The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Yanisa ʚĩɞ, 2023-01-30 21:16:50

บทละครเรื่อง อิเหนา ตอน ศึกกะหมิง กุหนัง

ความหมายเเละความสำคัญ

บทละครเรื่อง อิเหนา ตอน ศึกกะหมังกุหนิง


รายงานฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชวิาภาษาไทย ท๓๑๑๐๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่๔ โดยวัต วั ถุประสงค์ศึกษาเเละเเบ่งปัน ความรู้เรื่อ รื่ ง บทละครอิเหนา ทั้งนี้ในรายงานนี้มีเนื้อหา ประกอบด้วยความรู้ เกี่ยวกับบทละครเรื่อ รื่ งอิเหนา บทประพันธ์การถอดความเเละคำ ศัพท์จากบทประพันธ์ เรื่อ รื่ งอิเหนา เนื้อหาได้รวบรวมมาจากหนังสือเเบบเรีย รี น วรรณคดีเเละวรรณกรรมการถอดบทความจากผู้จัดทำ ผู้จัดทำ ต้องขอขอบคุณ อาจารย์สุนารี บุญรัตน์ ผู้ให้ความรู้เเละเเนวทางการศึกษา ผู้จัดทำ หวัง วั ว่าว่รายงาน ฉบับนี้จะให้ความรู้ความเข้าใจเเละเป็นประโยชน์เเก่ผู้ที่ ต้องการศึกษาหรือ รื ต้องการนำ ไปสอนหากมีข้อผิดพลาด หรือ รื ข้อเสนอเเนะประการใดผู้จัดทำ ขออภัยเเละขอ ขอบพระคุณมาก ณ ที่นี้ด้วย คำ นำ ผู้จัดทำ


เเขนงปืน = เขาสัตว์ที่ ว์ ที่ใช้ใส่ดินปืน โขลนทวาร = ประตูป่า งาเเซง = ไม้เสี้ยมปลายเเหลนสำ หรับวางเรีย รี ง ป้องกันข้าศึก ชักปีกกา = จัดกองทัพเป็นรูปปีกกา ดวงยิหวา = ผู้เป็นที่รักยิ่ง ดะหมัง = ตำ เเหน่ง ขุนนางผู้ใหญ่ ในขวา มี๔ ตำ เเหน่ง คือ ยาสา ตำ มะหงง ปูน ปู ตา เเละดะหมัง ดูผี = เยี่ยม เคารพศพ ตุนาหงัน = หมั้น หมาย คำ ศัพท์


ถอดโกลน = ขัดเท้าจากโคลน(ห่วงที่ห้อยลง มาจากอานม้า)ไถ้ถุงสำ หรับใส่เงินและสิ่งของ มักคาดไว้ที่ ว้ ที่ เอว นามครุฑ = การตั้งค่ายเป็นรูปครุฑ ประเจียด = ผ้าที่ใช้ลงอาคม ประเสบัน = ตำ หนัก ป่วยขา = บาดเจ็บที่ขา ปักมาหงัน = ชื่อเมืองของระตูผู้เป็นบิดาของ สังคามาระตาพหลพลขันธ์ =กองทัพใหญ่ ฟันไม้ข่มนาม = พิธีที่ทำ ก่อนออกรบเพื่อ เป็นการบำ รุงขวัญ วั ทหาร ม่านสองไข = ม่าน๒ชายที่เเหวกกลางไปรวบ ไว้ที่ ว้ ที่ ด้านข้าง มุรธาวารีภิ รีภิเษก = น้ำ ที่ผ่านพิธีกรรมเพื่อทำ ให้ ศักดิ์สิทธิ์ ย่างที สะเทิน = การเดินอย่างเร็วของช้าง


