นาฏย
สร้างสรรค์
ผลงานศิลปนิพนธ์ ปีการศึกษา 2565
นาฏศิลป์กวินแก้วแพรวพรรณราย ถักทอสายความเป็นชาติปราชญ์สร้างสรรค์
บ่มเพาะคนชนขัดเกลาเนานิรันดร์ ตราบชั่วกัลป์นาฏการสานเรืองรอง
การก้าวเข้ามาสู่รั้วสวนสุนันทาในฐานะนักศึกษาศิลปะการแสดง (นาฏศิลป์ไทย) และจะสำเร็จออกไป
เป็นบัณฑิต ผู้ที่มีความรู้ความสามารถทางด้านศิลปะและยังประโยชน์ให้กับสังคมให้กับแวดวงวิชาการ
งานทางด้านนาฏศิลป์เป็นเรื่องไม่ง่าย ตลอดระยะเวลา 4 ปี ของการเรียนในรั้วสวนสุนันทา นักศึกษา
ทุกคนจะต้องผ่านการเพาะบ่มวิชาความรู้และคุณธรรมจริยธรรม ในขณะเดียวกันก็ต้องผ่านการพิ สูจน์
ตัวเองหลายต่อหลายครั้ง จากการทำงานและการเรียนในรายวิชาต่าง ๆ จากกิจกรรมของสาขาและ
ของมหาวิทยาลัย ซึ่งในแต่ละครั้งก็อาจจะมีอุปสรรค หรือปัญหาเกิดขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่นักศึกษาจะได้เรียนรู้
หาทางแก้ไข จนเกิดเป็นบทเรียน และประสบการณ์ที่มีค่ายิ่งในฐานะนักศึกษาศิลปะการแสดง (นาฏศิลป์
ไทย) ศิลปนิพนธ์เป็นอีกหนึ่งบทพิ สูจน์ที่แสดงให้เห็นว่านักศึกษานาฏศิลป์ไทย สวนสุนันทาทุกคน
มีความพร้อมทั้งในด้านทักษะ ด้านวิชาการ และคุณธรรมจริยธรรม ที่จะก้าวออกไปเป็นบุคลากร
ทางด้านศิลปะการแสดงซึ่งสามารถสร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณค่าสู่สังคมในอนาคตได้
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ผกามาศ จิรจารุภัทร
อาจารย์ประจำสาขาวิชาศิลปะการแสดง (นาฏศิลป์ไทย)
ตลอดระยะเวลา 4 ปีของการศึกษาระดับปริญญาบัณฑิต สาขาวิชาศิลปะการแสดง (นาฏศิลป์ไทย)
นักศึกษาทุกคนจะต้องผ่านรายวิชาศิลปนิพนธ์ ซึ่งประมวลความรู้ทางทฤษฎี และปฏิบัติ โดยนำเสนอ
ความคิดสร้างสรรค์ในรูปแบบของการแสดงที่ผ่านการค้นคว้าข้อมูล และการปรับแต่งจิตนาการของ
ผู้สร้างสรรค์ กระบวนการเหล่านี้อาศัยประสบการณ์ การวางแผน ความมีวินัยต่อตนเอง การแก้ไข
ปัญหาอุปสรรคด้วยเหตุผล และไม่ย่อท้อที่จะทำผลงานชิ้นนี้ให้บรรลุตามเป้าหมาย
บททดสอบสำหรับบันไดแห่งความสำเร็จในแต่ละขั้น คือ อุปสรรคที่เกิดขึ้นระหว่างการทำงานไม่ว่า
จะเป็นทัศนคติ กระบวนการทำงาน การสื่อสารระหว่างบุคคล และทุนทรัพย์ อุปสรรคเหล่านี้ทำให้หลาย
คนหยุด ที่จะก้าวต่อ แต่ความสามัคคี และความเอื้ออาทร พร้อมที่จะแก้ไขปัญหาร่วมกัน จึงทำให้ผ่านพ้ น
อุปสรรคเหล่านี้จนกระทั่งผลงานสำเร็จอย่างสมบูรณ์ พั ฒนาการนับแต่วันแรกเข้าจนวันนี้เป็นบทพิ สูจน์
ความตั้งใจ ที่มีความมุ่งมั่นที่จะฝ่าอุปสรรคทั้งปวง ครูขอเป็นกำลังใจให้กับผู้สร้างสรรค์ผลงานทุกท่าน
เพื่ อก้าวสู่บันไดแห่งความสำเร็จในขั้นต่อๆไป
