The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

บทที่ 7 วิวัฒนาการ รวม

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by nanandcoo, 2022-03-14 23:48:13

บทที่ 7 วิวัฒนาการ รวม

บทที่ 7 วิวัฒนาการ รวม

บทที่ 7 ววิ ัฒนาการ

รายวชิ าชวี วิทยา 2
จัดทาโดย คณุ ครูวารณุ ี ไชยรงศรี

ตรวจสอบความร้กู อ่ นเรยี น

ความหมาย

วิวฒั นาการ (Evolution)
เป็นการเปล่ียนแปลงของสารพันธกุ รรมในส่ิงมชี วี ิต
ที่ทาให้มีลกั ษณะเปลีย่ นไปจากบรรพบรุ ุษ
ที่เกดิ ขนึ้ ตอ่ เน่ืองอย่างช้าๆ และสามารถ
ถ่ายทอดลักษณะนี้ไปยงั รนุ่ ตอ่ ไปได้

หลักฐานทางวิวัฒนาการ

1. ซากดกึ ดาบรรพ์
ซากดกึ ดาบรรพ์ (Fossil) หมายถงึ ซากหรอื ร่องรอย

ของสงิ่ มชี ีวิตท่ถี กู ทับถมอย่ใู นชน้ั หนิ เชน่ โครงกระดูกสัตว์
รอยเท้าสัตว์ รอยพมิ พใ์ บไม้ ต้นไมก้ ลายเปน็ หิน และซากแมลง
ในอาพนั เปน็ ต้น

ซากดึกดาบรรพ์เปน็ หลักฐานสาคัญทสี่ นบั สนนุ ว่าสิง่ มีชวี ติ
มีกระบวนการววิ ัฒนาการอยา่ งคอ่ ยเป็นคอ่ ยไป เช่น ไดโนเสาร์
แมงดาทะเล











Archaeopteryx



Living fossil ?

สิ่งมชี ีวติ คงสภาพดึกดาบรรพ์

Horsetails

Crinoids (Sea Lillies)

Horseshoe Crab

Coelacanth

Nautilus







2. กายวภิ าคเปรยี บเทยี บ

2. กายวิภาคเปรยี บเทยี บ (comparative anatomy)
สตั ว์หลายชนดิ มโี ครงสร้างของอวัยวะบางอยา่ งคล้ายคลึงกัน

เชน่ แขนคน ปกี นก ปีกค้างคาว และครีบปลาวาฬ ซง่ึ มีกระดกู เป็น
องคป์ ระกอบเหมอื นกัน แม้จะมหี น้าท่ีต่างกัน

อวัยวะเหล่านี้มีจดุ กาเนดิ มาจากแหล่งเดียวกนั เรียกวา่ เป็น
โครงสรา้ งกาเนดิ เดยี วกนั
(homologous structure)



แต่ปีกนก กับปีกแมลงถงึ แม้จะมหี นา้ ท่เี หมือนกนั แตม่ ี
โครงสรา้ ง และจดุ กาเนดิ มาจากแหล่งทต่ี า่ งกัน จะเรียกโครงสร้างน้ี
ว่า โครงสรา้ งกาเนิดตา่ งกัน (analogous structure)

3. วิทยาเอม็ บรโิ อ (embryology)

การศกึ ษาเปรียบเทยี บการเจรญิ ในระยะเอมบริโอของสง่ิ มีชวี ติ
พบว่าสามารถใช้เปน็ หลักฐานสนบั สนนุ การเกิดววิ ฒั นาการได้

ส่ิงมีชีวิตทม่ี ีการเจรญิ ในระยะเอมบริโอทค่ี ลา้ ยคลึงกัน
จะถอื วา่ มีบรรพบุรษุ รว่ มกนั



4. ชีววิทยาโมเลกลุ (molecular biology)

เปน็ หลกั ฐานทล่ี ะเอียดที่สดุ ในการระบุความสมั พันธข์ อง
สิ่งมชี วี ิต คอื เกี่ยวข้องกับสารพันธุกรรม

สงิ่ มีชีวิตท่มี ีกลไกลการสงั เคราะห์ DNA หรือ RNA และ
โปรตีนแบบเดียวกัน ย่อมบ่งบอกถึงความสมั พันธท์ ใี่ กล้ชดิ กัน

5. การแพร่กระจายของสงิ่ มีชวี ิตทางชวี ภูมิศาสตร์
(geological distribution)

