The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายงานกีฬาเซปักตะกร้อ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ศิริพร อมรใฝ่นุกุล, 2023-08-21 21:55:57

รายงานกีฬาเซปักตะกร้อ

รายงานกีฬาเซปักตะกร้อ

รายงานการศึกษาค้นคว้า เรื่อง กีฬาเซปักตะกร้อ เสนอ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สาโรช สอาดเอี่ยม จัดทำโดย นางสาวศิริพร อมรใฝ่นุกุล รหัสนักศึกษา 6410540131015 รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษาค้นคว้า รหัส GE4005 ภาคเรียนที่ 1/2566 สาขาการสอนภาษาไทย คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตล้านนา


ก คำนำ รายงานเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษาค้นคว้า (GE4005) ผู้จัดทำได้ศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลเกี่ยวกับกีฬาเซปักตะกร้อ เนื้อหาของรายงานกีฬาเซปัก ตะกร้อมีดังนี้ ประวัติตะกร้อในประเทศไทย ประวัติและความเป็นมาของกีฬาเซปักตะกร้อ หลักการ อบอุ่นร่างกายและการผ่อนคลาย หลักการฝึกการเล่นเซปักตะกร้อระดับพื้นฐาน กติกาเซปักตะกร้อ ของสหพันธ์ เซปักตะกร้อนานาชาติเป็นต้น จุดประสงค์จัดทำขึ้นเพื่อเผยแพร่ความรู้ด้านการฝึกเล่น กีฬาเซปักตะกร้อให้มีความทันสมัย ผู้สนใจสามารถนำมาอ่านและใช้ในการฝึกเล่นกีฬาเซปักตะกร้อได้ ผู้จัดทำขอขอบคุณผู้ช่วยศาสตราจารย์ สาโรช สะอาดเอี่ยม อาจารย์ประจำวิชา ที่นำความรู้ มาสอนและเป็นแนวทางในการศึกษา และขอขอบคุณผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ผู้ที่คอยช่วยเหลือ และให้ กำลังใจจนรายงานเล่มนี้สำเร็จในครั้งนี้ และท้ายนี้หวังว่ารายงานเล่มนี้จะเป็นประโยชน์ให้ความรู้กับ ผู้อ่านไม่มากก็น้อย ศิริพร อมรใฝ่นุกุล 20 สิงหาคม 2566


ข สารบัญ เรื่อง หน้า คำนำ ก สารบัญ ข สารบัญ(ต่อ) ค ประวัติตะกร้อในประเทศไทย 1 ประวัติและความเป็นมาของกีฬาเซปักตะกร้อ 2 หลักการอบอุ่นร่างกายและการผ่อนคลาย 3 หลักการฝึกการเล่นเซปักตะกร้อระดับพื้นฐาน 4 ขั้นตอนที่ 1 การโยน 5 ขั้นตอนที่ 2 การเสิร์ฟ 5 ขั้นตอนที่ 3 การรับลูกเสิร์ฟ 6 ขั้นตอนที่ 4 การตั้งหรือการชงลูกตะกร้อ 7 ขั้นตอนที่ 5 การรุก 7 ขั้นตอนที่ 6 การสกัดกั้น 8 ขั้นตอนที่ 7 การรับลูกที่เกิดขึ้นจากการสกัดกั้น 9 ขั้นตอนที่ 8 การตั้งรับ 9 กติกาเซปักตะกร้อของสหพันธ์ เซปักตะกร้อนานาชาติ 10 ข้อ 1 สนามแข่งขัน 10 ข้อ 2 เสา 11 ข้อ 3 ตาข่าย 11 ข้อ 4 ลูกตะกร้อ 12 ข้อ 5 ผู้เล่น 13 ข้อที่ 6 เครื่องแต่งกายของผู้เล่น 13


ค สารบัญ(ต่อ) ข้อที่ 7 การเปลี่ยนตัวผู้เล่น 14 ข้อ 8 การเสี่ยงและการอบอุ่นร่างกาย 15 ข้อ 9 ตำแหน่งผู้เล่นในระหว่างการเสิร์ฟ 15 ข้อ 10 การเริ่มเล่นและการเสิร์ฟ 15 ข้อ 11 การผิดกติกา 16 ข้อ 12 การนับคะแนน 17 ข้อ 13 การขอเวลานอก 18 ข้อ 14 การหยุดการแข่งขันชั่วคราว 18 ข้อ 15 วินัย 18 ข้อ 16 การลงโทษ 19 ข้อ 17 ความผิดของเจ้าหน้าที่ทีม 20 ข้อ 18 บททั่วไป 20 บรรณานุกรม


1 ประวัติตะกร้อในประเทศไทย ในสมัยโบราณนั้น ประเทศไทยมีกฎหมายและวิธีการลงโทษผู้กระทำความผิด โดยการ นำเอานักโทษใส่ลงไปในสิ่งกลมๆ ที่สานด้วยหวายให้ช้างเตะ แต่สิ่งที่ช่วยสนับสนุนประวัติของตะกร้อ ได้ดี คือ ในพระราชนิพนธ์เรื่องอิเหนาของรัชกาลที่ 2 ในเรื่องมีบางตอนที่กล่าวถึงการเล่นตะกร้อ และที่ระเบียงพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ซึ่งเขียนเรื่องรามเกียรติ์ ก็มีภาพการเล่นตะกร้อ แสดงไว้ให้อนุชนรุ่นหลังได้รับรู้ โดยภูมิศาสตร์ของไทยเองก็ส่งเสริมสนับสนุนให้ได้ทราบประวัติของตะกร้อ คือประเทศไทน นั้นอุดมไปด้วยไม้ไผ่ หวาย คนไทยนิยมนำเอาหวายมาสานเป็นสิ่งของเครื่องใช้ รวมถึงการละเล่น พื้นบ้านด้วย ประเภทของกีฬาตะกร้อในประเทศไทยก็มีหลายประเภท เช่น ตะกร้อวง ตะกร้อลอด ห่วง ตะกร้อชิงธงและการแสดงตะกร้อพลิกแพลงต่างๆ ซึ่งการเล่นตะกร้อของประเทศอื่นๆ นั้น มีการ เล่นไม่หลายแบบหลายวิธีเช่นของไทย การเล่นตะกร้อมีวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องมาตามลำดับทั้งด้านรูปแบบและวัตถุดิบในการทำ จากสมัยแรกเป็นผ้า, หนังสัตว์, หวาย, จนถึงประเภทสังเคราะห์ (พลาสติก) ความหมาย คำว่าตะกร้อ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถาน พ.ศ. 2525 ได้ให้คำจำกัดความเอาไว้ ว่า "ลูกกลมสานด้วยหวายเป็นตา สำหรับเตะ" วิวัฒนาการการเล่น การเล่นตะกร้อได้มีวิวัฒนาการในการเล่นมาอย่างต่อเนื่อง ในสมัยแรก ๆ ก็เป็นเพียงการ ช่วยกันเตะลูกไม่ให้ตกถึงพื้น ต่อมาเมื่อเกิดความชำนาญและหลีกหนีความจำเจ ก็คงมีการเริ่มเล่น ด้วยศีรษะ เข่า ศอก ไหล่ มีการจัดเพิ่มท่าให้ยากและสวยงามขึ้นตามลำดับ จากนั้นก็ตกลงวางกติกา การเล่นโดยเอื้ออำนวยต่อผู้เล่นเป็นส่วนรวม อาจแตกต่างไปตามสภาพภูมิประเทศของแต่ละพื้นที่ แต่ คงมีความใกล้เคียงกันมากพอสมควร ตะกร้อนั้นมีการเล่นที่มากมายหลายประเภท เช่น - ตะกร้อข้ามตาข่าย - ตะกร้อลอดบ่วง - ตะกร้อพลิกแพลง เป็นต้น เมื่อมีการวางกติกาและท่าทางในการเล่นอย่างลงตัวแล้วก็เริ่มมีการแข่งขันกันเกิดขึ้นใน ประเทศไทย


