงจะอย่ทู ี่ใด ผูอ้ อกแบบจะตอ้ งรู้และวางรูปได้ถูกต้องเร่ืองของจุดศูนย์ถว่ งจึงหมายถงึ การทรงตัว
ของวัตถุสงิ่ ของนั่นเอง

3. ความสัมพันธ์ทางศิลปะ ( Relativity of Arts) ในเร่ืองของศลิ ปะน้นั เปน็ สงิ่ ท่จี ะตอ้ ง
พจิ ารณากนั หลายขน้ั ตอนเพราะเปน็ เร่อื งความร้สู ึกทส่ี ัมพันธก์ ัน อนั ได้แก่

3.1 การเน้นหรือจุดสนใจ (Emphasis or CentreofInterest) งานด้านศิลปะผู้ออกแบบ
จะต้องมีจุดเน้นให้เกิดสิ่งที่ประทับใจแก่ผู้พบเห็น โดยมีข้อบอกกล่าวเป็นความรู้สึกร่วมที่เกิดข้ึนเองจากตวั
ของศิลปกรรมน้นั ๆ ความรสู้ ึกนีผ้ ้อู อกแบบจะตอ้ งพยายามให้เกิดขนึ้ เหมือนกนั

3.2 จุดสำคัญรอง ( Subordinate) คงคล้ายกับจุดเน้นนั่นเองแต่มีความสำคัญรองลงไป
ตามลำดับซึ่งอาจจะเป็นรองส่วนที่ 1ส่วนที่ 2 ก็ได้ ส่วนนี้จะช่วยให้เกิดความลดหลั่นทางผลงานที่แสดง
ผู้ออกแบบจะตอ้ งคำนึงถึงส่งิ นี้ดว้ ย

3.3 จังหวะ ( Rhythem) โดยทั่วๆไปสิ่งที่สัมพันธ์กันในสิ่งนั้นๆย่อมมีจังหวะ ระยะหรือ
ความถี่ห่างในตัวมันเองก็ดีหรือส่ิงแวดล้อมที่สัมพันธ์อยู่ก็ดีจะเป็นเส้น สี เงา หรือช่วงจังหวะของการตกแต่ง
แสงไฟ ลวดลาย ทม่ี คี วามสัมพันธ์กนั ในที่นั้นเป็นความรู้สึกของผู้พบเหน็ หรือผู้ออกแบบจะรู้สึกในความงาม
น่ันเอง

3.4 ความต่างกัน ( Contrast) เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นเพื่อช่วยให้มีการเคลื่อนไหวไม่ซ้ำซาก
เกินไปหรือเกิดความเบื่อหน่าย จำเจ ในการตกแต่งก็เช่นกัน ปัจจุบันผู้ออกแบบมักจะหาทางให้เกิด
ความรูส้ กึ ขดั กันต่างกันเช่น เก้าอ้ีชุดสมัยใหมแ่ ต่ขณะเดยี วกนั ก็มเี กา้ อี้สมัยรชั กาลท่ี 5 อยดู่ ว้ ย 1 ตัว เช่นนี้ผู้
พบเหน็ จะเกิดความรู้สึกแตกต่างกนั ทำให้เกดิ ความรสู้ กึ ไม่ซำ้ ซาก รสชาติแตกตา่ งออกไป

3.5 ความกลมกลนื ( Harmomies) ความกลมกลืนในท่ีน้หี มายถึงพจิ ารณาในสว่ นรวมทั้งหมด
แม้จะมีบางอย่างที่แตกต่างกันการใช้สีที่ตัดกันหรือการใช้ผิว ใช้เส้นที่ขัดกัน ความรู้สึกส่วนน้อยนี้ไม่ทำให้
ส่วนรวมเสียก็ถือว่าเกิดความกลมกลืนกันในส่วนรวม ความกลมกลืนในส่วนรวมนี้ถ้าจะแยกก็ได้แก่ความ
เน้นไปในส่วนมลู ฐานทางศิลปะอันไดแ้ ก่ เสน้ แสง-เงา รูปทรง ขนาด ผิว สี น่นั เอง

ใบงานที่ 2
เรื่อง การจกั สานผลติ ภณั ฑจ์ ากไม้ไผ่

1. วสั ดุ/อปุ กรณ์ ท่ีใช้ในการจักสานผลิตภัณฑจ์ ากไม้ไผ่ มอี ะไรบ้าง จงอธบิ าย
............................................................................................................................. ............................................
............................................................................................................................. ............................................
.........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ............................................
............................................................................................................................. ............................................
.........................................................................................................................................................................
................................................................................................................... ......................................................

