The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Nantanut Sukphon, 2022-12-12 00:33:23

3นันทนัช55

3นันทนัช55

ขนมไทย
4ภาค

เ ห นื อ ก ล า ง อี ส า น ใ ต้

จั ด ทำ โ ด ษ
น า ง ส า ว นั น ท นั ช สุ ข ผ ล

ภาคเหนือ

ข ม ม ศิ ล า อ่ อ น

เข้าหนมซะละอ่อน หรือบ้างเรียก เข้าหนมสาลาอ่อน เข้าหนมศิลาอ่อน
หรือขนมถาด เป็นขนมที่ทำด้วยแป้งข้าวเจ้า บ้างนิ ยมนำถั่วเขียวคั่วสุกบด
โรยหน้ าก่อนรับประทาน

ส่ วนผสม

1.แป้งข้าวเจ้า 1 กิโลกรัม
2.กะทิ 2 ถ้วย
3.น้ำตาลทราย 800 กรัม
4.เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
5.น้ำใบเตย 1 ถ้วย

วิธีการทำ

1.ผสมแป้งข้าวเจ้า กะทิ และ เกลือ นวดให้เข้ากัน
2.ใส่น้ำใบเตย และน้ำเปล่า ประมาณ 2 ถ้วย นวดให้เข้ากัน
3. ใส่น้ำตาลทราย คนให้น้ำตาลทรายละลาย
4.เทส่วนผสมลงในกระทะทองเหลือง นำไปตั้งไฟอ่อนๆ
5.กวนขนมตลอดเวลา จนกระทั่งแป้งสุก และข้นเหนี ยว ปิดไฟ
6. เทขนมลงในถาด ทิ้งไว้ให้เย็น ตัดขนมเป็นรูปสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด
7. โรยด้วยถั่วเขียวคั่ว

เ ข้ า ห น ม ก ล้ ว ย

ขนมกล้วย เป็นขนมชนิ ดหนึ่ งที่ทำจากแป้งข้าวเจ้า ส่วนผสมหลักมีกล้วย
น้ำว้าสุกงอม แป้งข้าวเจ้า และน้ำตาลทราย นำมาคลุกเคล้าและนวดให้
เข้ากัน

ส่ วนผสม

1.กล้วยน้ำว้าสุก 500 กรัม
2.น้ำตาลทราย 500 กรัม
3.แป้งข้าวเจ้า 300 กรัม
4.แป้งมัน 100 กรัม
5.มะพร้าว 1 ถ้วย
6.กะทิ 3 ถ้วย
7.เกลือป่น 1 ช้อนชา

วิธีการทำ

1. แกะเปลือกกล้วยน้ำว้า ใส่ภาชนะ ใส่แป้งข้าวเจ้า
2. ใส่น้ำกะทิ คนให้เข้ากัน
3. นวดส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันและขยำกล้วยให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ
4. ใส่น้ำตาลทราย แล้วนวดให้เข้ากันจนน้ำตาลละลาย
5. ฉีกใบตองกว้าง 6 นิ้ ว ทำเป็นกรวย แล้วใช้ไม้กลัด กลัดใบตอง
6. ตักส่วนผสมใส่ลงในกรวยให้เต็ม
7. วางกรวยขนมในรูของลังถึง
8.โรยมะพร้าวขูด นึ่ งไฟกลาง ประมาณ 20 นาที

ขนมวง

คือขนมที่ทำด้วยแป้งเป็นรูปวงกลมแบบเดียวกับขนมโดนั ท มีน้ำอ้อย
หยอดไปโดยรอบตามกึ่งกลางด้านบน ปัจจุบัน ไม่คอยมีขายในท้อง
ตลาดในเมือง แต่มักจะพบในตลาดแถวชานเมือง

ส่ วนผสม

1.แป้งข้าวเหนี ยว 1 กิโลกรัมต
2.กล้วยน้ำว้าสุก 5 ลูก
3.ไข่ไก่ 3 ฟอง
4. น้ำอ้อยป่น1ถ้วย

วิธีการทำ

1.ผสมแป้งข้าวเหนี ยวและกล้วยน้ำว้าสุก นวดให้เข้ากัน
2.ใส่ไข่ไก่ นวดให้เข้ากัน
3.เติมน้ำทีละน้ อย นวดไปเรื่อย ๆ
4.นวดจนส่วนผสมเข้ากัน และติดกันเป็นก้อน
5.หยิบแป้งมาคลึงให้เป็นเส้นยาว แล้วนำปลายมาชนกันเป็นวงกลม
6.ตั้งน้ำมันให้ร้อน นำแป้งที่เตรียมไว้ลงทอด
7.พอขนมเหลืองทั่ว ตักขึ้นใส่ตะแกรงพักไว้
8.เคี่ยวน้ำอ้อยจนเหนี ยวได้ที่ หยอดลงบนหน้ าขนมวง