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.มณิศา วศินารมณ์
หัวหน้าสาขาวิชาศิลปะการแสดง (นาฏศิลป์ไทย)
การสร้างสรรค์ผลงานศิลปะจำเป็นต้องใช้ แรงสมอง แรงกาย และแรงใจ คือ กระบวนการของ
ความคิดประกอบกับการลงมือปฏิบัติงานอย่างเป็นขั้นตอนด้วยความรักในชิ้นงานนั้น จึงจะได้ผลที่
งดงามและมีคุณค่า หากผู้สร้างสรรค์ขาดความทุ่มเท คงมิต้องหวังให้ผู้ชมเห็นคุณค่าของผลงานนั้น
อาจารย์วุฒิชัย ค้าทวี
อาจารย์ประจำสาขาวิชาศิลปะการแสดง (นาฏศิลป์ไทย)
นาฏยสร้างสรรค์ คือ ผลงานศิลปนิพนธ์ของนักศึกษาระดับปริญญาตรีชั้นปีที่ 4สาขาศิลปะการแสดง
นาฏศิลป์ไทย คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา โดยนักศึกษาต้องวางแผน ออกแบบ
ผ่านกระบวนการคิด เพื่ อสร้างงานแสดงออกมาในรูปแบบการแสดงนาฏศิลป์สร้างสรรค์
ครูเพลง ในฐานะที่เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาประจำรุ่นของนักศึกษารหัส 62 หรือที่เรียกว่า รุ่นหญ้าแฝก
ครูได้มองเห็นลูกๆของครูทุกคน เติบโต พั ฒนาตนเอง พร้อมที่จะเป็นต้นกล้าที่แข็งแกร่ง และรวมพลัง
ร่วมใจกัน เปรียบเสมือนหญ้าแฝกที่อยู่รวมกันช่วยให้งานสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
ครูเพลงขอส่งกำลังใจ พลังใจ และรอยยิ้มหวานๆ ให้กับลูกๆทุกคน และขอฝากคำคม คติ
ไว้เตือนตน ว่า
“ ความพยายาม และความอดทน จะส่งผลให้เราสำเร็จ…ลิขิตฟ้า หรือจะสู้มานะตน “
ด้วยรัก
ครูเพลง
อาจารย์รติพัทธ์ ศิริพงษ์
อาจารย์ประจำสาขาวิชาศิลปะการแสดง (นาฏศิลป์ไทย)
คนเก่งของครู ไม่มีใครรู้ดีกว่าใจของเรา ว่ากว่าจะถึงวันนี้เราต้องใช้ความพยายามมากเพี ยงใดถึง
จะประสบความสำเร็จ หยาดเหงื่อและความทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจ ตลอดจนทุนทรัพย์อย่าให้มันสูญเสีย
ไปโดยเปล่าประโยชน์ จงจดจำประสบการณ์ที่ดีไว้ระลึกเป็นแรงใจในวันที่เราท้อแท้และจดจำข้อผิดพลาด
เพื่ อจะเตือนใจตนไม่ให้ผิดพลาดซ้ำอีก อย่างไรก็ตามครูเชื่อเสมอว่า สิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว สิ่งนั้นดีเสมอ
ครูขอชื่นชมและเป็นกำลังใจให้คนเก่งของครูทุกคนประสบความสุขความสำเร็จทั้งในวันนี้ วันหน้าและ
ตลอดไป ด้วยรัก ครูเอง
อาจารย์มนัญชยา เพชรูจี
อาจารย์ประจำสาขาวิชาศิลปะการแสดง (นาฏศิลป์ไทย)
“ศิลปนิพนธ์ไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต” แต่...
“ศิลปนิพนธ์” เป็นบทพิ สูจน์ของความแข็งแกร่งที่มีต่ออุปสรรคในการทำงาน
“ศิลปนิพนธ์” เป็นตัวแทนของความวิริยะอุตสาหะที่แปรผันตรงต่อความสำเร็จ
“ศิลปนิพนธ์” เป็นผลงานที่สะท้อนศักยภาพที่ของศิลปินผู้สร้างสรรค์ผลงาน
หรือจริง ๆ แล้ว...
