The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Oracha Chuchuer, 2023-05-27 02:41:36

physics3

physics for M5

Keywords: physics

เรย ี นฟสก ิ ส์ กบัครอ ู าร ์ ช้นมัธยมศึกษาปท่ 5 การเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างง่าย คลื่น แสงเชิงคลื่น แสงเชิงรังสี โรงเรียนดีบุกพังงาวิทยายน ครูอรชา ชูเช้อ


เรี ยนฟิสิกส์กับครูอาร์หน้าที่ 1 Chapter Overview…………. หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 การเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างง่าย Simple Harmonic Motion 1.1 นิยามและลักษณะสำคัญของการเคลื่อนที่แบบ SHM 1.3 ปริมาณที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่แบบ SHM Chapter 1 การกระจัด ความเร็ว ความเร่ง 1.2 คาบและความถี่ของการเคลื่อนที่แบบ SHM The main object in this chapter is to investigate the basic types of oscillation. The definition and key features of simple harmonic motion include frequency, period, displacement, velocity and the acceleration. The motions of a simple pendulum and oscillation of a mass attached to a spring. Finally, to study about natural frequency and resonance. SHM (ÿÿวท.)


เรี ยนฟิสิกส์กับครูอาร์หน้าที่ 2 1.1 นิยามและลักษณะสำคัญของการเคลื่อนที่แบบ SHM การเคลื่อนที่แบบเป็นคาบ Periodic Motion …………………………………………………………………….………. …………………………………………………………………….………. Vibration Motion Oscillation Motion (1) Simple Harmonic Motion …………………………………………………………………….………. …………………………………………………………………….………. (2) Damped Oscillation …………………………………………………………………….………. …………………………………………………………………….………. (3) Forced Oscillation …………………………………………………………………….………. …………………………………………………………………….………. Forced Oscillation Damped Oscillation signal X(m) t(s) การสั่นหรือการแกว่งกวัดทุกกรณีเป็น SHM หรือไม่ ? Simple Harmonic Motion is the basic type of oscillation m m m


เรี ยนฟิสิกส์กับครูอาร์หน้าที่ 3 1. (O-Net) ข้Ăใดต่Ăไปนี้ไม่ได้ทำใĀ้วัตถุมีการเคลื่Ăนที่แบบăาร์มĂนิกĂย่างง่าย 1) แขวนลูกตุ้มด้วยเชืĂกในแนวดิ่ง ผลักลูกตุ้มใĀ้แกว่งเป็นวงกลมโดยเÿ้นเชืĂกทำมุมคงตัวกับแนวดิ่ง 2) แขวนลูกตุ้มด้วยเชืĂกในแนวดิ่ง ดึงลูกตุ้มĂĂกมาจนเชืĂกทำมุมกับแนวดิ่งเล็กน้Ăยแล้วปล่ĂยมืĂ 3) ผูกวัตถุกับปลายÿปริงในแนวดิ่งตรึงĂีกด้านขĂงÿปริงไว้ ดึงวัตถุใĀ้ÿปริงยืดĂĂกมาแล้วปล่ĂยมืĂ 4) ผูกวัตถุกับปลายÿปริงในแนวระดับตรึงĂีกด้านĀนึ่งขĂงÿปริงไว้ดึงวัตถุใĀ้ÿปริงยืดĂĂกมาแล้วปล่ĂยมืĂ 2. (O-Net) ในการเคลื่Ăนที่แบบ Simple Harmonic ขนาดขĂงความเร็วเป็นĂย่างไรเมื่Ăเทียบกับการขจัด 1) คงที่ 2) แปรผันตรงกับการขจัด 3) แปรผกผันกับการขจัด 4) ÿูงÿุดเมื่Ăการขจัดเป็นศูนย์ 3. (Ent) วัตถุĀนึ่งกำลังเคลื่Ăนที่แบบซิมเปิลăาร์มĂนิก ข้Ăความใดบ้างที่ถูกต้Ăง ก. แรงÿุทธิที่กระทำต่Ăวัตถุมีทิศทางตรงกันข้ามกับการกระจัดขĂงวัตถุจากตำแĀน่งÿมดุล ข. เมื่ĂวัตถุมีĂัตราเร็วÿูงÿุด วัตถุมีความเร่งÿูงÿุดด้วย ค. ความเร่งขĂงวัตถุมีขนาดแปรผันตรงกับขนาดขĂงการกระจัดขĂงวัตถุจากตำแĀน่งÿมดุลแต่มีทิศตรงข้ามกัน ง. ถ้าวัตถุนั้นÿั่นด้วยแĂมพลิจูดที่น้Ăยลง วัตถุนั้นจะÿั่นด้วยความถี่มากขึ้น 1) ก, ข และ ค 2) ก และ ค 3) ง เท่านั้น 4) คำตĂบเป็นĂย่างĂื่น 4. (Ent) การเคลื่Ăนที่ขĂงวัตถุแบบăาร์มĂนิก ข้Ăÿรุปใดถูกต้Ăงที่ÿุด 1) วัตถุมีความเร็วและความเร่งแปรผันตรงกับการกระจัด โดยมีแĂมพลิจูดคงตัว 2) วัตถุมีความเร็วแปรผันตรงกับการกระจัด แต่มีความเร่งเป็นศูนย์เมื่ĂการกระจัดมากÿุดโดยมีแĂมพลิจูดคงที่ 3) วัตถุมีความเร่งแปรผันตรงกับการกระจัด แต่ความเร็วเป็นศูนย์เมื่ĂการกระจัดมากÿุดโดยมีแĂมพลิจูดคงที่ 4) วัตถุมีความเร่งแปรผันตรงกับการกระจัด แต่ความเร็วแปรผกผันกับการกระจัดนั้นและมีแĂมพลิจูดไม่คงที่ X(m) t(s) v(m/s ) t(s) a(m/s ) t(s) In SHM, the acceleration is proportional to the displacement but opposite in sign, and the two quantities are related by the square of angular frequency


เรี ยนฟิสิกส์กับครูอาร์หน้าที่ 4 5. (O-Net) ข้Ăใดถูกต้Ăงเกี่ยวกับคาบขĂงลูกตุ้มĂย่างง่าย 1) ไม่ขึ้นกับความยาวเชืĂก 2) ไม่ขึ้นกับมวลขĂงลูกตุ้ม 3) ไม่ขึ้นกับแรงโนเมถ่วงขĂงโลก 4) มีคาบเท่าเดิมถ้าไปแกว่งบนดวงจันทร์ 6. (O-Net) ในการแกว่งขĂงลูกตุ้มนาฬิกา จะต้ĂงทำĂย่างไรถ้าต้ĂงการใĀ้การแกว่งมีความถี่มากขึ้น 1) เพิ่มความยาวขĂงÿายลูกตุ้ม 2) ลดความยาวขĂงÿายลูกตุ้ม 3) เพิ่มมวลถ่วงลูกตุ้ม 4) ลดมวลถ่วงลูกตุ้ม 7. (O-Net) การทดลĂงเรื่Ăงการเคลื่Ăนที่แบบăาร์มĂนิกĂย่างง่าย ถ้าใĀ้ลูกตุ้มเคลื่Ăนที่จาก A ไป B ไป C และไป B ดังรูป ใช้เวลา 3 วินาทีดังรูป คาบขĂงการเคลื่Ăนที่มีค่าเท่าใด 1) 2 วินาที 2) 3 วินาที 3) 4 วินาที 4) 6 วินาที 1.2 คาบและความถี่ของการเคลื่อนที่แบบ SHM m ลูกตุ้มอย่างง่าย (Simple Pendulum) mg mgcos mgsin ตำแหน่งสมดุล In mechanical systems, resonance is a phenomenon that occurs when frequency at which a force is periodically applied is equal or nearly equal to one of the natural frequencies of the system on which it acts. This causes the system to oscillate with larger amplitude than when the force is applied at other frequencies. มวลติดปลายสปริง (Mass attached to a spring) Pendulum) m ตำแหน่งสมดุล m A B C


เรี ยนฟิสิกส์กับครูอาร์หน้าที่ 5 8. (O-Net) การแกว่งขĂงลูกตุ้มนาฬิกา (pendulum) เมื่Ăดึงลูกตุ้มĂĂกมาจากด้านข้างโดยทำมุม 5 Ăงศากับ แนวดิ่ง แล้วปล่Ăย จับเวลาในการแกว่งขĂงลูกตุ้มเคลื่Ăนที่กลับมาที่เดิมได้ 2 วินาที ถ้าทดลĂงใĀม่โดยทำการ ทดลĂงเĀมืĂนเดิมแล้วใĀ้เชืĂกทำมุมเĂียง 10 Ăงศากับแนวดิ่งแล้วปล่Ăย คราวนี้จับเวลาในการเคลื่Ăนที่ได้ 1 รĂบ ได้เวลาตามข้Ăใด 1) 2วินาที 2) 2 วินาที 3) 2 2 วินาที 4) 4 วินาที 9. ลูกตุ้มนาฬิกาĂันĀนึ่งมีความยาวขĂงก้านลูกตุ้มเป็น l เมื่Ăนำมาแกว่งแบบ SHM พบว่าเคลื่Ăนที่ได้ 60 รĂบต่Ă นาที จงĀาค่าขĂง l (0.25 เมตร) 10. (Conceptual Physics) A pendulum is constructed from a light string of length l=100 cm and a heavy mass m=100kg. What is the period of the pendulum for small displacement? (2s) 11. ปล่Ăยลูกตุ้มที่มีความยาว 100 เซนติเมตร จากมุมĀนึ่งใĀ้แกว่ง แต่ÿายลูกตุ้มติดตะปูที่ระยะ 60 เซนติเมตร ใต้จุดที่แขวนในแนวดิ่ง ลูกตุ้มจะใช้เวลาเท่าใดในการแกว่งกลับมาที่เดิม 12. ชายคนĀนึ่งĂยู่ในรถตู้มวล 2,000 กิโลกรัม ซึ่งกำลังเคลื่Ăนที่ไปตามแนวราบด้วยความเร่ง 10 เมตรต่Ăวินาที2 ถ้าเขานำลูกตุ้มนาฬิกาĂย่างง่าย ยาว 10√2 เซนติเมตรมาแกว่งจะได้คาบเป็นกี่วินาที (0.628 วินาที) 13. ลูกตุ้ม A และ B มีเชืĂกยาว 60 และ 30 เซนติเมตรตามลำดับ มีมวล 0.2 และ 0.1 กิโลกรัมตามลำดับ เมื่Ă แกว่งลูกตุ้มทั้งÿĂงใĀ้เคลื่Ăนที่แบบ SHM จงĀาĂัตราÿ่วนขĂงคาบลูกตุ้ม A ต่Ăคาบลูกตุ้ม B (1.414:1) 100cm 60cm


เรี ยนฟิสิกส์กับครูอาร์หน้าที่ 6 14. ลูกตุ้มมวล 5 กิโลกรัม แขวนกับเชืĂกยาว 1 เมตร เมื่ĂทำใĀ้แกว่งแบบซิมเปิลăาร์มĂนิก จะมีคาบการÿั่น 2 วินาที Ăยากทราบว่าถ้าเปลี่ยนมวลเป็น 10 กิโลกรัม และใช้เชืĂกยาว 4 เมตร จะมีคาบการÿั่นเป็นเท่าไร (4s) 15. แพนดูลัมĂย่างง่ายĂันĀนึ่งแกว่งด้วยคาบ 2 วินาที เมื่Ăนำไปแกว่งบนดาวเคราะĀ์ ที่มีน้ำĀนักวัตถุใด ๆ เป็น 1/9 เท่าขĂงน้ำĀนักบนผิวโลก จะแกว่งด้วยคาบเท่าใด (6 วินาที) 16. ลูกตุ้มĂันĀนึ่งเมื่Ăใช้แกว่งบนโลกมีคาบการÿั่น 4 วินาที ถ้านำไปแกว่งบนดาวดวงĀนึ่งซึ่งมีมวลเป็น 64 เท่า ขĂงโลก และรัศมี 2 เท่าขĂงโลก จะมีคาบการแกว่งเป็นเท่าใด (1 วินาที) 17. (วิชาÿามัญ 63) ปล่Ăยลูกตุ้มมวล m ความยาว l จากĀยุดนิ่งที่มุม 0 จงĀาค่าความตึงในÿายตุ้ม ขณะที่ m ถึงจุดต่ำÿุด 1. mg (2 - 3cos 0) 2. mg (2 + cos 0) 3. mg (3 - 2cos 0) 4. mg (3 + 2cos 0) 5. mg cos 0 0 l g