2 ประวัติและความเป็นมาของกีฬาเซปักตะกร้อ ความเป็นมาของกีฬาเซปักตะกร้อ ไม่ค่อยมีคนสนใจบันทึกประวัติความเป็นมา จึงไม่ค่อยจะ มีคนทราบและรู้เรื่องได้ดี นอกจากคำว่า “ตะกร้อ” ซึ่งคุ้นเคยกับคนไทยมากกว่า เช่น กีฬาตะกร้อ ข้ามตาข่าย กีฬาตะกร้อลอดห่วง และกีฬาตะกร้อเตะทนวงเล็กและวงใหญ่ เพื่อให้ผู้สนใจที่จะศึกษา ทราบถึงความเป็นมาของกีฬาชนิดนี้ อาจารย์บุญยัง ทะนง เป็นบุคคลหนึ่ง ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์การ แข่งขันเพื่อแลกเปลี่ยนศิลปะและวัฒนธรรมระหว่างไทยกับมาเลเซีย ในปี พ.ศ. 2508 ณ ท้อง สนามหลวง ประเทศไทยและมาเลเซียได้จัดการแข่งขันกีฬาตะกร้อของทั้ง 2 ประเทศ เพื่อ แลกเปลี่ยนศิลปวัฒนธรรมซึ่งกันและกัน ซึ่งการแข่งขันในครั้งนั้น นักกีฬาทีมชาติไทยมีความถนัดใน การเล่นกีฬาตะกร้อแบบกติกาของมาเลเซีย (Sepak Raga) คณะกรรมการจัดการแข่งขัน จึงได้ กำหนดข้อตกลงในการแข่งขันโดยให้แข่งขันทั้ง 2 แบบ ผลการแข่งขันกีฬาตะกร้อแบบกติกาไทย ปรากฏว่านักกีฬาทีมชาติไทยชนะทีมชาติมาเลเซีย 2 เซ็ตรวด ส่วนการแข่งขันแบบกติกามาเลเซีย ปรากฏว่านักกีฬาทีมชาติไทยแพ้นักกีฬาทีมชาติมาเลเซีย 2 เซ็ตรวดเช่นเดียวกัน จากการจัดการ แข่งขันในครั้งนั้น ณ ท้องสนามหลวง ซึ่งเป็นสนามแข่งขันโดยการสร้างขึ้นเป็นอัฒจันทร์ชั่วคราว ได้มี ประชาชนผู้สนใจเข้าชมกันอย่างมาก เนื่องจากเข้าใจว่าโลกนี้คงจะมีทีมชาติที่เล่นตะกร้ออยู่เพียงชาติ เดียว คือ ประเทศไทย จึงเป็นสิ่งที่แปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง จึงทำให้ภายในสนามในวันนั้นอัดแน่น ไปด้วยผู้ที่อยากรู้จนทำให้สนามชั่วคราวพังลงมา ภายหลังการแข่งขันในครั้งนั้น คณะผู้ประสานงาน กีฬาตะกร้อทั้ง 2 ประเทศ ได้มีการประชุมเพื่อปรึกษาหารือในการเผยแพร่กีฬาชนิดนี้ให้กว้างขวาง เป็นที่นิยมต่อนานาอารยประเทศ ในหมู่ประเทศคาบสมุทรอินโดจีนหรือคาบสมุทรแหลมทอง จึงได้ ตกลงร่วมกันกำหนดชื่อกีฬานี้ใหม่ ซึ่งทั้ง 2 ประเทศ ใช้ชื่อไม่เหมือนกัน ประเทศไทยใช้ชื่อว่า “กีฬา ตะกร้อ” ส่วนประเทศมาเลเซีย ใช้ชื่อว่า “Sepak Raga” อ่านว่า ซีปัก ราก้า ซึ่งคำว่า Raga นั้น แปลว่าตะกร้อ นั่นเอง คณะกรรมการประสานงานหรือสมาคมกีฬาของทั้ง 2 ประเทศ จึงได้นำเอาคำ ว่า “Sepak” ของประเทศมาเลเซียมาบวกกับคำว่า “ตะกร้อ” ของประเทศไทย รวมเป็นคำว่า “Sepak + ตะกร้อ” จนกระทั่งเป็นชื่อเรียกกีฬาชนิดนี้ว่า “Sepak-Takraw” หรือเซปักตะกร้อมา ตราบเท่าทุกวันนี้และคณะกรรมการประสานงานทั้ง 2 ประเทศ จึงได้ช่วยกันผลักดันให้กีฬา “Sepak-Takraw” บรรจุเข้าในการแข่งขันแหลมทอง หรือกีฬา Seap Games ครั้งที่ 3 ปี พ.ศ. 2508 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ระหว่างวันที่ 14-21 ธันวาคม พ.ศ. 2508 ซึ่งได้ เปลี่ยนมาเป็นกีฬา Sea Games หรือกีฬาซีเกมส์ในปัจจุบัน


3 หลักการอบอุ่นร่างกายและการผ่อนคลาย - เพื่อกระตุ้นระบบการเผาผลาญอาหารในร่างกายสำหรับความพร้อมที่จะหลั่งสารพลังงาน - เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตของร่างกาย - เพื่อลดระยะเวลาการหดตัวและการตอบสนองของกล้ามเนื้อ วิธีการอบอุ่นร่างกาย ควรมีกิจกรรมดังนี้ - การยืดกล้ามเนื้อ (Stretching Exercise) - การเพิ่มมุมการเคลื่อนไหวของข้อต่อให้พร้อมที่ฝึกหัดต่อไป - เพื่อป้องกันการบาดเจ็บชองกล้ามเนื้อ - เพื่อพัฒนาความแข็งแรงเอ็นยึดข้อต่างๆ เอ็นข้อต่อที่คอ ไหล่ เข่า ข้อเท้า ข้อศอก การฝึกด้วยทักษะกีฬาชนิดนั้นๆ กีฬาชนิดใดก็จะใช้การฝึกทักษะกีฬาชนิดนั้นๆ เป็นแบบฝึกต่อจากการยึดกล้ามเนื้อและการ กายบริหารเพื่อเตรียมความพร้อมระหว่างกล้ามเนื้อต่างๆ กับการสั่งการด้วยสายตา เช่น การรับ-ส่ง การอบอุ่นร่างกายโดยทั่วไปประกอบด้วย - การวิ่งเหยาะๆ การบริหารกล้ามเนื้อด้วยการยืด (Strech) - มีระยะเวลาความเข้มให้พอเหมาะ โดยไม่เกิดความเมื่อยล้า เมื่อเหงื่อเริ่มออกแสดงว่า อุณหภูมิในร่างกายถึงจุดเหมาะสมแล้ว อย่างไรก็ตามการอบอุ่นร่างกายสำหรับนักกีฬาตะกร้อควรเริ่มจากการวิ่งช้าๆ การบริหารกาย ต่อจากนั้นจึงเป็นไปในท่าเฉพาะอย่าง เพื่อเตรียมพร้อมร่างกายไว้แข่งขันใช้เวลาไม่ควรเกิน 20-30 นาที มากไปจะเป็นการใช้พลังงานมากไป ควรเก็บไว้ใช้ขณะแข่งขันจริง คำว่า “เหมาะสมหรือ พอเหมาะ” จะเปลี่ยนไปแต่ละบุคคลและสภาพอากาศ ภาพประกอบการอบอุ่นร่างกาย


4 ภาพประกอบการอบอุ่นร่างกาย(1) หลักการฝึกการเล่นเซปักตะกร้อระดับพื้นฐาน 8 ขั้นตอนที่สำคัญในการนำไปสู่การเล่นเกมเซปักตะกร้อนั้น ถือว่าเป็นขบวนการต่อเนื่อง หรือองค์ประกอบที่สำคัญของการเล่นหรือการแข่งขัน ในแต่ละขั้นตอนจะมีความสำคัญที่แตกต่างกัน แต่จะมีความต่อเนื่องและสัมพันธ์กัน ตั้งแต่เริ่มต้นในขั้นตอนที่ 1 จนสิ้นสุดในขั้นตอนที่ 8 การเรียนรู้ เกมเซปักตะกร้อไม่ควรมองข้ามหรือละเลยความสำคัญในขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่ง เพราะจะทำให้เกิด ช่องว่างหรือปัญหาในการแก้ไขปรับปรุง และขาดความเชื่อมั่นในตนเอง โดยเฉพาะขาดความเข้าใจใน การนำผลไปเชื่อมโยงกับขั้นตอนอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขบวนการทั้ง 8 ขั้นตอน ในการนำไปสู่การเล่นเกมเซปักตะกร้อ มีดังนี้ 1. การโยน 2. การเสิร์ฟ 3. การรับลูกเสิร์ฟ 4. การตั้งหรือการชงลูกตะกร้อ 5. การรุก 6. การสกัดกั้น 7. การรับลูกที่เกิดขึ้นจากการสกัดกั้น 8. การตั้งรับ ขบวนการทั้งหมดดังกล่าว ผู้เล่นจำเป็นต้องศึกษาและสร้างความเข้าใจอย่างถูกต้องสามารถ นำไปฝึกฝนปฏิบัติให้เกิดทักษะ ไม่ควรมองข้ามหรือละเลยในขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งจะต้องให้ความ สำคัญและสร้างความเข้าใจศึกษารายละเอียดทุกขั้นตอนดังนี้