2. การคดั เลือกวตั ถดุ ิบที่ใชใ้ นการจักสานผลิตภณั ฑ์จากไมไ้ ผ่ ควรทำอยา่ งไร
............................................................................................................................. ............................................
............................................................................................................................. ............................................
.........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ............................................
............................................................................................................................. ............................................
.................................................................................... .....................................................................................
............................................................................................................................. ............................................
............................................................................................................................... ..........................................
......................................................................................... ................................................................................
3. ปัจจัยทเี่ กีย่ วข้องกบั การออกแบบผลิตภณั ฑ์ มกี ปี่ ระการอะไรบา้ ง
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................... ...............
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................... ..........
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................

ใบความร้ทู ี่ 3
เรื่อง การทำส่มุ ไก่

การเตรียมวัสดุ อปุ กรณ์ในการทำสุ่มไก่
ต้นไผร่ วก

ไผ่รวก คุณสมบตั ิมีความเหนียวและอ่อนตัวได้ดี ไผท่ น่ี ำมาจักสานสมุ่ ไก่มอี ายปุ ระมาณ 5 ปี
แหลง่ ที่มาเก็บหาภายในหมู่บ้านซงึ่ มเี พียงเลก็ น้อย ส่วนใหญร่ บั ซ้ือจากหมู่บา้ นอ่ืน ราคาลำละ 4 บาท แตล่ ะ
ลำมีความยาวประมาณ 8 ม.

เครื่องมอื และอปุ กรณ์
1. เลอ่ื ยคันธนู ใชเ้ ล่อื ยตดั ข้อปลายลำไผ่ และเล่ือยตัดปากสุ่มเมือ่ สานสมุ่ ไกเ่ สร็จแลว้
2. มดี พรา้ ใชผ้ า่ ลำไผแ่ ละเหลาจักตอกไผเ่ พ่ือแยกสว่ นในและสว่ นผิวของไผ่ ซง่ึ สว่ นผวิ ท่ีใช้งานจะมี

ความเหนียว ง่ายต่อการจกั สาน
3. ค้อน ใช้ตอกตะขอขอ้ ไผ่หลักหมุดยึดสว่ นหัวส่มุ ไก่เม่ือสานข้นึ รูป

ขน้ั ตอนการทำสุ่มไก่
วธิ ีการจักสาน

1. การจักตอกไผ่
1.1 ใช้เลื่อยคนั ธนเู ลอื่ ยตัดข้อปล้องแรกของไผท่ ้ิงเพ่ือใหผ้ ่าลำไผ่ได้สะดวก
1.2 ผ่าลำไผอ่ อกมาเป็นเสน้ ๆ
1.3 จักตอกเส้นไผ่เป็นตอกยืน ตอกยาว และตอกไผ่ตีน (ส่วนข้อไผ่ที่มีตาไผ่) ความกว้างของ

ตอกแต่ละแบบโดยประมาณ คือ ตอกยนื 1.3–1.7 ซม. ตอกยาว 0.8 ซม.และตอกไผ่ตนี 1.6–2.0 ซม. ซ่ึงไผ่
หนึ่งลำเหลาจักตอกไดต้ อกยนื ใชส้ านส่มุ ไกไ่ ด้ 1 ใบ และตอกยาวสานสุ่มไกไ่ ด้ 2 ใบ

1.4 ส่วนที่เป็นข้อไผ่นำมาเหลาเป็นตะขอข้อไผ่หลักหมุดยึดหัวสุ่ม เพื่อไม่ให้สุ่มขยับเขยื่อน
ในขณะสานขึน้ รูป

2. การสานส่มุ ไก่
2.1 เริม่ จากสานตอกยาวและตอกยืนเป็นหวั สมุ่ แบบลายขัด
2.2 ใช้ค้อนตอกตะขอข้อไผ่หลักหมุดยึดหัวสุ่มบนพื้นดินลานกว้าง เพื่อยึดสุ่มไก่ไว้ในการสาน

