The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

04 พระมหาทีปกร วโรรโส รายงานอรรถกถาธรรมบท

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ณัฐวุฒิ วากะดวน, 2023-09-21 07:32:27

04 พระมหาทีปกร วโรรโส รายงานอรรถกถาธรรมบท

04 พระมหาทีปกร วโรรโส รายงานอรรถกถาธรรมบท

รายงาน เรื่อง อรรถกถาธรรมบทวิเคราะห์ (นิรยวรรค) จัดท าโดย พระมหาทีปกรวโรรโส (อยา่นอนใจ) รหัสประจ าตัว ๖๖๐๑๒๐๕๐๑๖ นิสิตปริญญาโท สาขาพระพุทธศาสนา เสนอ ผศ.ดร.แมช่ ีกฤษณารักษาโฉม รายงานฉบบัน้ีเป็ นส่วนหน่ึ งของวิชาอรรถกถาวิเคราะห์ ภาคเรียนที่ ๑ ปี การศึกษา ๒๕๖๖ สาขาวิชาพระพุทธศาสนา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย


ก บทน า รายงานฉบบัน้ีเป็ นส่วนหน่ึ งในรายวิชาอรรถกถาวิเคราะห ์ ซ่ึ งอรรถกถาเป็ นคมัภีร ์ ที่ อธิบายความในพระไตรปิฎก ใหส้ ามารถเขา ้ใจไดง ้่ายยงิ่ข้ึ น ทา ใหผ ้ คู้ น ้ ควา ้สามารถ เขา ้ ถ ึ งเน้ื อหาและเขา ้ใจความหมายในเน้ื อหาน้นัๆได้ดียงิ่ข้ึ น โดยผา่นคมัภีร ์ อรรถกาน้ี จากการเรียน ผู้เรียนได้รับมอบหมายให้ท าการวิเคราะห์วรรค ในธรรมบท ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท ซึ่งผู้ทา รายงานไดน ้ า เน้ื อหาและทา การคน ้ ควา ้ จากพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๕ พระสุตตนัตปิฎกเล่มที่๑๗(ฉบบัมหาจุฬาฯ) เร ื่อง นิรยวรรคเป็ นวรรควา่ดว ้ ยนรก หร ื อบุคคลผทู้ า กรรมชวั่ตอ ้ งไปนรกการวิเคราะห ์ อรรถกถาคร้ังน้ีวิเคราะห ์โดยใชห ้ ลกั ไตรสิกขา และอริยสัจ ๔ หวงัเป็ นอยา่งยงิ่วา่รายงานฉบบัน้ีจะอ านวยประโยชน ์ แก่นักศึกษาผู้ที่มีความสนใจ ได้บ้าง ไม่มากก ็ นอ ้ ย หากรายงานฉบบัน้ีมีขอ ้ ขาดตกบกพร่องประการใด หร ื อมีเน้ื อหาไม่ครบสมบูรณ์ ณ บทใดบทหนึ่ง ข้าพเจ้าผู้น าเสนอ พร้อมน้อมรับข้อเสนอแนะ ทุกประการ.


ข สารบัญ บทน า ก นิรยวรรค ๑ เร ื่องนางปริพาชิกาช ื่อสุนทร ี ๒ -วิเคราะห์โดยใช้หลักอริยสัจ๔/ไตรสิกขา ๔ เร ื่องสัตว ์ ผ ู้ถูกทุกข ์ เบ ี ยดเบ ี ยน ๕ -วิเคราะห์โดยใช้หลักอริยสัจ๔/ไตรสิกขา ๖ เร ื่องภิกษุผ ู้อยู่ท ี่ฝั่งแม่น ้าช ื่อวคัคุมุทา ๗ -วิเคราะห์โดยใช้หลักอริยสัจ๔/ไตรสิกขา ๘ เร ื่องบุตรเศรษฐ ี ช ื่อเขมกะ ๙ -วิเคราะห์โดยใช้หลักอริยสัจ๔/ไตรสิกขา ๑๑ เร ื่องภิกษุว่ายาก ๑๒ -วิเคราะห์โดยใช้หลักอริยสัจ๔/ไตรสิกขา ๑๓ เรื่องหญิงขี้หึง ๑๔ -วิเคราะห์โดยใช้หลักอริยสัจ๔/ไตรสิกขา ๑๕ เร ื่องอาคนัตุกภิกษุ๑๖ -วิเคราะห์โดยใช้หลักอริยสัจ๔/ไตรสิกขา ๑๗


ค เรื่องนิครนถ์ ๑๘ -วิเคราะห์โดยใช้หลักอริยสัจ๔/ไตรสิกขา ๑๙ เรื่องสาวกเดียรถีย์ ๒๐ -วิเคราะห์โดยใช้หลักอริยสัจ๔/ไตรสิกขา ๒๒ บทสรุป ๒๓ บรรณานุกรม ๒๔


๑ นิรยวรรค (วรรควา่ดว ้ ยนรกหร ื อวา่ดว ้ ยบุคคลผทู้ า ชวั่แลว ้ ตอ ้ งไปนรก) ในวรรคน้ีสมเด ็ จพระสัมมาสัมพุทธเจา ้ ทรงตรัสสอนเร ื่องนรก โดยตรัสยก กล่าวโทษแห่งการกระทา ความชวั่และการไดร ้ับผลแห่งความชวั่ซ่ึ งกรรมชวั่หร ื อการ ทา ความชวั่ก ็ จะส่งผลตา่งๆกนัไป ตามสมควรแก่กรรมน้นัๆ หน่ึ งในผลแห่งการทา ความชวั่น้นั ก ็ ค ื อสตัวผ ์ กู้ ระทา กรรมชวั่จะตอ ้ งไปอุบตัิและเสวยผลแห่งกรรมชวั่น้นั ในภูมิๆหน่ึ งที่ช ื่อวา่นรก นรก ค ื อดินแดนหน่ึ งซ่ึ งตามศาสนาพุทธเช ื่อกนัวา่ผทู้ า กรรมชวั่จะตอ ้ งไปเกิด เพ ื่อเสวยผลแห่งกรรมชวั่ที่ตนได้กระท าไว้ นรก แปลวา่เหว ในภาษาบาลีมกัเรียกวา่ “นิรย” (อา่นวา่นิ-ระ-ยะ ) แปลวา่สถานที่ที่ไม่มีความเจริญ ค ื อไม่มีสุข มีแต่ทุกข ์ ทรมาน นรกที่เป็ นขมุใหญ่มีกลา่วไวใ้ น สังกิจจชาดก เป็ นต้น วา่มี๘ ขมุค ื อ ๑.สัญชีวะ ๒.กาฬสุตตะ ๓.สังฆาฏะ ๔.โรรุวะ ๕.มหาโรรุวะ๖.ตาปนะ ๗. ปตปนะ ๘.อวจ ีิ อนึ่ง มีแสดงไวว ้ า่นรกใหญ่ท้งั๘ ขมุน้ีมีนรกเลก ็เป็ นบริวารใน ๔ ด้าน ด้าน ละ ๔ ขมุรวม ๑๖ ขมุรวมนรกบริวารของนรกใหญ่ท้งั ๘ ขุม ได้ ๑๒๘ ขุม รวมนรก ใหญ่อีก ๘ ขมุเป็ น ๑๓๖ เป็ นธรรมดาของสัตวน ์ รกท้งัปวงที่ถูกทรมานอยใู่นนรกจะไม่ตาย รับการทรมาต่อไป จนกวา่จะสิ้นกรรม