เรี ยนฟิสิกส์กับครูอาร์หน้าที่ 7 18. วัตถุชิ้นĀนึ่งติดที่ปลายÿปริง มีตำแĀน่งÿมดุลที่ x=0 ดึงวัตถุไปที่ตำแĀน่ง x=0.1 เมื่Ăปล่Ăยวัตถุพบว่าวัตถุ เคลื่Ăนที่กลับมาที่ตำแĀน่ง x=0.1 Ăีกครั้งในเวลา 2.2 วินาที จงĀาแĂมพลิจูด คาบและความถี่ 19. (โควตา มข) วัตถุมวล m ยึดติดกับÿปริงที่มีค่านิจÿปริงเท่ากับ k เมื่ĂดึงวัตถุĂĂกมาและปล่Ăยวัตถุจะเคลื่Ăนที่ แบบซิมเปิลăาร์มĂนิกด้วยคาบเท่าใด 1) 2√k m 2) 1 2 √k m 3) 2√m k 4) 1 2 √m k 20. (O-Net) วัตถุมวล m ติดกับปลายÿปริงมีค่านิจขĂงÿปริงเท่ากับ k มีการÿั่นแบบซิมเปิลăาร์มĂนิก ความถี่ ขĂงการÿั่นจะมีความÿัมพันธ์Ăย่างไร 1) m 1 f 2) f k 3) f m 2 4) f k 2 21. (O-Net) คาบการเคลื่Ăนที่แบบซิมเปิลăาร์มĂนิกตามข้Ăใด ไม่ขึ้นกับมวล 1) รูป A และ B 2) รูป B และ C 3) เฉพาะรูป A 4) เฉพาะรูป C 22. (O-Net) นำมวล m มาติดÿปริงในแนวดิ่ง ทำใĀ้ÿปริงยืดĂĂกระยะĀนึ่ง ĂĂกแรงดึงวัตถุมวล m ใĀ้ยืดต่ำลง มาĂีก 5 เซนติเมตร แล้วปล่Ăยวัตถุจะÿั่นขึ้นลงด้วยความถี่ 10 เăิรตซ์ แล้วจับใĀ้วัตถุมวล m Āยุดนิ่ง แล้วĂĂก แรงถึงวัตถุใĀ้ต่ำลงมาĂีก 7.5 เซนติเมตร แล้วปล่Ăย คราวนี้วัตถุจะÿั่นขึ้นลงด้วยคาบเท่าใด 1) 0.1 วินาที 2) 0.2 วินาที 3) 0.25 วินาที 4) ข้Ăมูลไม่เพียงพĂ m m m m m รูป A การแกว่งขĂงลูกตุ้มนาฬิกา รูป B การÿั่นตามแนวระดับขĂงวัตถุติดÿปริง รูป C การÿั่นขึ้นลงขĂงวัตถุติดÿปริง


เรี ยนฟิสิกส์กับครูอาร์หน้าที่ 8 23. (Pat2) พิจารณาวัตถุติดปลายÿปริงที่เคลื่Ăนที่แบบăาร์มĂนิกĂย่างง่าย ถ้าพลังงานรวมขĂงระบบเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า คาบการเคลื่Ăนที่จะเป็นĂย่างไร (ใช้ÿปริงตัวเดิม) 1) เท่าเดิม 2) เพิ่มขึ้น √2 เท่า 3) ลดลง √2 เท่า 4) ลดลง 2 เท่า 24. (โควตา มช) ÿปริงĂันĀนึ่งวางบนพื้นเรียบ มีค่านิจÿปริงเท่ากับ (22 ) นิวตันต่Ăเมตร ปลายข้างĀนึ่งผูกตรึง ปลายĂีกข้างĀนึ่งมีมวล 1 กิโลกรัมติดไว้ เมื่ĂĂĂกแรงดึงมวลเล็กน้Ăยแล้วปล่Ăย มวลจะเคลื่Ăนที่แบบซิมเปิล ăาร์มĂนิกด้วยคาบกี่วินาที 1) 0.5 2) 1 3) 0.5 4) 25. ÿปริงĂันĀนึ่งวางบนพื้นลื่นยึดกับผนัง ปลายĂีกด้านมีมวล 50 กิโลกรัมติดไว้ถ้าĂĂกแรง 10 นิวตันดึงมวลทำ ใĀ้ÿปริงยืดĂĂก 0.2 เมตร เมื่Ăปล่ĂยมืĂ มวลจะเคลื่Ăนที่แบบ SHM ด้วยคาบเท่าใด (6.28 วินาที) 26. (วิชาÿามัญ 62) ÿปริงเบาÿĂงตัวแต่ละตัวมีค่าคงตัวÿปริงเท่ากับ K และมีความยาวธรรมชาติ l ถูกดึงลงใน แนวดิ่งด้วยแรง W แรงนี้มีขนาดเท่าไร 1. 2kl cot 2. 2kl (tan- sin) 3. 2kl (cot- cos) 4. 2kl tan 5. 2kl cos 50kg 50kg 0.2m F=10N


เรี ยนฟิสิกส์กับครูอาร์หน้าที่ 9 27. วัตถุมวล 5 กิโลกรัมติดÿปริงในแนวดิ่ง พบว่ายืดĂĂก 20 เซนติเมตร จากนั้นนำมวล 4 กิโลกรัมมาแขวนแทน จะÿั่นด้วยคาบเท่าใด (0.8 วินาที) 28. แขวนมวล 5 กิโลกรัมกับÿปริง ปล่ĂยใĀ้ÿั่นขึ้นลง วัดคาบได้ 0.5 วินาที ถ้านำมวล 5 กิโลกรัมĂĂกÿปริงจะÿั้น กว่าตĂนแรกที่แขวนเท่าใด (0.063 เมตร) 29. แขวนมวล 2 กิโลกรัมกับÿปริง แล้วปล่ĂยใĀ้ÿั่นขึ้นลงในแนวดิ่ง ปรากฏว่าคาบการÿั่นเป็น 5 วินาที ถ้าเปลี่ยน มวลเป็น 8 กิโลกรัม มวลจะÿั่นด้วยคาบเท่าใด (10 วินาที) 30. เมื่Ăนำมวล 1 กิโลกรัมแขวนกับÿปริงĂันĀนึ่ง ปรากฏว่ามีคาบการแกว่ง 2 วินาที จงĀาว่าถ้าเปลี่ยนเป็นมวล 4 กิโลกรัมมาติดแทนมวลเดิมจะแกว่งได้วินาทีละกี่รĂบ 31. แขวนมวล 2 กิโลกรัมติดกับÿปริงใĀ้ÿั่นแบบ SHM วัตถุเคลื่Ăนที่ 1 รĂบใช้เวลา 1 วินาที เมื่Ăนำมวล m มา วางเพิ่มทำใĀ้เกิดการÿั่นแบบ SHM พบว่า 1 รĂบใช้เวลา 1.5 วินาที จงĀาว่ามวล m มีน้ำĀนักเท่าไร (2.5kg)


เรี ยนฟิสิกส์กับครูอาร์หน้าที่ 10 32. จากรูป ÿปริงยาว 50 เซนติเมตร มวล m ผูกติดÿปริงใĀ้ยืดĂĂก 8 เซนติเมตร ถ้ามวลÿั่นบนระนาบเĂียงแบบ SHM จะÿั่นด้วยคาบเท่าใด (0.628 วินาที) 33. (โควตา มข) มวล m ผูกติดกับÿปริง ÿั่นÿะเทืĂนไปตามระนาบขĂงพื้นเĂียง ถ้าÿปริงถูกดึงĂĂกจากตำแĀน่ง ÿมดุลเป็นระยะ S คาบการแกว่งจะมีค่าเท่าใด 1. 2√ 2. 2√ 3. 2√ 4. 2√ 34. จากภาพเมื่ĂทำใĀ้เกิดการÿั่น มวล 2 kg จะÿั่นด้วยคาบเท่าใด กำĀนด K1= 300N/m และ K1= 600N/m 35. (Principles of Physics) In Fig, two springs are joined and connected to a block of mass 0.245 kg that is set oscillating over a frictionless floor. The springs each have constant K=6,430N/m. What is the frequency of the oscillations? (18.24S) 36. วัตถุมวล m วางบนพื้นราบลื่นโดยมีÿปริงที่เĀมืĂนกันทุกประการมีค่าคงที่ K=100N/m ยึดดังรูป ในÿภาวะ ÿมดุลÿปริงทั้งÿĂงไม่ยืด ถ้าเลื่Ăนมวล 2 kg ไปทางซ้ายเป็นระยะทางĀนึ่งแล้วปล่Ăยวัตถุจะÿั่นด้วยความถี่เท่าใด (1.59Hz) 2kg K1 K2 m 53° m m K K 2kg K1 K2


เรี ยนฟิสิกส์กับครูอาร์หน้าที่ 11 37. (Principles of Physics) In Fig, two identical spring of spring constant 7,580 N/m are attached to a block of mass 0.270 kg. What is the frequency of oscillation on the frictionless floor? (37.71Hz) 38. (โควตา มข) วัตถุมวล m วางบนพื้นราบลื่นโดยมีÿปริงที่เĀมืĂนกันทุกประการมีค่านิจ K ยึดĂยู่ดังรูป ใน ÿภาวะÿมดุลÿปริงทั้งÿĂงไม่มีการยืด ถ้าเคลื่Ăนมวล m ไปทางซ้ายระยะĀนึ่งแล้วปล่Ăยวัตถุจะมีการÿั่นด้วย ความถี่เท่าไร 1. 1 2 √ 2. 1 2 √2 3. √2 4. ไม่มีการÿั่นเกิดขึ้น 39. เมื่Ăต้ĂงการทดลĂงการÿั่นแบบ SHM ขĂงลูกตุ้มนาฬิกาและÿปริง เมื่Ăÿปริงมีค่าคงที่ 200N/m ติดกับมวล 5kg ถ้าต้ĂงการใĀ้คาบการÿั่นขĂงลูกตุ้มนาฬิกาเป็น 2 เท่าขĂงการÿั่นขĂงÿปริง ต้Ăงใช้มวลที่Ā้Ăยและความยาว เชืĂกเบาเท่าใด 40. (โควตา มĂ) ในการทดลĂงเรื่Ăงการเคลื่Ăนที่แบบซิมเปิลăาร์มĂนิกมี 2 ชุดการทดลĂง ชุดแรกเป็นลวดÿปริงที่ มีค่านิจขĂงÿปริง 160 นิวตันต่Ăเมตร วางĂยู่บนพื้นเกลี้ยงปลายĀนึ่งยึดติดกับผนัง ÿ่วนĂีกปลายĀนึ่งมีมวล 2.0 กิโลกรัมติดเĂาไว้ ÿ่วนĂีกชุดĀนึ่งเป็นลูกตุ้มนาฬิกามวล m Ā้ĂยĂยู่ที่ปลายเชืĂกยาว l เมตรดังรูป ถ้าต้ĂงการใĀ้ ลูกตุ้มนาฬิกาแกว่งแบบซิมเปิลăาร์มĂนิกด้วยคาบเป็น 4 เท่าขĂงการแกว่งแบบซิมเปิลăาร์มĂนิกขĂงชุดการ ทดลĂงÿปริง ต้Ăงใช้มวล m กี่กิโลกรัม และเชืĂก l เมตรเป็นเท่าใด 1) m=2, l=0.5 2) m=2, l=1.0 3) m=3, l=2.0 4) m=3, l=2√2 m K K m K K m 2kg m 2kg 160N/m l


เรี ยนฟิสิกส์กับครูอาร์หน้าที่ 12 1.3 ปริมาณที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่แบบ SHM เงา X=0 X=Xi X=A เมื่อฉายแสงให้ขนานกับระนาบของการเคลื่อนที่แบบวงกลม เงาของวัตถุ บนแกจะเคลื่อนที่กลับไปกลับมาในแนวตรงแบบฮาร์มอนิกอย่างง่าย X X(m) t(s) A -A X=0 v(m/s) t(s) -A X=0 กราฟระหว่าง...................................................................... กราฟระหว่าง...................................................................... กราฟระหว่าง...................................................................... a(m/s 2 ) t(s) A2 - A2 A


เรี ยนฟิสิกส์กับครูอาร์หน้าที่ 13 41. วัตถุĀนึ่งเคลื่Ăนที่แบบ SHM ด้วยความถี่ 10 รĂบต่Ăวินาที เมื่Ăเวลาผ่านไป 2 วินาที วัตถุĂยู่ในเฟÿต่างจาก เดิมเท่าใด (40 rad) 42. วัตถุเคลื่Ăนที่แบบăาร์มĂนิกĂย่างง่าย ด้วยความถี่ 5 รĂบต่Ăวินาที 42.1 เมื่Ăเวลาผ่านไป 5 วินาที วัตถุĂยู่ในมุมเฟÿต่างจากเดิมเท่าใด 42.2 เมื่ĂวัตถุĂยู่ในมุมเฟÿต่างจากเดิม 21 2 เรเดียน วัตถุเคลื่Ăนที่ได้กี่รĂบ 42.3 วัตถุใช้เวลาเท่าใดจึงจะĂยู่ในมุมเฟÿต่างไปจากเดิม 4 เรเดียน 43. มวล 200 กรัมติดกับÿปริงวางบนพื้นเกลี้ยงทำใĀ้ÿั่นแบบ SHM เมื่Ăÿั่นจากจุดเริ่มต้นมีเฟÿเป็นศูนย์นาน 40 วินาที ปรากฏว่าĂยู่ในตำแĀน่งที่มีเฟÿ 90 Ăงศา จงคำนวณĀาค่าคงตัวขĂงÿปริง 44. วัตถุĀนึ่งเคลื่Ăนที่แบบ SHM ด้วยความถี่ 0.5 รĂบต่Ăวินาที มีแĂมพลิจูด 2 เมตร จงเขียนÿมการการกระจัด ในการเคลื่Ăนที่ขĂงวัตถุ ณ เวลาต่าง ๆ กำĀนดใĀ้มุมเฟÿเริ่มต้นเป็นศูนย์ 45. จงเขียนÿมการการกระจัดที่ขึ้นกับเวลาขĂงรถทดลĂงติดปลายÿปริงที่เคลื่Ăนที่แบบăาร์มĂนิกĂย่างง่ายมี ตำแĀน่งเริ่มต้นที่จับเวลาต่างกันในตาราง ความถี่เชิงมุมเท่ากับ แĂมพลิจูดเท่ากับ A รูปแÿดงตำแĀน่งเริ่มต้นที่ t=o เฟÿเริ่มต้น (∅) ÿมการการกระจัด ก ข X=0 X=0 X=A