“ศิลปนิพนธ์” อาจเป็นเพี ยงประตูบานแรกที่ต้องอาศัยการสะสมและตามหากุญแจดอกที่ “ใช่”
เพื่ อใช้เปิดประตูบานแรกบานนี้ เพื่ อก้าวออกไปเผชิญหน้ากับโลกแห่งความเป็นจริงของ “วิชาชีพ”
ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา นักศึกษาได้มีโอกาสเรียนรู้ทั้งทฤษฎีและปฏิบัติอย่างเข้มข้นจาก
คณาจารย์ทุกท่านในสาขา ได้รับประสบการณ์ที่ดี ได้ฝึกทักษะอันหลากหลาย ได้ฝึกกระบวนการคิดอย่าง
สร้างสรรค์ ได้ฝึกการแก้ไขปัญหาอย่างชาญฉลาด รวมถึงมีโอกาสได้ค้นพบและได้รับกุญแจมากมาย
หลายดอก ที่นักศึกษาจะสามารถนำไปใช้เปิดประตูบานถัดไปของชีวิต
ครูเชื่อว่า “ศิลปนิพนธ์” จะเป็นกุญแจดอกแรกและจะเป็นผลงานทางวิชาการชิ้นแรกในชีวิตของ
นักศึกษาที่เกิดจากการค้นคว้าและสร้างสรรค์อย่างเป็นระบบ มีการประมวลผลองค์ความรู้ ได้ใช้
ประสบการณ์และทักษะที่เกิดจากการร่ำเรียนมาตลอดหลักสูตรของเรา เคี่ยวและเค้นจนได้ออกมาเป็นผล
งานสร้างสรรค์ทางศิลปะการแสดง ทั้งหมดนี้ล้วนผ่านกาลเวลา ผ่านอุปสรรคและต้องพบเจอกับปัญหา
มากมายนานัปการ ก่อนที่จะสำเร็จการศึกษาออกไปเป็น “บัณฑิต” ที่แกร่ง ดี และมีคุณภาพ มีความรู้และ
ความเชี่ยวชาญในศาสตร์ของตน เช่นนี้เอง “การทำศิลปนิพนธ์จึงเป็นบทเรียนสำคัญบทแรกในชีวิตของ
ผู้ที่ได้ชื่อว่าบัณฑิต”
จงดูแลรักษากุญแจทุกดอกให้ดี และจงอย่าหยุดค้นหากุญแจและตามหาประตูบานถัดไปของ
ชีวิต ขอให้ประตูทุกบานที่เปิดออก ช่วยนำพาให้ชีวิตของนักศึกษาได้ไปอยู่ในจุดที่สูงขึ้นกว่าเดิมเสมอ
ขอความดีงามทั้งผองในโลกใบนี้ ช่วยคุ้มครองและอำนวยพรให้นักศึกษาที่รักของครู ประสบความสำเร็จ
ในชีวิตทุกประการดังปรารถนา ด้วยวิริยะ อุตสาหะ และด้วยความเพี ยรทั้งปวง
อาจารย์พีรณัฐ ทรงเกตุกุล
อาจารย์ประจำสาขาวิชาศิลปะการแสดง (นาฏศิลป์ไทย)
หาริตีผู้สร้างสรรค์ดอนปราบ
นางสาวประทุมมา
นางสาวจุฑาทิพย์ มีศิลป์
นางสาวกัญญารัตน์ วงศ์แก่นทอง
อาจารย์ที่ปรึกษา
อาจารย์วุฒิชัย ค้าทวี
HARITI
แนวคิด การแสดงแบ่งออกเป็น 3 ช่วง
ช่วงที่ 1 บูชาขอพร
นางหาริตีเป็นพระโพธิสัตว์หญิงองค์หนึ่งของศาสนาพุทธ ในชวากลาง
ช่วงที่ 2 ประทานพร
ช่วงที่ 3 บวงสรวง
ประเทศอินโดนีเซีย ค้นพบทับหลังที่หน้าประตูจันทิเมนดุต มีอายุราวศตวรรษที่ 12-16
ผู้ที่ศรัทธามักบูชานางหาริตีเพื่อขอพรเรื่องการประทานบุตร และคุ้มครองปกปักษ์รักษา
ลูกของตน เมื่อได้รับพรดังปรารถนาแล้ว จะสักการะนางหาริตีด้วยดอกไม้
ผู้สร้างสรรค์จึงเกิดแรงบันดาลใจในการนําเสนอผลงานในรูปแบบนาฏศิลป์สร้างสรรค์
ในชุด หาริตี
พรายไม้พรายน้ำ
ผู้สร้างสรรค์
นายอธิชา ดอกแย้ม
นางสาวมณีรัตน์ ศรีมาตร์
นางสาวณิชกานต์ เพทาย
อาจารย์ที่ปรึกษา
อาจารย์วุฒิชัย ค้าทวี
PAIMAI-PAINAM
แนวคิด การแสดงแบ่งออกเป็น 3 ช่วง
พรายไม้พรายน้ำ เป็นภูติจำพวกหนึ่ง จากหนังสือวรรณคดีลำนำ เรื่อง กระเช้านางสีดา กล่าวว่า พรายไม้เป็น