๒ ๑. เร ื่องนางปริพาชิกาช ื่อสุนทร ี เรื่องย่อ เล่ากนัวา่เม ื่อลาภสักการะเช่นกบัหว ้ งน้า ใหญ่แห่งปัญจมหานทีเกิดข้ึ น แก่พระผมู้ีพระภาคเจา ้ และภิกษุสงฆแ ์ ลว ้ พวกอญัญเดียรถียก ์ ็ เส ื่อมลาภสักการะ เป็ นผู้ อบัแสง ประหน่ึ งหิ่งหอ ้ ยในเวลาพระอาทิตยข ์้ึ น จ ึ งพากนัคิดหาวิธีใส่ร ้ ายเพ ื่อทา ให ้ พระสมณโคดมเสื่อมลาภ กพ ็ ลนัไดอ ุ้บายวา่นางสุนทรีเป็ นคนสวย เราจะใชน ้ างเป็ น เคร ื่องม ื อในคร้ังน้ีวนัหน่ึ ง พวกเดียรถียจ ์ึ งแกลง ้ไม่คุยกบันางสุนทรีเม ื่อนางถาม ไดท ้ ราบความแลว ้ จ ึ งถามต่อไปวา่ดิฉนัพอจะช่วยอะไรไดบ ้ า ้ ง พวกเดียรถีย ์ จ ึ งออก อุบายวา่เธอเป็ นผหู้ ญิงสวยใชค ้ วามสวยนี่แหละเป็ นเคร ื่องม ื อแลว ้ ทา ใหม ้ หาชนเขา ้ใจ วา่เธอกบัพระสมณโคดมมีอะไรกนันางกท ็ า ตามน้นั โดยทา ทีเหม ื อนถ ื อ ของหอม เครื่องไล้ทา ไปวัดเชตวัน ตอนเยน ็ ในเวลาที่ชนฟังธรรม เม ื่อถูกถามก ็ บอกวา่ตนอยกูุ่ฏี เดียวกนักบัพระสมณโคดม ใหพ ้ ระองคอ ์ ภิรมณ ์ ดว ้ ยกิเลส แต่อนัที่จริงแลว ้ พกัอย ู่ ในอารามเดียรถีย์ตอนเชา ้ ก ็ ทา ท่าเดินออกจากวดัเชตวัน กลบัพระนคร ผา่นไป๓-๔วัน พวกเดียรถียจ ์ึ งจา ้ งวานฆ่านางสุนทรีหมกไว้ที่กองขยะขา ้ งกุฎีพระพุทธเจา ้ แลว ้ ทา ท่า โวยวายวา่นางสุนทรีหายตัวป จึงทูลแจง ้ พระเจา ้ แผน่ดิน พระองคก ์ ท ็ รงพระราชทาน พระบรมราชานุญาตให้ค้นหาในที่ๆสงสัย จึงพาลูกศิษย์ตนไปค้นหาที่กองขยะน้นัก ็ พบศพ นางสุนทรีในที่ดงักลา่ว จ ึ งยกใส่เตียงหามมาทูลฟ้ องพระราชาวา่พวกสาวก ของพระสมณโคดมฆ่านางสุนทรีเพ ื่อปิดบงัความชวั่ของพระสมณโคดม ฝ่ ายพระราชา ก ็ ตรัสวา่ถา ้ เช่นน้นัพวกท่าน จงประกาศใหท ้ วั่เม ื อง พวกเดียรถียก ์ ็ประกาศใส่ร ้ าย พระพุทธเจา ้ และเหล่าสาวกจนไปถ ึ งประตพูระราชวงัพระราชาจ ึ งรับสั่งใหร ้ักษาศพ นางสุนทรีไว้ที่ป่ าช้า พวกชนชาวเมืองสาวัตถีเว้นเสียซ่ึ งเหล่าอริยสาวก กพ ็ ากนัด่าทอ เหล่าภิกษุสาวก ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประหน่ึ งวา่เป็ นคนฆ่านางสุนทรี


๓ ท้งัในและนอกพระนคร พวกภิกษุ ก ็ กราบทลูพระพุทธเจา ้ พระองคจ ์ึ งประธานพระ คาถาสา หรับตอบกลบัเหล่าชนที่ด่าวา่ อภูตวาท ี นิรย อเุปติ โย วาปิ กตฺวา น กโรมีติ จาห อุโภปิเต เปจฺจ สมา ภวนฺติ นิหน ี กมฺมา มนุชา ปรตฺถาติ. ผ ู้มักพูดคา ไม่จริงย่อมเข ้ าถ ึ งนรก, หร ื อแม ้ ผ ู้ใดท าแล ้ ว กล่าวว่า"ข ้ าพเจ ้ ามิได ้ ท า" ชนแม ้ ท้ังสองน้ัน เป็นมนุษย ์ มีกรรมเลวทราม ละไปในโลกอื่นแล้ว ย่อมเป็นผ ู้เสมอกนั. ในเวลาจบเทศนา ชนเป็ นอนัมากบรรลุอริยผลท้งัหลายมีโสดาตติผลเป็ นตน ้ ดงัน้ีแล. ต่อจากน้นั พระราชา ทรงรับสั่งใหต ้ า รวจส ื บหาความจริง บงัเอิญ วนัหน่ึ งพวกฆาตกร พากนัด ื่มเหลา ้ เมา ไร ้สติจ ึ งหลุดปากพดูวา่พวกตนไดเ ้ งินมากินเหลา ้ เพราะรับจา ้ งฆา่ นางสุนทรี พวกต ารวจได้ยินจึงจับกุมตวัไปเฝ้ าพระราชา พระราชาก ็ ทรงไต่สวน กระบวนความ พวกฆาตกรก ็ สารภาพวา่พวกตนฆ่านางสุนทรีตามการวา่จา ้ ง ของพวกเดียรถีย์พระราชารับสั่งใหเ ้ รียกพวกเดียรถียม ์ าแลว ้ ทรงบงัคบัวา่พวกเธอจง ไปเที่ยวกล่าวทวั่พระนครอยา่งน้ีวา่นางสุนทรีน้ีถูกพวกขา ้ พเจา ้ ผตู้ อ ้ งการจะใส่ร ้ าย พระสมณโคดมฆา่พระสาวกของพระสมณโคดมไม่มีความผิด เป็ นความผิด ของข้าพเจ้าฝ่ ายเดียว พวกเดียรถีย์ก ็ไดท ้ า ตามรับสั่ง เดียรถียก ์ ็ ดีพวกนกัเลงกด ็ี ถ ึ งอาชญาเพราะการฆ่าคน ต้งัแต่น้นัมา สักการะไดม ้ีมากแก่พระพุทธเจา ้ และพระสาวก ท้งัหลาย ตามเคย


