The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ccharoenkrung, 2021-06-27 03:31:38

วารสารโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์

ปีที่ 16 ฉบับที่ 1

 ปีท่ี 16 ฉบบั ที่ 1 มกราคม – มถิ นุ ายน 2563  43

คณำจำรยจ์ ำกคณะเภสชั ศำสตร์ มหำวิทยำลยั สยำม ที่ 5. Levy D, Kenchaiah S, Larson MG, Benjamin
ช่วยดูแลผปู้ ่ วยและร่วมกนั ทำวจิ ยั นศภ.กรณ์วริ ินทร์ EJ, Kupka MJ, Ho KK, et al. Long-term trends
ลุ่ยทุ่ง นศภ.ศศิกำนต์ เก้ือไข่ และ นศภ.อมร in the incidence of and survival with heart
ตติยะชัยมงคล นักศึกษำจำกคณะเภสัชศำสตร์ failure. New Engl J Med 2002; 347: 1397-402.
มหำวิทยำลัยสยำม ท่ีช่วยเก็บรวบรวมข้อมูลใน
กำรวจิ ยั สุดทำ้ ยขอขอบคุณผูป้ ่ วยในคลินิกทกุ ท่ำนที่ 6. Roger VL, Weston SA, Redfield MM,
ทำให้มีโอกำสพฒั นำงำนวิจัยเพื่อกำรดูแลผูป้ ่ วย Hellermann-Homan JP, Killian J, Yawn BP, et
ภำวะหวั ใจลม้ เหลว al. Trends in heart failure incidence and
survival in a community-based population.
เอกสารอ้างองิ JAMA. 2004; 292: 344-50.

1. Go AS, Mozaffarian D, Roger VL, Benjamin 7. สมำคมแพทยโ์ รคหัวใจแห่งประเทศไทยใน
EJ, Berry JD, Blaha MJ, et al. Executive พระบรมรำชูปถมั ภ.์ แนวทำงเวชปฏบิ ตั เิ พอ่ื กำร
summary: heart disease and stroke statistics- วินิจฉัยและกำรดูแลรักษำผู้ป่ วยภำวะหัวใจ
2014 update: a report from the American Heart ลม้ เหลว พ.ศ. 2557. กรุงเทพฯ: เอ-พลสั พร้ิน;
Association. Circulation. 2014; 129: 399-410. 2557.

2. สำนักนโยบำยและยุทธศำสตร์ สำนักงำน 8. Fonarow GC, Yancy CW, Hernandez AF,
ปลดั กระทรวงสำธำรณสุข. สถิติสำธำรณสุข Peterson ED, Spertus JA, Heidenreich PA, et
2558 ( Public health statistics A.D.2015) . al. Potential impact of optimal implementation
[อินเทอร์เน็ต]. 2559 [เขำ้ ถึงเมื่อ 30 มกรำคม of evidence-based heart failure therapies on
2560] . เ ข้ ำ ถึ ง ไ ด้ จ ำ ก : http://bps.moph. mortality. Am Heart J 2011; 161: 1024-30.
go.th/new_bps
9. Yancy CW, Jessup M, Bozkurt B, Butler J,
3. Jencks SF, Williams MV, Coleman EA. Casey DE Jr, Colvin MM, et al. 2017
Rehospitalizations among patients in the ACC/AHA/HFSA Focused update of the 2013
medicare fee-for-service program. New Engl ACCF/AHA guideline for the management of
J Med 2009; 360: 1418-28. heart failure. J Am Coll Cardiol 2017; 8:
776-803.
4. Barasa A, Schaufelberger M, Lappas G,
Swedberg K, Dellborg M, Rosengren A. Heart 10. Ponikowski P, Anker SD, Coats AJ, Falk V,
failure in young adults: 20- year trends in Jankowska EA , Jessup M, et al. ESC
hospitalization, aetiology, and case fatality in Guidelines for the diagnosis and treatment of
Sweden. Eur Heart J 2014; 35: 25-32. acute and chronic heart failure. Eur Hear J
2016; 37(27): 2129-200.

44  วารสารโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ 

11. สำนักงำนคณะกรรมกำรอำหำรและยำ. 16. Stork S, Hense HW, Zentgraf C, Uebelacker I,
โครงกำรโรงพยำบำลส่งเสริมกำรใชย้ ำอยำ่ งสม Jahns R, Ertlet G, et al. Pharmacotherapy
เหตุผล. [อินเทอร์เน็ต]. 2558 [เข้ำถึงเม่ือ according to treatment guidelines is associated
30 พ ฤ ษ ภ ำ ค ม 2560] . เ ข้ำ ถึ ง ไ ด้ จ ำ ก : with lower mortality in a community-based
http://drug.fda.moph.go.th sample of patients with chronic heart failure: a
prospective cohort study. Eur J Heart Fail 2008;
12. Smith WE. Role of a pharmacist in improving 10: 1236-45.
rational drug therapy as part of the patient care
team. Ann Pharmacother 2007; 2(41): 330-5. 17. Poelzl G, Altenberger J, Pacher R, Ebner CH,
Wieser M, Winter A, et al. Dose matters!
13. Dempsey JT, Matta LS, Carter DM, Stevens optimisation of guideline adherence is
CA, Stevenson LW, Desai AS, et al. associated with lower mortality in stable
Assessment of drug therapy-related issues in an patients with chronic heart failure. Int J Cardiol
outpatient heart failure population and the 2014 Jul 15; 175(1): 83-9.
potential impact of pharmacist-driven
intervention. J Pharm Pract 2016; 30( 3) : 18. Frankenstein L, Remppis A, Fluegel A, Doesch
318-23. A, Katus HA, Senges J, et al. The association
between long-term longitudinal trends in
14. Kanoksilp A, Hengrussamee K, Wuthiwaropas guideline adherence and mortality in relation to
P. A comparison of one- year outcome in adult age and sex. Eur J Heart Fail 2010; 12: 574-80.
patients with heart failure in two medical
setting: heart failure clinic and daily physician 19. ปิ ยลมั พร หะวำนนท,์ วสันต์ ปัญญำแสง. กำร
practice. J Med Assoc Thai 2009; 92( 4) : พจิ ำรณำขนำดตวั อยำ่ ง. ใน: พเิ ชฐ สมั ปทำนุกลุ ,
466-70. บรรณำธิกำร. หลกั กำรทำวจิ ยั สู่ควำมสำเร็จใน
กำรปฏิบตั ิ. กรุงเทพฯ: โฟคลั อิมเมจ พร้ินต้ิง
15. Komajda M, Lapuerta P, Hermans N, กรุป จำกดั ; 2554. หนำ้ 258-9.
Gonzalez-Juanatey JR, van Veldhuisen DJ,
Erdmann E, et al. Adherence to guidelines is a 20. Strand LM, Morley PC, Cipolle RJ, Ramsey R,
predictor of outcome in chronic heart failure: Lamsam G. Drug related problem: their
the MAHLER survey. Eur Heart J 2005; 26: structure and function. DICP Pharmacother
1653-9. 1990; 24: 1093-7.

 ปีที่ 16 ฉบบั ที่ 1 มกราคม – มถิ นุ ายน 2563  45

21. American Society of Health-System Pharmacists. 26. Hsu WT, Shen LJ, Lee CM. Drug-related
ASHP statement on pharmaceutical care. Am J problems vary with medication category and
Hosp Pharm 1993; 50: 1720-3. treatment duration inTaiwanese heart failure
outpatients receiving case management. J
22. Pharmaceutical Care Network Europe (PCNE). Formos Med Assoc 2016; 115(5): 335-42.
Classification for drug related problems V 8.01.
2017 [ internet]. 2017 [ cited 2017 June 30] . 27. Lowrie R, Mair FS, Greenlaw N, Forsyth
Available from: http://www.pcne.org/working- P,Jhund PS, McConnachie A, et al. Pharmacist
groups/2/drug-related-problem-classification intervention in primary care to improve
outcomes in patients with left ventricular
23. สิทธิลกั ษณ์ วงษ์วนั ทนีย์, สำอำงค์ เกียรติเจริญ systolic dysfunction. European Heart Journal
สิน, ปรำณี ดำวมณี , ชลลดำ จรัสพัฒนวงษ์, 2012; 33: 314-24.
ทกั ษิณำ กมั ติ. กำรดูแลแบบสหสำขำวิชำชีพใน
คลินิกโรคหัวใจล้มเหลวโรงพยำบำลระยอง. 28. Koshman SL, Charrois TL, Simpson SH,
วำรสำรศูนยก์ ำรศึกษำแพทยศำสตร์คลินิก McAlister FA, Tsuyuki RT. Pharmacist care of
โรงพยำบำลพระปกเกลำ้ 2553; 27(4): 222-33. patients with heart failure: asystematic review
of randomized trials. Arch Intern Med 2008;
24. Murray MD, Young J, Hoke S, Tu W, Weiner 168(7): 687-94.
M, Morrow D, et al. Pharmacist intervention to
improve medication adherence in heart failure.
Ann Intern Med 2007; 146: 714-25.

25. Davis EM, Packard KA, Jackevicius CA. The
pharmacist role in predicting and improving
medication adherence in heart failure patients.
J Manag Care Pharm 2014; 20(7): 741-55.

46  วารสารโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ 

บทความวจิ ยั
Research article

ความต้องการข้อมูลด้านยาของผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่ วยเอดส์ที่แผนก
ผ้ปู ่ วยนอก โรงพยาบาลหลวงพ่อทวศี ักด์ิ ชุตนิ ฺธโร อทุ ศิ

สุภาพร หอมดี ภ.ม.* ณฏั ฐิญา ค้าผล ภ.ด.**
* เภสัชกร กลุ่มงานเภสชั กรรม โรงพยาบาลหลวงพ่อทวีศกั ด์ิ ชุตินฺธโร อุทศิ สานกั การแพทย์ กรุงเทพมหานคร
** อาจารยท์ ี่ปรึกษางานวิจยั ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ศลิ ปากร

บทคดั ย่อ รับบทความ: 2 เมษายน 2563
ปรับแกบ้ ทความ: 31 พฤษภาคม 2563
ลงตีพิมพ:์ 16 มถิ ุนายน 2563

วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาความตอ้ งการขอ้ มูลดา้ นยาและความสัมพนั ธ์ของลกั ษณะพ้ืนฐานของกลุ่มผูป้ ่ วยกับ
ความตอ้ งการขอ้ มูลดา้ นยาของกลุ่มผูต้ ิดเช้ือเอชไอวีและผูป้ ่ วยเอดส์ ที่มารับบริการที่โรงพยาบาลหลวงพ่อ
ทวศี กั ด์ิ ชุตินฺธโร อุทิศ

วธิ ีดาเนินการวิจัย: เป็ นการวจิ ยั เชิงวเิ คราะห์ สมั ภาษณ์กลุ่มตวั อยา่ งตามแบบสมั ภาษณ์รายบุคคล โดยผวู้ ิจยั ใช้
การสุ่มแบบบงั เอิญ กลุ่มตวั อยา่ งจานวน 198 ราย ช่วงเดือน กนั ยายน - ธนั วาคม 2562 วิเคราะห์ผลโดยใชส้ ถิติ
เชิงพรรณนา ไดแ้ ก่ ร้อยละ และ สถิติเชิงอนุมาน ไดแ้ ก่ Pearson chi-square

ผลการวิจัย: กลุ่มตวั อยา่ งเป็นผชู้ ายมากกวา่ ผหู้ ญงิ โดยร้อยละ 81.82 มีอายอุ ยใู่ นช่วงวยั ทางาน 31 - 60 ปี รอ้ ยละ

42.93 มีการศึกษาสูงสุดระดบั ประถมศึกษา มีอาชีพท่ีสมั พนั ธ์กับระดบั การศึกษา ได้แก่ รับจา้ ง ร้อยละ 28.28

และไม่มีอาชีพ ร้อยละ 13.13 พบร้อยละ 34.34 มีระยะเวลาเป็ นโรค 6 - 10 ปี ความตอ้ งการขอ้ มูลดา้ นยาดา้ น

เน้ือหา พบว่า กลุ่มตวั อยา่ งตอ้ งการขอ้ มูลระดบั สูงมากที่สุด ดา้ นรูปแบบการใหข้ อ้ มูล ส่วนมาก พบว่า ร้อยละ
46.97 ตอ้ งการการใหข้ อ้ มูลโดยวาจาอยา่ งเดียว ร้อยละ 42.43 ตอ้ งการขอ้ มูลดา้ นยาทุกคร้งั ที่มาพบแพทย์ ร้อยละ
31.31 ตอ้ งการไดข้ อ้ มูลเมื่อเริ่มการรกั ษาหรือเมื่อมีการปรบั เปล่ียนยา ร้อยละ 48.99 ไม่จากดั เวลาในการใหข้ อ้ มูล
ส่วนช่องทางในการหาขอ้ มูลท่ีสะดวกทีส่ ุดไดจ้ าก พยาบาลผปู้ ระสานงานผปู้ ่ วยเอชไอวี อินเทอร์เน็ต/ส่ือสังคม

ออนไลน์ และเภสชั กรท่ีโรงพยาบาล ตามลาดบั เลือกเชื่อถือขอ้ มูลจากพยาบาลผปู้ ระสานงานผปู้ ่ วยเอชไอวีมาก

ที่สุด พบความสมั พนั ธท์ ม่ี ีนยั สาคญั ทางสถิติ (p<0.05) ของความตอ้ งการขอ้ มูลดา้ นยากบั เพศ อายแุ ละการศึกษา

สรุป: ความตอ้ งการดา้ นยาตามผลการศึกษาน้ี สะทอ้ นถึงช่องวา่ งการใหบ้ ริการดา้ นยาของโรงพยาบาล ตาม
ความเห็นของบคุ ลากรทางการแพทยก์ บั ความตอ้ งการของผูป้ ่ วย การปรับการให้บริการตามผลการศึกษาจะทา

ใหล้ ดช่องวา่ งดงั กล่าวได้

คาสาคญั : ความตอ้ งการขอ้ มูลดา้ นยา ยาตา้ นไวรสั เอชไอวี

 ปีท่ี 16 ฉบบั ที่ 1 มกราคม – มถิ นุ ายน 2563  47

บทความวิจยั
Research article

Drug information needs of HIV-infected and AIDs patients at
outpatient department of Venerable Thawisak Jutindharo Hospital

Supaporn Homdee M.Pharm.* Nattiya Kapol Ph.D**
* Pharmacist at Venerable Thawisak Jutindharo Hospital, BMA
** Advisor , Assistant Professor at Faculty of Pharmacy, Silpakorn University

Abstract Received: April 2,2020
Revised: May 31,2020
Accepted: June 16, 2020

Objective: To study drug information needs and relationship of patient demographic factors and drug
information needs of HIV-infected and AIDs patients at outpatient department of Venerable Thawisak
Jutindharo hospital.

Materials and Methods: This study was an analytical study. 198 patients were recruited by accidental
sampling. Data collection was individual interview according to the interview guideline by researcher during
September - December 2019. Data were analyzed by using descriptive statistics such as percentage and
inferential statistics such as pearson Chi-square.

Results: A group of samples was more male than female, 81.82% were working aged between 31 - 60 years,

42.93% were graduated highest at primary level, Careers were related to education, 28.28% were laborer
employed and 13.13% were unemployed. 34.34% had 6 - 10 years of disease. Regarding to drug information
needs: the most contents of drug information needs were high level data. In the aspect of pattern of service:
46.97% needed information only by verbal. 42.43% needed drug information every time they meet the doctor,
31.31% would like to get information at the beginning of the treatment or when medication was changed.
48.99% didn’t limit time to giving information. The most convenient ways to find information were HIV-
coordinator nurse, internet / social media and hospital pharmacist respectively. Patients most relied on data from
HIV-coordinator nurse. There were statistically significant relationship (p<0.05) between drug information
needs and gender, age and education.

Conclusions: Drug information needs as per the results of this study reflect the hospital service gap, as per the
advisory of healthcare team and patient needs. Adjusting the service according to this study will reduce the gap.

Key words: drug information needs, antiretroviral drug.

48  วารสารโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ 

บทนา เอชไอวี ในโรงพยาบาลชุมชนจงั หวดั สุรินทร์ พบว่า
พฤติกรรมดา้ นความรับผดิ ชอบต่อสุขภาพรวมของ
ผูต้ ิดเช้ือเอชไอวีและผูป้ ่ วยเอดส์เป็ นกลุ่มที่ ผปู้ ่ วยอยู่ในระดบั ดีมาก แต่เม่ือเกิดอาการขา้ งเคียง
ตอ้ งใชย้ าตลอดชีวิต ขอ้ มูลด้านยาจะช่วยเพิม่ ความ ร้อยละ 8.1 จะไม่เข้ารับการรักษา และร้อยละ 7.4
ร่วมมือในการใช้ยา ส่งผลให้การรักษาเป็ นไปตาม ไม่ทราบว่าเป็ นอาการข้างเคียง ซ่ึงเกิดจากผูป้ ่ วย
เป้าหมาย ในช่วง 2 - 3 ทศวรรษที่ผ่านมา มีการ ไม่เขา้ ใจเรื่องอาการขา้ งเคียงจากยาหรือไม่สามารถ
เปลี่ยนแปลงการให้ขอ้ มูลดา้ นสุขภาพจากการให้ เข้าถึงการรักษา และจากการศึกษาความตอ้ งการ
ขอ้ มูลโดยบคุ ลากรทางการแพทยไ์ ปเป็นการกระตุน้ ความรู้ของผู้ป่ วยโรคเร้ื อนในการใช้ยาทาของ
ให้ผูป้ ่ วยมีความตระหนักและคน้ หาขอ้ มูลสุขภาพ Martin SL, et al.9พบวา่ รอ้ ยละ 30 ของผปู้ ่ วยตอ้ งการ
ดว้ ยตวั เอง1,2 แตก่ ็ยงั มีผูป้ ่ วยไม่น้อยท่ีไม่ตอ้ งการหา รู้อาการขา้ งเคียงของยา ร้อยละ 16 ตอ้ งการรู้การใช้
ขอ้ มูลสุขภาพด้วยตวั เอง3 ปัจจัยท่ีมีผลต่อการหา ยาที่เหมาะสม และ ร้อยละ 11 ต้องการทราบ
ขอ้ มูลสุขภาพของตวั เอง แบ่งเป็ น 3 ด้าน4 ท่ีซ้อน ประสิทธิภาพของยา แสดงวา่ ผปู้ ่ วยตอ้ งการทราบถึง
ทบั กัน ไดแ้ ก่ 1) ปัจจยั ที่มีผลต่อความเขา้ ใจขอ้ มูล ความปลอดภยั ในการใชย้ ามากทสี่ ุด
2) ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม และ 3) ปัจจยั ลักษณะ
พ้นื ฐานของผปู้ ่ วย รูปแบบการให้ความรู้ด้านยา มี 3ลักษณะ10,12,13
1) การใหค้ วามรู้แก่ผปู้ ่ วยโดยวาจา 2) การใหค้ วามรู้
ความตอ้ งการข้อมูลด้านยาในการศึกษาน้ี ผา่ นเอกสารขอ้ ความต่าง ๆ และ 3) การใหค้ วามรูแ้ ก่
ไดแ้ ก่ 1) ลกั ษณะขอ้ มูลยา 2) รูปแบบการให้ขอ้ มูล ผปู้ ่ วยโดยวาจาร่วมกบั เอกสารขอ้ ความต่าง ๆ ขอ้ มูล
ดา้ นยา 3) การเขา้ ถึงขอ้ มูลยา และ 4) ความเชื่อถือ ดา้ นยามีความสาคญั สาหรับผปู้ ่ วย เอกสารจะทาให้
ขอ้ มูลยา ผูป้ ่ วยใช้ยาได้ถูกตอ้ งและพบอาการข้างเคียงได้
เร็ วข้ึน14,15 แต่บางคร้ังอาจทาให้ผู้ป่ วยไม่ยอม
ลกั ษณะของขอ้ มูลดา้ นยาแบ่งเป็ น 3 ระดบั 5,6 ใชย้ า16,17 ฉลากยาท่ีออกแบบสะดุดตา มีสีสัน มีการ
ได้แก่ 1) ข้อมูลพ้ืนฐาน เช่น ชื่อยา วิธีใช้ยาใน จดั วางขอ้ มูลท่ีเหมาะสม จะทาให้ผูป้ ่ วยสนใจและ
แตล่ ะวนั เป็ นตน้ 2) ขอ้ มูลระดบั กลาง ไดแ้ ก่ ขอ้ มูล อ่านขอ้ ความ ทาใหผ้ ปู้ ่ วยไดร้ ับขอ้ มูลทางยา18,19 จาก
พ้ืนฐานร่ วมกับการปฏิบัติตัวเม่ือมีปัญหา และ หลายการศึกษา20,21,22,23,24 พบวา่ รูปแบบการใหข้ อ้ มูล
3) ข้อมูลระดับสูง ได้แก่ ข้อมูลพ้ืนฐาน ข้อมูล ดา้ นยาที่เป็ นเอกสารร่วมกบั คาแนะนาของบุคลากร
ระดบั กลาง ร่วมกบั สาเหตุท่ีทาให้เกิดปัญหา เช่น ทางการแพทย์ ทาให้ผปู้ ่ วยมีความร่วมมือในการใช้
ขอ้ มูลการเกิดอาการขา้ งเคียง การเกิดอันตรกิริยา ย า เ พิ่ ม ม า ก ข้ ึ น เ ม่ื อ เ ที ย บ กั บ ก า ร ใ ห้ ค ว า ม รู้ ผ่ า น
ของยา เป็ นตน้ จากการศกึ ษาของ เพลินตา ศิริปการ7 คาแนะนาอย่างเดียวในกลุ่มผู้ป่ วยที่ใช้ยาเป็ น
พบว่า การให้ข้อมูลด้านยาเป็ นส่วนหน่ึงของการ ระยะเวลาส้ัน เช่น การใช้ยาตา้ นจุลชีพ เป็ นตน้ แต่
จดั บริการเพ่ือเสริมสร้างให้ผูป้ ่ วยเอดส์ดูแลตวั เอง สาหรับผปู้ ่ วยที่เป็ นโรคเร้ือรังตอ้ งใชย้ าเป็ นเวลานาน
การศึกษาของวรรณชาติ ตาเลิศและสุวรรณา ไม่สามา รถ เปลี่ ยน พฤติกรรมเพ่ิม ควา มร่ วมมื อใน
บุญลีพรรณ8 ท่ีศึกษาพฤติกรรมสุขภาพผูต้ ิดเช้ือ
เอชไอวี/เอดส์ วยั แรงงานที่ได้รับยาต้านไวรัส

 ปีท่ี 16 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม – มถิ นุ ายน 2563  49