ช่วงที่ 1 คืนเดือนเพ็ญ
ช่วงที่ 2 การละเล่น
เพศชายอาศัยอยู่ที่ป่าไม้ มีหน้าที่ดูแลรักษาผืนป่า พรายน้ำเป็นเพศหญิงอาศัยอยู่ที่แม่น้ำลำธาร มีหน้าที่ดูแล
ช่วงที่ 3 เริงระบำ
รักษาผืนน้ำ เมื่อถึงคืนในพระจันทร์เต็มดวง เหล่าพรายไม้และเหล่าพรายน้ำจะมารวมตัวกัน มีการละเล่น
เก็บดอกไม้ใส่กระเช้าสีดา และจับตู่เต้นรำกันอย่างสนุกสนานรื่นเริง
ยโสธราเถรีบูชา
ผู้สร้างสรรค์
นางสาวฑิตฐิตา ภู่ทิพย์
นางสาวธนัญญา ปิ่ นเจริญ
นางสาวรัตติยากร เกาประโคน
อาจารย์ที่ปรึกษา
อาจารย์มนัญชยา เพชรูจี
YASOTARA-THERIBUCHA
แนวคิด การแสดงแบ่งออกเป็น 3 ช่วง
การแสดง ชุด ยโสธราเถรีบูชา เป็นการแสดงที่ได้รับแรงบันดาลใจจากภาพสลักเรื่องราวบน ช่วงที่ 1 ย้อนรอยเสมา
ช่วงที่ 2 พิมพาพิลาป
ใบเสมา เรื่องพิมพาพิลาป หรือเรียกอีกอย่างว่าตอน พระพุ ทธองค์โปรดพระนางพิมพา ซึ่งสร้างขึ้น ช่วงที่ 3 บูชาสูงสุด
ในสมัยทวารวดี ขุดพบในเมืองฟ้าแดดสงยาง อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ เป็นเรื่องราวในพุ ทธประวัติ
กล่าวถึงตอนที่พระพุ ทธองค์ไปเทศนาโปรดพระนางพิมพาหรือนางยโสธราซึ่งกําลังตกอยู่ในอาการ
เศร้าโศกพระนางพิ มพาได้แสดงความเคารพอย่างสูงด้วยการสยายพระเกศารองพระบาทของ
พระพุ ทธองค์ ทําให้ผู้สร้างสรรค์เกิดความประทับใจและนํามาถ่ายทอดเป็นการแสดงสะท้อนให้ผู้ชมเห็น
ถึงวิธีการทําความเคารพสูงสุดตามความเชื่อของวัฒนธรรมทวารวดีเมืองฟ้าแดดสงยางและคลี่ม่าน
ความทรงจําย้อนเรื่องราวพุ ทธประวัติที่สลักไว้บนใบเสมานําเสนอผ่านรูปแบบนาฏศิลป์โบราณคดี
ประยุกต์
คีแซง
ผู้สร้างสรรค์
นางสาวศศิวิมล ขาวกะสิ
นางสาวเกศชริน ศรีมูล
นางสาวสุภลักษณ์ คมพั ดลับ
อาจารย์ที่ปรึกษา
อาจารย์มนัญชยา เพชรูจี
KI SAENG
แนวคิด การแสดงแบ่งออกเป็น 2 ช่วง
การแสดงชุดคีแซงได้รับแนวคิดจากนางโลมเกาหลีผู้ให้ความบันเทิงกับชนชั้นสูงตามงานเลี้ยง ช่วงที่ 1 การแต่งตัวและการระบำของเหล่าคีแซง
ช่วงที่ 2 แสดงความสามารถทางด้านดนตรีและการร่ายรำรวมทั้ง
พวกนางเชี่ยวชาญด้านดนตรีการขับร้อง การร่ายรำ และให้ความสำราญกับบุรุษ (พวงนิล คำปังส์ุ
ความยั่วยวนของเหล่าคีแซงประกอบกับบรรยากาศความสนุกสนาน
2549) คีแซงเป็นอาชีพที่มีมาตั้งแต่ยุคสมัยโครยอจนถึงยุคสมัยโชซอน ทั้งวิธีการปรนนิบัติต่อ
วุ่นวายในงานเฉลิมฉลอง
เหล่าข้าราชการชนชั้นสูงหรือวิธีการใช้ชีวิตในสมัยโชซอนนั้นทำให้คีแซงมีบทบาทมากมายในสังคม
ผู้สร้างสรรค์เล็งเห็นว่าอาชีพและวิถีชีวิตของคีแซงนี้มีความน่าสนใจจึงได้นำมาสร้างสรรค์เป็น
ผลงานในรูปแบบนาฏศิลป์เกาหลีร่วมสมัย ชุด คีแซง
ปีซาลาวีอายัม
ผู้สร้างสรรค์
นายเมธี คงศรี
นายชุติพนธ์ ภูมิพั นธ์
นางสาวสุชัญญา ธรรมเสน
อาจารย์ที่ปรึกษา
อาจารย์รติพัทธ์ ศิริพงษ์
PISUA LAWI AYAM
แนวคิด การแสดงแบ่งออกเป็น 2 ช่วง