๔ วิเคราะห์โดยใช้หลักอริยสัจ๔/ไตรสิกขา -การที่เหลา่สาวกถูกมหาชนด่าวา่เป็ นผฆู้ ่านางสุนทรีจดัเป็ น ทกุข ์ -พวกเดียรถียเ ์ ส ื่อมลาภหาทางใส่ร ้ ายพระพุทธเจา ้ จนถ ึ งการจา ้ งฆา่นางสุนทรีแล้วเที่ยว ประกาศแก่เหลา่มหาชน เป็ นเหตุใหม ้ หาชนเขา ้ใจวา่เป็ นฝีม ื อของเหล่าภิกษุสาวก แลว ้ มาด่าทอจดัเป็ น สมุทัย -ผู้ฟังพระคาถาได้บรรลุธรรม และความจริงปรากฏค ื อเหลา่เดียรถีย์สารภาพ ท าให้ พระพุทธเจา ้ และเหล่าสาวกพน ้ มลทิน จัดเป็ น นิโรธ -พระพุทธเจ้าทรงใหเ ้ หล่าสาวกพิสูจนต ์ วัเองดว ้ ยหลกัธรรมค ื อสัจจะ มิไดใ้ หโ้ ตก ้ ลบั ด้วยด่ากลบัแต่อยา่งใด เป็ นแต่เพียงทรงประธานพระคาถาสา หรับตอบกลบัคนที่ด่า และการที่พระราชาทรงรับสั่งให้เสาะหาข้อเท็จจริงจนพบ จัดเป็ น มรรค -พระพุทธเจา ้ และเหลา่สาวก ดา รงอยใู่นหลกัธรรมค ื อสัจจะ ค ื อการกล่าวแต่คา จริง ไม่กล่าวใส่ร ้ ายวา่ร ้ ายใครจดัเป็ น อธิสีลสิกขา -พระพุทธเจา ้ ทรงมีพระหทยัมนั่คงและทรงสอนเหล่าสาวกมิใหมีใจ ้ หวนั่ ไหวดว ้ ยคา ด่า แต่ใหเ ้ป็ นผหู้ นกัแน่นในหลกัของความจริงจดัเป็ น อธิจิตตสิกขา -พระพุทธเจ้ามิได้ทรงให้สาวกตอบโต้ผู้ที่มาด่าดว ้ ยการด่ากลบัแต่ทรงให้ตอบกลับ โดยการใช้ธรรมะจนเป็ นเหตุให้ผู้ได้ฟังได้บรรลุธรรม จัดเป็ น อธิปัญญาสิกขา.


๕ ๒. เร ื่องสัตว ์ ผ ู้ถูกทกุข ์ เบ ี ยดเบย ี น เรื่องย่อ จริงวา่ทา่นพระมหาโมคคลัลานะลงจากภูเขาคิชฌกฏูพร ้ อมกบัพระลกัขณเถระ เห ็ นอตัภาพของเหล่าสัตว์นรกมีเปรตผมู้ีแต่ร่างกระดูกเป็ นตน ้ จ ึ งทา การยมิ้แยม ้ ถูก พระลกัขณเถระถามถ ึ งเหตุที่ทา การยมิ้แยม ้ ก ็ กล่าววา่ผมู้ีอายุมิใช่เวลาที่จะตอบปัญหา น้ีท่านพ ึ งถามผมในสา นกัพระตถาคต จึงถูกพระเถระถามในส านักพระตถาคแล้วบอก วา่ ตนเห็นสัตว์นรกมีเปรตผมู้ีแต่ร่างกระดูกเป็ นตน ้ แลว ้ จ ึ งบอกกะสหธรรมิก ๕ เหล่า ผู้เร่าร ้ อนอยกู่บัดว ้ ยสมณบริขารมีบาตรจีวร และประคดเป็ นตน ้ โดยนยัวา่ผมู้ีอายุผม ลงจากภูเขาคิชฌกูฏ ไดเ ้ ห ็ นภิกษุในพุทธศาสนาน้ีไปสู่อากาศ แมร ้่างกายของภิกษุน้นั ก ็ เร่าร ้ อน ดงัน้ีพระศาสดาก ็ตรัสบอกวา่สัตวเ ์ หล่าน้นับวชในศาสนาพระกสัสปทศพล แลว ้ไม่สามารถทา ใหส้ มควรแก่บรรพชา เป็ นผลู้ ามก เม ื่อจะทรงแสดงผลแห่งทุจริต กรรมของภิกษุผลู้ ามกท้งัหลาย ซ่ึ งนงั่อยแู่ลว ้ ณ ที่น้นั ในขณะน้นัจ ึ งตรัสพระคาถาน้ีวา่ กาสาวกณฺฐา พหโว ปาปธมฺมา อสญฺญตา ปาปา ปาเปหิ กมฺเมหิ นิรยนฺเต อุปปชฺชเรติ. ชนเป็นอนัมาก ม ี คอพนัด ้ วยผ ้ ากาสาวะเป็นผ ้ มูี ธรรมลามก ไม่ส ารวม, ชนผ ู้ลามกเหล่าน้ัน ย่อมเข ้ าถ ึ ง นรกเพราะกรรมลามกทั้งหลาย. ในกาลจบเทศนา ชนเป็ นอนัมากบรรลุอริยผลท้งัหลาย มีโสดาปัตติผลเป็ นตน ้ ดงัน้ีแล.


๖ วิเคราะห์โดยใช้หลักอริยสัจ๔/ไตรสิกขา -เหล่าสัตว์นรกต้องเสวยวิปากกรรมเป็ นเปรตอยใู่กลเ ้ ขาคิชกูฏ จัดเป็ น ทุกข ์ -เม ื่อคร้ังสัตวน ์ รกเหล่าน้นับวชเป็ นภิกษุในกาลแห่งพระพุทธเจา ้ นามวา่กสัสปะแล้ว ไม่สามารถประพฤติตนใหส้ มควรแก่การบวชได ้จัดเป็ น สมุทยั -เหล่าชนและเหลา่ภิกษเมื่อได้ฟังเทศนา ได้บรรลุ ุอริยผล จัดเป็ น นิโรธ -พระศาสดาทรงตรัสสอนโดยยกเร ื่องแห่งสัตวน ์ รกเหล่าน้นั เป็ นบุคคลาธิษฐาน จัดเป็ น มรรค -การที่สัตวน ์ รกเหล่าน้นั บวชเป็ นภิกษุแล้วไมส่ามารถประพฤติตนใหส้ มควรแก่การ บวช และการที่เหล่าภิกษุชวั่เป็ นผเู้ ร่าร ้ อนดว ้ ยสมณบริขารมีบาตรเป็ นต้นน้นัจ ึ งจดัวา่ เป็ นผู้เว้นจากหลักไตรสิกขา ข้อที่ ๑ คือ อธิสีลสิกขา ฉะน้นัเม ื่อหลักไตรสิกขา ข้อที่ ๑ ไม่มี หลักข้อที่ ๒ คือ อธิจิตตสิกขา และหลักข้อที่ ๓ คือ อธิปัญญาสิกขา ก ็ ยอ่มไม่มี ตามด้วย.