ขน้ึ รูป
2.3 ใช้ตอกยาวสานรอบๆ สุ่มไก่เพื่อขึน้ รูปแบบลายหนึ่ง (ยกหนึ่งข้ามหนึ่ง) โดยจุดเริ่มตน้ ของ

ตอกยาวแตล่ ะเสน้ เปล่ียนตำแหน่งไปเรื่อยๆ เพื่อใหส้ ุ่มไกไ่ ด้รปู ทรงกลม
2.4 สานตนี สุม่ ไก่ โดยใช้ตอกไผ่ตีนประมาณ 5 เสน้
2.5 ใชเ้ ลื่อยคันธนูเลอ่ื ยตดั สว่ นตอกยนื ทย่ี ่นื ยาวตีนสมุ่ ไก่ทิง้ ไป

การนำไปใชป้ ระโยชน์
สำหรับประชาชนนิยมกีฬาชนไก่ สุ่มไก่จึงเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นในการเลี้ยงดูไก่ชนอย่างใกล้ชิด

คอื สมุ่ ไก่ ซึง่ สุม่ ไก่นส้ี านได้ง่าย มีราคาถูกและใช้ประโยชนไ์ ดด้ ี

การเก็บรกั ษา
ผลิตภัณฑ์จากไม้ไผ่อาจจะเสียหายได้จากแมลงพวกมอด ปลวกกัดแทะ หรือถ้างานไม้ตั้งอยู่ในท่ี

แดดสง่ ถึงหรือวางกลางแดดนาน ๆ ก็จะเสยี หาย ซีด โก่งแตก ปริ ได้งา่ ย เมอื่ ผ่านไปนานวนั วิธีดูแลรักษาก็
คือ นำมาเกบ็ หรอื ต้ังไวใ้ นท่ีแห้งหรือท่ีท่ีมีอากาศถ่ายเทสะดวก หลกี เลีย่ งแสงแดดและ ไม่ควรเก็บไว้ในที่ท่ีมี
ความชื้นสงู เพราะจะทำให้ขึ้นราได้งา่ ย

ใบงานท่ี 3
เร่อื ง การทำสุ่มไก่

1. ใหอ้ ธิบายข้นั ตอนการในการทำสมุ่ ไก่
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................. .......................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................... ..................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................ .............................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................. ........................
.........................................................................................................................................................................
2. จงบอกการโยชนข์ องส่มุ ไก่ว่ามีขอ้ ดี อย่างไรบา้ ง
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................

ความรู้ท่ี 4
เร่ือง การทำเข่งไมไ้ ผ่

การเตรยี มวสั ดุ อปุ กรณ์ในการทำเขง่ ไมไ้ ผ่
ต้นไผร่ วก

ไผร่ วก คณุ สมบตั ิมีความเหนียวและอ่อนตัวไดด้ ี ไผท่ ่ีนำมาจกั สานเข่งใสผ่ กั มีอายุประมาณ 5 ปี แต่
ละลำมีความยาวประมาณ 8 ม.

เครือ่ งมือและอุปกรณ์
1. เครื่องจักตอก เพื่อแยกส่วนในและส่วนผิวของไผ่ ซึ่งส่วนผวิ ที่ใช้งานจะมีความเหนยี วและดัดงอ

ได้ในการสานเข่ง เครื่องจักตอกนี้ราคาประมาณ 18,000 บาท ทำจาก อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ซึ่งกลุ่มฯ มี 6
ตัว และของชาวบ้านส่วนตัวมี 6 ตัว โดยเครื่องจักตอกของกลุ่มฯ จะคิดค่าบริการตามจำนวนเข่งที่สานได้
โดยคิดบริการเข่งละ 1 บาท เพื่อนำเงินเข้ากลุ่มฯ สำหรับเครื่องส่วนตัวผู้ขอใช้บริการเจ้าของจะเก็บเงิน
คา่ บริการเข่งละ 2 บาท ซึ่งเป็นของเจา้ ของเคร่ือง 1 บาท อีก 1 บาทตอ้ งนำเงนิ เข้ากลุ่มฯ ดว้ ย