“ ปีซาลาวีอายัม “ หรือ มีดหางไก่ มีลักษณะคล้ายกรงเล็บเสือและเดือยไก่ โดยกลุ่มสตรีลังกา ช่วงที่ 1 วานีตา ชันติก ความงามของสตรีลังกาสุกะ
ช่วงที่ 2 ปีซา การแสดงท่าทางการต่อสู้โดยใช้ปีซาลาวีอายัม
สุกะนิยมไว้ผมยาว จึงใช้ปีซาลาวีอายัมแทนปิ่ นปักผมเปรียบเสมือนเครื่องประดับศีรษะ ที่ใช้เป็นอาวุธ
ในการป้องกันตัวและต่อสู้
ผู้สร้างสรรค์จึงได้แรงบันดาลใจเกี่ยวกับการใช้ปีซาลาวีอายัมของสตรีลังกาสุกะ โดยสื่อให้เห็น
ถึงความงามความแข็งแรงและการต่อสู้ของสตรี จึงนํามาสร้างสรรค์เป็นผลงานการแสดงชุด
ปีซาลาวีอายัม
กํเณิตเนียงบัวตูม
ผู้สร้างสรรค์
นายอภิสิทธิ์ ทบแก่น
นางสาวศิริลักษ์ ชนพิ ทักษ์
อาจารย์ที่ปรึกษา
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.มณิศา วศินารมณ์
KAMNERT-NEANGBUATOOM
แนวคิด ช่วงการแสดง
ตำนานได้นำเสนอจุดเริ่มต้นปราสาทนางบัวตูมเรื่องราวได้กล่าวถึงหญิงสาวที่เกิดจากดอกบัว วันหนึ่งฤาษี ช่วงที่1 การกำเนิดของนางบัวตูม
ไปสรงน้ำในสระน้ำที่อยู่ทางทิศใต้ของปราสาทและเดินไปเก็บดอกบัวมาบูชาพระได้พบทารกคนหนึ่งนอนอยู่ใน
ช่วงที่2 การเลี้ยงดูนางบัวตูมจนเติบโต
ดอกบัวจึงนำมาเลี้ยงไว้ให้ชื่อว่านางบัวตูม เมื่อนางเติบโตเป็นสาวนางก็มีรูปร่างหน้าตาผิวพรรณที่งดงามและ
ได้คอยดูแลฤาษีทำให้นางบัวตูมเป็นคนที่มีบุญญาธิการมากขึ้น ผู้สร้างสรรค์ได้รับแรงบันดาลใจจากการกำเนิด
ของนางบัวตูมในดอกบัวจึงได้สร้างสรรค์ผลงานการแสดงอีสานใต้ร่วมสมัยชุด กํเณิตเนียงบัวตูม
บูรีขี้โย
ผู้สร้างสรรค์
นางสาวธัญวลัย แซ่ใช้
นางสาวญาณี แก้วใสแสง
นางสาวชนนิกานต์ อินทร์แก้ว
อาจารย์ที่ปรึกษา
อาจารย์รติพัทธ์ ศิริพงษ์
BURI-KEYO
แนวคิด การแสดงแบ่งออกเป็น 2 ช่วง
บูรีขี้โย คือ บุหรี่ของชาวล้านนา สันนิษฐานว่ามีมาตั้งแต่ยุคหริภุญชัยในกลุ่มชาวลัวะ ซึ่งเป็น
ช่วงที่ 1 วิถีชีวิตสามัญชนและชนชั้นสูงของสตรีล้านนา
ช่วงที่ 2 บูรีขี้โยกับสตรีล้านนา
ประชากรหลักกลุ่มใหญ่ในล้านนาสมัยนั้น ชาวล้านนาทั้งผู้ชายและผู้หญิงจะสูบบูรีขี้โยกันแพร่
หลายมาก ไม่ว่าจะเป็นในชนชั้นสูงและสามัญชน นอกจากนี้บูรีขี้โยยังช่วยเสริมสร้างความอบอุ่น
แก่ร่างกาย และใช้ไล่ยุง แมลงต่างๆ ได้ วัฒนธรรมล้านนาที่สําคัญอีกประการหนึ่ง คือ บูรีขี้โย
เป็นสัญลักษณ์ของการต้อนรับแขกหรือผู้ที่มาเยี่ยมเยือนเรือนตน โดยการจัดสํารับเมี่ยง
วางคู่กับบูรีขี้โยด้วย
ผู้สร้างสรรค์จึงสนใจบูรีขี้โยของชาวล้านนา มาสร้างสรรค์เป็นการแสดงในรูปแบบนาฏศิลป์
ล้านนา
สุขสมใจ๋ สีไวสมฮัก
ผู้สร้างสรรค์
นางสาวอาทิตยา ปองทอง
นางสาวศรัญชญา ประทุมทอง
นางสาวสุธิสา เอี่ยมอ่ำ
อาจารย์ที่ปรึกษา
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ผกามาศ จิรจารุภัทร
SUKSOMJAI-SIWAISOMHAK
แนวคิด การแสดงจะแบ่งออกเป็น 3 ช่วง
"ภาพจิตรกรรมฝาผนังนางสีไว" เป็นภาพจิตรกรรมที่ได้รับยกย่องว่าเป็นภาพหญิงสาวที่