๗ ๓. เร ื่องภิกษุผ ู้อยู่ท ี่ฝั่งแม่น ้าช ื่อวคัคุมุทา เรื่องย่อ เรื่อง (มี) มาแลว ้ใน อุตตริมนุสสธรรมปาราชิกสิกขาบท นนั่แล. ในกาลน้นัแล พระศาสดาตรัสกะพระภิกษุเหล่าน้นัวา่"ภิกษุท้งัหลาย กพ ็ วกเธอ พากนักล่าวคุณแห่งอุตตริมนุสสธรรมของกนัและกนัแก่พวกคฤหสัถเ ์ พ ื่อประโยชน ์ แก่ทอ ้ งหร ื อเม ื่อภิกษุเหล่าน้นักราบทูลวา่"ขอรับ พระเจา ้ ขา ้" ดงัน้ีแลว ้ ทรงติเตียนภิกษุ เหล่าน้นั โดยอเนกปริยายแลว ้ ตรัสพระคาถาน้ีวา่ เสยฺโยอโยคุโฬ ภุตฺโต ตตฺโต อคฺคสิิขูปโม ยญฺเจ ภุญฺเชยฺย ทุสฺส ีโล รฏฺฐปิณฺฑ อสญฺญโตติ. ก ้ อนเหลก็อนัร ้ อนประหน ึ่งเปลวไฟ ภิกษบุริโภค ยังดีกว่า, ภิกษุผ ู้ทศุี ลไม่ส ารวม บริโภคก ้ อนข ้ าวของ ชาวแว่นแคว้น จะประเสริฐอะไร. ในกาลจบเทศนา ชนเป็ นอนัมากบรรลุอริยผลท้งัหลาย มีโสดาปัตติผลเป็ นตน ้ ดงัน้ีแล.


๘ วิเคราะห์โดยใช้หลักอริยสัจ๔/ไตรสิกขา -เหลา่ ภิกษุพากนักล่าคุณแห่งอุตตริมนุสสธรรมของกนัและกนัแก่เหล่าคฤหัสถ์ เพราะเห ็ นแก่ปากทอ ้ งจัดเป็ นผู้เว้นจากอธิสีลสิกขา -การที่เหลา่ภิกษมีจิตใจยังมีได้อบรมดีนักุเป็ นเหตุใหก ้ ลา่คุณแห่งอุตตริมนุสสธรรม เพื่อปากท้อง จัดเป็ นผู้เว้นจาก อธิจิตตสิกขา -เมื่อเป็ นผู้มีศีลบกพร่อง ถูกกิเลสค ื อความอยากครอบงา จิตใจ ปัญญาที่จะเป็ นเครื่องละ กิเลสก ็ไม่เกิดข้ึ น จัดเป็ นผู้เว้นจาก อธิปัญญาสิกขา.


๙ ๔. เร ื่องบุตรเศรษฐ ี ช ื่อเขมกะ เรื่องย่อ เล่าวา่นายเขมกะน้นัเป็ นผมู้ีรูปสวย ส่วนมากผู้หญิงท้งัหลายเห ็ นเขาแลว ้ ถูกราคะ ครอบงา ไม่สามารถจะดา รงอยตู่ามภาวะของตนได ้ แมเ ้ ขาก ็ไดเ ้ป็ นผยู้ นิดียงิ่ในการเล่น ชูสู้่หญิงเหม ื อนกนัต่อมาในเวลากลางค ื น พวกราชบุรุษจับเขาน าไปแสดงแดพระราชา่ พระราชามิไดต ้ รัสอะไรกะเขา ดว ้ ยทรงดา ริวา่"เราละอายตอ่มหาเศรษฐี"แลว ้ รับสงั่ให ้ ปล่อยไป ฝ่ายนายเขมกะน้นัก ็ มิไดง ้ ดเวน ้ เลย ตอ่มา (อีก) พวกราชบุรุษก ็ จบัเขาแลแ ้สดง แด่พระราชาถ ึ ง๒- ๓ คร้ัง พระราชาก ็ รับสงั่ใหป้ ล่อยเช่นเคย มหาเศรษฐีทราบเร ื่องน้นั จึงพาเขาไปส านักพระศาสดา กราบทูลเร ื่องน้นัแลว ้ ทูลวา่ "ขา ้ แตพ่ระองคผ ์ เู้ จริญ ขอพระองคโ์ปรดแสดงธรรมแก่นายเขมกะน้ีเถิด" พระศาสดาตรัสสังเวคกถาแก่เขา แล้ว เมื่อจะทรงแสดงโทษในการเสพภรรยาของคนอื่นไดท ้ รงภาษิตพระคาถาเหลา่น้ี วา่ จตฺตาริ ฐานานิ นโร ปมตฺโต อาปชฺชต ีปรทารูปเสว ี อปุญฺญลาภ นนิกามเสยฺย นนิฺท ตตยิ นิรย จตุตฺถ . อปุญฺญลาโภ จ คต ี จ ปาปิกา ภีตสฺส ภีตาย รตี จ โถกิกา ราชาจ ทณฺฑ ครุก ปเณติ ตสฺมา นโร ปรทาร น เสเวติ.


๑๐ นระผ ู้ประมาทชอบเสพภรรยาของผ ู้อ ื่นย่อมถึงฐานะ ๔ อย่าง คือการได ้ สิ่งท ี่มิใช่บุญ เป็นท ี่๑การนอนไม่ได้ตามความปรารถนา เป็ นที่ ๒ การนินทา เป็ นที่ ๓ นรก เป็ นที่ ๔ . การได ้ สิ่งท ี่มิใช่บุญอย่างหน ึ่ง คติลามกอย่างหน ึ่ง ความยินด ี ของบุรุษ ผ ู้กลวักบัด ้ วยหญิงผ ู้กลวัม ีประมาณน ้ อยอย่างหน ึ่ง พระราชาย่อมลง อาชญาอันหนักอย่างหนึ่ง เพราะฉะนั้น นระไม่ควรเสพภรรยา ของคนอื่น. ในกาลจบเทศนา นายเขมกะดา รงอยใู่นโสดาปัตติผลแลว ้ ต้งัแต่น้นัมา มหาชนยงักาล ใหผ ้ า่นไปอยา่งสบาย. บุรพกรรมของนายเขมกะ ถามวา่"ก ็ บุรพกรรมของนายเขมกะน้นัเป็ นอยา่งไร" แกว ้ า่"ดงัไดส้ ดบัมา ในสมยั ของพระพุทธเจา ้ พระนามวา่กสัสปะเขาเป็ นนกัมวยที่เก่งที่สุด ยกธงทอง ๒ แผน่ข้ึ นไว ้ ที่กาญจนสถูปของพระทศพล แลว ้ ต้งัความปรารถนาไวว ้ า่"ผู้หญิงที่เหลือ ยกเว้น หญิงที่เป็ นญาติสาโลหิตเสีย เห ็ นเราแลว ้ จงกา หนดั" น้ีเป็ นบุรพกรรมของเขา ดว ้ ยประการฉะน้ี. เพราะฉะน้นั ผู้หญิงของคนเหล่าอ ื่น เห ็ นเขาในที่เขาเกิดแลว ้ จ ึ งไม่ สามารถเพอ ื่จะดา รงอยตู่ามภาวะของตนได ้ ดงัน้ีแล.