การใชย้ าได้ เนื่องจากการเปล่ียนพฤติกรรมมีปัจจยั Or CK, Karsh BT 31 ได้ศึกษาตัวแปรท่ีมีผลต่อการ
อ่ืน ๆทส่ี ่งผลกระทบอีกมากมาย ในขณะท่ีการศึกษา ยอมรับเทคโนโลยีข่าวสารด้านสุ ขภาพ พบว่า
ของ Beardsley RS, et al.25 พบวา่ การใหค้ วามรู้แบบ ตวั แปรท่ีมีผล ไดแ้ ก่ ปัจจยั ของผปู้ ่ วยเอง ปัจจยั ดา้ น
ส่วนตวั ลกั ษณะการสื่อสาร 2 ทาง ทาใหส้ ามารถให้ สุขภาพและการรักษา และความสามารถในการ
ขอ้ มูลระดบั สูงได้ ผปู้ ่ วยมีความเขา้ ใจ และจะทาให้ เขา้ ถึงเทคโนโลยี
เกิดการเปลี่ยนพฤติกรรม เพมิ่ ความร่วมมือในการใช้
ยาแบบยงั่ ยนื ได้ จ า ก ก า ร สื บ ค้น ข้อ มู ล ใ น www.scholar.
google.com พบการศึกษาที่ทาในกลุ่มผู้ติดเช้ื อ
ในช่วงก่อน ค.ศ.1900 ผปู้ ่ วยเขา้ ถึงขอ้ มูลดา้ น เอชไอวีและผปู้ ่ วยเอดส์ในประเทศไทยต้งั แต่ปี พ.ศ
ยาจากบคุ ลากรทางการแพทย์ และศึกษาเพ่มิ เตมิ จาก 2557 - ปัจจุบัน มากกว่า 100 การศึกษา มีหลาย
การพูดคุยกับเพ่ือน บุคคลท่ีน่าเช่ือถือ หนังสือ การศึกษา32,33,34,35 ท่ีพบว่า การให้ขอ้ มูลทางยาโดย
สุขภาพ เป็ นต้น แต่ในปัจจุบันมีการพฒั นาของ บุคลากรทางการแพทย์ จะช่วยให้ความร่วมมือใน
เทคโนโลยีการสื่อสารอย่างรวดเร็ว ทาให้ความรู้ การใช้ยาของผูป้ ่ วยเพ่ิมข้ึน แต่ไม่พบการศึกษาถึง
ทางการแพทยค์ น้ หาไดจ้ ากสังคมการสื่อสาร เช่น ความตอ้ งการขอ้ มูลดา้ นยาของผปู้ ่ วยกลุ่มน้ี ไม่วา่ จะ
อินเทอร์เน็ต ส่ือสงั คมออนไลน์ หรือการโฆษณาท่ี เป็ นดา้ นลักษณะของขอ้ มูล รูปแบบการให้ขอ้ มูล
มุ่งสู่ผบู้ ริโภคโดยตรง (direct-to-consumer advertising) การเขา้ ถึงขอ้ มูล หรือการเลือกเชื่อถือในขอ้ มูล
เป็ นตน้ ผูป้ ่ วยมีช่องทางในการเขา้ ถึงขอ้ มูลดา้ นยา
เพ่ิมข้ึน26,27,28 บริษทั ยาได้มีการส่งขอ้ มูลทางยาถึง ในโรงพยาบาลหลวงพ่อทวีศกั ด์ิ ชุตินฺธโร อุทิศ
ผูบ้ ริโภคโดยตรงผ่านโฆษณาทางช่องโทรทัศน์ มีการใหข้ อ้ มูลดา้ นยาแก่ผูต้ ิดเช้ือเอชไอวีและผูป้ ่ วย
หนงั สือพมิ พ์ นิตยสาร เวบ็ ไซต์ หรือส่ือสังคมต่าง ๆ เอดสโ์ ดยแพทย์ เภสชั กร และพยาบาล มีผรู้ บั ผดิ ชอบ
อยา่ งแพร่หลายและเพิ่มข้ึนอยา่ งรวดเร็ว ในประเทศ หลกั คือ เภสชั กร การออกแบบการให้ขอ้ มูลดา้ นยา
สหรัฐอเมริกาในปี ค.ศ. 2011 ใชง้ บประมาณในการ มาจากการนาองคค์ วามรู้ท่ไี ดท้ บทวนวรรณกรรมมา
ส่งข้อมูลทางยาถึงผูบ้ ริโภคโดยตรงถึง 4 พนั ล้าน ปรับโดยทีมบุคลากรทางการแพทยใ์ หเ้ หมาะสมกบั
ดอลลาร์สหรัฐ ซ่ึ งมากกว่างบประมาณขอ ง ผูป้ ่ วย แต่ไม่เคยมีการศึกษาว่าผปู้ ่ วยตอ้ งการขอ้ มูล
สานักงานอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาที่ใชใ้ น ลกั ษณะใด รูปแบบไหน เขา้ ถึงขอ้ มูลหรือไม่ และ
การประเมินและติดตามยาใหม่ถึง 10 เท่า29 การศึกษา เลือกท่ีจะเช่ือขอ้ มูลจากใครมากท่ีสุด ผูว้ ิจยั จึงได้
ของ Tyrawski J, De Andrea DC 30 ได้วิเคราะห์การ ทาการศึกษาน้ีเพื่อศึกษาว่า ผู้ป่ วยกลุ่มน้ีมีความ
ส่ ง ข้อ มู ล ข อ ง ย า ผ่า น Twitter, Facebook แ ล ะ ตอ้ งการขอ้ มูลดา้ นยาอยา่ งไร และลักษณะพ้ืนฐาน
YouTube สู่ผูบ้ ริโภค พบว่า บริษทั ยาหลีกเล่ียงการ ของกลุ่มผูป้ ่ วยมีผลต่อความตอ้ งการขอ้ มูลด้านยา
กล่าวถึงผลทางลบของยา มีประชาชนเขา้ มาอ่านและ หรือไม่ แล้วนาผลการศึกษาไปปรับปรุงการให้
แสดงความคิดเห็น เกิดการส่งตอ่ ขอ้ มูลยาท้งั ทางตรง ขอ้ มูลดา้ นยาในโรงพยาบาลใหต้ รงกบั ความตอ้ งการ
และทางออ้ ม และมีโอกาสไดร้ บั ขอ้ มูลยาที่ผดิ พลาด ของผปู้ ่ วยในแตล่ ะกลุ่ม เพอื่ ใหก้ ารใหข้ อ้ มูลดา้ นยามี
ประสิทธิภาพมากทีส่ ุด

50  วารสารโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ 

ในการศึกษาคร้ังน้ี ผวู้ จิ ยั เลือกลกั ษณะพน้ื ฐาน วตั ถปุ ระสงค์
ของกลุ่มผูป้ ่ วยบางปัจจัยมาศึกษาความสัมพันธ์
ไดแ้ ก่ เพศ อายุ การศกึ ษา อาชีพ และระยะเวลาทีเ่ ป็ น 1. เพื่อศึกษาความตอ้ งการขอ้ มูลดา้ นยาของ
โรค ที่จะส่งผลต่อความตอ้ งการขอ้ มูลดา้ นยาในมิติ
กลุ่มผตู้ ดิ เช้ือเอชไอวแี ละผปู้ ่ วยเอดส์ทีม่ ารับบริการท่ี
ของลกั ษณะขอ้ มูลยา รูปแบบของการใหข้ อ้ มูลดา้ น โรงพยาบาลหลวงพอ่ ทวศี กั ด์ิ ชุตนิ ฺธโร อุทิศ
ยา ช่องทางการเข้าถึงข้อมูลยา และความเชื่อถือ
ข้อมูลยาที่ได้รับจากแหล่งต่าง ๆ เนื่องจากปัจจัย 2. เพอื่ หาความสัมพนั ธข์ องลกั ษณะพ้ืนฐาน
ขา้ งตน้ มีการศึกษาว่า มีผลต่อความตอ้ งการขอ้ มูล ของกลุ่มผู้ป่ วยกับความต้องการข้อมูลด้านยา
ยา31 ส่วนปั จจัยของลักษณะพ้ืนฐานอ่ืน ๆ หรื อ
ปัจจัยที่มีผลต่อความเข้าใจขอ้ มูลและปัจจัยด้าน ของกลุ่มผู้ติดเช้ือเอชไอวีและผูป้ ่ วยเอดส์ที่มารับ
ส่ิงแวดลอ้ มไม่ไดน้ ามาศึกษาในการศกึ ษาคร้ังน้ี บริการทโี่ รงพยาบาลหลวงพอ่ ทวศี กั ด์ิ ชุตินฺธโร อุทิศ

กรอบแนวคดิ การวจิ ัย

ลกั ษณะพื้นฐานของกล่มุ ผู้ป่ วย ปัจจยั ดา้ นความ ความต้องการข้อมลู ด้านยา

- อายุ เขา้ ใจขอ้ มูล - ลกั ษณะของขอ้ มูล
- เพศ - รูปแบบการใหข้ อ้ มูล
- การศกึ ษา ปัจจยั ดา้ น - ช่องทางการเขา้ ถึงขอ้ มลู
- อาชีพ สิ่งแวดลอ้ ม - ความเช่ือถือขอ้ มูล
- ระยะเวลาทเ่ี ป็นโรค

วธิ ีการดาเนนิ การวจิ ยั 198 ราย สุ่มแบบบงั เอิญเลือกผูป้ ่ วยทุกคนท่ีมาพบ
แพทยใ์ นช่วงเก็บขอ้ มูล เรียงลาดบั จนครบตามขนาด
เป็นการวจิ ยั เชิงวเิ คราะห์ (analytical study) ตวั อยา่ ง
กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้ติดเช้ือเอชไอวีและ
ผูป้ ่ วยเอดส์ที่มารับบริการในคลินิกสุขภาพพิเศษ เคร่ืองมือ ใช้แบบสัมภาษณ์ที่ผ่านความ
แผนกผู้ป่ วยนอกโรงพยาบาลหลวงพ่อทวีศักด์ิ คิ ด เ ห็ น ด้ า น เ น้ื อ ห า แ ล ะ ภ า ษ า ใ ห้ ต ร ง ต า ม
ชุตินฺธโร อุทิศ ที่มีอายมุ ากกว่า 18 ปี สมคั รใจร่วม วตั ถุประสงคก์ ารวิจยั จากผูเ้ ชี่ยวชาญ 3 ท่าน ได้แก่
โครงการวิจยั สามารถให้ขอ้ มูลไดด้ ว้ ยตวั เอง อ่าน ผูเ้ ชี่ยวชาญด้านการทาวิจัย พยาบาลประจาคลินิก
ฟัง และพูดภาษาไทยได้ ไม่มีความบกพร่องทางการ สุขภาพพิเศษ และเภสัชกรประจาคลินิกสุขภาพ
รับรู้หรือการสื่อสาร และไม่มีโรคร่วมทางจิตเวชที่มี พิเศษของโรงพยาบาลอื่น ค่า COI เท่ากบั 0.94 แล้ว
ปัญหาด้านการส่ือสาร และคดั ออกผูท้ ี่ตอ้ งการยุติ นาแบบสัมภาษณ์ไปทดลองเก็บตวั อย่างในผปู้ ่ วยที่
การสัมภาษณ์ไม่เต็มใจให้ขอ้ มูลจนจบ ขนาดกลุ่ม ใกลเ้ คียงกบั กลุ่มตวั อยา่ ง 30 คน เพื่อปรับปรุงแกไ้ ข
ตวั อย่าง คานวณโดยใช้สูตรของ Yamane T36 ท่ีมี แบบสัมภาษณ์ให้ผู้ป่ วยสามารถเข้าใจและตอบ
ค่าความคลาดเคล่ือนท่ียอมรับได้ เท่ากับ 0.05 ได้ คาถามไดต้ รงกบั ความตอ้ งการของผวู้ จิ ยั

 ปีที่ 16 ฉบบั ที่ 1 มกราคม – มถิ นุ ายน 2563  51

การเชิญชวนอาสาสมัคร ทาโดยพยาบาลของ การวิเคราะห์ข้อมูล ใช้โปรแกรมวิเคราะห์
โรงพยาบาลหลวงพอ่ ทวศี กั ด์ิฯ ที่ไม่ไดม้ ีบทบาทใน ขอ้ มูลทางสถิติสาเร็จรูป สถิติพรรณนา ใชร้ ้อยละ เพอื่
บรรยายลกั ษณะของกลุ่มตวั อย่างและความตอ้ งการ
คลินิกสุขภาพพิเศษ เพ่ือให้ผู้ป่ วยมีอิสระในการ ขอ้ มูลด้านยา และสถิติเชิงอนุมาน ใช้ Pearson chi-
ตดั สินใจเขา้ ร่วมงานวจิ ยั ทาการเชิญชวนผปู้ ่ วยที่ตรง square เพอ่ื หาความสมั พนั ธ์ของปัจจยั พ้ืนฐานของกลุ่ม
ตามเกณฑก์ ารคดั เขา้ ทุกคนทีม่ าพบแพทยใ์ นช่วงเก็บ ผปู้ ่ วยกบั ความตอ้ งการขอ้ มูลดา้ นยา
ขอ้ มูล เรียงลาดบั จนครบตามขนาดตวั อยา่ ง
ผลการวจิ ยั
การเก็บข้อมูล ทาโดยผูว้ ิจยั ที่ไม่ไดแ้ สดงตวั
เป็นเภสัชกรและไม่ไดท้ างานในคลินิกสุขภาพพเิ ศษ จากการสัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่างจานวน 198
สัมภาษณ์คร้ังละ 1 คน ในสถานที่เป็ นสัดส่วน ราย ในช่วงเดือนกนั ยายน - ธนั วาคม 2562 ได้ผล
สัมภาษณ์ผปู้ ่ วยตามแบบสมั ภาษณ์ ที่คลินิกสุขภาพ ดงั น้ี
พเิ ศษ โรงพยาบาลหลวงพอ่ ทวศี กั ด์ิฯ
1. ลกั ษณะพื้นฐาน

ตารางท่ี 1 ขอ้ มูลลกั ษณะพน้ื ฐานของกลุ่มตวั อยา่ ง จานวน ร้อยละ

เพศ - ชาย 123 62.12
- หญิง 75 37.88
24 12.12
อายุ - ต่ากวา่ หรือเท่ากบั 30 ปี 162 81.82
- 31 - 60 ปี 12 6.06
- มากกว่า 60 ปี 85 42.93

การศึกษาสูงสุด - ประถมศึกษา 50 25.25
- มธั ยมศึกษาตน้ หรือ ปวช.
- มธั ยมศกึ ษาปลายหรือ ปวส. 34 17.17
- ปริญญาตรี หรือสูงกว่า
29 14.65
อาชีพ - แมบ่ า้ น/พอ่ บา้ น / นกั เรียน
- คา้ ขาย 8 4.04
- รับราชการ/พนกั งานรัฐวิสาหกิจ 35 17.68
- พนกั งานบริษทั เอกชน 7 3.54
- รับจา้ ง 33 16.67
- ธุรกิจ/ทางานส่วนตวั 56 28.28
- ไมม่ ีอาชีพ 33 16.66
26 13.13
ระยะเวลาทเี่ ป็ นโรค - นอ้ ยกว่าหรือเทา่ กบั 1 ปี 26 13.13
- 2 - 5 ปี 56 28.28
- 6 - 10 ปี 68 34.34
- มากกวา่ 10 ปี 48 24.25

52  วารสารโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ 

กลุ่มตวั อยา่ งเป็นเพศชายมากกวา่ เพศหญงิ ใน ระยะเวลาเป็ นโรคนอ้ ยกวา่ 5 ปี มีถึงร้อยละ 41.41
ซ่ึงเป็ นช่วงท่ีมีนโยบายใหย้ าตา้ นไวรัสเอชไอวีเร็ว
กลุ่มเพศชายมีพฤติกรรมทางเพศเป็ นชายรักชาย ท่ีสุดในทุกระดบั CD4 ทาใหม้ ีผูป้ ่ วยเขา้ สู่การรักษา
ร้อยละ 42.18 ส่วนมากมีอายุอยู่ในช่วงวัยทางาน เร็วข้นึ และเพม่ิ ข้ึน

31 - 60 ปี การศึกษาสูงสุดระดับประถมศึกษา มี 2. ความต้องการข้อมูลด้านยาต้านไวรัสเอชไอวี
อาชีพท่ีสัมพนั ธ์กับระดบั การศึกษา ได้แก่ รับจ้าง
เป็ นความต้องการข้อมูลด้านยาของผูป้ ่ วย
ร้อยละ 28.28 แล ะไม่ มีอา ชี พ ร้อ ยละ 13.13 ณ เวลาปัจจุบนั ที่เกบ็ ขอ้ มูล
ดารงชีวิตโดยเงินสนับสนุนจากภาครัฐ ซ่ึงไม่
เพียงพอต่อการดารงชีวิต ระยะเวลาท่ีเป็ นโรคมาก 2.1 ลกั ษณะของขอ้ มูลยาตา้ นไวรัสเอชไอวี
ท่สี ุดอยใู่ นช่วง 6 - 10 ปี และพบวา่ กลุ่มตวั อยา่ งที่มี

ตารางท่ี 2 ความตอ้ งการขอ้ มูลดา้ นยาของกลุ่มตวั อยา่ งในดา้ นลกั ษณะของขอ้ มูลยาตา้ นไวรสั เอชไอวี

ลกั ษณะของข้อมลู ยาต้านไวรัสเอชไอวี ต้องการ ไม่ต้องการ

จานวน ร้อยละ จานวน ร้อยละ

ข้อมูลพื้นฐาน

ขอ้ มลู ดา้ นลกั ษณะ รูปร่าง และรูปแบบของยา 65 32.83 133 67.17

ขอ้ มลู ดา้ นวิธีใชย้ า 61 30.81 137 69.19

ข้อมลู ระดบั กลาง

ขอ้ มูลดา้ นวิธีปฏิบตั ิตวั เม่ือไม่ไดใ้ ชย้ าตา้ นไวรัสเอชไอวตี ามท่แี พทยส์ ัง่ 123 62.12 75 37.88

ข้อมูลระดบั สูง

ขอ้ มูลผลของอาหารทีม่ ตี ่อยาตา้ นไวรัสเอชไอวที ไ่ี ดร้ ับอยู่ 168 84.85 30 15.15

ขอ้ มูลอาการขา้ งเคียงของยา การแพย้ า ของยาตา้ นไวรัสเอชไอวที ไ่ี ดร้ ับอยู่ 149 75.25 49 24.75

ขอ้ มลู ผลของยาอื่นทีม่ ตี ่อยาตา้ นไวรัสเอชไอวที ไ่ี ดร้ ับอยู่ 167 84.34 31 15.66

ข้อมลู ด้านยาต้านไวรัสเอชไอวอี ื่น ๆ 49 24.75 149 75.25

กลุ่มตวั อย่างมีความตอ้ งการลักษณะของ เป็ นเพราะกลุ่มตวั อย่างร้อยละ 42.93 มีการศึกษา

ขอ้ มูลยาตา้ นไวรัสเอชไอวี เรียงตามลาดับมากไป สูงสุดในระดับประถมศึกษา ไม่ทราบว่าจะมี
น้อยไดแ้ ก่ ขอ้ มูลระดับสูง ขอ้ มูลระดบั กลาง และ ขอ้ มูลใหม่ ๆ ในเร่ืองใด 164 ราย (82.82%) คิดว่า
ขอ้ มูลพ้นื ฐาน ซ่ึงมีสาเหตุจากกลุ่มตวั อยา่ งส่วนมาก
มีระยะเวลาท่ีเป็ นโรคมากกวา่ 1 ปี มีความเขา้ ใจใน โรงพยาบาลได้ให้ข้อมูลที่เพียงพอแล้ว 17 ราย
(8.59%) คิดว่ายงั ไม่เพียงพอ และ 17 ราย (8.59%)
ขอ้ มูลพ้ืนฐานแลว้ ส่วนของขอ้ มูลอื่น ๆ ท่ีตอ้ งการ
เป็ นขอ้ มูลท่ีใหม่ที่มีการเปล่ียนแปลง เช่น ยาตวั ใหม่ ไม่แน่ใจ ในกลุ่มท่ีตอบว่าไดร้ ับขอ้ มูลเพียงพอแล้ว
แนวทางการรักษาใหม่ และการมีโอกาสหายจากโรค เม่ือถามระบุ ยกตวั อย่างถึงลกั ษณะขอ้ มูลประเภท
เป็ นตน้ มีผูป้ ่ วยถึงร้อยละ 75 ที่ไม่ตอ้ งการรู้ อาจจะ ตา่ ง ๆ ก็พบวา่ ยงั มีความตอ้ งการขอ้ มูลเพมิ่ เติม

2.2 รูปแบบการใหข้ อ้ มูล

 ปีท่ี 16 ฉบบั ที่ 1 มกราคม – มถิ นุ ายน 2563  53

ตารางท่ี 3 ความตอ้ งการขอ้ มูลดา้ นยาของกลุ่มตวั อยา่ งในดา้ นรูปแบบการใหข้ อ้ มูล

จานวน ร้อยละ

ลกั ษณะการให้ข้อมูล

ใหข้ อ้ มลู โดยวาจา 93 46.97

ใหข้ อ้ มูลโดยใชเ้ อกสารขอ้ มูลยา 34 17.17

ให้ขอ้ มูลโดยวาจาร่วมกบั เอกสารขอ้ มูลยา 71 35.86

ความถ่ีในการให้ข้อมูลยา

เฉพาะคร้ังแรกของการรักษา/เมื่อมีการเปลย่ี นแปลงยา 62 31.31

ทุกคร้ังท่ีมาพบแพทยจ์ นเขา้ ใจดีแลว้ 52 26.26

ทกุ คร้ังที่มาพบแพทยต์ ลอดการรักษา 84 42.43

ระยะเวลาท่เี หมาะสมในการให้ข้อมูล

ไม่เกิน 15 นาที 85 42.93

มากกว่า 15 นาที 16 8.08

ไมจ่ ากดั เวลา ควรให้ขอ้ มลู จนกว่าผปู้ ่ วยเขา้ ใจ 97 48.99

กลุ่มตวั อย่างท่ีตอ้ งการ การให้ข้อมูลโดย โดยใชเ้ อกสารเพียงอยา่ งเดียว เนื่องจากใชเ้ วลาน้อย
การพูดคุย ใหเ้ หตุผลว่า เขา้ ใจง่าย ซักถามได้ ส่วน สามารถทาความเขา้ ใจได้ด้วยตวั เอง ส่วนมากไม่
กลุ่มท่ีตอ้ งการเอกสาร ตอ้ งการเอกสารที่เขา้ ใจง่าย จากดั ในการให้ขอ้ มูลในแตล่ ะคร้งั แต่เมื่อถามลึกลง
ประกอบการใหข้ อ้ มูลเพือ่ กนั ลืมหรือสามารถนาไป ไปให้ความเห็นว่า ไม่ควรจากดั เวลา ข้ึนกบั เน้ือหา
อ่านทบ่ี า้ นได้ แต่ก็มีผปู้ ่ วยทีก่ งั วลเร่ืองการเปิ ดเผยต่อ แต่ควรจะส้นั ๆ
ผูอ้ ่ืน มีเพียงร้อยละ 17.17 ที่ตอ้ งการการให้ขอ้ มูล
2.3 ช่องทางการเขา้ ถึงขอ้ มูล

ตารางท่ี 4 ช่องทางการเขา้ ถึงขอ้ มูลของกลุ่มตวั อยา่ ง อนั ดบั 1 อนั ดบั 2 อนั ดับ 3 คะแนน
รวม
ช่องทางการเข้าถึงข้อมูล ราย ราย ราย
121
ฉลากยา (ร้อยละ) (ร้อยละ) (ร้อยละ) 102
เอกสารที่ไดร้ ับจากโรงพยาบาล 22 (11.11) 15 (7.58) 25 (12.63) 148
อินเทอร์เน็ต/สื่อสงั คมออนไลน์ 15 (7.58) 15 (7.58) 27 (13.64) 437
พยาบาลผปู้ ระสานงานผปู้ ่ วยเอชไอวี 26 (13.13) 23 (11.62) 24 (12.12) 201
เภสชั กรทีโ่ รงพยาบาล 104 (52.52) 56 (28.28) 13 (6.57) 55
เพอื่ นในกลุ่ม บคุ คลใกลช้ ิด หรือบคุ ลากรทางการแพทยอ์ ่ืน ๆ 22 (11.11) 56 (28.28) 23 (11.62)
6 (3.03) 13 (6.57) 11(5.56)

54  วารสารโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ 

ร้อยละ 58.59 ไม่เคยคน้ หาขอ้ มูลยาดว้ ยตวั เอง สะดวกมากไปน้อย มีกลุ่มตัวอย่าง 123 ราย
ไดร้ ับขอ้ มูลยาจากบุคลากรทางการแพทยใ์ นระบบ (62.12%) ตอบครบ 3 ลาดับ กลุ่มตัวอย่าง 55 ราย
การรักษาพยาบาล คน้ หาขอ้ มูลยาดว้ ยตวั เอง ร้อยละ (27.78%) ตอบ 2 ลาดับ และ กลุ่มตวั อย่าง 17 ราย
41.41 โดยร้อยละ 20.20 หาข้อมูลยาเป็ นประจา (8.59%) ตอบเพียงลาดับเดียว และมีผูป้ ่ วย 3 ราย
สม่าเสมอ ส่วนอีกร้อยละ 21.21 หาขอ้ มูลยาเม่ือมี (1.51%) ท่ีไม่เลือกช่องทางการหาขอ้ มูลใด ๆ แต่รอ
โอกาสหรือเมื่อมีปัญหา ซ่ึงหาขอ้ มูลอย่างมากใน ขอ้ มูลจากบุคลากรทางการแพทยเ์ มื่อมาพบแพทย์
ช่วงแรกที่เริ่มเป็ นโรค แต่เม่ือเขา้ สู่การรักษา อาการ เท่าน้ัน ช่องทางที่กลุ่มตวั อย่างสะดวกในการหา
ของโรคคงท่ี ก็จะลดการหาขอ้ มูลยาดว้ ยตวั เอง แลว้ ขอ้ มูลมากที่สุด คือ พยาบาลผูป้ ระสานงานผูป้ ่ วย
รับขอ้ มูลจากบุคลากรทางการแพทยใ์ นระบบการ เอชไอวี อินเทอร์เน็ต/ส่ือสังคมออนไลน์ และ
รกั ษาเพมิ่ ข้นึ เภสชั กรทโ่ี รงพยาบาล ตามลาดบั

เม่ือตอ้ งการขอ้ มูลดา้ นยา ช่องทางการเขา้ ถึง 2.4 ความเช่ือถือขอ้ มูล
ข้อมูลโดยให้เลือกมา 3 ช่องทาง เรียงลาดับจาก

ตารางท่ี 5 ความเช่ือถือขอ้ มูลของกลุ่มตวั อยา่ ง อนั ดับ 1 อนั ดบั 2 อนั ดบั 3 คะแนน
รวม
ความเชื่อถือข้อมลู ราย ราย ราย
114
ฉลากยา (ร้อยละ) (ร้อยละ) (ร้อยละ) 97
เอกสารท่ีไดร้ ับจากโรงพยาบาล 13 (6.57) 26 (13.13) 23 (11.62) 98
อินเทอร์เน็ต/สื่อสงั คมออนไลน์ 12 (6.06) 16 (8.08) 29 (14.65) 450
พยาบาลผปู้ ระสานงานผปู้ ่ วยเอชไอวี 3 (1.52) 20 (10.10) 49 (24.75) 258
เภสัชกรทีโ่ รงพยาบาล 114 (57.58) 52 (26.26) 4 (2.02) 67
เพ่อื นในกลุ่ม บคุ คลใกลช้ ิด หรือบคุ ลากรทางการแพทยอ์ ื่น ๆ 59 (29.80) 39 (19.70) 3 (1.52)
16 (8.08) 5 (2.53) 9 (4.55)