2. มีดพร้าและชะแลง ใช้ผ่าซีกลำไม้ไผ่ โดยมีดพร้าผ่าเปิดแนวลำไผ่แล้วแทงผ่านชะแลงที่วางไขว่
กากบาทเพื่อเป็นหลักในการดันลำไผ่เป็นตอกไผ่ 4 ซีก และดันผ่าแต่ละซีกอีกครั้งเพื่อให้ได้ตอกทั้งหมด 8
เส้นต่อไม้ไผ่หนึ่งลำ สำหรับมีดพร้ายังใช้ในการเหลาลบคมตอกไผ่และการจักตอกส่วนก้นเข่ง/เส้นยืนเพ่ือ
แยกสว่ นในและส่วนผิวของไผ่ ซึ่งส่วนผวิ ที่ใชง้ านจะมีความเหนียวและดัดงอได้ในการสานเข่ง นอกจากนี้ยัง
มมี ดี เคยี วขอใชส้ ำหรับตดั ปลายเสน้ ตอกยนื เมือ่ พับขอบปากเขง่ แล้ว

3. เขง่ แมแ่ บบ ใชเ้ ปน็ แบบในการสานเข่ง
4. ฟักบวั รดนำ้ ใช้รดนำ้ เพื่อให้ตอกไผ่ที่เปน็ สว่ นก้นเข่งมคี วามอ่อนตัวในการสานเข่ง
5. เหล็กแหลม ใช้แทงขอบปากเขง่ เพือ่ สอดพับตอกเสน้ ยนื ท่ีปากเข่ง

ขนั้ ตอนการทำเข่งไมไ้ ผ่
วิธกี ารสานเข่งใสผ่ กั

1. การตดั ลำไม้ไผ่ โดยตดั ไม้ไผใ่ หไ้ ดค้ วามยาว 6 เมตร ซึ่งอาจตัดเองหรือจ้างคนอื่นให้ตดั
2. การจักตอก เพ่ือใหเ้ สน้ บางง่ายตอ่ การจักสาน

2.1 การผา่ ลำไม้ไผ่ โดยใชม้ ดี ผา่ นำสว่ นโคนลำไมไ้ ผ่เป็น 4 แฉก จากนนั้ นำรอยผ่ามา
แทงดันกับชะแลง 2 อันซึ่งวางไขว่กากบาทกันโดยมีอันหนึ่งปักเป็นหลักไว้กับพื้นดิน เพื่อผ่าไม้ไผ่ออกจาก
กันเป็น 4 อันหรือเส้น แล้วนำแต่ละเส้นมาผ่าปลายนำด้วยมีดแล้วดันผ่านชะแลงกันตั้งซึ่งมีกระบอกไม้ไผ่
สวมชะแลง แนวนอนลองรับอยู่จะได้ตอกไผ่ 2 เส้น ดังนั้นไม้ไผ่หนึ่งลำจึงได้ตอกไผ่ 8 เส้น ตอกไผ่นี้จะมี
ความกวา้ งประมาณ 1 ซม.