เรี ยนฟิสิกส์กับครูอาร์หน้าที่ 14 46. การกระจัดขĂงĂนุภาคĀนึ่งเคลื่Ăนที่แบบ SHM เป็นฟังก์ชันขĂงเวลา ดังÿมการ X = (2m) sin (3t + 4 ) 41.1 ÿมการการกระจัดที่เวลา t = 2 วินาที 41.2 การกระจัดที่เวลา t = 2 วินาที 41.3 มุมเฟÿที่เวลา t = 2 วินาที 41.4 ÿมการความเร็วที่เวลา t 41.5 ÿมการความเร่งที่เวลา t 47. ĂนุภาคĀนึ่งมีการเคลื่Ăนที่แบบăาร์มĂนิกĂย่างง่าย มีการกระจัดเป็น x= (0.10m) sin (t) 47.1) จงĀามุมเฟÿ () เฟÿเริ่มต้น (∅) ความถี่เชิงมุม () และแĂมพลิจูด (A) 47.2) ที่เวลา t= 1 วินาที การกระจัดขĂงĂนุภาคมีค่าเท่าใด 47.3) จงĀาÿมการความเร็วขĂงวัตถุ 47.4) ที่เวลา 1 วินาทีĂนุภาคมีความเร็วเท่าใด 47.5) จงĀาÿมการความเร่งขĂงวัตถุ 47.6) ที่เวลา 1 วินาทีĂนุภาคมีความเร่งเท่าใด 48. ĂนุภาคĀนึ่งเคลื่Ăนที่แบบ SHM ÿามารถเขียนÿมการการกระจัดกับเวลาได้ x= 2cos5t จงเขียนÿมการ ความเร็วกับเวลาและÿมการความเร่งกับเวลา


เรี ยนฟิสิกส์กับครูอาร์หน้าที่ 15 49. วัตถุĀนึ่งเคลื่Ăนที่แบบ SHM มีคาบการเคลื่Ăนที่เป็น 2 วินาที ที่เวลาเริ่มต้นมีการกระจัด 5 เมตร และ ความเร็ว 10 เมตรต่Ăวินาที จงĀามุมเฟÿเริ่มต้น 50. ĂนุภาคĀนึ่งเคลื่Ăนที่แบบซิมเปิลăาร์มĂนิก มีการกระจัด ดังÿมการ x = 2.0cos(0.5t + 4 ) 50.1 Ăัตราเร็วÿูงÿุด 50.2 ความเร่งÿุงÿุด 50.3 ความเร็วขĂงĂนุภาคเมื่Ăมีการกระจัด 1 เมตร 51. วัตถุเคลื่Ăนที่แบบăาร์มĂนิกĂย่างง่ายรĂบตำแĀน่งÿมดุลโดยมีความถี่เชิงมุม 0.4 เรเดียนต่Ăวินาที และขนาด การกระจัดÿูงÿุด 10 เซนติเมตร ขณะที่วัตถุĂยู่Ā่างจากตำแĀน่งÿมดุลเป็นระยะทาง 8 เซนติเมตรวัตถุมีĂัตราเร็ว เท่าใด (2.4cm/s) 52. วัตถุĀนึ่งเคลื่Ăนที่แบบăาร์มĂนิกĂย่างง่าย มีความถี่ 2 รĂบต่Ăวินาที ณ ตำแĀน่งที่มีการกระจัด 7 เซนติเมตร วัตถุจะมีความเร่งเท่าใด (-11m/s)


เรี ยนฟิสิกส์กับครูอาร์หน้าที่ 16 53. ลูกตุ้มนาฬิกาĂันĀนึ่งแกว่ง 100 รĂบในเวลา 200 วินาที เมื่Ăความเร่งÿุงÿุดขĂงการเคลื่Ăนที่เป็น 2 20 m/s2 การกระจัดÿูงÿุดเป็นเท่าใด (-0.05 เมตร) 54. วัตถุก้ĂนĀนึ่งเคลื่Ăนที่แบบซิมเปิลăาร์มĂนิก มีแĂมพลิจูด 0.5 เมตรและคาบ 4 วินาที ณ ตำแĀน่งที่มีการ กระจัด 0.4 เมตร วัตถุมีความเร็วเท่าไร (2.4 m/s) 55. รถทดลĂงติดปลายลวดÿปริงเคลื่Ăนที่แบบăาร์มĂนิกĂย่างง่ายด้วยแĂมพลิจูด 20 เซนติเมตร และความถี่ 5 เăิรตซ์ จงĀาความเร็วÿูงÿุดและความเร่งÿูงÿุดขĂงรถทดลĂง (6.28m/s, -200m/s2 ) 56. ĂนุภาคĀนึ่งเคลื่Ăนที่แบบ SHM ด้วยความถี่ 4 รĂบต่Ăวินาที ถ้าแĂมพลิจูดขĂงการเคลื่Ăนที่เท่ากับ 5 เซนติเมตร Ăัตราเร็วÿูงÿุดขĂงการเคลื่Ăนที่เป็นเท่าใด (1.25 m/s) 57. วัตถุĀนึ่งเคลื่Ăนที่แบบ SHM มีความถี่ 4 รĂบต่Ăวินาที ที่ตำแĀน่งซึ่งวัตถุมีการกระจัดเป็น 10 เซนติเมตร จะ มีความเร่งเท่าใด (-64m/s2 )


เรี ยนฟิสิกส์กับครูอาร์หน้าที่ 17 58. (โควตา มช) ÿำĀรับการเคลื่Ăนที่แบบซิมเปิลăาร์มĂนิก Ăัตราÿ่วนระĀว่างการกระจัดกับปริมาณใดมีค่าคงที่ 1) ความเร็วขĂงวัตถุ 2) ความเร่งขĂงวัตถุ 3) คาบการแกว่ง 4) มวลขĂงวัตถุ 59. (Ent) วัตถุชิ้นĀนึ่งติดกับปลายข้างĀนึ่งขĂงÿปริงซึ่งมีความยาว 2 เมตร มีปลายข้างĀนึ่งตรึงĂยู่กับที่ ถ้าวัตถุ ชิ้นนี้วางบนพื้นราบเกลี้ยง และกำลังเคลื่Ăนที่แบบซิมเปิลăาร์มĂนิก โดยมีความเร็วมากÿุด 2 เมตรต่Ăวินาที และมี การกระจัดจากตำแĀน่งÿมดุลมากที่ÿุด 0.5 เมตร Ăัตราเร็วเชิงมุมขĂงการเคลื่Ăนที่นี้เป็นกี่เรเดียนต่Ăวินาที 1) 0.12 2) 0.25 3) 1.00 4) 4.00 60. (Ent) ÿปริงĂันĀนึ่งแขวนกับเพดานในแนวดิ่งยาว 20 เซนติเมตร เĂามวล 100 กรัมผูกติดกับปลายÿปริงĂีก ข้างทำใĀ้ความยาวขĂงÿปริงเป็น 22.5 เซนติเมตร Āลังจากนั้นดึงมวล 100 กรัมใĀ้ต่ำลงมากว่าเดิม 2 เซนติเมตร แล้วปล่ĂยใĀ้ÿั่น จะÿั่นด้วยความเร็วมากÿุดเท่าใด กำĀนดใĀ้ไม่ต้ĂงคิดมวลขĂงÿปริง (0.4 m) Summary >> Simple Harmonic Motion 1. ÿมการ x v a ที่เวลาใด ๆ 2. ค่าÿูงÿุดขĂง x v a 3. ค่า x v a ที่การกระจัดใดๆ 4. ค่า f และ T m m SHM คณะวิทยาศาÿตร์ จุāาลงกรณ์มĀาวิทยาลัย


เรี ยนฟิสิกส์กับครูอาร์หน้าที่ 18 วัตถุประÿงค์ 1. Āาคาบการแกว่งขĂงลูกตุ้มนาฬิกา 2. เขียนกราฟความÿันพันธ์ระĀว่างคาบการแกว่งขĂงลูกตุ้ม (T) กับรากที่ÿĂงขĂงความยาวเชืĂก (√l) 3. Āาความÿัมพันธ์ระĀว่างคาบการแกว่งกับรากที่ÿĂงขĂงความยาวเชืĂก วัÿดุอุปกรณ์ รายการ จำนวน รายการ จำนวน 1. 3. 2. 4. วิธีทำกิจกรรม 1. แกว่งลูกตุ้มโดยใช้ความยาวเชืĂกต่าง ๆ กัน บันทึกเวลาที่ลูกตุ้มแกว่งใน 30 รĂบ 2. Āาค่าคาบ และเขียนกราฟระĀว่างคาบการแกว่งขĂงลูกตุ้ม T (แกน Y) กับความยากเชืĂก l (แกน X) และกราฟระĀว่างคาบการแกว่งขĂงลูกตุ้ม T (แกน Y) กับรากที่ÿĂงขĂงความยาวเชืĂก √l (แกน X) ตารางบันทึกผล ความยาวเชือก l (m) เวลาที่ใช้ในการแกว่ง 30 รอบ (s) คาบ (s) √l (m1/2) 0.3 0.4 0.5 0.6 0.7 กราฟความÿัมพันธ์ระĀว่างคาบ (T) กับความยาวเชือก (l) Hand on for SHM ………………………….…… T (s) l (m)


เรี ยนฟิสิกส์กับครูอาร์หน้าที่ 19 กราฟความÿัมพันธ์ระĀว่างคาบ (T) กับรากที่ÿองของความยาวเชือก (√l) แÿดงวิธีการĀาค่า g จากความชันของกราฟ ความเร่งเนื่องจากแรงโน้มถ่วง g =…………..มีĀน่วยเป็น.....................


เรี ยนฟิสิกส์กับครูอาร์หน้าที่ 20 Chapter Overview……. The main object in this chapter is to investigate the basic nature of wave and there properties. The properties of wave include speed, wavelength, period, frequency and the phenomena of reflection, interference and energy transmission. Wคลื่น aves 2.1 ความหมายและการถ่ายโอนพลังงานคลื่น 2.3 ส่วนประกอบและปริมาณที่เกี่ยวกับการเคลื่อนที่แบบคลื่น 2.2 ชนิดของคลื่น Chapter 2 2.4 สมบัติของคลื่น >>> สะท้อน หักเห แทรกสอด เลี้ยวเบน หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 คลื่น (ÿÿüท.)


เรี ยนฟิสิกส์กับครูอาร์หน้าที่ 21 1. (โคüตา มช) ในการเคลื่อนที่แบบคลื่นนั้นพลังงานจากการÿะบัดปลายเชือกด้านĀนึ่งจะถ่ายทอดไปยังปลาย เชือกอีกด้านĀนึ่งได้ แÿดงü่า 1. พลังงานถ่ายทอดไปพร้อมกับการเคลื่อนที่ของคลื่น 2. พลังงานถ่ายทอดĀลังจากการเคลื่อนที่ของคลื่นผ่านไป 3. พลังงานจะถ่ายทอดก่อนที่คลื่นจะเคลื่อนที่มาถึง 4. พลังงานจากคลื่นจะถ่ายเทใĀ้อนุภาคและอนุภาคจะเคลื่อนที่ไปยังปลายเชือก 2. คลื่นขบüนĀนึ่งมีการเคลื่อนที่ ดังรูป เมื่อเüลาผ่านไปเล็กน้อยปรากฏü่าจุด P เคลื่อนที่ลง แÿดงü่าคลื่นมีการ เคลื่อนที่ตามข้อใด 1) เคลื่อนที่ขึ้น 2) เคลื่อนที่ไปทางซ้าย 3) เคลื่อนที่ลง 4) เคลื่อนที่ไปทางขüา 3. (Ent) คลื่นดลในเÿ้นเชือกมีทิýการเคลื่อนที่ดังรูป โดยมีจุด A, B และ C เป็นจุดบนเÿ้นเชือก เมื่อเüลาผ่าน ไปเล็กน้อย จุดทั้งÿามมีการเคลื่อนที่อย่างไร 1) A ÿูงกü่าเดิม B ต่ำกü่าเดิม และ C ต่ำกü่าเดิม 2) A ÿูงกü่าเดิม B ต่ำกü่าเดิม และ C ÿูงกü่าเดิม 3) A ต่ำกü่าเดิม B ต่ำกü่าเดิม และ C ÿูงกü่าเดิม 4) A ต่ำกü่าเดิม B ÿูงกü่าเดิม และ C ต่ำกü่าเดิม 2.1 ความหมายและการถ่ายโอนพลังงานคลื่น m m m P A B C ทิýการเคลื่อนที่ของคลื่นกล


