The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by aaa_2557, 2021-10-22 10:28:02

โหระพา

โหระพา

1

เอกสารประกอบการสัมมนา
เร่ือง โหระพา

เสนอ ครรู ัตน์พีพรณ์ ทองประพันธุ์
โดย นายมูฮัมหมัดบินลาดิน มามะ

รหสั นกั ศึกษา 63305010059
สาขาวชิ าเกษตรศาสตร์

วทิ ยาลยั เทคโนโลยีการเกษตรและประมงปตั ตานี



คำนำ

รายงานฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา สัมมนาทางด้านเกษตร รหัสวิชา 30501-2002
ระดับชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง โดยมีจุดประสงค์จัดทำขึ้นเพื่อให้ได้ศึกษาหาความรู้ในเรื่อง
โหระพา และไดศ้ กึ ษาอย่างเขา้ ใจเพอ่ื เป็นประโยชนก์ ับการเรยี นไดม้ ากที่สุด

ผู้จัดทำหวังว่า รายงานฉบับนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านหรือนักเรียน นักศึกษา ที่กำลังหา
ข้อมูลเรื่องนี้อยู่ หากมีข้อแนะนำหรือผิดพลาดประการใด ผู้จัดทำขอน้อมรับไว้และขออภัยมา ณ
ทน่ี ี้ดว้ ย

นายมฮู มั หมดั บินลาดิน มามะ
ผู้จดั ทำ

สารบัญ ข

คำนำ หนา้
สารบัญ
บทนำ ก
ถ่ินกำเนิดโหระพา ข
ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ 1
วิธกี ารปลูก 1
การดูแลรกั ษา 3
โรคและแมลงท่ตี อ้ งระวงั 5
การเกบ็ เกีย่ ว 7
ประโยชน์ของโหระพา 8
โทษของโหระพา 9
บรรณานกุ รม 10
17
18

1

โหระพา

บทนำ

ชื่อพน้ื เมอื ง : โหระพา
ชือ่ วทิ ยาศาสตร์ : Ocimum basilicum Linn.
ช่ือสามัญ : Sweet Basil , Common Basil
วงศ์ : Labiatae

ถิ่นกำเนิดโหระพา

โหระพามีถิ่นกำเนิดอยู่ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คือแถบ ประเทศไทย ฟิลิปปินส์
อินโดนีเซยี ฯลฯแตไ่ ดม้ ีการกระจายพนั ธุ์ไปทั่วโลกหลายพนั ปีมาแล้ว โดยเฉพาะประเทศในแถบเอเชีย
และยุโรป กล่าวกันในบางตำราว่าอาณาจักรโรมันได้นำโหระพาไปเผยแพร่ทั่วทวีปยุโรป แล้วจึง
กระจายไปทว่ั โลกในเขตรอ้ นและอบอุ่นทวั่ โลก โหระพาจึงนับเปน็ พชื จากแถบโลกเก่าทางตะวันออกที่
แพร่หลายที่สุดชนิดหนึ่งจนอาจกล่าวได้ว่าปัจจุบันการปลูกโหระพาในประเทศตะวันตกแถบอบอุ่น มี
มากกวา่ ถ่นิ กำเนิดเดิมคอื เขตรอ้ นของเอเชยี เสียอกี

2

นอกจากนี้ชื่อโหระพาภาษาอังกฤษคำว่า Basil มาจากภาษากรีก basileus แปลว่า”ราชา
หรือ ผู้นำของปวงชน” ชื่อนี้เนื่องมาจากกลิ่นดุจเคร่ืองหอมในราชสำนักของโหระพา และชื่ออื่นของ
โหระพาในภาษาแถบยุโรปต่างก็มีรากศัพท์มาจากคำว่าราชานี้ทั้งสิ้น ซึ่งเชื่อว่าโหระพาถูกใช้เป็น
ส่วนประกอบของสมุนไพรที่ราชวงศ์ยุโรปโบราณใช้ใส่ในน้ำอาบ ปัจจุบันโหระพาเป็นพืชที่มีการปลูก
กันอย่างแพร่หลายในทวีปเอเชยี ยุโรป อเมริกาใต้และแอฟริกา สำหรับในประเทศไทยสามารถพบได้
ทั่วทุกภาคของประเทศ รวมถึงสามารถปลูกได้ทั่วทุกภาคของประเทศเช่นกัน โดยโหระพาที่ปลูกกัน
ทั่วไปในประเทศไทยส่วนมากเป็นพันธุ์พื้นเมืองที่ปลูกต่อ ๆ กันมา โดยเก็บเมล็ดพันธุ์เอง และต่อมา
วางทเี่ กดิ การกลายพนั ธ์ุไป แต่ก็ยังไมม่ ีการแบง่ แยกเป็นแตล่ ะพันธอุ์ ย่างชดั เจน

โหระพาเปน็ พชื ท่ีมีกลิ่นหอม นิยมนำมาประกอบอาหารหลากชนดิ ในประเทศไทย ซึ่งช่วยปรุง
แต่งกลิ่นรสของอาหารให้น่ากินยิ่งขึ้น ช่วยดับกลิ่นคาวของอาหารหลายชนิด เช่น ผัดหอย ผัดเนื้อ ใช้
ใบปรุงอาหารเปน็ ผักโรยชูรสได้หลายชนดิ เช่น แกงเผด็ แกงเลยี ง ผดั ทอด ใบและยอดอ่อนใช้กินเป็น
ผกั สด เปน็ เครอื่ งแนมอาหารคาวหรืออาหารว่างไดเ้ ป็นอย่างดี เพราะโหระพามีใบหนาน่มุ กว่ากะเพรา
รวมทั้งกลิ่นและรสชาติไม่เผ็ดร้อนเท่ากะเพรา จึงนิยมนำมาใช้เป็นผักจิ้มหรือกินสดมากกว่ากะเพรา
รวมถึงนิยมใช้กินร่วมกับอาหารที่มีรสจัดและกลิ่นแรง เช่น จำพวกหลน (หลนไส้กรอก หลนแหนม
หลนกะปิคั่ว ฯลฯ) จำพวกลาบ (ลาบปลาดุก ลาบเลือด ลาบเป็ด ฯลฯ) จำพวกยำ เมี่ยง แจ่ว ก้อย
ส้มตำ ฯลฯ เป็นผักกินกับขนมจีนน้ำยา ปลาร้า ซ่าหมู ใช้ใส่ในแกงบางชนิด เช่น แกงเขียวหวาน แกง
โสฬส และแกงเผ็ดหมู แกงเผด็ ไก่ เป็นต้น