กลุ่มตวั อย่างเช่ือถือในขอ้ มูลจากพยาบาล ขอ้ มูลจากการสัมภาษณ์พบว่า กลุ่มตวั อยา่ ง
ผปู้ ระสานงานผปู้ ่ วยเอชไอวีมากที่สุด รองลงมา คือ ส่วนมากพ่ึงพาและเช่ือถือขอ้ มูลจากโรงพยาบาล มี
เภสัชกรท่ีโรงพยาบาล และเพ่ือนในกลุ่ม บุคคล ความเพียงพอต่อขอ้ มูลท่ีไดร้ ับ แต่ก็มีขอ้ สงสัยใน
ใกล้ชิด หรือบุคลากรทางการแพทย์อ่ืน ๆ ซ่ึงมี บางประเด็น ตอ้ งการให้เปิ ดโอกาสซักถาม อยาก
ขอ้ สงั เกตวา่ ท้งั 3 ลาดบั เป็นบุคคล ส่วนอินเทอร์เน็ต/ ไดร้ บั ขอ้ มูลยาทต่ี รงกบั ความตอ้ งการของตวั เอง
สื่อสงั คมออนไลน์แม้เป็ นช่องทางท่ีเลือกใชเ้ พราะ
สะดวกแต่มีความเชื่อถือนอ้ ยกวา่ โดยท่ีกลุ่มตวั อยา่ ง 3. ความสัมพันธ์ของข้อมูลพื้นฐานกับความ
19 รายเชื่อถือขอ้ มูลอนั ดบั 1 มากกวา่ 1 ช่องทาง ต้องการข้อมูลด้านยาต้านไวรัสเอชไอวี

 ปีที่ 16 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม – มถิ นุ ายน 2563  55

พบความสัมพนั ธ์ท่ีมีนัยสาคญั ทางสถิติของ ขอ้ มูลดา้ นยาต่างกนั กลุ่มชายรักชายมีพฤติกรรมหา
เพศกบั ความต้องการขอ้ มูลอาการขา้ งเคียง/แพย้ า ขอ้ มูลยาดว้ ยตวั เองมากกวา่ กลุ่มทวั่ ไป และตอ้ งการ
ของยาตา้ นไวรสั เอชไอวี อายกุ บั ความถี่ในการคน้ หา ใหข้ อ้ มูลใหเ้ ขา้ ใจแลว้ หยดุ มากกวา่ กลุ่มทว่ั ไป ผปู้ ่ วย
ขอ้ มูลยาดว้ ยตวั เอง ระดบั การศึกษากบั ความตอ้ งการ ทอ่ี ายนุ ้อยมีความถ่ีในการคน้ หาขอ้ มูลยาดว้ ยตวั เอง
ขอ้ มูลดา้ นวธิ ีใชย้ า ลกั ษณะการให้ขอ้ มูล ระยะเวลา มากกว่าผูป้ ่ วยท่ีอายุมาก คนท่ีมีการศึกษาสูงข้ึนมี
ในการให้ขอ้ มูล และความถ่ีในการคน้ หาขอ้ มูลยา แนวโน้มหาขอ้ มูลยาดว้ ยตวั เองมากกว่า เน่ืองจาก
ดว้ ยตวั เอง ความสามารถในการเขา้ ถึงขอ้ มูล ส่วนความสมั พนั ธ์
ข อ ง ก า ร ศึ ก ษ า กับ ค ว า ม ต้อ ง ก า ร ข ้อ มู ล วิ ธี ใ ช้ย า
การศึกษาคร้ังน้ี พบว่า เพศหญิงมีความ ลกั ษณะการใหข้ อ้ มูล และระยะเวลาในการใหข้ อ้ มูล
ตอ้ งการขอ้ มูลอาการขา้ งเคียงของยา การแพย้ าของ พบวา่ มีความสมั พนั ธ์แตไ่ ม่สามารถอธิบายลกั ษณะ
ยาตา้ นไวรัสเอชไอวีทไี่ ดร้ บั อยมู่ ากกว่าเพศชาย เพศ ของความสมั พนั ธไ์ ด้
สภาพกับพฤติกรรมทางเพศส่งผลต่อความตอ้ งการ

ตารางท่ี 6 ความสมั พนั ธข์ องขอ้ มูลพน้ื ฐานกบั ความตอ้ งการขอ้ มูลดา้ นยาตา้ นไวรัสเอชไอวี

สถติ ิ ลกั ษณะข้อมูลพื้นฐาน

ความต้องการข้อมูลด้านยา Pearson เพศ อายุ การศึกษา อาชีพ ระยะเวลาที่

chi-square เป็ นโรค
0.851
รูปแบบของยา p -value 0.172 0.321 0.072 0.319 0.432
0.312
วธิ ีใชย้ า p -value 0.217 0.226 0.018* 0.558 0.988
0.427
วิธีปฏิบตั ิตวั เม่อื ไม่ไดใ้ ชย้ าตามทแี่ พทยส์ ัง่ p -value 0.183 0.588 0.364 0.333 0.924
0.197
ผลของอาหารท่ีมตี ่อยา p -value 0.075 0.410 0.475 0.984 0.356
0.539
อาการขา้ งเคียงของยา/แพย้ า p -value 0.010* 0.893 0.415 0.508 0.105
0.758
ผลของยาอื่นท่มี ีต่อยา p -value 0.131 0.409 0.444 0.996 0.334

ลกั ษณะการให้ขอ้ มลู p -value 0.057 0.197 0.024* 0.481

ความถ่ีในการให้ขอ้ มูลยา p -value 0.653 0.056 0.068 0.089

ระยะเวลาในการให้ขอ้ มลู p -value 0.179 0.852 0.047* 0.135

ความถี่ในการคน้ หาขอ้ มูลยา p -value 0.141 0.003* 0.000* 0.035

ช่องทางการเขา้ ถึงขอ้ มูล p -value 0.220 0.004 0.021 0.158

ความเช่ือถือขอ้ มลู p -value 0.731 0.000 0.551 0.920

* มนี ยั สาคญั ทางสถิติท่ี 0.05 ยา = ยาตา้ นไวรัสเอชไอวี

ส่วนความสัมพนั ธ์ของ อายกุ ับช่องทางการ คน้ หาขอ้ มูลยา พบขอ้ มูลในแตล่ ะเซลลม์ ีคา่ นอ้ ยกว่า
เขา้ ถึงขอ้ มูลและความเชื่อถือขอ้ มูล การศึกษากับ 5 เกินร้อยละ 20 ของจานวนเซลล์ท้ังหมด จึงไม่
ช่องทางการเข้าถึงข้อมูล อาชีพกับความถี่ในการ สามารถแปรผลได้

56  วารสารโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ 

อภปิ รายผลการวจิ ยั ผู้ป่ วยได้รับ ร่ วมกับเป็ นข้อมูลที่เภสัชกรของ
โรงพยาบาลหลวงพ่อทวีศักด์ิฯ ยงั ให้ไม่เพียงพอ
จากข้อมูลพ้ืนฐานของกลุ่มตวั อย่าง พบว่า เนื่องจากขอ้ มูลมีความซบั ซอ้ น กลวั ผปู้ ่ วยไม่กลา้ ใช้
เป็ นเพศชายมากกว่าเพศหญิง ในกลุ่มเพศชายมี ยา จึงใช้วิธีติดตามอาการข้างเคียงและให้ข้อมูล
พฤติกรรมทางเพศเป็ นชายรักชาย ร้อยละ 42.18 เฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดหรื อเกิดอาการ
ส่วนใหญ่มีอายุในวัยทางานช่วง 31 - 60 ปี จบ ข้างเคียงแล้วเท่าน้ัน ผูป้ ่ วยส่วนมากคิดว่าตัวเอง
การศึกษาสูงสุดประถมศึกษา มีอาชีพที่สมั พนั ธ์กบั ไดร้ บั ขอ้ มูลเพยี งพอ แต่เม่ือยกตวั อยา่ งเน้ือหาขอ้ มูล
การศึกษา คือ ร้อยละ 28.28 รับจา้ ง และ ร้อยละ กพ็ บวา่ ตวั เองยงั ไม่รูแ้ ละอยากรู้ ดงั น้ัน บุคลากรทาง
13.13 ไม่มีอาชีพ ลกั ษณะพน้ื ฐานของกลุ่มตวั อยา่ ง มี การแพทยผ์ ูใ้ ห้ขอ้ มูลควรมีตวั เลือกขอ้ มูลให้ผูป้ ่ วย
ผทู้ ่ีเพศสภาพไม่ตรงกบั พฤตกิ รรมทางเพศ ส่วนมาก ตดั สินใจวา่ อยากรู้ขอ้ มูลเหล่าน้ีหรือไม่ มากกวา่ ถาม
เป็ นผมู้ ีรายไดน้ ้อย การศึกษาต่า อยใู่ นวยั ทางานเพอื่ วา่ ผปู้ ่ วยอยากไดข้ อ้ มูลอะไรอีกหรือไม่
เล้ียงชีพ และรับยามาแล้วมากกว่า 1 ปี มีความ
ตอ้ งการขอ้ มูลด้านยาในขณะที่ทาการสัมภาษณ์ใน ดา้ นรูปแบบการให้ขอ้ มูล ส่วนมากตอ้ งการ
ดา้ นต่าง ๆ ดงั น้ี ให้มีการให้ขอ้ มูลโดยพูดคุย ให้เหตุผลว่าเขา้ ใจง่าย
ซักถามได้ เช่นเดียวกับการศึกษาในผู้ป่ วยโรค
ดา้ นลกั ษณะของขอ้ มูลยาตา้ นไวรัสเอชไอวี หอบหืดวา่ การใหข้ อ้ มูลโดยใชเ้ อกสารไม่ไดผ้ ลเท่า
กลุ่มที่ไม่ตอ้ งการขอ้ มูลใหเ้ หตุผลวา่ ไม่จาเป็ นหรือ การให้ขอ้ มูลโดยการพูดคุยต่อหน้ากัน39 บางส่วน
ทราบแลว้ ส่วนกลุ่มที่ตอ้ งการขอ้ มูลให้เหตผุ ลวา่ ยงั ตอ้ งการเอกสารที่เขา้ ใจง่ายเพอื่ ใหน้ าไปอ่านทาความ
ไม่ทราบหรืออยากให้ทบทวน ผูป้ ่ วยส่วนมากยงั มี เขา้ ใจได้ ซ่ึงในปัจจุบนั โรงพยาบาลให้ขอ้ มูลดา้ นยา
ความตอ้ งการขอ้ มูลระดบั สูง เนื่องจากกลุ่มตวั อยา่ ง ผ่านเอกสารยงั น้อยอยู่ มีเพียงเอกสารกากับยาจาก
ท้งั หมดไม่ได้เป็ นผูป้ ่ วยวิกฤต ใชย้ ามาระยะหน่ึง บริษทั ซ่ึงมีการศึกษาในยโุ รปวา่ ไม่เหมาะสมในการ
คุน้ เคยกบั ยาที่ไดร้ ับ เขา้ ใจในวิธีใชย้ าและวธิ ีปฏิบตั ิ ให้ขอ้ มูลแก่ผูป้ ่ วย ขอ้ มูลท่ีจาเป็ นสาหรับผูป้ ่ วยไม่
ตวั ส่วนใหญ่จึงให้ความเห็นวา่ ไม่จาเป็ นตอ้ งไดร้ ับ ครบถว้ น40 ส่วนการศึกษาในประเทศไทย41 พบว่า
ขอ้ มูลดา้ นลกั ษณะ รูปร่างและรูปแบบของยา วธิ ีใช้ ผูป้ ่ วยนอกมีทัศนะคติที่ดีต่อเอกสารกากับยา มี
ยาและการวิธีปฏิบตั ิตัวเม่ือไม่ได้ใช้ยาต้านไวรัส ประโยชน์ต่อการใช้เป็ นขอ้ มูล โรงพยาบาลจึงควร
เอชไอวตี ามที่แพทยส์ ง่ั ส่วนขอ้ มูลผลของยาอ่ืนที่มี ใ ช้ป ร ะ โ ย ช น์ จ า ก เ อ ก ส า ร ก า กับ ย า ร่ ว ม กับ จัด ท า
ตอ่ ยาตา้ นไวรสั เอชไอวที ่ีไดร้ ับอยู่ และขอ้ มูลอาการ เอกสารที่เข้าใจง่าย ครอบคลุมเน้ือหาที่ผู้ป่ วย
ขา้ งเคยี งของยา การแพย้ า ของยาตา้ นไวรัสเอชไอวที ่ี ควรจะได้รับ จัดทาเป็ นกระดาษ QR code หรือ
ไดร้ ับอยู่ เป็นขอ้ มูลที่ยงั ไม่ทราบหรือยงั ไม่เขา้ ใจ จึง แอปพลิเคชันบนโทรศพั ท์มือถือที่มีการศึกษาว่า
ยงั ตอ้ งการขอ้ มูลเพม่ิ เตมิ สอดคลอ้ งกบั การศกึ ษา37,38 เหมาะสมกบั ผปู้ ่ วยเอดสแ์ ละผตู้ ดิ เช้ือเอชไอวี42 หรือ
ที่พบว่า หัวข้อท่ีผูป้ ่ วยใช้ในการหาข้อมูลยาใน ผู้ป่ วยกลุ่ มอ่ืน ๆ43 ให้ผู้ป่ วยเข้าถึงได้ง่าย เพ่ือ
ฐานข้อมูลออนไลน์มากที่สุดได้แก่ ข้อมูลอาการ ตอบสนองต่อกลุ่มผูป้ ่ วยท่ีตอ้ งการ ดา้ นความถี่ใน
ขา้ งเคียงของยา และยาหรืออาหารที่จะมีผลต่อยาท่ี

 ปีท่ี 16 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม – มถิ นุ ายน 2563  57

การใหข้ อ้ มูล ส่วนใหญต่ อ้ งการใหข้ อ้ มูลทุกคร้งั ท่มี า เอชไอวีของโรงพยาบาลหลวงพ่อทวีศักด์ิฯ มี
พบแพทยเ์ พ่ือเป็ นการทบทวน แต่ก็มีจานวนมากท่ี พยาบาลผูป้ ระสานงานเป็ นคนกลางระหว่างผูป้ ่ วย
ตอ้ งการขอ้ มูลเพียงคร้ังแรกที่พบแพทยห์ รือเม่ือมี กบั โรงพยาบาล ให้คาปรึกษาและช่วยเหลือในทุก
การเปล่ียนแปลง แต่เนื่องจากยาตา้ นไวรัสเอชไอวี ประเด็น ผูป้ ่ วยมีความไวว้ างใจ เม่ือเกิดปัญหาจะ
เป็ นยาที่ต้องการความร่วมมือในการกินยาสู ง คิดถึงเป็ นลาดบั แรก รองลงมา คือ อินเทอร์เน็ต/สื่อ
ติดต่อกนั ตลอดชีวติ จึงไม่เหมาะสมถา้ จะให้ขอ้ มูล สงั คมออนไลน์ และเภสชั กร ตามลาดบั เช่นเดียวกบั
ยา เ พีย ง ค ร้ั ง แร ก ท่ีพ บ แพ ท ย์ห รื อ เ ม่ื อ มี ก า ร หลายการศึกษา44,45 ที่พบว่า ผูป้ ่ วยมักจะหาข้อมูล
เปล่ียนแปลง สาหรับเวลาท่ีใช้ในการให้ขอ้ มูลใน จากอินเทอร์เน็ต และบุคลากรทีใ่ ห้การรักษา ส่วนที่
แต่ละคร้ังไม่ควรเกิน 15 นาที แมว้ ่าผปู้ ่ วยส่วนมาก ต่างจากการศึกษาอ่ืน ๆ คือ เพ่ือนและครอบครัว ที่
ไม่ตอ้ งการจากดั เวลาในการให้ขอ้ มูล แต่เม่ือพูดคุย ผูป้ ่ วยเอดส์และผูต้ ิดเช้ือเอชไอวีใช้น้อยมาก ซ่ึง
เชิงลึกพบว่า อยากใช้เวลาส้ัน ๆแต่ตรงกับความ อาจจะเกิดจากไม่ตอ้ งการให้คนใกล้ตวั รับรู้ความ
ตอ้ งการ โรงพยาบาลจึงควรมีการส่งต่อขอ้ มูลผปู้ ่ วย เจบ็ ป่ วยของตวั เอง
ระหว่างสหสาขาวิชาชีพ และระหว่างการมาพบ
แพทยใ์ นแต่ละคร้ัง เพ่ือให้มีขอ้ มูลผปู้ ่ วยท่ีต่อเนื่อง ความเชื่อถือขอ้ มูล เป็ นการเลือกเช่ือถือจาก
ดงั น้ัน รูปแบบการใหข้ อ้ มูลยาของโรงพยาบาลควร ช่องทางท่ีเลือกตามความสะดวก พบว่า ผปู้ ่ วยเลือก
มีการใหข้ อ้ มูลทุกคร้งั ท่มี าพบแพทย์ ใหข้ อ้ มูลทีต่ รง เชื่อพยาบาลผูป้ ระสานงาน เภสชั กร และเพื่อนใน
กบั ปัญหาของผูป้ ่ วยในแต่ละคน ในเวลาไม่เกิน 15 กลุ่ม บคุ คลใกลช้ ิด หรือบุคลากรทางการแพทยอ์ ื่น ๆ
นาที นอกจากผูป้ ่ วยท่ีมีปัญหาตอ้ งใชเ้ วลานานข้ึน ตามลาดับ ถึงผูป้ ่ วยจะเลือกใชอ้ ินเทอร์เน็ตและสื่อ
ใหข้ อ้ มูลโดยการพดู คุยร่วมกบั มีเอกสารประกอบท่ี สังคมออนไลน์ในการหาขอ้ มูล แต่เมื่อจะใช้ขอ้ มูล
เขา้ ใจง่าย เขา้ ถึงง่าย มีขอ้ มูลครบถว้ นรวมถึงขอ้ มูล จะเลือกเช่ือถือจากช่องทางอื่นโดยเฉพาะช่องทางที่
ระดบั สูง เป็ นบุคคลเหมือนการศึกษาในผูส้ ูงอายุ46 สาหรับ
เภสัชกรเป็ นช่องทางท่ีมีความสะดวกน้อยกวา่ แต่มี
ช่องทางการเขา้ ถึงขอ้ มูล ผปู้ ่ วยทเี่ คยหาขอ้ มูล ความเช่ือถือมากรองจากพยาบาลผูป้ ระสานงาน
ด้วยตวั เองมีสัดส่วนใกลเ้ คียงกบั ผูป้ ่ วยที่ไม่เคยหา เภสัชกรจึงควรทางานประสานงานกับพยาบาล
ข้อมูลด้วยตัวเอง และมีเพียงร้อยละ 20.20 ที่หา ผูป้ ระสานงานเพื่อสื่อสารข้อมูลยาท่ีถูกต้องผ่าน
ขอ้ มูลเป็ นประจา ในกลุ่มที่ตอบวา่ เคยหาขอ้ มูลดว้ ย ช่องทางท่ีผูป้ ่ วยสะดวกที่สุด สาหรับความสมั พนั ธ์
ตัวเองพบว่า ช่องทางที่สะดวกที่สุด คือ การใช้ ของขอ้ มูลพน้ื ฐานกบั ความตอ้ งการขอ้ มูลดา้ นยาตา้ น
อินเทอร์เน็ตและสื่อสังคมออนไลน์ แต่สาหรับ ไวรัสเอชไอวี พบว่า เพศ อายุและการศึกษา มี
กลุ่มตวั อยา่ งท้งั หมดเม่ือถามวา่ ถา้ ตอ้ งการขอ้ มูลยา ความสัมพนั ธ์กับบางประเด็นของความต้องการ
หรือมีขอ้ สงสัยจะไปหาขอ้ มูลที่ใด พบวา่ ช่องทางที่ ขอ้ มูลดา้ นยา เป็ นไปในทางเดียวกับการศึกษาใน
ผปู้ ่ วยสะดวกท่ีสุด คือ พยาบาลผปู้ ระสานงานผปู้ ่ วย กลุ่มผูป้ ่ วยโรคอ่ืน ๆ ท่ีพบว่า ข้อมูลพ้ืนฐานของ
เอชไอวี เน่ืองจากการดูแลผูป้ ่ วยเอดส์และผตู้ ิดเช้ือ ผูป้ ่ วยมีความสัมพนั ธ์กับความตอ้ งการข้อมูล47,48

58  วารสารโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ 

ในขณะท่ีมีการศึกษาที่พบว่า ข้อมูลพ้ืนฐานของ เช่น สื่อสงั คมออนไลน์ เอกสารให้ความรู้ QR code
ผปู้ ่ วยไม่มีความสัมพนั ธก์ บั ความตอ้ งการขอ้ มูลดา้ น หรือแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือ เป็ นตน้ ให้
สุขภาพ49 ความสมั พนั ธ์ของขอ้ มูลพ้ืนฐานกบั ความ ผปู้ ่ วยแสดงความตอ้ งการและเลือกการรับชนิดของ
ตอ้ งการขอ้ มูลดา้ นยาตา้ นไวรัสเอชไอวใี นการศึกษา ขอ้ มูลและวธิ ีการใหข้ อ้ มูลตามท่ีตอ้ งการในขณะน้ัน
น้ี ไม่อาจเชื่อมโยงกบั การศึกษาอื่น ๆ ได้ เนื่องจาก ใหข้ อ้ มูลที่ตรงกบั ความตอ้ งการในระยะเวลาส้ัน ๆ
มิติของความตอ้ งการขอ้ มูลดา้ นยาตา้ นไวรัสเอชไอวี ไม่เกิน 15 นาที เภสชั กรควรทางานประสานงานกบั
ไม่เหมือนการศึกษาอ่ืน ๆ และผูป้ ่ วยกลุ่มโรคอื่น พยาบาลผปู้ ระสานงานเพือ่ สื่อสารขอ้ มูลยาที่ถูกตอ้ ง
เนื่องจากกลุ่มผูป้ ่ วยเอดส์และผตู้ ิดเช้ือไวรัสเอชไอวี ผา่ นช่องทางท่ีผปู้ ่ วยสะดวกที่สุด ลดการซ้าซอ้ นของ
มีปัจจยั เรื่องการตีตราเขา้ มาเกี่ยวขอ้ งที่อาจจะส่งผล การใหข้ อ้ มูลโดยมีการส่งตอ่ ความตอ้ งการและความ
ต่อความตอ้ งการขอ้ มูลดา้ นยาได้ การศึกษาคร้ังน้ี จาเป็ นของการได้รับข้อมูลของทีมบุคลากรทาง
พบว่า เพศสภาพกับพฤติกรรมทางเพศส่งผลต่อ การแพทย์ มีการติดตามประเมินส้นั ๆว่า ผปู้ ่ วยยงั มี
ความตอ้ งการขอ้ มูลดา้ นยาต่างกนั เพศหญิงมีความ ความร่วมมือในการใชย้ าระดบั ดี เพอื่ ใหผ้ ลการรักษา
ตอ้ งการขอ้ มูลอาการขา้ งเคียงของยา การแพย้ าของ เป็ นไปตามเป้าหมาย
ยาต้านไวรัสเอชไอวีที่ได้รับอยู่มากกว่าเพศชาย
กลุ่มชายรักชายมีพฤติกรรมหาขอ้ มูลยาดว้ ยตวั เอง ก า ร ศึ ก ษ า ค ร้ ั ง น้ ี ท า โด ย ก า ร สัม ภ า ษ ณ์ ก ลุ่ ม
และตอ้ งการให้โรงพยาบาลให้ขอ้ มูลให้เขา้ ใจแล้ว ตวั อยา่ งโดยผูว้ ิจยั เพียงคนเดียว ทาให้สามารถต้ัง
หยดุ มากกวา่ กลุ่มทวั่ ไป ผปู้ ่ วยท่ีอายนุ อ้ ยมีความถ่ีใน คาถามและอธิบายขอ้ คาถามไดเ้ หมือน ๆกนั ร่วมกบั
การคน้ หาขอ้ มูลยาด้วยตัวเองมากกว่าผูป้ ่ วยท่ีอายุ ข้อมูลพ้ืนฐานที่ใช้จากฐานข้อมูลท่ีมี เช่น อายุ
มาก คนท่ีมีการศึกษาสูงข้ึนมีแนวโน้มหาขอ้ มูลยา พฤติกรรมทางเพศ ระยะเวลาท่ีเป็นโรค (ท่ีรับยา) ทา
ด้วยตวั เองมากกว่า เนื่องจากความสามารถในการ ให้ได้ข้อมูลท่ีชัดเจน เป็ นไปในทางเดียวกัน ผล
เขา้ ถึงขอ้ มูล ลกั ษณะพ้นื ฐานของผปู้ ่ วยท่ีแตกตา่ งกนั
ยอ่ มมีความตอ้ งการขอ้ มูลยาท่ีแตกต่างกนั เพื่อการ การศึกษาคร้ังน้ีสามารถนาไปใชใ้ นการปรับการให้
ให้ขอ้ มูลตรงกบั ความตอ้ งการของผูป้ ่ วยแต่ละกลุ่ม ขอ้ มูลดา้ นยาในกลุ่มผตู้ ิดเช้ือเอชไอวแี ละผปู้ ่ วยเอดส์
โรงพ ยา บ า ล ค ว รมี รู ปแบบ ก า ร ให้ข้อ มู ล ย า ของโรงพยาบาลหลวงพ่อทวศี กั ด์ิฯได้ แต่การนาไป
หลากหลายรูปแบบใหผ้ ปู้ ่ วยเลือกใช้ ปรับใชใ้ นโรคอ่ืนหรือโรงพยาบาลอ่ืนอาจจะตอ้ ง
ศึกษาเพม่ิ เตมิ เพราะการใหบ้ ริการที่แตกต่างกนั เช่น
จ า ก ผ ล ก า ร ศึ ก ษ า น า ไ ป ป รั บ ก า ร ใ ห้ข ้อ มู ล ความสมั พนั ธข์ องพยาบาลผปู้ ระสานงานเอชไอวกี บั
ด้านยาสาหรับผูต้ ิดเช้ือเอชไอวีและผูป้ ่ วยเอดส์ ผปู้ ่ วย หรือรูปแบบการใหข้ อ้ มูลยาเดิมท่ีแตกต่างกนั
โรงพยาบาลหลวงพ่อทวีศกั ด์ิฯ ดงั น้ี โรงพยาบาล เป็ นต้น ส่งผลให้ผู้ป่ วยมีความต้องการด้านยา
ควรให้ขอ้ มูลด้านยาทุกคร้ังที่ผูป้ ่ วยมาพบแพทย์ มี แตกต่างกนั
รูปแบบการให้ขอ้ มูลยาหลากหลายรูปแบบ เน้ือหา
ควรครบถว้ นทนั สมยั มีขอ้ มูลทกุ ระดบั เพ่ิมช่องทาง การศึกษาน้ี มีปั จจัยอ่ืนท่ีส่ งผลต่อความ
ตอ้ งการขอ้ มูลด้านยา ได้แก่ ปัจจยั ท่ีมีผลต่อความ
เขา้ ใจขอ้ มูล ซ่ึงมีการควบคุมโดยกาหนดเกณฑก์ าร