อิเหนามาจากภาษาชวาว่าว่ “อินู” มีชื่อเรีย รี กในภาษาไทยว่าว่ “ดาหลัง” หรือ รื “นิทานปันหยี” อิเหนาเป็นเกร็ดประวัติ วั ติศาสตร์ของชวา กล่าวถึงกษัตริย์ริย์ ที่ยิ่ง ใหญ่ทรงอานุภาพยิ่ง คนไทยรู้จักเรื่อ รื่ งอิเหนาโดยชาว มาเลเซีย ชื่อ ยะโว หรือ รื ยอโว ซึ่งเดินทางมาค้าขายที่จังหวัด วั ปัตตานี และได้มีโอกาสเข้ามารับราชการเป็นพี่เลี้ยงของพระ ธิดาในพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ นางได้เล่าเรื่อ รื่ ง “อินู” ให้เจ้า ฟ้าหญิงกุณฑล (ซึ่งนำ มานิพนธ์เป็นอิเหนาใหญ่) และเจ้าฟ้า หญิงมงกุฎ (ซึ่งนำ มานิพนธ์เป็นอิเหนาเล็ก) จนเป็นที่รู้จัก กันทั่วไป ครั้นเสียกรุงศรีอ รี ยุธยาแก่พม่าในปี พ.ศ. ๒๓๑๐ ต้นฉบับก็ได้สูญหายไป พระมหากษัตริย์ริย์ในราชจักรีว รี งศ์จึงได้ ทรงรวบรวมเรีย รี บเรีย รี งขึ้นมาใหม่ คือ ดาหลังเรีย รี บเรีย รี งใน สมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก อิเหนาเรีย รี บ เรีย รี งขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยมี ความยาวทั้งสิ้น ๓๘ เล่มสมุดไทย พระบาทสมเด็จพระพุทธ เลิศหล้านภาลัยทรงพระราชนิพนธ์โดยใช้ต้นฉบับของเจ้าฟ้า หญิงมงกุฎซึ่งเก็บความได้จากสมุดไทยที่หลงเหลือและจาก มุขปาฐะ ไว้ถึ ว้ ถึ งตอนสึกชีมี ๒๙ เล่มสมุดไทย อีก ๙ เล่มสมุด ไทยเป็นสำ นวนของผู้อื่นซึ่งไม่บ่งว่าว่ ใครเป็นผู้แต่งไม่สามารถ หาหลักฐานสอบสวนได้ ที่มาของเรื่อ รื่ งอิเหนา


ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้า อยู่หัว หมอสมิธ มิชชันนารีช รี าวอเมริกัริกั นได้จัด พิมพ์อิเหนาจำ หน่ายเป็นครั้งแรกในปีพ.ศ.๒๔๑๗ โดยใช้ต้นฉบับของสมเด็จพระยาพรหมมหาศรีสุ รี สุ ริ ยวงค์ ภายหลังมีโรงพิมพ์อื่นๆได้จัดพิมพ์อีก หลายฉบับจนเนื้อเรื่อ รื่ งอิเหนากลายไปจากเดิม เจ้าพระยาทรงเสด็จสุเรนทราธิบดี (ม.ร.ว. เปีย มาลากุล) จึงชำ ระขึ้นใหม่ในพระบาทสมเด็จพระ จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แต่ชำ ระได้เพียงอิเหนาเข้า ห้องจินตะหราก็สิ้นราชการ ตกมาถึงสมัย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้โปรด เกล้าฯให้หอสมุดวชิรญาณ ชำ ระต่อ และจัดพิมพ์ ครั้งแรกในปี พ.ศ. ๒๔๓ เรีย รี กว่าว่ “ฉบับหอสมุด วชิรญาณ”


เรื่องย่อ มีกษัตริย์ริย์ วงศ์เทวัญ วั 4 องค์ คือ ท้าวกุเรปัน ท้าวดาหา ท้าวกาหลังและท้าวสิงหัดส่าหรี ท้าวกุเรปันมีโอรสซึ่งเก่ง กล้าสามารถยิ่งชื่อ อิเหนา และท้าวดาหามีธิดาซึ่งงามยิ่งนัก ชื่อ นางบุษบา กษัตริย์ริย์ ทั้งสองนครให้โอรสและธิดาตุนาหงัน (หมั้น) กันไว้ตั้ ว้ ตั้ งแต่วัย วั เยาว์ต ว์ ามประเพณีของกษัตริย์ริย์ วงศ์เท เทวัญ วั เมื่ออิเหนาอายุได้ 15 ปี อิเหนาต้องไปช่วยปลงศพ พระอัยกีที่เมืองหมันหยา ได้พบกับนางจินตะหราธิดาของ ท้าวหมันหยาก็เกิดหลงรัก และไม่ยอมกลับเมืองกุเรปันเพื่อ ภิเษกกับนางบุษบา