เรี ยนฟิสิกส์กับครูอาร์หน้าที่ 22 1) แบ่งตามการถ่ายโอนพลังงานของอนุภาคตัวกลาง 2) แบ่งตามลักษณะการรบกวน 3) แบ่งตามการอาศัยตัวกลางในการเคลื่อนที่ 2.2 ชนิดของคลื่น คลื่นดล (pulse wave) …………………………….………………………………………… คลื่นต่อเนื่อง (continuous wave) ….…………………………….…………………………… คลื่นกล (mechanical wave) …………………………….………………………………………… *คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (electromagnetic wave) ….…………………………….……………………… คลื่นตามขวาง (transverse wave) ……………………………………………………………… ตัวอย่างคลื่นตามขวาง……………………………………………………….………………………. ทิศการเคลื่อนที่ของคลื่น ทิศการสั่นของอนุภาคที่อยู่บนคลื่น ทิศการสั่นของอนุภาคที่อยู่บนคลื่น ทิศการเคลื่อนที่ของคลื่น คลื่นตามยาว (longitudinal wave) ……………………………………………………………… ตัวอย่างคลื่นตามยาว………………………...……………………………….………………………. Electric field Magnetic field Direction of wave travel *อ่านเพิ่มเติมหน้า 50


เรี ยนฟิสิกส์กับครูอาร์หน้าที่ 23 ชนิด การนำไปใช้ประโยชน์ วิทยุ (radio) ไมโครเวฟ (microwave) อินฟราเรด (infrared) แสง (visible) อัลตราไวโอเลต (ultraviolet) รังสีเอกซ์ (X-ray) รังสีแกมมา (gamma ray) Amplitude Modulation (AM) Frequency Modulation (FM) Input: Modulating Wave Input: Modulating Wave Carrier Carrier Modulated Result Modulated Result


เรี ยนฟิสิกส์กับครูอาร์หน้าที่ 24 4. (O-Net) คลื่นใดต่อไปนี้เป็นคลื่นที่ต้องอาýัยตัüกลางในการเคลื่อนที่ A คลื่นเÿียง B คลื่นüิทยุ C คลื่นไมโครเüฟ D คลื่นแÿง 1) A เท่านั้น 2) A และ B 3) A, B และ D 4) A, B, C และ D 5. (O-Net) คลื่นใดต่อไปนี้ เป็นคลื่นที่ต้องอาýัยตัüกลางในการเคลื่อนที่ ก. คลื่นแÿง ข. คลื่นเÿียง ค. คลื่นผิüน้ำ 1) ทั้ง ก ข และ ค 2) ข และ ค 3) ก เท่านั้น 4) ผิดทุกข้อ 6. (O-Net) ข้อใดต่อไปนี้เป็นคลื่นกลทั้งĀมด 1) คลื่นในน้ำ คลื่นในÿปริง คลื่นในเชือก 2) คลื่นแÿงในอากาý คลื่นเรดาĀ์ คลื่นน้ำ 3) คลื่นเÿียง คลื่นน้ำ คลื่นคüามร้อน 4) คลื่นโทรทัýน์ คลื่นในÿปริง คลื่นในเÿ้นเชือก 7. (O-Net) คลื่นในข้อใดเป็นคลื่นประเภทเดียüกัน 1) แÿง คลื่นüิทยุ ไมโครเüฟ 2) คลื่นน้ำ คลื่นเÿียง คลื่นอินฟราเรด 3) คลื่นในÿปริง คลื่นในเÿ้นเชือก แÿง 4) คลื่นโทรทัýน์ คลื่นüิทยุ คลื่นเÿียง 8. (O-Net) คลื่นในข้อใดที่ไม่ÿามารถเดินทางในÿุญญากาýได้ 1) คลื่นüิทยุ 2) คลื่นเÿียง 3) คลื่นไมโครเüฟ 4) รังÿีเอกซ์ 9. (O-Net) มนุþย์อüกาýÿองคนปฏิบัติภารกิจบนผิüดüงจันทร์ ÿื่อÿารกันด้üยüิธีใดÿะดüกที่ÿุด 1) คลื่นเÿียงธรรมดา 2) คลื่นเÿียงอัลตราซาüด์3) คลื่นüิทยุ 4) คลื่นโซนาร์ 10. (O-Net) เÿียงต่างจากแÿงอย่างไร 1) ไม่เกิดการแทรกÿอด 2) เÿียงเป็นคลื่นตามขüาง 3) ไม่ต้องการพลังงานที่แĀล่งกำเนิด 4) เÿียงเป็นคลื่นตามยาü 11. (O-Net) คลื่นแม่เĀล็กไฟฟ้าชนิดใดต่อไปนี้มีคüามยาüคลื่นÿั้นที่ÿุด 1) อินฟราเรด 2) ไมโครเüฟ 3) คลื่นüิทยุ 4) อัลตราไüโอเลต 12. (O-Net) ข้อใดต่อไปนี้ถูกต้องเกี่ยüกับคลื่นตามยาü 1) เป็นคลื่นที่อนุภาคของตัüกลางมีการÿั่นในแนüเดียüกับการเคลื่อนที่ของคลื่น 2) เป็นคลื่นที่เคลื่อนที่ไปตามแนüยางของตัüกลาง 3) เป็นคลื่นที่ไม่ต้องอาýัยตัüกลางในการเคลื่อนที่ 4) เป็นคลื่นที่อนุภาคของตัüกลางมีการÿั่นได้Āลายแนü 13. (O-Net) คลื่นแผ่นดินไĀüเคลื่อนที่จากทิýตะüันตกทิýตะüันออก ขณะที่คลื่นเคลื่อนที่ผ่านไปโมเลกุลของ ก้อนĀินÿั่นในแนüเĀนือใต้ เมื่อเทียบจากการÿั่น คลื่นแผ่นดินไĀüชนิดนี้เป็นดังข้อใด 1) เป็นคลื่นตามยาü 2) เป็นคลื่นตามขüาง 3) เป็นคลื่นเÿียงในĀิน 4) ไม่ต้องอาýัยตัüกลาง 14. (O-Net) ข้อใดไม่ถูกต้องเกี่ยüกับคลื่นแม่เĀล็กไฟฟ้า 1) คลื่นแม่เĀล็กไฟฟ้าทุกชนิดมีอัตราเร็üในÿุญญากาýเท่ากัน 2) มีคลื่นแม่เĀล็กไฟฟ้าบางชนิดต้องอาýัยตัüกลางในการเดินทาง 3) เมื่อคลื่นแม่เĀล็กไฟฟ้าเดินทางในตัüกลางที่เปลี่ยนไป อัตราเร็üของคลื่นจะเปลี่ยนไป 4) คลื่นแม่เĀล็กไฟฟ้าเป็นคลื่นที่มีทั้งÿนามไฟฟ้าและÿนามแม่เĀล็ก 15. (O-Net) ข้อใดเป็นการเรียงลำดับคลื่นแม่เĀล็กไฟฟ้าจากคüามยาüคลื่นมากÿุดไปยังคüามยาüคลื่นน้อยÿุด ได้ถูกต้อง 1) อินฟราเรด, รังÿีX และ UV 2) UV, รังÿี X และอินฟราเรด 3) รังÿี X, UV และอินฟราเรด 4) อินฟราเรด, UV และรังÿีX


เรี ยนฟิสิกส์กับครูอาร์หน้าที่ 25 16. (O-Net) คลื่นแม่เĀล็กไฟฟ้าที่นิยมใช้ในรีโมตคüบคุมการทำงานของเครื่องโทรทัýน์คือข้อใด 1) อินฟราเรด 2) ไมโครเüฟ 3) คลื่นüิทยุ 4) อัลตราไüโอเลต 17. (O-Net) ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติในข้อใดที่ไม่มีผลต่อการแผ่กระจายของคลื่นüิทยุ 1) การเปลี่ยนขนาดของจุดดับบนดüงอาทิตย์ 2) การเกิดแÿงเĀนือแÿงใต้ 3) การเกิดน้ำขึ้นน้ำลง 4) การเกิดกลางüันกลางคืน 18. (O-Net) ในการÿ่งคลื่นüิทยุประเภท FM จะใช้การÿ่งแบบคลื่นดิน ÿาเĀตุใดจึงไม่ÿ่งแบบคลื่นฟ้า 1) คลื่นüิทยุ FM มีคüามถี่ต่ำจะÿะท้อนชั้นบรรยากาýไอโอโนÿเฟียร์ 2) คลื่นüิทยุ FM มีคüามถี่ÿูงจะÿะท้อนชั้นบรรยากาýไอโอโนÿเฟียร์ 3) คลื่นüิทยุ FM มีคüามถี่ต่ำจะทะลุชั้นบรรยากาýไอโอโนÿเฟียร์ 4) คลื่นüิทยุ FM มีคüามถี่ÿูงจะทะลุชั้นบรรยากาýไอโอโนÿเฟียร์ 19. (O-Net) คลื่นüิทยุ รังÿีอินฟราเรด และคลื่นไมโครเüฟ มีÿิ่งที่เĀมือนกันในข้อใดบ้าง ก. เป็นคลื่นแม่เĀล็กไฟฟ้า ข. ตรüจรับได้ด้üยฟิล์มถ่ายรูป ค. ใช้ประโยชน์ในการÿื่อÿารดาüเทียม 1) ก และ ค 2) ก และ ข 3) ข และ ค 4) คำตอบเป็นอย่างอื่น 20. (O-Net) พิจารณาข้อคüามต่อไปนี้ ข้อใดไม่ถูกต้อง A. รังÿีอัลตราไüโอเลตทะลุผ่านแก้üได้ดี B. คลื่นüิทยุ FM ÿะท้อนได้ดีในบรรยากาýชั้นไอโอโนÿเฟียร์ C. คลื่นอินฟราเรดไม่ÿามารถอ้อมÿิ่งกีดขüางได้ D. คลื่นไมโครเüฟÿะท้อนโลĀะได้ดี 1) A และ D 2) B และ C 3) A B และ C 4) B C และ D 21. (O-Net) จงพิจารณาข้อคüามต่อไปนี้ ข้อใดผิด 1) คลื่นเรดาร์เป็นคลื่นไมโครเüฟมีÿมบัติÿะท้อนกับผิüโลĀะได้ดี 2) ผนังของĀลอดเรืองแÿงจะทำด้üยแก้ü เพราะแก้üกั้นรังÿีอัลตราไüโอเลตได้ดี 3) คลื่นแม่เĀล็กทุกชนิดเป็นคลื่นตามขüางมีอัตราเร็üในÿุญญากาýเท่ากับ 3 x 108 m/s 4) รังÿีแกมมา รังÿีเอกซ์ รังÿีอัลตราไüโอเลต แÿงที่ตามองเĀ็น รังÿีอินฟราเรด จะเรียงตามคüามยาü คลื่นมากไปคüามยาüคลื่นน้อย 22. คลื่นüิทยุที่ĀักเĀเข้าไปในบรรยากาýชั้นไอโอโนÿเฟียร์มีคüามยาüคลื่นเปลี่ยนไปเพราะเĀตุใด 1) คลื่นตกกระทบมีอัตราเร็üมากกü่าคลื่นĀักเĀ 2) คลื่นĀักเĀมีคüามถี่มากกü่าคลื่นตกกระทบ 3) คลื่นÿะท้อนนำพลังงานบางÿ่üนออกมา 4) บริเüณรอยต่อระĀü่างชั้นบรรยากาýดูดกลืนพลังงานบางÿ่üน 23. (üิชาÿามัญ 2564) พิจารณาข้อคüามต่อไปนี้ ข้อความใดถูกต้อง ก. เครื่องรับüิทยุทำงานโดยรับคลื่นเÿียงจากÿถานีüิทยุแล้üแปลงเป็นÿัญญาณไฟฟ้า ข. คลื่นไมโครเüฟถูกนำมาใช้ในระบบระบุตำแĀน่งบนพื้นโลกĀรือ จีพีเอÿ ค. ÿัญญาณที่มีการเปลี่ยนแปลงระĀü่าง 2 ÿถานะคือ -1 กับ +1 ต่อเนื่องตลอดเüลาจัดเป็นÿัญญาณแอนะล็อก 1. ข เท่านั้น 2. ค เท่านั้น 3. ก และ ข 4. ก และ ข 5. ข และ ค