 ปีที่ 16 ฉบบั ที่ 1 มกราคม – มถิ นุ ายน 2563  59

คดั เลือกใหก้ ลุ่มตวั อยา่ งมีปัจจยั ที่มีผลต่อความเขา้ ใจ เอกสารอ้างองิ
ขอ้ มูลไม่ต่างกนั แต่ผลของการศึกษาน้ีไม่สามารถ
นาไปปรับใช้กับผูป้ ่ วยท่ีมีความเขา้ ใจในขอ้ มูลต่า 1. Graham JD, Kwok YS. What consumers want
เช่น ผูป้ ่ วยที่ไม่สามารถดูแลตวั เองได้ ผูป้ ่ วยท่ีไม่ to know about medicines. Australian Prescriber
สามารถ อ่าน ฟัง หรือพดู ภาษไทย ผูป้ ่ วยที่มีความ 1995; 18: 10-1.
บกพร่องดา้ นการสื่อสาร และผปู้ ่ วยจติ เวชที่มีปัญหา
ดา้ นการส่ือสาร สาหรับปัจจยั ดา้ นสิ่งแวดลอ้ ม หรือ 2. Mills ME, Sullivan K. The importance of
ลักษณะพ้ืนฐานของผูป้ ่ วยอ่ืน ๆ เช่น เศรษฐานะ information giving for patients newly
โรคร่วม จานวนยาที่ได้รับ เป็ นต้น ไม่ได้มีการ diagnosed with cancer: a review of the
ควบคุม ผลท่ีไดจ้ ึงอาจจะมีอิทธิพลของปัจจยั น้ีอยู่ literature. J Clin Nurs 1999; 8: 631-42.
ดว้ ย
3. Lenz ER. Information seeking: a component of
สรุปผลการวจิ ยั client decisions and health behavior. ANS Adv
Nurs Sci 1984; 6: 59-72.
ความต้องการด้านยาตามผลการศึกษาน้ี
สะท้อนถึงช่ องว่างการให้บริ การด้านยาของ 4. Koo MM, Kr as s I , As l ani P. Factors
โ ร ง พ ย า บ า ล ต า ม ค ว า ม เ ห็ น ข อ ง บุ ค ล า ก ร ท า ง influencing consumer use of written drug
การแพทยก์ บั ความตอ้ งการของผปู้ ่ วย การปรับการ information. Annals of Pharmacotherapy 2003;
ใ ห้บ ริ ก า ร ต า ม ผ ล ก า ร ศึ ก ษ า จ ะ ท า ใ ห้ล ด ช่ อ ง ว่า ง 37: 259-67.
ดงั กล่าวได้
5. Dwyer FR. An experimental study of
กติ ตกิ รรมประกาศ consumer use of supplemental drug
information. (Dissertation). Minneapolis MN:
ขอขอบคุณอาจารยท์ ี่ปรึกษา ภญ.ผศ.ดร. University of Minnesota; 1978.
ณัฏฐิญา ค้าผล ท่ีให้คาแนะนา และทีมสหสาขา
วชิ าชีพที่ทางานดูแลผูต้ ิดเช้ือเอชไอวแี ละผปู้ ่ วยเอดส์ 6. Dwyer FR, Hammel R. The impact of patient
ของโรงพยาบาลหลวงพอ่ ทวีศกั ด์ิฯ เพ่ือใหผ้ ูป้ ่ วยมี package inserts on essential hypertension.
ผลการรักษาและคุณภาพชีวติ ท่ดี ี\ Proceeding of the National Conference on High
Blood Pressure Control. Los Angeles; CA:
1979.

7. เพลินตา ศิริปการ. การนาโมเดลการสรา้ งเสริม
สมรรถนะแห่งตนในผูป้ ่ วยเอดส์ท่ีได้รับการ
รักษาด้วยยาต้านไวรัสเอดส์ไปใช้ในพ้ืนท่ี.
วารสารการพยาบาลและการดูแลสุขภาพ 2556;
29(2): 50-9.

60  วารสารโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ 

8. วรรณชาติ ตาเลิศ, สุวรรณา บุญยะลีพรรณ. 14. O’Donoghue AC, Sullivan HW, Aikin KJ,
พฤติกรรมสุขภาพผตู้ ดิ เช้ือเอชไอวี/ผปู้ ่ วยเอดส์ Chowdhury D, Moultrie RR, Rupert DJ.
วยั แรงงานที่ได้รับยาต้านไวรัสเอชไอวีใน Presenting efficacy information in direct-to-
โรงพยาบาลชุมชน จงั หวดั สุรินทร์. วารสารการ consumer prescription drug advertisements.
พยาบาลและการดูแลสุขภาพ 2557; 32(1): Patient education and counseling 2014; 95(2):
59-68. 271-80.

9. Martin SL, McGoey ST, BeboJr BF, Feldman 15. Wolf MS, Davis TC, Curtis LM, Bailey SC,
SR. Patients' educational needs about topical Knox JP, Bergeron A, et al. A patient-centered
treatments for psoriasis. J Am Acad Dermatol prescription drug label to promote appropriate
2013; 68(6): e163-8. medication use and adherence. J Gen intern
Med 2016; 31(12): 1482-9.
10. Pharmaceutical Society of Australia:
Guidelines for pharmacists on providing 16. Hamrosi KK, Raynor DK, Aslani P. Enhancing
medicines information to patients. In Pharmacy provision of written medicine information in
Practice Handbook. PSA; 2000. Australia: pharmacist, general practitioner and
consumer perceptions of the barriers and
11. Society of Hospital Pharmacists of Australia. facilitators. BMC health services research
SHPA standards of practice for the provision 2014; 14(1): 183.
of consumer medicines information by
pharmacists in hospitals. J Pharm Prac Res 17. Hamrosi KK, Raynor DK, Aslani P. Pharmacist
2007; 37: 56-8. and general practitioner ambivalence about
providing written medicine information to
12. National Health and Medical Research patients-A qualitative study. Res Social Adm
Council: General guidelines for medical Pharm 2013; 9(5): 517-30.
practitioners on providing information to
patients. Edited by Australian Government. 18. Sundar RP, Becker MW, Bello NM, Bix L.
Canberra; Australia: 2004. Quantifying age-related differences in
information Processing behaviors when
13. Aslani P. The use of consumer medicine viewing prescription drug labels. PLoS One
information by community pharmacists.[PhD]. 2012; 7(6): e38819.
Sydney: The University of Sydney; 1999.

 ปีท่ี 16 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม – มถิ นุ ายน 2563  61

19. Mohan A, Riley MB, Boyington D, Johnston P, 26. Frost JH, Massagli MP. Social uses of personal
Trochez K, Jennings C, et al. Development of a health information within patients like me, an
patient-centered bilingual prescription drug online patient community: what can happen
label. J Health Commun 2013; 18(suppl 1): when patients have access to one another's data.
s49-61. J Med Internet Res 2008; 10: e15.

20. Morris LA, Halperin JA.Effects of written drug 27. Khoo CS. Issues in information behavior on
information on patient knowledge and social media. LIBRES: Library and
compliance: A literature review. AJPH 1979; Information Science Research Electronic
69: 47-52. Journal 2014; 24(2): 75.

21. Lima J, Nazarian L, Charney E, Lahti C. 28. Sadah SA, Shahbazi M, Wiley MT, Hristidis V.
Compliance with short-term antimicrobial A study of the demographics of web-based
therapy. Pediatrics 1976; 57: 383-6. health-related social media users. J Med
Internet Res 2015; 17(8): e194.
22. Linkewich JA, Catalano RB, Flack HL. The
effect of packaging and instruction on 29. Schwartz LM, Woloshin S. The drug facts box:
outpatient compliance with medication Improving the communication of prescription
regimens. Drug Intel and Clin Pharm 1974; drug information. Proceedings of the National
8: 10-5. Academy of Sciences 2013; 110 (suppl 3):
14069-74.
23. McKenney JM, Slining JM, Henderson HR, et
al. The effect of clinical pharmacy services on 30. Tyrawski J, DeAndrea DC. Pharmaceutical
patients with essential hypertension. companies and their drugs on social media: a
Circulation 1973; 48: 1104-11. content analysis of drug information on
popular social media sites. J Med Internet
24. ศิริพร กฤตธรรมากุล, ประภาพกั ตร์ ศิลปโชติ, Res 2015; 17(6): e130.
จรุ าพร พงศเ์ วชรักษ,์ อุมาพร วงษส์ ถิต. Effects
of pharmacist counseling on outpatients 31. Or CK, Karsh BT. A systematic review of
receiving warfarin at Songklanagarind patient acceptance of consumer health
Hospital. สงขลานครินทร์เวชสาร 2549; 24(2): information technology. J Am Med Inform
93-9. Assoc 2009; 16(4): 550-60.

25. Beardsley RS, Johnson CA, Wise G. Privacy as
a factor inpatient counseling. J Am Pharm
Assoc 1977; 17: 366-8.

62  วารสารโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ 

32. ชีวนันท์ เลิศพิริยสุวฒั น์, พรทิพย์ ยกุ ตานนท์, 38. Huber M, Kullak Ublick GA, Kirch W. Drug
ศรีลยั เรืองชยั . ผลการรักษาของผเู้ ขา้ โครงการ information for patients an update of longterm
การปรับปรุงการเขา้ ถึงระบบบริการการดูแล results: type of enquiries and patient
รักษาผูต้ ิดเช้ือเอชไอวแี ละผปู้ ่ วยเอดส์และการ characteristics. Pharmacoepidemiology and
รักษาดว้ ยยาต้านไวรัสเอดส์ในประเทศไทย. drug safety 2009 ;18(2): 111-9.
วารสารควบคุมโรค 2560; 28; 43(2): 158-71.
39. Raynor DK, Savage I, Knapp P, Henley J. We
33. ทิพยน์ ราภรณ์ สังขศ์ รีแก้ว, จินตนา วชั รสินธุ์, are the experts: people with asthma talk about
วรรณี เดียวอิศเรศ. ผลของโปรแกรมการ their medicine information needs. Patient
สนทนาบาบดั สาหรับผูต้ ิดเช้ือเอชไอวี/เอดส์ education and counseling 2004; 53(2): 167-74.
และครอบครัวต่อพฤติกรรมสุขภาพของผูต้ ิด
เช้ือเอชไอว/ี เอดสท์ ่ีไดร้ บั ยาตา้ นไวรสั . วารสาร 40. Dickinson R, Raynor DK, Knapp P,
การพยาบาลและการดูแลสุขภาพ 2561; 36(2): MacDonald J. How much information about
141-8. the benefits of medicines is included in patient
leaflets in the European Union?-A survey.
34. อุไรวลั ย์ โกเสนตอ. ประสิทธิผลของโปรแกรม IJPP 2017; 25(2): 147-58.
การให้ความรู้เก่ียวกบั การใชย้ าตา้ นไวรัสในผู้
ตดิ เช้ือ HIV ณ โรงพยาบาลดารารศั มีเชียงใหม่. 41. สุภาวิณี พงษ์พนั นา, นฤมล เจริญศิริพรกุล,
วารสารสาธารณสุขลา้ นนา 2558; 11(1) :1-11. ธงชยั ประฏิภาณวตั ร. ทศั นคติของผูป้ ่ วยนอก
ต่อประโยชน์ของเอกสารกากบั ยาสาหรับผปู้ ่ วย.
35. Tantawut S, Tinapa W, Chaousirikul C. Effects ศรีนครินทร์เวชสาร 2561; 33(4) :351-8.
of a program on correction and persistence of
antiretroviral treatment to improve adherence 42. วีระโชติ ลาภผลอาไพ, พรี ยศ ภมรศิลปธรรม.
and drug safety in HIV/AIDs patients at การพฒั นาโปรแกรมประยกุ ตบ์ นมือถือระบบ
Uthumpornphisai Hospital, Sisaket Province, แอนดรอยด์ ในการจดั การยาตา้ นไวรัสเอชไอวี
Thailand. Journal of Health Science 2017; ด้วยต น เอ ง . วา รสา ร วิทยา ศา สต ร์ แล ะ
25(4): 696-703. เทคโนโลยี 2562;18: 738-50.

36. Yamane T. Statistics: An Introductory 43. พรรัตติกาล พลหาญ, ดวงรัตน์ วฒั นกิจ ไกรเลิศ,
Analysis. London: John Weather Hill, Inc; คนึงนิจ พงศถ์ าวรกมล. ผลของโปรแกรมการ
1973. ให้ความรู้และทกั ษะการใช้ยาสูดโดยใช้แอป
พลิเคชันไลน์ต่อการควบคุมอาการในผูป้ ่ วย
37. Kusch MK, Haefeli WE, Seidling HM. How to โรคหืด.วารสารพยาบาลทหารบก 2562; 29;
meet patients’ individual needs for drug 20(3): 93-103.
Information-a scoping review. Patient
preference and adherence 2018; 12: 2339.

 ปีท่ี 16 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม – มถิ นุ ายน 2563  63

44. Tariman JD, Doorenbos A, Schepp KG, 48. สุวรรณา บุญยะลีพรรณ, เจียมจิต แสงสุวรรณ,
Singhal S, Berry DL. Top information need สมใจ พุทธาพิทกั ษ์ผล, อารี วรรณกลน่ั กลิ่น,
priorities of older adults newly diagnosed วลยั พร นนั ทศ์ ุภวฒั น์, จิตภินันท์ ศรีจกั โครต ,
with active myeloma. J Adv Pract Oncol 2015; และคณะ. ปัจจัยคัดสรรท่ีมีความสัมพนั ธ์ต่อ
6(1): 14. พฤติกรรมสุขภาพของผูต้ ิดเช้ือเอชไอวี/ผูป้ ่ วย
เอดส์วยั แรงงานที่ได้รับการรักษาด้วยยาตา้ น
45. Houser SH, Au DW, Miller MJ, Chen L, ไวรัสเอชไอวีในโรงพยาบาลตติยภูมิแห่งหน่ึง.
Outman RC, Ray MN, et al. Socio- วารสารการพยาบาลและการดูแลสุขภาพ 2560;
demographic differences in risk information 35(1): 128-36.
seeking sources for non-steroidal anti-
inflammatory drugs (NSAIDS). Int J Med 49. Inmor S, Sukprasert S. Factors affecting health-
Inform 2016; 94: 222-7. related information seeking among Thai
patients. International Journal of Applied
46. พรชิตา อุปถัมภ์. พฤติกรรมการแสวงหา Computer Technology and Information
สารสนเทศดา้ นสุขภาพของผสู้ ูงอาย.ุ วารสาร Systems 2561; 7(2): 7-13.
ปาริ ชาต มหาวิทยาลัยทักษิณ 2559; 29(2):
71-87.

47. Neame R, Hammond A, Deighton C. Need for
information and for involvement in decision
making among patients with rheumatoid
arthritis: a questionnaire survey. Arthritis
Rheum 2005; 53(2): 249-55.

64  วารสารโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ 

บทความวิจัย
Research article

ก า ร พั ฒ น า แ น ว ท า ง ก า ร ป ฏิ บั ติ ง า น ส า ห รั บ พ ย า บ า ล เ ว ร ต ร ว จ ก า ร
โรงพยาบาลสังกดั สานักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร

ประพมิ พรรณ เกรียงวฒั นศิริ *
* ฝ่ายการพยาบาล โรงพยาบาลกลาง สานกั การแพทย์ กรุงเทพมหานคร

บทคดั ย่อ รับบทความ: 7 เมษายน 2563
ปรับแกบ้ ทความ: 27 พฤษภาคม 2563
ลงตีพิมพ:์ 16 มถิ ุนายน 2563

วัตถุประสงค์: เพื่อพฒั นาและประเมินผลการใช้แนวทางการปฏิบัติงานสาหรับพยาบาลเวรตรวจการ
โรงพยาบาลสงั กดั สานกั การแพทย์ กรุงเทพมหานคร

วิธีดาเนินการวิจัย: เป็ นการวจิ ยั เชิงพรรณนา กลุ่มตวั อยา่ ง คือ พยาบาลเวรตรวจการ โรงพยาบาลสงั กดั สานัก
การแพทย์ 8 โรงพยาบาล ประกอบดว้ ย โรงพยาบาลกลาง โรงพยาบาลตากสิน โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์
โรงพยาบาลสิรินธร โรงพยาบาลหลวงพ่อทวีศกั ด์ิ ชุตินฺธโร อุทิศ โรงพยาบาลราชพิพฒั น์ โรงพยาบาล
เวชการุณยร์ ศั ม์ิ และโรงพยาบาลลาดกระบงั กรุงเทพมหานคร เคร่ืองมือที่ใชใ้ นการวิจยั ไดแ้ ก่ 1) ร่างแนวทางการ
ปฏิบตั ิงานสาหรับพยาบาลเวรตรวจการโรงพยาบาลสงั กดั สานักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร 2) แบบวดั ความรู้
เร่ืองแนวทางการปฏิบตั ิงานสาหรับพยาบาลเวรตรวจการโรงพยาบาลสงั กดั สานกั การแพทย์ กรุงเทพมหานคร
3) แบบประเมินความพึงพอใจต่อการใชแ้ นวทางการปฏิบตั ิงานสาหรับพยาบาลเวรตรวจการโรงพยาบาลสังกดั
สานกั การแพทย์ กรุงเทพมหานคร วเิ คราะห์ขอ้ มูลความถ่ี ร้อยละ ค่าเฉล่ีย และส่วนเบยี่ งเบนมาตรฐาน

ผลการวิจัย: พบวา่ 1) แนวทางการปฏิบตั ิงานสาหรับพยาบาลเวรตรวจการฯ มี 5 ดา้ น ไดแ้ ก่ ดา้ นการบริหาร
จดั การบคุ ลากร ดา้ นการบริหารจดั การเตียงผปู้ ่ วยใน ดา้ นการบริหารงานทวั่ ไป ดา้ นการบริการทวั่ ไป และดา้ น
การประสานงานและการรายงาน 2) ผลการใชแ้ นวทางการปฏิบตั ิงานสาหรับพยาบาลเวรตรวจการโรงพยาบาล
สังกัดสานักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร พบว่า พยาบาลเวรตรวจการมีความรู้เร่ืองแนวทางการปฏิบตั ิงาน

สาหรับพยาบาลเวรตรวจการโรงพยาบาลสังกดั สานกั การแพทย์ กรุงเทพมหานคร อยใู่ นระดบั มาก ( X = 0.63,

SD = 0.44) และมีความพงึ พอใจต่อการใช้แนวทางการปฏิบตั ิงานสาหรับพยาบาลเวรตรวจการ โรงพยาบาล

สงั กดั สานกั การแพทย์ กรุงเทพมหานคร อยใู่ นระดบั มาก ( X = 3.81, SD = 0.90)

สรุป: แนวทางการปฏิบตั ิงานสาหรับพยาบาลเวรตรวจการ โรงพยาบาลสงั กดั สานกั การแพทย์ กรุงเทพมหานคร
เป็ นแนวทางท่ีช่วยให้พยาบาลเวรตรวจการ มีความรู้ในการบริหารจดั การและการประสานงานขณะปฏิบตั ิงาน
ตลอดจนสร้างความพงึ พอใจใหแ้ ก่พยาบาลเวรตรวจการในการปฏบิ ตั ิงานได้

คาสาคญั : พยาบาลเวรตรวจการ การพฒั นาแนวทางการปฏิบตั ิงาน การประเมินผลการใชแ้ นวทางปฏิบตั ิงาน

 ปีที่ 16 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม – มถิ นุ ายน 2563  65

บทความวิจัย
Research article

The development of guideline for nurse supervisors in hospital
under the Medical Service Department, Bangkok Metropolitan
Administration

Prapimpan Kriengwatanasiri *
* Nursing service division, BMA General Hospital, Medical Service Department, Bangkok Metropolitan Administration

Abstract Received: April 7, 2020
Revised: May 27, 2020
Accepted: June 16, 2020

Objective: To develop and evaluate the guideline for nurse supervisor in hospitals under the Medical Service
Department, Bangkok Metropolitan Administration.

Materials and Methods: The descriptive research study. The sample was the nurse supervisors of eight
hospitals under the medical service department: BMA General Hospital, Taksin Hospital, Charoenkrung
Pracharak Hospital, Sirindhorn Hospital, Venerable Thawisak Jutindharo Hospital, Ratchaphiphat Hospital,
Wetchakarunrat Hospital and BMA Lat Krabang Hospital. The research instruments were 1) draft of the
guideline for nurse supervisor in hospitals under the Medical Service Department, Bangkok Metropolitan
Administration 2) the nurse supervisor guideline knowledge test 3) the satisfaction evaluation. Data analysis of
frequency, percentage, average and standard deviation.

Results: 1) The guideline was consisted of five component: human resource management, inpatient bed

management, general management, service management and coordination and reporting 2) Nurse supervisor

knowledge evaluation results is high ( X = 0.63, SD = 0.44) and nurse supervisor satisfaction of the guideline is
high ( X = 3.81, SD = 0.90)

Conclusions: The guideline enables nurse supervisors on duty to manage and coordinate effectively and is
satisfactory among nurse supervisors.

Keywords: nurse supervisor, guideline development, guideline evaluation.