ส่วนในประเทศทางตะวันตกนิยมกินใบแห้งเป็นเครื่องเทศ และน้ำสลัดที่ใช้โหระพาเป็น
ส่วนผสม (pesto)เปน็ น้ำสลดั ที่ใช้ประจำในอาหารอิตาเลียน สว่ นทปี่ ระเทศสหรัฐอเมริกาก็นิยมกินใบ
โหระพา แต่ใช้โหระพาจากอียิปต์ ฝรั่งเศส และมลรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งมีกลิ่นต่างจากโหระพาของไทย
แลใช้น้ำมนั โหระพาใชแ้ ต่งกลิ่นซอสมะเขอื เทศ ขนมผิง ลูกอม ผักดอง ไสก้ รอก และเคร่ืองดม่ื
นอกจากนี้โหระพามีประโยชน์ด้านอื่นๆ อีกเช่นใบและลำต้นของโหระพาเมื่อนำมากลั่นจะได้น้ำมัน
หอมระเหยซึ่งใช้ประโยชน์ได้มากมาย เช่น ใช้แต่งกลิ่นอาหารพวกลูกกวาด ซอสมะเขือเทศ ผักดอง
น้ำส้ม ไส้กรอก เครื่องดื่มชนิดต่างๆ ฯลฯ ใช้แต่งกลิ่นยาสีฟันและยาที่ใช้กับปากและคอ ทำโลชั่น
ครีม แชมพู สบู่ ฯลฯและน้ำมันโหระพายังใช้ไล่แมลง หรอื ฆา่ แมลงบางชนิดได้ เช่น ยงุ และแมลงวนั ได้
อกี ดว้ ย

โหระพา เป็นแหล่งเบต้าแคโรทีน ซึ่งมีส่วนสำคัญในการป้องกันโรค เช่น โรคหัวใจขาดเลือด
และมะเร็ง โหระพา 1 ขีด มีเบต้าแคโรทีนสูง คือ 452.16 ไมโครกรัม ใบโหระพามีกลิ่นเฉพาะใช้เป็น
ผักสด ใช้ปรุงแต่งกลิ่นอาหารและมีธาตุแคลเซียมสูงด้วยนอกจากจะเป็นอาหารแล้ว โหระพายังเป็น

3

สมุนไพรด้วย เพราะมีสรรพคุณทางยาอย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียว “โหระพา” นอกจากจะเป็นญาติ
ใกล้ๆ กับ “กะเพรา” แล้ว ยังช่วยเสริมให้อาหารที่รสชาติ และกลิ่นที่หอม น่ารับประทานมากยิ่งขึ้น
และมีประโยชน์ต่อร่างกายเช่นเดียวกันด้วย แต่อย่าสับสนกับกะเพรา เพราะจริงๆ โหระพามีรสและ
กลน่ิ ทีไ่ ม่เหมอื นกะเพรา และยังมีประโยชน์ต่อร่างกายไมเ่ หมอื นกันด้วย
ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์
รากและลำต้น

โหระพาเปน็ พืชล้มลกุ มีระบบรากแกว้ และรากฝอย ลำตน้ มีความสงู ประมาณ 40-60 ซม. ลำ
ต้นเป็นสี่เหลี่ยม แก่นด้านในเป็นไม้เนื้ออ่อน ผิวลำต้นออ่ นหรือกิ่งอ่อนมีสีม่วงแดง ลำต้นแตกกิง่ ตั้งแต่
ระดบั ต่ำของลำต้นจนแลดูเป็นทรงพมุ่ กิ่งแตกออกเปน็ คู่ตรงขา้ มกนั

ใบโหระพา
ใบโหระพาออกเป็นใบเดี่ยว แทงออกบริเวณขอ้ ของกิ่ง ใบมีรูปไข่ คล้ายใบกะเพรา ใบมีสีเขียว

เข้มหรือม่วงแดงหรือเขียวอมม่วง กว้างประมาณ 3-4 ซม. ยาวประมาณ 6 ซม. โคนใบมน ใบปลาย
แหลม แผ่นใบเรยี บ และคอ่ นขา้ งเป็นมนั ขอบใบหยกั เปน็ ฟันเล่อื ย มเี ส้นใบมองเห็นชดั เจน ใบไม่มีขน
ใบมีน้ำมนั หอมระเหยทำใหม้ ีกล่ินหอม

4

ดอก
ดอกโหระพาออกเปน็ ชอ่ ที่ปลายยอด แต่ละชอ่ ออกดอกเรียงเป็นชั้นๆ แตล่ ะช้นั มปี ระมาณ 6-8

ดอก ดอกมีสีขาวอมแดงม่วง ภายในมเี กสรตวั ผู้ 4 อนั

เมล็ด
เมล็ดใน 1 ดอก จะมีประมาณ 3-4 เมล็ด เมล็ดมีลักษณะคล้ายหยดน้ำตา มีสีน้ำตาลเข้ม ขนาด

เมล็ดประมาณ 1 มิลลิเมตร เมล็ดโหระพามีเมือกหุม้ เมล็ด หากนำมาแช่น้ำเมือกจะพองตัวออกคล้าย
เมล็ดแมงลัก

5

พันธ์โุ หระพา ซงึ่ เป็นพันธ์พุ ื้นเมืองไทยมี 6 พนั ธุ์
1. ยาว-ม่วง คอื มชี ่อดอกแบบ raceme กลบี ดอกสีม่วง
2. พวง-มว่ ง คือมีช่อดอกแบบ panicle กลีบดอกสีมว่ ง
3. ยาว-ขาว คอื มีช่อดอกแบบ raceme กลบี ดอกสีขาว
4. พวง-ขาว คอื มชี ่อดอกแบบ panicle กลบี ดอกสีขาว
5. ยาว-พวงม่วง คอื พวกที่ 1 และ 2 ผสมกัน
6. พวง-ยาวขาว คอื พวกที่ 3 และ 4 ผสมกนั

วิธีการปลูก
การเตรยี มดิน

โหระพาเปนพืชทีม่ รี ะบบรากลึกปานกลาง การเตรยี มดนิ ควรขุดหรอื ไถดินลึกประมาณ 20-25
เซนติเมตร ตากดินทิ้งไว 7-10 วัน ไถพรวนคราด ยอยดินใหละเอียดเก็บเศษวัชพืชออกใหหมด
หลังจากนั้นยกแปลงสูงประมาณ 10-15 เซนตเิ มตร กวาง 1 เมตรยาวตามความเหมาะสมเวนชองวาง
ระหวางแปลงประมาณ 30 เซนติเมตร เมื่อยกแปลงเสรจ็ แลวใสปุยคอกปุยหมักที่สลายตัวดีแลวอัตรา
800 กโิ ลกรัมตอไร หรือประมาณ 500 กรมั ตอตารางเมตร โรยใหท่วั แปลง และใสปุยเคมีสตู ร 13-13-
21 อัตรา 50 กิโลกรัมตอไร หรือสูตร 15-15-15 อัตรา 30 กิโลกรัมตอไร หวานใหกระจายทั่วแปลง

