ทะแยมอญ
ค ณ ะ ร า มั ญ บั น เ ทิ ง
ตำบลเจ็ดริ้ว อำเภอบ้านแพ้ว
จังหวัดสมุทรสาคร
ศึกษา สืบสาน อนุรักษ์วัฒนธรรมมอญ
โดย
น า ง ส า ว ธ นั ช ช า สุ เ ม โ ท
สารบัญ
01. บทนำ
02. ประวัติทะแยมอญ
03. ที่มาคณะรามัญบันเทิง
04. องค์ประกอบการแสดง
บทนำ หน้า 1
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์เล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งในการศึกษาองค์ประกอบการแสดงทะแยมอญ
คณะรามัญบันเทิง ตำบลเจ็ดริ้ว อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อเป็นศึกษษและเผยแพร่ให้
เป็นที่รู้จัก ซึ่งมีเนื้อหา ได้แก่ องค์ประกอบ ขั้นตอนการแสดง โอกาสที่ใช้แสดง การแต่งกาย เครื่อง
ดนตรี ท่ารำ
ทะแยมอญเป็นชื่อที่คนไทยเรียกการละเล่นอย่างหนึ่งของคนมอญ ซึ่งเพี้ยนมาจากคำในภาษา
มอญว่า แธ่ะหยิห์นั่นหมายถึง“การขับร้อง” ทะแยมอญเป็นการละเล่นหรือการแสดงของชาวมอญที่
มีลักษณะร้อง โต้ตอบกัน คล้ายกับการเล่นเพลงพื้นเมืองของภาคกลาง เช่น เพลงลำตัด เพลงฉ่อย
โดยใช้ปฏิภาณไหวพริบ ของผู้แสดงที่มีบทบาทเป็นผู้ขับร้อง โดยชาวมอญจะเรียกวงนี้ว่า วงมโหรี
มอญ แต่เดิมชาวมอญแต่ละหมู่บ้าน จะมีวงทะแยมอญเป็นของตนเอง เช่น ชาวมอญในจังหวัด
สมุทรสาคร โดยจะมีผู้ร้องชายหญิงโต้ตอบกันเป็นคู่ๆ ประกอบการร่ายรำหรือรำมอญ เป็นการรำไป
ตามจังหวะเพลง เป็นการเกี้ยวพาราสีกันระหว่างคู่ชายหญิง สำหรับคำร้องเป็นภาษามอญทั้งหมด
และในปัจจุบันมีการประยุกต์คำร้องให้มีภาษาไทยปน มักใช้กับทำนอง เพลงสมัยใหม่ เช่น เพลงลูก
ทุ่ง เป็นต้น เพื่อเกิดความความสนุกสนานแก่ผู้ชมและเกิดความให้แปลกใหม่ให้ เป็นไปตามยุคสมัย
เพื่อเป็นการส่งเสริมและอนุรักษ์วัฒนธรรมและการแสดงมิให้สูญหายไป ผู้จัดทำหวังว่าจะเกิด
ประโยนช์อันสูงสุดสำหรับผู้ที่สนใจศึกษา หากผิดพลาดประการใด ผู้จัดต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ ด้วย
ผู้จัดทำ
ธนัชชา สุเมโท
ป ร ะ วั ติ ค ว า ม เ ป็ น ม า หน้า 2
ทะแยมอญ
ทะแย เป็นคำที่ไม่มีความหมายในภาษามอญ แต่ชาวมอญใน
ประเทศไทยและคนมอญในสมัยปัจจุบัน ใช้เรียกมหรสพการแสดง
ของซาวมอญโดยสันนิฐานว่าน่จะเพี้ยนมาจากคำในภาษามอญ คือ
แธะหยิห์ ซึ่งมี ความหมายว่า ร้อง หรือการร้อง และอีกคำที่มักจะ
ผสม คำว่า มอน ซึ่งแปลว่ามอญ แซ่ะหยิห์มอนหรือทะแยมอญ
เป็นการละเล่นเพลงพื้นบ้านของชาวมอญ ลักษณะการแสดงคล้าย
