๔๔
๑.๓ ประสบการณ์สาคัญท่ีส่งเสริมพัฒนาการด้านสังคม เป็นการสนับสนุนให้เด็กได้มีโอกาสปฏิสัมพันธ์กับ
บุคคลและสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ รอบตัว ในชีวิตประจาวัน ได้ปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ และปรับตัวอยู่ในสังคม เด็กมี
โอกาสได้เล่น และทากจิ กรรมรว่ มกับผอู้ น่ื ไมว่ ่าจะเปน็ ผูใ้ หญ่ เด็กวัยเดียวกันหรือต่างวัย เพศเดียวกัน หรือต่างเพศ
อยา่ งสมา่ เสมอ
ประสบการณส์ าคัญที่ควรสง่ เสริม
๑. การชว่ ยเหลือตนเองในกิจวัตรประจาวนั ตามวัย
๒. การเล่นอยา่ งอิสระ
๓. การเล่นรวมกลุ่มกับผูอ้ ่นื
๔. การแบ่งปันหรือการให้
๕. การอดทนรอคอยตามวยั
๖. การใช้ภาษาบอกความตอ้ งการ
๗. การออกไปเลน่ นอกบ้าน
๘. การไปสวนสาธารณะ
๙. การออกไปรว่ มกิจกรรมในศาสนสถาน
๑.๔ ประสบการณส์ าคัญที่สง่ เสริมพัฒนาการด้านสตปิ ัญญา เปน็ การสนบั สนุนให้เด็กได้รับรู้และเรียนรู้สิ่งต่างๆ
รอบตวั ในชีวติ ประจาวนั ผา่ นประสาทสมั ผสั ทัง้ ห้า และการเคล่ือนไหว ได้พัฒนาการการใช้ภาษาสื่อสารความหมาย
และความคิด รู้จักสังเกตคุณลักษณะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสี ขนาด รูปร่าง รูปทรง ผิวสัมผัส จดจาช่ือเรียกส่ิงต่างๆ
รอบตวั
ประสบการณ์สาคัญที่ควรสง่ เสริม
๑. การตอบคาถามจากกการคิด
๒. การเช่อื มโยงจากประสบการณ์เดิม
๓. การเรียงลาดับเหตุการณ์
๔. การยดื หยุ่นการคิดตามวยั
๕. การจดจ่อใส่ใจ
๖. การสงั เกตวัตถหุ รือส่ิงของท่ีมีสสี ันและรูปทรงท่ีตา่ งกัน
๗. การฟงั เสยี งตา่ ง ๆ รอบตวั
๘. การฟงั นิทานหรอื เร่ืองราวส้นั ๆ
๙. การพูดบอกความต้องการ
๑๐. การเลา่ เรือ่ งราว
๑๑. การสารวจ
๑๒. การทดลองอย่างง่าย ๆ
๑๓. การคิดวางแผนท่ีไม่ซบั ซอ้ น
๑๔. การคิดตัดสนิ ใจหรือแกป้ ญั หาในเรื่องที่ง่าย ๆ ด้วยตนเอง
๑๕. การแสดงความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ
๔๕
๒. สาระที่ควรเรียนรู้ สาระที่จะใหเ้ ด็กอายุต่ากวา่ ๓ ปี เรียนรู้ ควรเปน็ เรือ้ งท่เี ก่ียวกับตนเอง
เป็นลาดบั แรก แลว้ จงึ ขยายไปส่เู ร่อื งที่อยูใ่ กล้ตวั เด็ก เพื่อนาไปใช้ในการดาเนนิ ชวี ติ ประจาวัน เด็กควรไดร้ ับการ
อบรมเล้ยี งดแู ละส่งเสริมพฒั นาการและการเรียนรใู้ หเ้ หมาะกับวยั ดังน้ี
๒.๑ เรื่องราวเก่ียวกับตัวเด็ก เด็กควรเรียนรู้เก่ียวกับช่ือ และเพศของตนเอง การ
เรียกช่ือส่วนต่าง ๆ ของใบหน้าและร่างกาย การดูแลตนเองเบ้ืองต้น โดยมีผู้ใหญ่ให้การช่วยเหลือ การล้างมือ
การขบั ถ่าย การรับประทานอาหาร การถอดและใส่เสอ้ื ผ้า การรกั ษาความปลอดภยั และการนอนหลับพกั ผอ่ น
ประสบการณ์
ดา้ นร่างกาย
- การเคลือ่ นไหวกบั ท่ีและการเคลื่อนไหว เคล่ือนท่ี
- การเคลื่อนไหวพรอ้ มอปุ กรณ์
- การเล่นเครื่องเล่นสนาม
- การเลน่ เครอื่ งเล่นสัมผัส
- การเขยี นภาพและการเลน่ กับสี
- การปน้ั และการประดษิ ฐส์ ิ่งตา่ ง ๆ
- การปฏิบตั ติ ามสขุ ภาพอนามยั
- การรกั ษาความปลอดภยั ของตนเองและผู้อืน่
ด้านอารมณ์ จิตใจ
- การแสดงปฏิกิรยิ าโต้ตอบเสียงดนตรงี ่าย ๆ เช่น เคร่อื งดนตรปี ระเภทเคาะประเภทตี ฯลฯ
- การรอ้ งเพลง
- การชืน่ ชมและสรา้ งสรรค์ สง่ิ ทีส่ วยงาม
- การแสดงออกอย่างสนกุ สนานกับเรอื่ งสนุก ตลก ขบขันและเร่อื งราว เหตกุ ารณ์ที่-สนกุ ต่าง ๆ
- การเลน่ อสิ ระ
- การเลน่ รายบุคคลและเปน็ กลุม่
- การเล่นในหอ้ งเรยี น และนอกห้องเรียน
ด้านสงั คม
- การปฏิบตั กิ ิจวัตรประจาวนั ของตนเอง
- การเลน่ และการทางานรว่ มกบั ผอู้ ่ืน
- การแกป้ ัญหาในการเล่น การปฏิบัติตามวัฒนธรรมตามท้องถ่ินทอ่ี ยู่อาศัย อยูแ่ ละความเปน็ ไทย
ดา้ นสติปญั ญา
- การรู้จักสง่ิ ต่าง ๆ ดว้ ยการฟัง การมอง การสมั ผัส ชิมรส ดมกลน่ิ
- การเชอ่ื มโยงภาพ ภาพถ่าย และรปู แบบตา่ ง ๆ กบั สงิ่ ของหรือสถานทจ่ี ริง
- การรับรแู้ ละแสดงความรสู้ ึกผ่านสอ่ื วัตถุ ของเลน่ และผลงาน
- การแสดงความคิดสรา้ งสรรคผ์ า่ นสื่อ วสั ดุ
- การพูดกบั ผ้อู ่นื เกี่ยวกับประสบการณ์ของตนเองหรือเล่าเรื่องเก่ียวกบั ตนเอง
- การอธบิ ายเก่ยี วกับสง่ิ ของเหตุการณแ์ ละความสัมพันธ์ของเรือ่ งราวทส่ี นใจ
- การเพิ่มข้ึนหรือลดลงของจานวนหรอื ปรมิ าณ
๔๖
- การอธบิ ายในเรอื่ งตาแหน่งของสิง่ ของตา่ ง ๆ ท่ีสัมพันธก์ ัน
- การเรม่ิ ตน้ และการหยดุ กระทาโดยสญั ญาณ
- การสารวจและอธิบายความเหมอื นและความแตกต่าง
- การจับคู่ จาแนก จัดกลมุ่
- การเปรียบเทียบ เช่น สั้น / ยาว ขรขุ ระ / เรียบ ฯลฯ
- การนับสิ่งต่าง ๆ
- การจัดคู่ หนงึ่ ตอ่ หน่งึ
- การฟังเรอ่ื งราว นิทาน คาคล้องจอง คากลอน
- การเขยี นในหลายรูปแบบผา่ นประสบการณ์ ท่สี อื่ ความหมายตอ่ เดก็
- การอ่านในหลายรปู แบบผา่ นประสบการณ์ ท่สี ่ือความหมายตอ่ เดก็
สาระย่อย
1. ช่ือเล่น ชือ่ จรงิ นามสกลุ
2. ลักษณะรูปรา่ ง หน้าตาและเพศ
3. ชือ่ รปู รา่ งหนา้ ท่ีและการ ดูแลรกั ษาส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
4. การดแู ลรักษาความสะอาดอยา่ งง่าย ๆ
5. การแบง่ ปนั
6. การรบั ประทานอาหารด้วย ตนเอง
7. การเลอื กรบั ประทานอาหาร ที่มปี ระโยชนต์ อ่ รา่ งกาย
8. การยอมรับผู้อื่น
9. การแสดงความรสู้ กึ ท่ี เหมาะสม
10. การเป็นผู้นาและผตู้ าม
๒.๒ เรื่องราวเก่ียวกับบุคคลและสถานท่ีแวดล้อมเด็ก เด็กควรเรียนรู้เกี่ยวกับบุคคล
ภายในครอบครัวและบุคคลภายนอกครอบครัว การรู้จักชื่อเรียกหรือสรรพนามแทนตัวของญาติ หรือผู้เล้ียงดูวิธี
ปฏิบัติกับผู้อ่ืนอย่างเหมาะสม การทาทาย การไหว้ การเล่นกับพี่น้องในบ้าน การไปเท่ียวตลาดและสถานที่ต่าง ๆ
ในชมุ ชน การเลน่ ทส่ี นามเด็กเลน่ การเขา้ ร่วมกิจกรรมทางศาสนา วฒั นธรรมและประเพณี
๔๗
ประสบการณ์
ดา้ นร่างกาย
- การเคลอ่ื นไหวกับทีแ่ ละการเคลื่อนไหว เคล่ือนท่ี
- การเคล่ือนไหวพร้อมอปุ กรณ์
- การเล่นเครื่องเล่นสนาม
- การเล่นเครือ่ งเลน่ สมั ผสั
- การเขยี นภาพและการเลน่ กบั สี
- การปัน้ และการประดิษฐส์ ิ่งตา่ ง ๆ
- การปฏิบัตติ ามสขุ ภาพอนามัย
- การรกั ษาความปลอดภัยของตนเองและผู้อื่น
ดา้ นอารมณ์ จิตใจ
- การแสดงปฏกิ ริ ยิ าโตต้ อบเสยี งดนตรงี า่ ย ๆ เชน่ เคร่อื งดนตรีประเภทเคาะประเภทตี ฯลฯ
- การรอ้ งเพลง
- การชนื่ ชมและสร้างสรรค์ ส่งิ ทสี่ วยงาม
- การแสดงออกอยา่ งสนุกสนานกับเรื่องสนกุ ตลก ขบขัน และเรือ่ งราว เหตุการณท์ ่ีสนุกตา่ ง ๆ
- การเล่นอิสระ
- การเลน่ รายบคุ คลและเป็นกลุ่ม
- การเลน่ ในห้องเรยี น และนอกหอ้ งเรยี น
ดา้ นสังคม
- การปฏบิ ัติกจิ วตั รประจาวันของตนเอง
- การเล่นและการทางานรว่ มกับผูอ้ นื่
- การแลกเปลี่ยนความคดิ เห็นและความเคารพความคดิ เหน็ ของผู้อ่นื
- การแก้ปญั หาในการเลน่
- การปฏบิ ตั ติ ามวัฒนธรรมตามทอ้ งถ่ินท่ีอยอู่ าศยั อยแู่ ละความเป็นไทย
ดา้ นสติปญั ญา
- การรจู้ กั ส่ิงตา่ ง ๆ ดว้ ยการฟงั การมอง การสัมผสั ชิมรส ดมกลิ่น
- การเชื่อมโยงภาพ ภาพถ่าย และรปู แบบตา่ ง ๆ กับสิง่ ของหรอื สถานที่จริง
- การรบั รูแ้ ละแสดงความรูส้ กึ ผ่านสอื่ วัตถุ ของเล่นและผลงาน
- การแสดงความคดิ สรา้ งสรรค์ผา่ นสอื่ วสั ดุ
- การพดู กับผู้อื่นเกี่ยวกบั ประสบการณข์ องตนเองหรือเล่าเรื่องเก่ยี วกับตนเอง
- การอธบิ ายเกี่ยวกบั สงิ่ ของเหตกุ ารณแ์ ละความสมั พันธ์ของเรอ่ื งราวทีส่ นใจ
- การเพมิ่ ข้ึนหรอื ลดลงของจานวนหรือปริมาณ
- การอธิบายในเร่อื งตาแหน่งของสิง่ ของต่าง ๆ ทสี่ มั พนั ธก์ ัน
- การเริม่ ตน้ และการหยุดกระทาโดยสญั ญาณ
- การสารวจและอธิบายความเหมอื นและความแตกตา่ ง
- การจับคู่ จาแนก จดั กลมุ่
- การเปรยี บเทยี บ เชน่ สัน้ / ยาว ขรุขระ / เรียบ ฯลฯ
๔๘
- การเปรียบเทียบจานวนมากกวา่ นอ้ ยกวา่ เท่ากัน
- การนับสงิ่ ตา่ ง ๆ
- การจดั คู่ หนง่ึ ตอ่ หนงึ่
- การฟังเร่ืองราว นิทาน คาคลอ้ งจอง คากลอน
- การเขียนในหลายรูปแบบผา่ นประสบการณ์ ท่ีสอ่ื ความหมายต่อเด็ก
สาระยอ่ ย
1. ลักษณะของบา้ น
2. ความสาคัญความหมายของครอบครัว
3. ช่ือบคุ คลในครอบครัว
4. ชอื่ รูปรา่ ง ลักษณะหนา้ ตา ของบุคคลในครอบครัว
5. ชอ่ื ของโรงเรียนทต่ี ง้ั
6. บคุ คลในโรงเรียน
7. หน้าท่ขี องบุคคลทีอ่ ยู่ในโรงเรยี น
8. กฎระเบียบของโรงเรยี น
9. อาชพี ในชมุ ชน
๒.๓ ธรรมชาตริ อบตวั เดก็ ควรได้เรียนรู้เกี่ยวกับการสารวจส่ิงต่าง ๆ ในธรรมชาติรอบตัว
เช่นสัตว์ พชื ดอกไม้ ใบไม้ ผ่านการใช้ประสารทสัมผัสท้ังห้า การเล่นน้า การเล่นทราย การเล้ียงสัตว์ต่าง ๆ ที่ไม่เป็น
อันตราย การเดนิ เลน่ ในสวน การเพาะปลูกอยา่ งงา่ ย
๔๙
ประสบการณ์
ดา้ นรา่ งกาย
- การเคลือ่ นไหวกับทแ่ี ละการเคลื่อนไหว เคลอ่ื นท่ี
- การเคลอ่ื นไหวพรอ้ มอปุ กรณ์
- การเล่นเครื่องเลน่ สนาม
- การเล่นเครื่องเลน่ สัมผสั
- การเขยี นภาพและการเลน่ กบั สี
- การปน้ั และการประดษิ ฐส์ ง่ิ ต่าง ๆ
- การปฏบิ ัตติ ามสขุ ภาพอนามยั
- การรักษาความปลอดภัยของตนเองและผู้อน่ื
ดา้ นอารมณ์ จติ ใจ
- การแสดงปฏกิ ิรยิ าโตต้ อบเสยี งดนตรงี ่าย ๆ เช่น เครอ่ื งดนตรีประเภทเคาะประเภทตี ฯลฯ
- การร้องเพลง
- การช่นื ชมและสร้างสรรค์ ส่งิ ท่ีสวยงาม
- การแสดงออกอยา่ งสนกุ สนานกับเร่อื งสนุก ตลก ขบขนั และเรือ่ งราว เหตุการณท์ ่ีสนุกตา่ ง ๆ