5 ขั้นตอนที่ 1 การโยน ลักษณะของการโยน ผู้โยนจะต้องมีทักษะที่ดีพอ โดยต้องโยนให้พอดีมีความสัมพันธ์กับ จังหวะของการเสิร์ฟ ซึ่งจะส่งผลให้การเสิร์ฟมีประสิทธิภาพ ถือเป็นขั้นตอนที่มีความสำคัญเป็นอย่าง ยิ่งหรืออาจจะไม่มีความสำคัญเลยก็ได้ ถ้าหากเกิดความผิดพลาดในการโยน เนื่องจากคะแนนที่ได้จาก การเสิร์ฟถือได้ว่ามีผลมาจากคุณภาพของการโยนเป็นสำคัญ วิธีการฝึกการโยนลูกตะกร้อให้ผู้เสิร์ฟ การวางเท้าอยู่ในเสี้ยววงกลมทั้งสองเท้า ให้วางเท้าหลัก (เท้าข้างที่ถนัด) อยู่ด้านหน้าเท้ารอง (เท้าข้างที่ไม่ถนัด) อยู่ด้านหลัง หันปลายเท้าชี้ไปทางด้านผู้เสิร์ฟ วางลูกตะกร้อไว้บนฝ่ามือข้างที่ถนัด ประคองลูกตะกร้อไว้ในอุ้งมือ ไม่กำลูกตะกร้อแน่นมาก ยกแขนชูลูกตะกร้อขึ้นสูงสายตาคาดคะเนลูก ตะกร้อให้ตรงเป้าหมาย (ต้องทำความเข้าใจกับผู้เสิร์ฟด้วยว่า ผู้เสิร์ฟชอบการโยนแบบลูกตะกร้อพุ่ง รวดเร็ว ลูกสูงย้อย ลูกใกล้ตัวหรือลูกไกลตัว) ย่อเข่าทั้งสองข้างลง ลดแขนข้างที่ถือลูกตะกร้อลงด้วย เมื่อได้จังหวะที่ดีพร้อมยืดเข่า ลำตัวขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ปล่อยลูกตะกร้อให้หลุดออกจากมือในลักษณะลูก ตะกร้อหมุนกลิ้งรอบตัวไปด้านหนึ่ง เพื่อไปสู่ทิศทางและเป้าหมายที่ต้องการ ขั้นตอนที่ 2 การเสิร์ฟ การเสิร์ฟ หมายถึง การส่งลูกตะกร้อด้วยข้างเท้าด้านในได้กำหนดไว้ การเสิร์ฟเป็นขั้นตอน ที่ต่อเนื่องจากการโยน บางครั้งเรียกว่าการเสิร์ฟว่าเป็นลักษณะของการรุกอย่างหนึ่ง คือรุกด้วยการ เสิร์ฟ การเสิร์ฟที่มีประสิทธิภาพสูง มีความแน่นอนแม่นยำย่อมมีผลตอบแทนที่มีค่าสูงอย่างยิ่ง คือ การได้รับคะแนนถือว่าเป็นคะแนนที่มีความโชคดีที่ผู้เล่นไม่ต้องออกแรงกันทั้งทีม อย่าลืมว่าเกมการ แข่งขันเซปักตะกร้อนั้น มีคะแนนสำหรับผู้ชนะดังนี้ เซ็ตที่ 1 21 คะแนน (ดิวส์คู่ไม่เกิน25 คะแนน) เซ็ตที่ 2 21 คะแนน (ดิวส์คู่ไม่เกิน 25 คะแนน) เซ็ตที่ 3 15 คะแนน (ดิวส์คู่ไม่เกิน17 คะแนน) หากครึ่งหนึ่งของคะแนนในแต่ละเกมได้มาจากการเสิร์ฟ ก็จะทำให้เป็นผู้ชนะในเกมการแข่งขันได้ โดยไม่ยาก


6 วิธีการฝึกการเสิร์ฟเบื้องต้น วางเท้าหลักข้างที่ไม่เสิร์ฟอยู่ภายในวงกลม หันปลายเท้าชี้ไปทางด้านผู้โยน เท้าข้างที่จะเสิร์ฟ วางไว้ที่ด้านหลัง ยกแขนข้างใดข้างหนึ่งชี้ขึ้น เพื่อบอกระดับความต้องการ เมื่อลูกตะกร้อถูกโยนมาให้ ถอยเท้าข้างที่จะเสิร์ฟไปทางด้านหลัง 1 ก้าว เพื่อหาจังหวะส่งแรง พร้อมกับยกเท้าขึ้นสูงเป็นรูปวง สวิงสัมผัสลูกตะกร้อ พร้อมกับออกแรงโน้นลำตัวไปทางด้านหน้า ส่งลูกตะกร้อข้ามตาข่ายโดยเท้าหลัก ไม่หลุดออกจากวงกลม ขั้นตอนที่ 3 การรับลูกเสิร์ฟ การรับลูกเสิร์ฟเป็นขั้นตอนที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง การรับลูกเสิร์ฟหรือการเปิดลูกเสิร์ฟ หมายถึง การเล่นลูกตะกร้อครั้งที่ 1 จากการเสิร์ฟของคู่แข่งขัน โดยใช้อวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งของ ร่างกาย ได้แก่ ศีรษะ เข่า หลังเท้า ข้างเท้าด้านในและอวัยวะส่วนอื่นๆที่ไม่ผิดกติการับลูก หากรับเสีย จะทำให้เสียคะแนน หรือหากคุณภาพในการรับไม่ดี จะทำให้การสร้างขบวนการรุกไม่ดีไปด้วย หรือ ทำให้ประสิทธิภาพการโต้ตอบกลับไม่ดี ดังนั้น การรับลูกเสิร์ฟครั้งแรกจะต้องทำให้เป็นลูกดีเสมอ (ซึ่ง ก็เป็นการยากหากผู้เล่นได้พบกับลูกเสิร์ฟที่มีความรุนแรง) เพื่อส่งผลให้การเล่นลูกตะกร้อครั้งที่ 2 มี ความสมบูรณ์หรือง่ายต่อการเล่น วิธีการฝึกรับลูกเสิร์ฟเบื้องต้น ให้ผู้ฝึกสังเกตวิถีทางของลูกเสิร์ฟซึ่งมีอยู่ 4 ระดับ ดังนี้ 1. ระดับสูง ใช้ศีรษะรับ ส่วนมากจะเป็นผู้เล่นคู่หน้าเพราะยืนอยู่ใกล้ชิดตาข่าย 2. ระดับกลางพุ่งเข้าหาลำตัว ใช้เข่ารับ 3. ระดับต่ำถึงตัวผู้เล่น ใช้ข้างเท้าด้านในทั้งเท้าซ้ายและเท้าขวา 4. ระดับต่ำไม่ถึงตัวผู้เล่น ใช้หลังเท้าเคลื่อนที่ไปรับข้างหน้า


7 ขั้นตอนที่ 4 การตั้งหรือการชงลูกตะกร้อ การตั้งหรือการชงลูกตะกร้อ หมายถึง การเล่นลูกตะกร้อครั้งที่2 หรืออาจจะเป็นครั้งที่1 ก็ได้ (ในกรณีที่ลูกเสิร์ฟหรือลูกอื่นๆ ที่ข้ามตาข่ายมาในลักษณะเบาไม่รุนแรง ซึ่งง่ายต่อการเล่น แต่วนมาก จะเป็นการเล่นลูกครั้งที่2 โดยใช้ทักษะข้างเท้าด้านในและศีรษะเท่านั้นในการตั้งลูกตะกร้อ หรือ อาจจะใช้ได้ในบางโอกาสก็ได้ในที่ไม่ผิดกติกา แต่ไม่ค่อยใช้หรืออาจใช้ได้ในบางโอกาส เช่น การใช้เข่า ข้างเท้าด้านนอกและหลังเท้า แต่จะไม่มีความแน่นอนและแม่นยำในทิศทางการตั้งลูกจะดีหรือไม่ ส่วน หนึ่งจะเกิดจากการรับลูกตะกร้อครั้งแรก จะเป็นการเล่นด้วยตัวเองหรือคนอื่นเล่นก็ตาม หากครั้งแรก เล่นผิดพลาดมากแล้ว ครั้งที่ 2 ก็ได้รับเพียงการแก้ไข หรืออาจจะแก้ไข้ไม่ได้เลย วิธีการฝึกการตั้งลูกตะกร้อเบื้องต้น ให้ผู้เล่นตำแหน่งรุก และตำแหน่งตั้งไปยืนคู่กันระยะห่างคนละด้านของตาข่าย ผู้ฝึกสอน ขว้างลูกตะกร้อ 4 ระดับ (วิถีทางของลูกเสิร์ฟมี 4 ระดับ จากขั้นตอนที่ 3) ใส่ผู้เล่นตำแหน่งรุก โดย ให้เปิดลูกไปตามจุดต่างๆ แล้วให้ผู้เล่นตำแหน่งตั้งเคลื่อนที่ติดตามลูกตะกร้อให้ทัน พร้อมกับตั้งลูกไป ให้ผู้เล่นตำแหน่งรุกที่เคลื่อนตัวเข้าไปเตรียมพร้อมที่จะรุก โดยยืนหันหลังให้ตาข่าย ขั้นตอนที่ 5 การรุก การรุก หมายถึง การเล่นตะกร้อ ครั้งที่ 1, 2 หรือ 3 ก็ได้หากมีโอกาสหรือสร้างโอกาสได้เอง หรือแล้ว แต่สถานการณ์ของเกมการเล่นด้วยการรุกในท่าต่างๆ ที่ตนเองถนัด ส่วนมากจะมีท่าการรุก ที่ถนัดเป็นหลักในการรุกอยู่แล้ว ส่วนท่ารุกอย่างอื่นจะเป็นท่ารุกสำรอง แล้วแต่โอกาสที่จะนำออกมา ใช้ เช่น การรุกโดยการกระโดดลอยตัวกลางอากาศ การกระโดดสลับเท้าด้านหลังการกระโดดใช้ศีรษะ กดลูกตะกร้อลง การกระโดดเหยียบด้วยฝ่าเท้า การกระโดดปาดด้านข้างด้วยฝ่าเท้า เป็นต้น ประสิทธิภาพของการรุกจะดีหรือไม่ ย่อมขึ้นอยู่ดับขบวนการที่ใกล้ชิดที่สุด คือ การตั้งลูกหรือ อีกความหมายหนึ่ง “การตั้งลูกดีจะมีผลทำให้การรุกมีประสิทธิภาพดีด้วย” ซึ่งข้อความดังกล่าวเป็น เพียงเหตุผลหนึ่งเท่านั้น เหตุผลที่สำคัญคือจะต้องมีการฝึกฝนปฏิบัติพัฒนาขีดความสามารถเฉพาะ