6

คลุกเคลาปุยคอกหรอื ปยุ หมักและปุยเคมใี หเขากนั กบั ดินพรอมท่ีจะปลูกวธิ ปี ลกู โหระพา ไถกลบดนิ 2
รอบ แต่ละรอบตากดินนาน 5-7 วัน ไถยกร่องแปลง ขนาดกว้าง 1.5-2 เมตร ความยาวตามความ
เหมาะสม ก่อนไถยกร่อง ให้หว่านด้วยปุ๋ยคอกอัตรา 2-3 ตัน/ไร่ ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 อัตรา 30
กิโลกรัม/ไร่สำหรับแปลงเพาะกล้าโหระพา ให้ไถพรวนดิน และยกร่องในขนาดเดียวกัน และหว่านปุ๋ย
คอก และปุ๋ยเคมีในสัดส่วนท่ีลดลงมา

สว่ นท่ีใช้ปลกู
1. ใชเ้ มลด็ เพาะ เมื่อเมล็ดงอกแลว้ ใดต้ ้นกล้า ย้ายกลา้ ปลูก เปน็ วิธที ่สี ะดวกและเหมาะสมกับการ
ปลกู มาก ท่นุ แรง เพาะในกระบะ ในแปลงปลกู เตรียมดินใหล้ ะเอียด เพราะว่าเมล็ดเล็ก ในการ
หว่านเมล็ดต้องเอาเมล็ดผสมกับทรายหว่านจะได้ช่วยกระจายเมล็ด ใช้ทรายเมล็ด ~8 หรือ
10% ยา้ ยกลา้ เม่ืออายุ 25-30 วนั ระยะนีก้ ลา้ จะสงู ประมาณ 15 ซม. กลา้ จะแขง็ แรงดี
2. ใชก้ ่ิงปักชำ ตัดกง่ิ ปกั ชำในที่มีรม่ เงาเลก็ นอ้ ย เมื่อขึ้นแลว้ ยา้ ยปลูกในแปลง

การเตรยี มกล้า
ทำการหว่านเมล็ดลงในแปลง ให้เมล็ดมีการกระจายตัวประมาณ 3-5 ซม.หลังหว่านให้ใช

คราดเกลี่ยหน้าดินบางๆ แล้วคลุมด้วยฟางข้าวบางๆให้รดน้ำหลังหว่านเมล็ด และรดน้ำทุกวัน วันละ
1-2 ครั้ง เมล็ดจะเริ่มงอกภายใน 5-7 วัน หลังหว่านเมล็ด ดูแลกล้าโหระพาจนมีความสูงได้ประมาณ
10-15 ซม. หรืออายุประมาณ 20-25 วัน ค่อยถอนกล้าย้ายปลูกลงแปลงก่อนถอนปลูก ให้รดน้ำก่อน
1 วัน

วิธีปลกู โหระพา
โหระพาเป็นพชื ทีป่ ลูกงา่ ย ปลกู ครั้งเดียวสามารถเก็บเก่ยี วได้ 1-2 ปี โหระพาจะขึน้ ไดด้ ีในดิน

ร่วนซุยที่มีความอุดมสมบูรณ์และระบายน้ำได้ดีเป็นพิเศษ เหมาะจะปลูกในตอนเย็น ซึ่งต้องทำการ
เตรียมขุดดินให้ลึกประมาณ 20-25 เซนติเมตร ย่อยให้ละเอียดพร้อมเก็บเศษวัชพืชออกให้เรียบร้อย
จากนั้นก็ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 7-10 วัน แล้วใส่ปุ๋ยคอก/ปุ๋ยหมักและปุ๋ยเคมลี งไปให้ทั่ว คลุกให้เข้ากัน
เสรจ็ แล้วกล็ งมือปลกู โดยนิยม 2 วิธี ไดแ้ ก่

1. การเพาะกล้าและย้ายปลูก : หว่านเมล็ดแลว้ ใช้แกลบหรือฟางคลุมพร้อมรดน้ำตามทันที
จากนั้นก็หมนั่ รดนำ้ ทกุ เชา้ -เย็น จนมอี ายุ 20-25 วนั จงึ ทำการถอนกลา้ แลว้ เดด็ ยอดเพื่อยา้ ยปลกู โดย
ถ้าปลูกในแปลงควรเว้นระยะให้ห่างประมาณ 20-30 เซนติเมตร ถ้าปลูกในกระถางก็กระถางละ 1-2
ต้น

7

2. การปักชำโหระพา : ตัดกิ่งโหระพาที่โตเต็มที่หรือยาวประมาณ 5-10 เซนติเมตร เด็ดใบ
ออกและเหลือไว้เพียงบางส่วน นำไปปักชำลงในแปลงหรือกระถาง จากนั้นใช้หญ้าแห้งหรือฟางคลุม
แลว้ รดน้ำตามทนั ที
ขั้นตอนการปลกู โหระพา

1. ระยะปลกู 20-30x20-30 ซม.
2. ขดุ หลุมด้วยเสียมลึกประมาณ 5 ซม. หรอื ลกึ ให้กลบโคนตน้ ขึน้ มา 2-3 ซม.
3. หลังปลูกเสร็จ รดน้ำให้หนา้ ดนิ ชมุ่

การดูแลรกั ษาโหระพา
โหระพาเป็นพืชที่ต้องการความชื้นสูงและสมำ่ เสมอ ดังนั้นจึงควรมีการรดน้ำใหท้ กุ วัน แต่ระวงั

อย่าปล่อยให้มีการท่วมขังของน้ำในแปลง ในระยะแรกควรทำการพรวนดินและกำจัดพืชทุกๆ 1-
2 สัปดาห์ โดยการใช้มือถอนจอบหรือเสียมดายหญ้าออกและควรทำด้วยความระมัดระวังอย่าให้
กระทบต่อต้นและราก โหระพาเป็นพืชที่ดูแลรักษาง่าย เจริญเติบโตดี การใช้ปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟต
(21-0-0) ในอัตรา 10 กิโลกรัมต่อไร่ ละลายน้ำรดหลังปลูกประมาณ 15-20 วัน จะทำให้การ
เจริญเติบโตของ โหระพาดียิ่งขึ้น และมียอดอวบงามและใช้ปุ๋ยสูตร 15-15-15 ในอัตรา 30 กิโลกรัม
ตอ่ ไรท่ กุ คร้ังหลงั จากการเก็บเก่ยี วสำหรบั การปอ้ งกันกำจดั โรคและแมลงนั้น เนื่องจากโหระพาเป็นพืช
ท่ีไม่ค่อยมปี ญั หาเร่ืองโรคและแมลงมากนัก การแกป้ ญั หาจงึ ไมค่ วรใชส้ ารเคมี เพราะอาจไม่คุ้มคา่