๑๑ วิเคราะห์โดยใช้หลักอริยสัจ๔/ไตรสิกขา -นายเขมกะ ถูกจับตัวไปรายงานตวัต่อพระราชา จดัเป็ น ทกุข ์ -การเล่นชูสู้่หญิงและการต้งัความปรารถนาที่ไม่เป็ นไปในทางที่ชอบ จดัเป็ น สมทุัย -นายเขมกะคร้ันไดฟ้ ังเทศนาของพระศาสดาแล้วไดต ้้งัอยใู่นโสดาปัตติผล จัดเป็ น นิโรธ -พระศาสดาทรงตรัสสังเวคกถาแก่นายเขมกะน้นั จัดเป็ น มรรค -นายเขมกะประพฤติตนมิชอบดว ้ ยการเล่นชูสู้่หญิงจ ึ งจดัวา่เป็ นผเู้ วน ้ จากอธิสีลสิกขา -นายเขมกะมีจิตใจไม่มนั่คง ยงัไม่ไดร ้ับการฝึ กอบรมจึงถูกกิเลสครอบงา จนเป็ นเหตุ ให้ประผิดศีลธรรม จึงจัดเป็ นผู้เว้นจาก อธิจิตตสิกขา -นายเขมกะต้งัความปรารถนาโดยมิชอบ ขาดปัญญาในการบริหารตน จึงจัดเป็ นผู้เว้น จาก อธิปัญญาสิกขา


๑๒ ๕. เร ื่องภิกษุว่ายาก เรื่องย่อ ไดส้ ดบัมาวา่ภิกษุรูปหน่ึ ง จงใจ เด ็ ดหญา ้ ตน ้ หน่ึ ง เม ื่อความรังเกียจเกิดข้ึ น จ ึ งเขา ้ไป หาภิกษุรูปหน่ึ ง บอกความที่กรรมอนัตนทา แลว ้ ถามวา่"ผมู้ีอายุภิกษุใดเดด ็ หญา ้ โทษ อะไรยอ่มมีแก่ภิกษุน้นั " ลา ดบัน้นัภิกษุนอกน้ีกล่าวกะเธอวา่"ท่านทา ความเข้าใจวา่ "โทษอะไรๆ มี" เพราะเหตุแห่งหญา ้ ที่ทา่นเดด ็ แลว ้ โทษอะไรๆ ยอ่มไม่มีในที่น้ีแต่ ท่านแสดงแลว ้ ยอ่มพน ้ได"้ แมต ้ นเองก ็ไดเ ้ อาม ื อท้งัสองถอนหญา ้ แลว ้ ถ ื อไว้พวกภิกษุ กราบทูลเร ื่องน้นัแด่พระศาสดา พระศาสดาทรงติเตียนภิกษุน้นั โดยอเนกปริยาย เม ื่อทรงแสดงธรรมไดท ้ รงภาษิตพระคาถาเหล่าน้ีวา่ กุโส ยถา ทุคฺคหิโต หตฺถเมวานุกนฺตติ สามญฺญ ทุปฺปรามฏฺฐ นิรยายูปกฑฺฒติ. ย กิญฺจิ สิถิล กมฺม สงฺกลิฏิฺฐญฺจย วต สงฺกสฺสร พฺรหฺมจริย น ต โหติ มหปฺผล . กยิรญฺเจ กยิรเถน ๑- ทฬฺหเมน ปรกฺกเม สิถิโล หิ ปริพฺพาโช ภิยฺโย อากิรเต รช . หญ ้ าคาท ี่บุคคลจับไม่ด ี ย่อมตามบาดม ื อนั่นเองฉันใด, คุณเคร ื่องเป็นสมณะท ี่บุคคลลบูคลา ไม่ดย่อมคร่าเขาไป ี ในนรกฉันนั้น. การงานอย่างใดอย่างหนึ่งที่ย่อหย่อน, วัตรใดที่เศร้าหมอง,พรหมจรรย์ที่ระลึกด้วยความรังเกียจ, กรรมทั้งสามอย่างนั้น ย่อมไม่มีผลมาก


๑๓ หากว่าบุคคลพง ึ ท ากรรมใด ควรท ากรรมนั้นให้จริง, ควรบากบั่นท ากรรมนั้นให้มั่น เพราะว่าสมณธรรมเครื่องละ เว ้ นท ี่ย่อหย่อน ยิ่งเกลย ี่ธุลล ี ง. ในกาลจบเทศนา ชนเป็ นอนัมากบรรลุอริยผลท้งัหลาย มีโสดาปัตติผลเป็ นตน ้ แลว ้ ภิกษุแมน ้้นัดา รงอยใู่นความสังวรแลว ้ ภายหลงัเจริญวิปัสสนา บรรลุพระอรหตัดงัน้ี แล. วิเคราะห์โดยใช้หลักอริยสัจ๔/ไตรสิกขา -ภิกษุถูกพระศาสดาต าหนิโดยอเนกปริยาย จัดเป็ น ทุกข ์ -ภิกษุน้นัไม่สา รวมในการบา เพญ ็ สมณธรรม ช้ีสิ่งที่มีโทษวา่ ไม่มีโทษ จดัเป็ น สมุทยั -ภิกษุน้นับรรลพุระอรหตั จัดเป็ น นิโรธ -พระศาสดาทรงเทศนาสอนภิกษุน้นัและภิกษุน้นัก ็ ต้งัตนไวใ้ นสังวร เจริญวิปสสนา กระทงั่ บรรลุพระอรหัต จัดเป็ น มรรค -ภายหลังจากภิกษนุ้นั ไดฟ้ ังพระธรรมเทศนาของพระศาสดาแลว ้ ต้งัอยใู่นสังวร ส ารวม ในศีล จัดเป็ นผู้มี อธิสีลสิกขา -การที่ภิกษนุ้นัต้งัใจปรับปรุงตน เจริญวิปัสสนาอยา่งแน่วแน่จดัเป็ นผมู้ีอธิจิตตสิกขา -ในที่สุดภิกษนุ้นักส ็ ามารถใชป้ ัญญาที่เกิดจากการเจริญวิปัสสนา ละกิเลส จนบรรลุ พระอรหัตได้ จัดเป็ นผู้มี อธิปัญญาสิกขา


๑๔ ๖. เรื่องหญิงขี้หึง เรื่องย่อ ไดย ้ นิวา่สามีของหญิงน้นัไดท ้ า ความเชยชิดกบัหญิงรับใชใ้ นเร ื อนคนหน่ึ ง หญิง ข้ีห ึ งน้นั มัดมือมัดเท้าของหญิงรับใชค ้ นน้นั ไวแ ้ ลว ้ ตดัหูตดัจมูกของเขา ขังไว้ในห้อง วา่งหอ ้ งหน่ึ ง ปิดประตแูลว ้ เพ ื่อจะปกปิดกรรมที่ตนท าแล้ว ชวนสามีวา่"มาเถิดนาย เราจกัไปวดัฟังธรรม" พาสามีไปวดันงั่ฟังธรรมอยู่ขณะน้นัพวกญาติผู้เป็ นแขก ของนางมายงัเร ื อนของนางแลว ้ เปิดประตูเห ็ นประการอนัแปลกน้นัแลว ้ แกห ้ ญิงรับใช ้ หญิงรับใชน ้ ้นัไปวดักราบทูลเน้ื อความน้นัแด่พระทศพล ในท่ามกลางบริษทั๔ พระศาสดาทรงสดบัคา ของหญิงรับใชน ้ ้นัแลว ้ ตรัสวา่ "ข ึ น้ช ื่อว่าทุจริต แม ้ เพย ี งเลก็น ้ อยบุคคลไม่ควรท า ด ้ วยความส าคญัว่า ‘ชนพวกอ ื่น ย่อมไม่ร ู้กรรมน ี ข้องเรา’ สุจริตนั่นแหละ เม ื่อคนอ ื่นแม ้ไม่ร ู้กค็วรทา เพราะว่า ขึ้นชื่อ ว่าทุจริต แม ้ บุคคลปกปิดท า ย่อมท าการเผาผลาญในภายหลัง สุจริตย่อมยังความ ปราโมทย์อย่างเดียวให้เกิดขึ้น" ดงัน้ีแลว ้ จ ึ งตรัสพระคาถาน้ีวา่ อกต ทุกฺกต เสยฺโย ปจฺฉา ตปฺปติทกุ ฺกต กตญฺจ สุกต เสยฺโย ย กตฺวา นานุตปฺปต.ิ กรรมชั่วไม่ท าเสียเลยดีกว่า, (เพราะ) กรรมชั่ว ย่อมเผาผลาญในภายหลัง, ส่วนบุคคลท ากรรมใดแล ้ ว ไม่ตามเดือดร้อน, กรรมนั้น เป็นกรรมด ี อนับุคคลท า แล้วดีกว่า. ในกาลจบเทศนาอุบาสกและหญิงน้นัต้งัอยใู่นโสดาปัตติผลแลว ้.