8 ตำแหน่งในการเล่นของตนเองให้ดีด้วย เพื่อจะได้ส่งผลหรือเอื้อประโยชน์ต่อกันในการแก้ไขปรับปรุง ให้ประสิทธิภาพในการรุกดีขึ้น ขั้นตอนการรุกถือว่าเป็นขั้นตอนที่มีความสำคัญมาก เพราะถือว่าโอกาสที่จะมาถึงในขั้นตอน นี้จะต้องผ่านขบวนการรับลูกเสิร์ฟ และตั้งลูกมาก่อน ถือว่าเป็นขั้นตอนสุดท้ายที่ผู้เล่นที่มีความมั่นใจ ในตนเองสูง มีชั้นเชิงกลยุทธ์ มีเทคนิค มีแทคติก และมีการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี ซึ่งการรุกที่ ได้ผลดีก็หมายถึงมีสิทธิในการเสิร์ฟลูกใหม่และได้คะแนน ขั้นตอนที่ 6 การสกัดกั้น การสกัดกั้นหรือการบล๊อก หมายถึง การตั้งรับที่เกิดขึ้นภายหลังจากการรุก ซึ่งเป็นการรุกที่ รุนแรงและรวดเร็ว ยากแก่การตั้งรับแบบธรรมดา จึงเกิดแนวคิดหาวิธีสกัดกั้นที่มีประสิทธิภาพเช่น การใช้ขา ลำตัว หลัง และศีรษะ การสกัดกั้นมี 3 แบบ คือ 1. การสกัดกั้นด้วยขาและลำตัว 2. การสกัดกั้นด้วยศีรษะ 3. การสกัดกั้นด้วยแผ่นหลังตรงและเอียงข้าง การสกัดกั้น คือ การนำเอาอวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกาย ยกเว้นส่วนที่เป็นแขน (ตั้งแต่หัวไหล่ลงไป จนถึงปลายนิ้วมือ) ขึ้นสกัดกั้นการรุกของคู่แข่งเหนือตาข่าย การสกัดกั้นเปรียบเหมือนการตั้งรับอย่าง หนึ่ง แต่เป็นการตั้งรับเฉพาะการรุกที่รุกแรงเท่านั้น การสกัดกั้นที่ได้ผลดีนั้นต้องคำนึงถึงจังหวะของผู้ สกัดกั้นกับจังหวะของผู้รุกให้มีความสัมพันธ์กัน โดยการกะระยะให้พอดีพร้อมกับจัดระเบียบส่วน ต่างๆ ของร่างกายให้รัดกุมและไม่เสียการทรงตัว การสกัดกั้นเป็นการสร้างความกดดันให้เกิดขึ้นกับคู่ แข่งขัน หากสามารถทำได้ผลติดต่อกันหลายๆ ครั้ง


9 วิธีการฝึกการสกัดกั้นระดับเบื้องต้น 1. หากผู้เล่นถนัดขวา ให้ฝึกการกระโดดเตะเท้าขวาขึ้นสูงติดต่อกัน โดยใช้เท้าซ้ายเป็นเท้า หลักในการยกน้ำหนักตัวเอง เป็นการฝึกสปริงข้อเท้า โดยทำเป็นยกๆ ละ 20 ครั้ง พัก 1 นาที จำนวน 5 ยก 2. ให้ผู้เล่นฝึกกระโดดเลียบตาข่ายในระดับต่ำพร้อมกับการจัดระเบียบของร่างกายให้รัดกุม ถูกต้องและไม่เสียการทรงตัว ขั้นตอนที่ 7 การรับลูกที่เกิดขึ้นจากการสกัดกั้น การรับลูกที่เกิดขึ้นจากการสกัดกั้น หมายถึง การตั้งรับลูกตะกร้อ ซึ่งเป็นผลที่เกิดขึ้นจากการ สกัดกั้นที่ได้ผล คือ การกระดอนกลับของลูกตะกร้อที่จะต้องตกลงในเขตของฝ่ายรุก ดังนั้นฝ่ายที่มี หน้าที่ที่จะรับลูกที่เกิดจากการสกัดกั้นก็คือ ผู้เล่นที่เหลือ 2 คนของฝ่ายรุกนั้นเอง ต้องติดตามรับลูก ตะกร้อไม่ว่าจะตกในส่วนใดของสนาม โดยต้องแบ่งหน้าที่ในการรับออกเป็น2 ส่วน คือ 1. บริเวณใกล้ตาข่าย 2. บริเวณไกลตาข่าย ขั้นตอนที่ 8 การตั้งรับ การตั้งรับ หมายถึง การวางแผนในการตั้งรับลูกตะกร้อ จากเกมการรุกของคู่แข่งขันซึ่ง อาจจะเป็นการรุกที่รุนแรงหรือรุนแรงปานกลางในเขตการรุกระยะไกลจากตาข่าย โดยไม่มีการสกัด กั้น จะต้องวาง แผนการตั้งรับจากจุดต่างๆ ที่ฝ่ายรุกโต้ตอบกลับมา ผลตอบแทนที่ได้รับในขั้นตอนนี้ คือ 1. เมื่อเป็นฝ่ายเสิร์ฟ หากสามารถรับได้จะกลับเป็นฝ่ายรุกตอบ ถ้าการรุกได้ผลสิ่งที่ได้รับคือ คะแนน


10 2. เมื่อเป็นฝ่ายรับ หากสามารถรับได้และรุกตอบได้ผล สิ่งที่ได้รับคือกลับมามีสิทธิ์ในการ เสิร์ฟและได้คะแนน กติกาเซปักตะกร้อของสหพันธ์ เซปักตะกร้อนานาชาติ ข้อ 1 สนามแข่งขัน 1.1 สนาม พื้นที่ของสนามมีความยาว 13.40 เมตร และกว้าง 6.10 เมตร จะต้องไม่มีสิ่งกีดขวางใดๆ วัดจากพื้นสนามสูงขึ้นไป 8 เมตร ( พื้นสนามไม่ควรเป็นหญ้าหรือ สนามทราย)