8

การใสป่ ๋ยุ
หลังปลกู 7-14 วนั หรือหลังท่ีกล้าตัง้ ตน้ ได้ โดยใหห้ ว่านดว้ ยปยุ๋ เคมีสตู ร 15-15-15 อัตรา 30

กโิ ลกรัม/ไร่ และหว่านอีกคร้งั หลงั ครง้ั แรก 2-3 เดือน ในอตั ราเดียวกัน ใหห้ วา่ นป๋ยุ คอกร่วมดว้ ยกบั
การใส่ปุ๋ยเคมีในคร้ังแรก อัตราที่ 1-2 ตนั /ไร่

การให้นำ้
ระยะหลงั ปลกู 7-15 วนั จะให้นำ้ ทกุ วัน วนั ละ 1-2 คร้งั เมือ่ กลา้ ต้งั ตน้ ไดจ้ ะค่อยๆลดปรมิ าณนำ้

ลง โดยจะให้ 3-5 ครัง้ /สัปดาห์ ข้นึ อยู่กบั ฤดู และความแหง้ ของหนา้ ดนิ จนถึงการเก็บเก่ียว
โรคและแมลงทตี่ อ้ งระวงั

- เพล้ียไฟโหระพา : เป็นเพล้ียที่ดูดกนิ นำ้ เลี้ยงจากเซลล์พืช ทำใหใ้ บหรือยอดอ่อนหงิก ส่วน
ขอบมว้ นงอ โดยสามารถแกไ้ ขได้ดว้ ยการหม่ันสำรวจและติดกบั ดักกาวเหนยี วสีเหลอื ง เพอื่ ดกั จับตวั โต
เต็มวัย

- เพลยี้ อ่อนฝ้าย : เปน็ เพลย้ี ท่ดี ดู กินน้ำเลี้ยงจากใบและยอด ทำใหม้ อี าการงอหงกิ และชะงัก
การเจรญิ เติบโต อีกทัง้ ยงั เป็นพาหะนำไวรัสหลายชนิดมาสพู่ ชื ด้วย โดยจะพบมากในชว่ งอากาศแหง้

9

แล้งหรอื ฤดหู นาว แต่สามารถแก้ไขไดด้ ว้ ยการกำจัดวชั พืชเป็นประจำ และถา้ หากพบพชื หงกิ งอให้ตดั
สว่ นนน้ั ๆ ออกแลว้ นำมาเผาทิง้

- แมลงหวขี่ าวยาสบู : เปน็ แมลงทดี่ ดู กินน้ำเลยี้ งจากใบ ทำให้ใบเหยี่ วแห้งและต้นแคระแกรน็
อีกทั้งยังเปน็ พาหะนำเชื้อไวรสั ทท่ี ำให้เกดิ โรคด่างเหลืองอีกดว้ ย พบมากในฤดูแลง้ สามารถแก้ไขได้
ด้วยการหมนั่ สำรวจและตดิ กับดกั กาวเหนยี วสีเหลือง เพ่อื ดกั จับตัวโตเตม็ วยั

- หนอนแมลงวันชอบใบ : เป็นหนอนท่ีชอนไชใบจนทำใหเ้ กิดรอยสีขาว แตถ่ า้ ระบาดรุนแรง
อาจจะทำใหใ้ บรว่ งและตายได้ สว่ นการแกไ้ ขคอื หมนั่ เกบ็ เศษใบทถ่ี กู ทำลายและรว่ งหลน่ ตามพื้นดิน
มาเผาทิง้ จะช่วยลดการแพรร่ ะบาดได้

- หนอนผีเส้ือห่อใบ : เป็นตัวอ่อนของผเี ส้ือท่มี ักจะปลอ่ ยเส้นใยและกดั กินใบไปเรอื่ ย ๆ จนถึง
ยอด

- โรคราน้ำค้าง : เปน็ โรคที่ทำลายใบด้านบนใหเ้ ป็นสีเหลือง สว่ นด้านล่างเป็นเชอ้ื ราสีนำ้ ตาล
สามารถแกไ้ ขและปอ้ งกันดว้ ยการเลือกใช้เมล็ดที่ปลอดโรค พร้อมท้งั ทำความสะอาดเมลด็ ใหด้ ีกอ่ น
ปลูก นอกจากนอ้ี ย่าปลกู ใหห้ นาแน่นเกินไป พรอ้ มทง้ั คอยเกบ็ เศษซากของพืชหลงั จากการเก็บเกี่ยว
ดว้ ย

- โรคเห่ยี ว : เปน็ โรคทที่ ำให้ใบดำและเหี่ยวตาย สามารถแกไ้ ขได้ดว้ ยการฉดี ยากำจดั เชื้อรา
- โรคใบเน่า : เป็นโรคทที่ ำใหใ้ บเป็นแผล มีน้ำและมเี มือก ลกุ ลามไปเรือ่ ย ๆ จนทำให้ตน้ เน่า
ตาย
- โรคใบจุด : เปน็ โรคท่ีทำให้ใบมจี ดุ สนี ้ำตาลเข้มถงึ ดำ จากนน้ั ใบโหระพากจ็ ะเปลี่ยนเปน็ สี
เหลอื งท้งั ใบ แลว้ รว่ งหลน่ ลงตามลำดบั

การเกบ็ เก่ียว
หลังจากปลูกประมาณ 30-35 วนั สามารถทาการเก็บเกยี่ วได โดยใชมดี คม ๆ ตัดตนหรอื กิง่ ห

างจากยอดลงมาประมาณ 10-15 เซนติเมตร นำไปขายหากยังไม่มผี ูร้ ับซอ้ื อาจชะลอการเกบ็ เกย่ี วได้
โดยการตดั ชอดอกออกโหระพาก็จะแตกก่งิ แตกใบออกมาอกี เร่ือย ๆ การเก็บเก่ียวสามารถกระทำได้
ทกุ ๆ 15-20 วัน ไปจนถึงอายุ 7-8 เดือน

การเกบ็ ยอดและใบ
– หลงั จากปลูกลงแปลงแล้วประมาณ 1 เดือน ก็สามารถทยอยเกบ็ ยอดได้
– การเก็บยอดเพ่ือจำหน่าย จะเก็บยอดจากก่งิ ใหม้ คี วามยาวประมาณ 20-30 ซม.
– การเก็บยอด ควรใชม้ ดี หรอื กรรไกรตดั ไม่ควรใช้มอื เด็ด เพราะกิง่ และใบจะซ้ำง่าย หรอื บางครั้งอาจ
ทำใหต้ ้นถอนขึ้นมาได้ แตก่ ารเกบ็ เพ่อื รับประทานเองไมจ่ ำเปน็ ตอ้ งใช้มีดหรือกรรไกร