ช่วงที่ 1 แอ่วกาด (เที่ยวตลาด)
ช่วงที่ 2 ปะกั๋น (พบกัน)
งามที่สุดในเมืองน่าน มีตำนานที่เกี่ยวข้องกับนางสีไว ได้เล่าไว้ในนิทานชาดกเรื่องคัทนะกุมาร
ช่วงที่ 3 สมใจ๋ (สมใจ)
ชาดก ว่า สีไว ลูกสาวเศรษฐีแห่งเมืองจำปานครได้พบรักกับชายหนุ่มนามว่าคัทนะกุมารซึ่งเป็น
หนึ่งในตัวละครจากนิทานชาดกเรื่องคัทนะกุมารชาดก ทั้งสองพบกันและตกหลุมรักกันจนนาง
สีไวได้เป็นภรรยาของคัทนะกุมาร ผู้สร้างสรรค์นำเรื่องราวตำนานความรักของนางสีไวและคัท
นะกุมารมานำเสนอในรูปแบบนาฏศิลป์พื้นบ้านภาคเหนือร่วมสมัย
ศรีจนาศะสัทธาสีหไสยาสน์
ผู้สร้างสรรค์
นางสาวอำพร อ่ำชัยภูมิ
นางสาวฐิชาณัญชน์ หาระคุณโน
นายเทพพิ ทักษ์ กุลศรีนอ
อาจารย์ที่ปรึกษา
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.มณิศา วศินารมณ์
SRIJANASA-SRATTA-SRIHASAIYAS
แนวคิด
วัดธรรมจักรเสมาราม เป็นวัดที่สร้างขึ้นในเมืองศรีจนาศะ ราวพุทธศตวรรษที่ 13 – 18 ตามความเชื่อของ
การแสดงแบ่งออกเป็น 2 ช่วง
ช่วงที่ 1 การสักการะโบราณวัตถุตามความเชื่อใน
พราหมณ์- พุทธในศรีจนาศะ ทำให้ปรากฏโบราณวัตถุตามแบบศิลปะทวารวดีผสมขอม เช่น พระพุทธรูป
วัดธรรมจักรเสมาราม เมืองศรีจนาศะ
ช่วงที่ 2 การจำลองการสร้างและบูชาพระพุทธรูป
พระอินทร์ ศิวลึงค์ ศิวนาฎราช พนัสบดี ธรรมจักรศิลา กวางหมอบ ใบเสมาหินตั้ง และพระพุทธปางไสยาสน์
ปางไสยาสน์ในวัดธรรมจักรเสมาราม เมืองศรีจนาศะ
ชาวศรีจนาศะมีความเลื่อมใสศรัทธาต่อพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า จึงสร้างธรรมจักรศิลา มีลักษณะคล้าย
ล้อเกวียนทำจากศิลาแลงขนาดใหญ่ ตอนล่างมีลายสลักคล้ายหน้าพนัสบดีมีปีกเหมือนหงส์ และสร้างพระพุทธ
รูปปางไสยาสน์โดยรอบบริเวณจะมีใบเสมาหินตั้งปักอยู่เพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์อันเป็น
สัญลักษณ์แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของชุมชนเมืองในบริเวณนี้ และความศรัทธาของผู้คนต่อ
พระพุทธศาสนา
สีชาด
ผู้สร้างสรรค์
นายกรชาล จั่นเพ็ ชร
นายเมธัส กล่อมแสง
นางสาวดวงพร ตรีภพศรีสกุล
SI-CHARD
แนวคิด การแสดงจะแบ่งออกเป็น 3 ช่วง
ลิปสติกกระดาษ เป็นเครื่องสำอางที่มีลักษณะพิเศษและเป็นเอกลักษณ์อย่างมาก
ช่วงที่ 1 เหล่าหญิงสาวที่มารวมตัวกันเพื่อเก็บดอกกุหลาบ
ช่วงที่ 2 กรรมวิธีการทำชาดกุหลาบ
ในแถบเอเชียโดยมีต้นกำเนิดที่ประเทศจีน ผู้สร้างสรรค์จึงได้หยิบยกลิปสติกกระดาษจาก
ช่วงที่ 3 หญิงสาวใช้ชาดกุหลาบและรื่นเริงใจ
ดอกกุหลาบ ที่ผ่านการคัดสรรอย่างพิถีพิถันซึ่งถูกเรียกว่า ชาดกุหลาบ และแพร่หลายอย่าง
มากในราชวงศ์ชิง มีกรรมวิธีในการทำลิปสติกกระดาษเริ่มต้นจากการคัดสรรเหล่า
ดอกกุหลาบที่มีความสมบูรณ์ มาเด็ดเอากลีบที่มีสีแดงเสมอกันเท่านั้น เพื่อนำมาบดคั้น
เอาน้ำ และนำมาทาบนกระดาษและผึ่งลมให้แห้งทำซ้ำ 5-6 ครั้ง จนกระทั่งได้ ลิปสติก