ภาคกลาง

ข้ า ว ตั ง ห น้ า ตั้ ง

ข้าวตังหน้ าตั้ง ที่มาจากความเคารพพระแม่โพสพ อาหารว่างไทยในอดีต
นั้ นต้องมีอาหารว่างที่สำหรับเจ้าขุนมูลนาย หรือไว้เป็นสำหรับต้อนรับ
แขกไปใครมา ถือเป็นอาหารที่ต้องมีความละเมียดละไมในการทำ

ส่ วนผสม ส่ วนผสมน้ำจิ้ม

1.ข้าวตัง 1/2 กก. 1.เนื้ อหมูสับละเอียด 1 ถ้วย
2. น้ำมันสำหรับทอด 2.กุ้งสับละเอียด 1 ถ้วย
3.กระเทียมซอย 1/2 ถ้วย
4.หอมแดงซอย 1/2 ถ้วย
5.กะทิ 2 ถ้วย
6.น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
7.น้ำมะขาม 1 ช้อนโต๊ะ
8.น้ำตาลปี๊ บ 2 ช้อนโต๊ะ
9.น้ำมันน้ำพริกเผา 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีการทำ

1.นำข้าวตัง ทอดกับน้ำมันจนสุกกรอบ พักให้สะเด็ดน้ำมัน
2.นำกะทิตั้งไฟพอเดือดแล้วเคี่ยวให้แตกมันเล็กน้ อย แล้วใส่เนื้ อสัตว์ ผัด

พอสุก
3.ใส่ส่วนผสมอื่นๆ ลงตามปรุงรส รสชาติจะออกเปรี้ยว หวาน เค็ม
4.จากนั้ นจึงแต่งหน้ าด้วยน้ำมันพริกเผาเล็กน้ อย ทอดข้าวตังให้สุก

เหลืองกรอบ เสิร์ฟคู่กัน

ข้ า ว เ ห นี ย ว มู น

เริ่มมีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย มีการกล่าวถึงในกาพย์แห่ชม
เครื่องคาวหวาน ต่อมาจนถึงสมัยรัชกาลที่ 5 ก็มีกล่าวถึงการกินข้าว
เหนี ยวมูนคู่กับมะม่วง แสดงให้เห็นว่าข้าวเหนี ยวมะม่วงเป็นขนมที่อยู่คู่
กับชาวไทยมาอย่างช้านาน มาจนถึงยุคปัจจุบัน

ส่ วนผสม

1.ข้าวเหนี ยว 1 กิโลกรัม
2.หัวกะทิ 450 กรัม
3.เกลือป่น 3/4 ช้อนชา
4.น้ำตาลทราย 550 กรัม
5.ใบเตย 3-5 ใบ
6.ถั่วทอง 5 ช้อนโต๊ะ
7. น้ำใบเตย,น้ำดอกอัญชัญ

หรือสี ผสมอาหารตามชอบ

วิธีการทำ

1.นำข้าวเหนี ยวไปล้างทำความสะอาดและแช่น้ำทิ้งไว้ 1 คืน จากนั้ นนำไป
สะเด็ดน้ำ

2.นำผ้าขาวบางรองไว้ในซึ้งหรือหม้อนึ่ ง แล้วจึงนำข้างเหนี ยววางลงบน
ผ้าขาวบาง จากนั้ นนำไปนึ่ งจนข้าว เหนี ยวสุก

3.ในหม้อขนาดเล็ก ใส่น้ำตาล, เกลือป่น (3/4 ช้อนชา) และหัวกะทิ และ
นำไปตั้งบนไฟอ่อนๆ คนจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี จากนั้ นจึงใส่ใบ
เตยลงไป ทิ้งไว้สักพักจึงปิดไฟ

4.ในชามขนาดกลาง ใส่ข้าวเหนี ยวที่นึ่ งไว้จนสุกดีแล้วลงไป จากนั้ นจึง
ใส่น้ำกะทิที่เคี่ยวไว้ในขั้นตอนที่สามตามลงไป คนจนส่วนผสมเข้ากัน
ทั่ว และทิ้งไว้อย่างน้ อย 15 นาที ก็สามารถนำไปเสริฟได้
(เวลาเสริฟอาจโรยหน้ าด้วยถั่วทอง)