ท้าวกุเรปันจึงมีจดหมายไปเรีย รี กตัวอิเหนากลับ แล้วนัด ท้าวดาหาให้เตรีย รี มการวิววิาห์ เมื่ออิเหนาทราบเรื่อ รื่ งจึง ออกป่าพร้อมบริวริารและปลอมตัวเป็นโจรป่าชื่อ มิสาระ ปันหยี เพื่อไปเมืองหมันหยา ระหว่าว่งทางได้สู้กับกษัตริย์ริย์ หลายเมืองและได้ชัยชนะมา จึงได้โอรสธิดามาเป็นเชลย คือ นางสการะวาตีและนางมาหยารัศมี ซึ่งอิเหนาได้รับมา เป็นชายา และได้สังคามาระตามาเลี้ยงแบบอนุชา เมื่อไป ถึงเหมืองหมันหยา อิเหนาได้นางจินตะหราเป็นชายา เมื่อ ท้าวดาหาทราบเรื่อ รื่ งจึงโกรธเป็นอย่างมาก ประกาศว่าว่ถ้า ใครมาขอนางบุษบาก็จะยกให้


กล่าวถึงระตูจรกาซึ่งปราถนามีคู่ จึงให้ช่างไปวาดรูป ธิดาเมืองต่างๆ ช่างได้วาดรูปนางบุษบา ๒ รูป ปะตาระกา หลาซึ่งเป็นองค์เทวอัยกาต้องการจะสั่งสอนอิเหนาจึงลักรูป นางบุษบาไปจากช่างวาดรูปหนึ่ง เหลือไว้รู ว้ รู ปหนึ่ง เมื่อจรกา เห็นรูปนางบุษบาก็หลงรักจึงอ้อนวอนพี่ชายให้มาสู่ขอนางไป อภิเษก ท้าวดาหายอมยกนางบุษบาให้จรกา เมื่อทรงทราบ ว่าว่อิเหนาได้ตัดรอนการอภิเษกสมรส ฝ่ายองค์ปะตาระกา หลาได้นำ รูปนางบุษบาที่ลักจากช่างวาดนั้นไปทิ้งไว้ที่ ว้ ที่โคน ต้นไทร วิหวิยาสะกำ ตามกวางแปลงมาพบรูปนางก็คลั่งไคล้ ใหลหลง วอนท้าวกะหมังกุหนิงซึ่งเป็นพระราชบิดาให้ส่งฑูต ไปขอนางบุษบา แต่ท้าวดาหาปฏิเสธเพราะได้ยกนาง ให้จรกาแล้ว


ท้าวกะหมังกุหนิงสงสารลูกจึงยกทัพไปตีเมืองดาหา เพื่อชิงตัวนางบุษบา ท้าวกุเรปันเรีย รี กตัวอิเหนาจากเมือง หมันหยามาช่วยท้าวดาหาทำ ศึกกับท้าวกะหมังกุหนิง อิเหนามีชัยในสงครามครั้งนี้ สังคามาระตาสังหารวิหวิยาสะ กำ ส่วนอิเหนาสังหารท้าวกะหมังกุหนิง เมื่อเสร็จศึก อิเหนาเข้าเฝ้าท้าวดาหา และได้พบนางบุษบาก็หลงรักนาง ทันที อิเหนาเสียดายที่นางจะต้องอภิเษกกับจรกา จึงหา ทางขัดขวางพิธีอภิเษกโดยลักตัวบุษบาไปซ่อนไว้ใว้ นถ้ำ ปะ ตาระกาหลากริ้วริ้ที่อิเหนาทำ ไม่ถูก จึงบันดาลให้เกิดลมหอบ พรากนางบุษบาไปจากอิเหนา อิเหนาและนางบุษบาต่างก็ ต้องผจญเหตุการณ์ต่างๆอยู่เป็นเวลาหลายปี จึงได้พบกัน