กระดาษที่มีสีแดงสด เรียกว่า สีชาด หรือ ชาดกุหลาบ ผู้สร้างสรรค์ได้นำเรื่องราวของสีชาด
มาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานนี้ขึ้น ผ่านการนำเสนอในรูปแบบของนาฏศิลป์
จีนร่วมสมัย ชุด สีชาด (Hóngsè)
จิ้มก้องไมเจงไต้ลือ
ผู้สร้างสรรค์
นายเอกรัฐ แตงโต
นางสาวพนารัตน์ พรรคไชย
นางสาวกฤษติภา คำพา
อาจารย์ที่ปรึกษา
อาจารย์รติพัทธ์ ศิริพงษ์
JIM-KONG MAI JEANG TAILUE
แนวคิด
จิ้มก้อง หมายถึง การเจริญสัมพันธไมตรีโดยการมอบของเป็นเครื่องบรรณาการ ในยุค
การแสดงแบ่งออกเป็น 2 ช่วง
เริ่มล่าอาณานิคมของอังกฤษกับฝรั่งเศส ส่งผลให้เมืองสิงจะต้องตกเป็นเมืองขึ้นของพม่า
ช่วงที่ 1 สตรีในหอคำเมืองสิง เตรียมจิ้มก้องไปแผ่นดินจีน
โดยมีอังกฤษหนุนนำ ชาวเมืองสิงจึงคิดหาทางแก้ไขเพื่อความอยู่รอดของบ้านเมือง ช่วงที่ 2 น้อมนำของขวัญจากแผ่นดินจีนสู่เครื่องแต่งกาย
โดยการ (จิ้มก้อง) ไปยังจีนยูนานเพื่อส่งมอบต่อให้ฮ่องเต้ในราชวงศ์แมนจู
จากภาพถ่ายทางประวัติศาสตร์ปรากฏภาพสตรีลื้ อชั้นสูงในเขตแขวงหลวงน้ําทา
ทางตอนเหนือของ สปป.ลาว สวมใส่เครื่องประดับยศอย่างจีน จึงเป็นแรงบันดาลใจให้
ผู้สร้างสรรค์ต้องการนำเสนอ การจิ้มก้อง โดยนำเสนอผ่านสิ่งของที่จีนมอบให้เป็นของขวัญ
น้อมนำสู่เครื่องประดับสวมใส่เป็นเครื่องทรงยศของเจ้านาง
ตุ้มฟ้อนออนซอนสวนสุนันทา
ผู้สร้างสรรค์
นายจิรัชญา สิวกระโทก
นางสาววราภรณ์ แยมคล้าย
TOMFON ONSON SUANSUNANDHA
แนวคิด การแสดงแบ่งออกเป็น 3 ช่วง
มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทามีประวัติความเป็นมายาวนาน ชื่อมหาวิทยาลัยมาจากพระนามของสมเ ช่วงที่1 เยินยอพระนางเจ้าสุนันทา
ช่วงที่2 การก่อเกิดควมเป็นมาของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
ด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์พระบรมราชเทวี ซึ่งเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของผู้คนในสวนสุนันทา
ช่วงที่3 กล่าวฮอดมหาวิทยาลัยราชภัฏอันดับ1 และควมหลากหลายของ
มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา ยังมีนักศึกษาจากต่างถิ่นต่างพื้นที่เข้ามาพึ่งพิงพึ่งพาสถานที่แห่งนี้
นักศึกษา
เพื่อศึกษาค้นคว้าหาความรู้และพัฒนาสร้างความสามารถให้นักศึกษามีคุณภาพ ผู้สร้างสรรค์จึงได้นำเรื่อง
ราวของมหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา มาเป็นแนวคิดและแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงาน
เพื่อสะท้อนถึงประวัติความเป็นมาของมหาวิทยาลัย ตลอดจนความรักความเทิดทูนของบรรดานักศึกษา
ที่มีต่อสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์พระบรมราชเทวี และสถาบันการศึกษา โดยจะนำเสนอออกมา
ในรูปแบบนาฏศิลป์อีสาน
เอื้องแซะ
ผู้สร้างสรรค์
นางสาวยศวีย์ สาสุข
นางสาวณิชชาอร เมฆมนต์
นางสาวอังศุธร มิตรศรีสาย