ข น ม ลู ก ชุ บ

ขนมไทยชนิ ดหนึ่ งทำด้วยถั่วเขียวบดกวนปั้ นเป็นรูปร่างต่าง ๆ แล้วนำไป
ชุบวุ้นให้สวยงาม ลูกชุบ สื่อถึงความน่ ารักน่ าเอ็นดู ที่ผู้ใหญ่จะมอบให้เด็ก
หรือลูกน้ อง ยังคงใช้ในงานมงคลต่างๆ

ส่ วนผสม

1.ถั่วเขียวนึ่ งสุกบละเอียด1กิโลกรัม
2.น้ำตาลทราย 2 1/2 ถ้วยตวง,
3. หัวกะทิ 1 ถ้วยตวง
4. สี ผสมอาหารสี ต่างๆ

ส่ วนที่ชุบ

1.วุ้นผง 1 1/2 ช้อนโต๊ะ,
2.น้ำ 2 1 /2 ถ้วยตวง,
3.น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง

วิธีการทำ

1.ผสมถั่วบด น้ำตาลทราย กะทิ เข้าด้วยกัน ยกขึ้นตั้งไฟ
2.กวนด้วยไฟอ่อนๆ จนล่อนจับกันไม่ติดกระทะ
3.พักถั่วกวนไว้ให้เย็น นำมาปั้ นเป็นรูปผลไม้ต่างๆ เสียบไม้ไว้
4.ใช้พู่กันจุ่มสีระบายลงบนขนมที่ปั้ น โดยระบายเลียนแบบของจริง

ทิ้งไว้ให้แห้งจึงนำไปชุบวุ้น
5.ผสมวุ้นกับน้ำยกขึ้นตั้งไฟใส่น้ำตาลทราย เคี่ยววุ้นจนข้น
6.เอาขนมที่ปั้ นแล้วเสียบไม้ ลงชุบวุ้นครั้งเดียวให้ทั่ว ทิ้งไว้จนแห้ง

แล้วชุบอีก ทำเช่นนี้ ประมาณ 3- 4 ครั้ง จะชุบแต่ละครั้งต้องให้เย็น
7.เมื่อวุ้นแข็งจึงเอาไม้เสียบออก ตกแต่งด้วยก้านและใบให้สวยงาม

ภาคอีสาน

ข น ม ข้ า ว โ ป่ ง

เป็นขนมที่ชาวนานิ ยมทำในประเพณีรับขวัญข้าว ช่วงฤดูเก็บเกี่ยว
จะทำพิธีรับขวัญข้าวโดยการโขลกข้าวโป่ง คือใช้ข้าวเหนี ยวใหม่ที่เก็บ
เกี่ยวนำไปนึ่ ง แล้วโขลกจนเหนี ยวนำไปปั้ นเป็นรูปอุปกรณ์การทำนา นำ
ใส่กระบุงไปที่ทุ่งนา จุดธูปเทียนบูชา และเชิญแม่โพสพขึ้นยุ้งฉาง

ส่ วนผสม

1.ข้าวเหนี ยวสุก (ข้าวใหม่)
2. น้ำตาลทราย
3. ไข่ไก่ต้มสุก
4. น้ำมันหมู
5. งาดำ

วิธีการทำ

1.นำข้าวเหนี ยวสุกใส่ครกกระเดื่องตำให้ละเอียด ผสมน้ำตาลทราย
และงาดำ ตำต่อไปจนข้าวเหนี ยวสุกผสมกับน้ำตาลเป็นเนื้ อ
เดียวกัน

2.นำไข่ไก่ต้มสุกเลือกเฉพาะไข่แดงผสมกับน้ำมันหมูเป็นเนื้ อ
เดียวกัน นำไปทาบาง ๆ บนแผ่นพลาสติก นำแป้งจากข้อ 1 ปั้ น
เป็นลูกกลม ๆ ประมาณไข่ไก่ วางลงบนแผ่นพลาสติกแล้วใช้ไม้
รีดให้เป็นแผ่นบาง ๆ มน ๆ แล้วลอกออกจากแผ่นพลาสติก นำไป
ผึ่งแดดประมาณ 1 วัน

3.ย่างด้วยไฟอ่อน ๆ แป้งข้าวโป่งจะค่อย ๆ พองออก ลักษณะสี
น้ำตาลอ่อนผสมสีขาว ให้รสชาติหอมหวาน

กะละแม

กาละแมเป็นขนมหนึ่ งในสามที่นิ ยมทำช่วงปีใหม่ไทย
และงานพิธีต่างๆ งานอุปสมบทและงานแต่งงาน ใสมขันหมาก
และการเซ่นตายาย (ไหว้บรรพบุรุษ)