คุณค่าด้านแนวคิดและคติชีวิต วิ คุณค่าด้านวรรณศิลป์ คุณค่าด้านเนื้อหา คุณค่าด้านสังคม คุณค่าที่ได้รับจากบทอิเหนา


คุณค่าด้านแนวคิดและคติชีวิตวิสะท้อนภาพชีวิตวิของ บรรพบุรุษ – การแบ่งชนชั้นวรรณะ เช่น การไม่ยอมไป เกลือกกลั้วกับวงศ์ตระกูลอื่นนอกจากวงศ์เทวาด้วยกัน ทำ ให้เกิดการแต่งงานระหว่าว่งพี่น้องสายเลือดเดียวกัน สะท้อนภาพชีวิต วิ ของบรรพบุรุษ – การแบ่งชนชั้นวรรณะ เช่น การไม่ยอมไปเกลือก กลั้วกับวงศ์ตระกูลอื่นนอกจากวงศ์เทวาด้วยกัน ทำ ให้ เกิดการแต่งงานระหว่าว่งพี่น้องสายเลือดเดียวกัน – ไม่มีสิทธิ์เลือกคู่ครองด้วยตนเอง ต้องปฏิบัตตาม ความพอใจของผู้ใหญ่ คุณค่าด้านเเนวคิดเเละคติชีวิต


ความเข้าใจธรรมชาติมนุษย์ – ธรรมชาติในเรื่อ รื่ งความรักของคนวัย วั หนุ่มสาว มักขาดความยั้งคิด เอาแต่ใจ ตนเองเป็นใหญ่ ไม่คำ นึงถึงความทุกข์ใจ ของพ่อแม่ – ธรรมชาติของอารมณ์โกรธ มักทำ ให้ วู่ววู่ ามตัดสินใจผิดพลาดอันจะก่อให้เกิด ปัญหาตามมาภายหลังได้


คุณค่าด้านวรรณศิลป์ ใช้คำ บรรยาย ชัดเจนได้ภาพพจน์ ผู้อ่านนึกภาพตามผู้ เขียนบรรยายตามไปยิ่งจะทำ ให้ได้ อรรถรสในการอ่านมากขึ้น เช่น ตอน อิเหนาต่อสู้กับท้าวกะหมังกุหนิงด้วยใช้ กริช ริ เป็นอาวุธ วุ จะเห็นลีลาท่าทางและ จังหวะที่สอดคล้องกัน เห็นทีท่าอันฉับไว และสง่างาม คุณค่าด้านวรรณศิลป์


การใช้คำ และโวหาร เรื่อ รื่ งอิเหนา ตอนศึกกะหมังกุ หนิง มีการใช้ภาษาที่สละสลวยให้อารมณ์อันลึกซึ้ง กินใจ อีกทั้งมีโวหารเปรีย รี บเทียบให้เห็นภาพพจน์ให้ เกิดความรู้สึกสะเทือนอารมณ์ ที่สำ คัญยังแฝงด้วย ข้อคิดที่มีคุณค่ายิ่งอีกมากมาย ดังนี้ การใช้ภาษาสละสลวยงดงาม มีการเล่นคำ เล่น สัมผัสพยัญชนะเพื่อให้เกิดความไพเราะ เช่น ตอน อิเหนาชมดงว่า ว่ พลางทางชมคณานกโผนผกจับไม้ อึงมี่เบญจวรรณจับวัล วั ย์ชาลีเหมือนวัน วั พี่ไกลสาม สุดามาเหมือนวัน วั พี่ไกลสามสุดามานางนวลจับ นางนวลนอน เหมือนพี่แนบนวลสมรจินตะหรา