๑๕ กแ ็ ลชนท้งัหลายทา หญิงรับใชน ้ ้นั ใหเ ้ป็ นไท ในที่น้นันนั่แล แลว ้ ทา ใหเ ้ป็ น หญิงมีปกติประพฤติธรรม ดงัน้ีแล. วิเคราะห์โดยใช้หลักอริยสัจ๔/ไตรสิกขา -หญิงข้ีห ึ ง เม ื่อกระทา ความผิดแลว ้ กลวัคนอ ื่นรู้ เกิดความทุกขใ์ จ จดัเป็ น ทุกข ์ -นางเกิดความห ึ งหวงสามีตน จนเป็ นเหตุใหล ้ งม ื อทา ความผิดน้นัจดัเป็ น สมุทยั -นางและสามีได้ฟังพระธรรมเทศนา และได้บรรลุโสดาปัตติผล จัดเป็ น นิโรธ -พระศาสดาทรงแสดงพระธรรมเทศนา เป็ นหนทางให้นางและสามีได้บรรลุโสดาบัน จัดเป็ น มรรค -สามีของหญิงข้ีห ึ งประพฤตินอกใจภรรยาตนและนางก ็ เบียดเบียนคนรับใช้ โดยการ ตัดหูตัดจมูกเขา จัดเป็ นผู้เว้นจากอธิสีลสิกขา -หญิงข้ีห ึ งมีจิตใจที่ยังมิได้ฝึ ก จึงท าให้ไร้สมรรถภาพในการควบคุม เม ื่อถูกกิเลส ครอบง าขาดการยบัย้งัชงั่ใจจนเป็ นเหตุให้ท าความผิด จัดเป็ นผู้เว้นจาก อธิจิตตสิกขา -ภายหลังได้ฟังพระธรรมเทศนาของพระพุทธเจ้า ทา ใหเ ้ กิดปัญญา และสามรถใช ้ ปัญญาน้นับริหารจิตใจ จนบรรลุพระโสดาบันได้ จัดเป็ นผู้มี อธิปัญญาสิกขา


๑๖ ๗. เร ื่องอาคนัตุกภิกษุ เรื่องย่อ เล่าวา่พวกภิกษุเหล่าน้นัเขา ้ จา พรรษาอยใู่นปัจจนัตนครแห่งหน่ึ ง ไดอ ้ ยเู่ป็ นสุข ในเดือนแรก ในเด ื อนท่ามกลาง พวกโจรไดม ้ าปลน ้ บา ้ นอนัเป็ นที่โคจรของภิกษุ เหล่าน้นัจบัชาวบา ้ นเป็ นเชลยไป ต้งัแต่น้นัมา มนุษยท ์ ้งัหลายไดพ ้ ากนัมา ปฏิสังขรณ ์ปัจจนัตนครน้นัเพอ ื่จะป้ องกนัพวกโจร จ ึ งไม่มีโอกาสจะอุปัฏฐากภิกษุ เหล่าน้นัอยา่งแขง ็ แรง พวกภิกษุเหลา่น้นัจา พรรษาหาความสา ราญมิได ้ (คร้ัน) ออก พรรษาแลว ้ ไดไ้ปสู่กรุงสาวตัถีเพ ื่อจะเฝ้ าพระศาสดา ถวายบงัคมพระศาสดาแลว ้ นงั่ ณ ที่สมควรส่วนหน่ึ ง พระศาสดาทรงทา การปฏิสันถารกบัภิกษุเหล่าน้นัตรัสถามวา่ "ภิกษุท้งัหลาย พวกเธอพากนัอยสู่บายหร ื อ?" เม ื่อภิกษุเหล่าน้นักราบทูลวา่"พระเจา ้ ขา ้ พวกขา ้ พระองคอ ์ ยสู่บายแต่ในเด ื อนแรกเท่าน้นั , ในเด ื อนท่ามกลาง พวกโจรไดป้ ลน ้ บ้าน, ต้งัแตน่้นัมนุษยท ์ ้งัหลายพากนั ปฏิสังขรณ ์ นคร ไม่ไดโ้ อกาสจะบา รุงอยา่ง แข็งแรง เพราะฉะน้นัพวกขา ้ พระองคจ ์ึ งจา พรรษาหาความสา ราญมิได"้ จ ึ งตรัสวา่"ช่างเถอะ ภิกษุท้ังหลาย พวกเธออย่าได ้ คดิเลย ธรรมดาว่าความอยู่เป็น สุขส าราญตลอดกาลเป็นนิตย ์ อนับุคคลหาได ้ ยาก; ธรรมดาว่าภิกษุรักษาอตัภาพนั่น แหละ เหม ื อนกบัพวกมนุษย ์ เหล่าน้ันค ุ้มครองนครฉะน้ัน ย่อมควร" ดงัน้ีแลว ้ จ ึ งตรัส พระคาถาน้ีวา่:- นคร ยถา ปจฺจนฺต คุตฺต สนฺตรพาหิร เอว โคเปถ อตฺตาน ขโณ โว มาอุปจฺจคา ขณาตีตา หิ โสจนฺติ นิรยมฺหิ สมปฺปิ ตา.


๑๗ ท่านท้ังหลายควรรักษาตน เหม ื อนกบัพวกมนุษย ์ ป้องกันปัจจันตนคร ทั้งภายในและภายนอกฉะนั้น, ขณะอย่าเข้าไปล่วงท่านทั้งหลายเสีย เพราะว่า ชนท้ังหลายผ ู้ล่วงเส ี ยซ ึ่งขณะเป็นผ ู้เบ ี ยดเส ี ยดกนั ในนรกเศร ้ าโศกอย่.ู ในกาลจบเทศนา ภิกษุเหล่าน้นัเกิดความสังเวช ต้งัอยใู่นพระอรหตัผลแลว ้ ดงัน้ีแล. วิเคราะห์โดยใช้หลักอริยสัจ๔/ไตรสิกขา -เหล่าพระภิกษุจา พรรษาดว ้ ยความยากลา บาก เพราะประชาชนไม่มีเวลาดูแล จดัเป็ น ทุกข ์ -โจรปล้นปัจจันตนคร จับประชาชนไปเป็ นเฉลย ภายหลัง ประชาชนมวัพากนั ปฏิสังขรณ์พระนครเพอ ื่ป้ องกนัโจรจ ึ งไม่มีเวลาดูแลเหล่าภิกษุจดัเป็ น สมทุัย -เหล่าภิกษุได้บรรลุพระอรหัต จัดเป็ น นิโรธ -พระศาสดาทรงแสดงธรรมอนัเป็ นแนวทางแห่งการปฏิบตัิตน ภิกษุเหล่าน้นั ไดฟ้ ัง เกิด ความสังเวช เป็ นเหตุใหส้ิ้นอาสวะ จดัเป็ น มรรค -เหล่าภิกษุแมจ ้ ะเป็ นอยยู่ากลา บาก แต่ก ็ไม่เล้ียงตนดว ้ ยอาชีวะที่ทรงรังเกียจ จดัเป็ น อธิสีลสิกขา -เหล่าภิกษตุ้งัใจประพฤติตนตามที่พระพทธเจา ้ ทรงสอน จดัเป็ น อธิจิตตสิกขา -เหล่าภิกษใช้ปัญญา ุพัฒนาจิตใจของตนตามที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสสอน จนสามรถ บรรลุพระอรหัตได้ จัดเป็ น อธิปัญญาสิกขา