66  วารสารโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ 

บทนา ตรวจการของแต่ละโรงพยาบาลมกั พบปัญหาและ
อุปสรรคเกิดข้ึนนอกเวลาราชการ5 เน่ืองจากความ
การบริการพยาบาลเป็ นการบริการตลอด 24 ไม่ชัดเจนของแนวทางการปฏิบตั ิงาน การนิเทศ
ชวั่ โมง ท้งั ในวนั ราชการและวนั หยดุ นกั ขตั ฤกษ์ การ สาหรับพยาบาลเวรตรวจการ และพยาบาลเวรตรวจ
บริการพยาบาลที่ดี จาเป็ นต้องอาศัยการบริหาร การบางท่านยงั ขาดความชานาญ และทกั ษะในการ
ทางการพยาบาลที่มีประสิทธิภาพ ผบู้ ริหารทางการ แก้ไขปัญหาท่ีเกิดข้ึน ในขณะท่ีการตามมาตรฐาน
พยาบาล ถือเป็ นหัวใจสาคัญขององค์กรสุขภาพ โรงพยาบาลและบริการสุขภาพ6 ระบุระบบบริหาร
เพราะมีส่วนสาคญั ในการผลกั ดนั ใหเ้ กิดคุณภาพท้งั การพยาบาลควรสร้างความมนั่ ใจดา้ นกาลงั คนท่ีมี
ด้านการบริ หารและการบริ การพยาบาลที่ดี 1 ความรู้ความสามารถและปริมาณเพยี งพอ ไดแ้ ก่ การ
ผูบ้ ริหารทางการพยาบาลท่ีได้รับมอบหมายให้ ตรวจสอบ การประเมินคุณสมบตั ิและสมรรถนะ
ปฏิบตั ิงานตามบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบ เป็ น ของบุคลากรพยาบาลให้เหมาะสมกบั ลกั ษณะงาน
การปฏิบตั ิงานในเวลาราชการ ท้งั ตาแหน่งหัวหน้า และกาหนดขอบเขตการปฏิบตั ิการพยาบาลตาม
พยาบาลและหัวหน้าหอผูป้ ่ วย สาหรับการบริหาร มาตรฐานวชิ าชีพ
การพยาบาล นอกเวลาราชการและวนั หยดุ นักขตั ฤกษ์
ฝ่ ายการพยาบาลได้จัดให้มีพยาบาลเวรตรวจการ จากการระดมสมองของผเู้ ขา้ อบรมโครงการ
ปฏิบตั ิงานทาหน้าท่ีเป็ นผูบ้ ริหารการพยาบาลนอก “การพฒั นาภาวะผูน้ าของพยาบาลเวรตรวจการ
เวลาราชการ2 โรงพยาบาลสังกัดสานักการแพทย์” วันที่ 14
สิงหาคม 2561 ณ โรงพยาบาลกลาง7 เพ่ือประเมิน
พยาบาลเวรตรวจการ เป็นผูร้ ับผดิ ชอบงานท้งั และวเิ คราะห์องคก์ ร โดยใช้ SWOT analysis พบว่า
ด้านการบริหารบุคลากรทางการพยาบาลและการ ประเด็น ปั ญหาในก า รปฏิบัติงา นข องพยา บา ลเวร
จดั บริการพยาบาลแก่ผปู้ ่ วย และยงั มีบทบาทสาคญั ตรวจการ โรงพยาบาลสงั กดั สานกั การแพทยท์ ี่สาคญั
ในการประสานงานกับสหสาขาวิชาชีพ เพื่อให้ คือ บุคลากรที่ปฏิบัติงานในบทบาทพยาบาลเวร
สามารถจดั การบริการรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพต่อ ตรวจการ รู้สึกเครี ยดในการปฏิบัติงานหน้าที่
ผปู้ ่ วย3 ซ่ึงถือเป็ นบุคคลที่มีบทบาทสาคญั ต่อองคก์ ร พยาบาลเวรตรวจการ เนื่องจากการปฏิบตั ิงาน/การ
พยาบาล4 นอกจากน้ี พยาบาลเวรตรวจการ ยงั เป็ น จดั เวรใชร้ ะบบจดั เวรตามคิว พยาบาลทปี่ ฏบิ ตั ิหนา้ ท่ี
ผทู้ ่ีตอ้ งรับผิดชอบดา้ นการบริหารการพยาบาลแทน พยาบาลเวรตรวจการท่มี าจากหน่วยงานผปู้ ่ วยนอก/
หวั หนา้ พยาบาลในช่วงนอกเวลาราชการ2 แต่ในสาย หน่วยงานเฉพาะ ไม่คุ้นเคยกับระบบงานสาหรับ
การบงั คบั บญั ชาและการปฏิบตั ิงานทางการพยาบาล ผปู้ ่ วยใน เช่นเดียวกบั พยาบาลท่ใี ห้การบริการผปู้ ่ วย
พบวา่ ไม่มีการระบุตาแหน่งพยาบาลเวรตรวจการใน ในที่ไม่คุน้ เคยกบั ระบบงานผูป้ ่ วยนอก/หน่วยงาน
สายการบงั คบั บญั ชาที่เป็ นทางการ แต่พยาบาลเวร เฉพาะ ทาให้ไม่สามารถแก้ปัญหาท่ียงุ่ ยากซบั ซอ้ น
ตรวจการเหล่าน้ี ต้องรับผิดชอบบริหารจัดการ ใ น ก า ร ป ฏิ บัติ ง า น ไ ด้ ค ร อ บ ค ลุ ม ทุ ก ห น่ ว ย ง า น
โรงพยาบาลแทนผบู้ ริหารโรงพยาบาลและผบู้ ริหาร นอกจากน้ีพยาบาลเหล่าน้ียงั รู้สึกว่า ตนเองขาด
ทางการพยาบาล2 ซ่ึงการปฏบิ ตั ิงานของพยาบาลเวร

 ปีท่ี 16 ฉบบั ที่ 1 มกราคม – มถิ นุ ายน 2563  67

ประสบการณ์ในการเป็ นพยาบาลเวรตรวจการ ไม่มี สาหรับพยาบาลเวรตรวจการไม่ ชัดเจน ขาด
ค ว า ม มั่น ใ จ ใ น ก า ร ส่ื อ ส า ร แ ล ะ ป ร ะ ส า น ง า น กั บ รายละเอียดในการปฏิบตั ิ ไม่ครอบคลุมปัญหาทอ่ี าจ
ทมี สหสาขาวิชาชีพ พบวา่ ในขณะท่ีแนวทางปฏิบตั ิ เกิดข้ึน และไม่เป็ นปัจจุบนั ทาใหพ้ ยาบาลเวรตรวจ
สาหรบั พยาบาลเวรตรวจการทมี่ ีอยเู่ ป็ นเพยี งเอกสาร การไม่สามารถเตรียมตวั ก่อนการปฏิบตั ิงาน ขาด
เวียนแจ้งเพ่ือทราบ หรือแนวทางที่ทาข้ึนเฉพาะ ความม่ันใจในการแก้ไขปัญหา และไม่สามารถ
เหตุการณ์ ซ่ึงเป็ นการจัดทาข้ึนภายหลังการเกิด แกป้ ัญหาได้ทนั ท่วงที ส่งผลให้พยาบาลวิชาชีพท่ี
เหตุการณ์ แต่ไม่มีการจดั ทาแนวทางการปฏิบตั ิใน ไดร้ ับมอบหมายในการปฏิบตั ิหนา้ ท่ีเป็นพยาบาลเวร
การป้องกนั ปัญหาเชิงรุก นอกจากน้ีแนวทางปฏบิ ตั ิท่ี ตร ว จ ก า ร เ กิ ด ค ว า ม สั บ ส น แล ะ ค วา ม เ ค รี ย ด ข ณ ะ
มีอยยู่ งั จดั ทาในรูปแบบความเรียง แต่ไม่มีการจดั ทา ปฏิบตั ิหน้าท่ีพยาบาลเวรตรวจการ และปฏิเสธการ
เป็ นแผนภาพท่ีเข้าใจได้ง่าย จากประเด็นปัญหา ปฏิบตั ิงานในหนา้ ท่ีดงั กล่าว
ดงั กล่าว ส่งผลให้พยาบาลวิชาชีพที่ปฏิบตั ิงานใน
หน้าที่พยาบาลเวรตรวจการมีเจตคติไม่ดีต่อการ ผู้วิจัยในฐานะหัวหน้าพยาบาล ฝ่ ายการ
ปฏิบตั ิงานในหนา้ ท่ีดงั กล่าว พยาบาล โรงพยาบาลกลาง ไดเ้ ล็งเห็นความสาคญั
ของประเด็นปัญหาดังกล่าว และต้องการแก้ไข
สาหรับโรงพยาบาลสงั กดั สานกั การแพทย์ ที่ ปัญหาท่ีส่งผลกระทบตอ่ การปฏิบตั งิ านของพยาบาล
ให้บริ การตลอด 24 ชั่วโมง มี 8 โรงพยาบาล เวรตรวจการ ตลอดจนสร้างความม่ันใจและเพิ่ม
ประกอบดว้ ย โรงพยาบาลกลาง โรงพยาบาลตากสิน ประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของพยาบาลเวร
โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ โรงพยาบาล ตรวจการ จึงสนใจพฒั นาและประเมินผลการใช้
สิรินธร โรงพยาบาลหลวงพ่อทวีศกั ด์ิ ชุตินฺธโร อุทิศ แนวทางปฏิบตั ิงานสาหรับพยาบาลเวรตรวจการ
โรงพยาบาลราชพพิ ฒั น์ โรงพยาบาลเวชการุณยร์ ัศม์ิ โรงพยาบาลสงั กดั สานกั การแพทย์ กรุงเทพมหานคร
และโรงพยาบาลลาดกระบงั กรุงเทพมหานคร โดยใหบ้ ุคลากรที่ปฏบิ ตั หิ นา้ ที่พยาบาลเวรตรวจการ
จากการสัมภาษณ์หัวหน้าพยาบาลท้ัง 8 แห่ง ใน มีส่วนร่วมในการกาหนดแนวทางการปฏิบตั ิงาน
เดือนมิถุนายน 2561 พบว่า พยาบาลเวรตรวจการ สาหรับพยาบาลเวรตรวจการท่ีสามารถนาลงสู่การ
ประกอบดว้ ย หัวหน้าหอผูป้ ่ วย/หัวหน้าหน่วยงาน ปฏิบตั ไิ ดอ้ ยา่ งเป็ นรูปธรรม
ผชู้ ่วยหัวหน้าหอผูป้ ่ วย/ผูช้ ่วยหัวหน้าหน่วยงาน และ
พยาบาลวิชาชีพระดบั ชานาญการ ที่มีประสบการณ์ วตั ถุประสงค์
การทางานต้งั แต่ 10 ปี ข้นึ ไป ทาหนา้ ท่ีบริหารจดั การ
แกป้ ัญหา ตดั สินใจ และประสานงานเพื่อแกป้ ัญหา 1. เพื่อพฒั นาแนวทางการปฏิบตั ิงานสาหรับ
นอกเวลาราชการแทนผูบ้ ริหารทางการพยาบาล พยาบาลเวรตรวจการ โรงพยาบาลสังกัดสานัก
ทุกโรงพยาบาล แต่การปฏิบตั ิงานของพยาบาลเวร การแพทย์ กรุงเทพมหานคร
ตรวจการ โรงพยาบาลสังกัดสานักการแพทย์ที่
ผา่ นมา พบวา่ พยาบาลเวรตรวจการมีแนวทางปฏิบตั ิ 2. เพ่ือประเมินผล การใช้แนวทางกา ร
ปฏบิ ตั งิ านสาหรับพยาบาลเวรตรวจการ โรงพยาบาล
สงั กดั สานกั การแพทย์ กรุงเทพมหานคร

68  วารสารโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ 

วธิ ดี าเนินการวจิ ยั 1.2 นาขอ้ มูลจากการสังเคราะห์ในขอ้ 1.1
มาสนทนากลุ่มของพยาบาลเวรตรวจการ ซ่ึงมี
การวิจยั น้ี เป็ นการวิจยั และพฒั นา (research ประสบการณ์ในการปฏิบตั ิงานในบทบาทเวรตรวจ
การพยาบาลต้งั แต่ 3 ปี ข้ึนไป จานวน 12 คน สรุป
and development) เป็ นร่างแนวทาง ประกอบด้วย ด้านการบริหาร
จดั การบุคลากร ดา้ นการบริหารจดั การเตียงผปู้ ่ วยใน
ประชากรและกลุ่มตวั อย่าง ด้านการบริหารงานทว่ั ไป ด้านการบริการทวั่ ไป
และดา้ นการประสานงานและการรายงาน
ประชากร คื อ พ ย า บ า ล เ ว ร ต ร ว จ ก า ร
1.3 นาร่างแนวทางจากขอ้ 1.2 มาสนทนา
โรงพยาบาลสงั กดั สานกั การแพทย์ จานวน 497 คน กลุ่มกบั ตวั แทนพยาบาลเวรตรวจการโรงพยาบาล
สังกัดสานักการแพทย์ กรุ งเทพมหานคร ที่มี
กลุ่มตัวอย่าง จานวน 280 คน ได้จากการ ประสบการณ์ในการเป็ นพยาบาลเวรตรวจการ
มากกว่า 10 ปี จานวน 10 คน และสรุปเป็ นแนว
คานวณจากสูตรของ Yamane8 เลือกกลุ่มตัวอย่าง ทางการปฏิบัติงานสาหรับพยาบาลเวรตรวจการ
โรงพยาบาลสงั กดั สานกั การแพทย์ กรุงเทพมหานคร
แบบง่าย (simple random sampling) แบ่งสัดส่วน ประกอบดว้ ย

ดงั น้ี 1) ด้า น ก า รบริ หา รจัดก า ร บุค ล า ก ร
หมายถึง พยาบาลเวรตรวจการทาหน้าท่ีบริหาร
โรงพยาบาลกลาง 59 คน จดั การ กรณีเจา้ หนา้ ที่ไม่มาปฏิบตั ิงานลาป่ วย ลากิจ
ฉุกเฉิน หรือเจา้ หนา้ ท่ีแสดงพฤติกรรมการบริการไม่
โรงพยาบาลตากสิน 74 คน สุภาพ ท้งั ยงั ตอ้ งบริหารจดั การในการบริหารความ
เสี่ยงทางคลินิก และบริหารจัดการกรณีเจา้ หน้าที่
โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ 40 คน ไดร้ ับอุบตั ิเหตุจากเข็ม หรือของมีคม/สารคดั หลั่ง
ขณะปฏบิ ตั งิ าน
โรงพยาบาลสิรินธร 37 คน
2) ด้านการบริหารจัดการเตียงผูป้ ่ วยใน
โรงพยาบาลหลวงพอ่ ทวศี กั ด์ิชุตนิ ฺธโรอุทศิ 21 คน หมายถึง พยาบาลเวรตรวจการ ทาหน้าท่ีบริหาร
จดั การเตยี งผปู้ ่ วยในตามแนวทางการรับใหม่ รบั ยา้ ย
โรงพยาบาลราชพพิ ฒั น์ 29 คน ผูป้ ่ วยในสามัญ/การรับใหม่ รับยา้ ยผูป้ ่ วยเข้าห้อง
พเิ ศษนอกเวลาราชการ
โรงพยาบาลเวชการุณยร์ ัศม์ิ 13 คน
3) ด้านการบริหารงานทั่วไป หมายถึง
โรงพยาบาลลาดกระบงั กรุงเทพมหานคร 7 คน พยาบาลเวรตรวจการมีหน้าท่ีบริหารจดั การกรณี

เครื่องมือทใ่ี ช้ในการวจิ ยั

1. เคร่ืองมือที่ใชใ้ นการวิจยั คือ แนวทางการ
ปฏบิ ตั ิงานสาหรบั พยาบาลเวรตรวจการ โรงพยาบาล
สงั กดั สานกั การแพทย์ กรุงเทพมหานคร ทมี่ ีข้นั ตอน
การจดั ทา ดงั น้ี

1.1 สังเคราะห์ข้อมูลจากการวิเคราะห์
สถานการณ์เก่ียวกบั การปฏิบตั ิงานของพยาบาลเวร
ตรวจการ (SWOT analysis) สถิติและรายละเอียด
ของการรายงานเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ด้านการ
บริ หา ร ก า รพย า บา ล น อ ก เวล า รา ชก า รข อ ง
โรงพยาบาลสงั กดั สานกั การแพทย์ กรุงเทพมหานคร
ต้งั แต่ พ.ศ.2559 - 2561

 ปีที่ 16 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม – มถิ นุ ายน 2563  69

ผูป้ ่ วยกระทาอัตวินิบาตกรรม ผูป้ ่ วยหนี/หาย ออก การหาคณุ ภาพของเคร่ืองมือ
จากโรงพยาบาล การรบั ศพผปู้ ่ วยอิสลามไปประกอบ 1. แนวทางการปฏิบตั ิงานสาหรับพยาบาลเวร
พธิ ีกรรมทางศาสนานอกเวลาราชการ นอกจากน้ียงั ตรวจการ โรงพยาบาลสังกัดสานักการแพทย์
มีหน้า ท่ีบริ หา รจัดก า รก รณี ท่ี มี บุ ค ค ล ภา ยน อ ก ทา กรุงเทพมหานคร ตรวจสอบความตรงตามเน้ือหา
ทรัพยส์ ินของโรงพยาบาลเสียหาย การโจรกรรม โ ด ย ผู้ท ร ง คุ ณ วุฒิ ด้า น ก า ร บ ริ ห า ร ก า ร พ ย า บ า ล
ทรัพยส์ ินในหน่วยงาน การเกิดเหตุเพลิงไหม้ และ การปฏิบตั ิการพยาบาลและด้านวิชาการพยาบาล
การรบั แรงงานตา่ งดา้ วผดิ กฎหมายเขา้ รับการรกั ษา จานวน 5 คน ได้ค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC)
ต้งั แต่ 0.60 - 1.00
4) ดา้ นการบริการทวั่ ไป หมายถึง พยาบาล 2. แบบวดั ความรูเ้ ร่ืองแนวทางการปฏิบตั ิงาน
เวรตรวจการมีหน้าที่บริ หารจัดการ ในกรณี สาหรับพยาบาลเวรตรวจการ โรงพยาบาลสังกัด
คอ ม พิวเตอ ร์ /โท รศัพท์เสี ยท้ังโรงพยา บ า ล สานักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร จานวน 20 ข้อ
นอกจากน้ียงั มีหน้าท่ีบริหารจดั การกรณีการรับ/ส่ง เป็ นขอ้ คาถามแบบเลือกคาตอบ 4 ตวั เลือก ทดลอง
ต่อผูป้ ่ วยประกนั สังคม กรณีตารวจตอ้ งการรับตวั ใช้กับพยาบาลเวรตรวจการ โรงพยาบาลกลาง ท่ี
ผปู้ ่ วยท่ถี ูกอายดั ตวั เป็นผตู้ อ้ งหาออกจากโรงพยาบาล ไม่ใช่กลุ่มตวั อย่าง จานวน 30 คน ได้ค่าความยาก
และกรณีเกิดขอ้ รอ้ งเรียนทางโทรศพั ท์ ระหว่าง 0.33 - 0.90 และไดค้ ่าอานาจจาแนกระหวา่ ง
0.20 - 0.73
5) ดา้ นการประสานงานและการรายงาน 3. แบบประเมินความพงึ พอใจตอ่ แนวทางการ
หมายถึง พยาบาลเวรตรวจการมีหน้าท่ีประสานงาน ปฏบิ ตั ิงานสาหรบั พยาบาลเวรตรวจการ โรงพยาบาล
เพอื่ แกไ้ ขปัญหาเร่งด่วน ปัญหาด่วน และปัญหาไม่ สังกัดสานักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร เป็ น
ด่วน แบบสอบถามแบบมาตรประมาณค่า 5 ระดบั จานวน
10 ขอ้ ผ่านการตรวจสอบความตรงตามเน้ือหาโดย
2. เคร่ืองมือในการเก็บรวบรวมขอ้ มูล ไดแ้ ก่ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารการพยาบาล การ
2.1 แบบวัดความรู้เรื่ องแนวทางการ ป ฏิ บัติ ก า ร พ ย า บ า ล แ ล ะ ด้ า น วิ ช า ก า ร พ ย า บ า ล
จานวน 5 คน ไดค้ ่าดชั นีความสอดคล้อง (IOC) = 1
ปฏบิ ตั งิ านสาหรับพยาบาลเวรตรวจการโรงพยาบาล คา่ ความเทย่ี ง = 0.96
สงั กดั สานกั การแพทย์ กรุงเทพมหานคร จานวน 20
ขอ้ เป็ นขอ้ คาถามแบบเลือกคาตอบ 4 ตวั เลือก มีค่า การเกบ็ รวบรวมข้อมูล
ความยากระหวา่ ง 0.33 - 0.90 และ มีค่าอานาจจาแนก
ระหวา่ ง 0.20 - 0.73 การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลมีข้นั ตอน ดงั น้ี
1. ผูว้ ิจัยอธิบายวิธีใช้แนวทางการปฏิบตั ิงาน
2.2 แบบประเมินความพึงพอใจต่อแนว สาหรับพยาบาลเวรตรวจการ ให้แก่พยาบาลเวร
ทางการปฏิบตั ิงานสาหรับพยาบาลเวรตรวจการ
โรงพยาบาลสงั กดั สานกั การแพทย์ กรุงเทพมหานคร
เป็ นแบบสอบถามแบบมาตรประมาณค่า 5 ระดับ
จานวน 10 ข้อ ผ่านการตรวจสอบความตรงตาม
เน้ือหาจากผเู้ ช่ียวชาญ 5 คน ค่า IOC = 1

70  วารสารโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ 

ตรวจการ โรงพยาบาลสังกัดสานักการแพทย์ สานักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร วิเคราะห์ด้วย
กรุงเทพมหานคร ค่าเฉลี่ย (mean) และส่ วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
(standard deviation)
2. กลุ่ มตัวอย่างทดลองใช้แนวทางการ
ปฏิบตั ิงานสาหรบั พยาบาลเวรตรวจการ โรงพยาบาล ผลการวจิ ยั
สังกดั สานักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร เป็ นเวลา
1 เดือน ผลการวิจยั การพฒั นาแนวทางการปฏบิ ตั ิงาน
สาหรับพยาบาลเวรตรวจการโรงพยาบาลสังกัด
3. ให้กลุ่มตัวอย่างทาแบบวัดความรู้เพื่อ สานกั การแพทย์ กรุงเทพมหานคร แบ่ง เป็ น 2 ส่วน
ประเมินความรู้เรื่องแนวทางการปฏิบตั ิงานสาหรับ ประกอบด้วย 1) แนวทางการปฏิบัติงานสาหรับ
พยาบาลเวรตรวจการ โรงพยาบาลสังกัดสานัก พยาบาลเวรตรวจการโรงพยาบาลสังกัดสานัก
การแพทย์ กรุงเทพมหานคร และประเมินความ การแพทย์ กรุงเทพมหานคร และ 2) การประเมินผล
พึงพอใจต่อการใช้แนวทางการปฏิบตั ิงานสาหรับ การใชแ้ นวทางการปฏิบัติงานสาหรับพยาบาลเวร
พยาบาลเวรตรวจการ โรงพยาบาลสังกัดสานัก ตรวจการ โรงพยาบาลสังกัดสานักการแพทย์
การแพทย์ กรุงเทพมหานคร โดยใช้วิธีการตอบ กรุงเทพมหานคร ได้แก่ ความรู้ของพยาบาลเวร
คาถามออนไลน์รูปแบบ google form ตรวจการ โรงพยาบาลสังกัดสานักการแพทย์
กรุงเทพมหานคร เกี่ยวกบั แนวทางการปฏิบตั ิงาน
การวเิ คราะห์ข้อมูล สาหรับพยาบาลเวรตรวจการโรงพยาบาลสังกัด
สานักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร และความ
ก า ร วิ เ ค ร า ะ ห์ ข ้อ มู ล ใ ช้ส ถิ ติ เ ชิ ง พ ร ร ณ น า พึงพอใจของพยาบาลเวรตรวจการ โรงพยาบาล
(descriptive statistics) ดงั น้ี สงั กัดสานักการแพทยก์ รุงเทพมหานคร ต่อการใช้
แนวทางการปฏบิ ตั ิงานสาหรับพยาบาลเวรตรวจการ
1. ขอ้ มูลส่วนบุคคลของพยาบาลเวรตรวจการ โรงพยาบาลสงั กดั สานกั การแพทย์ กรุงเทพมหานคร
พยาบาล โรงพยาบาลสังกัดสานักการแพทย์ ดงั น้ี
กรุงเทพมหานคร ประกอบดว้ ย อายุ ระดบั การศึกษา
ระยะเวลาที่ปฏบิ ตั ิงานโดยรวม และประสบการณ์ใน ข้อมูลส่ วนบุคคลพยาบาลเวรตรวจการ
การเป็ นพยาบาลเวรตรวจการ แจกแจงความถี่ ส่วนใหญ่อายุ 41 - 50 ปี จานวน 124 คน (คิดเป็ น
(frequency) และร้อยละ (percentage) ร้อยละ 52.6) รองลงมา อายุ 30 - 40 ปี จานวน 68 คน
(คิดเป็ นร้อยละ 28.8) ระดับการศึกษา ส่วนใหญ่
2. ความรู้เร่ืองแนวทางการปฏิบตั งิ านสาหรับ ปริญญาตรี จานวน 199 คน (คิดเป็ นร้อยละ 84.3)
พยาบาลเวรตรวจการ โรงพยาบาลสังกัดสานัก ระยะเวลาการทางานสูงสุด มากกว่า 20 ปี จานวน
การแพทย์ กรุงเทพมหานคร วิเคราะห์ขอ้ มูลด้วย 124 คน (คิดเป็ นร้อยละ 52.5) รองลงมา ระยะเวลา
ค่าเฉลี่ย (mean) และส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน การทางาน 10 - 20 ปี จานวน 109 คน (คิดเป็ น
(standard deviation)

3. ความพึงพอใจต่อแนวทางการปฏิบตั ิงาน
สาหรับพยาบาลเวรตรวจการ โรงพยาบาลสังกัด

 ปีท่ี 16 ฉบบั ที่ 1 มกราคม – มถิ นุ ายน 2563  71

รอ้ ยละ 46.2) ส่วนประสบการณ์การเป็ นพยาบาลเวร ร้อยละ 80.9) รองลงมา ประสบการณ์ 5 - 10 ปี
ตรวจการสูงสุด นอ้ ยกว่า 5 ปี จานวน 191 คน (คิดเป็ น จานวน 27 คน (คิดเป็นร้อยละ 11.4) ตามลาดบั

ตารางท่ี 1 ความรู้ของพยาบาลเวรตรวจการ โรงพยาบาลสังกัดสานักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร เก่ียวกับ

แนวทางการปฏบิ ตั ิงานสาหรบั พยาบาลเวรตรวจการ โรงพยาบาลสงั กดั สานกั การแพทย์ กรุงเทพมหานคร

ค่าเฉลย่ี ส่วนเบ่ียงเบน

แนวทางการปฏบิ ัติ X มาตรฐาน ระดับความรู้

(SD)