2.2 การลบคมเสน้ ตอก โดยใชม้ ดี กรดี ลบคมตอกไผส่ ่วนผิวทุกเส้น
2.3 การจักตอก เพือ่ ใหเ้ ส้นบางง่ายต่อการจกั สาน โดยการผ่าแยกส่วนในและสว่ นผวิ
ของไผ่ ซง่ึ สว่ นผวิ ท่ีใช้งานจะมีความเหนียวและดดั งอไดใ้ นการสานเขง่ โดยตอกท่สี านส่วนก้นเข่ง/เส้นยนื จัก
ดว้ ยมอื คือใชม้ ีดพร้า สว่ นเส้นนอนหรือสานส่วนรอบ ๆ เข่งใช้เครือ่ งจักตอก
3. การสานเข่ง
3.1 สานก้นเขง่ โดยใชต้ อกไผ่ยาวประมาณ 2.5 ม.
3.2 ขัดไม้กน้ เขง่ โดยใช้ไม้ไผ่ขดั ไขว่กน้ เขง่ ยาวประมาณ 50 ซม.
3.3 สานเส้นนอนรอบเข่ง โดยวางกน้ เขง่ บนเข่งแมแ่ บบแล้วเสน้ ตอกไผเ่ ส้นนอนซ่ึงวาว
ประมาณ 6 ม. สานวนเป็นรอบ ๆ จนถงึ ปากเขง่
3.4 สานปากเขง่ เรยี กวา่ ไพลปากเข่ง โดยหักตอกเส้นยืนพับสอดแทงขอบเขง่ ซ่งึ มี
เหล็กแหลมแทงเปิดนำเป็นช่องสอดแทงตอกเส้นยืนที่หักพับลงมา แล้วตัดปลายเส้นยืนที่หักพับลงมาด้วย
มีดเคยี วขอ
4. การตกแต่งโดยการนำเข่งไปลนไฟเพื่อเผาเส้นไผ่ท่ีเป็นขุยขนจากการตอกไผ่ ในทีนี้ไม่มีการทำหู
เข่ง จะนำส่งขายพ่อค้าคนกลางจาก อ.เมือง และ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ซึ่งจะเป็นผู้ทำหูเข่งเองก่อนส่งขาย
ต่อไป ในการสานเขง่ แตล่ ะใบน้จี ะใช้ตอกไผป่ ระมาณ 12 เสน้ สำหรับเศษไมไ้ ผส่ ว่ นในจากการจักตอกจะมัด
เป็นกลมุ่ เพอ่ื ขายโรงงานเค่ยี วนำ้ ตาลจาก จ.เพชรบุรี โดยขายมัดละ 50 สตางค์
1. เลื่อยคันธนู ใช้เล่ือยตดั ข้อปลายลำไผ่ และเลอื่ ยตัดปากสมุ่ เมือ่ สานเข่งใส่ผกั เสร็จแลว้
2. มดี พรา้ ใชผ้ ่าลำไผแ่ ละเหลาจกั ตอกไผเ่ พอ่ื แยกสว่ นในและสว่ นผวิ ของไผ่ ซ่ึงส่วนผวิ
ทีใ่ ชง้ านจะมคี วามเหนียว ง่ายต่อการจักสาน
3. คอ้ น ใชต้ อกตะขอข้อไผ่หลกั หมุดยดึ สว่ นหวั เขง่ ใส่ผกั เมอ่ื สานขึน้ รูป

การนำไปใชป้ ระโยชน์
นำไปใชใ้ สข่ องใช้ต่าง ๆ และยังเป็นการลดปรมิ าณขยะในชุมชน

การเก็บรกั ษา
ผลิตภัณฑ์จากไม้ไผ่อาจจะเสียหายได้จากแมลงพวกมอด ปลวกกัดแทะ หรือถ้างานไม้ตั้งอยู่ในที่

แดดส่งถึงหรือวางกลางแดดนานๆ ก็จะเสียหาย ซีด โก่งแตก ปริ ได้ง่าย เมื่อผ่านไปนานวัน วิธีดูแลรักษาก็
คือ นำมาเก็บหรอื ตั้งไวใ้ นที่แหง้ หรือท่ีท่ีมีอากาศถา่ ยเทสะดวก หลกี เล่ยี งแสงแดดและ ไมค่ วรเก็บไว้ในท่ีที่มี
ความชนื้ สูงเพราะจะทำให้ข้นึ ราได้ง่าย

ใบงานที่ 4
เร่ือง การทำเขง่ ไม้ไผ่

1. จงอธิบายวิธขี ัน้ ตอนการสานชะลอมไม้ไผ่
............................................................................................................................. ............................................
....................................................................................... ..................................................................................
............................................................................................................................. ............................................
.................................................................................................................................. .......................................
............................................................................................ .............................................................................
............................................................................................................................. ............................................
....................................................................................................................................... ..................................
................................................................................................. ........................................................................
............................................................................................................................. ............................................
............................................................................................................................................ .............................
...................................................................................................... ...................................................................
............................................................................................................................. ............................................
................................................................................................................................................. ........................
........................................................................................................... ..............................................................
............................................................................................................................. ............................................
.........................................................................................................................................................................
............................................................................................................... ..........................................................
............................................................................................................................. ............................................
.......................................................................................................................................................... ...............
.................................................................................................................... .....................................................
...................................................................................... ................................................................................ ...

ใบความรู้ท่ี 5
เรือ่ ง การทำชะลอมไม้ไผ่

การเตรยี มวัสดุ อปุ กรณใ์ นการทำชะลอมไม้ไผ่
ต้นไผ่รวก

ไผ่รวก คณุ สมบัติมคี วามเหนียวและอ่อนตัวไดด้ ี ไผ่ทนี่ ำมาจกั สานชะลอมไม้ไผ่ มอี ายุประมาณ 5 ปี
แตล่ ะลำมีความยาวประมาณ 8 ม.