๑๘ ๘. เรื่องนิครนถ์ เรื่องย่อ ความพิสดารวา่ ในวนัหน่ึ ง ภิกษุท้งัหลายเห ็ นพวกนิครนถแ ์ ลว ้ สนทนากนัวา่ "ท่าน พวกนิครนถเ ์ หลา่น้ีประเสริฐกวา่พวกชีเปล ื อย ซ่ึ งไม่ปกปิดโดยประการท้งัปวง, พวกนิครนถท ์ ี่ปกปิดแมข ้ า ้ งหนา ้ ขา ้ งเดียวเท่าน้นัก ็ เห ็ นจะเป็ นผมู้ีความละอายอยบู่า ้ ง พวกนิครนถฟ์ ังคา น้นัแลว ้ กล่าววา่"พวกเราไม่ไดป้ กปิด เพราะเหตนุนั่พวกเราปกปิด เพราะเหตุน้ีค ื อก ็ ละอองตา่งๆ มีฝ่นุและธุลีเป็ นตน ้ นนั่เทียว เป็ นของเน ื่องดว ้ ย ชีวิตินทรีย์, เมื่อเป็ นอยา่งน้นัละอองต่างๆ มีฝ่นุและธุลีเป็ นตน ้ เหล่าน้นัอยา่ตกลง ในภาชนะภิกษาท้งัหลายของพวกเรา" ดงัน้ีแลว ้ ทา การพูดกบัภิกษุเหล่าน้นัอยา่ง มากมาย ดว ้ ยสามารถแห่งการโตต ้ อบวาทะกนั. ภิกษุท้งัหลายเขา ้ไปเฝ้ าพระศาสดา กราบทูลเร ื่องน้นั ในกาลที่ตนนงั่แลว ้. พระศาสดาตรัสวา่"ภิกษุท้ังหลาย สัตว ์ ท้ังหลาย ช ื่อว่าผ ู้ละอายในสิ่งอนัไม่ควร ละอาย ไม่ละอายในสิ่งอนัควรละอาย ย่อมเป็นผ ู้ม ี ทุคติเป็นทไี่ปในเบ ื้องหน ้ าแน่แท ้" ดงัน้ีแลว ้ เม ื่อจะทรงแสดงธรรม ไดท ้ รงภาษิตพระคาถาเหลา่น้ีวา่ อลชฺชิตาเย ลชฺชนฺติ ลชฺชิตาเย น ลชฺชเร มิจฺฉาทิฏฺฐิสมาทานา สตฺตา คจฺฉนฺติทุคฺคต ึ. อภเย ภยทสฺสิโน ภเย จ อภยทสฺสิโน มิจฺฉาทิฏฺฐิสมาทานา สตฺตา คจฺฉนฺติทุคฺคต ึ.


๑๙ สัตว์ทั้งหลาย ย่อมละอายเพราะสิ่งอันไม่ควรละอาย ไม่ละอายเพราะสิ่งอันควรละลาย สมาทานมิจฉาทิฏฐิ ย่อมถ ึ งทุคติ. สัตว์ทั้งหลาย มีปกติเห็นในสิ่งอันไม่ควรกลัวว่า ควร กลัว และมีปกติเห็นในสิ่งอันควรกลัวว่าไม่ควรกลัว สมาทานมิจฉาทิฏฐิย่อมถ ึ งทุคติ. ในกาลจบเทศนา พวกนิครนถ์เป็ นอันมาก มีใจสังเวชแล้วบวช. เทศนาสา เร ็ จประโยชน ์ แมแ ้ ก่บุคคลผปู้ ระชุมกนัแลว ้ ดงัน้ีแล. วิเคราะห์โดยใช้หลักอริยสัจ๔/ไตรสิกขา -เหล่าภิกษุมีปากสียงกบัพวกนิครนถ ์ถึงข้นัไดโ้ ตว ้ าทะกนัจดัเป็ น ทุกข ์ -การที่ภิกษุกล่าววิจารณ ์ การแต่งการของพวกนิครนถ์ จัดเป็ น สมุทยั -เหล่าชนที่ประชุมกนัรวมถ ึ งภิกษุดว ้ ยไดป้ ระโยชน ์ จากพระธรรมเทศนา จดัเป็ น นิโรธ -พระศาสดาทรงตรัสสอนประชุมชนดว ้ ยพระคาถาอนัเป็ นแนวทางแห่งการด าเนินชีวิต จัดเป็ น มรรค


๒๐ ๙. เรื่องสาวกเดียรถีย์ เรื่องย่อ ความพิสดารวา่สมยัหน่ึ ง พวกสาวกอญัญเดียรถียเ ์ ห ็ นพวกลูกๆ ของตนพร ้ อมท้งั บริวารเล่นอยกู่บัพวกลูกของพวกอุบาสกผเู้ป็ นสัมมาทิฏฐิเวลาลูกเหล่าน้นัมาเร ื อน จึง ต่างใหก ้ ระทา ปฏิญาณวา่"สมณะพวกศากยบุตร พวกเจา ้ไม่พง ึไหว,้แม้วิหารของสมณะ เหล่าน้นัพวกเจา ้ ก ็ไมพ่ ึ งเขา ้ไป." วนัหน่ึ ง ลกูของพวกอญัญเดียรถียเ ์ หล่าน้นักา ลงัเล่น อยใู่นที่ใกลแ ้ ห่งซุม ้ ประตูนอกพระเชตวนัวิหาร มีความระหายน้า ข้ึ น. ทีน้นัพวกเขาจ ึ ง ส่งเด ็ กของอุบาสกคนหน่ึ งไปสู่พระวิหาร สั่งวา่"เจา ้ไปด ื่มน้า ในวิหารน้นัแลว ้ จงนา มา เพื่อพวกเราบ้าง." เด ็ กน้นัก ็ เขา ้ไปยงัพระวิหาร ถวายบงัคมพระศาสดา แล้วกราบทูล ความขอ ้ น้นั. คร้ังน้นัพระศาสดาตรัสกะเด ็ กน้นัวา่"เจา ้ เทา่น้นัด ื่มน้า แลว ้ไป จงส่ง แมพ ้ วกเด ็ กนอกน้ีมา เพ ื่อตอ ้ งการแก่การด ื่มน้า ในที่น้ีเทียว." เขาไดท ้ า ตามอยา่งน้นั. พวกเด ็ กเหลา่น้นัมาด ื่มน้า แลว ้.พระศาสดารับสั่งใหห ้ าเด ็ กเหลา่น้นัมาแลว ้ ตรัส ธรรมกถาที่สบายแก่เดก ็ เหล่าน้นัทรงทา เด ็ กเหล่าน้นั ใหม ้ีศรัทธามนั่คงแลว ้ ใหต ้้งัอยใู่น สรณะและศีล. เด ็ กเหลา่น้นั ไปสู่เร ื อนของตนๆ แลว ้ แจง ้ ความน้นัแก่มารดาและบิดา. คร้ังน้นัมารดาและบิดาของพวกเขาถ ึ งความโทมนสั ปริเทวนาวา่"ลกูของพวกเราเกิด เป็ นคนมีทิฏฐิวิบัติเสียแล้ว."คร้ังน้นัคนที่สนิทสนมของพวกน้นัเป็ นคนฉลาด มากลา่ว ธรรมแก่คนเหล่าน้นัเพ ื่อตอ ้ งการแก่อนัยงัความโทมนสัใหส้ งบ. มารดาและบิดา ของพวกเด ็ กเหล่าน้นั ฟังถอ ้ ยคา ของคนเหล่าน้นัแลว ้ จ ึ งกล่าววา่"พวกเราจกัมอบพวก เด ็ กๆ เหล่าน้ีแก่พระสมณโคดมเสียทีเดียว" ดงัน้ีแลว ้ นา ไปสู่พระวิหารพร ้ อมดว ้ ยหมู่ ญาติเป็ นอันมาก.พระศาสดาทรงตรวจดูอาสยะของคนเหลา่น้นัแลว ้ เมื่อจะทรงแสดง ธรรมไดท ้ รงภาษิตพระคาถาเหลา่น้ีวา่