อาจารย์ที่ปรึกษา
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ผกามาศ จิรจารุภัทร
AEUNG-SAE
แนวคิด การแสดงแบ่งออกเป็น 3 ช่วง
ดอกเอื้องแซะ เป็นดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมและถือเป็นดอกไม้หายากเนื่องจากจะขึ้นอยู่บนภูเขาใน
ช่วงที่ 1 การแต่งตัวเพื่อเตรียมตัวออกไปหาดอกเอื้องแซะ
ช่วงที่ 2 การเดินทางเพื่อตามหาดอกเอื้องแซะ และเก็บดอกเอื้องแซะ
ป่าลึกซึ่ง พบได้ไม่บ่อยนัก เอื้องแซะจึงเป็นดอกไม้ที่มีค่ามากสำหรับชนพื้นเมืองของทางภาคเหนือ
ช่วงที่ 3 การเต้นรํารื่นเริงและจัดเอื้องแซะสําหรับเตรียมไปใช้เป็นเครื่องบรรณาการ
โดยเฉพาะชาวลัวะ จากจดหมายเหตุและบันทึกทางประวัติศาสตร์ได้มีการบันทึกเรื่องราวของชาว
ลัวะที่ทำการเก็บดอกเอื้องแซะและนำไปใช้เป็นเครื่องบรรณาการแด่พระมหากษัตริย์และ เจ้าครอง
นคร เพื่อแสดงถึงความจงรักภักดีของชาวลัวะที่มีต่อพระมหากษัตริย์และเจ้าครองนคร เอื้องแซะ
จึงนำเรื่องราวการเก็บดอกเอื้องแซะของชาวลัวะ มาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงาน
และนำเสนอเป็นผลงานการแสดงชุดเอื้ องแซะนี้
ปริวารพุ ทธเริงรมย์
ผู้สร้างสรรค์
นางสาวกอบัว ตรุษานนท์
นางสาวอรนีย์ พู นดิษฐ์
นายณัฐติพงษ์ ถนัดพงษ์
อาจารย์ที่ปรึกษา
อาจารย์รติพัทธ์ ศิริพงษ์
PARIWAN-BUDDHA-REINGROM
แนวคิด การแสดงแบ่งออกเป็น 2 ช่วง
จากภาพจิตรกรรมฝาผนังที่ปรากฏในวิหารพระพุทธชินราชมงคลปราการ จังหวัดสมุทรปราการและ
ช่วงที่ 1 เหล่าเทวดานางฟ้ารวมตัวกันเพื่อนําช่อกนกและ
ดอกบัวไปสักการะพุทธเจ้า
ภาพในสมุดข่อย ปรากฎภาพเหตุการณ์ หมู่เทวดาถือช่อกนก และเหล่านางฟ้าถือดอกบัวเพื่อนําไปถวาย
ช่วงที่ 2 เหล่าเทวดานางฟ้าเริงรมย์
พระพุทธเจ้า ในขณะที่พระพุทธเจ้าเสด็จโปรดพุทธมารดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
ผู้สร้างสรรค์จึงได้รับแรงบันดาลใจเกี่ยวกับการสักการะพระพุทธเจ้าของเหล่าเทวดานางฟ้า
จึงนํามาสร้างสรรค์เป็นผลงานการแสดงชุด “ปริวารพุทธเริงรมย์”
รัตนะมหาจักรพรรดิราช
ผู้สร้างสรรค์
นายณัฐพงศ์ ศิริพั นธ์
นายชนาธิป ศรีนาค
นางสาวพั ฒนฉัตร ชื่นเกษม
อาจารย์ที่ปรึกษา
อาจารย์วุฒิชัย ค้าทวี
RATTANA-MAHA-CHAKKRAPHATDIRAT
แนวคิด การแสดงแบ่งออกเป็น 2 ช่วง
เรื่องเล่าในหนังสือไตรภูมิพระร่วงได้กล่าวว่า ครั้งเมื่อบังเกิดพระมหาจักรพรรดิผู้ทรงบุญญาธิการขึ้นก็จะได้เป็น
ช่วงที่ 1 อุบัติรัตนะ
ช่วงที่ 2 อิทธิฤทธีรัตนะ
ผู้ที่ครอบครองของคู่บุญบารมีเป็นบริวาร คือ แก้วรัตนะทั้ง 7 ประการซึ่งมีความสำคัญและความสามารถในด้าน
ต่างๆ นับได้ว่าเป็นทรัพย์สมบัติอันเป็นที่สุดแห่งโลกีทรัพย์และโลกีสุข
ผู้สร้างสรรค์จึงนำมาเป็นแนวคิดในการสร้างสรรค์ผลงานการแสดง ชุด รัตนะมหาจักรพรรดิราช
แบบประเมินความพึ งพอใจ SSRU_Thai Dance นาฏศิลป์ไทยสวนสุนันทา รุ่น 62