- การเลน่ อิสระ
- การเลน่ รายบุคคลและเปน็ กลุ่ม
- การเล่นในหอ้ งเรียน และนอกห้องเรยี น
ดา้ นสังคม
- การปฏบิ ตั ิกจิ วตั รประจาวนั ของตนเอง
- การเล่นและการทางานรว่ มกับผอู้ น่ื
- การแลกเปล่ยี นความคิดเห็นและความเคารพความคดิ เหน็ ของผ้อู ่นื
- การแก้ปญั หาในการเล่น
- การปฏิบตั ิตามวฒั นธรรมตามท้องถ่นิ ที่อยูอ่ าศยั อยู่และความเป็นไทย
ดา้ นสติปัญญา
- การรู้จกั สงิ่ ต่าง ๆ ด้วยการฟัง การมอง การสมั ผัส ชิมรส ดมกลิ่น
- การเช่ือมโยงภาพ ภาพถ่าย และรูปแบบต่าง ๆ กบั สง่ิ ของหรือสถานที่จริง
- การรับรแู้ ละแสดงความร้สู ึกผา่ นสื่อ วัตถุ ของเลน่ และผลงาน
- การแสดงความคดิ สรา้ งสรรค์ผ่านสอ่ื วัสดุ
- การพูดกับผ้อู ืน่ เก่ยี วกับประสบการณข์ องตนเองหรือเล่าเรื่องเก่ียวกับตนเอง
- การอธิบายเก่ียวกับสิง่ ของเหตุการณแ์ ละความสัมพนั ธ์ของเรอ่ื งราวทีส่ นใจ
- การเพ่มิ ขึ้นหรือลดลงของจานวนหรอื ปรมิ าณ
- การอธบิ ายในเรอ่ื งตาแหน่งของสิ่งของตา่ ง ๆ ท่สี มั พนั ธก์ ัน
- การเร่ิมตน้ และการหยุดกระทาโดยสัญญาณ
- การสารวจและอธบิ ายความเหมือนและความแตกตา่ ง
- การจับคู่ จาแนก จดั กลุ่ม
- การเปรยี บเทียบ เช่น ส้นั / ยาว ขรุขระ / เรียบ ฯลฯ
๕๐
- การเปรียบเทียบจานวนมากกวา่ น้อยกวา่ เท่ากัน
- การนบั สิ่งตา่ ง ๆ
- การจดั คู่ หน่ึงตอ่ หนงึ่
- การฟังเร่อื งราว นทิ าน คาคลอ้ งจอง คากลอน
- การเขยี นในหลายรปู แบบผา่ นประสบการณ์ ที่ส่ือความหมายต่อเด็ก
1. สิง่ มชี ีวิต สาระยอ่ ย
2. สงิ่ ไม่มีชีวติ - ช่อื
3. ฤดูกาล - รูปร่าง ลกั ษณะ
4. กลางวนั กลางคืน - ความเหมอื น และความแตกต่าง
- ความเมตตากรุณา
- ชอ่ื
- ลักษณะ
- ความเหมอื นและความแตกตา่ ง
- ชือ่ ฤดูกาล
- การปฏบิ ตั ิตนให้เหมาะสมกับฤดู
- การรกั ษาสุขภาพ
- รปู ร่าง ลกั ษณะของดวงอาทติ ย์ และดวงจนั ทร์
- ขอ้ แตกต่างของกลางวนั และกลางคนื
- การปฏบิ ตั ติ นในเวลากลางวนั กลางคืน
๒.๔ ส่ิงต่าง ๆ รอบตัวเด็ก เด็กควรเรียนรู้เกี่ยวกับชื่อและของเล่นของใช้ที่อยู่รอบตัวการ
เชื่อมโยงลกั ษณะหรือคุณสมบัติอย่างง่ายๆ ของสงิ่ ต่างๆ ทอี่ ย่ใู กล้ตัวเด็ก เช่น สรี ูปร่าง รูปทรง ขนาด ผวิ สมั ผัส
๕๑
ประสบการณ์
ด้านรา่ งกาย
- การเคลื่อนไหวกบั ทแี่ ละการเคลอื่ นไหว เคลอ่ื นที่
- การเคลื่อนไหวพร้อมอปุ กรณ์
- การเล่นเครื่องเล่นสนาม
- การเลน่ เครื่องเล่นสัมผสั
- การเขียนภาพและการเลน่ กับสี
- การปัน้ และการประดิษฐ์ส่งิ ตา่ ง ๆ
- การปฏบิ ตั ติ ามสุขภาพอนามยั
- การรกั ษาความปลอดภยั ของตนเองและผู้อนื่
ด้านอารมณ์ จิตใจ
- การแสดงปฏกิ ิริยาโตต้ อบเสียงดนตรงี า่ ย ๆ เชน่ เครื่องดนตรปี ระเภทเคาะประเภทตี ฯลฯ
- การร้องเพลง
- การช่ืนชมและสร้างสรรค์ สิง่ ทสี่ วยงาม
- การแสดงออกอยา่ งสนุกสนานกบั เรอ่ื งสนกุ ตลก ขบขนั และเรื่องราว เหตกุ ารณ์ทสี่ นกุ ตา่ ง ๆ
- การเลน่ อิสระ
- การเลน่ รายบุคคลและเปน็ กล่มุ
- การเล่นในห้องเรียน และนอกหอ้ งเรยี น
ดา้ นสังคม
- การปฏิบัติกิจวตั รประจาวันของตนเอง
- การเล่นและการทางานรว่ มกบั ผู้อนื่
- การแลกเปลยี่ นความคดิ เห็นและความเคารพความคิดเห็นของผูอ้ น่ื
- การแก้ปัญหาในการเลน่
- การปฏบิ ตั ติ ามวฒั นธรรมตามท้องถิ่นท่ีอยู่อาศยั อย่แู ละความเป็นไทย
ดา้ นสติปัญญา
- การรู้จักสง่ิ ตา่ ง ๆ ด้วยการฟัง การมอง การสัมผัส ชมิ รส ดมกล่นิ
- การเชอื่ มโยงภาพ ภาพถ่าย และรูปแบบตา่ ง ๆ กับส่ิงของหรือสถานท่ีจริง
- การรับรแู้ ละแสดงความร้สู กึ ผ่านสอ่ื วตั ถุ ของเล่นและผลงาน
- การแสดงความคดิ สร้างสรรค์ผ่านส่ือ วัสดุ
- การพดู กบั ผอู้ ่ืนเก่ียวกับประสบการณข์ องตนเองหรือเลา่ เรื่องเกยี่ วกับตนเอง
- การอธิบายเกี่ยวกบั สง่ิ ของเหตุการณ์และความสัมพันธข์ องเร่อื งราวทสี่ นใจ
- การอธิบายในเรือ่ งตาแหน่งของส่งิ ของต่าง ๆ ท่สี ัมพนั ธก์ ัน
- การสารวจและอธิบายความเหมอื นและความแตกตา่ ง
- การจับคู่ จาแนก จดั กลมุ่
- การเปรยี บเทียบ เชน่ สนั้ / ยาว ขรขุ ระ / เรียบ ฯลฯ
- การเปรยี บเทียบจานวนน้อยกว่า มากกวา่ เทา่ กนั
๕๒
- การนับสงิ่ ต่าง ๆ
- การจัดคู่ หนงึ่ ตอ่ หนึง่
- การฟังเรอื่ งราว นทิ าน คาคล้องจอง คากลอน
- การเขยี นในหลายรปู แบบผ่านประสบการณ์ ทส่ี ื่อความหมายต่อเดก็
สาระยอ่ ย
1. เครอื่ งใช้ในชวี ติ ประจาวนั
- ช่อื
- ลักษณะรูปร่าง สี ขนาด ผิวสัมผสั
- วิธีการใช้ ประโยชน์
- การเกบ็ รักษา การทาความสะอาด
2. การคมนาคม
- ประเภท
- ชอื่ ของยานพาหนะ แต่ละประเภท
- วธิ กี ารเลือกใชย้ านพาหนะทีเ่ หมาะสม
3. การสอื่ สาร
- ชอ่ื เคร่ืองมือการส่ือสาร
- รปู ร่าง, ลกั ษณะ
นอกจากสาระทีค่ วรเรยี นร้ตู ามหลักสตู รการศกึ ษาปฐมวยั พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ จานวน ๔ สาระ
ท่ีควรเรียนรู้แล้ว ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กโรงเรียนวัดบ้านธาตุใต้ (สนิทไชยวิทยาคาร) ได้กาหนดสาระท่ีควรเรียนรู้
เพ่มิ เติม เก่ยี วกบั นโยบาย และจดุ เนน้ ท่กี รมส่งเสรมิ การปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย กาหนดเพิ่มขึ้น ท้ังน้ี
เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้เกี่ยวกับวิถีชีวิต ศาสนา และขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม และความเป็นไทย โดยมี
สาระรายละเอียดสาระท่คี วรเรยี นร้เู พิ่มเตมิ ดงั น้ี
๒.๕ วันสาคัญ เด็กควรเรียนรู้เก่ียวกับวันสาคัญเก่ียวกับวิถีชีวิต ศาสนาและ
ขนบธรรมเนียม ประเพณี วฒั นธรรม และความเป็นไทย ท้งั ของชาติและของชมุ ชนทอ้ งถิ่น
ลาดับที่ สาระท่ีควรเรยี นรูเ้ รื่องวันสาคญั ตัวอย่างวนั สาคญั ต่าง ๆ หมายเหตุ
๑ วนั สาคัญทางศาสนา
(๑)วันสาคัญทางศาสนาพทุ ธ ๑.วันมาฆบชู า ๒.วันวิสาขบชู า
๓.วนั อาสาฬหบูชา ๔.วันเข้าพรรษา
๕.วนั ออกพรรษา ๖.วันพระฯลฯ
(๒) วนั สาคัญทางศาสนาอิสลาม ๑.วนั ฮารีรายอ ๒.วันเมาลดิ
๓.วนั ถอื ศลี อด ฯลฯ
(๓) วันสาคญั ทางศาสนาครสิ ต์ วันคริสตม์ าส ฯลฯแตล่ ะท้องถ่นิ
(๔) วันสาคัญทางศาสนาอื่น พจิ ารณาตามความเหมาะสม
๕๓
ลาดับที่ สาระท่คี วรเรียนรู้เร่อื งวนั สาคญั ตัวอยา่ งวันสาคัญต่าง ๆ หมายเหตุ
๒ วนั สาคญั ของชาติ
๓ วนั สาคัญของท้องถนิ่ ๑.วันเฉลมิ พระชนมพรรษา
๒.วนั ปิยมหาราช
๔ วนั สาคัญอ่ืน ๆ ๓.วนั รฐั ธรรมนญู
๑.วันลอยกระทง ๒.วันสงกรานต์
๓.วันสาคญั ในแตล่ ะภาค เช่น
* ภาคใต้ -วนั งานประเพณีชกั พระ
ฯลฯ
* ภาคเหนือ -วนั งานประเพณีย่ีเป็ง
ฯลฯ
* ภาคกลาง -วนั งานประเพณีแข่ง-
เรือพาย / แห่นางแมว ฯลฯ
* ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ
-วันงานประเพณบี ุญบง้ั ไฟ ฯลฯ
๑.วนั เด็ก ๒. วันครู ฯลฯ
๒.๖ ท้องถิน่ ของเรา
(๑) ประวัติความเป็นมา (๒) ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี (๓) แหล่งการท่องเทยี่ ว (๔) บุคคล
สาคัญ (๕) การประกอบอาชพี (๖) สภาพภมู ิประเทศ / ภมู อิ ากาศ (๗) สภาพปัญหาในชุมชน / สังคม / พิบตั ิ
ภัย (๘) สภาพเศรษฐกิจและสังคม (๙) ทรัพยากรสง่ิ แวดลอ้ ม (๑๐) พระราชกรณียกิจในท้องถ่นิ (๑๑) ภูมิ
ปัญญา / สนิ ค้า / OTOP
๒.๗ ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
การจดั กจิ กรรมตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสาหรับเดก็ ปฐมวัย
แนวคดิ ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง
การพัฒนาตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง คือ การพัฒนาท่ีตั้งอยู่บนพื้นฐานของทางสายกลาง และ
ความไม่ประมาท โดยคานึงถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกันท่ีดีในตัว ตลอดจนใช้ความรู้
ความรอบคอบ และคุณธรรม ประกอบการวางแผน การตัดสินใจ และการกระทา ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
มีหลกั พจิ ารณาอยู่ ๕ สว่ น ดังนี้
๑. กรอบแนวคดิ เป็นปรชั ญาท่ีชีแ้ นะแนวทางการดารงอยู่ และปฏิบัติตนในทางท่ีควรจะเป็น โดย
มีพื้นฐานมาจากวถิ ีชวี ิตดัง้ เดมิ ของสงั คมไทย สามารถนามาประยุกต์ใช้ได้ตลอดเวลา และเป็นการมองโลกเชิงระบบ
ทีม่ ีการเปลย่ี นแปลงอยตู่ ลอดเวลา และเป็นการมองโลกเชิงระบบทม่ี ีการเปล่ียนแปลงอยตู่ ลอดเวลา มุ่งเน้นการรอด
พน้ จากภัย และวกิ ฤต เพ่อื ความมั่นคง และความยง่ั ยืนของการพฒั นา
๒. คุณลักษณะ เศรษฐกิจพอเพียงสามารถนามาประยุกต์ใช้กับการปฏิบัติตนได้ในทุกระดับ โดย
เนน้ การปฏบิ ัติบนทางสายกลาง และการพฒั นาอย่างเปน็ ขน้ั ตอน
๕๔
๓. คานยิ าม ความพอเพยี งจะต้องประกอบด้วย ๓ คณุ ลกั ษณะ พร้อม ๆ กันดังนี้
(๑) ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีท่ีไม่น้อยเกินไป และไม่มากเกินไปโดยไม่
เบียดเบียนตนเอง และผอู้ ืน่ เช่นการผลิต และการบริโภคท่อี ยใู่ นระดับพอประมาณ
(๒) ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจเก่ียวกับระดับของความพอเพียงน้ัน จะต้อง
เปน็ ไปอย่างมีเหตผุ ล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เก่ียวข้องตลอดจนคานึงถึงผลท่ีคาดว่าจะเกิดข้ึนจากการกระทา
น้นั ๆ อย่างรอบคอบ
(๓) การมีภูมิคุ้มกันท่ีดีในตัว หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบ และการ
เปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นโดยคานึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ ต่าง ๆ ที่คาดว่าจะเกิดข้ึนใน
อนาคตท้ังใกล้ และไกล
เง่ือนไข การตัดสินใจและการดาเนินกิจกรรมต่าง ๆ ให้อยู่ในระดับพอเพียงน้ัน ต้องอาศัยท้ัง
ความรู้ และคุณธรรมเปน็ พ้ืนฐาน กล่าวคือ
- เง่ือนไขความรู้ ประกอบด้วย ความรอบรู้เกี่ยวกับวิชาการต่าง ๆ ท่ีเก่ียวข้องอย่างรอบด้าน
ความรอบคอบท่จี ะนาความรูเ้ หล่าน้นั มาพจิ ารณาใหเ้ ช่อื มโยงกนั เพ่อื ประกอบการวางแผน และความระมัดระวังใน
ขัน้ ปฏิบตั ิ
- เงอื่ นไขคุณธรรม ที่จะต้องเสรมิ สร้างประกอบด้วย มีความตระหนักในคุณธรรม มีความซ่ือสัตย์
สุจรติ และมีความอดทน มคี วามเพียร ใช้สติปญั ญาในการดาเนนิ ชีวิต
แนวทางปฏบิ ัติ / ผลท่คี าดวา่ จะได้รับ จากการนาปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ คือ
การพัฒนาทสี่ มดุล และยงั่ ยืน พร้อมรบั ตอ่ การเปลี่ยนแปลงในทุกด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม ส่ิงแวดล้อม ความรู้
และเทคโนโลยี ประการที่สาคัญของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
๑. พอมพี อกนิ ปลกู พืชสวนครัวไว้กนิ เองบา้ ง ปลูกไม้ผลไว้หลังบ้าน ๒-๓ ต้น พอที่จะมีไว้กินเองใน
ครวั เรอื น เหลอื จึงขายไป
๒. พออยูพ่ อใช้ ทาให้บ้านน่าอยู่ ปราศจากสารเคมี กลิ่นเหม็น ใช้แต่ของที่เป็นธรรมชาติ (ใช้จุลินทรีย์
ผสมน้าถูพืน้ บา้ น จะสะอาดกว่าใชน้ ้ายาเคม)ี รายจ่ายลดลง สุขภาพจะดขี นึ้ (ประหยัดค่า-รักษาพยาบาล)
๓. พออกพอใจ เราต้องรจู้ กั พอ รจู้ ักประมาณตน ไมใ่ คร่อยากใคร่มีเช่นผู้อนื่ เพราะเราจะหลงติดกับ
วตั ถุ ปญั ญาจะไม่เกิด
๒.๘ อาเซยี นศกึ ษา
(๑) บา้ นเราและเพ่ือนบ้านอาเซยี น
๑. แผนทีท่ ่ตี ้ัง/สถานที่สาคญั และแหลง่ ท่องเท่ียว
๒. ธรรมชาติ สง่ิ แวดล้อมและฤดูกาล
๓. ฤดูกาล และภัยพิบัติ
๔. อาชีพและสนิ คา้ เศรษฐกิจ
๕. สกลุ เงนิ
(๒) ประเทศสมาชกิ อาเซียน
๑. ชื่อประเทศและธงชาตขิ องประเทศสมาชิกอาเซียน
๒. ดอกไม้ / ต้นไม้ ประจาชาติ
๓. สัญลกั ษณ์ตราแผน่ ดิน
๔. สตั วป์ ระจาชาติ
๕๕
๕. เพลงชาติประเทศสมาชกิ อาเซียน
(๓) สงั คมและวัฒนธรรม
๑. ศาสนาและวันสาคัญ
๒. ชดุ แตง่ กายประจาชาติ
๓. อาหารประจาชาติ
๔. ภาษา ประเพณีและวัฒนธรรม
๕. การละเลน่ การแสดงและนทิ านประจาชาติ
(๔) อาเซยี นท่ีรัก
๑. ธงอาเซียน
๒. ตราสัญลกั ษณอ์ าเซียน
๓. คาขวัญอาเซยี น
๔. เพลงอาเซยี น
๕. ภาษาอาเซียน
๒.๙ สะเตม็ ศกึ ษา
การเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยที่มีการเติบโตทางเทคโนโลยี สารสนเทศ และสังคมมนุษย์ส่งผลต่อ
การดาเนินชีวิตและการเตรียมพัฒนาบุคลากรของมนุษย์ให้มีศักยภาพสอดคล้องส่ิงที่เปล่ียนแปลงไป ความรู้
เกี่ยวกับส่ิงต่าง ๆ มีมากมาย จากการศึกษาในรูปแบบเดิมท่ีเด็กหรือผู้เรียนมักจะเรียนรู้โดยมีครูผู้สอนเป็นผู้ท่ี
ถ่ายทอดวิชาความรู้ต่าง ๆ เหล่านั้น มาเป็นการศึกษาท่ีเด็กหรือผู้เรียนสามารถที่จะสืบค้นข้อมูลได้ด้วยตนเองจาก
แหล่งข้อมูลท่ีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นผู้เช่ียวชาญเฉพาะทางในเรื่องต่าง ๆ ที่เด็กสนใจ สืบค้นข้อมูลจากอินเทอร์
เนต เป็นต้น ดังน้ันสิ่งท่ีครูผู้สอนควรจะส่งเสริมให้เด็กได้พัฒนาคือ ทักษะการเรียนรู้ ที่จะทาให้เด็กรู้วิธีการสืบ
คน้ หาขอ้ มูลไดด้ ว้ ยตนเองและมีวิจารณญาณในการเลอื กพิจารณาข้อมูลท่ีเปน็ ความร้ทู ่ีมปี ระโยชน์
การจัดการศกึ ษาแบบบรู ณาการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และ คณิตศาสตร์ หรือ
STEMเป็นรูปแบบการจัดการศึกษาที่บูรณาการกลุ่มสาระและทักษะกระบวนการของทั้ง ๔ สาระอันได้แก่
วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และ คณิตศาสตร์โดยนาลักษณะธรรมชาติของแต่ละสาระวิชาและ
กระบวนการจัดการเรียนรู้ให้กับผู้เรียนมาผสมผสานกนั เพื่อใหผ้ ู้เรยี นได้เกดิ การเรียนร้แู ละพัฒนาทักษะที่สาคัญและ
จาเป็นอกี ท้ังยงั ตอบสนองตอ่ การดารงชวี ติ อยู่ในยุคปัจจบุ ันและโลกอนาคตอีกดว้ ย ลักษณะของ STEM มดี ังต่อไปนี้
ตัวอักษรตัวแรก ของ STEM คือ S มาจากคาว่า Science หรือ วิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นสาระท่ี
ศึกษาทาความเข้าใจเกี่ยวกับ ธรรมชาติรอบตัว ในการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ให้กับผู้เรียน จะเน้นให้ผู้เรียนได้
เกดิ การเรยี นรโู้ ดยผ่านกระบวนการทเี่ รียกว่า กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ที่จะประกอบด้วย
ข้ันตอน
๑. ขั้นการสรา้ งความสนใจ
เป็นขน้ั ของการนาเข้าสบู่ ทเรียน ซงึ่ อาจจะเป็นข้อสงสัยที่เกิดจากตัวผู้เรียน หรือ อาจจะเป็นข้อสงสัย
ทีเ่ กดิ ขน้ึ ในขณะอภิปรายหรือทากจิ กรรมใดกิจกรรมหนึ่ง ซึง่ ครูผสู้ อนไม่ควรบังคบั ใหเ้ ดก็ ยอมรับประเด็นปัญหาท่ีครู
สนใจ ซ่ึงตวั อย่างจดั กจิ กรรมท่คี รผู ู้สอนสามารถจัดเพื่อกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดความสนใจมากขึ้นได้แก่ สาธิต ทดลอง
เล่าเรือ่ ง ทศั นศึกษา เป็นตน้
๕๖
๒. ขน้ั สารวจและการคน้ หา เม่อื มีขอ้ คาถามแล้ว กม็ ีการวางแผนการหาคาตอบ
- กาหนดแนวทางในการเกบ็ รวบรวมข้อมูล
- ลงมือเกบ็ ข้อมลู ในการวางแผน
- การลงมือปฏบิ ตั ิให้ไดค้ าตอบ ประกอบดว้ ย การสงั เกต การวดั การทดลอง เปน็ ต้น
๓. ขัน้ อธิบายและลงข้อสรุป เมื่อได้ขอ้ มูลแล้วก็นาขอ้ มูล มาแปลผล สรุปผล
๔. ขั้นขยายความรู้ เป็นการนาความรมู้ าเชือ่ มโยงกบั ความรู้เดิมหรือแนวคิดทีไ่ ด้ค้นควา้ เพิม่ เติมข้นึ
๕. ขั้นการประเมิน เป็นการประเมินการเรียนรู้ด้วยกระบวนการต่าง ๆ ว่าผู้เรียนได้เกิดการเรียนรู้
อะไรบา้ ง อย่างไร และ มากน้อยเพยี งใด
บทบาทของวิทยาศาสตร์ในการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี
วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ (STEM) น้ีนอกจากจะมีส่วนทาให้ผู้เรียนได้นาความรู้ทางวิทยาศาสตร์มา
ประยุกต์ใชใ้ นกิจกรรม STEM แลว้ บทบาทของวิทยาศาสตรใ์ น STEM ยงั มสี ่วนในการช่วยพัฒนาให้ผู้เรียนมีทักษะ
การคิดและแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ คิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล คิดสร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์วิจารณ์ มีทักษะที่สาคัญ
ในการสืบค้นข้อมลู ความรู้ สามารถตดั สนิ ใจโดยใช้ข้อมลู ทีห่ ลากหลายและประจักษ์พยานท่ีตรวจสอบได้
ตัวอกั ษรตัวทส่ี อง ของ STEM คอื T มาจากคาว่า Technology หรือ เทคโนโลยี ซึ่งเป็นสาระ
ท่ีเกี่ยวกับกระบวนการแก้ปัญหา การพัฒนาส่ิงต่างๆหรือกระบวนการต่าง ๆ เพ่ือตอบสนอง ความต้องการของ
มนุษย์เรา ดังนั้น คาว่า เทคโนโลยีจึงไม่ได้หมายความถึงเพียงแค่ผลผลิตท่ีได้จากกระบวนการแก้ปัญหาอย่างเช่น
คอมพิวเตอร์กล้องถ่ายรูป โทรศัพท์มือถือ เป็นต้น เท่านั้น แต่ยังหมายถึงกระบวนการแก้ปัญหาอีกด้วย สถาบัน
ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (2557) ระบุขั้นตอนในกระบวนการทางเทคโนโลยีประกอบด้วย ๗
ข้ันดังนี้
๑. กาหนดปัญหาหรอื ความตอ้ งการ
๒. รวบรวมข้อมูล โดยอาจจะรวบรวมข้อมูลจากตารา วารสาร บทความ อนิ เทอรเ์ นต
๓. เลอื กวิธกี าร เปน็ การพิจารณาเลือกวิธที เี่ หมาะสมและสอดคล้องกบั การแก้ปัญหา
๔. ออกแบบและปฏบิ ตั ิการ
๕. ทดสอบ เป็นการตรวจสอบว่าชิ้นงานหรอื วิธีท่ีสรา้ งข้ึนสามารถแก้ปัญหาได้หรือไม่
๖. ปรับปรุงแก้ไข เปน็ การวิเคราะหว์ า่ ชิ้นงานหรอื วธิ ที ี่สร้างขึ้นจะปรับ แกไ้ ขสว่ นใด
๗. ประเมนิ ผล เปน็ การประเมนิ ผลวา่ ชน้ิ งานหรือวิธที สี่ รา้ งข้นึ สามารถแกป้ ญั หาไดห้ รือไม่
ถ้ายังมีปัญหาก็จะต้องปรบั ปรุงแก้ไขเพ่อื ให้การทางานมปี ระสิทธภิ าพมากขน้ึ
บทบาทของเทคโนโลยีในการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี
วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ (STEM) น้ี จะพัฒนาให้ผู้เรียนได้พัฒนาทักษะการคิด แก้ปัญหา ทักษะ
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ คิดวิเคราะห์ คิดสร้างสรรค์ คิดอย่างเป็นเหตุ เป็นผล อีกทั้งยังเป็นการพัฒนานิสัย
ความรอบคอบ ความเพยี ร ไมย่ อ่ ท้อตอ่ ความล้มเหลวหรือความผิดพลาดท่ีอาจจะเกดิ ขึ้นในขณะทากิจกรรม
ตัวอักษรตัวท่ีสาม ของ STEM คือ E มาจากคาว่า Engineering หรือ วิศวกรรมศาสตร์ ซึ่ง
วิศวกรรมในที่น้ีหมายถึง * การออกแบบ * การวางแผน เพ่ือแก้ปัญหา โดยเป็นการใช้องค์ความรู้ต่างๆ มา
สรา้ งสรรค์ออกแบบผลงานภายใต้ข้อจากดั หรอื เง่ือนไขที่กาหนด ซึ่งบทบาทของเทคโนโลยีและวิศวกรรมศาสตร์ใน
STEM จะเกีย่ วข้องสมั พนั ธ์กันกระบวนการออกแบบของวิศวกรรมศาสตร์ ประกอบดว้ ยขัน้ ตอนดงั นี้
๕๗
๑. กาหนดปัญหา หรือความต้องการ
๒. หาแนวทางการแกป้ ญั หา
๓. ลงมอื ปฏบิ ัตเิ พอ่ื แก้ปญั หา
๔. ทดสอบและประเมนิ ผล
บทบาทของวิศวกรรมศาสตร์ในการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี
วศิ วกรรมศาสตร์ และคณติ ศาสตร์ (STEM) จะช่วยส่งเสริมให้ผู้เรียนได้พัฒนาความคิดสร้างสรรค์ การคิดแก้ปัญหา
การคิดเปน็ เหตเุ ปน็ ผล การคดิ เป็นระบบ อีกท้งั ยังเป็นการฝึกนสิ ยั ความเพยี ร ความรอบคอบ