ส่ วนผสม

1. แป้งข้าวเหนี ยว 1 ถ้วยตวง
2. น้ำกะทิ 5 ถ้วยตวง
3. น้ำตาลโตนด 1 ถ้วยตวง
4. น้ำมันพืช 1/4 ถ้วยตวง

วิธีการทำ

1. นำกะทิไปตั้งในกระทะทองเหลืองบนไฟปานกลาง
2.ใส่น้ำตาล แป้งข้าวเหนี ยว และแป้งท้าวยายม่อมลงไป
3.กวนส่วนผสมจนงวด เหนี ยว เทใส่ถาดแบบหรือภาชนะ

ที่เตรียมไว้ พักไว้ให้เย็น
4.นำน้ำมันทาผิวบางๆ เพื่อให้เงาสวย จากนั้ นใช้มีดตัด

เป็นชิ้นตามต้องการ

ข้ า ว ต้ ม มั ด

เกิดจากภูมิปัญญาของบรรพบุรุษไทย ในอดีตนิ ยมทำเพื่อรับประทานกัน
ภายในครอบครัวเสียเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนั้ น ก็จะนิ ยมนำไปทำบุญ
ถวายพระ หรือ ใช้ในงานบุญงานเทศกาลต่างๆ วันออกพรรษา

ส่ วนผสม

1.ข้าวเหนี ยว ½ กก.
2.หัวกะทิ ½ กก. หางกะทิ 1 กก.
3.น้ำตาลทราย ½ กก. เกลือ ½ ชต.
4. กล้วยน้ำว้าฝานครึ่ง
5.ถั่วดำต้มสุก 2 ถ้วย
6. ใบตองสำหรับห่อ
7. ตอกสำหรับมัดห่อข้าวต้มมัด

(แช่น้ำไว้ประมาณ 1 ชม.)

วิธีการทำ

1.ข้าวเหนี ยวแช่น้ำไว้ ประมาณ 2-3 ชม.
2.ตั้งกระทะสำหรับกวนข้าวเหนี ยวเทหางกะทิทั้งหมดลงไปใส่ข้าว

เหนี ยว เกลือ และน้ำตาลลงไปค่อยๆ กวนระวังอย่าให้ไหม้
3.กวนจนเริ่มแห้งค่อยๆใส่หัวกะทิลงไปและน้ำตาลทรายที่เหลือ กวน

จนเม็ดข้าวเหนี ยวเริ่มบาน ยกลงพักให้เย็น
4.ตักข้าวเหนี ยวประมาณ 1 ½ ชต.เกลี่ยใส่ในใบตองที่ตัดเตรียมไว้

สำหรับห่อ วางกล้วยลงไปตรงกลาง จากนั้ นนำข้าวเหนี ยวมาห่อปิด
กล้วยไว้ วางถั่วดำต้มลงไป
5.จัดการห่อข้าวต้มมัด แล้วนำข้าวต้มมัดสองอันมาประกบเข้าด้วยกัน
มัดด้วยตอก 2 เปลาะ
6.นึ่ งให้สุกประมาณ 1 ½ ชม.

ภาคใต้

ข น ม จู้ จุ น

ชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่ งว่าขนมฝักบัว คนมลายูจะเรียกขนมนี้ ว่า ตือปงจูโจ
มักพบในพิธีกรรมต่างๆของคนภาคใต้ไม่ว่าจะเป็นพิธีกรรมทางศาสนา
พุทธ หรือ ศาสนาอิสลาม อาทิเช่น งานแต่งงาน งานทำบุญเดือนสิบ หรือ
สารทเดือน10

ส่ วนผสม

1.แป้งข้าวเจ้า 2 ½ ถ้วยตวง
2.แป้งข้าวเหนี ยว ½ ถ้วยตวง
3.น้ำตาลบี๊ป 1 ถ้วยตวง
4. น้ำมันสำหรับทอด
5.น้ำอุ่น 1 ถ้วยตวง

วิธีการทำ
1.ผสมแป้งข้าวเจ้าและแป้งข้าวเหนี ยวให้เข้ากัน เติมน้ำลงไปที
ละน้ อยนวดแป้งให้เข้ากัน เติมน้ำตาลบี๊ป นวดให้แป้งและ
น้ำตาลผสมกันดีพักไว้อย่างน้ อย 30 นาที ตั้งทิ้งไว้ข้ามคืนก็จะ
ดี
2.นำกระทะตั้งไฟเติมน้ำมันใช้ไฟอ่อน เมื่อน้ำมันร้อนจึงใส่แป้ง
ทอดให้เหลืองกลับอีกด้านหนึ่ ง เมื่อได้ที่เอาขึ้น พักไว้ใน
ตะแกรงวางบนกระดาษซับน้ำมัน