11 1.2 เส้นสนาม ขนาดของเส้นสนามทุกเส้นที่เป็นขอบเขตของสนามต้องไม่กว้างกว่า 4 เซนติเมตร ให้ตีเส้นจากขอบนอกเข้ามาในสนาม และถือเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่สนามแข่ง ขันด้วยเส้นเขตสนามทุกเส้นต้องห่างจากสิ่งกีดขวางอย่างน้อย 3 เมตร 1.3 เส้นกลาง มีขนาดความกว้างของเส้น 2 เซนติเมตร โดยจะแบ่งพื้นที่ของสนาม ออกเป็นด้านซ้ายและขวาเท่าๆ กัน 1.4 เส้นเสี้ยววงกลม ที่มุมสนามของแต่ละด้านตรงเส้นกลาง ให้จุดศูนย์กลางอยู่ที่ กึ่งกลางของเส้นกลางตัดกับเส้นขอบนอกของเส้นข้าง เขียนเส้นเสี้ยววงกลมทั้งสองด้าน รัศมี 90 เซนติเมตร ให้ตีเส้นขนาดความกว้าง 4 เซนติเมตร นอกเขตรัศมี 90 เซนติเมตร 1.5 วงกลมเสิร์ฟ ให้มีรัศมี 30 เซนติเมตร โดยวัดจากขอบด้านนอกของเส้นหลัง เข้าไปในสนามยาว 2.45 เมตร และวัดจากเส้นข้างเข้าไปในสนามยาว 3.05 เมตร ให้ตรง จุดตัดจากเส้นหลังและเส้นข้างเป็นจุดศูนย์กลาง ให้เขียนเส้นวงกลมขนาดความกว้าง 4 เซนติเมตร นอกเขตรัศมี 30 เซนติเมตร ข้อ 2 เสา 2.1 เสามีความสูง 1.55 เมตร สำหรับผู้ชาย และ 1.45 เมตร สำหรับผู้หญิง เสา ให้ตั้งอยู่อย่างมั่นคงพอที่จะทำให้ตาข่ายตึงได้ โดยเสาจะต้องทำจากวัตถุที่มีความแข็งแกร่ง และรัศมีไม่เกิน 4 เซนติเมตร 2.2 ตำแหน่งของเสา ให้ตั้งหรือวางไว้อย่างมั่นคงนอกสนามตรงกับแนวเส้นกลาง ห่างจากเส้นข้าง 30 เซนติเมตร ข้อ 3 ตาข่าย 3.1 ตาข่ายให้ทำด้วยเชือกอย่างดีหรือไนล่อน มีรูตาข่ายกว้าง 6-8 เซนติเมตร มี ความกว้างของผืนตาข่าย 70 เซนติเมตร และความยาวไม่น้อยกว่า 6.10 เมตร ให้มีวัสดุที่ ทำเป็นแถบ ขนาดความกว้าง 5 เซนติเมตร ตรงด้านข้างของตาข่ายทั้งสองด้านจากบนถึง ล่างตรงกับแนวเส้นข้าง ซึ่งเรียกว่า “แถบแสดงเขตสนาม”


12 3.2 ตาข่ายให้มีแถบหุ้ม ขนาดกว้าง 5 เซนติเมตร ทั้งด้านบนและด้านล่าง โดยมี ลวดหรือเชือกไนล่อนอย่างดีร้อยผ่านแถบ และตึงตาข่ายให้ตึงเสมอระดับหัวเสา ความสูงของ ตาข่ายวัดจากพื้นถึงส่วนบนของตาข่ายที่กึ่งกลางสนามมีความสูง 1.52 เมตร สำหรับผู้ชาย และ 1.45 เมตร สำหรับผู้หญิง ข้อ 4 ลูกตะกร้อ 4.1 ลูกตะกร้อก่อนหน้านี้ทำมาจากหวาย ต้องมีลักษณะลูกทรงกลม ในปัจจุบันทำ ด้วยใยสังเคราะห์ถักสานชั้นเดียว 4.2 ลูกตะกร้อที่ไม่ได้เคลือบด้วยยางสังเคราะห์ ต้องมีลักษณะดังนี้ 4.2.1 มี 12 รู 4.2.2 มีจุดตัดไขว้ 20 จุด 4.2.3 มีขนาดเส้นรอบวง 41-43 เซนติเมตร สำหรับผู้ชาย และ 42-44 เซนติเมตร สำหรับผู้หญิง 4.2.4 มีน้ำหนัก 170-180 กรัม สำหรับผู้ชาย และ 150-160 กรัม สำหรับผู้หญิง 4.3 ลูกตะกร้ออาจมีสีเดียวหรือหลายสี หรือใช้สีสะท้อนแสงก็ได้ แต่จะต้องไม่เป็นสี ที่เป็นอุปสรรคต่อผู้เล่น (ลดความสามารถของผู้เล่น) 4.4 ลูกตะกร้ออาจทำด้วยยางสังเคราะห์หรือเคลือบด้วยวัสดุนุ่มที่มีความคงทน เพื่อให้มีความอ่อนนุ่มต่อการกระทบกับผู้เล่น ลักษณะของวัสดุและวิธีการผลิตลูกตะกร้อหรือ การเคลือบลูกตะกร้อด้วยยาง หรือวัสดุที่อ่อนนุ่มต้องได้รับการรับรองมาตรฐานจากISTAF (สหพันธ์) ก่อนการใช้ในการแข่งขัน 4.5 รายการแข่งขันระดับโลก นานาชาติ และการแข่งขันระดับภูมิภาคที่ได้รับรอง จาก ISTAF รวมทั้งในการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ เวิลด์เกมส์ กีฬาเครือจักภาพ เอเชี่ยนเกมส์ และซีเกมส์ ต้องใช้ลูกตะกร้อที่ได้รับการรับรองจาก ISTAF


13 ข้อ 5 ผู้เล่น 5.1 การแข่งขันมี 2 ทีม ประกอบด้วยผู้เล่นฝ่ายละ 3 คน 5.2 ผู้เล่นคนหนึ่งในสามคนจะเป็นผู้เสิร์ฟและอยู่ด้านหลัง เรียกว่า “ผู้เสิร์ฟ” (Server or Tekong) 5.3 ผู้เล่นอีกสองคนอยู่ด้านหน้าโดยคนหนึ่งจะอยู่ด้านซ้ายและอีกคนจะอยู่ด้านขวา คนที่อยู่ด้านซ้ายเรียกว่า หน้าซ้าย (Left Inside) และคนที่อยู่ด้านขวา เรียกว่า หน้า ขวา (Right Inside) ประเภททีมชุด 5.4.1 แต่ละทีมประกอบด้วยผู้เล่นอย่างน้อย 9 คน และไม่เกิน 15 คน (ผู้เล่นทีม ละ 3 คน 3 ทีม) แต่ให้ขึ้นทะเบียนผู้เล่นเพียง 12 คน 5.4.2 ก่อนการแข่งขัน แต่ละทีมต้องมีผู้เล่นที่ขึ้นทะเบียนอย่างน้อย 9 คนใน สนามแข่งขัน 5.4.3 ในระหว่างการแข่งขันทีมใดที่มีผู้เล่นน้อยกว่า 9 คน ในสนามแข่งขันจะไม่ อนุญาตให้เข้าแข่งขัน ถูกปรับให้เป็นแพ้ในการแข่งขัน ประเภททีมเดี่ยว 5.5.1 แต่ละทีมประกอบด้วยผู้เล่นอย่างน้อย 3 คน และไม่เกิน 5 คน (ผู้เล่น 3 คน สำรอง 2 คน) ผู้เล่นทุกคนต้องขึ้นทะเบียน 5.5.2 ก่อนการแข่งขันแต่ละทีมต้องมีผู้เล่นอย่างน้อย 3 คน 5.5.3 ในระหว่างการแข่งขันทีมใดมีผู้เล่นน้อยกว่า 3 คน ในสนามแข่งขันจะไม่ อนุญาตให้เข้าแข่งขันและถูกปรับให้เป็นแพ้ในการแข่งขัน ข้อที่ 6 เครื่องแต่งกายของผู้เล่น 6.1 อุปกรณ์ที่ผู้เล่นใช้ต้องเหมาะสมกับการเล่นเซปักตะกร้อ อุปกรณ์ใดที่ออกแบบเพื่อเพิ่ม หรือลดความเร็วของลูกตะกร้อ เพิ่มความสูงของผู้เล่นหรือการเคลื่อนไหว หรือทำให้ได้เปรียบหรือ อาจเป็นอันตรายต่อตัวผู้เล่นและคู่แข่งขัน จะไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้