ตัวอักษรตัวสุดท้าย ใน STEM คือ M มาจาก Mathematics หรือ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี
วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ จะครอบคลุมเรื่อง จานวนและกระบวนการ การวัด เรขาคณิต พีชคณิต การ
วเิ คราะหข์ ้อมูลและความน่าจะเป็น และทกั ษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์
บทบาทของคณิตศาสตร์ในการจัดการเรียนรู้ แบบบูรณาการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี
วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ (STEM) จะช่วยส่งเสริมให้ผู้เรียนได้พัฒนาทักษะการคิดแก้ปัญหา การคิดเป็น
เหตุเปน็ ผล ทักษะการคิดสรา้ งสรรค์ การสื่อสารและการนาเสนอให้ผู้อ่ืนเข้าใจได้จะเห็นว่าเมื่อผสมผสานสาระและ
ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ แล้วนามาจดั กิจกรรมบูรณาการ
น้ันจะทาให้ผู้เรียนได้พัฒนาด้านต่างๆ ที่สอดคล้องกับทักษะที่จาเป็นสาหรับ การดาเนินชีวิตในศตวรรษที่ ๒๑ที่
ผู้เรียนจะได้นาความรู้ในสาระต่างๆ มาประยุกต์ใช้ได้จริง ได้พัฒนาทักษะการคิด และคุณลักษณะท่ีผู้เรียนจะได้มี
สว่ นรว่ มในการทากจิ กรรมร่วมกนั เปน็ การฝึกให้ผเู้ รียนไดพ้ ัฒนาทักษะการทางานกลุ่ม และทักษะการสื่อสาร การ
จัดกิจกรรมบูรณาการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ (STEM) สามารถจัดได้ต้ังแต่ใน
เด็กปฐมวัย ซึ่งโดยทวั่ ไป การจดั ประสบการณ์การเรยี นร้ใู นระดับปฐมวัย มีลักษณะเป็นการจัดกิจกรรมบูรณาการ
อยแู่ ลว้
* แตป่ ระเดน็ ทค่ี รผู ู้สอนจะต้องเน้นเพื่อให้มีลักษณะเปน็ กจิ กรรมบรู ณาการ STEM ชัดเจนข้ึน คือ
* จะต้องเน้นให้เด็กได้แก้ปัญหา โดยใช้องค์ความรู้และทักษะกระบวนการต่าง ๆ ที่เป็นทักษะ
กระบวนการที่ได้กล่าวมาแล้วในส่วนประกอบของ ๔ สาระ มาสร้างสรรค์ออกแบบผลงานหรือออกแบบวิธีการ
ภายใต้ขอ้ จากดั หรอื เงื่อนไขที่กาหนด โดยอาจจะมีรายละเอียดท่ีปรับเพ่ือให้สอดคล้องกับพัฒนาการของเด็กในช่วง
วยั นี้ เช่น ในสาระวิทยาศาสตรท์ ีจ่ ะจดั ใหก้ ับเดก็ ปฐมวยั นน้ั
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้เสนอแนะว่า กระบวนการสืบเสาะหา
ความรูท้ างวิทยาศาสตร์ จะประกอบด้วย
๑. การมีสว่ นร่วมในการตั้งคาถามเชงิ วทิ ยาศาสตร์อย่างง่ายๆ
๒. การสารวจตรวจสอบเก็บรวบรวมข้อมูลโดยการสังเกต สารวจ สืบค้น หรือทดลองและบันทึก
ผลการสารวจตรวจสอบด้วยวธิ ีทีเ่ หมาะสมกบั วยั
๓. การตอบคาถามท่ตี ้ังข้นึ โดยใช้ผลจากการสารวจตรวจสอบมาสรา้ งคาอธิบายท่มี ีเหตุผล
๔. การนาเสนอผลการสารวจตรวจสอบให้กับผู้อื่นด้วยวิธีที่เหมาะสมกับวัยและความสามารถ
นอกจากน้ีในสาระ วิทยาศาสตร์ จะเนน้ ในทักษะกระบวนการ ท่ีเดก็ ปฐมวัยจะไดใ้ ช้ได้แก่ ทักษะการสังเกต การวัด
การลงความเห็นจากข้อมูล การจาแนกประเภท การพยากรณ์ การคานวณ การหาความสัมพันธ์ระหว่างสเปส
กับสเปสและสเปสกบั เวลา การจัดกระทาและส่ือความหมายขอ้ มูล
๕๘
๒.๑๐ โตไปไมโ่ กง
กรอบสาระกจิ กรรมโตไปไม่โกง ระดับปฐมวยั ประกอบดว้ ย ๕ สาระ
๑. ความซื่อสัตย์สุจรติ
คอื การยึดมั่นในความสตั ย์จริงและสิง่ ที่ถกู ต้องดีงาม รจู้ ักแยกแยะถูกผิด ปฏิบัตติ อ่ ตนเองและ
ผ้อู นื่ โดยชอบ ไม่คดโกง
คุณลกั ษณะท่พี งึ ประสงค์
- พูดความจริง
- ไม่ลกั ขโมย
- ทาตวั เป็นท่ีน่าเช่ือถือ ทาตามสัญญา
- กล้าเปดิ เผยความจรงิ
- รู้จกั แยกแยะประโยชนส์ ่วนตวั สว่ นรวม
๒. การมจี ิตสาธารณะ
คือ การมจี ิตสานึกเพ่ือส่วนรวม ตระหนกั รแู้ ละคานึงถึงสังคมสว่ นรวม มคี วามรบั ผิดชอบตอ่ ตนเอง
ในการกระทาใด ๆ เพ่ือไมใ่ ห้เกดิ ผลเสยี หายต่อส่วนรวมและพร้อมทจ่ี ะเสยี สละประโยชนส์ ว่ นตนเพอื่ รกั ษา
ผลประโยชนส์ ว่ นรวม
คณุ ลักษณะที่พึงประสงค์
- รว่ มดแู ลสงั คม
- รบั ผิดชอบสว่ นรวม
- เสียสละเพอ่ื ส่วนรวม
- เอ้ือเฟือ้ เมตตา มีนา้ ใจ
- ไม่เห็นแก่ตัว
๓. ความเป็นธรรมทางสังคม
คอื การปฏิบัตติ ่อผ้อู ่นื อยา่ งเสมอภาคและเท่าเทียมกันอยา่ งมเี หตุผล โดยไม่เลอื กปฏบิ ตั ิต่อเพศ
เชอ้ื ชาติ ชนชั้น สถานะทางเศรษฐกจิ และสงั คม
คุณลักษณะท่ีพึงประสงค์
- นึกถึงใจเขาใจเรา
- ไมเ่ อาเปรียบผู้อื่น
- รับฟงั ผอู้ น่ื
- เคารพและใหเ้ กยี รติผู้อ่ืน
- กตญั ญูอย่างมเี หตุผล
- คานงึ ถึงความยุตธิ รรมโดยตลอด
๕๙
๔. การกระทาอย่างรบั ผิดชอบ
คือ การมีจิตสานกึ ในบทบาทและหนา้ ทข่ี องตนเอง และปฏิบตั ิหน้าทีใ่ ห้ดที ส่ี ดุ เคารพกฎเกณฑ์
กตกิ า พรอ้ มใหต้ รวจสอบการกระทาไดเ้ สมอ หากมีการกระทาผดิ ก็พร้อมท่จี ะยอมรบั และแกไ้ ข
คณุ ลักษณะทีพ่ ึงประสงค์
- ทาหนา้ ทีข่ องตวั เองใหด้ ที ี่สุด
- มรี ะเบียบวินยั
- เคารพกฎ กติกา
- รับผิดชอบในสิง่ ท่ที า กล้ายอมรับผดิ และรับการลงโทษ
- รจู้ กั สานึกและขอโทษ แกไ้ ขในสิ่งผิด
- กลา้ ทาในส่ิงท่ีถูกต้อง
๕. เป็นอยู่อย่างพอเพียง
คือ การดาเนินชีวิตโดยยึดหลักพอประมาณ ซื่อตรง ไม่ละโมบโลภมาก รูจ้ ักยับยั้งชง่ั ใจ และไม่เอา
เปรียบหรือเบียดเบยี นตนเองและผู้อ่นื
คุณลกั ษณะทพี่ ึงประสงค์
- รู้จักความพอเพยี ง ความพอดี
- มคี วามอดทน อดกล้นั
- รู้จักบงั คบั ตัวเอง
- ไม่กลวั ความยากลาบาก
- ไม่ทาอะไรแบบสดุ ขว้ั หรอื สุดโต่ง
- มีสตแิ ละเหตผุ ล
ตารางกาหนดกิจกรรมประสบการณ์สาหรบั เดก็ ปฐมวัย (สาหรับเด็กอายุ ๓ - ๖ ปี)
กจิ กรรมประสบการณ์
๑. กจิ กรรมเคล่ือนไหวและจงั หวะ
๒. กจิ กรรมเสรมิ ประสบการณ์ (กจิ กรรมในวงกลม)
๓. กิจกรรมสร้างสรรค์
๔. กิจกรรมเสรี
๕. กิจกรรมกลางแจ้ง
๖. เกมการศึกษา
๖๐
๑๐. แหล่งเรยี นรู้ ภูมิปัญญาท้องถิน่
๑๐.๑ ห้องสมดุ
ห้องสมุดมีพื้นที่ขนาด ๕ ตารางเมตร หนังสือในห้องสมุดมีจานวน ๑๐๙ เล่ม มีจานวนนักเรียนท่ีใช้
ห้องสมุด (ในปกี ารศกึ ษาที่รายงาน) เฉล่ีย ๑๐ คน ตอ่ วัน คดิ เปน็ ร้อยละ ๕๒.๖๓ ของนกั เรยี นท้ังหมด
๑๐.๒ หอ้ งปฏบิ ตั กิ าร มีท้ังหมด ๒ ห้อง จาแนกเป็น
1) หอ้ งศนู ย์การเรยี นรู้ จานวน ๑ หอ้ ง
2) ห้องปฏิบัตกิ ารคอมพิวเตอร์ จานวน ๑ หอ้ ง
๑๐.๓ เครื่องคอมพิวเตอร์ มีทง้ั หมด จานวน ๑ เคร่ือง จาแนกเปน็
๑) ใชเ้ พือ่ ให้บริการสืบค้นข้อมลู ทางอินเทอรเ์ น็ต จานวน ๑ เคร่อื ง
๑๐.๔ แหลง่ เรียนรูภ้ ายในสถานศึกษา สถติ กิ ารใช้ จานวนคร้ัง/ปี
ที่ ชอ่ื แหล่งเรยี นรู้ ๑๐ ครง้ั /ปี
๑ เรอื นเพาะชา แหลง่ เรยี นรู้หลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง
๑๐.๕ แหล่งเรยี นรูภ้ ายนอกสถานศกึ ษา สถติ กิ ารใช้ จานวนครั้ง/ปี
ที่ ชื่อแหล่งเรียนรู้ ๒ ครงั้ /ปี
๑ แหล่งเรยี นรู้ชุมชนในพื้นท่ีองค์กรปกครองสว่ นท้องถนิ่ วัดบา้ นธาตุใต้
๑๐.๖ ภูมิปัญญาทอ้ งถิ่น ปราชญ์ชาวบ้าน ผ้ทู รงคณุ วุฒิ วิทยากร ทสี่ ถานศึกษาเชิญมาให้ความรแู้ ก่ครู เดก็
(ในปกี ารศึกษาทรี่ ายงาน)
ท่ี ชือ่ - นามสกลุ จานวนคร้ัง/ปี
๑ นางสาวศริ วิ ิมล หงั โส ๒ ครง้ั /ปี
๑๑. ผลงานดีเดน่ ในรอบปีที่ผา่ นมา
1๑.1 ผลงานดีเด่น
ประเภท ระดับรางวลั /ช่อื รางวลั ทไี่ ด้รับ/วันทไ่ี ดร้ ับ หนว่ ยงานที่ให้
สถานศึกษา - -
ผู้บริหาร (ระบุช่อื ) - -
ครู (ระบชุ ื่อ) - -
เดก็ (ระบุช่ือ) - -
๑๑.2 โครงการ/กิจกรรมพิเศษ ท่ีดาเนินการตามนโยบายชาติ นโยบายกระทรวงศึกษาธิการ
กระทรวงมหาดไทย กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจุดเน้นแนวทางการปฏิรูป
การศกึ ษา ฯลฯ ได้แก่ กจิ กรรมโตไปไมโ่ กง
๖๑
๑๒. ผลการประเมินคณุ ภาพภายในสถานศึกษาในปีท่ีผา่ นมา ปีการศึกษา 256๒ (ปกี ารศึกษาที่แล้ว)
สรุปผลการประเมินภาพรวม ระดับคุณภาพ
กาลงั พฒั นา ปานกลาง ดี ดมี าก
มาตรฐาน/ตวั บง่ ช้ี
มาตรฐานท่ี ๑ ครู/ผดู้ ูแลเดก็ มคี ุณธรรมจรยิ ธรรมมีวุฒ/ิ ความรคู้ วามสามารถตรงกับงาน ดี
ท่รี ับผดิ ชอบ หมัน่ พัฒนาตนเองมคี รูและบุคลากรสนับสนุนเพียงพอ ดี
ดีมาก
มาตรฐานท่ี ๒ ครู/ผู้ดแู ลเดก็ มีความสามารถในการจดั การประสบการณก์ ารเรียนรู้อยา่ ง ดี
มปี ระสิทธภิ าพ และเน้นผเู้ รียนเปน็ สาคญั ดี
ดี
มาตรฐานท่ี ๓ หวั หนา้ ศูนย์พฒั นาเดก็ เล็กมีคณุ ธรรมจริยธรรมมีภาวะผนู้ าและมี ดมี าก
ความสามารถในการบรหิ ารจัดการผลการประเมินเปน็ รายตวั บ่งช้ี ดีมาก
ดีมาก
มาตรฐานท่ี ๔ ศนู ยพ์ ัฒนาเดก็ เลก็ มจี านวนผูเ้ รยี นและอายุตามเกณฑ์ ดีมาก
ดมี าก
มาตรฐานท่ี ๕ ศูนย์พฒั นาเด็กเลก็ มที รัพยากรและสภาพแวดล้อมทีเ่ อ้ือต่อการจัด ดีมาก
ประสบการณก์ ารเรียนรอู้ ยา่ งมีประสทิ ธิภาพผลการประเมนิ เปน็ รายตวั บ่งชี้ ดี
ดี
มาตรฐานท่ี ๖ ศนู ย์พฒั นาเด็กเล็กมกี ารจดั องค์กร โครงสรา้ ง ระบบการบริหารบรหิ าร
และพัฒนาองคก์ รอย่างเปน็ ระบบและครบวงจรผลการประเมินเปน็ รายตวั บ่งชี้
มาตรฐานท่ี ๗ ศนู ย์พฒั นาเด็กเล็กจัดการศึกษาโดยใชศ้ นู ยพ์ ัฒนาเดก็ เล็กเป็นฐานการ
ประเมินเป็นรายตัวบ่งชี้
มาตรฐานที่ ๘ ศูนย์พัฒนาเด็กเลก็ มีการจดั ทาหลักสตู รและกระบวนการเรียนรูท้ ่ีเน้น
ผเู้ รยี นเป็นสาคัญผลการประเมินเปน็ รายตัวบ่งช้ี
มาตรฐานท่ี ๙ ศูนยพ์ ฒั นาเด็กเลก็ มีการจดั โครงการ/กิจกรรมสง่ เสริมคณุ ภาพผเู้ รียน
อยา่ งหลากหลายผลการประเมินเป็นรายตัวบง่ ช้ี
มาตรฐานที่ ๑๐ ศนู ยพ์ ัฒนาเดก็ เลก็ มีการจดั สภาพแวดล้อมและการบริการทสี่ ่งเสริมให้