เครอื่ งมือและอุปกรณ์
ไมไ้ ผ่ มดี ขนาดตา่ งๆ เชน่ มีดสำหรบั ผ่า มีดจกั ตอก ฯลฯ สวา่ นแบบมอื หมนุ เลื่อย ปากคีบ แบบหุ่น

ขนั้ ตอนการทำชะลอมไม้ไผ่
วิธกี ารสานชะลอมไม้ไผ่
1. การตัดลำไม้ไผ่ โดยตดั ไม้ไผ่ใหไ้ ด้ความยาว 6 เมตร ซึ่งอาจตัดเองหรือจา้ งคนอ่นื ใหต้ ัด
2. การจกั ตอก เพื่อให้เสน้ บางง่ายต่อการจักสาน

2.1 การผ่าลำไม้ไผ่ โดยใช้มีดผ่านำส่วนโคนลำไม้ไผ่เป็น 4 แฉก จากนั้นนำรอยผ่ามาแทงดันกับ
ชะแลง 2 อันซ่งึ วางไขวก่ ากบาทกันโดยมอี ันหนึ่งปกั เปน็ หลักไว้กบั พน้ื ดิน เพือ่ ผ่าไม้ไผ่ออกจากกนั เป็น 4 อัน
หรือเส้น แล้วนำแต่ละเส้นมาผ่าปลายนำด้วยมีดแล้วดันผ่านชะแลงกันตั้งซึ่งมีกระบอกไม้ไผ่สวมชะแลง
แนวนอนลองรับอยู่จะได้ตอกไผ่ 2 เส้น ดังนั้นไม้ไผ่หนึ่งลำจึงได้ตอกไผ่ 8 เส้น ตอกไผ่นี้จะมีความกว้าง
ประมาณ 1 ซม.

2.2 การลบคมเส้นตอก โดยใชม้ ีดกรีดลบคมตอกไผส่ ่วนผิวทกุ เส้น
2.3 การจกั ตอก เพ่อื ให้เสน้ บางง่ายต่อการจักสาน โดยการผ่าแยกส่วนในและส่วนผิวของไผ่ ซง่ึ
สว่ นผวิ ทใ่ี ช้งานจะมีความเหนียวและดดั งอได้ในการสานชะลอมโดยตอกทส่ี านส่วนกน้ ชะลอม /เสน้ ยนื จกั
ด้วยมอื คือใชม้ ีดพร้า ส่วนเสน้ นอนหรือสานสว่ นรอบ ๆ ชะลอม ใช้เคร่ืองจกั ตอก
3. การสานชะลอม
3.1 สานกน้ ชะลอมโดยใช้ตอกไผ่ยาวประมาณ 2.5 ม.
3.2 ขดั ไม้กน้ ชะลอมโดยใชไ้ ม้ไผ่ขดั ไขวก่ ้นชะลอม ยาวประมาณ 50 ซม.
3.3 สานเส้นนอนรอบชะลอมโดยวางกน้ ชะลอม บนชะลอม แมแ่ บบแลว้ เส้นตอกไผเ่ ส้นนอนซงึ่ วาว
ประมาณ 6 ม. สานวนเป็นรอบ ๆ จนถึงปากชะลอม

การนำไปใช้ประโยชน์
นำไปใช้ใสข่ องใช้ตา่ งๆ และยังเป็นการลดปริมาณขยะในชุมชน

การเก็บรกั ษา
ผลิตภัณฑ์จากไม้ไผ่อาจจะเสียหายได้จากแมลงพวกมอด ปลวกกัดแทะ หรือถ้างานไม้ตั้งอยู่ในที่

แดดส่งถึงหรือวางกลางแดดนานๆ ก็จะเสียหาย ซีด โก่งแตก ปริ ได้ง่าย เมื่อผ่านไปนานวัน วิธีดูแลรักษาก็
คอื นำมาเกบ็ หรอื ต้ังไว้ในที่แห้งหรือท่ีที่มีอากาศถา่ ยเทสะดวก หลีกเลยี่ งแสงแดดและ ไมค่ วรเก็บไว้ในท่ีที่มี
ความช้นื สูงเพราะจะทำใหข้ ้นึ ราได้ง่าย