1. ดา้ นการบริหารจดั การบคุ ลากร 0.61 0.44 มาก

2. ดา้ นการบริหารจดั การเตยี งผปู้ ่ วยใน 0.60 0.49 ปานกลาง

3. ดา้ นการบริหารงานทว่ั ไป 0.65 0.45 มาก

4. ดา้ นการบริการทว่ั ไป 0.53 0.45 ปานกลาง

5. ดา้ นการประสานงานและการรายงาน 0.77 0.40 มาก

ภาพรวม 0.63 0.44 มาก

จากตารางท่ี 1 พบว่า พยาบาลเวรตรวจการ มาก ( X = 0.77, SD = 0.40) รองลงมา ไดแ้ ก่ ความรู้
พยาบาล มีความรู้เกี่ยวกับแนวทางการปฏิบตั ิงาน
สาหรับพยาบาลเวรตรวจการโรงพยาบาลสังกัด ด้า น ก า รบ ริ หา รงา น ทั่วไ ป อ ยู่ใ น ระ ดับม า ก

สานักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร โดยรวมระดับ ( X = 0.65, SD = 0.45) ส่วนความรูท้ น่ี อ้ ยที่สุด ไดแ้ ก่

มาก ( X = 0.63, SD = 0.44) โดยความรู้สูงสุด ไดแ้ ก่ ความรู้ดา้ นการบริการทว่ั ไปอยใู่ นระดบั ปานกลาง

ดา้ นการประสานงานและการรายงานอย่ใู นระดับ ( X = 0.53, SD = 0.45)

ตารางที่ 2 ความพึงพอใจต่อแนวทางการปฏิบตั ิงานสาหรับพยาบาลเวรตรวจการ โรงพยาบาลสังกดั สานัก

การแพทย์ กรุงเทพมหานคร

ข้อ แนวทางการปฏิบัติ ค่าเฉลีย่ ส่วนเบย่ี งเบน ระดับ

X มาตรฐาน ความพึงพอใจ

(SD)

1 แนวทางการปฏบิ ตั งิ านสาหรบั พยาบาล

เวรตรวจการ ช่วยใหบ้ คุ ลากรเกิดความมน่ั ใจใน 3.92 0.86 พงึ พอใจมาก

การปฏบิ ตั งิ าน

72  วารสารโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ 

ตารางที่ 2 ความพึงพอใจต่อแนวทางการปฏิบตั ิงานสาหรับพยาบาลเวรตรวจการ โรงพยาบาลสงั กดั สานกั

การแพทย์ กรุงเทพมหานคร (ต่อ)

ข้อ แนวทางการปฏิบัติ ค่าเฉลีย่ ส่วนเบี่ยงเบน ระดบั

X มาตรฐาน ความพึงพอใจ

(SD)

2 แนวทางการ ปฏิบตั ิงานสาหรับพยาบาล

เวรตรวจการ ช่วยให้สามารถปฏิบตั ิงานไดอ้ ยา่ ง 3.88 0.85 พงึ พอใจมาก

เตม็ ศกั ยภาพ

3 แนวทางการปฏบิ ตั ิงานสาหรบั พยาบาล

เวรตรวจการ ช่วยบุคลากรใหม้ ีความสามารถใน 3.89 0.88 พงึ พอใจมาก

การบริหารจดั การดา้ นต่าง ๆ

4 แนวทางการปฏบิ ตั ิงานสาหรับพยาบาล

เวรตรวจการ ช่วยใหก้ ารประสานงานระหวา่ ง

บคุ ลากร และหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวขอ้ งท้งั 3.90 0.83 พงึ พอใจมาก
ภายในและภายนอกโรงพยาบาลเป็นไปอยา่ งมี

ประสิทธิภาพ

5 แนวทางการปฏบิ ตั ิงานสาหรบั พยาบาล 3.86 0.85 พงึ พอใจมาก
เวรตรวจการ ช่วยป้องกนั ความเส่ียงท่ีเกิดข้นึ

ภายในโรงพยาบาล

6 แนวทางการปฏบิ ตั งิ านสาหรับพยาบาล 3.86 0.81 พงึ พอใจมาก
เวรตรวจการ ช่วยแกไ้ ขความเสี่ยงทเี่ กิดข้ึน

ภายในโรงพยาบาล

7 แนวทางการปฏิบตั งิ านสาหรบั พยาบาล

เวรตรวจการ ช่วยลดความขดั แยง้ ทอ่ี าจจะ 3.83 0.81 พงึ พอใจมาก

เกิดข้นึ
8 แนวทางการปฏบิ ตั ิงานสาหรบั พยาบาล

เวรตรวจการ ช่วยใหผ้ รู้ ับบริการไดร้ บั บริการที่มี 3.84 0.80 พงึ พอใจมาก

คุณภาพและเกิดความพงึ พอใจ

9 แนวทางการปฏบิ ตั ิงานสาหรบั พยาบาล

เวรตรวจการ ช่วยใหม้ ีความสุขในการ 3.72 0.93 พงึ พอใจมาก

ปฏิบตั งิ าน

10 ความพงึ พอใจในการใชแ้ นวทางการปฏบิ ตั งิ าน 3.81 0.90 พงึ พอใจมาก
สาหรับพยาบาลเวรตรวจการ โดยภาพรวม

 ปีท่ี 16 ฉบบั ที่ 1 มกราคม – มถิ นุ ายน 2563  73

จากตารางที่ 2 พบว่า ความพึงพอใจของ ปรึกษาในการแกไ้ ขปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดข้ึนนอก
พยาบาลเวรตรวจการตอ่ แนวทางทางการปฏิบตั งิ าน เวลาราชการได้ สอดคลอ้ งกบั สุจิตรา เหลืองอมรเลิศ 9
สาหรับพยาบาลเวรตรวจการ โรงพยาบาลสังกัด ทก่ี ล่าวถึง สมรรถนะของพยาบาลเวรตรวจการตอ้ งมี
สานกั การแพทย์ กรุงเทพมหานคร ในภาพรวม อยู่ ภาวะผนู้ า มีความสามารถในการเจรจาต่อรอง การ
จดั การความขดั แยง้ สามารถคาดการณ์และจดั การ
ในระดบั มาก ( X = 3.81, SD = 0.90) โดยมีความพึง ต่อสถานการณ์ที่เกิดข้ึนตามลาดบั ความสาคญั ของ
ปัญหา สามารถแกป้ ัญหาอยา่ งมีเหตุผล โดยคานึงถึง
พ อ ใ จ ที่ ช่ ว ย ใ ห้ บุ ค ล า ก ร เ กิ ด ค ว า ม มั่น ใ จ ใ น ก า ร ผลกระทบต่อผู้ป่ วย ทีมสหสาขาวิชาชีพ และ
หน่วยงานทเ่ี ก่ียวขอ้ ง และเป็นบทบาทหนา้ ทีท่ ่สี าคญั
ปฏิบตั ิงานสูงสุด ( X = 3.92, SD = 0.86) รองลงมา ของพยาบาลเวรตรวจการ4 ที่จะตอ้ งมีความรู้ความ
เขา้ ใจในการประสานงานกบั หน่วยงานที่เกี่ยวขอ้ ง
ไดแ้ ก่ ช่วยใหก้ ารประสานงานระหวา่ งบุคลากร และ ในการปฏิบตั ิงานท้งั ภายในและภายนอกหน่วยงาน
หน่วยงานต่าง ๆที่เก่ียวขอ้ งท้งั ภายในและภายนอก เป็ นสื่อกลางในการประสานงาน แก้ไขปั ญหา
ฉุกเฉินที่เกิดข้ึนนอกเวลาราชการ ติดตามและ
โรงพยาบาลเป็ นไปอยา่ งมีประสิทธิภาพ ( X = 3.90, ประเมินผลการปฏิบตั ิงานของบุคลากรทุกระดับ
เพื่อให้เป็ นไปตามนโยบายและหลักปฏิบัติของ
SD = 0.83) ส่วนแนวทางการปฏิบัติงานสาหรับ องคก์ ร เพอื่ ใหเ้ กิดคุณภาพการปฏิบตั ิงาน รวมท้งั การ
พ ย า บ า ล เ ว ร ต ร ว จ ก า ร ช่ ว ย ใ ห้มี ค ว า ม สุ ข ใ น ก า ร บริหารความเส่ียงและนากระบวนการจดั การมาใช้
ในการบริหารเพ่ือให้การปฏิบตั ิงานบรรลุเป้าหมาย
ปฏิบัติงานมีความพึงพอใจน้อยท่ีสุด ( X = 3.72, มีการบนั ทึกและการรายงานที่มีประสิทธิภาพ เพ่ือ
นามาเป็ นขอ้ มูลในการบริหารจดั การของผบู้ ริหาร
SD = 0.93) ตอ่ ไป

อภปิ รายผลการวจิ ยั ส่ ว น พ ย า บ า ล เ ว ร ต ร ว จ ก า ร พ ย า บ า ล
โรงพยาบาลสงั กดั สานกั การแพทย์ กรุงเทพมหานคร
จากผลการวจิ ยั เร่ือง “การพฒั นาแนวทางการ มีความรู้เก่ียวกับแนวทางการปฏิบตั ิงานสาหรับ
ปฏิบตั งิ านสาหรับพยาบาลเวรตรวจการ โรงพยาบาล พยาบาลเวรตรวจการโรงพยาบาลสังกัดสานัก
สังกัดสานักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร” พบว่า การแพทย์ กรุงเทพมหานคร โดยรวมระดับมาก
แนวทางการปฏบิ ตั งิ านสาหรับพยาบาลเวรตรวจการ สอดคลอ้ งกบั การศึกษาของ นุศริน โกสียว์ งศานนท์
โรงพยาบาลสงั กดั สานกั การแพทย์ กรุงเทพมหานคร สุคนธ์ ไก่แกว้ และเบญ็ จวรรณ พทุ ธิองั กรู 10 ที่พบว่า
ประกอบดว้ ย 5 ดา้ น ไดแ้ ก่ 1) ดา้ นการบริหารจดั การ ภายหลงั การเขา้ ร่วมโปรแกรมการเรียนรูแ้ บบมีส่วน
บุคลากร 2) ด้านการบริหารจดั การเตียงผูป้ ่ วยใน ร่วมต่อความรู้ และทักษะการปฏิบัติงานของ
3) ด้านการบริหารงานท่ัวไป 4) ด้านการบริการ
ทวั่ ไป และ 5) ดา้ นการประสานงานและการรายงาน
โดยพบว่า พยาบาลเวรตรวจการมีความรู้เร่ืองแนว
ทางการปฏิบัติงานสาหรับพยาบาลเวรตรวจการ
โรงพยาบาลสงั กดั สานกั การแพทย์ กรุงเทพมหานคร
ในด้านการประสานงานและการรายงานสูงท่ีสุด
รองลงมา คือ ดา้ นการบริหารงานทวั่ ไป ซ่ึงพยาบาล
เวรตรวจการตอ้ งเป็นผทู้ ่ีสามารถตดั สินใจและเป็นที่

74  วารสารโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ 

พยาบาลเวรตรวจการ พยาบาลเวรตรวจการมีความรู้ ผูใ้ ช้บริการ และสร้างความเสียหายต่อองค์กรได้
แล ะ ทัก ษ ะ ใ น ก า รปฏิ บ ัติ งา น สู งก ว่า ก่ อ น เข ้า ร่ ว ม ดงั น้นั เมื่อเกิดปัญหาหรือเกิดภาวะวกิ ฤตจาเป็ นตอ้ ง
โปรแกรม และการศกึ ษาของกุลดา พฤติวรรธน์ รชั นี มีการแก้ไขอย่างเร่ งด่วนและถูกต้อง เพ่ือช่วย
วงค์แสน สิทธิพนั ธ์ ถนอมพนั ธ์ และสมรรถเนตร คลี่คลายความรุนแรงของปัญหาหรืออุบตั ิการณ์
ตะริโย11 ท่ีศึกษาการเพม่ิ ประสิทธิผลการดูแลผปู้ ่ วย ท่ีเกิดข้ึนไม่ให้บานปลายหรื อให้หมดไป14 ซ่ึ ง
เพ่ือลดการติดเช้ือด้ือยา แผนกอายุรกรรมและ สอดคล้องกับการศึกษาของ ภคั พร กอบผ้ึง และ
ศลั ยกรรม โดยการใชแ้ นวทางการปฏิบตั ิงานในการ ชนกพร อุตตมะ15 ทีพ่ บวา่ สมรรถนะของพยาบาลเวร
ป้องกนั การตดิ เช้ือด้ือยา พบวา่ พยาบาลมีความรูแ้ ละ ตรวจการด้านมนุษยส์ ัมพนั ธ์และการสื่อสาร การ
ปฏิบตั ิได้ถูกต้องเพ่ิมข้ึนจากก่อนการดาเนินการ แกไ้ ขปัญหาและการตดั สินใจ อยใู่ นระดบั สูง ส่วน
ท้งั น้ีผวู้ ิจยั ไดอ้ ธิบายแนวทางการปฏิบตั ิงานสาหรับ ความรู้ดา้ นการบริการทว่ั ไป อยใู่ นระดบั ปานกลาง
พยาบาลเวรตรวจการโรงพยาบาลสังกัดสานัก อาจเป็ นเพราะโดยลักษณะงานของพยาบาลเวร
การแพทย์ กรุงเทพมหานครให้แก่พยาบาลเวร ต ร ว จ ก า ร ต้อ ง มี ป ฏิ สั ม พ ัน ธ์ กับ บุ ค ล า ก ร ใ น ที ม
ตรวจการ ท้งั ยงั เปิ ดโอกาสให้มีการซักถาม ประกอบ สุขภาพทุกระดบั รวมท้งั หน่วยงานภายในต่าง ๆ ที่มี
กับพยาบาลเวรตรวจการ ได้นาแนวทางการ ความหลากหลาย นอกจากการจดั สรรกาลงั คนแล้ว
ปฏบิ ตั ิงานสาหรับพยาบาลเวรตรวจการโรงพยาบาล ตอ้ งสามารถจดั ส่ิงสนบั สนุน อานวยความสะดวกใน
สังกดั สานักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร ลงสู่การ การปฏิบตั ิงานเพื่อใหไ้ ดผ้ ลลพั ธ์ท่ีบรรลุเป้าหมาย16
ปฏิบัติในสถานการณ์จริง จึงทาให้พยาบาลเวร ซ่ ึ ง ต า ม แ น ว ท า ง ก า ร ป ฏิ บัติ ง า น ส า ห รั บ พ ย า บ า ล
ตรวจการมีความเขา้ ใจและเกิดการเรียนรู้จากการ เวรตรวจการ โรงพยาบาลสังกัดสานักการแพทย์
ลงมือปฏิบตั ิ (learing by doing)12 โดยความรู้ด้าน กรุงเทพมหานคร ได้มีการระบุ flow ของการจัด
การประสานงานและการรายงานอยู่ในระดบั มาก ล า ดับค ว า ม ส า ค ัญ ข อ ง ปั ญ ห า แล ะ ก า ร จัด ก า ร กับ
เน่ืองจากการประสานงานและการรายงานเป็ น ปัญหาเร่ งด่วน การแก้ปัญหาที่สาคัญและการ
บทบาทหนา้ ท่ีสาคญั ของพยาบาลเวรตรวจการและ ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวขอ้ งหลังจากที่มี
เป็นสมรรถนะท่ีมีความจาเป็นมากทส่ี ุดของพยาบาล การรับเวร
เวรตรวจการ5 ซ่ึงเป็ นความสามารถในการตดั สินใจ
ส่ัง ก า ร ใ น สถ า น ก า ร ณ์ หรื อ ปั ญ ห า ท่ี ต้อ ง ใ ช้ก า ร ส่วนความพึงพอใจต่อการใช้แนวทางการ
ตดั สินใจอย่างเร่งด่วนได้อยา่ งทนั เหตุการณ์ และ ปฏิบตั ิงานสาหรับพยาบาลเวรตรวจการ โรงพยาบาล
สา มา รถ แก้ไข ปั ญหาเฉพาะ หน้า เพ่ือช่ วยคล่ี คล า ย สงั กดั สานกั การแพทย์ กรุงเทพมหานคร อยใู่ นระดบั
ความรุนแรงของปัญหา ท้งั น้ีการปฏิบตั ิหน้าที่ของ มาก เน่ืองจากแนวทางการปฏิบัติงานสาหรับ
พยาบาลเวรตรวจการยอ่ มตอ้ งเผชิญกับปัญหาและ พยาบาลเวรตรวจการ โรงพยาบาลสังกัดสานัก
สถานการณ์ต่าง ๆ ท่ีไม่คาดคิดไดต้ ลอดเวลา13 หาก การแพทย์ กรุงเทพมหานคร ทาให้เขา้ ใจง่าย มีการ
แกไ้ ขไม่เหมาะสมหรือไม่ทนั เวลา อาจส่งผลเสียต่อ จดั ทาแยกตามระบบงานสาคัญ17 ซ่ึงแนวทางการ
ปฏบิ ตั งิ านสาหรบั พยาบาลเวรตรวจการ โรงพยาบาล

 ปีที่ 16 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม – มถิ นุ ายน 2563  75

สังกัดสานักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร ช่วยให้ ดังน้ัน หน่วยงานอื่นที่ต้องการนาแนวทางการ
บุคลากรเกิดความมั่นใจในการปฏิบตั ิงานสูงสุด ปฏิบตั งิ านสาหรบั พยาบาลเวรตรวจการ โรงพยาบาล
เนื่องจากกลุ่มตวั อยา่ งส่วนใหญ่มีประสบการณ์การ สงั กดั สานักการแพทย์ กรุงเทพมหานครไปใช้ ควร
เป็ นพยาบาลเวรตรวจการน้อยกว่า 5 ปี แต่ต้อง ศึกษาเน้ือหาให้เขา้ ใจ และควรปรบั ให้เหมาะสมกบั
รับผิดชอ บง า น ด้า น ก า ร บ ริ หา รก า ร พยา บ า ล แท น บริบทของหน่วยงาน
หัวหนา้ พยาบาล ท้งั ยงั ตอ้ งบริหารงานทว่ั ไป ติดต่อ
ประสานงาน แก้ปัญหาและจัดบริการให้บรรลุ ข้อเสนอแนะในการทาวจิ ยั ต่อไป
เป้าหมายนอกเวลาราชการ จึงทาใหข้ าดความมน่ั ใจ
ขณะปฏิบตั หิ นา้ ที่พยาบาลเวรตรวจการ ดงั น้นั เมื่อมี 1. ควรมีการวิจัยและพฒั นาตัวช้ีวดั คุณภาพ
แนวทางในการปฏิบตั ิงานเป็ นคู่มือสาหรับปฏิบตั ิ การปฏบิ ตั ิงานของพยาบาลเวรตรวจการ
หนา้ ท่ี จึงทาใหพ้ ยาบาลเวรตรวจการเกิดความมน่ั ใจ
ในการบริ หารจัดการกับปั ญหาหรื อเผชิญกับ 2. ควรมีการวิจยั และพฒั นาเคร่ืองมือสาหรับ
สถานการณ์ต่าง ๆมากข้ึน สอดคลอ้ งกบั การศึกษา ประเมินสมรรถนะพยาบาลเวรตรวจการ
ของ สังวาล สกะมณี สัญญา โพธ์ิงาม และพิชา
คนกาญจน์18 ที่พบว่า ภายหลงั การใช้รูปแบบการ เอกสารอ้างองิ
นิเทศของผูต้ รวจการที่พฒั นาให้มีความชัดเจนมี
รายละเอียดของการปฏิบัติทุกข้ันตอน มีการ 1. สภาการพยาบาล. สมรรถนะผูบ้ ริหารการ
แลก เปล่ี ยน เรี ยนรู้สร้างค วา มเข้าใจใน กลุ่ ม พยาบาล. กรุงเทพฯ: สภาการพยาบาล; 2556.
ผตู้ รวจการพยาบาลทาใหค้ วามพงึ พอใจของพยาบาล
เวรตรวจการอยใู่ นระดบั มาก เนื่องจากรูปแบบการ 2. สุดารัตน์ วรรณสาร, รัตนาวดี ชอนตะวัน,
นิเทศช่วยให้สามารถกาหนดเป้าหมายเพื่อการนิเทศ สมใจ ศิระกมล. การพัฒนาการนิเทศการ
ได้ถูกตอ้ ง รวดเร็ว ครอบคลุม และมีแนวทางการ พยาบาลของผู้ตรวจการพยาบาลนอกเวลา
แก้ไขปัญหาท่ีชัดเจนทาให้ลดความเครี ยดแก่ ราชการ โรงพยาบาลนครพงิ ค์ จงั หวดั เชียงใหม่.
พยาบาลเวรตรวจการได้ พยาบาลสาร 2556; 40 (ฉบบั พเิ ศษ): 57-68.

ข้อเสนอแนะในการนาผลการวจิ ยั ไปใช้ 3. Monster. Nurse Supervisor Job Responsi-
bilities [Internet]. 2019[cited 2019 May 1].
แนวทางการปฏิบัติงานสาหรับพยาบาลเวร Available from https://hiring.monster.com/
ตรวจการ โรงพยาบาลสังกัดสานักการแพทย์ employer-resources/job-description-templates/
กรุงเทพมหานคร พฒั นาโดยการหาความตรงตาม nurse-supervisor-job-description/.
เน้ื อหา ความเหมาะสมและการทดลองใช้ใน
โรงพยาบาลสงั กดั สานกั การแพทย์ กรุงเทพมหานคร 4. วารี วณิชปัญจพล, สุพศิ กิตติรัชดา. การบริหาร
การพยาบาลสู่คุณภาพ การนิเทศการพยาบาล.
กรุงเทพฯ: สามเจริญพาณิชย;์ 2551.

5. อาไพย์ ขอพ่งึ . ตวั ประกอบของสมรรถนะของ
ผู้ต ร ว จ ก า ร พ ย า บ า ล น อ ก เ ว ล า ร า ช ก า ร ใ น
โรงพยาบาลท่ัวไป [วิทยานิพนธ์พยาบาล
ศาสตรมหาบัณฑิต]. ชลบุรี: คณะพยาบาล
ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั บรู พา; 2556.

76  วารสารโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ 

6. สถ า บัน รั บร อ งคุ ณ ภา พ สถ า น พ ย า บ า ล 13. เพ็ญจันทร์ แสนประสาน, รจกร กัลยางกรู,
(องค์การมหาชน). มาตรฐานโรงพยาบาล อารี ย์ ฟองเพชร, สิริเกต สวัสดิวัฒนากุล,
และบริการสุขภาพ ฉบับที่ 4. นนทบุรี : รุ่งนภา ป้องเกียรติชัย. การจัดการทางการ
สถ า บัน รั บร อ งคุ ณ ภา พ สถ า น พ ย า บ า ล พยาบาลเพ่ือความปลอดภัย. พิมพ์คร้ังที่ 3.
(องคก์ ารมหาชน); 2561. กรุงเทพฯ: สุขมุ วทิ การพมิ พ;์ 2549.

7. โรงพยาบาลกลาง. รายงานสรุปโครงการการ 14. Goleman D. Working with Emotion
พัฒนาภาวะผูน้ าของพยาบาลเวรตรวจการ Intelligence. New York: Bantam Book; 1998.
โ ร ง พ ย า บ า ล สั ง กัด ส า นั ก ก า ร แ พ ท ย์
กรุงเทพมหานคร; 2561. 15. ภคั พร กอบผ้ึง, ชนกพร อุตตมะ. สมรรถนะ
ของผตู้ รวจการพยาบาลนอกเวลาราชการตาม
8. อจั ฉราวรรณ งามญาณ. อนั เน่ืองมาแตส่ ูตรของ การรับรู้ของตนเองและพยาบาลประจาการ
ยามาเน่. วารสารบริหารธุรกิจ, 2554; 32(121): โรงพยาบาลนครพงิ ค.์ วารสารกองการพยาบาล
41-60. 2553; 37(2): 27-37.

9. สุจติ รา เหลืองอมรเลิศ. สมรรถนะผบู้ ริหารการ 16. Vestal KW. Nursing Management: Concepts
พยาบาล. กรุงเทพฯ: บริษทั จดุ ทอง; 2556. and Issues. 2nded. Philadephia: J.B.Lippincott;
1995.
10. นุศริน โกสียว์ งศานนท,์ สุคนธ์ ไก่แกว้ , เบญ็ จว
รรณ พุทธิองั กูร. ผลของโปรแกรมการเรียนรู้ 17. อภิสิทธ์ิ คุณวรปัญญา. การพฒั นางานประจาสู่
แบบ มี ส่ วน ร่ วม ต่ อ ค ว า ม รู้แ ล ะ ท ัก ษะ ใ น ก า ร งานวิจัย Routine to Research (R2R) เทคนิ ค
ปฏิบตั ิงานของผูต้ รวจการพยาบาลนอกเวลา และวิธีการจดั ทาคู่มือปฏิบตั ิการ.[อินเทอร์เน็ต].
ราชการ ที่โรงพยาบาลตติยภูมิแห่งหน่ึง สังกัด 2562 [เข้าถึงเมื่อ 23 มีนาคม 2563]. เข้าถึงได้
สานักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร. วารสาร จ า ก https://science.swu.ac.th/Portals/22/ QA/
โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ 2561; 14(1): KM/2019/R2R_1_04062562.pdf.
25-39.
18. สังวาล สกะมณี , สัญญา โพธ์ิงาม , พิชา
11. กุลดา พฤติวรรธ์น, รัชนี วงคแ์ สน, สิทธิพนั ธ์ คนกาญจน์. ผลการพฒั นาสมรรถนะผตู้ รวจการ
ถนอมพันธ์, สมรรถเนตร ตะริโย. การเพิ่ม พยาบาลนอกเวลาราชการ ดา้ นการนิเทศกลุ่ม
ประสิทธิผลการดูแลผปู้ ่ วยเพอ่ื ลดการติดเช้ือด้ือ ภารกิจดา้ นการพยาบาล โรงพยาบาลสิงห์บุรี.
ยา แผนกอายรุ กรรมและศลั ยกรรม โรงพยาบาล วารสารพยาบาลทหารบก 2560; 18 (ฉบับ
นครพิงค์. วารสารกองการพยาบาล, 2560; พเิ ศษ): 248-56.
44(4): 10-33.