10

– ใหท้ ยอยเกบ็ จากก่ิงท่ีอยู่ดา้ นล่างกอ่ น และทยอยเก็บเป็นชว่ งๆ

ประโยชนข์ องโหระพา
1. โหระพาสรรพคณุ ใบสดโหระพาใชเ้ ป็นน้ำมนั หอมระเหย
2. ช่วยป้องกนั ความเสยี หายในรา่ งกายของเราจากการทำลายของอนุมูลอิสระ
3. ชว่ ยกระตนุ้ การสร้างภูมคิ มุ้ กันใหแ้ กร่ า่ งกาย
4. มีสว่ นในการชว่ ยปอ้ งกนั โรคหวั ใจขาดเลอื ด
5. มีฤทธ์ใิ นการช่วยลดคอเลสเตอรอลและแผน่ คราบพลัคในกระแสเลือด
6. มีสว่ นชว่ ยปอ้ งกันการเกิดโรคมะเรง็
7. ชว่ ยขบั หวั สิวและตา้ นการเจรญิ เติบโตของเช้อื สิว
8. ชว่ ยในการเจริญอาหาร
9. ใชเ้ ป็นยาพอกเพอ่ื ดดู ซับสารพิษออกจากผวิ หนังได้
10. ช่วยเพิ่มปริมาณน้ำนมสำหรับมารดาที่ให้นมบุตร ด้วยการนำใบมาต้มกับน้ำนมราชสีห์
รบั ประทาน
11. มคี วามเช่ือว่าเปน็ ยาบำรุงสขุ ภาพทางเพศไดอ้ กี ดว้ ย
12. ช่วยรักษาอาการปวดศรี ษะด้วยการใช้ยอดอ่อนตม้ กับน้ำ แล้วนำมาดื่มเป็นชา หรือกินเป็นผัก
สด
13. แก้อาการวงิ เวียนศีรษะด้วยการนำใบมาต้มดื่ม
14. นำ้ มนั โหระพามคี ณุ สมบตั ชิ ่วยให้จิตใจสงบ มีสมาธิ และช่วยลดอาการซมึ เศร้า
15. ช่วยรกั ษาโรคตาแดง ต้อตา มขี ต้ี ามาก
16. ช่วยแก้หวัดและช่วยในการขับเหงื่อ ด้วยการนำใบและต้นสดมาต้มเข้าด้วยกันแล้วเอาน้ำมา
ดม่ื
17. ช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียน ด้วยการนำใบโหระพามาคั้นเอาน้ำสดให้ได้ประมาณ 1
ชอ้ นโตะ๊ ผสมกบั น้ำอ้อย 2 ช้อนผสมกับน้ำอนุ่ แล้วนำมาดื่มวนั ละ 2 คร้ัง
18. ใช้รักษาอาการเหงือกอักเสบเป็นหนอง ด้วยการนำใบโหระพาแห้งมาบดให้เป็นผงแล้วนำมา
ทาในบรเิ วณทอี่ ักเสบ
19. ใช้แกอ้ าการสะอึก ด้วยการนำใบโหระพาสดพรอ้ มขิงสดแช่ในนำ้ เดอื ดแลว้ นำมาด่ืมในขณะท่ี
ยงั ร้อน

11

20. ใชเ้ ป็นยาขบั ปัสสาวะ ด้วยการนำเมล็ดแกม่ าแช่น้ำให้พองเต็มที่ แลว้ นำมารับประทานกับขนม
หวานโดยผสมกับน้ำหวานและน้ำแขง็

21. ใชเ้ ปน็ ยาระบาย ด้วยการนำเมล็ดแห้งประมาณ 3-5 กรัมมาตม้ นำ้ ด่มื
22. ช่วยในการรักษาแผลในกระเพาะอาหาร เพราะไปช่วยยับย้ังฤทธิ์ของยาแอสไพรินซ่ึงเปน็ ตัวท่ี

ทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหาร
23. ชว่ ยในการขับลม แกท้ ้องอดื ท้องเฟอ้
24. เมล็ดโหระพาเม่ือแชน่ ้ำจะพองตวั เป็นเมือก นำมากนิ แกอ้ าการบดิ
25. นำ้ มนั โหระพามคี ุณสมบตั แิ กอ้ าการจกุ เสยี ดแนน่ ทอ้ ง
26. นำ้ มันหอมระเหยของใบจะชว่ ยในการย่อยอาหารทเี่ ปน็ เนอ้ื สัตว์ไดเ้ ป็นอย่างดี
27. ถา้ เด็กปวดทอ้ ง ใหใ้ ช้ใบโหระพา 20 ใบชงน้ำรอ้ นแล้วนำมาชงนมให้เด็กดมื่ แทนยาขับลม
28. ใช้แก้อาการประจำเดือนมาไม่ปกติ
29. นำมาใชเ้ ป็นยาบรรเทาอาการผงึ้ ตอ่ ย
30. ชว่ ยรักษาอาการผดผนื่ คนั มนี ำ้ เหลือง ดว้ ยการนำมาใบตำแลว้ พอก
31. ช่วยแก้เด็กเป็นแผล หรือมีหนองเรื้อรัง ด้วยการใช้รากของโหระพามาเผาเป็นเถ้าแล้วนำมา

พอกบรเิ วณบาดแผล
32. ชว่ ยแกอ้ าการฟกชำ้ จากการกระทบกระแทก หกลม้ งูกัด ดว้ ยการนำมาใบตำแลว้ พอก
33. สรรพคุณของโหระพาเมล็ดเมื่อนำมาแช่น้ำจะพองเป็นเมือก นำมาใช้เป็นยาระบาย เพราะไป

ชว่ ยเพ่ิมจำนวนกากอาหาร
34. นำ้ มนั โหระพาชว่ ยฆ่าเชื้อแบคทเี รีย เชื้อรา และเช้ือไวรสั
35. น้ำมนั โหระพาช่วยคลายการหดเกรง็ ของกลา้ มเนือ้
36. ชว่ ยรกั ษาอาการข้ออักเสบ แผลอักเสบด้วยการนำมาตำแล้วพอกหรอื ประคบ
37. น้ำมันโหระพาสามารถใช้ฆ่ายุง ไร และแมลงได้ ด้วยการนำต้น ใบ ราก มาตำรวมกันให้