ผู้เรยี นพฒั นาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ
มาตรฐานที่ ๑๑ ศูนยพ์ ัฒนาเดก็ เลก็ มีความรว่ มมอื ระหวา่ งบา้ น องค์กรทางศาสนา
สถาบนั การศกึ ษา องค์กรภาครัฐและเอกชน เพ่ือพฒั นาวิถกี ารเรยี นรู้ในชมุ ชน
มาตรฐานที่ ๑๒ ศูนยพ์ ัฒนาเดก็ เลก็ มีการจัดระบบประกันคณุ ภาพภายในศนู ยพ์ ัฒนา
เด็กเลก็ อยา่ งต่อเนอ่ื งตามระบบวงจรคุณภาพ PDCA
มาตรฐานที่ ๑๓ ศนู ยพ์ ัฒนาเดก็ เลก็ มกี ารจัดโครงการ/กจิ กรรมส่งเสริมคุณภาพผู้เรียน
อย่างหลากหลาย
มาตรฐานท่ี ๑๔ ผู้เรียนมีจิตใจสานึกในการอนุรักษ์ และพฒั นาสิ่งแวดล้อมรว่ มกบั
ผปู้ กครอง และชุมชนผลการประเมนิ เปน็ รายตวั บ่งชี้
๖๒
มาตรฐาน/ตวั บง่ ชี้ ระดบั คุณภาพ
ดีมาก
มาตรฐานที่ ๑๕ ผเู้ รียนมที ักษะในการปฏิบตั กิ ิจกรรมสามารถปฏิบตั กิ ิจกรรมร่วมกับ
ผอู้ ื่นได้ และมีเจตคตติ อ่ อาชีพสจุ รติ ดี
มาตรฐานที่ ๑๖ ผู้เรียนมีทักษะ ดา้ นการคิด การใชภ้ าษา การสงั เกต การจาแนก การ ดี
เปรียบเทยี บ และแก้ปัญหาได้เหมาะสมกับวัย
ดี
มาตรฐานท่ี ๑๗ ผูเ้ รียนมีความรูแ้ ละทักษะท่จี าเป็นตามหลกั สูตรการศึกษาปฐมวัย/
แผนการจัดประสบการณเ์ รียนรผู้ ลการประเมินเป็นรายตัวบง่ ช้ี ดี
ดีมาก
มาตรฐานที่ ๑๘ ผ้เู รยี นมที ักษะในการแสวงหาความรดู้ ้วยตนเอง รกั การเรียนรู้และ
พฒั นาตนเองอยา่ งต่อเนื่องผลการประเมนิ เป็นรายตัวบ่งชี้ ดี
มาตรฐานที่ ๑๙ ผู้เรียนมสี ุขนสิ ัย สุขภาพกายและจติ ใจทด่ี ี ดีมาก
มาตรฐานที่ ๒๐ ผมู้ สี นุ ทรียภาพและลกั ษณะนิสัย ด้านศิลปะ และการเคลอ่ื นไหว ดมี าก
มาตรฐานที่ ๒๑ ผ้เู รยี นปฏิบัติตนตามระบอบประชาธปิ ไตยอันมีพระมหากษตั รยิ ์ทรง
เปน็ ประมุข เปน็ สมาชกิ ทดี่ ีของครอบครัว ชุมชน และสังคม
มาตรฐานที่ ๒๒ หวั หนา้ ศูนยพ์ ัฒนาเด็กเล็ก ครู ผู้ดูแลเด็ก และผ้เู รยี นมคี ณุ ภาพเปน็ ที่
ยอมรับของผู้ปกครอง และชุมชน
มาตรฐานท่ี ๒๓ ผูป้ กครองและชมุ ชนให้การยอมรบั ศูนย์พฒั นาเดก็ เลก็ และมสี ่วนร่วม
สนบั สนนุ ในการพัฒนาการศกึ ษา
๖๓
๑๓. ผลการประเมินคุณภาพภายนอกรอบสาม น้าหนัก คะแนน ระดับ
คะแนน ทีไ่ ด้ คุณภาพ
ระดับการศึกษาปฐมวัย ๔.๐๐
๕.๐๐ ๔.๐๐ ดี
กลุม่ ตวั บง่ ชี้พนื้ ฐาน ๕.๐๐ ๔.๐๐ ดี
ตัวบง่ ชี้ที่ ๑ เดก็ มพี ัฒนาการด้านร่างกายสมวยั ๕.๐๐ ๘.๐๐ ดี
ตัวบง่ ช้ีท่ี ๒ เดก็ มพี ฒั นาการดา้ นอารมณแ์ ละจิตใจสมวัย ๑๐.๐๐ ๙.๐๐ ดี
ตัวบ่งชี้ที่ ๓ เดก็ มีพัฒนาการดา้ นสงั คมสมวยั ๑๐.๐๐ ๒๘.๐๐ ดมี าก
ตวั บง่ ช้ีที่ ๔ เด็กมพี ฒั นาการด้านสติปญั ญาสมวัย ๓๕.๐๐ ๖.๕๐ ดี
ตวั บง่ ชท้ี ี่ ๕ เด็กมคี วามพร้อมศึกษาต่อในขนั้ ต่อไป
ตัวบง่ ชี้ท่ี ๖ ประสิทธิผลของการจัดประสบการณ์การเรียนรทู้ ีเ่ นน้ เด็ก ๑๕.๐๐ ๑.๐๐ ต้อง
เปน็ สาคญั ปรับปรุง
ตวั บ่งชี้ท่ี ๗ ประสิทธภิ าพของการบริหารจดั การและการพัฒนา ๕.๐๐ ๒.๐๐ เร่งดว่ น
สถานศึกษา ๒.๐๐
ต้อง
ตวั บง่ ชี้ที่ ๘ ประสิทธิผลของระบบการประกนั คณุ ภาพภายใน ๒.๐๐ ปรับปรุง
๑.๕๐ เร่งดว่ น
กลมุ่ ตัวบง่ ชอ้ี ตั ลกั ษณ์ ๒.๕๐
๒.๕๐ ๗๒ ดี
ตัวบง่ ชีท้ ี่ ๙ ผลการพัฒนาใหบ้ รรลตุ ามปรัชญา ปณิธาน วิสยั ทัศน์ พนั ธ
กจิ และวัตถปุ ระสงค์ของการจัดตงั้ สถานศึกษา ๒.๕๐ ดี
๒.๕๐
ตัวบง่ ชท้ี ่ี ๑๐ ผลการพฒั นาตามจุดเน้นและจุดเดน่ ทส่ี ่งผลสะทอ้ นเป็น ดี
เอกลกั ษณ์ของสถานศึกษา ๑๐๐
พอใช้
กลุ่มตวั บง่ ชม้ี าตรการส่งเสริม
พอใช้
ตวั บ่งชี้ที่ ๑๑ ผลการดาเนินงานโครงการพิเศษเพื่อสง่ เสริมบทบาทของ
สถานศกึ ษา
ตัวบ่งชี้ที่ ๑๒ ผลการส่งเสริมพัฒนาสถานศึกษาเพ่ือยกระดับมาตรฐาน
รักษามาตรฐาน และพัฒนาสคู่ วามเปน็ เลศิ ที่สอดคล้องกบั แนวทางการ
ปฏริ ูปการศกึ ษา
คะแนนรวม
ผลรวมคะแนนประเมินสถานศกึ ษา ๗๒ คะแนน มีคุณภาพระดบั พอใช้
ผลการรบั รองมาตรฐานคณุ ภาพ รบั รอง ไม่รบั รอง
กรณีท่ีไม่ไดร้ บั การรับรอง เน่ืองจาก เปน็ การประเมินคุณภาพภายนอกรอบแรกของศนู ย์พัฒนาเดก็ เล็ก เปน็ การ
ประเมนิ เพ่อื ชที้ ิศทางการพฒั นาคุณภาพมาตรฐานของศนู ย์พัฒนาเดก็ เล็กในภาพรวม จะไมต่ ดั สนิ รบั รอง หรอื ไม่
รบั รองมาตรฐานคณุ ภาพการศึกษา แต่จะกาหนดเพยี งว่า “ไดร้ ับการประเมนิ คุณภาพภายนอกจาก สมศ.แล้ว”
ขอ้ เสนอแนะ
……………………………………ไม่ม.ี ...................…………………………………………………………………………………………………
๖๔
๑๔. การนาผลการประเมินคุณภาพการศึกษาของสถานศกึ ษามาใช้ในการปรับปรุงและพฒั นาคณุ ภาพ
การศกึ ษาอย่างต่อเนื่อง
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๑๕. การพัฒนาคุณภาพการจัดการศกึ ษาตามแผนปฏบิ ตั ิการประจาปีของสถานศึกษา
1๕.๑ การบริหารจัดการศกึ ษา
ศนู ยพ์ ฒั นาเดก็ เลก็ โรงเรียนวดั บ้านธาตุใต้ (สนทิ ไชยวิทยาคาร) มีโครงสร้างการบรหิ ารงานดงั นี้
โครงสรา้ งการบริหารงานศนู ย์พฒั นาเด็กเลก็ โรงเรยี นวดั บ้านธาตุใต้ (สนิทไชยวทิ ยาคาร)
นายกองค์การบริหารส่วนตาบลท่าตูม
รองปลัดองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาบลท่าตมู
ผอู้ านวยการกองการศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม
คร/ู ครผู ูด้ แู ลเดก็
ผดู้ แู ลเดก็ คนงานทั่วไป
๖๕
1๕.2 วสิ ัยทศั น์ พันธกิจ ยุทธศาสตร์ กลยทุ ธ์ จดุ มุ่งหมายเพอ่ื การพัฒนา อัตลักษณ์ และเอกลักษณ์
ของสถานศึกษา
วสิ ยั ทัศน์
“สังคมแห่งการเรียนรู้ ม่งุ สคู่ วามเปน็ สากล บนพน้ื ฐานปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง”
พันธกจิ
๑. จัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ให้เหมาะสมโดยเน้นเด็กเป็นสาคัญ
๒. จัดกิจกรรมส่งเสริมคุณธรรม จรยิ ธรรม และการอยรู่ ่วมกันอย่างมีความสุข
พอเพยี ง ๓. จดั กจิ กรรมการเสรมิ สรา้ งสานึกในความเป็นไทยและส่งเสริมการใช้ชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจ
๔. บุคลากรมีการพัฒนาสื่อนวัตกรรมการเรียนการสอนให้ทันสมยั
๕. การพัฒนาบุคลากรด้านการจัดการศึกษาปฐมวัยใหม้ ีความร้เู พ่ือพัฒนาการจัดการเรยี นการสอน
๖. จัดสภาพแวดล้อม และวัสดุอุปกรณ์ ให้เอื้อต่อการเรียนรู้และการทางาน
๗. การสร้างสัมพันธ์ชุมชน ผู้ปกครอง หน่วยงานภายนอก
ยทุ ธศาสตรแ์ ละกลยุทธ์
ยุทธศาสตร์ กลยุทธ์ หน่วยงานทร่ี บั ผดิ ชอบ
ยุทธศาสตร์ท่ี 1 การพฒั นาดา้ น 1.1 กลยุทธ์สง่ เสริมและพัฒนาให้เดก็ เลก็ มี
การสง่ เสรมิ พฒั นาการเด็กปฐมวยั พัฒนาการท่ดี ีสมวยั ทัง้ ๔ ดา้ น
ให้มีพัฒนาการที่ดสี มวัย 1.2 กลยุทธ์ส่งเสริมใหผ้ ู้ปกครองมีความรู้และให้
ความร่วมมือในการเสริมสร้างพฒั นาการให้แก่เด็ก
เล็กอย่างถูกวธิ ี
ยุทธศาสตร์ที่ 2 การพฒั นาด้าน 2.1 กลยุทธ์เสริมสรา้ งคณุ ธรรม จรยิ ธรรม
การสง่ เสริมคุณธรรมจรยิ ธรรม ให้แกเ่ ด็กเลก็
และภูมิปัญญาท้องถิ่น 2.2 กลยุทธ์สง่ เสรมิ สนับสนุนการอนรุ ักษแ์ ละ
สบื ทอดภูมปิ ัญญาท้องถ่ิน
ยทุ ธศาสตร์ท่ี 3 การพัฒนาด้านการ3.1 กลยุทธ์สง่ เสริมให้บุคลากรทางการศึกษา มี
ส่งเสรมิ บุคลากรทางการศึกษา ให้มี ความรู้และทักษะในการปฏบิ ัตงิ านด้านปฐมวยั
ความร้คู วามสามารถและมคี ุณธรรม มากข้นึ
จรยิ ธรรม 3.2 กลยุทธ์เสรมิ สรา้ งใหบ้ ุคลากรทางการศึกษา
มคี ณุ ธรรมจรยิ ธรรมตลอดจนปฏิบัตติ นตาม
จรรยาบรรณวิชาชพี ครู
ยุทธศาสตร์ที่ 4 การพัฒนาดา้ น 4.1 กลยุทธ์สง่ เสรมิ การสรา้ งบรรยากาศการ
อาคารสถานที่ และสิ่งแวดล้อมให้ เรียนรู้ทด่ี ีท้ังภายในและภายนอกห้องเรียน ให้
เป็นศูนยเ์ ด็กเลก็ น่าอยู่ เอ้อื ต่อการจดั ประสบการณใ์ หแ้ ก่เด็ก
4.2 กลยทุ ธ์ปรับปรงุ ภูมิทศั น์ภายในและ
ภายนอกอาคารให้มีความสวยงามปลอดภัย
๔.๓ กลยทุ ธ์จดั หาเคร่อื งมือเครือ่ งใช้ตลอดจน
วัสดอุ ปุ กรณ์ท่จี าเป็นในการจัดการเรียนร้แู กเ่ ด็ก
อย่างครบถ้วนเหมาะสมและเพียงพอ
๖๖
ยุทธศาสตร์ กลยทุ ธ์ หน่วยงานท่ีรับผดิ ชอบ
ยุทธศาสตร์ที่ 5 การพฒั นาด้าน 5.1 กลยทุ ธ์จดั กิจกรรมที่สง่ เสรมิ ความร่วมมือ
สง่ เสรมิ การมีสว่ นร่วมชุมชน และความสมั พนั ธท์ ดี่ ีกบั ผูป้ กครอง และชุมชน
5.2 กลยทุ ธ์ให้การสนับสนนุ และรว่ มมือกับ
ชุมชนในกิจกรรมที่เปน็ สาธารณประโยชน์
ยุทธศาสตร์ที่ 6 การพัฒนาด้าน 6.1 กลยุทธ์พัฒนาและส่งเสริมให้เด็กเล็กมี
การเตรียมความพร้อมเข้าสู่ ความพร้อมในการเขา้ ส่ปู ระชาคมอาเซยี นที่
ประชาคมอาเซยี น เหมาะสมตามวัย
6.2 กลยุทธ์สง่ เสรมิ ให้บคุ ลากรทางการศกึ ษา
มีความรู้ และความเข้าใจในการเข้าสูป่ ระชาคม
อาเซียน
อัตลักษณ์
ไหวส้ วย
เป้าประสงค์ (Goals)
๑. เด็กของศนู ย์พฒั นาเดก็ เลก็ โรงเรยี นวัดบ้านธาตใุ ต้ (สนิทไชยวทิ ยาคาร) ผา่ นการเตรียมความ
พร้อมจากศูนย์พัฒนาเด็กเล็กโรงเรียนวัดบ้านธาตุใต้ (สนิทไชยวิทยาคาร) มีพัฒนาการท่ีดีสมวัยครบท้ัง ๔ ด้าน
ไดแ้ ก่ ดา้ นร่างกาย อารมณ์ สงั คม และสติปญั ญา
๒. เดก็ ของศูนย์พัฒนาเด็กเล็กโรงเรียนวัดบ้านธาตุใต้ (สนิทไชยวิทยาคาร) เป็นผู้มีคุณลักษณะ
ท่ีพงึ ประสงค์ และมีคณุ ธรรม จริยธรรม
3. เด็กของศูนย์พัฒนาเด็กเล็กโรงเรียนวัดบ้านธาตุใต้ (สนิทไชยวิทยาคาร) เกิดความสานึกในความ
เป็นไทย มคี วามรใู้ นหลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง
4. บุคลากรของศูนย์พัฒนาเด็กเล็กโรงเรียนวัดบ้านธาตุใต้ (สนิทไชยวิทยาคาร) ผลิตสื่อ
นวตั กรรมการเรียนการสอนทท่ี ันสมยั
5. บุคลากรของศูนย์พัฒนาเด็กเล็กโรงเรียนวัดบ้านธาตุใต้ (สนิทไชยวิทยาคาร) ได้รับการ