12. Charat P. learning by doing [Internet].
2010[cited 2020 January 20]. Available from
https://www.gotoknow.org/posts/231204.

 ปีท่ี 16 ฉบบั ที่ 1 มกราคม – มถิ นุ ายน 2563  77

รายงานผู้ป่ วย
Case report

โรคล่ิมเลือดอุดก้ันในหลอดเลือดปอดเฉียบพลันหลังการผ่าตัดหลังใน
ผู้ป่ วยโรคโพรงกระดูกสันหลงั ตบี แคบ: รายงานผู้ป่ วย

เสาวลกั ษณ์ มคี วามดี* เตมยี ์ เสถียรราษฎร์ **
* กลุ่มงานอายรุ กรรม โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ สานกั การแพทย์ กรุงเทพมหานคร
** กลุ่มงานออร์โธปิดิกส์ โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ สานกั การแพทย์ กรุงเทพมหานคร

บทคดั ย่อ รับบทความ: 30 มีนาคม 2563
ปรับแกบ้ ทความ: 14 พฤษภาคม 2563
ลงตีพิมพ:์ 16 มิถุนายน 2563

โรคลิ่มเลือดอุดก้นั ในหลอดเลือดปอดเป็ นภาวะแทรกซ้อนที่พบไดไ้ ม่มากภายหลงั การผ่าตดั กระดูก
หลงั แต่เมื่อเกิดข้นึ จะมีความเสี่ยงและความรุนแรงต่อการเจบ็ ป่ วย พกิ ารและเสียชีวิตสูง แนวทางการรักษาโรค
ล่ิมเลือดอุดก้นั ในหลอดเลือดปอดหลงั การผ่าตดั ข้ึนอยกู่ บั สภาวะของผปู้ ่ วยและดุลยพินิจของแพทยท์ ี่รักษา
รวมถึงการให้ยาเพ่ือป้องกันโรคลิ่มเลือดอุดก้นั ในหลอดเลือดปอดยงั เป็ นขอ้ ถกเถียงท้งั ในปัจจุบันและใน
การศึกษาที่ผา่ นมา ถึงแมจ้ ะไดร้ ับการป้องกนั โรคลิ่มเลือดอุดก้นั หลอดเลือดปอดแลว้ ผปู้ ่ วยส่วนหน่ึงกย็ งั คงพบ
อุบตั ิการณ์การเกิดโรคได้ บทความน้ีเป็ นการรายงานผปู้ ่ วยหญิงไทยคู่ อายุ 75 ปี มีอาการปวดหลงั ไดร้ ับการ
วินิจฉยั โรคโพรงกระดูกสันหลงั ตีบแคบบริเวณกระดูกสันหลงั เอวระดบั 4 และระดบั 5 และหลงั โกง (spinal
stenosis L4-L5 with kyphotic deformity) และได้รับการรักษาโดยการผ่าตัดกระดูกสันหลัง (laminectomy L4-L5,
transforaminal lumbar interbody fusion L5-S1 and pedicular screw fixation T6-S1 except right side of T10
with ostectomy T10-T12 with repair dura L4-L5 and posterior fusion T6-L5) หลังผ่าตดั วนั ที่ 3 มีปัญหาหอบ
เหนื่อย และตรวจพบภาวะออกซิเจนต่า และเอกซเรยค์ อมพิวเตอร์หลอดเลือดแดงที่ปอดพบลิ่มเลือดอุดตนั ที่
แขนงหลอดเลือดแดงทีป่ อดดา้ นซา้ ยและขวา คลื่นเสียงสะทอ้ นหัวใจพบล้ินหวั ใจไตรคสั ปิ ดรั่ว และความดนั ใน
หวั ใจหอ้ งล่างขวาขณะบีบตวั มีค่าสูง ได้รับการวินิจฉัยเป็ นโรคล่ิมเลือดอุดก้นั ที่แขนงปอด (intermediate risk
pulmonary embolism) และไดร้ ับการรักษาโดยใชย้ าตา้ นการแขง็ ตวั ของเลือด เฮพาริน (heparin) ทางหลอดเลือด
ดาในช่วงแรก และเฝ้าระวงั ภาวะเลือดออกในร่างกายตามที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะภาวะเลือดออกกดทบั ไขสนั หลงั
ซ่ึงอาจก่อให้เกิดอนั ตรายต่อไขสนั หลงั และเกิดความพกิ ารขาสองขา้ งอ่อนแรงตามมาได้ หลงั การรักษาผปู้ ่ วยมี
ภาวะเลือดออกเล็กนอ้ ยอยา่ งไม่มีนัยสาคญั จึงเปล่ียนเป็ นยาอีนอกซาพาริน (enoxaparin) ทางใตผ้ วิ หนัง และยา
วาร์ฟารินตามลาดับจนระดับ INR 1.8 จึงหยุดการฉีดยาอีนอกซาพาริน (enoxaparin) และให้ยาวาร์ฟาริน
(warfarin) ต่อเน่ือง ผปู้ ่ วยสามารถกลบั บา้ นไดแ้ ละไม่พบภาวะแทรกซ้อนรุนแรง จึงไดร้ ายงานเพ่อื เผยแพร่ให้
เป็นแนวทางหน่ึงของวธิ ีการรกั ษาผปู้ ่ วยท่ีมีภาวะลิ่มเลือดอุดก้นั หลอดเลือดปอดหลงั การผา่ ตดั กระดูกหลงั เส่ือม

คาสาคัญ:โรคล่ิมเลือดอุดก้ันในหลอดเลือดปอด การผ่าตดั กระดูกสันหลัง เอกซเรยค์ อมพิวเตอร์หลอดเลือดแดง
ทีป่ อด คล่ืนเสียงสะทอ้ นหวั ใจ

78  วารสารโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ 

รายงานผู้ป่ วย
Case report

Acute pulmonary embolism after spine surgery in lumbar spinal
stenosis: A case report

Soawaluk Meequamdee MD* Tamee Satianraj MD **
*Department of Internal Medicine, Charoenkrung Pracharak Hospital, Medical Service Department, Bangkok Metropolitan
Administration.
** Department of Orthropaedic Surgery, Charoenkrung Pracharak Hospital, Medical Service Department, Bangkok
Metropolitan Administration

Abstract Received: March 30, 2020
Revised: May 14, 2020
Accepted: June 16, 2020

Pulmonary embolism (PE) is a serious condition in orthopedic surgery. The incidence of PE is quite
low but it is high risk for morbidity and mortality. The role of pharmacologic thomboprophylaxis
remains controversial in spine surgery. Some trials reported acute pulmonary embolism in pre-operative
thromboprophylaxis patients. Management including type of anticoagulants and time to treat with anticoagulant
in pulmonary embolism after spine surgery vary and depend on opinion of physicians. A 75- year- old Thai
female presented with severe back pain and diagnosed as spinal cord stenosis L4-L5,with kyphotic deformity
was admitted for laminectomy L4-L5, transforaminal lumbar interbody fusion L5-S1 and pedicular screw
fixation, T6-S1 except right side of T10 with ostectomy T10-T12 and repair dura L4-L5 and posterior fusion
T6-L5. Postoperative day 3 patient developed sudden dyspnea and hypoxemia. Computer tomography
pulmonary artery reveals filling defect occupying nearly entire anterior segmental branch of left upper lobe
pulmonary artery and lateral basal segment of left lower lobe pulmonary artery, lateral basal segment and
posterior basal segment of right lower lobe pulmonary artery. Moderate tricuspic regurgitation and high right
ventricular systolic pressure were detected by transthoracic echocardiography. The patient was diagnosed
intermediate risk pulmonary embolism and treated with intravenous heparin under closed observation for
bleeding tendency and subdural hematoma in spinal cord Dypsnea was improved gradually without active
bleeding condition then heparin was switched to subcutaneous enoxaparin .Enoxaparin was stopped after INR
more than 1.8 and warfarin was continued. The patient was discharged without serious complications.

Keywords: acute pulmonary embolism, spine surgery, computed tomographic pulmonary angiography,
echocardiography

 ปีที่ 16 ฉบบั ที่ 1 มกราคม – มถิ นุ ายน 2563  79

บทนา ขาดออกซิเจนในเลือดและมีผลกระทบอวยั วะต่าง ๆ
ของร่างกายตามมา3,9,15 การรักษาโดยการใหย้ าตา้ น
โรคลิ่มเลือดอุดก้นั ในหลอดเลือดปอดหลัง การแข็งตวั ของเลือดหลังผ่าตดั หลัง อาจก่อให้เกิด
การผ่าตัดหลัง โดยทวั่ ไป มีอุบัติการณ์ประมาณ เลือดออกกดทบั ไขสันหลัง นาไปสู่อัมพาตของขา
ร้อยละ 0.59 - 2.91,2,3 และในประเทศไทยประมาณ หรือความบกพร่องทางระบบประสาทอื่น ๆ เช่น
ร้อยละ 0.0334 แม้จะพบในอัตราท่ีไม่มากแต่เม่ือ สู ญเสี ยกา รควบคุม การขับถ่ า ยอุ จจาระแล ะ
เกิดข้ึนจะส่งผลกระทบท้ังต่อผู้ป่ วยและญาติสูง ปัสสาวะ 16,17 ดังน้ัน จึงจดั ทารายงานผูป้ ่ วยเพ่ือให้
เน่ื อ ง จ า ก มี ค ว า ม เ สี่ ย ง แ ล ะ ค ว า ม รุ น แ ร ง ต่ อ ก า ร แพทยต์ ระหนักถึงแนวทางการวินิจฉัย รูปแบบการ
เจ็บป่ วย พิการและเสียชีวิตสูง3,5 แนวทางการ รักษา เพื่อให้ผูป้ ่ วยเหล่าน้ีได้รับการสืบค้นทาง
ป้องกนั โรคลิ่มเลือดอุดก้นั ในหลอดเลือดปอด ก่อน ห้องปฏิบตั ิการ และการรักษาท่ีเหมาะสม รวมท้งั
การผา่ ตดั ทวั่ ไปและผา่ ตดั กระดูกอื่น เช่น ขอ้ สะโพก สามารถลดอุบตั ิการณ์การเสียชีวิตแบบเฉียบพลัน
ขอ้ เข่า ถูกนามาใชไ้ ดผ้ ลดี แต่ในผปู้ ่ วยผ่าตดั กระดูก และภาวะทุพพลภาพของผปู้ ่ วยได้
หลัง แนวทางการป้องกัน และแนวทางการรักษา
ผปู้ ่ วยโรคลิ่มเลือดอุดก้นั ในหลอดเลือดปอดหลงั การ รายงานผู้ป่ วย
ผา่ ตดั กระดูกหลงั ยงั มีความหลากหลายและข้นึ อยกู่ บั
ดุลยพินิจของแพทยท์ ี่รักษา รวมถึงวิธีการรักษา หญงิ ไทยคู่ อายุ 75 ปี อาชีพแม่บา้ น ภมู ิลาเนา
ร ะ ย ะ เ ว ล า ท่ี เ ห ม า ะ ส ม ใ น ก า ร เ ริ่ ม ใ ห้ย า ต้า น ก า ร กรุงเทพมหานคร โรคประจาตวั คือ โรคความดัน
แขง็ ตวั ของเลือด และชนิดของยาตา้ นการแขง็ ตวั ของ โลหิตสูง และภาวะไขมนั สูง ตอ้ หิน ภาวะหวั ใจหอ้ ง
เลือด การให้ยาเพื่อป้องกันโรคลิ่มเลือดอุดก้ันใน บนสั่นพลิ้ว ( atrial fibrillation; AF) โรคหัวใจขาด
หลอดเลือดปอด ยงั เป็ นขอ้ ถกเถียงในปัจจุบนั และ เลือดท่ีมีอาการคงที่ รับยาท่ีโรงพยาบาลเจริญกรุง-
ถึงแม้ก่อนการผ่าตดั จะได้รับการป้องกันโรคล่ิม ประชารักษ์ ปฏิเสธประวตั ิการใช้ยาเสพติด และยา
เลือดอุดก้นั ในหลอดเลือดปอดแลว้ ผปู้ ่ วยส่วนหน่ึง คุมกาเนิด ปฏิเสธการดื่มสุรา และการสูบบุหรี่
กย็ งั คงพบอุบตั ิการณ์การเกิดโรค 6,7,8,9,10 ปัจจยั เส่ียงที่ ปฏิเสธโรคพนั ธุกรรมในครอบครัว มารับการรักษา
กระตนุ้ ใหเ้ กิดโรคลิ่มเลือดอุดก้นั ในหลอดเลือดปอด ในโรงพยาบาลด้วยเรื่อง ปวดหลังเร้ือรังร้าวลง
ในผปู้ ่ วยท่ีไดร้ ับการผา่ ตดั หลงั มีหลากหลายสาเหตุ ขาซ้าย ศัลยแพทยก์ ระดูกและข้อได้นัดผูป้ ่ วยมา
ท้งั วธิ ีการผา่ ตดั ภาวะปฏิกิริยาการอกั เสบของเน้ือเยอื่ ผ่าตดั หลงั โดยให้ขอ้ มูลการวางแผนการการรักษา
กลไกการแขง็ ตวั ของเลือด การคงั่ ของหลอดเลือดดา และภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดข้ึนในขณะการผา่ ตดั
การอยใู่ นสภาวะที่ไม่เคลื่อนไหวของร่างกาย 11,12,13,14 และหลังการการผ่าตัดแก่ญาติและผู้ป่ วย ตาม
การรักษาโรคลิ่มเลือดอุดก้นั ในหลอดเลือดปอด ใน ข้นั ตอนการเตรียมผปู้ ่ วยก่อนการผา่ ตดั ตรวจร่างกาย
ผปู้ ่ วยผา่ ตดั กระดูกหลงั มีความสาคญั มาก เพราะหาก พบความดันโลหิต 140/80 มิลลิเมตรปรอท อัตรา
ไม่ได้รับการวินิจฉัยและการรักษาท่ีเหมาะสมอาจ การเตน้ ของหัวใจ 72 คร้ังต่อนาที อตั ราการหายใจ
ก่อให้เกิดการเสียชีวติ หรือความพิการจากภาวะการ 20 คร้ังต่อนาที ไม่มีไข้ ตรวจร่างกายทางระบบ

80  วารสารโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ 

ประสาท ผูป้ ่ วยรู้สึกตวั ดี พบไม่มีอาการอ่อนแรง ภาพถ่ายทางรงั สีของปอด (chest radiography)
แขน ขา มีอาการปวดหลังและร้าวและชาขาซ้าย แสดงถึงน้ าคั่งในปอด พบขนาดเงาของหัวใจโต
การทดสอบรีเฟล็กซ์ (reflex) อยใู่ นเกณฑป์ กติ การ แสดงดังรูปท่ี 1 และคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (electrocar-
ประเมินระบบประสาท อยใู่ นเกณฑป์ กติ การตรวจ diograph; ECG) พบภาวะหัวใจเตน้ ผิดจังหวะแบบ
ร่างกายทางระบบหวั ใจและหลอดเลือดไม่พบความ ส่ั น พ ลิ้ ว (atrial fibrillation; AF) อัต ร า ก า ร เ ต้น
ผิดปกติ การตรวจร่างกายตามระบบกระดูกและ 140 - 160 คร้ังต่อนาที ภาวะหัวใจโต และไม่พบ
กล้ามเน้ือ พบปวดบริเวณหลงั ระดับ เอว ภายหลัง ลกั ษณะการขาดเลือดของกลา้ มเน้ือหัวใจ แสดงดัง
การผา่ ตดั หลงั วนั ท่ี 3 ผปู้ ่ วยมีอาการหอบเหน่ือยอยา่ ง รูปท่ี 2
เฉียบพลนั และจากการตรวจร่างกายพบความดัน
โลหิต 120/70 มิลลิเมตรปรอท และอุณหภมู ิ 37 องศา รูปที่ 1 แสดงภาพถ่ายทางรังสีของปอด (chest radiography)
เซลเซียสอยใู่ นเกณฑป์ กติ แต่ตรวจพบความผิดปกติ พบขนาดเงาของหัวใจโต พบนา้ คั่งในปอด
ไดแ้ ก่ ชีพจรจงั หวะไม่สม่าเสมอและเร็ว 140 คร้งั ตอ่
นาที (AF rate 140 bpm) อตั ราการหายใจเร็ว 30 คร้ัง รูปที่ 2 แสดงคล่ืนไฟฟ้าหัวใจ (electrocardiograph; ECG)
ต่อนาที (RR 30 times/min ) เสียงหายใจผิดปกติ พบภาวะหัวใจเต้นเร็วผดิ จังหวะแบบส่ันพลิว้ 140 - 160 คร้ัง
(fine crepitation both lung) ออกซิเจนปลายน้ิวต่า ต่อนาที และไม่พบลักษณะการขาดเลือดของกล้ามเนือ้ หัวใจ
89 % (O2 saturation 89%) จากอาการของผปู้ ่ วยอาจ
คิดถึงภาวะหวั ใจลม้ เหลว (congestive heart failure)
ที่มีผลมาจากหัวใจเตน้ ไม่สม่าเสมอและเร็ว (AF
with rapid ventricular response) หรื อหลอดเลือด
หวั ใจตีบเฉียบพลนั (acute coronary syndrome) หรือ
ล่ิมเลือดอุดก้ันในหลอดเลือดปอด (pulmonary
embolism) หรื อจากสาเหตุอื่น เช่ น ภาวะปอด
อกั เสบติดเช้ือ (pneumonia) ภาวะความผิดปกติของ
เมตาบอลิซึมในร่างกาย (metabolic disturbances)ได้
การสืบคน้ ทางหอ้ งปฏบิ ตั กิ าร ไดแ้ ก่ complete blood
count (CBC), blood sugar, urinalysis (UA),
electrolyte, blood urea nitrogen (BUN) แ ล ะ
creatinine อยู่ในเกณฑ์ปกติ การตรวจทางห้อง
ปฏิบัติการอ่ืน ๆ ได้แก่ arterial blood gas pH 7.42
PCO2 25 mmHg , PO2 38.4 mmHg, HCO3 19
saturation O2 75.9 % แสดงถึงระดับออกซิเจนใน
เลือดต่า

 ปีท่ี 16 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม – มถิ นุ ายน 2563  81

การตรวจด้วยภาพถ่ายคอมพิวเตอร์ ของ RVOT
หลอดเลือดแดงท่ีปอด (computed tomographic
pulmonary angiography; CTPA) พ บ ภ า ว ะ ลิ่ ม LV A
เลือดอุดก้นั กระจายท้งั กิ่งกา้ นสาขาด้านหน้าเกือบ
ท้งั หมดของปอดกลีบบนซ้าย และฐานด้านข้าง LA
ของปอดกลีบล่างซ้าย และฐานดา้ นขา้ ง และฐาน
ดา้ นหลงั ของปอดกลีบล่างขวา ดงั รูปที่ 3 รูปที่ 4 แสดงภาพคล่ืนเสียงสะท้อนหัวใจในท่า parasternal
long axis พบหัวใจห้ องบนซ้ ายโต (LA=left atrium หัวใจ
รูปที่ 3 แสดงภาพถ่ายคอมพิวเตอร์ ของหลอดเลือดแดงท่ี ห้ องบนซ้ าย ลิ้นหั วใจเอออร์ ตา A = aorta LV = left
ป อ ด (computed tomographic pulmonary angiography; ventricle หัวใจห้องล่างซ้าย RV= right ventricle หัวใจห้อง
CTPA ) พบภาวะล่ิมเลือดอุดกั้นกระจายทั้งกิ่งก้านสาขา ล่างขวา)
สองข้างของปอด นา้ ในช่องเยื่อหุ้มปอด
RT RVOT
การตรวจคล่ืนเสียงสะท้อนหัวใจ (echocar- A
diography): พบความผิดปกติ หัวใจห้องบนซ้าย LA
และขวาโต พบลิ้นหัวใจไมตรัลมีการรั่วเล็กน้อย
และลิ้นไตรคสั ปิ ดมีการรวั่ ปานกลาง แต่ลกั ษณะทาง รูปท่ี 5 แสดงภาพคล่ืนเสียงสะท้อนหัวใจในท่า parasternal
กายภาพของล้ินหัวใจปกติ ล้ินหัวใจอ่ืน ๆอยู่ใน short axis หัวใจห้องบนซ้ายโต (LA=left atrium, A = aorta
เกณฑป์ กติ ไม่พบน้าในช่องเยอ่ื หุม้ หวั ใจ ความดัน valve, RVOT = right venticular outflow tract )
หวั ใจดา้ นขวาขณะบบี ตวั 56 มิลลิเมตรปรอท ไม่พบ
รูร่ัวในห้องหัวใจ ไม่พบภาวะผดิ ปกติแต่กาเนิดอื่น RA LA
และไม่พบเส้นเลือดแดงใหญ่โป่ งพอง การบีบตัว RA RA
โดยรวมของหัวใจห้องล่างซ้าย (left ventricular
ejection fraction; LVEF) อ ยู่ใน เ ก ณ ฑ์ป ก ติ คื อ RA RA
ร้อยละ 62 ไม่พบการบีบตวั ที่ผิดปกติของกลา้ มเน้ือ
หวั ใจท่ีมีลกั ษณะของหลอดเลือดหัวใจโคโรนารีตีบ รูปท่ี 6 แสดงภาพคลื่นเสียงสะท้อนหัวใจในท่า apical 4-
และการทางานของหัวใจล่างขวาอย่ใู นเกณฑป์ กติ chamber ในช่วงการบีบตัวของหัวใจ (systole phase) ขณะที่
(tricuspid annulus plane systolic excursion(TAPSE ลิ้นหัวใจไมตรัล (mitral valve) ปิ ด พบหัวใจห้ องบนซ้าย
28 mm) ดงั แสดงดงั ในรูปท่ี 4 – 7 และขวาโต

82  วารสารโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ 

MPA อาการทางคลินิก และหลังจากให้ยาเฮพาริ น
(heparin) ผู้ป่ วยมีภาวะการหายใจที่ดีข้ึน เหน่ือย
RA ลดลง ชีพจร และความดนั โลหิตกลบั มาอยใู่ นเกณฑ์
ปกติ ภาวะเลือดออกจากแผลผ่าตดั และเลือดท่ีออก
RA จากสายระบายท่ีตอ่ จากช่องน้าไขสนั หลงั ไม่เพ่ิมข้ึน
และอาการทางระบบประสาทของขา 2 ขา้ ง รวมท้งั
รูปท่ี 7 แสดงภาพคล่ืนเสียงสะท้อนหัวใจในท่ า PA view ภาวะการขบั ถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะอยใู่ นเกณฑป์ กติ
แสดง main pulmonary artery (MPA) ขนาดปกติ และไม่มี ค่าความเข้มข้นเม็ดเลือดแดง (hematocrit) ลดลง
ลิ่มเลือดอุดก้นั ใน main pulmonary artery (MPA) เล็กนอ้ ย หลงั การผา่ ตดั วนั ท่ี 6 อาการภาวะเลือดออก
ไม่เพิ่มข้ึนและผปู้ ่ วยอาการดีข้นึ การรักษายาละลาย
ผปู้ ่ วยไดร้ บั การวนิ ิจฉยั วา่ เป็นโรคลิ่มเลือดอุด ล่ิมเลือดจึงเปล่ียนจากยาเฮพาริน (heparin) ทาง
ก้นั ในหลอดเลือดปอดเฉียบพลนั แบบ intermediate หลอดเลือดดา เป็ นยาอีนอกซาพาริน (enoxaparin)
risk pulmonary embolism )หลังการผ่าตัดกระดูก ฉีดใตผ้ วิ หนงั 0.4 มิลลิลิตรทกุ 12 ชว่ั โมง ปรบั ขนาด
หลังวนั ท่ี 3 และผูป้ ่ วยได้รับการยา้ ยไปรักษาที่หอ ตามน้าหนักตวั (1 มิลลิกรัม/กิโลกรัม) อายุ (อายุที่
ผูป้ ่ วยวิกฤติศลั ยกรรม เพ่ือดูแลรักษาและติดตาม มากกว่า 75 ปี ปรับเป็ น 0.75 มิลลิกรัม/กิโลกรัม)
อาการอย่างใกล้ชิด คณะแพทย์ประกอบด้วย และค่าการทางานของไต (ค่าการทางานของไตท่ี
อายุรแพทยโ์ รคหัวใจและหลอดเลือด ศลั ยแพทย์ มากกว่า 30 มิลลิลิตร/นาทีให้ความถ่ีทุก 12 ชว่ั โมง)
กระดูกและขอ้ ให้ขอ้ มูลวิธีการรักษาแก่ผปู้ ่ วยและ และเริ่มการให้ยาวาร์ฟาริน (warfarin) แบบกินหลัง
ญาติเพื่อร่วมพิจารณาแนวทางการรักษาและความ การผา่ ตดั วนั ที่ 11 ผูป้ ่ วยมีอาการดีข้ึนตามลาดบั และ
เสี่ยงต่อภาวะแทรกซอ้ นท่ีเกิดข้ึน คณะแพทยผ์ รู้ ักษา ส า ม า ร ถ ห ยุด ก า ร ใ ห้ อ อ ก ซิ เ จ น แ ล ะ ห ลัง ป รั บ ย า
ผปู้ ่ วยและญาติ ตดั สินใจเลือกแผนการรักษาดว้ ยการ วาร์ฟาริน (warfarin) จนไดร้ ะดับ INR มากกว่า 1.8
ใหย้ าตา้ นการแขง็ ตวั ของเลือด โดยแพทยเ์ ลือกใหย้ า จึงหยุดฉีดยาอีนอกซาพาริน (enoxaparin) และให้
เฮพารินทางหลอดเลือดดา (heparin) ขนาดเร่ิมต้น การรักษาดว้ ยยาวาร์ฟาริน (warfarin) ต่อดว้ ยขนาด
4,500 ยนู ิต (80 ยนู ิต/กิโลกรัม) หลงั จากน้นั ใหต้ ่อใน ยาท่ีระดบั INR 2-3 ผปู้ ่ วยสามารถกลบั บา้ นได้ และ
ขนาด 900 ยนู ิต/ชั่วโมง (18 ยูนิต/กิโลกรัม/ชว่ั โมง) มารับการรักษาทางยาและกายภาพบาบดั ต่อเนื่อง
ปรับขนาดยาตาม แผนการรักษา (protocol for แบบผปู้ ่ วยนอก
intravenous heparin) โดยปรับขนาดยาตามค่าการ
แข็งตวั ของเลือด aPTT ทุก 6 ชั่วโมงโดยให้ระดับ อภปิ รายและวจิ ารณ์
aPTT อยู่ในช่วง 60 - 80 วินาที รวมท้งั การเฝ้าระวงั
ผปู้ ่ วยที่ไดร้ ับการผา่ ตดั หลงั มีปัจจยั เสี่ยงซ่ึงทา
ให้เลือดเป็ นล่ิมง่ายและการเกิดล่ิมเลือดอุดตันท่ี
หลอดเลือดปอด น้ัน ประกอบไปด้วยปัจจัยทาง