ในแต่ละพ้นื ทขี่ องโลกมีการกระจายตัวของสิ่งมีชีวติ ที่
แตกตา่ งกนั

การแพรก่ ระจายของสง่ิ มีชวี ติ ในหมู่เกาะต่างๆ ทม่ี สี ภาพ-
แวดลอ้ มคลา้ ยคลึงกัน นา่ จะมสี ่งิ มีชีวติ ทีม่ ลี ักษณะคล้ายคลงึ กัน
แตใ่ นบางครั้งกลบั พบว่าสงิ่ มชี ีวิตในบางเกาะมลี ักษณะเหมือน
ส่งิ มชี ีวติ บนแผ่นดนิ มากกว่าเกาะที่อยู่ใกลเ้ คียง เชน่ การกระจาย
ของนกฟินซ์ ชนิดตา่ งๆ บนเกาะกาลาปากอส



7.2 แนวคดิ เก่ียวกบั วิวฒั นาการของส่งิ มีชวี ิต

1. แนวคิดของลามาร์ก
ชอง ลามาร์ก (Jean Lamarck)

เป็นนกั ชีววิทยาชาวฝรัง่ เศส เขาได้เสนอ
แนวคดิ เกยี่ วกับววิ ฒั นาการไวเ้ ปน็ กฎ 2 ข้อ
คือ กฎการใช้และไมใ่ ช้ และกฎการถา่ ยทอด
ลกั ษณะท่ีเกิดข้ึนใหม่

1.1 กฎการใช้และไม่ใช้ (Law of use and disuse)
กฎนี้มสี าระสาคัญคือ “ลกั ษณะหรือโครงสรา้ งของสง่ิ มีชวี ิต

ผันแปรตามสภาพแวดลอ้ ม โดยอวยั วะใดท่ใี ชอ้ ยเู่ สมอๆ บอ่ ยๆ ย่อม
ขยายใหญ่ เจรญิ เตบิ โตดี ส่วนอวัยวะใดทีไ่ ม่ไดใ้ ชจ้ ะค่อยๆ ลดขนาด
อ่อนแอลง และเสือ่ มสลายหายไปในทส่ี ุด”

1.2 กฎการถา่ ยทอดลกั ษณะท่ีเกดิ ข้ึนใหม่ (Law of inheritance
of acquired characteristics)
กลา่ วว่า “การเปลี่ยนแปลงโครงสรา้ งของสิ่งมีชีวติ ที่เกิดขึน้ ภายใน

ช่วั รุน่ น้ัน สามารถถา่ ยทอดไปยังรุ่นลูกได้”



2. แนวคดิ เกีย่ วกบั ววิ ฒั นาการของดาร์วนิ
ชาลส์ ดาร์วนิ (Charles Darwin)

เป็นนกั ธรรมชาติวทิ ยาชาวอังกฤษ ไดร้ ับ
การยกย่องว่าเปน็ บิดาของการศกึ ษา
ววิ ฒั นาการของสง่ิ มชี วี ติ เขาไดเ้ ดินทาง
ไปกบั เรอื ราชนาวอี ังกฤษ ชือ่ บีเกิล
ซ่ึงเดินทางสารวจบรเิ วณทวปี อเมริกาใต้
และหมู่เกาะในทะเลแปซิฟิก

ดาร์วนิ ไดร้ วบรวมและบนั ทึกข้อมลู เกย่ี วกับพชื สัตว์ และ
ซากดึกดาบรรพท์ พี่ บขณะเดินทาง

- ดารว์ นิ ศกึ ษาแนวคิดของชาลส์ ไลเอลล์ ทก่ี ล่าวว่า
“โลกเกิดมานานมีอายุ หลายพันล้านปี และมกี ารเปล่ียนแปลง
อย่างค่อยเป็นค่อยไป”
- ดารว์ นิ ศึกษาหนังสือของทอมัส มลั ทัส เกี่ยวกบั ปัจจยั จากดั ในการเพม่ิ
จานวนของประชากรมนษุ ย์ จึงเกิดแนวคดิ วา่ ปัจจยั ต่าง ๆ ในธรรมชาติ
ทาใหก้ ารเพิ่มของประชากรสิง่ มชี ีวิตอ่นื ๆ ถูกจากดั เชน่ กัน





- ดาร์วนิ ได้เสนอแนวคดิ เกี่ยวกับกลไกการเกิดวิวฒั นาการของสิง่ มชี วี ิต
“ส่ิงมชี วี ติ ในปจั จบุ นั เป็นลูกหลานทม่ี ลี กั ษณะแตกตา่ งจากสง่ิ มชี วี ติ
ในอดีต โดยมลี กั ษณะที่เหมาะสมเทา่ น้ันจะถกู คดั เลอื กใหค้ งอยู่ใน
สภาพแวดล้อมนั้น”
- การทสี่ ิ่งมชี วี ติ มลี กั ษณะทเ่ี หมาะสมกับสภาพแวดล้อมน้ีเปน็
การปรับตัวเชิงววิ ฒั นาการ (evolutionary adaptation) ซึง่ อาจ
นาไปสู่การเกิดสปีชีส์ใหมไ่ ด้ (speciation)
- เรยี กแนวคดิ นว้ี ่า การคดั เลอื กโดยธรรมชาติ (natural selection)