๒๑ อวชฺเช วชฺชมติโน วชฺเช จ อวชฺชทสฺสิโน มิจฺฉาทิฏฺฐิสมาทานา สตฺตา คจฺฉนฺติทุคฺคต ึ. วชฺชญฺจ วชฺชโต ญตฺวา อวชฺชญฺจ อวชฺชโต สมฺมาทิฏฺฐิสมาทานา สตฺตา คจฺฉนฺติสุคฺคต ึ. สัตว์ทั้งหลาย ผ ู้ม ี ความร ู้ว่าม ีโทษในธรรม ที่หาโทษมิได้ มีปกติเห็นว่าหาโทษมิได้ในธรรม ที่มีโทษ เป็นผ ู้ถ ื อด ้ วยดซ ีึ่งมิจฉาทิฏฐิย่อมไปสู่ทุคติ. สัตว ์ ท้ังหลายร ู้ธรรมทม ี่ีโทษ โดยความเป็น ธรรมม ีโทษ ร ู้ธรรมท ี่หาโทษมไิด ้โดยความเป็น ธรรมหาโทษมไิด ้ เป็นผ ู้ถ ื อด ้ วยด ี ซ ึ่งสัมมาทิฏฐิ ย่อมไป สู่สุคติ. ในกาลจบเทศนาคนเหล่าน้นัแมท ้ ้งัหมดดา รงอยใู่นสรณะ ๓ แลว ้ ฟังธรรมอ ื่นๆ อีกอยู่ ก ็ไดด ้ า รงอยใู่นโสดาปัตติผล ดงัน้ีแล.


๒๒ วิเคราะห์โดยใช้หลักอริยสัจ๔/ไตรสิกขา -พ่อแมของเด็ก ที่นับถือพวกเดียรถีย์ ่เกิดความโทมนสั ปริเทวนา จดัเป็ น ทุกข ์ -เพราะลูกของตนได้ฟังเทศนาของพระศาสดาแลว ้ เกิดเล ื่อมใสต้งัอยใู่นศีล จัดเป็ น สมุทัย -สาวกเดียรถียเ ์ หลา่น้นัไดฟ้ ังพระธรรมเทศนาของพระศาสดาแลว ้ ต้งัอยใู่นสรณะ ภายหลงัไดด ้ า รงอยใู่นโสดาปัตติผล จัดเป็ น นิโรธ -พระศาสดาทรงแสดงพระธรรมเทศนาตรัสสอนสาวกเดียรถีย์ จนพวกเขายอมละ ความเห็นผิด มีความเห็นถูก แลว ้ ต้งัอยใู่นไตรสรณะ ประพฤติธรรม จดัเป็ น มรรค -สาวกเดียรถียไ์ ดฟ้ ังธรรมเกิดศรัทธา ต้งัตนอยใู่นไตรสรณะ จดัเป็ น อธิสีลสิกขา -เม ื่อพวกเขาต้งัมนั่ในศีลก ็ มีจิตใจมนั่คง พัฒนาจิตใจของตนด้วยการฟังธรรมและ ปฏิบัติตามธรรม จัดเป็ น อธิจิตตสิกขา -การที่พวกเขาใช้ปัญญาท าความเห็นที่ผิด ให้ถูกได้ จนในที่สุดสามารถยกระดับจิตใจ กระทงั่บรรลุโสดาปัตติผล จัดเป็ น อธิปัญญาสิกขา


๒๓ บทสรุป คัมภีร์อรรถกถา เป็ นคัมภีร์ที่มีความส าคัญอยา่งยงิ่ต่อการศ ึ กษาพระไตรปิฎก เป็ นคัมภีร์ที่ใช้อธิบายความในพระไตรปิฎกโดยตรง เป็ นตวัแทนของการแกป้ ัญหาข้นั ที่สอง ที่ใชต ้ีความควบคู่กบัพระไตรปิฎก เพ ื่อช่วยใหต ้ ดัสินความหมายของคา หร ื อ ประโยคน้นัๆ ใหถ ู้กตอ ้ งอยา่งแทจ ้ ริง เพราะเน้ื อความในพระไตรปิฎกส่วนมาก มี เน้ื อความที่ค่อนขา ้ งล ึ กซ้ึ ง ซ่ึ งตอ ้ งอาศยัการตีความและการอธิบายความ เน้ื อความใน พระไตรปิฎกเป็ นเน้ื อความช้นัตน ้ ซ่ึ งผตู้ รัสค ื อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ฉะน้นัการ ที่จะเขา ้ใจเน้ื อความช้นัตน ้ น้นั ได ้ ก ็ ตอ ้ งอาศยัอรรถกถา ที่มีความใกลช ้ิดเน้ื อความ ช้นัตน ้ ที่สุด การวิเคราะห ์ อรรถกถา เป็ นกระบวนการเรียนรู้ เน้ื อความที่พระอรรถกถาจารย ์ แปลมาแล้ว ท าให้ผู้วิเคราะห์ศึกษามีความเขา ้ใจในเน้ื อหาส่วนน้นัๆมากข้ึ น แล้วน ามา พัฒนา ตอ่ยอด และประยุกต์ใช้ในชีวิตประจ าวันได้


๒๔ บรรณานุกรม ข ้ อมูลช้ันปฐมภูมิ -คณะบรรณาธิการพระไตรปิ ฎก และคณะบรรณากรพระสุตตันตปิ ฎก. พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. แผนกคอมพิวเตอร์ โครงการตรวจช าระพระไตรปิ ฎก ฯ มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ในพระบรม ราชูปถัมภ์. เรี ยงพิมพ์กรุ งเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎ์ิ. มิถุนายน ๒๕๓๙ .สุตตตั ปิฎก เล่มที่๒๕ หน ้ าที่๑๒๘- ๑๓๒ -พระเทพปริยัติโมลี(สุทัศน์).พระธัมมปทัฏฐกถา ภาค ๗ แปลโดยพยัญชนะ. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย. ๓ เมษายน ๒๕๖๒. ข ้ อมูลช้ันทุติยภูมิ ธมฺมปทฏฺฐกถา สตฺตโม ภาโค


Click to View FlipBook Version