ส่งเสรมิ ใหม้ คี วามรู้ ทักษะ ในงานด้านการจัดประสบการณใ์ ห้กับเดก็ นักเรียน
6. ศูนย์พัฒนาเดก็ มสี ภาพแวดลอ้ ม และวัสดุอปุ กรณ์ ใหเ้ อื้อต่อการเรียนรู้และการทางาน
7. เกิดความร่วมมือระหว่างศูนย์พัฒนาเด็กเล็กโรงเรียนวัดบ้านธาตุใต้ (สนิทไชยวิทยาคาร) กับ
ชมุ ชน ผู้ปกครอง หนว่ ยงานภายนอก
๖๗
ส่วนท่ี 2
ผลการประเมนิ ตนเองของสถานศกึ ษา
1. ผลการประเมนิ คุณภาพตามมาตรฐานการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา
ศูนยพ์ ฒั นาเดก็ เลก็ โรงเรยี นวดั บ้านธาตุใต้ (สนทิ ไชยวิทยาคาร) ได้ดาเนินการประเมินตนเองตาม
ประกาศการใชม้ าตรฐานการศกึ ษา ของศนู ย์พัฒนาเดก็ เลก็ โรงเรียนวดั บา้ นธาตุใต้ (สนิทไชยวิทยาคาร) เพ่ือประกัน
คุณภาพภายในของศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ลงวันที่ ๔ พฤษภาคม พ.ศ. 256๓ ซึ่งได้ดาเนินการตามมาตรฐาน สถาน
พัฒนาเด็กปฐมวัยแห่งชาติ ประกอบด้วยมาตรฐาน ๓ ด้าน สรุปผลการประเมินได้ดังนี้ มาตรฐานด้านท่ี 1 การ
บรหิ ารจัดการสถานพัฒนาเดก็ ปฐมวยั
ตัวบ่งชี้มาตรฐาน คะแนนการประเมิน
๐ ๑ ๒ ๓ รวม
ตัวบง่ ชท้ี ี่ ๑.๑ การบริหารจัดการอย่างเปน็ ระบบ
๑.๑.๑ บรหิ ารจัดการสถานพฒั นาเดก็ ปฐมวัยอยา่ งเป็นระบบ ๘
๑.๑.๒ บริหารหลกั สูตรสถานพฒั นาเดก็ ปฐมวยั
๑.๑.๓ บรหิ ารจดั การขอ้ มลู อยา่ งเป็นระบบ
ตัวบง่ ชีท้ ่ี ๑.๒ การบรหิ ารจัดการบคุ ลากรทุกประเภทตามหนว่ ยงานท่ีสังกดั
๑.๒.๑ บรหิ ารจัดการบคุ ลากรอยา่ งเปน็ ระบบ ๐ ๑ ๒ ๓ รวม
๑.๒.๒ ผู้บริหารสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย/หัวหน้าระดับปฐมวัย/ ผู้ดาเนิน ๑๐
กิจการมคี ณุ วุฒ/ิ คณุ สมบัติเหมาะสม และบรหิ ารงานอย่างมปี ระสิทธภิ าพ
๑.๒.๓ คร/ู ผูด้ ูแลเด็กทท่ี าหนา้ ทหี่ ลักในการดูแลและพัฒนา เด็กปฐมวัย มวี ฒุ ิ
การศกึ ษา/คุณสมบัตเิ หมาะสม
๑.๒.๔ บริหารบุคลากรจัดอตั ราสว่ นของครู/ผ้ดู ูแลเด็ก อย่างเหมาะสมพอเพยี ง
ต่อจานวนเด็กในแต่ละกลุม่ อาย
ตวั บ่งชท้ี ี่ ๑.๓ การบริหารจดั การสภาพแวดล้อมเพอื่ ความปลอดภัย ๐ ๑ ๒ ๓ รวม
๒๕
๑.๓.๑ บริหารจดั การดา้ นสภาพแวดล้อมเพ่อื ความปลอดภัย อยา่ งเปน็ ระบบ
๑.๓.๒ โครงสร้างและตวั อาคารมั่นคง ต้ังอยใู่ นบรเิ วณ และสภาพแวดล้อมท่ี
ปลอดภัย
๑.๓.๓ จัดการความปลอดภยั ของพน้ื ทเี่ ลน่ /สนามเดก็ เลน่ และสภาพแวดล้อม
ภายนอกอาคาร
๑.๓.๔ จดั การสภาพแวดลอ้ มภายในอาคาร ครุภณั ฑอ์ ปุ กรณ์เครือ่ งใช้ให้
ปลอดภัยเหมาะสมกับการใช้งานและเพียงพอ
๑.๓.๕ จัดให้มีของเลน่ ทีป่ ลอดภยั ไดม้ าตรฐาน มีจานวนเพยี งพอ สะอาด
เหมาะสมกบั ระดับพฒั นาการของเด็ก
๖๘
ตวั บง่ ชี้มาตรฐาน คะแนนการประเมิน
๑.๓.๖ ส่งเสรมิ ใหเ้ ด็กปฐมวัยเดนิ ทางอย่างปลอดภยั
๑.๓.๗ จดั ใหม้ รี ะบบป้องกันภัยจากบุคคลทัง้ ภายในและภายนอก สถานพฒั นา
เด็กปฐมวัย
๑.๓.๘ จดั ให้มีระบบรับเหตุฉุกเฉนิ ป้องกนั อัคคีภัย/ภัยพิบตั ติ ามความเส่ียง
ของพ้นื ที
ตัวบง่ ชที้ ่ี ๑.๔ การจดั การเพ่ือส่งเสริมสขุ ภาพและการเรียนรู้ ๐ ๑ ๒ ๓ รวม
๑.๔.๑ มีการจดั การเพ่ือส่งเสริมสุขภาพ เฝ้าระวังการเจรญิ เตบิ โต ของเด็ก ๑๙
และดแู ลการเจ็บปว่ ยเบ้ืองต้น
๑.๔.๒ มแี ผนและดาเนินการตรวจสุขอนามยั ประจาวนั ตรวจสขุ ภาพประจาปี
และปอ้ งกนั ควบคุมโรคตดิ ตอ่
๑.๔.๓ อาคารตอ้ งมพี ้ืนที่ใช้สอยเป็นสดั สว่ นตามกจิ วัตรประจาวนั ของเด็กท่ี
เหมาะสมตามชว่ งวัยและการใช้ประโยชน์
๑.๔.๔ จดั ใหม้ พี น้ื ที/่ มุมประสบการณ์และแหล่งเรียนรู้ในห้องเรียนและนอก
ห้องเรยี น
๑.๔.๕ จัดบริเวณห้องน้า ห้องส้วม ท่ีแปรงฟนั /ล้างมือ ใหเ้ พยี งพอ สะอาด
ปลอดภยั และเหมาะสม กบั การใชง้ านของเดก็
๑.๔.๖ จัดการระบบสุขาภบิ าลท่ีมีประสิทธิภาพ ครอบคลมุ สถานท่ปี รุง
ประกอบอาหาร น้าดื่มน้าใช้กาจดั ขยะ ส่ิงปฏกิ ูล และพาหะนาโรค
๑.๔.๗ จดั อุปกรณภ์ าชนะและเคร่ืองใช้สว่ นตวั ใหเ้ พยี งพอ กบั การใชง้ านของ
เด็กทกุ คน และดแู ลความสะอาด และปลอดภยั อย่างสมา่ เสมอ
ตัวบง่ ชท้ี ี่ ๑.๕ การส่งเสริมการมสี ว่ นร่วมของครอบครัวและชุมชน ๐ ๑ ๒ ๓ รวม
๑.๕.๑ มกี ารส่ือสารเพ่อื สรา้ งความสัมพนั ธ์และความเขา้ ใจอนั ดีระหว่างพ่อ ๑๑
แม่/ผู้ปกครอง กับสถานพฒั นาเด็กปฐมวัย เกี่ยวกบั ตวั เด็กและการดาเนินงาน
ของสถานพัฒนาเดก็ ปฐมวยั
๑.๕.๒ การจัดกจิ กรรมท่ีพ่อแม่/ผูป้ กครอง/ครอบครวั และชุมชน มีส่วนรว่ ม
๑.๕.๓ ดาเนนิ งานให้สถานพฒั นาเด็กปฐมวัยเปน็ แหล่งเรยี นร้แู กช่ มุ ชนในเรอ่ื ง
การพฒั นาเด็กปฐมวยั
๑.๕.๔ มีคณะกรรมการสถานพฒั นาเดก็ ปฐมวยั
มาตรฐานด้านที่ ๑ มคี ะแนนรวม 71 คะแนน
มาตรฐานด้านท่ี ๑ มีคะแนนรวม คิดเป็นรอ้ ยละ = คะแนนรวม x ๑๐๐ 91.03
๗๘
มาตรฐานดา้ นท่ี ๑ มจี านวนตวั บง่ ช้ี ท่ีต้องปรับปรุง 0 ข้อ
๖๙
จดุ เด่น
ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กโรงเรียนวัดบ้านธาตุใต้ (สนิทไชยวิทยาคาร) มีผลการดาเนินงาน การบริหาร
จัดการอย่างเป็นระบบ โดยใช้เทคนิคการประชุมท่ีหลากหลาย เช่น การประชุมแบบมีส่วนร่วม การประชุมระดม
สมอง การประชุมกลุ่ม เพ่ือให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในการกาหนด ปรัชญา วิสัยทัศน์ พันธ์กิจ ที่ชัดเจน มีการปรับ
แผนพัฒนาการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑ – ๒๕๖๕ แผนปฏิบัติการประจาปีงบประมาณ และแผนปฏิบัติการประจาปี
การศกึ ษา ท่สี อดคลอ้ งกับผลการจัดการศึกษาสภาพปัญหา ความต้องการพัฒนา และนโยบายการปฏิรูปการศึกษา
ที่มุ่งเน้นการพัฒนาให้ผู้เรียนมีคุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้ตามหลักสูตรสถานศึกษาศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก
โรงเรียนวัดบ้านธาตุใต้ (สนิทไชยวิทยาคาร) พุธศักราช 2561 ได้ดาเนินงานตามมาตรฐานการดาเนินงานศูนย์
พัฒนาเด็กเล็กขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ประจาปีงบประมาณพ.ศ.2559 กรมส่งเสริมการปกครองส่วน
ท้องถ่ิน กระทรวงมหาดไทย ครูผู้สอนสามารถจัดประสบการณ์การเรียนรู้ได้อย่างมีคุณภาพ มีการนิเทศ กา กับ
ตดิ ตาม ประเมนิ ผล การดาเนนิ งาน และจัดทารายงานผลการจัดการศึกษาทีใ่ ช้กระบวนการรวบรวมและสรุปข้อมูล
เพื่อใช้เปน็ หลกั ฐานในการวางแผนพฒั นาคุณภาพในโอกาสต่อไป
จุดทีค่ วรพฒั นา
ปรับปรุงหน้าตา่ งอาคารให้มีเหล็กดัด
การปฏบิ ตั ทิ ีเ่ ปน็ แบบอยา่ งที่ดี หรือท่ดี เี ลิศ
การบรหิ ารจัดการศกึ ษาแบบมีสว่ นรว่ มโดยใชศ้ นู ย์พัฒนาเด็กเล็กเป็นฐานมุ่งสู่คุณภาพผู้เรียน เป็น
รูปแบบ ท่ีเกิดจากกระบวนการมีส่วนร่วมของบุคลากรท่ีเกี่ยวข้องทุกฝ่าย เพ่ือใช้ในการบริหารจัดการศึกษาตาม
บริบทของ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กโรงเรียนวัดบ้านธาตุใต้ (สนิทไชยวิทยาคาร) โดยการสังเคราะห์สภาพของปัญหา
ความตอ้ งการพฒั นา จุดแข็ง และ จดุ อ่อนของศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ตลอดจนนโยบายของหน่วยงานต้นสังกัด พร้อม
ทงั้ นาหลกั การบริหาร ทฤษฎี และ ประสบการณก์ ารบรหิ ารของผู้บริหาร/คณะกรรมการบริหารศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก
โรงเรยี นวดั บ้านธาตใุ ต้ (สนิทไชยวิทยาคาร) /หวั หนา้ ศนู ย์พัฒนาเด็กเลก็ มาใชใ้ นการพฒั นา ปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
จนเกิดผลเชิงประจักษ์ต่อสาธารณชนทั่วไปจนศูนย์ พฒั นาเด็กเล็กโรงเรียนวัดบ้านธาตุใต้ (สนิทไชยวิทยาคาร) เป็น
ที่ยอมรับของชมุ ชน
๗๐
มาตรฐานดา้ นที่ 2 ครู/ผดู้ ูแลเด็กให้การดูแลและจดั ประสบการณ์เรียนรู้และการเล่นเพ่อื พัฒนาเด็กปฐมวัย
ตวั บ่งชม้ี าตรฐาน คะแนนการประเมิน
๐ ๑ ๒ ๓ รวม
ตวั บ่งชที้ ่ี ๒.๑ การดูแลและพัฒนาเด็กอย่างรอบด้าน
๑๔
๒.๑.๑ มแี ผนการจัดประสบการณก์ ารเรียนรู้ที่สอดคลอ้ งกบั หลกั สตู ร
การศึกษาปฐมวยั มีการดาเนนิ งานและประเมนิ ผล
๒.๑.๒ จัดพนื้ ท/ี่ มมุ ประสบการณ์การเรียนรู้และการเลน่ ทเี่ หมาะสมอย่าง
หลากหลาย
๒.๑.๓ จัดกจิ กรรมสง่ เสรมิ พัฒนาการทุกดา้ นอยา่ งบูรณาการ ตามธรรมชาติ
ของเด็กทเ่ี รยี นรู้ดว้ ยประสาทสมั ผัส ลงมือทา ปฏสิ ัมพันธแ์ ละการเลน่ ๐ ๑ ๒ ๓ รวม
๑๔
๒.๑.๔ เลอื กใชส้ ื่อ/อุปกรณเ์ ทคโนโลยเี ครอ่ื งเล่นและจัด สภาพแวดล้อมภายใน
ภายนอก แหลง่ เรียนรู้ทเ่ี พยี งพอ เหมาะสม ปลอดภัย
๒.๑.๕ เฝ้าระวังตดิ ตามพัฒนาการเดก็ รายบคุ คลเป็นระยะ เพื่อใชผ้ ลในการจดั
กจิ กรรมพฒั นาเดก็ ทุกคนใหเ้ ต็ม ตามศักยภาพ
ตวั บ่งชีท้ ่ี ๒.๒ การสง่ เสรมิ พฒั นาการดา้ นร่างกายและดแู ลสขุ ภาพ
๒.๒.๑ ให้เดก็ รบั ประทานอาหารท่คี รบถว้ น ในปริมาณทเ่ี พยี งพอและส่งเสรมิ ๐ ๑ ๒ ๓ รวม
พฤติกรรมการกิน ท่เี หมาะสม ๑๕
๒.๒.๒ จัดกิจกรรมใหเ้ ดก็ ไดล้ งมือปฏิบัติอยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสม ในการดูแล
สุขภาพ ความปลอดภัยในชีวิตประจาวัน
๒.๒.๓ ตรวจสขุ ภาพอนามยั ของเด็กประจาวัน ความสะอาด ของรา่ งกาย ฟัน
และชอ่ งปากเพ่อื คัดกรองโรค และการบาดเจบ็
๒.๒.๔ เฝา้ ระวงั ตดิ ตามการเจริญเติบโตของเด็กเป็นรายบุคคล บนั ทึกผลภาวะ
โภชนาการอย่างตอ่ เน่ือง
๒.๒.๕ จดั ใหม้ ีการตรวจสุขภาพร่างกาย ฟันและชอ่ งปาก สายตา หูตาม