เรี ยนฟิสิกส์กับครูอาร์หน้าที่ 26 24. (O-NET) นพและนิดจับขดลüดคนละข้างและüางบนพื้นลื่น นพขยับปลายของลüดÿปริงเข้าและออกจาก ตัüเองอย่างต่อเนื่อง พบü่า เกิดคลื่นบนขดลüดÿปริงเคลื่อนที่เข้าĀานิดโดยมีอัตราเร็üเฉลี่ย 1.2 เมตรต่อüินาที และÿ่üนของÿปริงที่ถูกอัดอยู่Ā่างกัน 1.5 เมตร ดังภาพที่เป็นมุมมองจากด้านบน คลื่นดังกล่าüเป็นคลื่นชนิดใด และอนุภาคของขดลüดÿปริง ณ ตำแĀน่งĀนึ่ง ๆ จะเคลื่อนที่กลับไปกลับมาด้üยคüามถี่เท่าใด 25. (O-NET) ÿายลับคนĀนึ่งมีรีโมทที่ÿามารถคüบคุมการทำงานของอุปกรณ์ X ได้โดยใช้รังÿีอินฟาเรดคüามถี่ ค่าĀนึ่ง แต่ÿายลับพบü่า อุปกรณ์ X ถูกเก็บอยู่ในกล่องแก้üบาง ที่ภายในกล่องเป็นÿุญญากาý จากÿถานการณ์ พิจารณาข้อคüามต่อไปนี้ A. รีโมทของÿายลับÿามารถคüบคุมการทำงานของอุปกรณ์ X จากภายนอกกล่องได้ B. รังÿีอินฟาเรดเคลื่อนที่ในอากาýนอกกล่องด้üยอัตราเร็üมากกü่าภายในเนื้อแก้ü จากข้อมูลดังกล่าü ข้อคüามใดไม่ถูกต้อง เพราะเĀตุใด 1. A ไม่ถูกต้อง เพราะรีโมทไม่ÿามารถคüบคุมอุปกรณ์ X ได้เนื่องจากรังÿีอินฟาเรดไม่ÿามารุ เคลื่อนที่ได้ในÿุญญากาý 2. A ไม่ถูกต้อง เพราะรีโมทไม่ÿามารถคüบคุมอุปกรณ์ X ได้ เนื่องจากเมื่อรังÿีอินฟาเรดเคลื่อนที่ เข้าÿู่ÿุญญากาý คüามถี่จะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม 3. B ไม่ถูกต้อง เพราะรังÿีอินฟาเรดเคลื่อนที่ภายในเนื้อแก้üได้เร็üกü่าในอากาý 4. B ไม่ถูกต้อง เพราะรังÿีอินฟาเรดเคลื่อนที่ภายในเนื้อแก้üได้เร็üกü่าในอากาý 5. ไม่มี เพราะถูกต้องทั้ง A และ B หน้าคลื่นวงกลม หน้าคลื่นเส้นตรง ชนิดของคลื่น ความถี่ (1/s) 1. คลื่นตามขüาง 0.8 2. คลื่นตามขüาง 1.25 3. คลื่นตามยาü 0.8 4. คลื่นตามยาü 1.25 5. คลื่นตามยาü 1.8 2.3 ส่วนประกอบและปริมาณที่เกี่ยวกับการเคลื่อนที่แบบคลื่น ทิศการเคลื่อนที่ของคลื่น นพ นิด 1.5m ส่วนของสปริงที่ถูกอัด


เรี ยนฟิสิกส์กับครูอาร์หน้าที่ 27 Displacement >>> ……………………………………………………………………………………………………… Amplitude >>> ……………………………………………………………………………………………………… Period >>> ……………………………………………………………………………………………………… Frequency >>> ……………………………………………………………………………………………………… Wave Length >>> ……………………………………………………………………………………………………… Wave speed >>> ……………………………………………………………………………………………………… Wave Length >>> ……………………………………………………………………………………………………… เฟสตรงกัน ตำแหน่งที่มีการกระจัดเท่ากัน..................................................................... ตำแหน่งห่างกัน ......................................................เช่น.................................................... เฟสตรงข้าม ตำแหน่งที่มีการกระจัดเท่ากันแต่ทิศทางตรงข้าม.......................................... ตำแหน่งห่างกัน .......................................................เช่น................................................... การกระจัด ระยะทาง A B C D E F G H I 1 รอบ 1 รอบ = 360 องศา = = = 1 ลูกคลื่น 1 รอบ 1 รอบ A B C D B′ B′′ C′ D′ A′ A′′ D′′ แนวสมดุล 0° จุดÿองจุดที่มีเฟÿต่างกัน 360 องýาจะอยู่Ā่างกัน 1 360°


เรี ยนฟิสิกส์กับครูอาร์หน้าที่ 28 26. (O-Net) คลื่นขบüนĀนึ่งเคลื่อนที่ไปทางขüาดังรูป ตัüอักþรใดที่แทนคüามยาüคลื่น 1) A 2) B 3) C 4) D 27. (O-Net) นักเรียนÿังเกตเĀ็นคลื่นน้ำ 4 ลูก ในเüลา 20 üินาที คüามถี่ของคลื่นน้ำเท่ากับเท่าใด 1) 0.2 เฮิรตซ์ 2) 5 เฮิรตซ์ 3) 16 เฮิรตซ์ 4) 80 เฮิรตซ์ 28. คลื่นกลขบüนĀนึ่งมีรูปร่างดังกราฟ จงĀาค่าต่อไปนี้ 28.1 มุมเฟÿเริ่มต้น 28.2 แอมพลิจูด 28.3 คาบ 28.4 คüามถี่ 29. (Conceptual Physics) All the waves show have the same speed in the same medium. Use a ruler rank these waves from most to least for (a) amplitude … … … … (b) wavelength… … … … (c) frequency … … … … (d) period … … … … 30.จากรูป ณ เüลาĀนึ่ง จุด A, B, C, D, และ E เป็นตำแĀน่งใดๆ บนคลื่น จงพิจารณาü่าข้อคüามใดต่อไปนี้ ถูกต้องและข้อคüามใดผิด ………. 1) จุด B และ E มีเฟÿตรงกัน ………. 2) จุด C และ D มีเฟÿตรงข้ามกัน ………. 3) จุด A และ C มีเฟÿตรงข้าม ………. 4) จุด A และ D มีเฟÿตรงกันข้าม 31. (โอลิมปิคüิชาการ) ระลอกคลื่นพัดÿู่ฝั่งอย่างÿม่ำเÿมอ P ลูกต่อüินาที จากการเฝ้าÿังเกตพบü่า ทุ่น A ÿั่น ขึ้นลง 5 รอบต่อüินาที ÿ่üนทุ่น B ÿั่นขึ้นลง 8 รอบต่อüินาที ตำแĀน่งüางทุ่นที่ใดลึกกü่า เพราะเĀตุใด D B A E C v การกระจัด (เซนติเมตร) เวลา (วินาที) 0 2 4 -2 -4 4 8 12 A B C D A B C D E


เรี ยนฟิสิกส์กับครูอาร์หน้าที่ 29 32. (Ent) คลื่นÿองขบüนมีลักþณะดังรูป ข้อใดถูกต้อง 1) คลื่น A มีคüามยาüคลื่น 0.5 เมตร คลื่น A และคลื่น B มีเฟÿต่างกัน 90° 2) คลื่น A มีคüามยาüคลื่น 0.25 เมตร คลื่น A และคลื่น B มีเฟÿต่างกัน 90° 3) คลื่น A มีคüามยาüคลื่น 0.5 เมตร คลื่น A และคลื่น B มีเฟÿต่างกัน 45° 4) คลื่น A มีคüามยาüคลื่น 0.25 เมตร คลื่น A และคลื่น B มีเฟÿต่างกัน 45° 33. (โอลิมปิกüิชาการ) ตามรูปเป็นคลื่นที่ผ่านจุด O ไป ในช่üงเüลา 4 üินาที จงĀาคาบ และคüามยาüคลื่นของ คลื่นนี้ 34. (textbook) A longitudinal wave traveling on a Slinky has a period of 0.25 s and a wavelength of 30 cm. a. What is the frequency of the wave? b. What is the speed of the wave 35. ในการทดลองเรื่องการเคลื่อนที่ของคลื่น โดยใช้ถาดคลื่นกับแĀล่งกำเนิดคลื่นซึ่งมีมอเตอร์Āมุน 4 รอบต่อ üินาที ถ้าคลื่นบนผิüน้ำเคลื่อนที่ด้üยอัตราเร็ü 12 เซนติเมตรต่อüินาที จงĀาคüามยาüของคลื่นผิüน้ำที่เกิดขึ้น ในĀน่üยเซนติเมตร (3cm) 36. (O-Net) คลื่นขบüนĀนึ่งมีอัตราเร็ü 0.25 เมตรต่อüินาที และจุกคอร์กÿั่นขึ้นลง 4.0 ครั้งใน 8.0 üินาที ดัง รูป คüามยาüคลื่นของคลื่นนี้เท่ากับเท่าใด 1) 8.0 m 2) 2.0 m 3) 1.0 m 4) 0.5 m A B 1 เมตร 2 m การกระจัด ระยะทาง 0 cork


เรี ยนฟิสิกส์กับครูอาร์หน้าที่ 30 37. (O-Net) ภาพต่อไปนี้แÿดงคลื่นขบüนĀนึ่ง ถ้าคลื่นนี้มีคüามถี่ 40 Hz อัตราเร็üของคลื่นเท่ากับเท่าใด 1) 13.3 m/s 2) 36.7 m/s 3) 60 m/s 4) 120 m/s 38. คลื่นในเÿ้นเชือกเคลื่อนที่โดยมีคาบเüลาเท่ากับ 0.05 นาที ถ้าระยะĀ่างระĀü่างÿันคลื่นกับท้องคลื่นที่อยู่ ติดกันเท่ากับ 6 เซนติเมตร จงĀาอัตราเร็üคลื่นในĀน่üยเมตรต่อüินาที (0.04m/s) 39. คลื่นน้ำเคลื่อนที่ผ่านจุด ๆ Āนึ่งไป 30 ลูกคลื่น ในเüลา 1 นาที ถ้าคลื่นนี้เคลื่อนที่ด้üยอัตราเร็ü 2 เมตรต่อ üินาที จงĀาระยะระĀü่างÿันคลื่นและท้องคลื่นที่อยู่ติดกัน (2m) 40. (โคüตา มอ.) คลื่นน้ำเคลื่อนที่ด้üยอัตราเร็ü 0.1 เมตรต่อüินาที โดยมีระนาบของĀน้าคลื่นĀ่างกัน 0.02 เมตร ช่üงเüลากี่üินาที อนุภาคน้ำที่ตำแĀน่งÿันคลื่นจึงเปลี่ยนเป็นท้องคลื่น 1) 0.05 2) 0.10 3) 0.15 4) 0.20 41. คลื่นต่อเนื่องขบüนĀนึ่ง Āลังจากเüลาผ่านไปĀนึ่งüินาทีพบü่า ÿันคลื่นลูกที่ÿองและลูกที่Ā้าอยู่Ā่างจาก แĀล่งกำเนิด 2.1 และ 0.3 เมตรตามลำดับ ถ้าคลื่นนี้เคลื่อนที่ด้üยอัตราเร็ü 36 เมตรต่อüินาที คüามถี่จะเป็น เท่าใด (60Hz) 3.0 m


เรี ยนฟิสิกส์กับครูอาร์หน้าที่ 31 42. (A-Net) ถ้าอัตราเร็üของคลื่นน้ำเท่ากับ 12 m/s ขณะที่ÿันคลื่นที่Āนึ่งและที่ÿี่Ā่างกัน 9 เมตร คลื่นนี้มี คüามถี่เท่าใด 1) 1 Hz 2) 2 Hz 3) 3 Hz 4) 4 Hz 43. (โอลิมปิกüิชาการ) จุด A และจุด B อยู่Ā่างกัน 0.4 เมตรบนลüดÿปริงเมื่อÿะบัดลüดอย่างÿม่ำเÿมอ พบü่า ในĀนึ่งüินาทีมียอดคลื่น 5 ลูกผ่านจุด A โดยขณะยอดคลื่นลูกที่Āนึ่งอยู่ที่จุด A ยอดคลื่นลูกที่ 4 อยู่ที่จุด B พอดี อัตราเร็üคลื่นเป็นกี่เมตรต่อüินาที 44. (O-Net) เด็กĀญิงญาญ่าใช้เท้ากระทุ่งน้ำทำใĀ้เกิดคลื่นผิüน้ำเป็นรูปüงกลมคüามถี่ 0.5 เฮิรตซ์ โดยมีระยะ ÿันคลื่นถึงÿันคลื่นที่ติดกันเท่ากับ 2 เมตร เมื่อผ่านไป 10 üินาที คลื่นผิüน้ำแผ่ออกไปได้รัýมีเท่าไร 1) 5 m 2) 10 m 3) 15 m 4) 20 m 45. (O-Net) ลูกบอลลูกĀนึ่งตกลงในน้ำและÿั้นขึ้นลงĀลายรอบทำใĀ้เกิดคลื่นผิüน้ำแผ่ออกไปเป็นรูปüงกลม เมื่อเüลาผ่านไป 10 üินาที คลื่นน้ำแผ่ออกไปได้รัýมีÿูงÿุดประมาณ 20 เมตร โดยมีระยะĀ่างระĀü่างÿันคลื่น เท่ากับ 2 เมตร จากข้อมูลดังกล่าü ลูกบอลÿั่นขึ้นลงด้üยคüามถี่ประมาณเท่าใด 1) 0.5 Hz 2) 1.0 Hz 3) 2.0 Hz 4) 4.0 Hz 46. (Ent) เมื่อเรากระทุ่มน้ำเป็นจังĀüะ 3 ครั้งต่อüินาที แล้üจับเüลาที่คลื่นลูกแรกเคลื่อนที่กระทบขอบÿระอีก ด้านĀนึ่งซึ่งอยู่Ā่างออกไป 45 เมตร พบü่าใช้เüลา 3 üินาที คüามยาüคลื่นของคลื่นผิüน้ำเป็นกี่เมตร (5m)