ละเอยี ดแล้วใสเ่ หลา้ ขาวเลก็ น้อยคนให้เขา้ กัน แลว้ นำไปต้งั ไฟแคพ่ อร้อน ท้งิ ไวใ้ หอ้ นุ่ แล้วนำมา
พอกทเ่ี ข่าทิง้ ไว้ประมาณ 15 นาที วนั ละ 2 ครง้ั อาการจะค่อย ๆ ดขี ้นึ
38. ช่วยในการบำบัดรกั ษาโรคเข่าเสือ่ ม
39. มฤี ทธใิ์ นการตอ่ ต้านการอักเสบ
40. ใบโหระพามีกลิ่นเฉพาะใช้เป็นผักสด นำมาใช้เป็นอาหาร แต่งกลิ่นอาหาร และใช้เป็น
เครื่องปรุงรสในอาหาร

12

41. น้ำมันโหระพาก็นำมาใช้ในการแต่งกลิ่นซอสมะเขือเทศ ผักดอง ลูกอม ไส้กรอก ขนมผิง หรือ
แมก้ ระทง่ั เครอื่ งด่มื

42. นำมาใชใ้ นการแต่งกล่ินเครอ่ื งสำอางบางชนิด
43. นำมาแปรรูปเป็นสมุนไพรไทยในรูปของโหระพาแห้ง และนำมาทำเป็นน้ำมันโหระพาช่วยลด

ความเครยี ด ลดบวม
น้ำมันโหระพา

น้ำมันโหระพา เป็นน้ำมันหอมระเหยที่พบในใบโหระพามีร้อยละ 1.5 องค์ประกอบทางเคมีที่
สำคัญ คือ Methylcha vicol และสกัดได้จากใบโหระพาพันธุ์ไทย โดยการกลั่นด้วยไอน้ำ เป็น
ของเหลวใสสีเหลืองอ่อน หรือเหลืองอมน้ำตาลปราศจากตะกอนและสารแขวนลอย ไม่มีการแยกช้ัน
ของนำ้ มกี ลนิ่ เฉพาะตวั มคี ุณสมบัตแิ กจ้ ุกเสยี ดแน่นท้อง

น้ำมันหอมระเหยช่วยการย่อยอาหารเนื้อสัตว์ ช่วยคลายการหดเกร็งของกล้ามเนื้อและช่วย
ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย จึงช่วยให้สบายท้องขึ้น มีกลิ่นหอมหวาน มีคุณสมบัติช่วยให้สงบ มีสมาธิ ลดอาการ
ซมึ เศรา้ ขอ้ ควรระวงั ในการใชค้ ือ ทำใหเ้ กิดอาการแพ้ง่าย สตรีมีครรภ์ควรหลีกเลี่ยง

13

การใชเ้ ป็นยาสมุนไพร
โหระพามสี รรพคุณทางยาสมุนไพรที่หลากหลาย ใบสดของโหระพามีสรรพคุณแก้ท้องอืด เฟ้อ

ขับลมจากลำไส้ ต้มดื่มแก้ลมวิงเวียน ช่วยย่อยอาหาร ใช้ตำพอกหรือประคบแก้ไขข้ออักเสบ แผล
อักเสบ ต้มใบและต้นสดเข้าด้วยกัน ต้มเอาน้ำดื่ม แก้หวัด ขับเหงื่อ ถ้าเด็กปวดท้อง ใช้ใบโหระพา 20
ใบ ชงน้ำร้อนและนำมาชงนมให้เด็กดื่มแทนยาขับลมได้ ใบโหระพาแห้งต้มกับน้ำ มีสรรพคุณต้านเช้ือ
กอ่ โรค

ไอเดยี การใชโ้ หระพาเพอื่ สุขภาพ
ด้วยประโยชน์ที่มากมายของใบโหระพา จึงสามารถนำมาใช้เพื่อสุขภาพได้อย่างหลากหลาย

ไอเดียดว้ ยกัน โดยมีคำแนะนำในการใช้โหระพาเพ่อื สุขภาพดงั ต่อไปน้ี
1.แก้อาการไข้หวัด

เราสามารถใชใ้ บสดของโหระพาในการแกอ้ าการไขห้ วัดได้ โดยการนำใบโหระพามาตม้ แล้ว
กรองเอาแตน่ ้ำดื่ม เมอ่ื ดมื่ บอ่ ยๆ จะชว่ ยใหอ้ าการไข้ทุเลาลง และหายเป็นปกติในท่ีสุด นอกจากน้กี าร
กนิ ใบสดกจ็ ะชว่ ยบรรเทาอาการไขห้ วดั ไดเ้ หมือนกนั
2.ใช้เปน็ ยาระบาย

โหระพามสี รรพคุณช่วยขับปัสสาวะ กระตุ้นระบบการขบั ถ่ายเหมาะสำหรบั ผู้ท่ีมปี ัญหาท้องผกู
โดยให้นำเมลด็ โหระพาไปแชน่ ำ้ จนพองตวั นำมาด่มื เปน็ ประจำอย่างตอ่ เน่อื ง จะช่วยกระตุ้นระบบ
ขบั ถ่าย ทำให้ถา่ ยไดง้ ่ายขึ้น นอกจากนีเ้ มลด็ โหระพายังมีคณุ สมบตั ใิ นการควบคมุ นำ้ หนกั ได้ดอี ีกดว้ ย
3.ฆา่ เช้ือท่แี ผล

เมื่อเป็นแผลสามารถนำใบโหระพามาใชเ้ พ่อื ฆา่ เชอื้ ป้องกนั การติดเช้ือทแ่ี ผลได้ โดยนำใบ
โหระพามายหี รอื ตำพอแหลกแลว้ โปะลงบนแผล ทำแบบน้ีเปน็ ประจำ จะช่วยใหแ้ ผลหายเร็วขึน้ และ
ไม่เกิดการตดิ เชือ้ อย่างแนน่ อน
4.ใช้หา้ มเลือด

ในกรณที เี่ ปน็ แผลมีเลือดออก ก็สามารถใชใ้ บโหระพาเพ่อื ห้ามเลือดได้เชน่ กนั ด้วยการนำใบ
โหระพามาตำ แล้วนำมาพอกบริเวณบาดแผล จะทำให้เลอื ดหยุดไหลเร็วข้นึ
5.ไล่ยุงและแมลง

เพราะยงุ และแมลงไม่ชอบกล่ินของนำ้ มันโหระพาจงึ สามารถนำมาใช้ไล่ยงุ และแมลงได้ ด้วย
การนำนำ้ มนั โหระพามาทาลงบนผิวหรือบริเวณทไ่ี ม่ตอ้ งการให้ยุงและแมลงเข้าใกล้ เพยี งเทา่ นก้ี ห็ มด
กังวลไปไดเ้ ลย

14

6.แกอ้ าการสะอกึ
หากมอี าการสะอึก ให้นำใบโหระพามาตม้ กับขิงสด ดืม่ ขณะทอี่ นุ่ ๆ จะทำใหอ้ าการสะอกึ