14 6.2 เพื่อป้องกันการขัดแย้งหรือโต้เถียงกันโดยไม่จำเป็น ทีมที่เข้าแข่งขันต้องใช้เสื้อสีต่างกัน 6.3 แต่ละทีมต้องมีชุดแข่งขันอย่างน้อย 2 ชุด เป็นสีอ่อนและสีเข้ม หากทีมที่เข้าแข่งขันใช้ เสื้อสีเดียวกัน ทีมเจ้าบ้านต้องเปลี่ยนเสื้อทีม ในกรณีสนามกลางทีมที่มีชื่อแรกในโปรแกรมแข่งขันต้อง เปลี่ยนสีเสื้อ 6.4 อุปกรณ์ของผู้เล่นประกอบด้วย เสื้อยืดคอปกหรือไม่มีปก กางเกงขาสั้น ถุงเท้าและ รองเท้าพื้นยางไม่มีส้น ส่วนต่างๆ ของเครื่องแต่งกายของผู้เล่นถือเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายและเสื้อ จะต้องอยู่ในกางเกงตลอดเวลาการแข่งขัน ในกรณีที่อากาศเย็น อนุญาตให้ผู้เล่นสวมชุดวอร์มในการ แข่งขัน 6.5 เสื้อผู้เล่นทุกคนจะต้องติดหมายเลขทั้งด้านหน้าและด้านหลัง และผู้เล่นแต่ละคนต้องใช้ หมายเลขประจำนั้นตลอดการแข่งขัน ให้แต่ละทีมใช้หมายเลข 1-36 เท่านั้น สำหรับขนาดของ หมายเลขด้านหลังสูงไม่น้อยกว่า 19 เซนติเมตร และสูงไม่น้อยกว่า 10 เซนติเมตร ด้านหน้า(ตรง กลางหน้าอก) 6.6 หัวหน้าทีมต้องสวมปลอกแขนด้านซ้ายของแขนและให้สีต่างจากสีเสื้อของผู้เล่น 6.7 กรณีที่ไม่ได้ระบุไว้ในกติกานี้ ต้องได้รับการรับรองจากรรมการเทคนิคของ ISTAF ก่อน ข้อที่ 7 การเปลี่ยนตัวผู้เล่น 7.1 ผู้เล่นคนใดที่ลงแข่งขันในแต่ละทีมหรือได้เปลี่ยนตัวไปแล้ว จะไม่อนุญาตให้ลงแข่งขันใน ทีมอื่นๆ อีก สำหรับการแข่งขันประเภททีมชุด เฉพาะครั้งนั้นๆ 7.2 การเปลี่ยนตัวผู้เล่นจะกระทำในเวลาใดก็ได้ โดยผู้จัดการทีมยื่นขอต่อกรรมการประจำ สนาม (Official Referee) เมื่อลูกตะกร้อไม่ได้อยู่ในการเล่น (ลูกตาย) 7.3 ประเภททีมเดียว ในการแข่งขันแต่ละครั้งให้แต่ละทีมมีผู้เล่นสำรองได้ไม่เกิน 2 คน นอกเหนือจากผู้เล่น 3 คน ที่เริ่มเล่นในสนามและสามารถทำการเปลี่ยนตัวได้ไม่เกิน 2 ครั้งในแต่ ละเซ็ท ประเภททีมชุด ในการแข่งขันแต่ละครั้งให้แต่ละทีมเดี่ยวเปลี่ยนตัวผู้เล่นสำรองได้ไม่เกิน 1 คนนอกเหนือ จากผู้เล่น 3 คน ที่เริ่มเล่นในสนามและสามารถทำการเปลี่ยนตัวได้ไม่เกิน 2 ครั้งในแต่ละเซ็ท การ เปลี่ยนตัวทุกครั้งให้อยู่ในอำนาจหน้าที่ของกรรมการประจำสนาม (Court Referee) และให้กระทำที่ ด้านข้างของสนาม โดยให้อยู่ในสายตาของผู้ตัดสิน (Match Referee) การเปลี่ยนตัวสามารถกระทำ ได้ในระหว่างการแข่งขัน เมื่อลูกตะกร้อไม่ได้อยู่ในการเล่นหรือในทันทีที่เริ่มการแข่งขันในแต่ละเซ็ท การเปลี่ยนตัวสามารถเปลี่ยนตัวได้ 1 คนหรือ 2 คนพร้อมกันในเวลาเดียวกัน


15 สำหรับประเภททีมเดี่ยวเท่านั้น (เปลี่ยน 2 คนพร้อมกัน ให้นับเป็นสองครั้ง) ก่อนการแข่งขัน ในเซ็ทใหม่ ทีมใดมีการเปลี่ยนตัวในการพักระหว่างเซ็ทให้ถือเป็นการเปลี่ยนตัวในเซ็ทใหม่ 7.4 ถ้ามีผู้เล่นเกิดการบาดเจ็บและไม่สามารถทำการแข่งขันต่อไปได้ อนุญาตให้ทีมนั้น ทำ การเปลี่ยนตัวผู้เล่นถ้ายังไม่ได้ใช้สิทธิในการเปลี่ยนตัว แต่ถ้ามีการเปลี่ยนตัวครบ 2 ครั้งในเซ็ทนั้นแล้ว การแข่งขันจะยุติลงและทีมดังกล่าวจะถูกปรับให้เป็นแพ้ในการแข่งขัน 7.5 ถ้าผู้เล่นได้รับบัตรแดง จะถูกลงโทษให้ออกจากการแข่งขัน อนุญาตให้ทีมนั้น ทำการ เปลี่ยนตัวผู้เล่นถ้ายังไม่ได้ใช้สิทธิในการเปลี่ยนตัว แต่ถ้ามีการเปลี่ยนตัวผู้เล่นครบ 2 ครั้ง ในเซ็ทนั้น แล้ว การแข่งขันจะยุติลง และทีมดังกล่าวจะถูกปรับให้เป็นแพ้ในการแข่งขัน 7.6 มีผู้เล่นน้อยกว่า 3 คน การแข่งขันจะยุติลง และทีมดังกล่าวจะถูกปรับให้เป็นแพ้ในการ แข่งขัน ข้อ 8 การเสี่ยงและการอบอุ่นร่างกาย 8.1 ก่อนเริ่มการแข่งขัน กรรมการผู้ตัดสินกระทำการเสี่ยงโดยใช้เหรียญหรือวัตถุกลมแบน ผู้ชนะการเสี่ยงจะได้สิทธิ์เลือก “ข้าง” หรือเลือก “ส่ง” ผู้แพ้การเสี่ยงต้องปฏิบัติตามกติกาการเสี่ยง 8.2 ทีมที่ชนะการเสี่ยงจะต้องอบอุ่นร่างกายเป็นระยะเวลา 2 นาที ในสนามแข่งขันก่อนทีม ที่แพ้การเสี่ยงด้วยลูกตะกร้อที่ใช้ในการแข่งขัน โดยอนุญาตให้มีบุคคลในสนามเพียง 5 คน ข้อ 9 ตำแหน่งผู้เล่นในระหว่างการเสิร์ฟ 9.1 เมื่อเริ่มเล่นผู้เล่นทั้งสองทีมต้องยืนอยู่ในที่ที่กำหนดไว้ในแดนของตนในลักษณะ เตรียมพร้อม 9.2 ผู้เล่นเสิร์ฟต้องวางเท้าข้างหนึ่งในวงกลมเสิร์ฟ 9.3 ผู้เล่นหน้าทั้งสองคนของฝ่ายเสิร์ฟต้องยืนในเสี้ยววงกลมของตนเอง 9.4 ผู้เล่นของฝ่ายรับ (ฝ่ายตรงข้าม) จะยืนอยู่ที่ใดก็ได้ในแดนของตนเอง ข้อ 10 การเริ่มเล่นและการเสิร์ฟ (The Start of Player & Service) 10.1 การแข่งขันถูกดำเนินการโดยผู้ตัดสิน (Match Referee) หนึ่งคน โดยอยู่ในตำแหน่ง ด้านหนึ่งของปลายตาข่าย มีผู้ช่วยผู้ตัดสิน (Assistant Match Referee) หนึ่งคนอยู่ตรงกันข้ามกับ ผู้ตัดสิน มีกรรมการประจำสนาม (Court Referee) หนึ่งคนอยู่ด้านหลังผู้ตัดสินมีผู้กำกับเส้น (Linesman) สองคน โดยคนหนึ่งอยู่ทางเส้นข้างด้านขวามือของผู้ตัดสินและอีกคนหนึ่งอยู่ทางเส้นข้าง ด้านขวามือของผู้ช่วยผู้ตัดสิน ผู้ตัดสินจะได้รับความช่วยเหลือจากกรรมการผู้ชี้ขาด (Official Referee) ที่อยู่นอกสนาม ทีมที่ได้เสิร์ฟก่อนจะเสิร์ฟติดต่อกัน 3 ครั้ง ในขณะที่อีกทีมหนึ่งก็จะได้สิทธิ์การเสิร์ฟ ในลักษณะ เดียวกัน หลังจากนั้นให้สลับกันเสิร์ฟทุกๆ 3 คะแนน ไม่ว่าฝ่ายใดจะได้คะแนนหรือเสียคะแนน