การใช้โวหารเปรีย รี บเทียบ คือ โวหาร อุปมาเป็นการสร้างอารมณ์ให้กับผู้อ่าน กวี เปรีย รี บได้ชัดเจน เช่น กรุงกษัตริย์ ริย์ ขอขึ้นก็ นับร้อยเราเป็นเมืองน้อยกระจิหริด ริ ดัง หิ่งห้อยจะแข่งแสงอาทิตย์เห็นผิดระบอบ บุราณมา ปาหยังกับปะหมันประเมินกำ ลัง ฝ่ายตนว่า ว่ เป็นเพียงเมืองเล็ก ๆ เท่านั้น คง สู้วงศ์เทวาไม่ได้ จึงไม่ควรสู้เป็นการเตือน สติให้หยุดคิด แต่ก็ไม่ได้ผล ปัญหาใหญ่ จึงตามมาหรือ รื จากคำ คร่ำ ควรญของจินตะ หรา ที่เปรีย รี บความรักเหมือนสายน้ำ ไหลที่ ไหลไปแล้วจะไม่มีวัน วั ย้อนกลับ


คุณค่าด้านเนื้อหา ฉาก ตอนศึกกะหมังกุหนิงจะปรากฎฉากรบที่ชัดเจน มีการตั้ง ค่าย การใช้อาวุธ วุ และการต่อสู้ของตัวละครสำ คัญ ปมขัดแย้ง ตอนศึกกะห มังกุหนิง มีหลายข้อแย้ง แต่ละปมปัญหาเป็นเรื่อ รื่ งที่ อาจเกิดได้ในชีวิตวิจริงริและ สมเหตุสผล ปมแรก คือ ท้าวกุเรปันให้ อิเหนาอภิเษกกับบุษบา แต่ อิเหนาหลงรักจินตะหราไม่ ยอมอภิเษกกับบุษบา ปมที่สอง คือ ท้าวดาหา ขัดเคืองอิเหนา ยกบุษบาให้ จรกา ทำ ให้ท้าวกุเรปันและ พระญาติทั้งหลายไม่พอพระทัย ปมที่สาม ท้าวกะหมังกุ หนิงมาสู่ขอบุษบาให้วิหวิ ยาสะกำ แต่ท้าวดาหายก ให้จรกาไปแล้ว จึงเกิด ศึกชิงนางขึ้น


ปมที่สี่ อิเหนาจำ เป็นต้องไปช่วยดาหา จินตะหราคิดว่า ว่ อิเหนาจะไปอภิเษกกับ บุษบา จินตะหราขัดแย้งในใจตนเอง หวั่น วั่ ใจกับสถานภาพของตนเอง ปมที่สามเป็น ป็ ปัญ ปั หาที่สำ คัญที่สุด เมื่อท้าวกะห มังกุหนิงคิดจะทำ สงครามกับกรุงดาหาเพื่อชิง นางบุษบามาให้วิห วิ ยาสะกำ โอรสองพระองค์ ท้า วกะหมังกุหนิงหารือ รื กับระตูปาหยังและท้าวปะ หมันผู้เป็นอนุชา ทั้งสองทัดทานว่า ว่ ดาหาเป็น เมืองใหญ่ของกษัตริย์ ริย์ วงศ์อสัญแดหวาผู้มีฝีมือ เลื่องลือในการสงคราม


คุณค่าด้านสังคม ประเพณีและความเชื่อ แม้บทละครเรื่อ รื่ งอิเหนา จะมีที่มาจากชวา แต่รัชกาลที่ 2 ทรงดัดแปลง แก้ไขให้เข้ากับธรรมเนียมประเพณีของบ้านเมือง ของไทย เราจึงสามารถหาความรู้เรื่อ รื่ งเหล่านี้ จากวรรณคดีเรื่อ รื่ งอิเหนาได้อย่างถูกต้อง ซึ่ง ปรากฏอยู่หลายตอน เช่น ตอนท้าวดาหาเสด็จ ออกรับทูตเมืองกะหมังกุหนิง