หายเร็วข้นึ และยงั ใหค้ วามรู้สกึ ชุม่ คอ สามารถบรรเทาอาการไอ และอาการเจ็บคอไดด้ ีอีกด้วย
7.บรรเทาอาการเหงือกอักเสบ

เมอ่ื เหงอื กอกั เสบ จนมีอาการปวดมาก ให้นำใบโหระพาแห้งมาบด แล้วนำมาทาบริเวณที่
เหงือกอักเสบ จะทำใหอ้ าการอักเสบคอ่ ยๆ ทเุ ลาลง และหายเป็นปกติในทสี่ ุด
8.แก้อาการปวดหวั

สำหรบั คนทมี่ อี าการปวดหวั บอ่ ยๆ ใหน้ ำยอดอ่อนของโหระพา มาตม้ กับนำ้ ดม่ื หรอื นำมา
ทานสดกไ็ ด้ จะทำให้ร่างกายผ่อนคลาย และอาการปวดหัวคอ่ ยๆ ทุเลาลง นอกจากนีห้ ากกนิ เปน็
ประจำ กจ็ ะช่วยลดความถ่ีในการปวดหวั ของคนทเ่ี ป็นไมเกรนได้เชน่ กัน
9.บรรเทาอาการปวดทอ้ งในเด็ก

ใบโหระพาสามารถนำมาใช้เพอ่ื บรรเทาอาการปวดท้องในเดก็ ได้ โดยให้นำใบโหระพา
ประมาณ 20 ใบ มาแช่ในนำ้ รอ้ นสักพัก จากนัน้ กรองเอาแตน่ ำ้ มาใชช้ งนมให้เด็กดื่มแทนน้ำตม้ สุก จะ
ทำให้อาการปวดท้องค่อยๆทุเลาลงและหายเป็นปกติในทสี่ ดุ
10.แกอ้ าการบดิ

เม่อื มอี าการบดิ สามารถนำโหระพา มาใช้รักษาบรรเทาอาการได้ ด้วยการนำเมลด็ ของ
โหระพามาแช่น้ำจนพองตัวเปน็ เมือก จากน้ันนำมากิน จะทำใหอ้ าการบดิ คอ่ ยๆ ทุเลาลงและหายเป็น
ปกติ นอกจากกจ็ ะชว่ ยแกอ้ าการจุกเสยี ดแน่นท้องไดเ้ หมอื นกนั
11.บรรเทาอาการฟกช้ำ

ในกรณทห่ี กล้ม หรือกระแทกกบั อะไรจนทำให้มอี าการฟกช้ำ สามารถบรรเทาอาการได้
ง่ายๆ ดว้ ยการนำใบโหระพามาตำแล้วนำมาพอกบริเวณทีฟ่ กช้ำ ทำเปน็ ประจำจะทำให้อาการฟกช้ำ
คอ่ ยๆ ดขี ึน้ ช่วยลดอาการปวดบวมได้อยา่ งดีเย่ียม

ไอเดียการกินโหระพาเพือ่ สขุ ภาพ
นอกจากไอเดียการใช้เพื่อสุขภาพแล้ว โหระพาก็สามารถนำมากินเพื่อสุขภาพได้หลากหลาย

ไอเดยี อีกดว้ ย ซ่ึงเรากไ็ ดร้ วบรวมไอเดียการกนิ การนำโหระพาไปประกอบอาหารมาแนะนำกันดังน้ี
1.สปาเก็ตตีโ้ หระพา

เมนูสปาเก็ตตี้แสนอร่อย ที่มาพร้อมกับประโยชน์แบบจัดเต็มที่ใส่ใบโหระพาลงไป โดยวิธีทำ
ใหล้ วกสปาเกต็ ต้ีให้สุกเตรียมไว้ ลวกกุ้ง ซอยกระเทยี มกับพริกขี้หนู นำกระทะข้ึนต้ังไฟ ใส่น้ำมันลงไป

15

นำกระเทยี มกบั พริกลงไปผดั จนสุก ใส่กุ้งลงไปผัด ใสเ่ ส้นสปาเก็ตตี้ ปรุงรสดว้ ยเกลือกับพรกิ ไทย ปิดไฟ
ใส่ใบโหระพาลงไปแล้วยกขึน้ เสิรฟ์ ได้เลย
2.เปด็ ย่างใบโหระพา

เปลี่ยนเมนูเปด็ ย่างธรรมดา ใหม้ ีประโยชนม์ ากข้ึน ด้วยการใสใ่ บโหระพาลงไป โดยวิธีทำ ใหน้ ำ
เนื้อเป็ดย่างมาสบั เปน็ ชิน้ เลก็ ๆ สบั กระเทียม กับพรกิ เตรียมไว้ ตั้งกระทะใสน่ ้ำมันให้รอ้ น ใสก่ ระเทียม
กับพริก เนื้อเป็ดลงไป ใส่ใบโหระพา ผัดประมาณ 2 นาที ตักขึ้นเสิร์ฟ ราดด้วยน้ำราดเป็ดย่าง จะได้
รสชาติทกี่ ลมกลอ่ มมาก
3.ผดั ฟักทองใบโหระพา

เปน็ อีกหนึง่ เมนูท่มี าพร้อมกบั คุณประโยชนอ์ ย่างครบครนั โดยวิธที ำ ใหห้ นั่ ฟกั ทองเป็นชิ้นบาง
ๆ เตรียมไว้ สับกระเทยี ม นำกระทะขึ้นตั้ง เมื่อน้ำมันเริ่มร้อน ใส่กระเทียมสบั ลงไปผัด ใส่ฟักทองตาม
ลงไป ผัดจนเริ่มหอม เติมน้ำร้อนให้ท่วม ผัดจนฟักทองเริ่มสุก เมื่อน้ำเริ่มแห้ง ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว
พรกิ ไทย นำ้ ตาล ผกั ต่อไปสกั ครู่ให้สว่ นผสมเข้ากัน ใสใ่ บโหระพาลงไป ปิดไฟ ตกั ใสจ่ านได้เลย

ขอ้ ควรระวัง
แม้ว่าโหระพาจะเต็มไปด้วยประโยชน์ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีข้อเสีย โดยน้ำมันหอมระเหยของ

โหระพาไม่เหมาะกับการนำมาใช้ในหญิงตั้งครรภ์ เพราะจะทำให้เกิดการแพ้ ซึ่งอาจเป็นอันตรายได้
เพราะฉะนั้นควรเลี่ยงการใช้น้ำมันหอมระเหยโหระพากับหญิงตั้งครรภ์อย่างเด็ดขาดโหระพามี
สรรพคุณทางยาหลายชนิด สามารถนำมาใช้ประโยชน์และนำมากินได้หลากหลายวิธี เพราะฉะนั้นไม่
ควรมองข้ามประโยชน์ดีๆ จากโหระพาอย่างเด็ดขาด ซึ่งก็สามารถนำมากินได้ทั้งแบบใบสดๆ และ
นำมาประกอบอาหารเลยทีเดยี ว รับรองว่าไดป้ ระโยชน์แบบครบครนั แนน่ อน