16 การดิวส์ เมื่อทั้งสองทีมทำคะแนนได้เท่ากันที่ 14 - 14 การเสิร์ฟจะสลับกันทุกคะแนนทีมที่เป็นฝ่าย รับจาการเริ่มเล่นในเซ็ทใดก็ตาม จะเป็นฝ่ายเสิร์ฟก่อนในเซ็ทต่อไปและจะต้องเปลี่ยนแดนก่อนเริ่ม การแข่งขันในแต่ละเซ็ท 10.2 ผู้ส่งลูกจะต้องโยนตะกร้อเมื่อกรรมการตัดสินขานคะแนน หากผู้เล่นโยนลูกตะกร้อ ก่อนที่กรรมการผู้ตัดสินขานคะแนน กรรมการต้องตักเตือนและให้เริ่มใหม่ หากกระทำซ้ำดังกล่าวอีก จะตัดสินว่า “เสีย” (Fault) 10.3 ระหว่างการเสิร์ฟ ทันทีที่ผู้เสิร์ฟเตะลูกตะกร้อ อนุญาตให้ผู้เล่นทุกคนเคลื่อนที่ได้ใน แดนของตน 10.4 การเสิร์ฟที่ถูกต้องเมื่อลูกตะกร้อข้ามตาข่าย ไม่ว่าลูกตะกร้อจะสัมผัสตาข่ายหรือไม่ และตกลงในแดนหรือขอบเขตของสนามฝ่ายตรงข้าม 10.5 ในระบบการแข่งขันแบบแพ้คัดออก ไม่จำเป็นต้องแข่งขันในทีมที่ 3 เมื่อมีผลการ แข่งขันแพ้ชนะเกิดขึ้นแล้ว 10.6 ในการแข่งขันในระบบแบ่งสายต้องแข่งขันทั้ง 3 ทีม หากชุดใดไม่มีทีมที่ 3ต้องตัดสิน เป็นยอมให้ชนะผ่าน และทีมที่ชนะผ่านจะได้รับคะแนน 21 คะแนน ในแต่ละเซ็ท ข้อ 11 การผิดกติกา 11.1 ผู้เล่นฝ่ายเสิร์ฟระหว่างการเสิร์ฟ (The Serving Side During Service) 11.1.1 ภายหลังจากที่ผู้ตัดสินขานคะแนนไปแล้ว ผู้เล่นที่ทำหน้าที่โยนลูกกระทำ อย่างหนึ่งอย่างใดกับลูกตะกร้อ เช่น โนลูกเล่น เคาะลูกเล่น โยนลูกให้ผู้เล่นหน้าอีกคนหนึ่ง เป็นต้น 11.1.2 ผู้เล่นหน้ายกเท้า หรือเหยียบเส้น หรือวางเท้านอกเส้น หรือส่วนหนึ่งส่วน ใดของร่างกายแตะตาข่ายขณะโยนลูกตะกร้อ 11.1.3 ผู้เสิร์ฟกระโดดเสิร์ฟในขณะเตะส่งลูกหรือเท้าหลักที่แตะพื้นเหยียบเส้น วงกลมก่อนและระหว่างการส่งลูก 11.1.4 ผู้เสิร์ฟไม่ได้เตะลูกที่ผู้โยนโยนไปให้เพื่อการเสิร์ฟ 11.1.5 ลูกตะกร้อถูกผู้เล่นคนอื่นภายในทีมก่อนข้ามไปยังพื้นที่ของฝ่ายตรงข้าม 11.1.6 ลูกตะกร้อข้ามตาข่ายแต่ตกลงนอกเขตสนาม 11.1.7 ลูกตะกร้อไม่ข้ามไปยังฝ่ายตรงข้าม


17 11.1.8 ผู้เล่นใช้มือข้างหนึ่งข้างใดหรือทั้งสองข้าง หรือส่วนอื่นของแขนเพื่อช่วยใน การเตะลูกแม้มือหรือแขนไม่ได้แตะลูกตะกร้อโดยตรง แต่เตะหรือสัมผัสสิ่งหนึ่งสิ่งใด ในขณะกระทำดังกล่าว 11.1.9 ผู้ส่งลูกโยนลูกตะกร้อก่อนที่กรรมการผู้ตัดสินขานคะแนนเป็นครั้งที่สอง หรือครั้งต่อไปในการแข่งขัน 11.2 ฝ่ายเสิร์ฟและฝ่ายรับในระหว่างการเสิร์ฟ (Serving And Reciving Side During Service) 11.2.1 กระทำการในลักษณะทำให้เสียสมาธิ หรือส่งเสียงรบกวน หรือตะโกนไปยัง ฝ่ายตรงข้าม 11.3 สำหรับผู้เล่นทั้งสองฝ่ายระหว่างการแข่งขัน (For Both Side During The Gam) 11.3.1 เหยียบเส้นแบ่งครึ่งสนาม ยกเว้นการเคลื่อนไหวต่อเนื่อง (Follow Through)ภายหลังการรุกหรือการป้องกัน 11.3.2 ผู้เล่นที่สัมผัสลูกตะกร้อในแดนของฝ่ายตรงข้าม 11.3.3 ส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกายผู้เล่นล้ำไปในแดนของคู่แข่งขันไม่ว่าจะเป็น ด้านบนหรือด้านล่างของตาข่าย ยกเว้นการเคลื่อนไหวต่อเนื่อง (Follow Though) 11.3.4 เล่นลูกเกิน 3 ครั้งติดต่อกัน 11.3.5 ลูกตะกร้อสัมผัสแขน 11.3.6 หยุดลูกหรือยึดลูกตะกร้อไว้ใต้แขน หรือระหว่างขา หรือร่างกาย 11.3.7 ส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกายผู้เล่นหรืออุปกรณ์ เช่น รองเท้า เสื้อ ผ้าพัน ศีรษะ แตะตาข่าย หรือเสาตาข่าย หรือเก้าอี้กรรมการผู้ตัดสิน หรือตกลงในแดนของฝ่าย ตรงข้าม 11.3.8 ลูกตะกร้อถูกเพดาน หลังคา หรือผนัง หรือวัตถุสิ่งใด 11.3.9 ผู้เล่นคนใดที่ใช้อุปกรณ์ภายนอกเพื่อช่วยในการเตะ ข้อ 12 การนับคะแนน 12.1 ผู้เล่นฝ่ายเสิร์ฟหรือฝ่ายรับทำผิดกติกา (Fault) ฝ่ายตรงข้ามจะได้คะแนน 12.2 การชนะในแต่ละเซ็ทผู้ชนะต้องทำคะแนนได้ 15 คะแนน จึงจะถือว่าชนะในการ แข่งขันครั้งนั้น ในกรณีแต่ละทีมมีคะแนนเท่ากัน 14 - 14 ผู้ตัดสินต้องขานว่า “ดิวส์คู่ไม่เกิน 17 คะแนน” (Setting up to 17 point) 12.3 ประเภททีมเดี่ยว การแข่งขันต้องชนะกัน 3 ใน 5 เซ็ท มีการพักระหว่างเซ็ท 2 นาที และเรียกแต่ละเซ็ทว่า เซ็ทที่หนึ่ง เซ็ทที่สอง เซ็ทที่สาม เซ็ทที่สี่ และ เซ็ทที่ห้า


18 ประเภททีมชุด การแข่งขันต้องชนะกัน 2 ใน 3 เซ็ท มีการพักระหว่างเซ็ท 2 นาทีและเรียก แต่ละเซ็ทว่า เซ็ทที่หนึ่ง เซ็ทที่สอง และเซ็ทที่สาม 12.4 ก่อนเริ่มการแข่งขันในเซ็ทที่ห้า ในประเภททีมเดี่ยวและเซ็ทที่สามในประเภททีมชุดให้ ผู้ตัดสินกระทำการเสี่ยงโดยใช้เหรียญหรือวัตถุกลมแบน ฝ่ายที่ชนะการเสี่ยงจะเป็นฝ่ายที่เริ่มเสิร์ฟ ก่อน เมื่อทีมใดทีมหนึ่งทำคะแนนได้ถึง 8 คะแนนต้องทำการเปลี่ยนแดน ข้อ 13 การขอเวลานอก 13.1 แต่ละทีมสามารถขอเวลานอกได้ 1 ครั้ง ครั้งละ 1 นาที ต่อเซ็ท การขอเวลานอกให้ ขอโดยผู้จัดการทีมหรือผู้ฝึกสอน เมื่อลูกตะกร้อไม่ได้อยู่ในการเล่น ระหว่างการพักเวลานอกประเภท ทีมเดี่ยวจะอนุญาตให้มีผู้เล่นและเจ้าหน้าที่ทีมอยู่นอกสนามบริเวณเส้นหลังจำนวน 5 คนประเภททีม ชุดจะอนุญาตให้มีผู้เล่นและเจ้าหน้าที่ทีมอยู่นอกสนามบริเวณเส้นหลังจำนวน 6 คน 13.2 ประเภททีมเดี่ยวบุคคลทั้ง 5 คน ประกอบด้วย ผู้เล่น 3 คน และบุคคลที่แต่งกาย แตกต่างจากนักกีฬาอีก 2 คน ประเภททีมชุดบุคคลทั้ง 6 คน ประกอบด้วย ผู้เล่น 3 คน และบุคคลที่ แต่งกายแตกต่างจากนักกีฬาอีก 3 คน ข้อ 14 การหยุดการแข่งขันชั่วคราว 14.1 กรรมการผู้ตัดสินสามารถหยุดการแข่งขันชั่วคราว เมื่อผู้เล่นบาดเจ็บและต้องการปฐม พยาบาล โดยให้เวลาไม่เกิน 5 นาที 14.2 นักกีฬาที่บาดเจ็บจะได้รับการพักไม่เกิน 5 นาที หลังจาก 5 นาทีแล้ว นักกีฬาไม่ สามารถทำการแข่งขันต่อ ต้องมีการเปลี่ยนตัวผู้เล่น แต่ถ้าทีมที่มีนักกีฬาบาดเจ็บได้มีการเปลี่ยนตัวผู้ เล่นไปแล้ว การแข่งขันจะได้รับการประกาศให้ทีมตรงข้ามชนะ 14.3 ในกรณีที่มีการขัดขวาง รบกวนการแข่งขัน หรือสาเหตุอื่นใด กรรมการผู้ตัดสินจะเป็น ผู้พิจารณาหยุดการแข่งขันชั่วคราวโดยการหารือกับคณะกรรมการจัดการแข่งขัน 14.4 ในการหยุดการแข่งขันชั่วคราว ไม่อนุญาตให้ผู้เล่นทุกคนออกจากสนามและไม่อนุญาต ให้ดื่มน้ำหรือได้รับความช่วยเหลือใดๆ ข้อ 15 วินัย 15.1 ผู้เล่นทุกคนต้องปฏิบัติตามกติกาการแข่งขัน 15.2 ในระหว่างการแข่งขันเฉพาะหัวหน้าทีมเท่านั้นที่จะเป็นผู้ติดต่อกับกรรมการผู้ตัดสินไม่ ว่าจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับตนเอง หรือเรื่องที่เกี่ยวข้องกับผู้เล่นในทีม หรือเรื่องที่ต้องการซักถามเพื่อขอ อธิบายในการตัดสินของกรรมการผู้ตัดสิน ซึ่งกรรมการผู้ตัดสินต้องอธิบายหรือชี้แจงตามที่หัวหน้าทีม ซักถาม