ใบงานที่ 5
เรอื่ ง การทำชะลอมไมไ้ ผ่

1. จงอธบิ ายวธิ ขี ัน้ ตอนการสานชะลอมไม้ไผ่
............................................................................................................................. ............................................
....................................................................................... ..................................................................................
............................................................................................................................. ............................................
.................................................................................................................................. .......................................
............................................................................................ .............................................................................
............................................................................................................................. ............................................
....................................................................................................................................... ..................................
................................................................................................. ........................................................................
............................................................................................................................. ............................................
............................................................................................................................................ .............................
...................................................................................................... ...................................................................
............................................................................................................................. ............................................
................................................................................................................................................. ........................
........................................................................................................... ..............................................................
............................................................................................................................. ............................................
.........................................................................................................................................................................
................................................................................................................ .........................................................
............................................................................................................................. ............................................
........................................................................................................................................................... ..............
................................................................................................................... ......................................................

แบบทดสอบก่อนเรียน

หลักสตู รวิชาการจกั สานผลิตภณั ฑ์จากไม้ไผ่

จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุด

1. ขอ้ ใดไมใ่ ช่อุปกรณ์การสานกระติบข้าว 6. วสั ดทุ ี่ใชท้ ำบรรจุภัณฑ์มกี ี่ประเภท

ก. มีด ก. 2 ประเภท

ข. กรรไกร ข. 3 ประเภท

ค. เคร่ืองกร้อดา้ ย ค. 4 ประเภท

ง. ใบมะพร้าว ง. 5 ประเภท

2. กระติบขา้ วนยิ มทำจากอะไร 7. ไมไ้ ผ่ เป็นวัสดธุ รรมชาตปิ ระเภทใด
ก. ใบลาน ก. วัสดธุ รรมชาติทแ่ี ปรรปู
ข. ใบจาก ข. วสั ดธุ รรมชาติประเภทไม้
ค. ไม้ไผ่ ค. วัสดธุ รรมชาติประเภทเสน้ ใย
ง. ใบมะพร้าว ง. วสั ดธุ รรมชาตทิ ีแ่ ปรรูปเป็นแผน่ รูปทรงตา่ งๆ

3. เหตุใดจงึ นยิ มใช้กระติบข้าว 8. การนำไม้ไผ่มาทำเปน็ เสน้ เล็กๆ แลว้ สานขนึ้ รปู
ก. สะดวกในการพกพา เป็นชะลอมเส้นเลก็ ๆ เรยี กว่า
ข. อนุลักษณ์ของพน้ื บา้ น
ค. เปน็ เอกลักษณ์ของคนไทย ก. สาน
ง. ทำให้ขา้ วเหนียวท่บี รรจุไมเ่ หนยี วแฉะ ข. ตะกร้า
ค. ตอก
4. ขอ้ ใดไมส่ ามารถสานกระติบได้ ง. เส้นใยไม้ไผ่
ก. ใบจาก
ข. ไม้ไผ่ 9. ขอ้ ใดไมใ่ ชป่ ระโยชนข์ องการเลอื กใชว้ สั ดทุ ่ีมีใน
ค. ใบตาล ท้องถนิ่
ง. ผกั ตบชวา
ก. ราคาถกู
5. ขอ้ ใดให้ความหมายของการจักสานไดถ้ ูกต้อง ข. ประหยดั ค่าใช้จา่ ย
ทสี่ ุด ค. เพือ่ อนรุ ักษ์สิ่งแวดล้อม
ง. ลดปริมาณขยะและสลายได้ตามธรรมชาติ
ก. การสานดว้ ยวธิ ีการสอดขดั ดว้ ยเส้นทแยง
ข. การนำวสั ดมุ าทำให้เปน็ เสน้ เปน็ แฉก 10. ขอ้ ใดตอ่ ไปนี้เปน็ บรรจุภัณฑจ์ ากวัสดุธรรมชาติ
ค. เปน็ คำทเ่ี รียกขึน้ ตามวธิ กี ารทีท่ ำให้เกิดเครอื่ ง ก. บรรจภุ ณั ฑ์ใสขนมจากใบตอง
จักสาน ข. บรรจุภัณฑ์ใสข่ นมจากใบเตย
ง. เปน็ กระบวนการประกอบท่ีชว่ ยใหก้ ารทำ ค. บรรจภุ ณั ฑจ์ ากการนำไมไ้ ผม่ าจักสานเป็น
เครื่องจักสานสมบูรณ์
ตะกรา้ ชะลอม
ง. ถูกทกุ ข้อ