เรี ยนฟิสิกส์กับครูอาร์หน้าที่ 32 47. (O-Net) จากกราฟแÿดงการกระจัดกับเüลาของการเคลื่อนที่อนุภาคĀนึ่งในตัüกลาง เมื่อคลื่นมีคüามเร็ü 10 m/s ผ่าน จงĀาคüามยาüคลื่นที่กำลังเคลื่อนที่ 1) 1 เมตร 2) 2 เมตร 3) 3 เมตร 4) 4 เมตร 48. (Ent) คลื่นในเÿ้นเชือกเมื่อเüลาĀนึ่งเป็นดังรูป ก Āลังจากนั้น 0.5 üินาที เป็นดังรูป ข คüามถี่ของคลื่นเป็น กี่เฮิรตซ์ (1.5Hz) 49. (O-Net) ÿะบัดปลายเชือกเÿ้นĀนึ่งขึ้นลงอย่างต่อเนื่องเพื่อใĀ้เกิดคลื่นบนเÿ้นเชือก ในขณะที่ÿะบัดอยู่นั้น เมื่อพิจารณาการเคลื่อนที่ของอนุภาคบนเชือก ณ ตำแĀน่งĀนึ่งซึ่งเคลื่อนที่ขึ้นลงอย่างต่อเนื่อง พบü่า อนุภาค ดังกล่าüมีการกระจัดตามแนüดิ่งเปลี่ยนแปลงตามเüลาดังกราฟ ถ้าคลื่นบนเÿ้นเชือกนี้มีคüามยาüเชือก 2.4 เมตร อัตราเร็üของคลื่นมีค่าเท่าใด 1) 0.2 เมตรต่อüินาที 2) 0.5 เมตรต่อüินาที 3) 0.6 เมตรต่อüินาที 4) 1.2 เมตรต่อüินาที 5) 4.8 เมตรต่อüินาที เüลา (üินาที) 0 0.1 0.2 0.3 0.4 0.5 0.6 0.7 0.8 0.9 การกระจัด (cm) ระยะทาง (cm) 0 5 10 15 20 25 30 35 การกระจัด (cm) ระยะทาง (cm) 0 5 10 15 20 25 30 35 การกระจัด (m) 0 0.2 0.4 0.6 -0.2 -0.4 -0.6 0.5 1.0 1.5 2.0 2.5 3.0 3.5 4.0 เüลา (s)


เรี ยนฟิสิกส์กับครูอาร์หน้าที่ 33 50. (โคüตา มอ) คลื่นน้ำมีการกระจัด y (x,t) ของอนุภาคน้ำÿัมพันธ์กับตำแĀน่ง x และเüลา t ดังรูป รูปซ้าย แÿดงการกระจัดของอนุภาคน้ำÿัมพันธ์กับตำแĀน่ง y(x) ที่เüลา t= 10 üินาที และรูปขüาแÿดงการกระจัดของ อนุภาคน้ำÿัมพันธ์กับเüลา y(t) ที่ตำแĀน่ง x=2 เซนติเมตร ถามü่าคลื่นผิüน้ำมีคüามเร็üกี่เซนติเมตรต่อüินาที 1) 1.0 2) 1.5 3) 2.0 4) 2.5 51. (9 üิชาÿามัญ) คลื่นüิ่งขบüนĀนึ่ง ถูกบันทึกภาพที่ÿองขณะเüลาต่างกันดังแÿดงในรูป คลื่นนี้มีคüามเร็ü เท่าใด (ใช้เครื่องĀมาย + เพื่อแÿดงü่าเคลื่อนที่ไปทางขüา) 1) +4 m/s 2) -4 m/s 3) +6.7 m/s 4) +10 m/s 52. (Ent) คลื่นดลในเÿ้นเชือกคลื่นĀนึ่ง เริ่มต้นมีลักþณะดังรูป (ก) ต่อมาเมื่อเüลาผ่านไป 0.2 üินาที คลื่นมี ลักþณะดังรูป (ข) จงĀาü่าคลื่นดลในเÿ้นเชือกมีคüามยาüคลื่นเท่าใด ถ้าคลื่นนี้มีคüามถี่ 5Hz 1. 2 เมตร 2. 0.2 เมตร 3. 4 เมตร 4. 0.4 เมตร 53. คลื่นขบüนĀนึ่งมีอัตราเร็ü 5 m/s จงĀาü่านานกี่üินาทีรูปร่างของคลื่นจึงจะเปลี่ยนจากรูปซ้ายเป็นรูปขüา (2 üินาที) 54. จากภาพเป็นคลื่นÿองขบüน üิ่งเข้าĀากันด้üยอัตราเร็üเท่ากัน 2 m/s ดังรูป จงĀาü่ารูปคลื่นจะมีลักþณะ Āักล้างกันĀมดเมื่อเüลาผ่านไปกี่üินาที (1 üินาที) 0 4 8 12 16 -4 -2 0 2 4 y (x,t=10) cm X(cm) 10 14 18 22 26 -4 -2 0 2 4 y (x=2,t) s t(s) 0.2 m ก ข เมตร 2 4 6 8 0 เมตร 2 4 6 8 0 เมตร 0 1 2 3 4 5 1.0 m ภาพที่เüลา t = 0.15s ภาพที่เüลา t = 0.25s


เรี ยนฟิสิกส์กับครูอาร์หน้าที่ 34 55. คลื่นÿองขบüนมีการกระจัดÿูงÿุด 4 เมตร กำลังเคลื่อนที่เข้าĀากันด้üยอัตราเร็ü 2 m/s ดังรูป จงĀาü่า คลื่นจะแทรกÿอดกันเมื่อเüลาผ่านไปนานเท่าใด และมีการกระจัดเท่าใด (1s, 8 m) 56. (ONET) คลื่นÿองคลื่นเคลื่อนที่เข้าĀากัน โดยแต่ละคลื่นมีอัตราเร็ü 0.10 เมตรต่อüินาที ซึ่งภาพแÿดงคลื่น เกิดจากการรüมกัน ณ เüลา t=3 üินาที เป็นดังภาพ ข้อใดแÿดงภาพคลื่น ณ เüลา t=0 üินาทีที่อาจเป็นไปได้ และระบุประเภทของการรüมคลื่นที่เกิดขึ้น ณ เüลา t=3 üินาทีได้ถูกต้อง 1. 2. 3. 4. 5. เมตร 0 1 2 3 4 5 ณ t=3 üินาที คลื่นในภาพนี้ จะเกิดรüมคลื่นแบบเÿริม ณ t=3 üินาที คลื่นในภาพนี้ จะเกิดการรüมคลื่นแบบĀักล้าง ณ t=3 üินาที คลื่นในภาพนี้ จะเกิดรüมคลื่นแบบเÿริม ณ t=3 üินาที คลื่นในภาพนี้ จะเกิดการรüมคลื่นแบบĀักล้าง ณ t=3 üินาที คลื่นในภาพนี้ จะเกิดรüมคลื่นแบบเÿริม t=0 วินาที t=0 วินาที t=0 วินาที t=0 วินาที t=0 วินาที 0.10เมตร


เรี ยนฟิสิกส์กับครูอาร์หน้าที่ 35 57. (üิชาÿามัญ 2564) พิจารณาคลื่นดล 2 คลื่นที่เüลา t = 0 s ซึ่งเคลื่อนที่เข้าĀากันด้üยอัตราเร็ü 1 เมตรต่อ üินาที ดังนี้ เมื่อเüลาผ่านไป 4 üินาที คลื่นในภาพใดเกิดการแทรกÿอดแบบĀักล้าง 1. ก เท่านั้น 2. ข เท่านั้น 3. ค เท่านั้น 4. ก และ ข 5. ข และ ค 58. คลื่นขบüนĀนึ่งเคลื่อนที่ออกจากแĀล่งกำเนิดด้üยอัตราเร็ü 300 เมตรต่อüินาที เมื่อนับจำนüนลูกคลื่น พบü่าทุกๆ 10 üินาทีมีจำนüน 5,000 ลูกคลื่น จงĀาü่าจุดใดๆ บนคลื่นที่มีเฟÿต่างกันอยู่36 มีระยะĀ่างกัน เท่าไร (0.06m) 59. คลื่นน้ำขบüนĀนึ่งเคลื่อนที่ด้üยอัตราเร็ü 24 เมตรต่อüินาที ปรากฏü่าจุดบนคลื่นที่มีเฟÿต่างกันอยู่36 อยู่ Ā่างกัน 10 เซนติเมตร จงĀาคüามถี่ของคลื่น (24Hz) 60. จากคลื่นน้ำที่กำĀนดในรูป ถ้า A มีเฟÿ 0 องýา แล้üจุด B มีเฟÿเท่าไร กำĀนดคüามยาüคลื่นเท่ากับ 4 เมตร 2.8 cm A B


เรี ยนฟิสิกส์กับครูอาร์หน้าที่ 36 61. คลื่นผิüน้ำเมื่อเคลื่อนที่ได้ระยะทาง 1.5 เมตร จะมีเฟÿเป็น 45 เมื่อเคลื่อนที่ไปได้ระยะทาง 2.5 เมตร จะ มีเฟÿเป็น 55 จงĀาคüามยาüคลื่น (36m) 62. (Ent) คลื่นผิüน้ำมีอัตราเร็ü 20 เซนติเมตรต่อüินาที กระจายออกจากแĀล่งกำเนิดซึ่งมีคüามถี่ 5 เฮิรตซ์ การกระเพื่อมของผิüน้ำที่อยู่Ā่างจากแĀล่งกำเนิด 30 เซนติเมตร และ 48 เซนติเมตร มีเฟÿต่างกันกี่องýา 1) 90° 2) 180° 3) 270° 4) 360° 63. (Ent) จุด O เป็นตำแĀน่งของแĀล่งกำเนิดคลื่นรูปüงกลมที่ผิüของเĀลüในอ่างขนาดใĀญ่ กำเนิดคลื่นด้üย คüามถี่ 5 Hz โดยมีจุด A กับ B เป็นตำแĀน่งที่ผิüของเĀลü ทำมุม θ ต่อกัน ถ้า OA = 3m และ OB =4m อนุภาคของเĀลüที่ A กับ B จะÿั่นโดยมีเฟÿต่างกันเท่าไร ใĀ้คüามเร็üที่ผิüของเĀลüนั้นเป็น 10 m/s (180 ) 64. เมื่อมองคลื่นน้ำที่จุดĀนึ่งเĀ็นเฟÿของคลื่นเป็น 90° เมื่อเüลาผ่านไป 2 üินาที คลื่นน้ำที่จุดนั้นมีเฟÿ เปลี่ยนไปเป็น 270° ถ้าระยะระĀü่างÿันคลื่นที่อยู่ติดกัน 5 ÿันคลื่นมีค่า 40 เซนติเมตร คüามเร็üของคลื่นน้ำ ขบüนนี้มีค่าเท่าใด (2.5cm/s) B A O


เรี ยนฟิสิกส์กับครูอาร์หน้าที่ 37 สมบัติของคลื่น ลักษณะสำคัญและการคำนวณหาปริมาณต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง 1) การสะท้อน (Reflection) **ลักษณะสำคัญ ..............………………………………………………………………………... ..............………………………………………………………………………... กฎการสะท้อน ..............………………………………………………………………………... หลักการเขียนคลื่นสะท้อน 1. ลากทิศของคลื่นตกกระทบไปยังผิวสะท้อน 2. จุดที่คลื่นตกกระทบผิวสะท้อน ให้สร้างเส้นแนวฉาก (Normal line : N) ตั้งฉากกับผิวสะท้อน 3. ลากทิศของคลื่นสะท้อน โดยให้มุมตกกระทบ ( ) 1 เท่ากับมุมสะท้อน ( ) 2 4. เขียนหน้าคลื่นสะท้อนให้ตั้งฉากกับทิศทางของคลื่นสะท้อน ผิวสะท้อน หน้าคลื่นตกกระทบ ทิศของคลื่นตกกระทบ ทิศของคลื่นสะท้อน หน้าคลื่นสะท้อน N มุมตกกระทบ มุมสะท้อน ………………………………………………………… ………………………………………………………… ………………………………………………………… ………………………………………………………… หรือ………………………………………………………… ………………………………………………………… 2.4 สมบัติของคลื่น >>> สะท้อน หักเห แทรกสอด เลี้ยวเบน หน้าคลื่นเส้นตรงตกกระทบสิ่งกีดขวางโค้งนูน หน้าคลื่นวงกลมตกกระทบสิ่งกีดขวางโค้งเว้า N N หน้าคลื่นตกกระทบเส้นตรง หน้าคลื่นสะท้อนวงกลม และ คงตัวเสมอแต่ทิศของคลื่นเปลี่ยนแปลง


เรี ยนฟิสิกส์กับครูอาร์หน้าที่ 38 4.2 การหักเห (Refraction) **ลักษณะสำคัญ ..............………………………………………………………………………... ..............………………………………………………………………………... กฎของสเนลล์ ..............………………………………………………………………………... 1 มุมตกกระทบ องศา 2 มุมหักเห องศา V อัตราเร็วคลื่น m/s ความยาวคลื่น M T อุณหภูมิ K n ดัชนีหักเห - มุมวิกฤต ..............……………………………………………………………………... การสะท้อนกลับหมด..............…………………………………………………………………... Hand on for refraction N มุมตกกระทบ มุมตกกระทบ แนวรอยต่อ N *………………………………. มุมหักเห เปลี่ยนแต่ คงตัวเสมอ