"เมื่อนั้นพระองค์ทรงพิภพดาหาครั้นสุริย์ริย์ ฉายบ่ายสาม นาฬิกาก็โสรจสรงคงคาอ่าองค์ทรงเครื่อ รื่ งประดับสรรเสร็จ แล้วเสด็จย่างเยื้องยูรหงส์ออกยังพระโรงคัลบรรจงนั่งลง บนบัลลังก์รูจียาสาบังคมบรมนาถเบิกทูตถือราชสารศรีจึ รีจึ ง ดำ รัสตรัสสั่งไปทันทีให้เสนีนำ แขกเมืองมานอกจากนี้ยัง สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อเรื่อ รื่ งโชคชะตา การเชื่อเรื่อ รื่ งคำ ทำ นาย ดังที่ท้าวกะหมังกุหนิงให้โหรมาทำ นายก่อนจะยก ทัพไปเมืองดาหา โหรก็ทำ นายว่าบัดนั้นพระโหราราชครู ผู้ใหญ่ รับรสพจนารถภูวไนยคลี่ตำ รับขับไล่ไปมาเทียบดูด วงชะตาพระทรงยศกับโอรสถึงฆาตชันษาทั้งชั้นโชคโยค ยามยาตราพระเคราะห์ขัดฤกษ์พาสารพันจึงทูลว่าว่ถ้ายกวัน วั พรุ่งนี้จะเสียชัยไพรีเ รีป็นแม่นมั่นงดอยู่อย่าเสด็จสักเจ็ดวัน วั ถ้า พ้นนั้นก็เห็นไม่เป็นไร” ตอน ท้าวดาหาเสด็จออกรับทูตเมือง กะหมังกุหนิง


ลักษณะคำ ประพันธ์ กลอนบทละคร ซึ่งเป็นกลอน ประเภทกลอนขับร้องที่มีการบังคับคำ นำ เช่นเดียวกับกลอน เสภา กลอนสักวา กลอนดอกสร้อย แต่กลอนบทละคร บังคับคำ นำ ที่นับเป็น 1 วรรคได้คณะ วรรคหนี่งมี ๖ – ๘ คำ แบ่งเป็น ๔ วรรค และบังคับเสียงวรรณยุกต์ในวรรค เพื่อความไพเราะในการแต่งและอ่านทำ นองเสนาะ ตัวอย่างคำ ประพันธ์ “งามงอนอ่นระทวยนวยแน่ ผ่องพักตร์ผิวพรรณดังจันทรี ดำ แดงนวลเนื้อสองสี นางในธานีไม่เทียมทัน”


ข้อคิด ๑. ความกล้าหาญ ไม่หวาดหวั่น วั่ พรั่นพรึง รึ ต่อข้าศึกศัตรู ๒. ความรักในศักดิ์ศรี ๓. รักษาคำ สัตย์ ๔. การรู้จักให้อภัย ๕. ควรรู้จักแยกแยะให้ออกระหว่าว่งความรักกับความหลงใหล ๖.ความรักของพ่อเเม่ยิ่งใหญ่นัก ๗.ความสามัคคีทำ ให้ชนะทุกสิ่ง ๘.ความกตัญญูเป็นสิ่งที่ดี มนุษย์พึงมีไว้ปว้ ระจำ ตน ๙.การเอาแต่ใจตนเอง อยากได้อะไรเป็นต้องได้ อิเหนา เป็นวรรณคดีที่เป็นมรดกของชาติที่เต็มไปด้วย ความสนุกสนานตามเนื้อเรื่อ รื่ ง ความไพเราะของรส วรรณคดี และสะท้อนให้เห็นถึงภูมิปัญญาของบรรพชน ที่ได้ถ่ายทอดสภาพของสังคมไทย ศิลปะ วัฒ วั นธรรม ประเพณี ความคิด ความเชื่อแบบไทย ๆ สอดแทรกไว้ ได้อย่างมีศิลป์ ทั้งยังแฝงด้วยข้อคิด คติธรรมที่สามารถ นำ ไปปรับใช้ในชีวิตวิอีกด้วย


จัดทำ โดย นางสาว ญาณิศา เบี้ยวเหล็ก เลขที่๒๕ ม.๔/๖ นางสาว พิมพ์ชนก คำ ใบ เลขที่๒๗ ม.๔/๖


Click to View FlipBook Version