ข น ม อ า โ ป๊ ง

ชาวภูเก็ตนิ ยมรับประทานคู่กับชา กาแฟยามเช้า หรือชาวภูเก็ตเรียกว่า
หวันฉ่าย (ตอนบ่าย) อาโป้งเป็นขนมที่ทานเพื่อให้อยู่ท้องดับความหิว
เป็นอาหารว่างง่ายๆอย่างหนึ่ ง รับอิทธิพลมาจากประเทศมาเลยเซีย

ส่ วนผสม

1.แป้งข้าวจ้าว 2 ถ้วย
2.น้ำตาลทราย 1 1/2 ถ้วย
3.มะพร้าว 1 ลูก
4.ยีนส์ 1 1/2 ช้อนชา
5.ไข่ไก่ 1 ฟอง
6.น้ำมันนิ ดหน่ อย

วิธีการทำ

1.ละลายแป้งกับหางกะทิ ยีสต์ น้ำตาล นวดจนน้ำตาลทรายเข้ากันดี
ทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อให้ยีสต์โต

2.ตีไข่ไก่ให้เข้ากัน เทผสมลงในแป้งและใส่หัวกะทิ คนให้เข้ากัน
3.กะทะเหล็กใบเล็ก ๆ ก้นลึกตั้งไฟเอาอั้งโล่ ถ่านไฟน้ อย ๆ พอกะทะ

ร้อนดี เช็ดกะทะด้วยน้ำมันให้ทั่ว
4.ตักแป้งใส่ประมาณ 1 ทัพพีเล็ก ละเลงให้เป็นวงกลมขนาดเส้นผ่า

ศูนย์กลาง 5-6 นิ้ ว ตรงกลาง แป้งจะหนากว่าขอบริม ปิดฝาทิ้งไว้
5.แซะริมที่กรอบด้วยตะหลิวแบนขึ้นจากกะทะ วางบนถาดแบนพับริม

ทั้ง 2 ข้างเข้าหาตรงกลางเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า
6.ทำวิธีการเดียวกับข้อ 5 ไปเรื่อย ๆ จนหมดแป้ง

ได้ขนมประมาณ 20 ชิ้น

ข น ม ด้ ว ง

ชาวภูเก็ตนิ ยมรับประทานคู่กับชา กาแฟยามเช้า หรือชาวภูเก็ตเรียกว่า
หวันฉ่าย (ตอนบ่าย) อาโป้งเป็นขนมที่ทานเพื่อให้อยู่ท้องดับความหิว
เป็นอาหารว่างง่ายๆอย่างหนึ่ ง รับอิทธิพลมาจากประเทศมาเลยเซีย

ส่ วนผสม

1.แป้งมัน 1 ช้อนโต๊ะ
2.แป้งข้าวจ้าว 1 ถ้วย
3.แป้งมัน ½ ถ้วย
4. มะพร้าวทึนทึกขูดขาว200กรัม
5.น้ำตาลทราย ½ ถ้วย
6.งาขาวคั่ว ¼ ถ้วย
7.น้ำดอกมะลิ 2 ถ้วย
8.หัวกะทิ 1 ถ้วย
9.เกลือ 1 ช้อนชา
10. สี ผสมอาหารตามชอบ

วิธีการทำ

1.แป้งมันและแป้งข้าวจ้าวผสมเข้าด้วยกัน ค่อยๆเทน้ำดอกมะลิลงไป
กวนจนแป้งเป็นก้อนร่อนจากกระทะทองเหลืองยกลง

2.นำแป้งมานวดมือ โดยผสมสีผสมอาหารลงไปตามชอบ นวดจนแป้ง
นุ่ มและไม่ติดมือ คลึงแป้งเป็นตัวด้วงปลายแหลมด้านหนึ่ ง อีกด้าน
หนึ่ งมน ยาวประมาณ 4 เซนติเมตร

3.นำไปนึ่ งในซึ้งโดยปูรองด้วยผ้าขาวบาง นึ่ งจนสุก นำขนมที่นึ่ งสุก
แล้วจัดใส่จาน พรมด้วยหัวกะทิโรยด้วยมะพร้าวขูด งาข้าวและ
น้ำตาลทราย


Click to View FlipBook Version