 ปีที่ 16 ฉบบั ที่ 1 มกราคม – มถิ นุ ายน 2563  83

พนั ธุกรรม (hereditary factors) และปัจจัยที่เกิดข้ึน จากภาวะเลือดออกกดไขสันหลังจากการได้รับยา
ภายหลัง (acquired factors) 11,14 ผูป้ ่ วยรายน้ีมีปัจจัย สลายหรือยายบั ย้งั การอุดก้นั ของลิ่มเลือด 9,17-19 ผปู้ ่ วย
เสี่ยงต่อการเกิดล่ิมเลือดอุดก้ันในหลอดเลือดปอด รายน้ีจดั เป็ น intermediate risk pulmonary embolism
เฉียบพลนั ไดแ้ ก่ การจากดั การเคลื่อนไหวหลงั ผา่ ตดั จากอาการที่ผูป้ ่ วยท่ีความดันโลหิตยงั อยู่ในเกณฑ์

หลัง อายุ ภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว (atrial ปกติ ความดันหัวใจด้านขวาขณะบีบตัวสูงจาก
fibrillation, AF) ภาวะอ้วน ฟองอากาศหรือก้อน ก า ร ต ร ว จ ค ล่ื น เ สี ย ง ส ะ ท้อ น หัว ใ จ ท า ง ห น้า อ ก
ไขมันท่ีอาจหลุดในช่วงการผ่าตดั การอุดก้ันใน transthoracic echocardiography (TTE) ที่ เ กิ ด จ า ก
หลอดเลือดปอดอย่างเฉียบพลัน จะทาให้แรง right ventricular afterload ที่ เพ่ิม สู งข้ึ น ผิด ปก ติ
ตา้ นทานของหวั ใจหอ้ งล่างขวาสูงข้นึ ส่งผลใหห้ วั ใจ ผปู้ ่ วย intermediate risk pulmonary embolism จะมีอตั รา
ห้องล่ างขวาทางานผิดปกติกระทบต่อระบบ การเสียชีวีตร้อยละ 5 - 25 และโดยทั่วไปผูป้ ่ วยโรค
ไหลเวียนโลหิตและการแลกเปลี่ยนก๊าซ ซ่ึงทาให้ ล่ิมเลือดอุดก้นั ในหลอดเลือดปอด ที่ไดร้ บั การรักษา
ผูป้ ่ วยเสียชีวีตไดใ้ นเวลาอนั ส้ัน18 หากไม่ไดร้ ับการ จะยังคงมีล่ิ ม เลือ ดอุ ดตัน หลงเหลื อ (residual
วนิ ิจฉัยและการรักษาท่ีเหมาะสม ในผปู้ ่ วยหลงั การ pulmonary embolism) เ ป็ น เ ว ล า เ กื อ บ ห น่ึ ง ปี
ผ่าตดั หลงั ที่เกิดโรคลิ่มเลือดอุดก้ันในหลอดเลือด ประมาณร้อยละ 0.5 - 5 ของผปู้ ่ วยจะกลายเป็ นโรค
ปอดเฉียบพลนั จะมีความซบั ซ้อนในการรักษาและ ความดนั เลือดในปอดสูงเร้ือรัง
การดูแลมากย่ิงข้ึน เพราะอาจเกิดภาวะแทรกซ้อน
จากภาวะเลือดออกหลงั การผ่าตดั และความพิการ จากการอุดก้ันของล่ิมเลือด (chronic thrombo-
embolic pulmonary hypertension; CTEPH) 11,12,13,20,21,22,23

ปัจจยั เส่ียงซ่ึงทาให้เลือดเป็ นลม่ิ ง่ายและเกิดลิม่ เลือดอดุ ตนั ในปอดเฉียบพลนั
ตารางที่ 1 แสดงปัจจยั เส่ียงซ่ึงทาใหเ้ ลือดเป็ นลิ่มงา่ ยและเกิดล่ิมเลือดอุดตนั ในปอดเฉียบพลนั 11

ปัจจยั ทางพนั ธุกรรม (inherited ) ปัจจยั ท่ีเกิดขึน้ ภายหลัง (acquired conditions)

prothrombin gene mutation smoking
deficiency of antithrombin III malignancy
factor V Leiden mutation age
deficiency of protein C or protein S oral contraceptive pills
hyperhomocysteinemia
obesity
antiphospholipid antibody syndrome
atherosclerotic disease
personal or family history of VTE

84  วารสารโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ 

ตารางที่ 1 แสดงปัจจยั เส่ียงซ่ึงทาใหเ้ ลือดเป็ นลิ่มงา่ ยและเกิดลิ่มเลือดอุดตนั ในปอดเฉียบพลนั 11 (ต่อ)

ปัจจยั ทางพนั ธุกรรม (inherited ) ปัจจยั ทีเ่ กดิ ขนึ้ ภายหลัง (acquired conditions)

recent trauma fracture, surgery, or
hospitalization immobilization
pregnancy
long-haul air travel
pacemaker or implantable cardiac
defibrillator leads and indwelling venous
catheters

หลกั การและวิธีการรักษาโรคล่ิมเลือดอุดก้นั เฮพาริน (heparin induced thrombocytopenia)
ในหลอดเลือดปอด แบ่งเป็ น 2 ระยะ คือ หลกั การ นอ้ ยกวา่ การบริหารยาง่ายกวา่ แต่มีขอ้ ควรระวงั คือ
รกั ษาในระยะส้นั คือ การสลายหรือยบั ยง้ั การอุดก้นั ยาท้ังสองตัว การออกฤทธ์ิที่ยาวกว่ายาเฮพาริน
ของล่ิมเลือดซ่ึงวิธีการรักษาข้ึนอยกู่ ับความรุนแรง (heparin) และไม่มียาต้านโดยตรง ยาเฮพาริ น
ของโรค ผลกระทบต่อระบบไหลเวียนโลหิตและ (heparin) ยงั มีการใชใ้ นผปู้ ่ วยทีม่ ีภาวะการไหลเวียน
การทางานของหัวใจห้องล่างขวา ส่วนหลักการ โลหิตที่ใกล้จะเสียการปรับตัว (impending haemo-
รักษาในระยะยาว คือ การป้องกนั ไม่ใหเ้ กิดลิ่มเลือด dynamic decompensation) หรือกรณีที่ระบบการไหล
อุดก้นั ซ้า ซ่ึงข้ึนอยู่กบั ความเส่ียงในการเกิดโรคซ้า เวียนโลหิตเสียสมดุลแล้ว (overt haemodynamic
ในผปู้ ่ วยแตล่ ะราย การรักษาควรมีการประเมินความ instability) ในคนอว้ น (severe obesity) ค่าการทางาน
เสี่ยงต่อการเกิดเลือดออกผดิ ปกติซ่ึงเป็นผลขา้ งเคียง ของไตลดลงเท่ากบั หรือต่ากวา่ 30 มิลลิลิตรตอ่ นาที
ซ่ึงจาเป็นตอ้ งทาในผูป้ ่ วยทุกรายและทุกข้นั ตอนของ (serious impair crcl ≤ 30 mL/min)
การรักษา1,6,20,23 โดยท่ัวไปแนวทางการรักษา24,25
ส า ห รั บ ผู้ ป่ ว ย intermediate risk pulmonary นอกจากวิธีการรักษาดว้ ยยาตา้ นการแข็งตวั
embolism ท่ีมีค่าการไหลเวียนโลหิตอยู่ในเกณฑ์ ของเลือดแลว้ ยงั มีการรักษาดว้ ยการใส่สายสวนเขา้
ในบริ เวณท่ีมีการอุดก้ัน (percutaneous catheter-
คงท่ี (hemodynamic stable) จะให้การรักษาด้วยยา directed treatment) เพ่ือดูดลิ่มเลือดออก และ/หรือ
ตา้ นการแข็งตวั ของเลือด (anticoagulant) ซ่ึงอาจจะ การให้ยาสลายลิ่มเลือดขนาดท่ีลดลงร่วมดัวย การ
เป็ นยาอีนอกซาพาริน (enoxaparin), ฟอนดาพารินอก ผ่าตดั เอาลิ่มเลือดออก (surgical embolectomy) ใน
(fondaparinux) หรือยาเฮพาริน (heparin) ก็ได้ ยา ผปู้ ่ วย intermediated risk บางราย หรือใชใ้ นผปู้ ่ วยท่ี
อีนอกซาพาริน (enoxaparin) และยาฟอนดาพารินอก ห ลัง ก า ร รั ก ษ า ด้ว ย ย า ต้า น ก า ร แ ข็ ง ตัว ข อ ง เ ลื อ ด
(fondaparinux) จะ นิ ยม ใช้ม า ก ก ว่า ยา เฮ พา ริ น (anticoagulant)ไม่ได้ผล ยงั มีปัญหาการไหลเวียน
(heparin) ในแง่ภาวะเลือดออกท่ีสาคญั ต่า (low risk ข อ ง เลื อ ด ไ ม่ ค งท่ี (hemodynamic deterioration)
major bleeding) และภาวะเกล็ดเลือดต่าที่เกิดจาก อยา่ งไรก็ตามการรักษาผปู้ ่ วยท่ีมีภาวะโรคลิ่มเลือด

 ปีที่ 16 ฉบบั ที่ 1 มกราคม – มถิ นุ ายน 2563  85

อุดก้ันในหลอดเลือดปอดหลังการผ่าตดั หลงั แบบ ยาต้านการแข็งตัวของเลือดชนิดอ่ืน ส่ วนยา
intermediate risk pulmonary embolism ดงั เช่นผูป้ ่ วย อีนอกซาพาริ น (enoxaparin) มีการออกฤทธ์ิท่ี
รายน้ี จะมีความหลากหลายข้ึนอยู่กบั ความพร้อม ยาวนานกว่า ค่าคร่ึงชีวิต (half life) ประมาณ 4.5
ของเคร่ืองมือและอุปกรณ์ในการรักษา ทีมแพทย์ ช่ัวโมง และยาต้าน antidote คือ protamine มีฤทธ์ิ
ยับย้ังยาอีนอกซาพาริ น (enoxaparin) ได้เพียง
ผูร้ ักษา (appropriate expertise and resources บางส่ วน (partial effect) ส่ วนฟอนดาพาริ นอก
available on-site)ในขณะน้ัน และมีความเสี่ยงต่อ (fondaparinux) ไม่มียาตา้ น (antidote) และระยะเวลา
ภาวะเลือดออกจากบริเวณต่าง ๆ รวมท้งั แผลผ่าตดั ในการออกฤทธ์ิยาวนานกว่า ค่าคร่ึงชีวิต (half life)
และความพกิ ารท่ีอาจเกิดจากล่ิมเลือดกดไขสนั หลงั ประมาณ 17 - 21 ชั่วโมง ยาท้ังสองชนิดจึงอาจมี
มากกว่าผู้ป่ วยที่มีภาวะล่ิมเลือดอุดตันท่ีปอด ปัญหาในการแกไ้ ขเม่ือมีภาวะเลือดออก การศึกษาที่
โดยทว่ั ไป สาหรับผูป้ ่ วยรายน้ีอาจพิจารณารักษา ผ่านมาในผูป้ ่ วยผ่าตดั กระดูกสันหลังที่เกิดโรคลิ่ม
ดว้ ยวธิ ีแรก คือ การให้ยาตา้ นการแข็งตวั ของเลือด เลือดอุดก้นั ในหลอดเลือดปอดภายหลงั ผา่ ตดั และมี
(anticoagulant) แต่จะมีความเส่ียงต่อภาวะ แทรก การรักษาโดยใช้ยาตา้ นการแข็งตวั ของเลือด พบว่า
ซอ้ นจากภาวะเลือดออกหรืออีกวิธีหน่ึง คือ วิธีการ ร้อยละ 3 มีปัญหาแทรกซ้อนที่ตอ้ งเขา้ รับการผา่ ตดั
ใส่สายสวนเขา้ ไปในบริเวณที่อุดตนั เพื่อดูดหรือให้ จาก epidural hematoma และส่วนใหญ่จะเป็ นผูป้ ่ วย
ยาสลายลิ่มเลือดผ่านทางสายสวน (percutaneous ที่ได้รับยาเฮพาริน (heparin)6,9,20 แต่ในผูป้ ่ วยรายน้ี
catheter-directed treatment) อาจลดการอุดก้ันของ หลงั ไดร้ บั ยาเฮพาริน (heparin) พบภาวะเลือดออกที่
เลือดที่ปอดไดโ้ ดยตรงและเร็ว แต่เป็ นวิธีท่ีมีความ น้าไขสันหลังไม่เพ่ิมข้ึนมากนัก และภายหลงั เม่ือ
เ สี่ ย ง เ ก่ี ย ว กับ ภ า ว ะ แ ท ร ก ซ้อ น ร ะ ห ว่า ง แ ล ะ ห ลัง อาการผปู้ ่ วยคงที่และไม่มีภาวะเลือดออกท่ีเพมิ่ ข้นึ จึง
การทาหัตถการ รวมท้ังต้องส่งผู้ป่ วยต่อไปยัง เปลี่ยนเป็ นยาอีนอกซาพาริน (enoxaparin) ฉีดใต้
โ ร ง พ ย า บ า ล ที่ มี แ พ ท ย ์ท่ี มี ค ว า ม ช า น า ญ เ ฉ พ า ะ ผวิ หนงั และยาวาร์ฟาริน (warfarin) ตามลาดบั หลงั
(cardiointervention) ในด้านน้ีเป็ นผูด้ ูแลรักษาต่อ25 ค่า INR ได้ระดับ 1.8 จึงหยุดยาอีนอกซาพาริ น
ท า ง ค ณ ะ แ พ ท ย์ผู้รั ก ษ า ร่ ว ม มื อ กัน เ ป็ น ที ม (enoxaparin) และให้วาร์ฟาริน (warfarin) ต่อจน
(multidisciplinary) วางแผนการรักษาและให้ขอ้ มูล ระดับ INR 2-3 ผู้ป่ วยได้รับการฟ้ื นฟูสมรรถภาพ
กบั ญาติและผูป้ ่ วย และพจิ ารณาใหก้ ารรักษาดว้ ยวิธี ปอดและการบริหารร่างกายหลงั การผ่าตดั อาการ
ให้ยาเฮพาริน (heparin) ทางหลอดเลือดดาเน่ืองจาก ของผูป้ ่ วยดีข้ึนตามลาดับ และสามารถกลับไป
ขอ้ ดีของการใชย้ าเฮพาริน (heparin) คือ มีระยะเวลา พกั ฟ้ื นต่อท่ีบา้ นไดแ้ ละติดตามรักษาเป็ นผปู้ ่ วยนอก
ในการออกฤทธ์ิส้นั คา่ คร่ึงชีวติ (half life ) ประมาณ ตามนดั หมาย
1 ถึง 2 ช่ัวโมง และมียาต้าน (antidote) คือ ยา
โปรตามีน (protamine) สามารถให้ยาแกไ้ ขไดด้ ีเม่ือ การรักษาผูป้ ่ วยรายน้ีอาจเป็ นแนวทางเลือก
มีภาวะเลือดออก แต่ขอ้ ควรระวงั คือ การบริหารยา ทา งหน่ึ งใน ก า รรัก ษา ผู้ป่ วย intermediate risk
ยากกว่าและมีแนวโน้มมีภาวะเลือดออกที่มากกว่า pulmonary embolism อยา่ งไรก็ตามการเลือกวธิ ีการ

86  วารสารโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ 

รักษา ชนิดของยาและเวลาในการเริ่มใหย้ าตา้ นการ 3. Heit JA. The epidemiology of venous
แข็งตวั ของเลือดหลังการผ่าตัดยงั ตอ้ งมีการศึกษา thromboembolism in the community:
implications for prevention and management.
เ พ่ิ ม เ ติ ม เ พื่ อ ล ด อัต ร า ก า ร เ สี ย ชี วิ ต แ ล ะ ล ด ภ า ว ะ J Thromb Thrombolysis 2006; 21: 23-9.
แทรกซอ้ นของผปู้ ่ วยตอ่ ไป
4. Chotigavanichaya C, Ruangchainikom M,
สรุป Piyavanno C. Incidence of symptomatic
pulmonary embolism in spine surgery. J Med
โรคลิ่มเลือดอุดก้ันในหลอดเลือดปอด หลงั Asso Thai 2014; 97(9): s73-7.
การผา่ ตดั หลงั เป็ นภาวะแทรกซ้อนที่พบไดไ้ ม่บ่อย
มากนัก แต่หากเกิดข้ึนจะมีอัตราการเสียชีวิตและ 5. Pineda LA, Hathwar VS, Grant BJ. Clinical
ภาวะแทรกซอ้ นรวมท้งั ความพกิ ารไดส้ ูง การวนิ ิจฉยั suspicion of fatal pulmonary embolism. Chest
และการเลือกวธิ ีการรักษาท่ีเหมาะสมในผูป้ ่ วยแตล่ ะ 2001; 120: 791-5.
ราย โดยความเห็นร่วมกันของคณะแพทยผ์ ูท้ าการ
รักษาจะช่วยลดอตั ราการเสียชีวติ และภาวะเลือดออก 6. Barnes B, Alexander JT, Branch CL Jr.
จากร่างกาย และภาวะเลือดออกกดไขสันหลงั ซ่ึง Postoperatives level 1 anticoagulation therapy
อาจเกิดภาวะทพุ พลภาพตามมา แนวทางการวนิ ิจฉัย and spinal surgery practical guideline for
และการรักษาน้ีอาจเป็ นแนวทางเลือกหน่ึงของการ management. Nero Sur Focus 2004; 17(4): e5.
รักษาที่ใชใ้ นผปู้ ่ วยท่ีเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตนั ท่ีปอด
แบบอุดตนั ที่แขนงปอดสองขา้ ง (intermediate risk 7. Geerts WH, Heit JA, Pineo GF, Colwell CW,
pulmonary embolism) หลังการผ่าตดั หลังในผูป้ ่ วย Anderson FA Jr, Wheeler HB. Prevention of
รายต่อไป venous thromboembolism. Chest 2001; 119
(suppl l): s132-75.
เอกสารอ้างองิ
8. Goldhaber SZ, Visani L, De Rosa M. Acute
1. Schizas C, Neumayer F, Kosmopoulo V. pulmonary embolism: clinical outcomes in the
Incidence and management of pulmonary International Cooperative Pulmonary
embolism. following spine surgery occurring Embolism Registry (ICOPER). Lancet 1999;
while under chemical thromboprophylaxis. Eur 353: 1386-9.
Spine J 2008 Jul; 17(7): 970-4.
9. Brian BS, Elizabeth JL, Ehsan J, Tristan BW,
2. Silverstein MD, Heit JA, Mohr DN, Petterson Timothy C, Nicholas C, et al. Postoperative
TM, O'Fallon WM, Melton LJ 3rd. Trends in the deep vein thrombosis, pulmonary embolism,
incidence of deep vein thrombosis and and myocardial Infarction: complications after
pulmonary embolism: a 25-year population therapeutic anticoagulation in the patient with
based study. Arch Intern Med 1998; 158: spine trauma. Spine J 2018: 17; 970-4.
585-93.

 ปีท่ี 16 ฉบบั ที่ 1 มกราคม – มถิ นุ ายน 2563  87

10. Kearon C, Akl EA, Ornelas J, Blaivas A, 17 Wolf SJ, Hahn SA, Nentwich LM, Raja AS,
Jimenez D, Bounameaux H. Chest guideline for Silvers SM, Brown MD. Clinical policy:
antithrombotic therapy for VTE. Chest 2016; critical issues in the evaluation and
149: 315-52. management of adult patients presenting to the
emergency department with suspected acute
11. บูรพา ปุสธรรม. โรคล่ิมเลือดอุดก้ันในหลอด venous thromboembolic disease. Ann Emerg
เลือดปอดเฉียบพลัน. ศรีนครินทร์เวชสาร Med 2018; 71(5): e59-109.
2557; 29(5): 485-96.
18. Doria C, Caggiari G, Mosele GR, Puddu L.
12. Kearon C. Natural history of venous Role of early low-molecular-weight heparin
thromboembolism. Circulation 2003; 107 prophylaxis in the surgical treatment of
(23 suppl 1): I22–I30. degenerative spinal diseases in the elderly
patients. Surgical Science 2016; 7: 375-80.
13. Laporte S, Mismetti P, Decousus H, Uresandi
F, Otero R, Lobo JL, et al. Clinical predictors 19. Oliveira L, Luis Marchi L, Pimenta L. Up-To-
for fatal pulmonary embolism in 15,520 Date thrombophophylaxis in elective spine
patients with venous thromboembolism: surgery. A systemic review. Coluna/Columna
findings from the Registro Informatizado de la 2014; 13(2): 143-6.
Enfermedad Thromboembolica venosa
(RIETE) Registry. Circulation 2008; 117: 20. Nijkeuter M, Hovens MM, Davidson BL,
1711-16. Huisman MV. Resolution of thromboemboli in
patients with acute pulmonary embolism: a
14. Anderson FA Jr, Spencer FA. Risk factors for systematic review. Chest 2006; 129: 192-7.
venous thromboembolism. Circulation 2003;
107(23 Suppl 1): I9-16. 21. Kasper W, Konstantinides S, Geibel A,
Olschewski M, Heinrich F, Grosser KD, et al.
15. McIntyre KM, Sasahara AA. The Management strategies and determinants of
hemodynamic response to pulmonary outcome in acute major pulmonary embolism:
embolism in patients without prior cardiopul- Journal of the American College of Cardiology
monary disease. Am J Cardiol 1971; 28: 288- 1997; 30(5): 1165-71.
94.
22. Dalen JE. Pulmonary embolism: what have we
16. Kim HJ, Walcott-Sapp S, Adler RS, Pavlov learned sinceVirchow? Natural history,
H, Boachie-Adjei O, Westrich GH. Throm- pathophysiology, and diagnosis. Chest 2002;
boembolic complications following spine 122: 1440-56.
surgery assessed with spiral CT. Hospital for
Special Surgery (HSSJ) 2011; 7: 37-40.

88  วารสารโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ 

23. Piazza G, Goldhaber SZ. Acute pulmonary 25. Konstantinides SV, Meyer G, Becattini C,
embolism: part I: epidemiology and diagnosis. Bueno H, Geersing GJ, Harjola VP, et al. ESC
Circulation 2006; 114: e28-32. Guidelines for the diagnosis and management
of acute pulmonary embolism developed in
24. Jaff MR, McMurtry MS, Archer SL, Cushman collaboration with the European Respiratory
M, Goldenberg N, Goldhaber SZ. Management Society (ERS). Eur Heart J 2019; 00: 1-61.
of massive and submassive pulmonary
embolism, iliofemoral deep vein thrombosis,
and chronic thromboembolic pulmonary
hypertension. A scientific statement from the
American Heart Association. Circulation
2011; 123: 1788-830.


Click to View FlipBook Version