กาหนด
ตัวบ่งช้ที ี่ ๒.๓ การส่งเสรมิ พฒั นาการดา้ นสตปิ ัญญา ภาษาและการสอื่ สาร
๒.๓.๑ จดั กจิ กรรมสง่ เสริมใหเ้ ดก็ ได้สังเกต สมั ผัส ลองทา คดิ ตัง้ คาถาม สบื
เสาะหาความร้แู ก้ปญั หา จนิ ตนาการ คิดสร้างสรรคโ์ ดยยอมรับความคิดและ
ผลงานทแ่ี ตกต่าง ของเด็ก
๒.๓.๒ จัดกิจกรรมและประสบการณ์ทางภาษาที่มีความหมาย ตอ่ เด็ก เพอ่ื การ
ส่ือสารอย่างหลากหลาย ฝึกฟัง พูด ถาม ตอบ เลา่ และสนทนาตามลาดบั
ขัน้ ตอนพฒั นาการ
๗๑
ตัวบง่ ชีม้ าตรฐาน คะแนนการประเมิน
๒.๓.๓ จัดกิจกรรมปลูกฝังให้เด็กมีนิสัยรักการอ่านให้เด็กมีทักษะ การดูภาพ
ฟังเร่ืองราว พูดเล่า อ่าน วาด/เขียน เบื้องต้น ตามลาดับพัฒนาการ โดยครู/
ผ้ดู แู ลเดก็ เป็นตัวอย่าง ของการพูด และการอา่ นท่ถี ูกตอ้ ง
๒.๓.๔ จัดให้เดก็ มปี ระสบการณเ์ รยี นรเู้ ก่ยี วกับตัวเด็ก บคุ คล ส่งิ ต่างๆ สถานที่
และธรรมชาติรอบตวั ดว้ ยวิธีการ ท่เี หมาะสมกบั วัยและพัฒนาการ
๒.๓.๕ จดั กิจกรรมและประสบการณ์ด้านคณิตศาสตรแ์ ละ วิทยาศาสตร์
เบื้องต้นตามวัย โดยเด็กเรียนรู้ผ่าน ประสาทสัมผัส และลงมือปฏิบัติด้วย
ตนเอง
ตัวบ่งชท้ี ่ี ๒.๔ การสง่ เสรมิ พัฒนาการด้านอารมณ์ จิตใจ-สงั คม ปลูกฝัง ๐ ๑ ๒ ๓ รวม
คณุ ธรรมและความเปน็ พลเมืองดี
๒.๔.๑ สร้างความสัมพันธ์ที่ดีและม่ันคง ระหว่างผู้ใหญ่กับเด็ก จัดกิจกรรม ๙
สรา้ งเสริมความสมั พนั ธท์ ด่ี ีระหวา่ งเด็กกับเด็ก และการแกไ้ ขข้อขดั แย้งอยา่ ง
สร้างสรรค์
๒.๔.๒ จดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ ให้เดก็ มีความสขุ แจม่ ใส ร่าเริง ได้แสดงออกดา้ น 9
อารมณค์ วามรู้สึกทดี่ ตี อ่ ตนเอง โดยผา่ นการเคล่ือนไหวรา่ งกาย ศิลปะ ดนตรี
ตามความสนใจและถนัด
๒.๔.๓ จดั กจิ กรรมและประสบการณ์ปลกู ฝังคุณธรรมใหเ้ ดก็ ใฝด่ ีมวี ินัย ซอื่ สัตย์
ร้จู ักสทิ ธิและหนา้ ทรี่ บั ผิดชอบของพลเมืองดีรกั ครอบครวั โรงเรยี น ชุมชน และ
ประเทศชาติดว้ ยวิธที ่เี หมาะสมกับวยั และพฒั นาการ
ตวั บง่ ชีท้ ่ี ๒.๕ การสง่ เสริมเด็กในระยะเปลย่ี นผา่ นให้ปรับตัว ๐ ๑ ๒ ๓ รวม ๐ ๑ ๒ ๓ รวม
สกู่ ารเชื่อมตอ่ ในขัน้ ถดั ไป
๒.๕.๑ จดั กิจกรรมกับผูป้ กครองใหเ้ ตรยี มเดก็ ก่อนจากบา้ น เข้าสูส่ ถานพฒั นา ๖
เดก็ ปฐมวัย/โรงเรียน และจดั กิจกรรม ชว่ งปฐมนเิ ทศใหเ้ ด็กค่อยปรับตัวใน
บรรยากาศทเ่ี ปน็ มิตร
๒.๕.๒ จัดกิจกรรมส่งเสริมการปรับตัวก่อนเข้ารับการศึกษา ในระดับท่ีสูงข้ึน
แต่ละข้นั จนถงึ การเป็นนกั เรียนระดบั ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ ๑
มาตรฐานด้านที่ ๒ มีคะแนนรวม 58 คะแนน
มาตรฐานดา้ นที่ ๒ มีคะแนนรวม คิดเป็นร้อยละ = คะแนนรวม x ๑๐๐ 96.67
๖๐
มาตรฐานดา้ นที่ ๒ มจี านวนตวั บง่ ชี้ ท่ตี ้องปรับปรุง 0 ข้อ
๗๒
จุดเดน่
ครู/ผู้ดูแลเด็ก มีคุณธรรมจริยธรรมและปฏิบัติตนตามจรรยาบรรณของวิชาชีพครู มีความมุ่งมั่น
และอุทิศตนในการสอนและพัฒนาผู้เรียน ครูมีวุฒิทางการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาการศึกษาปฐมวัยเป็นส่วน
ใหญ่
จดุ ท่คี วรพัฒนา
ครูควรพัฒนาเทคนิคการสอนที่เน้นผู้เรียนให้มีความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ คิดสังเคราะห์
แกป้ ญั หาคิดสร้างสรรค์ ฯลฯ และศกึ ษาแผนการจัดประสบการณเ์ พือ่ นาไปใชอ้ ย่างถกู วธิ ี
การปฏิบัตทิ ่เี ป็นแบบอยา่ งที่ดี หรือทดี่ เี ลศิ
- จดั ทา/ปรับปรงุ หลักสูตรให้เหมาะสมและเอ้อื กับเดก็ เล็ก และบริบทของชุมชน
- จัดทากิจกรรมการเรียนการสอนทัง้ ในหอ้ งเรยี นปกติ และนอกหอ้ งเรยี น
- วดั ผล/ประเมินผลให้สอดคล้องกับการพัฒนาศกั ยภาพผเู้ รยี น
- รายงานผลการพัฒนาใหผ้ ู้เกี่ยวขอ้ งทราบ
- จดั ใหม้ ีระบบประกันคณุ ภาพภายใน
- จดั ให้มกี ารประสานความร่วมมือกับผ้ปู กครอง ชุมชนและผู้ที่เก่ียวขอ้ ง
- มกี ารนิเทศ ตดิ ตาม ประเมินผล และปรบั ปรงุ พัฒนางาน
๗๓
มาตรฐานด้านท่ี 3 คณุ ภาพเด็กปฐมวยั
สาหรบั เดก็ แรกเกิด - อายุ ๒ ปี (๒ ปี ๑๑ เดือน ๒๙ วัน)
ตัวบง่ ชี้มาตรฐาน คะแนนการประเมิน
ตัวบง่ ชีท้ ี่ ๓.๑ ก เด็กมีการเจรญิ เตบิ โตสมวัย ๐ ๑ ๒ ๓ รวม
๓.๑.๑ ก เดก็ มนี า้ หนกั ตวั เหมาะสมกบั วัยและสูงดสี มสว่ น ซง่ึ มีบันทึกเปน็
รายบคุ คล
ตวั บ่งชี้ ๓.๒ ก เดก็ มีพฒั นาการสมวัย ๐ ๑ ๒ ๓ รวม
๓.๒.๑ ก เด็กมีพฒั นาการสมวัยโดยรวม ๕ ดา้ น
๓.๒.๒ ก รายดา้ น : เดก็ มีพัฒนาการกลา้ มเนือ้ มัดใหญ่ (GM)
๓.๒.๓ ก รายด้าน : เด็กมีพัฒนาการด้านกล้ามเนื้อมัดเล็กและ สติปัญญา
สมวยั (FM)
๓.๒.๔ ก รายดา้ น : เดก็ มีพฒั นาการด้านการรับรู้และเขา้ ใจภาษา (RL)
๓.๒.๕ ก รายด้าน : เดก็ มีพฒั นาการการใชภ้ าษาสมวัย (EL)
๓.๒.๖ ก รายด้าน : เด็กมพี ฒั นาการการช่วยเหลือตนเอง และการเข้าสงั คม
(PS)
มาตรฐานดา้ นท่ี ๓ ก มีคะแนนรวม 21 คะแนน
มาตรฐานด้านท่ี ๓ ก มีคะแนนรวม คิดเป็นร้อยละ = คะแนนรวม x ๑๐๐ 100
๒๑
มาตรฐานด้านท่ี ๓ ก มจี านวนตัวบ่งช้ี ทต่ี ้องปรบั ปรุง 0 ข้อ
๗๔
สาหรบั เด็ก อายุ ๓ ปี - อายุ ๖ ปี (ก่อนเข้าประถมศึกษาปที ่ี ๑)
ตัวบ่งช้ีมาตรฐาน คะแนนการประเมิน
๐ ๑ ๒ ๓ รวม
ตวั บ่งช้ที ี่ ๓.๑ ข เดก็ มกี ารเจริญเตบิ โตสมวยั และมสี ขุ นิสัยท่ีเหมาะสม
๓.๑.๑ ข เดก็ มีนา้ หนกั ตัวเหมาะสมกับวัยและสงู ดสี มส่วน ซึ่งมบี นั ทกึ เปน็ ๑๕
รายบคุ คล
๓.๑.๒ ข เดก็ มสี ขุ นสิ ัยท่ีดีในการดูแลสขุ ภาพตนเองตามวยั
๓.๑.๓ ข เด็กมสี ขุ ภาพช่องปากดไี ม่มีฟันผุ
ตัวบ่งชที้ ี่ ๓.๒ ข เด็กมพี ฒั นาการสมวัย
๓.๒.๑ ข เดก็ มพี ัฒนาการสมวัยโดยรวม ๕ ดา้ น ๐ ๑ ๒ ๓ รวม
๖
ตวั บ่งชี้ที่ ๓.๓ ข เด็กมพี ฒั นาการดา้ นการเคล่อื นไหว
๓.๓.๑ ข เด็กมีพฒั นาการด้านการใชก้ ลา้ มเน้อื มัดใหญ่ สามารถเคลือ่ นไหว
และทรงตวั ได้ตามวัย
๓.๓.๒ ข เดก็ มีพัฒนาการดา้ นการใชก้ ล้ามเน้อื มัดเล็ก และการประสานงาน ๐ ๑ ๒ ๓ รวม
ระหว่างตากับมือตามวัย ๙
ตวั บ่งชท้ี ี่ ๓.๔ ข เด็กมีพฒั นาการด้านอารมณ์จิตใจ
๓.๔.๑ ข เดก็ แสดงออก รา่ เรงิ แจ่มใส ร้สู กึ ม่ันคงปลอดภัย แสดงความรู้สึกท่ีดี
ตอ่ ตนเองและผอู้ ่ืนไดส้ มวยั
๓.๔.๒ ข เดก็ มคี วามสนใจ และร่วมกจิ กรรมตา่ งๆ อย่างสมวัย ซง่ึ รวมการเล่น
การทางาน ศลิ ปะ ดนตรีกฬี า ๐ ๑ ๒ ๓ รวม
๑๕
๓.๔.๓ ข เดก็ สามารถอดทน รอคอย ควบคมุ ตนเอง ยบั ยง้ั ชง่ั ใจ ทาตาม
ขอ้ ตกลง คานงึ ถงึ ความรู้สกึ ของผู้อน่ื มีกาลเทศะ ปรับตวั เข้ากบั สถานการณ์
ใหม่ไดส้ มวยั
ตัวบ่งชี้ท่ี ๓.๕ ข เดก็ มีพัฒนาการด้านสติปญั ญา เรยี นรแู้ ละสร้างสรรค์
๓.๕.๑ ข เด็กบอกเก่ยี วกบั ตวั เดก็ บุคคล สถานท่ีแวดลอ้ มธรรมชาติ และสง่ิ
ตา่ งๆ รอบตวั เด็กไดส้ มวยั
๓.๕.๒ ข เดก็ มพี ื้นฐานดา้ นคณติ ศาสตร์สามารถสังเกต จาแนก และ
เปรยี บเทยี บ จานวน มิตสิ มั พันธ์(พื้นท่ี/ระยะ) เวลา ได้สมวัย
๓.๕.๓ ข เดก็ สามารถคดิ อยา่ งมีเหตผุ ล แกป้ ัญหาได้สมวยั
๓.๕.๔ ข เดก็ มจี ินตนาการ และความคดิ สร้างสรรค์ ที่แสดงออกได้สมวัย
๓.๕.๕ ข เด็กมีความพยายาม มุง่ มั่นตงั้ ใจ ท ากจิ กรรมใหส้ าเร็จสมวยั
๗๕
ตัวบ่งชีท้ ี่ ๓.๖ ข เดก็ มพี ัฒนาการด้านภาษาและการส่ือสาร ๐ ๑ ๒ ๓ รวม
๐ ๑๒
๓.๖.๑ ข เด็กสามารถฟัง พูด จบั ใจความ เล่า สนทนา และสอื่ สารได้สมวัย
๓.๖.๒ ข เดก็ มีทักษะในการดูรปู ภาพ สญั ลักษณก์ ารใชห้ นังสอื ร้จู กั ตวั อกั ษร
การคดิ เขียนคา และการอา่ นเบอื้ งต้น ไดส้ มวัยและตามลาดบั พฒั นาการ
๑ ๒ ๓ รวม
๓.๖.๓ ข เดก็ มีทกั ษะการวาด การขีดเขยี นตามลาดับข้ันตอน พฒั นาการสมวัย ๑๒
นาไปสกู่ ารขดี เขยี นคาทีค่ ุ้นเคย และสนใจ
๓.๖.๔ ข เด็กมที ักษะในการสือ่ สารอยา่ งเหมาะสมตามวยั โดยใช้ภาษาไทย
เป็นหลกั และมีความคุ้นเคยกับภาษาอ่นื ดว้ ย
66 คะแนน
ตัวช้ีวัดท่ี ๓.๗ ข เด็กมีพัฒนาการด้านสังคม คุณธรรม มีวินัย และความ 100
เปน็ พลเมอื งดี 0 ข้อ
๓.๗.๑ ข เด็กมีปฏสิ มั พนั ธก์ บั ผ้อู ืน่ ได้อยา่ งสมวยั และแสดงออกถงึ การยอมรบั
ความแตกต่างระหว่างบคุ คล
๓.๗.๒ ข เดก็ มคี วามเมตตา กรุณา มวี ินยั ซ่อื สัตยร์ ับผดิ ชอบ ตอ่ ตนเองและ
สว่ นรวม และมคี ่านยิ มทพ่ี งึ ประสงคส์ มวยั
๓.๗.๓ ข เด็กสามารถเล่น และทางานรว่ มกบั ผ้อู น่ื เป็นกลุ่ม เปน็ ได้ทงั้ ผ้นู า
และผู้ตาม แก้ไขขอ้ ขดั แยง้ อยา่ งสร้างสรรค์
๓.๗.๔ ข เดก็ ภาคภูมิใจทเี่ ปน็ สมาชกิ ที่ดใี นครอบครวั ชุมชน สถานพฒั นาเด็ก
ปฐมวัย และตระหนักถงึ ความเป็น พลเมอื งดขี องประเทศไทย และภมู ภิ าค
อาเซียน
มาตรฐานดา้ นที่ ๓ ข มีคะแนนรวม
มาตรฐานด้านท่ี ๓ ข มคี ะแนนรวม คดิ เป็นร้อยละ = คะแนนรวม x ๑๐๐
๖๖
มาตรฐานดา้ นท่ี ๓ ข มีจานวนตวั บ่งช้ี ทต่ี ้องปรบั ปรุง
จดุ เด่น
เดก็ มพี ฒั นาการทางดา้ นร่างกาย นา้ หนกั ส่วนสูงเป็นไปตามเกณฑ์ และมีทักษะในการเคล่ือนไหว
ไปตามวัย มีสุขนิสัยในการดูแลสุขภาพของตน หลีกเหล่ียงสภาพแวดล้อมที่เสี่ยงต่อโรคภัยและส่ิงเสพติด
มีพัฒนาการด้านอารมณ์-จิตใจ แจ่มใสมีความรู้สึกที่ดีต่อตนเองและผู้อ่ืน มีความม่ันใจกล้าแสดงออกด้านสังคม
มีวินัย มีความรับผิดชอบซ่ือสัตย์สุจริต รู้จักแบ่งปัน ประพฤติตนตามวัฒนธรรมไทยและศาสนาท่ีตนนับถือ
มีพฒั นาการทางดา้ นสตปิ ญั ญา สนใจเรียนรู้สงิ่ ต่างๆรอบตัว รักการเรยี นรู้ มที ักษะทางภาษาทีเ่ หมาะสมกบั วยั
๗๖
จดุ ท่คี วรพฒั นา