ขอ้ เท็จจรงิ ท่ี 1 ส่งิ มชี วี ติ ทุกชนิดมีความสามารถในการสบื พนั ธุแ์ ละใหก้ าเนดิ
ลกู หลานจานวนมาก

ข้อเท็จจรงิ ท่ี 2 จานวนสมาชิกของประชากรแตล่ ะสปีชสี ์ในแต่ละร่นุ
มกั มีจานวนคงที่

ข้อเทจ็ จริงท่ี 3 ปัจจัยทจี่ าเป็นตอ่ การดารงชีวติ ของสิ่งมชี วี ติ มปี รมิ าณจากดั

สงิ่ มชี วี ิตมกี ารต่อสู้ดนิ้ รนเพื่อการอยู่รอด และเพ่ือให้ได้
สงิ่ ทจ่ี าเป็นตอ่ การดารงชวี ติ ซงึ่ มจี านวนจากัด จึงมสี มาชิกเพียง
ส่วนหนง่ึ ที่อยู่รอดในแตล่ ะรนุ่

ข้อเท็จจรงิ ท่ี 4 สมาชกิ แตล่ ะตัวในประชากรมลี กั ษณะท่แี ตกต่างกนั นัน่ คือ
มคี วามแปรผนั (variation) ในทุกประชากร

ข้อเท็จจรงิ ที่ 5 ความแปรผนั ในประชากรเป็นลักษณะทถ่ี ่ายทอดไปยงั
รนุ่ ต่อไปโดยการสบื พนั ธุ์ได้

การอยรู่ อดของสมาชิกในส่ิงแวดล้อมไม่ได้เกดิ ขึน้
อย่างสมุ่ แต่เปน็ ผลมาจากลกั ษณะทางพนั ธุกรรมทแี่ ตกต่างกนั
ของสิ่งมีชีวติ สิ่งมชี ีวติ ท่ีมลี กั ษณะเหมาะสมกบั สภาพแวดลอ้ มจะ
ใหก้ าเนิดลูกหลานไดม้ ากกว่าสงิ่ มชี ีวิตทีม่ ีลกั ษณะไมเ่ หมาะสมกับ
สภาพแวดลอ้ ม

การทส่ี มาชิกแตล่ ะตัวในประชากรมศี ักยภาพใน
การอยรู่ อดและให้กาเนิดลกู หลานไม่เทา่ กนั ทาใหป้ ระชากร
เปล่ยี นแปลงไปทีละเล็กละนอ้ ย และมีลกั ษณะทเี่ หมาะสมกับ
สภาพแวดล้อมสะสมเพ่มิ ขึน้ ในแตล่ ะรนุ่



แนวคิดการคัดเลอื กโดยธรรมชาติของดารว์ นิ สอดคลอ้ งกับ
แนวคดิ ของอลั เฟรด รสั เซล วอลเลซ นกั ธรรมชาติวทิ ยาชาวอังกฤษ
และไดน้ าเสนอผลงานร่วมกันตอ่ สมาคมลินเนยี ส

ในปี พ.ศ.2402 ดาร์วนิ ได้จดั พมิ พ์
ผลงานของตนเองในหนงั สือ On the
Origin of Species by Means of
Natural Selection เป็นหนังสือท่มี ี
การลาดับความคิดเปน็ ขน้ั ตอน มเี หตุผล
มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ประกอบ
หลายอย่าง ทาให้หนงั สือเลม่ นี้ และ
การคดั เลือกโดยธรรมชาตไิ ดร้ บั การยอมรับ



7.3 พนั ธศุ าสตร์ประชากร

(Population Genetics)

ประชากร (population) หมายถึง ส่งิ มีชีวติ สปีชีส์เดยี วกนั
ทอ่ี าศยั อยใู่ นพน้ื ทีเ่ ดียวกันในชว่ งเวลาใดเวลาหนงึ่ และสามารถ
ผสมพนั ธุ์ระหวา่ งกนั ได้

พันธุศาสตรป์ ระชากร

เป็นวชิ าท่ีศึกษาเก่ียวกับ
- การเปลย่ี นแปลงของความถขี่ องยนี
- การเปล่ียนแปลงความถี่ของแอลลลี
- ปจั จัยทที่ าให้ความถแี่ อลลีลเกิดการเปลี่ยนแปลง

7.3.1 การหาความถี่ของแอลลีลในประชากร

ยนี พลู (gene pool) หมายถงึ ยนี ทง้ั หมดท่มี ีอยูใ่ นประชากร
ในช่วงเวลาหนึ่ง

- ประกอบดว้ ยแอลลีลท่คี วบคมุ ลกั ษณะต่าง ๆ ทุกลกั ษณะ
ของทุกยนี ในประชากรน้ัน


Click to View FlipBook Version