19 15.3 ผู้จัดการทีม ผู้ฝึกสอน นักกีฬา และเจ้าหน้าที่ประจำทีม จะไม่ได้รับอนุญาตให้ถกเถียง ต่อการตัดสินของกรรมการผู้ตัดสินในระหว่างการแข่งขัน หรือแสดงปฏิกิริยาที่จะเป็นผลเสียต่อการ แข่งขัน หากมีการกระทำดังกล่าวจะถือเป็นการผิดวินัยอย่างแรง ข้อ 16 การลงโทษ การทำผิดกติกาและผิดวินัยจะมีการลงโทษ ดังนี้ การลงโทษทางวินัย 16.1 การตักเตือนผู้เล่นจะถูกตักเตือนและได้รับบัตรสีเหลืองหากมีความผิดข้อหนึ่งข้อใดใน 6 ประการ ดังนี้ 16.1.1 ปฏิบัติตนในลักษณะขาดวินัยและไม่มีน้ำใจนักกีฬา 16.1.2 แสดงกิริยาและวาจาไม่สุภาพ 16.1.3 ไม่ปฏิบัติตามกติกาการแข่งขันบ่อยๆ 16.1.4 ถ่วงเวลาการแข่งขัน 16.1.5 เข้าหรือออกสนามแข่งขันโดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรรมการผู้ตัดสิน 16.1.6 เจตนาเดินออกจากสนามแข่งขันโดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรรมการผู้ตัดสิน 16.2 ความผิดที่ถูกให้ออกจากการแข่งขันผู้เล่นกระทำผิดข้อใดข้อหนึ่งใน 5 ข้อดังกล่าว จะ ถูกให้ออกจากการแข่งขันและให้บัตรสีน้ำตาล ดังนี้ 16.2.1 กระทำผิดกติกาอย่างร้ายแรง 16.2.2 ประพฤติผิดร้ายแรง โดยเจตนาทำให้ฝ่ายตรงข้ามบาดเจ็บ 16.2.3 ถ่มน้ำลายใส่ฝ่ายตรงข้ามหรือผู้อื่น 16.2.4 ใช้วาจาหรือปฏิกิริยาหยาบคาย หรือดูถูกฝ่ายตรงข้าม 16.2.5 ได้รับการเตือนและบัตรเหลืองเป็นครั้งที่ 2 ในการแข่งขัน 16.3 ผู้เล่นที่กระทำผิดถูกตักเตือนด้วยบัตรเหลืองหรือให้ออกจากการแข่งขันไม่ว่าจะเป็น ความผิดทั้งในและนอกสนามแข่งขันที่กระทำต่อคู่แข่งขัน ผู้เล่นฝ่ายเดียวกัน กรรมการผู้ตัดสินผู้ช่วยผู้ ตัดสิน หรือบุคคลอื่นๆ ให้พิจารณาโทษวินัยดังนี้ 16.3.1 ได้รับบัตรเหลืองใบแรก โทษ : ตักเตือน 16.3.2 ได้รับบัตรเหลืองใบที่สอง ในผู้เล่นคนเดิมในเกมแข่งขันต่างเกม แต่เป็น รายการแข่งขันเดียวกัน โทษ : พักการแข่งขัน 1 เกม 16.3.3 ได้รับบัตรเหลืองใบที่สาม หลังจากพักการแข่งขัน เพราะได้รับบัตรเหลือง 2 ใบในรายการเดียวกันและในผู้เล่นคนเดิม


20 โทษ : พักการแข่งขัน 2 เกม ปรับเป็นเงิน 100 เหรียญสหรัฐอเมริกา โดยสโมสรหรือบุคคลที่ผู้เล่นสังกัดเป็น ผู้รับผิดชอบ 16.3.4 ได้รับบัตรเหลืองใบที่สี่ ได้รับบัตรเหลืองหลังจากต้องพักการแข่งขัน 2 เกม จากการที่ได้รับใบเหลืองใบที่ สามในรายการแข่งขันเดียวกันในผู้เล่นคนเดิม โทษ : ให้พักการแข่งขันในเกมต่อไป และในรายการแข่งขันที่รับรองโดยองค์กรกีฬา ตะกร้อ ที่เกี่ยวข้องจนกว่าจะได้รับการพิจารณาจากคณะกรรมการวินัยในเรื่องดังกล่าว 16.3.5 ได้รับบัตรเหลืองสองใบ ในผู้เล่นคนเดียวกันและในเกมการแข่งขันเดียวกัน โทษ : พักการแข่งขัน 2 เกม ปรับเป็นเงิน 100 เหรียญสหรัฐอเมริกา โดยสโมสรหรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง รับผิดชอบ ได้รับบัตรแดงในกรณีทำผิดวินัย หรือกระทำผิดกติกาการแข่งขันในเกมอื่น ซึ่งอยู่ ในรายการแข่งขันเดียวกัน 16.4 ผู้เล่นที่กระทำผิดกติกาอย่างร้ายแรง ไม่ว่าจะกระทำในสนามหรือนอกสนามแข่งขันซึ่ง กระทำผิดต่อฝ่ายตรงข้าม เพื่อนร่วมทีม กรรมการผู้ตัดสิน ผู้ช่วยผู้ตัดสิน หรือบุคคลอื่นโดยได้รับบัตร แดง จะได้รับพิจารณาโทษดังนี้ ได้รับบัตรแดง โทษ : ให้ไล่ออกจากการแข่งขันและพักการแข่งขันในทุกรายการแข่งขันที่รับรองจากองค์กร ที่กำกับดูแลกีฬาเซปักตะกร้อ จนกว่าคณะกรรมการวินัยจะมีการประชุมและพิจารณาในเรื่องดังกล่าว ข้อ 17 ความผิดของเจ้าหน้าที่ทีม 17.1 กฎระเบียบด้านวินัย จะใช้กับเจ้าหน้าที่ประจำทีม ในกรณีที่ทำผิดวินัยหรือรบกวนการ แข่งขันทั้งภายในและภายนอกสนาม 17.2 เจ้าหน้าที่ประจำทีม ผู้ใดประพฤติไม่สมควรหรือกระทำการรบกวนการแข่งขันจะถูก เชิญออกจากบริเวณสนามแข่งขัน โดยเจ้าหน้าที่จัดการแข่งขันหรือกรรมการผู้ตัดสินและจะถูกพักการ ปฏิบัติหน้าที่ภายในทีมจนกว่าคณะกรรมการวินัยจะมีการประชุมเพื่อพิจารณาตัดสินปัญหาดังกล่าว ข้อ 18 บททั่วไป ในการแข่งขันหากมีปัญหาหรือเรื่องราวใดๆ เกิดขึ้นซึ่งไม่ได้กำหนดหรือระบุไว้ในกติกาการ แข่งขัน ให้ถือการตัดสินของกรรมการผู้ตัดสินเป็นที่สิ้นสุด


บรรณานุกรม Sanook, (2566). ประวัติตะกร้อในประเทศไทย.[ค้นหาเมื่อ 20 สิงหาคม 2566] จากแหล่งที่มา https://shorturl.asia/MRPNl กรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา.(2555). คู่มือผู้ฝึกสอนกีฬาเซปักตะกร้อ T-Certificate.สำนักงานกิจการโรงพิมพ์ องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ในพระบรมราชูปถัมภ์. จาก https://shorturl.asia/CQsNj


Click to View FlipBook Version