ประโยชนข์ องโหระพา
โหระพา คือ ต้นไม้ประเภทพืชล้มลุก ที่มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว การใช้ประโยชน์ของโหระพา

ส่วนใหญ่จะเป็นการนำมารับประทานเป็นอาหาร ซึ่งสรรพคุณของโหระพา มีมากมายช่วยบำรุง
ร่างกาย รักษาโรคได้ นอกจากนั้นใบโหรพพาสามารถนำมาสักัดเอาน้ำมัน ซึ่งนำไปใช้ประโยชน์ทาง
อตุ สาหกรรมและความงามหลายอย่าง โดยรายละเอียด มีดงั น้ี
นำใบมากินเป็นอาหาร นิยมใส่ในอาหารให้มีกลิ่นหอมนำใบโหระพามาสกัดทำน้ำมันหอมระเหย ให้
กลิ่นหอม สามารถนามาเป็นสารตั้งต้นในการทำ อาหารในอุตสาหกรรมสำหรับแต่งกลิ่นน้ำมันหอม

16

ระเหยจากโหระพา เป็นส่วนผสมของเครื่องสำอาง เช่น น้ำหอม สบู่ เป็นต้นคุณค่าทางโภชนากการ
ของตน้ โหระพา

สำหรับการศึกษาคุณค่างทางอาหารของโหระพา นั้น นักโภชนาการได้ศึกษาคุณค่าทาง
โภชนาการของใบโหระพา ขนาด 100 กรัม พบว่าให้พลังงาน 251 กิโลแคลอรี่ มีสารอาหารสำคัญ
ประกอบด้วย โปรตีน 14.4 กรัม ไขมัน 4 กรัม คาร์โบไฮเดรต 61 กรัม แคลเซียม 2,113 มิลลิกรัม
ฟอสฟอรสั 46 มิลลกิ รมั ธาตุเหล็ก 42 มิลลกิ รัม แมงกานสี 42.2 มลิ ลกิ รัม ฟอสฟอรสั 490 มิลลิกรัม
โพแทสเซียม 3,433 มิลลิกรัม โซเดียม 34 มิลลิกรัม สังกะสี 6 มิลลิกรัม วิตามินซี 22 มิลลิกรัม
วิตามินบี1 0.1 มิลลิกรัม วิตามินบี2 0.2 มิลลิกรัม วิตามินเอ 9375 IU เบต้าแคโรทีน 452.2
ไมโครกรมั และ กากใยอาหาร 17.8 กรัม

นอกจากนั้นได้ศึกษาสารสำคัญจากใบโหระพา พบว่ามีสารสำคัญมากมาก แต่พบ Methyl
chavicol มากถึงร้อยละ 90 และส่วนที่เหลือประกอบด้วย Pinene β-Pinene β-Bourbonene β-
Elemene β-Cubebene β-Caryophyllene β-Copaene β-Acoradiene Camphor Ocimene
Eucalyptol Linalool Benzaldehyde Sabinene Myrcene Cis-Hex-3-Enyl Acetate p-
Cymene Limonene Eucalyptol cis-Beta-Ocimene cis-Linalool Oxide trans-Linalool
Oxide trans-Myroxide Neo-Allo-Ocimene Menth-2-en-1-ol Pinocarvone Terpinen-4-ol
Endo Fenchyl Acetate Nerol Neral Geraniol Geranial Carvacrol
Bicycloelemene Exo-2-Hydroxycineole Acetate Cubebene Geranyl Acetate Methyl
Eugenol Trans-Alpha-ergamoteneCadina-3,5-Diene Epsilon-Muurolene Germacrene
Bicylogermacrene

สรรพคุณต้นโหระพา
สำหรับการใช้ประโยชน์ของโหระพา ด้านการบำรุงร่างกาย และ การรักษาโรค นั้น มีการใช้

ประโยชนจ์ าก ใบ ลำต้น เมลด็ และ นำ้ มนั หอมระเหย โดยรายละเอนี ด ดังน้ี
ใบและลำตน้ ของโหระพา มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว สรรพคุณแกเ้ จ็บคอ ขับเสมหะ แก้ปวดฟัน ขับลม ขับ
เหงื่อ แก้ท้องอืด ช่วยย่อยอาหาร ช่วยเจริญอาหาร แก้หวัด ช่วยลดอาการอักเสบของแผล รักษาแผล
ช่วยห้ามเลือด ช่วยใหล้ ดอาการปวด

เมลด็ ของโหระพา สรรพคุณชว่ ยขับถา่ ย ชว่ ยควบคมุ น้ำหนัก รกั ษาแผลในกระเพาะอาหาร ลด
การบบี ตัวของลำไส้ น้ำมันหอมระเหยจากใบโหระพา สรรพคณุ แก้ปวดเมือ่ ย ชว่ ยทำให้ผ่อนคลาย ลด
อาการเหนือ่ ยลา้ แกอ้ าการกระตกุ แกจ้ มกู อกั เสบ ลดอาการปวดจากแมลงกดั ตอ่ ย

17

โทษของโหระพา
สำหรบั โหระพามกี ล่ินหอม ซึง่ สามารถสกัดน้ำมันหอมระเหยจากใบโหระพาได้ แต่น้ำมันหอม

ระเหยไม่ควรใชก้ ับสตรีมีครรภ์ เน่ืองจากอาจทำใหเ้ กิดอาการแพไ้ ด้
โหระพา ( Sweet basil ) คือ พืชล้มลุก สมุนไพร ผักสวนครัว นิยมนำมาทำอาหาร ต้นโหระพาเป็น
อย่างไร ประโยชน์ของโหระพา คุณค่าทางโภชนาการของโหระพา สรรพคุณของโหระพา เช่น ขับลม
ช่วยเจริญอาหาร เป็นต้น ใบโหระพามีกล่นิ หอม โทษของโหระพามีอะไรบา้ ง

18

บรรณานกุ รม

สำนักสง่ เสริมและจัดการสินค้าเกษตร. 2562. ประโยชนข์ องโหระพา. สบื คน้ จาก:
https://medthai.com/โหระพา/ ( 05 สิงหาคม 2564)

สำนักสง่ เสรมิ และจัดการสินคา้ เกษตร. 2562. โหระพา. สบื ค้นจาก:
https://th.wikipedia.org ( 05 สิงหาคม 2564)


Click to View FlipBook Version