ควรจัดกิจกรรมด้านการพัฒนาความคิดรวบยอด คิดแก้ปัญหาและคิดสร้างสรรค์การปฏิบัติท่ีเป็น
แบบอย่างที่ดี ครู/วิเคราะห์สภาพปัจจุบันและความต้องการของเด็กในช้ันเรียน ศึกษาหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย ศึกษา
แนวคิดทฤษฎี แผนการจัดประสบการณ์ และเอกสารข้อมูลที่เก่ียวข้องเพื่อดาเนินการจัดกิจกรรมส่งเสริมพัฒนาการ
ความพร้อมของเด็กปฐมวัยทั้ง 4 ด้าน โดยใช้กระบวนการ PDCA ในการดาเนินการ กล่าวคือ วางแผนการดาเนินงาน
(Plan) ตามวัตถุประสงค์ เป้าหมายการส่งเสริมพัฒนาการความพร้อมของเด็กปฐมวัยทั้ง 4 ด้าน ลงมือปฏิบัติงาน (Do)
ตามแผนท่ีวางไว้ สร้างกิจกรรม เตรียมวัสดุอุปกรณ์ ดาเนินกิจกรรมอย่างต่อเน่ือง ประเมินผลงาน (Check) พัฒนา
ปรบั ปรุง (Action) ผลงาน
สรปุ ผลการประเมินในภาพรวม
มาตรฐาน คิดเป็นรอ้ ยละ ระดับคณุ ภาพ
ผลรวมของร้อยละของคะแนนเฉลยี่ รวมมาตรฐานที่ 1 91.03 ดมี าก
ผลรวมของรอ้ ยละของคะแนนเฉลี่ยรวมมาตรฐานที่ 2 96.67 ดีมาก
ผลรวมของรอ้ ยละของคะแนนเฉล่ยี รวมมาตรฐานที่ 3 100 ดีมาก
การสรปุ ผลการประเมนิ ของสถานพฒั นาเด็กปฐมวัยตามมาตรฐานสถานพฒั นาเดก็ ปฐมวัยแห่งชาติ
เกณฑ์การพิจารณาและการประเมนิ
ระดบั คุณภาพ เกณฑ์การพิจารณา
A ดีมาก คะแนนเฉลย่ี จานวนขอ้ ทต่ี ้องปรับปรุง
B ดี
C ผ่านเกณฑ์ข้ันต้น รอ้ ยละ ๘๐ ข้นึ ไป ไมม่ ี
D ตอ้ งปรบั ปรงุ
ร้อยละ ๖๐-๗๙.๙๙ ๑-๗ ข้อ
ร้อยละ ๔๐-๕๙.๙๙ ๘-๑๕ ขอ้
ตา่ กว่ารอ้ ยละ ๔๐ ๑๖ ข้อขึ้นไป
๗๗
สว่ นท่ี 3
สรุปผล แนวทางการพัฒนา และความตอ้ งการการช่วยเหลอื
สรปุ ผลการประเมนิ ตนเองของสถานศกึ ษาในภาพรวม
ผลการประเมินตนเองตามมาตรฐานเพ่ือการประกันคุณภาพภายในของศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก
โรงเรียนวดั บา้ นธาตใุ ต้ (สนทิ ไชยวิทยาคาร) มคี ุณภาพอยู่ในระดับ ดมี าก
๑. จดุ เด่นของศูนย์
1.1 ด้านการบริหารจดั การศูนย์พัฒนาเด็กเลก็
1. ผู้บริหาร/หัวหน้าสถานศึกษาศูนย์พัฒนาเด็กเล็กโรงเรียนวัดบ้านธาตุใต้ (สนิทไชย
วิทยาคาร) มีความต้ังใจ มีความมุ่งม่ัน มีหลักการบริหาร และมีวิสัยทัศน์ท่ีดีในการบริหารงานสามารถเป็น
แบบอย่างที่ดีในการทางาน และคณะกรรมการบริหารศูนย์พัฒนาเด็กเล็กมีความตั้งใจและมีความพร้อมในการ
ปฏบิ ตั ิหน้าทีต่ ามบทบาท
2. ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กโรงเรียนวัดบ้านธาตุใต้ (สนิทไชยวิทยาคาร) มีการบริหารและ
จัดการอย่างเป็นระบบ ใช้เทคนิคการประชุมที่หลากหลายวิธี เช่น การประชุมแบบมีส่วนร่วม การประชุมระดม
สมอง การประชมุ กลุ่ม เพอื่ ให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในการกาหนดวิสัยทัศน์ พันธกิจ เป้าหมายท่ีชัดเจน มีการปรับปรุง
แผนพัฒนาการศึกษา แผนปฏิบัติการประจาปีงบประมาณ และแผนปฏิบัติการประจาปีการศึกษา ท่ีสอดคล้องกับ
ผลการจัดการศกึ ษา สภาพปญั หา ความต้องการการพัฒนา และนโยบายการปฏริ ูปการศึกษาท่ีมุ่งเน้นการพัฒนาให้
ผู้เรยี นมคี ณุ ภาพตามมาตรฐานของศูนยพ์ ัฒนาเด็กเล็ก มีการจดั ทาหลกั สูตรสถานศึกษาศูนย์พัฒนาเด็กเล็กโรงเรียน
วัดบ้านธาตุใต้ (สนิทไชยวิทยาคาร) ท่ีสอดคล้องกับหลักสูตรปฐมวัย พุทธศักราช 2560 ครูผู้สอนสามารถจัดการ
เรียนรู้ได้อย่างมีคุณภาพ มีการนิเทศ กากับ ติดตาม ประเมินผลการดาเนินงานและจัดทารายงานผลการจัด
การศึกษา และใช้กระบวนการวจิ ยั ในการรวบรวมขอ้ มูลมาใชเ้ ป็นฐานในการวางแผนพัฒนาคุณภาพของศูนย์พัฒนา
เดก็ เลก็
1.2 ด้านครู/ผู้ดูแลเด็ก ให้การดูแล จัดประสบการณ์การเรียนรู้ และการเล่นเพื่อพัฒนาเด็ก
ปฐมวยั
1. ครูพัฒนาตนเองอยู่เสมอ มีความต้ังใจ มุ่งมั่น ในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มเวลาและ
เต็มความสามารถ
2. ครูจดั กิจกรรมใหน้ ักเรียนแสวงหาความรู้ดว้ ยตนเองอย่างต่อเน่อื ง
3. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการจัดบรรยากาศ สภาพแวดล้อมท่ีเอ้ือต่อการ
เรยี นรู้
4. ครจู ัดกิจกรรมให้นกั เรียนเรียนรู้จากการคิด ได้ปฏิบัติจริงด้วยวิธีการและแหล่งเรียนรู้
ทห่ี ลากหลาย
5. ครูทุกคนมผี ลงานวิจยั ในชั้นเรียน
6. ครจู ดั กจิ กรรมให้นักเรยี นเรยี นรู้จกั การวางแผน ปฏิบตั ิ ทบทวน (PDR)
๗๘
1.3 ด้านคุณภาพของเดก็ ปฐมวยั ดา้ นรา่ งกาย
- เด็กมนี ้าหนกั ตัวเหมาะกบั วยั และส่วนสูงตามเกณฑ์
- เด็กมพี ัฒนาการสมวยั โดยรวม 4 ดา้ น
- เด็กมีพฒั นาการกล้ามเนือ้ มดั ใหญ่สามารถเคลื่อนไหวและทรงตัวได้ตามวยั
- เดก็ มีพฒั นาการกลา้ มเนือ้ มดั เลก็ และสตปิ ัญญาสมวัย
- เด็กมสี ุขนิสยั ท่ีดีในการดแู ลสขุ ภาพตนเองสมวัย
- เด็กมีสขุ ภาพช่องปากดี ไมม่ ีฟนั ผุ
ผูอ้ น่ื สมวัย ดา้ นอารมณ์ - จิตใจ
ดนตรี กฬี า - เด็กแสดงออก ร่าเริง แจ่มใส รู้สกึ ม่นั คงปลอดภัย แสดงความรู้สกึ ที่ดตี ่อตนเอง และ
- เดก็ มคี วามสนใจและรว่ มกิจกรรมต่างๆ อยา่ งสมวัย ซึง่ รวมการเล่น การทางาน ศิลปะ
ดา้ นสังคม
- เดก็ มีพฒั นาการการช่วยเหลือตนเองและการเขา้ สังคมตามวัย
- เด็กสามารถอดทน รอคอย ควบคมุ ตนเอง ยับยงั้ ชั่งใจ ท าตามข้อตกลง คานงึ ถึง
ความร้สู กึ ของผูอ้ นื่ มกี าลเทศะ ปรับตัวเขา้ กับสถานการณใ์ หม่ไดส้ มวยั
- เด็กมปี ฏิสมั พันธก์ ับผู้อื่นได้อยา่ งสมวยั และแสดงออกถงึ ยอมรับความแตกต่างระหวา่ ง
บคุ คล
- เด็กสามารถเลน่ และทางานร่วมกับผ้อู ื่นเปน็ กลมุ่ เป็นได้ทั้งผนู้ าและผตู้ าม แก้ไขข้อ
ขัดแยง้ อยา่ งสร้างสรรค์
- เดก็ มีความเมตตา กรุณา มีวินยั ซอื่ สตั ย์ รบั ผิดชอบตอ่ ตนเองและส่วนรวม และมี
ค่านิยมท่ีพึงประสงคส์ มวยั
- เด็กมคี วามภาคภูมิใจทเี่ ปน็ สมาชิกท่ดี ีในครอบครวั ชุมชน สถานพัฒนาเด็กปฐมวยั ละ
ตระหนกั ถึงความเปน็ พลเมืองดขี องประเทศไทย และภมู ภิ าคอาเซียน
ดา้ นสติปัญญา
- เด็กมีพฒั นาการการใช้ภาษาสมวัย
- เด็กมพี ัฒนาการด้านการรบั รู้และเขา้ ใจภาษาสมวยั
- เด็กบอกเกย่ี วกับตวั เด็ก บุคคล สถานท่ีแวดล้อมธรรมชาติ และสงิ่ ต่างๆ รอบตัวเดก็ ได้
สมวยั
- เด็กมพี น้ื ฐานทางคณิตศาสตร์ สามารถสงั เกตจาแนกและเปรยี บเทยี บ จานวน มติ ิ
สัมพันธ์เวลาได้สมวยั
- เดก็ สามารถคิดอย่างมีเหตุผล และแก้ปญั หาได้สมวัย
- เดก็ มีจนิ ตนาการ และความคิดสรา้ งสรรค์ ท่แี สดงออกได้สมวยั
- เด็กมคี วามพยายาม มุง่ มั่นตั้งใจทากจิ กรรมให้สาเรจ็ สมวัย
๗๙
- เด็กสามารถฟัง พดู จับใจความ เลา่ สนทนา และสอื่ สารได้สมวัย
- เด็กมีทักษะในการดูรูปภาพ สญั ลกั ษณ์ การใชห้ นงั สอื ร้จู ักตวั อักษร การคิดเขยี นคา
และการอา่ นเบื้องต้นสมวัยและตามลาดบั พัฒนาการ
- เด็กทที กั ษะการวาด การเขียนตามลาดับขน้ั ตอนพัฒนาการสมวัย น าไปสกู่ ารขีดเขยี น
คาที่คุน้ เคยและสนใจ
- เดก็ มที กั ษะในการสื่อสารอย่างเหมาะสมตามวยั โดยใชภ้ าษาไทยเปน็ หลัก และมี
ความคุน้ เคยกับภาษาอ่นื ดว้ ย
๒. จุดท่คี วรพฒั นา/ แผนการพฒั นาคุณภาพเพื่อยกระดับคุณภาพมาตรฐานให้สูงขึ้น
2.1 ด้านการบรหิ ารจดั การศนู ยพ์ ฒั นาเดก็ เล็ก
1. ควรเปดิ โอกาสใหผ้ ู้ปกครองได้มสี ว่ นร่วมในการเสนอความคิดเหน็ ในการจดั
การศกึ ษาเพ่อื พฒั นาผเู้ รียนให้มากขนึ้
2. ควรสรา้ งเครือขา่ ยความร่วมมอื กบั ผ้มู ีส่วนเก่ยี วข้องให้เข้มแขง็ ย่ิงข้ึน
2.2 ดา้ นครู/ผูด้ ูแลเด็ก ให้ดูแล จัดประสบการณก์ ารเรียนรู้ และการเล่นเพื่อพัฒนา
เดก็ ปฐมวยั
ครูควรจดั กจิ กรรมใหผ้ ้เู รยี นได้มีความสามารถในการคดิ วิเคราะห์ คิดสังเคราะหอ์ ย่างหลากหลาย
และใช้แหล่งเรียนรู้ในการพฒั นาตนเอง
2.3 ด้านคณุ ภาพของเด็กปฐมวัย
- เด็กยังขาดความสามารถในการคิดท่เี ปน็ พนื้ ฐานในการเรียนรู้ (การคดิ รวบ
ยอด การคิดเชงิ เหตุผล การตัดสินใจและแก้ปัญหา)
- เด็กยงั ขาดเจตคตทิ ี่ดีต่อการเรยี นรู้ และขาดความสามารถในการแสวงหา
ความร้ไู ด้เหมาะสมกับวัย (การสารวจ สบื เสาะหาความรู้ และรวบรวมข้อมลู )
๓. ทิศทาง/แนวทางการพัฒนาสถานศกึ ษาในอนาคต
3.1 การจดั กจิ กรรมการเรยี นรทู้ ี่เน้นการพฒั นาผูเ้ รยี นเป็นรายบคุ คลใหช้ ัดเจนย่ิงข้นึ
3.2 การพัฒนาบุคลากรโดยส่งเข้ารับการอบรมแลกเปล่ียนเรยี นรใู้ นงานท่ีได้รบั
มอบหมาย ตดิ ตามผลการนาไปใช้และผลที่เกิดกับผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง
3.3 พฒั นาศูนย์พัฒนาเด็กเลก็ ไปสู่สถานศึกษาแหง่ การเรียนรตู้ ามปรชั ญาของเศรษฐกจิ
พอเพยี ง เพอ่ื ให้เป็นต้นทางของการพฒั นานักเรยี นและชุมชนให้เปน็ บุคคลพอเพยี ง และชมุ ชนพอเพียง เพื่อนาไปสู่
การใชช้ วี ิตทมี่ ีความสุขบนรากฐานของหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงอย่างย่ังยืนต่อไป
๔. ความต้องการการช่วยเหลือ
- การพฒั นาครูผ้สู อนในการจัดกิจกรรมการเรียนร้ทู ส่ี อดคล้องกบั การพฒั นาผ้เู รียนใน
ศตวรรษที่ 21
๘๐
๕. ประเดน็ ท่ตี อ้ งการให้มกี ารประเมินผลการติดตามตรวจสอบ จากสานักงานรับรอง
มาตรฐานและการประเมนิ คุณภาพการศกึ ษา (องค์กรมหาชน)
5.1. การดาเนนิ งานตามวัตถุประสงค์ของแผนงานและโครงการ
5.2. ผลการจัดการศึกษาด้านการเรยี นการสอน ด้านการบริหารจัดการศึกษา ดา้ น
ประกนั คุณภาพภายในและด้านภาพรวม
5.3. การปฏบิ ตั งิ านตามวงจรคุณภาพ PDR ด้านการเรียนการสอน ดา้ นการบรหิ ารจดั
การศกึ ษาและด้านประกันคุณภาพภาพใน