คณะกรรมการจดั ทำหลักสูตร

ท่ีปรึกษา

นายสรุ พล วงศ์หวัน ผ้อู ำนวยการ สำนักงานกศน. จังหวดั พะเยา

นางพรรณี ใหม่ประสิทธกิ ุล รองผอู้ ำนวยการ สำนักงานกศน. จงั หวดั พะเยา

นางอญั ชลี ธรรมะวิธกี ลุ ศกึ ษานิเทศก์เชีย่ วชาญ สำนักงาน กศน.

นายอดิสอน ขุย่ คำ ผู้อำนวยการ กศน.อำเภอเมอื งพะเยา

คณะกรรมการสถานศึกษา

คณะกรรมการบริหารหลกั สูตรและวชิ าการ

คณะทำงาน ครชู ำนาญการ
นางนาตยา นนทวงศ์ บรรณารักษช์ ำนาญการ
นางสาวเมธาพร ฝอยทอง ครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรยี น
นางสาวรินทรภ์ ศา ชัยวร ครอู าสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียน
นางกรชนก ตาปัญโญ ครอู าสาสมัครการศึกษานอกโรงเรยี น
นายวฒุ ภิ ัทร์ เผ่าฟู ครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียน
นายอำนวย ขยนั ขาย ครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรยี น
นางกฤตกรณ์ ธนะเพทย์ ครู กศน.ตำบลบา้ นต๋อม
นางวลิ าวลั ย์ เมืองสุวรรณ ครู กศน.ตำบลบ้านตำ๊
นางวนั วิสาข์ งามเมือง ครู กศน.ตำบลบา้ นใหม่
นายวชิรานุวัฒน์ พัฒใหม่ ครู กศน.ตำบลแมป่ ืม
นายรณชิต ใจหม่ัน ครู กศน.ตำบลท่าจำปี
นางสาวสายสมร ยานะ ครู กศน.ตำบลเวียง
นางสาวเนตรนภา ประเสรฐิ สังข์ ครู กศน.ตำบลท่าวงั ทอง
นายสพุ ล ลอื จันดา ครู กศน.ตำบลแม่ตำ๋
นางรัญญาภทั ร์ คนใจบุญ ครู กศน.ตำบลแม่กา
นายธนพตั ออ้ ยมลู ครู กศน.ตำบลแม่กา
นายณรงค์ศักด์ิ หอมนาน ครู กศน.ตำบลจำป่าหวาย
นายธเนศ ปณุ วิจิตร ครู กศน.ตำบลแม่ใส
นางสาวเบญญาภา ต่อมคำ ครู กศน.ตำบลแม่นาเรือ
นางธารินรดา ขันธร์ ัตน์ ครู กศน.ตำบลบ้านตนุ่
นางสาววมิ ลพรรณ จันทรข์ าว ครู กศน.ตำบลบา้ นสาง
นางบานเย็น กลมไล

นายญาณพฒั น์ ขตั ิยศ ครู กศน.ตำบลสนั ปา่ ม่วง
นายกฤษกร พรหมมา ครศู นู ยก์ ารเรยี นชมุ ชน
นายธนธสั ใจยนื ครศู นู ย์การเรยี นชุมชน
นายทศพล วงคล์ อดแก้ว ครูผ้สู อนคนพกิ าร
นางสาวกฤตยา ธรรมจินดาเมธ บรรณารักษ์อตั ราจา้ ง
นางสาวอัญชลี วรรณชัย เจา้ หนา้ ทีบ่ นั ทกึ ข้อมลู

ผรู้ ับผิดชอบ ครู กศน.ตำบลแม่นาเรือ
นางธารนิ รดา ขันธ์รตั น์ ครู กศน.ตำบลบ้านต๊ำ
นางวนั วสิ าข์ งามเมอื ง


Click to View FlipBook Version