เรี ยนฟิสิกส์กับครูอาร์หน้าที่ 39 4.3 การแทรกสอด (Interference) **ลักษณะสำคัญ ..............………………………………………………………………………... ..............………………………………………………………………………... **แหล่งกำเนิดอาพันธ์ ..............………………………………………………………………... S1P S2P D X L n A0 A1 A2 A2 A1 N2 N1 N1 N2 S1 S2 แนüปฏิบัพและแนüบัพที่เกิดจากการแทรกÿอดของแĀล่งกำเนิดคลื่น S1 และ S2 A0 x L d An An Nn ปฏิบัพ/Antinode บัพ/Node S2 S1 A0 An Constructive interference Destructive interference


เรี ยนฟิสิกส์กับครูอาร์หน้าที่ 40 4.4 การเลี้ยวเบน (diffraction) **ลักษณะสำคัญ ..............………………………………………………………………………... ..............………………………………………………………………………... *Huygen’s principle: แต่ละจุดบนหน้าคลื่นเป็นแหล่งกำเนิดแบบจุดที่ทำให้เกิดหน้าคลื่น รูปวงกลมใหม่ซึ่งส่งคลื่นออกไป โดยคลื่นใหม่นี้อัตราเร็วและ ความถี่เท่ากับคลื่นเดิม หน้าคลื่นใหม่เกิดจากการลากเส้นสัมผัสที่ เชื่อมหน้าคลื่นวงกลมด้านหน้าของแหล่งกำเนิดจุดที่เกิดขึ้น ณ เวลาเดียวกัน Antinode Node การเลี้ยวเบนผ่านช่องแคบคู่ (double Slit) Node การเลี้ยวเบนผ่านช่องแคบเดี่ยว (Single Slit) d<< d≈ d>> หลักการของฮอยเกนส์ สสวท


เรี ยนฟิสิกส์กับครูอาร์หน้าที่ 41 65. คลื่นต่อเนื่องเÿ้นตรงเคลื่อนที่เข้าÿู่ÿิ่งกีดขüางดังรูป จงเขียนรูปเพื่อแÿดงĀน้าคลื่นที่กำลังÿะท้อน และĀลัง ÿะท้อนแล้ü 66. ถ้าแĀล่งกำเนิดเป็นจุดเล็กๆ อยู่ที่จุดโฟกัÿของแผ่นÿะท้อนโค้งเü้า ข้อใดกล่าüถูกต้อง 1) ทั้งคลื่นตกกระทบและคลื่นÿะท้อนมีĀน้าคลื่นเป็นüงกลม 2) ทั้งคลื่นตกกระทบและคลื่นÿะท้อนมีĀน้าคลื่นเป็นเÿ้นตรง 3) คลื่นตกกระทบมีĀน้าคลื่นเป็นüงกลม ÿ่üนคลื่นÿะท้อนมีĀน้าคลื่นเป็นเÿ้นตรง 4) คลื่นตกกระทบมีĀน้าคลื่นเป็นเÿ้นตรง ÿ่üนคลื่นÿะท้อนมีĀน้าคลื่นเป็นüงกลม ผิüÿะท้อน/ÿิ่งกีดขüาง Āน้าคลื่นตกกระทบเÿ้นตรง ผิüÿะท้อนเÿ้นตรง Āน้าคลื่นÿะท้อนเป็นรูป................................ ตัüÿะท้อนผิüเรียบตรง Āน้าคลื่นตกกระทบüงกลม ผิüÿะท้อนเÿ้นตรง Āน้าคลื่นÿะท้อนเป็นรูป................................ ผิüÿะท้อน/ÿิ่งกีดขüาง Āน้าคลื่นตกกระทบเÿ้นตรง ผิüÿะท้อนโค้งนูน Āน้าคลื่นÿะท้อนเป็นรูป................................


เรี ยนฟิสิกส์กับครูอาร์หน้าที่ 42 ** การสะท้อนของคลื่นในเส้นเชือก 67. คลื่นดลดังรูป เคลื่อนที่ตกกระทบผิüÿะท้อนอิÿระ คลื่นÿะท้อนจะมีรูปร่างอย่างไร 1) 2) 3) 4) 68. จากรูปแÿดงคลื่นตกกระทบในเÿ้นเชือก ซึ่งปลายข้างĀนึ่งผูกติดกับกำแพง เมื่อคลื่นตกกระทบเข้ากับ กำแพงแล้üเกิดคลื่นÿะท้อนดังข้อใด 1) 2) 3) 4) 69. (Pat2) นำเชือกÿองเÿ้นที่มีขนาดต่างกันมาต่อกัน โดยเÿ้นเล็กมีน้ำĀนักเบากü่าเÿ้นใĀญ่ทำใĀ้เกิดคลื่นดล ในเÿ้นเชือกดังรูป เมื่อคลื่นเคลื่อนที่ไปถึงรอยต่อของเชือกทำใĀ้เกิดการ ÿะท้อน และÿ่งผ่านของคลื่นลักþณะของคลื่นÿะท้อน และคลื่นÿ่งผ่านในเÿ้นเชือกคüรเป็นอย่างไร 1) 2) 3) 4) คลื่นตกกระทบ คลื่นตกกระทบ การสะท้อนของคลื่นในเส้น


เรี ยนฟิสิกส์กับครูอาร์หน้าที่ 43 70. (O-Net) ตรึงเชือกยาüเÿ้นĀนึ่งเข้ากับเÿาใĀ้แน่น จับปลายเชือกÿะบัดในทิýทางขึ้นĀนึ่งครั้ง เü้นช่üงเüลา เล็กน้อย แล้üÿะบัดขึ้นอีกครั้ง พบü่าเกิดÿันของคลื่นดลÿองขบüนที่เĀมือนกันทุกประการเคลื่อนที่เข้าĀาเÿา ดังภาพ ในการพบกันของคลื่นขบüนแรกที่ÿะท้อนจากเÿา กับคลื่นขบüนĀลังที่กำลังเข้าĀาเÿา ถ้ากล่าüü่า “คลื่นรüมจะมีแอมพลิจูดเป็นýูนย์ ทำใĀ้ไม่เĀลือคลื่นเคลื่อนที่บนเÿ้นเชือกอีก” คำดังกล่าüถูกต้องตาม Āลักการของคลื่นĀรือไม่ อย่างไร 1) ถูกต้อง เพราะคลื่นทั้งÿองขบüนจะเกิดการแทรกÿอดĀักล้าง ทำใĀ้ไม่เĀลือคลื่นบนเÿ้นเชือกอีก 2) ไม่ถูกต้อง เพราะคลื่นทั้งÿองขบüนจะเกิดการแทรกÿอดเÿริม ซึ่งแอมพลิจูดจะไม่เป็นýูนย์ 3) ไม่ถูกต้อง เพราะคลื่นทั้งÿองขบüนจะเกิดการแทรกÿอดĀักล้าง แล้üคลื่นจะเคลื่อนที่ผ่านกันไป 4) ÿรุปไม่ได้ เพราะไม่ÿามารถระบุได้ü่าคลื่นทั้งÿองขบüนจะเกิดการแทรกÿอดเÿริมกันĀรือĀักล้าง 5) ÿรุปไม่ได้ เพราะไม่ÿามารถระบุได้ü่าคลื่นขบüนแรกที่ÿะท้อนจากเÿาจะมีลักþณะเป้นÿันคลื่น Āรือท้องคลื่น 71. พิจารณาข้อคüามต่อไปนี้ ข้อใดถูกต้อง ก. คลื่นÿะท้อนมักจะมีแอมพลิจูดลดลง ข. การÿะท้อนของคลื่นน้ำเฟÿไม่เปลี่ยน ค. การÿะท้อนของคลื่นในเÿ้นเชือกปลายอิÿระ เฟÿไม่เปลี่ยน ง. การÿะท้อนของคลื่นในเÿ้นเชือกปลายตรึง เฟÿต่างกัน π เรเดียน 1) ก และ ข 2) ข และ ค 3) ก, ข และ ค 4) ถูกทุกข้อ 72. เชือกเÿ้นĀนึ่งมีปลายข้างĀนึ่งผูกติดกับเÿา เมื่อÿร้างคลื่นดลจากปลายเชือกอีกข้างĀนึ่งเข้ามาตกกระทบ จะเกิดคลื่นÿะท้อนขึ้น คลื่นÿะท้อนนี้มีเฟÿเปลี่ยนไปกี่องýา 1) 90 2) 180 3) 270 4) 360 73. เมื่อคลื่นแนüตรงเคลื่อนที่จากบริเüณ A ซึ่ง เป็นบริเüณน้ำลึกเข้าÿู่บริเüณ B ซึ่งเป็นบริเüณ น้ำตื้นในถาดคลื่น ดังรูป ลักþณะĀน้าคลื่นที่ เคลื่อนที่ออกÿู่บริเüณ C ซึ่งเป็นบริเüณน้ำลึก เช่นเดียüกับ A บริเüณ C จะมีลักþณะอย่างไร (ใĀ้นักเรียนüาดลงในรูป) 74. บริเüณ A, B และ C เป็นบริเüณที่มีน้ำลึกไม่เท่ากัน จากแนüการเคลื่อนที่ของคลื่นน้ำ ดังรูป ข้อใดถูกต้อง 1) A ลึกกü่า B แต่ตื้นกü่า C 2) C ลึกกü่า B แต่ตื้นกü่า A 3) B ลึกกü่า A แต่ตื้นกü่า C 4) C ลึกกü่า A แต่ตื้นกü่า B C B A C B A เÿาและจุดตรึง ทิýทางการเคลื่อนที่ของคลื่นทั้งÿองขบüน


เรี ยนฟิสิกส์กับครูอาร์หน้าที่ 44 75. (O-Net) เมื่อคลื่นน้ำเคลื่อนที่จากบริเüณน้ำตื้นไปยังน้ำลึก โดยอัตราเร็üคลื่นเพิ่มขึ้น ÿำĀรับคลื่นในบริเüณ น้ำลึกจะเป็นไปตามข้อใด 1) คüามถี่เพิ่มขึ้น 2) คüามถี่ลดลง 3) คüามยาüคลื่นน้อยลง 4) คüามยาüคลื่นเพิ่มขึ้น 76. (O-Net) เมื่อคลื่นเคลื่อนที่จากตัüกลางĀนึ่งไปยังอีกตัüกลางĀนึ่ง ปริมาณใดต่อไปนี้ไม่เปลี่ยนแปลง 1) คüามถี่ 2. คüามยาüคลื่น 3. อัตราเร็üคลื่น 4. ทิýทางการเคลื่อนที่ของคลื่น 77. (Ent) คลื่นผิüน้ำเคลื่อนที่จากบริเüณน้ำลึกไปยังบริเüณน้ำตื้น โดยĀน้าคลื่นตกกระทบขนานกับบริเüณ รอยต่อ คลื่นในบริเüณทั้งÿองมีค่าใดบ้างที่เท่ากัน ก. คüามถี่ของคลื่น ข. คüามยาüคลื่น ค. อัตราเร็üคลื่น ง. ทิýทางการเคลื่อนที่ของคลื่น 1) ก และ ข 2) ข และ ค 3) ค และ ง 4) ก และ ง 78. (Ent) เมื่อคลื่นผิüน้ำเคลื่อนที่จากเขตน้ำลึกเข้าไปยังเขตน้ำตื้น โดยทำมุมตกกระทบเป็น θ จงพิจารณา ข้อคüามต่อไปนี้ ข้อใดถูกต้อง ก. คüามยาüคลื่นในน้ำลึกจะยาüกü่าในน้ำตื้น ข. คüามถี่ของคลื่นในน้ำลึกจะน้อยกü่าในน้ำตื้น ค. คüามเร็üของคลื่นในน้ำลึกจะน้อยกü่าในน้ำตื้น ง. มุมĀักเĀจะมีค่าน้อยกü่ามุม θ 1) ก และ ง 2) ข และ ค 3) ก ข และ ค 4) ข ค และ ง 79. (O-Net) เอื้อยนั่งริมÿระน้ำและใช้เท้าตีผิüน้ำอย่างÿม่ำเÿมอ ทำใĀ้เกิดคลื่นน้ำเคลื่อนที่ออกจากจุดกำเนิด ไปÿู่บริเüณอื่น ๆ เอื้อยÿังเกตได้ü่าเมื่อคลื่นเคลื่อนที่จากบริเüณน้ำลึกเข้าÿู่บริเüณน้ำตื้น ผิüน้ำมีลักþณะเป็นดัง ภาพ จากผลการÿังเกตถ้าเอื้อยคิดü่า “คลื่นมีคüามยาüคลื่นลดลงเช่นนี้เพราะคลื่นมีคüามถี่ÿูงขึ้น” คüามคิดนี้ ถูกต้องĀรือไม่ เพราะเĀตุใด 1) ถูกต้อง เพราะเมื่ออัตราเร็üคงตัü ถ้าคüามยาüคลื่นลดลง คüามถี่จะÿูงขึ้น 2) ถูกต้อง เพราะในช่üงระยะทางเท่ากัน บริเüณน้ำตื้นมีจำนüนลูกคลื่นมากกü่าคüามถี่จึงÿูงขึ้น 3) ไม่ถูกต้อง เพราะ ระยะĀ่างระĀü่างÿันคลื่นที่อยู่ติดกันแÿดงถึงคüามถี่ของคลื่น คüามถี่จึงต่ำลง 4) ไม่ถูกต้อง เพราะเมื่อคลื่นเดินทางจากน้ำลึกเข้าÿู่บริเüณน้ำตื้น คüามถี่จะไม่เปลี่ยนแปลง 5) ยังÿรุปไม่ได้ เพราะไม่ทราบการเปลี่ยนแปลงอัตราเร็üของคลื่นระĀü่างÿองบริเüณ ทิýการเคลื่อนที่ของคลื่น บริเüณน้ำลึก บริเüณน้ำตื้น


เรี ยนฟิสิกส์กับครูอาร์หน้าที่ 45 80. (PAT 2) ภาพแนüÿü่าง (แÿดงด้üยเÿ้นÿีดำในรูป) ที่ปรากฏบนกระดาþที่ใช้เป็นฉากในการทดลองคลื่นผิü น้ำโดยใช้ถาดคลื่นแÿดงดังรูป (ลูกýรแÿดงทิýการเคลื่อนที่ของคลื่นจากซ้ายไปขüา) ข้อใดถูกต้องเกี่ยüกับการ ทดลองนี้ 1) ตัüกำเนิดคลื่นถูกปรับใĀ้ÿั่นช้าลง 2) ตัüกำเนิดคลื่นถูกปรับใĀ้ÿั่นเร็üขึ้น 3) ตัüกำเนิดคลื่นถูกปรับใĀ้ÿั่นเบาลง 4) ถาดคลื่นถูกปรับใĀ้เอียงไปทางซ้าย 5) ถาดคลื่นถูกปรับใĀ้เอียงไปทางขüา 81. ถ้าคลื่นน้ำเคลื่อนที่จากเขตน้ำลึกไปยังเขตน้ำตื้น แล้üทำใĀ้คüามยาüคลื่นลดลงครึ่งĀนึ่ง จงĀาอัตราÿ่üน ของอัตราเร็üคลื่นในน้ำลึกกับอัตราเร็üคลื่นในน้ำตื้น (2:1) 82. คลื่นน้ำเคลื่อนที่จากน้ำตื้นไปยังน้ำลึก ถ้ามุมตกกระทบและมุมĀักเĀเท่ากับ 30 และ 45 องýาตามลำดับ และคüามยาüคลื่นในน้ำตื้นเท่ากับ 2 เซนติเมตร จงĀาคüามยาüคลื่นในน้ำลึก (2 2 cm) 83. (โอลิมปิคüิชาการ) คลื่นน้ำเคลื่อนที่ด้üยอัตราเร็ü 40 เมตรต่อüินาที ตกกระทบรอยต่อด้üยมุมตกกระทบ 53 องýา ถ้ามุมĀักเĀคือ 37 องýา อัตราเร็üของน้ำในบริเüณĀักเĀมีค่ากี่เมตรต่อüินาที 84. (Ent) คลื่นน้ำเคลื่อนที่จากเขตน้ำลึกไปยังเขตน้ำตื้น โดยมีรอยต่อของเขตทั้งÿองเป็นเÿ้นตรง ถ้าĀน้าคลื่น ตกกระทบทำมุมกับรอยต่อ 30 องýา ทำใĀ้คüามยาüคลื่นในเขตน้ำตื้นเป็นครึ่งĀนึ่งของคüามยาüคลื่นในเขต น้ำลึก อยากทราบü่าĀน้าคลื่นĀักเĀทำมุมกับรอยต่อเป็นมุมเท่าใด ( 4 1 -1 sin )


เรี ยนฟิสิกส์กับครูอาร์หน้าที่ 46 85. เมื่อคลื่นแนüตรงเคลื่อนที่จากบริเüณ 1 ไปÿู่บริเüณ 2 ในถาด คลื่น ทำใĀ้เกิดการĀักเĀของคลื่นปรากฏขึ้นดังรูป ซึ่งมีไม้ÿเกล เซนติเมตรüางเทียบอยู่ ถ้าคลื่นนี้เกิดจากแĀล่งกำเนิดซึ่งมีคüามถี่ 9 เฮิรตซ์ จงĀาอัตราเร็üของคลื่นน้ำที่บริเüณ 2 (9 2 cm/s) 86. (Ent) คลื่นน้ำเคลื่อนที่ผ่านบริเüณที่มีคüามลึกต่างกัน เกิด ปรากฏการณ์ดังรูป ในบริเüณ (ก) Āน้าคลื่นอยู่Ā่างกัน 12 เซนติเมตร ในบริเüณ (ข) คลื่นมีคüามเร็ü 6 2 เซนติเมตรต่อ üินาที ถ้าต้นกำเนิดคลื่นมาจากบริเüณ (ก) คüามถี่ของต้นกำเนิด คลื่นมีค่าเท่าใด ( 2 3 Hz) 87. (üิชาÿามัญ 2564 เติมคำตอบ) คลื่นผิüน้ำĀน้าตรงเคลื่อนที่จากบริเüณน้ำลึก (แรเงาÿีเทา) เข้าÿู่บริเüณน้ำ ตื้น เกิดการĀักเĀโดยĀน้าคลื่นตกกระทบและรังÿีĀักเĀทำมุม 45 องýา และ 60 องýา กับระนาบของรอยต่อ ระĀü่างตัüกลาง ตามลำดับ ดังภาพ ถ้าอัตราเร็üของคลื่นผิüน้ำในบริเüณน้ำลึกเท่ากับ √2 เมตรต่อüินาที อัตราเร็üในบริเüณน้ำตื้นเท่ากับกี่เมตร ต่อüินาที (กำĀนดใĀ้ √2 = 1.41 √3 = 1.73 และ √6 = 2.45) 88. (Ent) ในการทดลองโดยใช้ถาดคลื่น พบü่าคüามเร็üของคลื่นในน้ำลึกเป็น 2 เท่าของคüามเร็üในน้ำตื้น ถ้า จะทำใĀ้เกิดการÿะท้อนกลับĀมด คลื่นจะต้องตั้งต้นเคลื่อนที่จากบริเüณใด และมีมุมüิกฤตเท่าไร 1) น้ำตื้น, 30 องýา 2) น้ำลึก, 30 องýา 3) น้ำตื้น, 60 องýา 4) น้ำลึก, 60 องýา 1 2 4 6 8 10 12 cm ก ข


เรี ยนฟิสิกส์กับครูอาร์หน้าที่ 47 89. ยิงรังÿีของแÿงใĀ้เคลื่อนที่จากแก้üไปยังÿุญญากาý พบü่า คüามยาüคลื่น () และอัตราเร็ü (V) มีการ เปลี่ยนแปลง ถ้าคลื่นเคลื่อนที่จากซ้ายไปขüา โดยÿนามแม่เĀล็กทิýทางตามแนüบนล่างของระนาบกระดาþ ดังภาพ คüามยาüคลื่นในÿุญญากาý 2 มีค่าเป็นเท่าใด และทิýทางของÿนามไฟฟ้าเป็นอย่างไร คüามยาüคลื่นในÿุญญากาý 2 มีค่าเป็นเท่าใด และทิýทางของÿนามไฟฟ้าเป็นอย่างไร 90. จากรูป S1 และ S2 เป็นแĀล่งกำเนิดคลื่นผิüน้ำซึ่งเป็น แĀล่งกำเนิดอาพันธ์ ระยะ S1P = 12 cm และระยะ S2P = 18 cm ถ้าคüามถี่ของคลื่นเป็น 10 Hz จงĀาคüามเร็ü คลื่น (40 cm/s) 91. ในการทดลองการแทรกÿอดของคลื่นผิüน้ำจากแĀล่งกำเนิดอาพันธ์ S1 และ S2 ได้ผลดังรูป S1P = 0.5 m และ S2P = 0.44 m ถ้าอัตราเร็üของคลื่นทั้งÿองเป็น 0.6 เมตรต่อüินาที แĀล่งกำเนิดคลื่นมีคüามถี่กี่รอบต่อ üินาที (15 รอบต่อüินาที) 2 (nm) ทิýทางของÿนามไฟฟ้า 1. 651 แนüพุ่งเข้า - พุ่งออก ตั้งฉากกับระนาบกระดาþ 2. 651 แนüบน – ล่าง 3. 651 แนüซ้าย – ขüา 4. 868 แนüพุ่งเข้า - พุ่งออก ตั้งฉากกับระนาบกระดาþ 5. 868 แนüบน - ล่าง S1 S2 P S1 S2 P A0 ทิýการเคลื่อนที่ของคลื่น แก้ü ÿุญญากาý 1 = 434 nm 2 V1 = 2x108 nm V2 = 3x108 nm บน ล่าง ซ้าย ขüา


เรี ยนฟิสิกส์กับครูอาร์หน้าที่ 48 92. S1 และ S2 เป็นแĀล่งกำเนิดอาพันธ์ อยู่Ā่างกัน 2 7λ จงĀาü่าบนเÿ้นตรงระĀü่าง S1 และ S2 คลื่นแทรก ÿอดกันได้กี่บัพและกี่ปฏิบัพ (8 และ 7 ตามลำดับ) 93. S1 และ S2 เป็นแĀล่งกำเนิดคลื่นน้ำ อยู่Ā่างกัน 18 เซนติเมตร ใĀ้คลื่นเฟÿตรงกัน มีคüามถี่และแอมพลิจูด เท่ากัน คüามยาüคลื่น 4 เซนติเมตร ระĀü่าง S1 และ S2 จะใĀ้แนüบัพกี่แนü (10 แนü) 94. แĀล่งกำเนิดคลื่นอาพันธ์ใĀ้Āน้าคลื่นüงกลมÿองแĀล่งอยู่Ā่างกัน 10 เซนติเมตร มีคüามยาüคลื่น 2 เซนติเมตร ที่ตำแĀน่งĀนึ่งĀ่างจากแĀล่งกำเนิดคลื่นทั้งÿองเป็นระยะ 10 เซนติเมตร และ 19 เซนติเมตร ตามลำดับ จะอยู่บนแนüบัพ Āรือปฏิบัพที่เท่าไร นับจากแนüกลาง (บัพที่ 5) 95. (Brand’s® Summer Camp) S1 และ S2 เป็นแĀล่งกำเนิดอาพันธ์เฟÿตรงกัน จุด X เป็นจุดบนเÿ้นบัพที่ 2 โดยĀ่าง S1 และ S2 เป็นระยะ 12 เซนติเมตร และ 15 เซนติเมตรตามลำดับ ถ้าเปลี่ยนคüามถี่ของ S1 และ S2 ใĀ้เป็น 2 เท่าของเดิม จุด X จะเป็นจุดบนเÿ้นใด (ปฏิบัพที่ 3)


เรี ยนฟิสิกส์กับครูอาร์หน้าที่ 49 96. (Ent) S1 และ S2 เป็นแĀล่งกำเนิดอาพันธ์ที่ใĀ้คลื่นเฟÿตรงกัน üางĀ่างกัน 5 เซนติเมตร จุด P เป็นจุด ปฏิบัพ อยู่Ā่างจาก S2 เป็นระยะ 5 เซนติเมตร และทำมุม 30 ดังรูป จงĀาü่า จะมีจำนüนของแนüเÿ้นบัพที่ เกิดขึ้นระĀü่างจุด P กับแนüปฏิบัพกึ่งกลางกี่แนü ถ้าคลื่นที่ÿ่งออกมามีคüามยาüคลื่น 1.83 เซนติเมตร (2 เÿ้น) 97. (Ent) จากรูป S1 และ S2 เป็นช่องแคบ ถ้ามีคลื่นĀน้าตรงคüามยาüคลื่น 1 เซนติเมตร ตกกระทบทำมุม 60 องýา กับแนü S1S2 ซึ่งĀ่างกัน 3 เซนติเมตร การแทรกÿอดที่จุด P เป็นอย่างไร 1) เกิดการแทรกÿอดทั้งบัพและปฏิบัพ 2) จะไม่เกิดการแทรกÿอดของคลื่น 3) จะเกิดจุดปฏิบัพ 4) จะเกิดจุดบัพ 98. (üิชาÿามัญ 2559) จุด S1 และ S2 เป็นจุดกำเนิดคลื่นต่อเนื่อง ÿร้างคลื่นที่มีคüามยาüคลื่นเท่ากันเฟÿดียü กัน จุด A และจุด B ซึ่งอยู่บนแนüรอยต่อระĀü่างจุด S1 และ S2เป็นตำแĀน่งของปฏิบัพÿองจุดที่อยู่ติดกัน ถ้า ระยะระĀü่างจุด A และจุด B เท่ากับ b คüามยาüคลื่นที่แĀล่งกำเนิดทั้งÿองÿร้างมีค่าเท่าใด 1. b 4 2. b 2 3. 3b 2 4. 2b 5. 4b 99. (üิชาÿามัญ 2563) คลื่นคู่Āนึ่งที่ตำแĀน่งเดียüกันเป็นฟังก์ชันของเüลา t ดังนี้ 1(t) = E0 sint 2(t) = E0 sin(t + ∅) ซึ่ง เป็นคüามถี่เชิงมุม และ ∅ เป็นค่าคงที่เฟÿ ถ้าĀากคลื่นคู่นี้จะแทรกÿอดและĀักล้างกันĀมดตลอดเüลา ∅ จะต้องมีค่าเป็นกี่องýา 1. 0 2. 45 3. 60 4. 90 5. 180 S1 S2 P 5 cm 5 cm S2 S1 P 1 cm 4 cm 4.5 cm


Click to View FlipBook Version