กับเพลงพื้นบ้านภาคกลาง เช่น เพลงฉ่อย เพลงเรือ เพลงอีแซว
หรือเพลงลำตัด เพราะนักร้องชายและนักร้อง หญิงจะต้องร้อง
โต้ตอบกัน มักร้องกันทีละ1 คู่ โดยใช้ปฏิภาณไหวพริบ ความว่องไว
ในการคิดเนื้อร้องสด ๆ หรือที่เรียกว่าต้นสด แต่ทะแยมอญนั้นจะมี
ลักษณะพิเศษที่แตกต่างจากเพลงพื้นบ้านภาคกลาง ตรงที่การร้อง
นั้นจะต้องมีวงเครื่องสายมอญบรรเลงประกอบการแสดงตลอด
มีท่วงทำนองที่ช้า อ่อนหวาน
การแสดงทะแยมอญสามารถเล่นได้ทั้งงานมงคลและอวมงคลอีกด้วย นิยม
แสดงตามบ่อนสะบ้าเป็นส่วนใหญ่ สะบ้า คือการละเล่นของหนุ่มสาวชาวมอญ
นิยมเล่นในช่วงเทศกาลสงกรานต์ และเป็นการมาร้องโด้ตอบกันประกอบการ
ร่ายรำ เช่น งานบวชก็จะร้องสอนพ่อนาคเมื่อเวลาอยู่วัดต้องปฏิบัติตนอย่างไร
บ้าง เรื่องพระเวสสันตร หรือประวัติพระพุทธเจ้า งานแต่งจะร้องเกี้ยวกับการ
ครองเรือน การเกี้ยวพาราสี งานศพก็ร้อง เกี่ยวกับพระคุณพ่อ แม่ เรื่องลูกทำ
พร้า หรืออานิสงสัการเผาศพ นอกจากนี้ยังสามารถแสดงได้ตาเทศกาล งาน
รื่นเริงต่าง ๆ แต่ทำนองเพลงของวมไหมืมอยู่นั้นเป็นทำนองเดิมทั้งหมด กล่าว
คือ ผู้ร้องจะร้องเรื่องอะไรงานอะไรก็แล้วแต่ ก็ต้องร้องในทำนองของทะแย
มอญ ซึ่งมีด้วยกับหลัก ๆ 2 ทำนองคือ ถ้าฝ้ายชายร้องขึ้นก่อน แล้วฝ่ายหญิง
ร้องตอบเรียกว่าทำนองเลิกมั่ว แต่ถ้าฝ่ายหญิงร้องขึ้นก่อนแล้วฝ่ายชายร้อง
ตอบเรียกว่า ทำนองโปดเซ
ประวัติความเป็นมา หน้า 3
คณะรามัญบันเทิง
คณะรามัญบันเทิง ถือได้ว่าเป็นคณะทะแยมอญของเจ็ดริ้วรุ่นปัจจุบันที่ทำการแสดงและเป็นที่รู้จักของ ชาวมอญหมู่บ้านอื่น ๆ
โดยแรกเริ่มเกิดจากการอบรมโครงการพัฒนาศักยภาพแกนนำเยาวชนมอญ จัดโดยมูลนิธิรามัญรักษ์ ซึ่งทางเจ็ดริ้วได้ไปร่วมโครงการในครั้ง
นั้นเป็นเวลา 2 วัน 1 คืน นำทีมโดย คุณป้าสำเนา พุกผาสุข ในโครงการนี้มีการแสดงแลกเปลี่ยนกันของชุมชนมอญต่าง ๆ ซึ่งชุมชนเจ็ดริ้วได้
สาธิต การทำขวัญนาคแบบรามัญโดยนายภาณุเดช เร่บ้านเกาะ และการแสดงทะแยมอญร่วมกับคณะทะแยมอญ หงส์ฟ้ารามัญของชุมชน
บางกระตี่ หลังจากนั้นจึงทำให้นายภาณุเดช คิดที่จะฟื้นฟูการแสดงทะแยมอญ เพื่ออนุรักษ์ให้อนุขนรุ่นหลังได้รู้จัก
ในการฝึกซ้อม จะเป็นวิธีการแบบพี่สอนน้อง โดยรุ่นพี่จะแยกกันไปสอนในแต่ละ
เครื่องดนตรีออกไป แล้วมาบรรเลงพร้อมกัน จนเริ่มออกแสดงในโอกาสต่าง ๆ ได้ ต่อ
มาได้ปรึกษาหารือกันในเรื่องของชื่อคณะ จน สรุปได้เป็นชื่อ รามัญบันเทิง ในที่สุด
บทเพลงที่ร้องส่วนใหญ่จะเป็นเพลงที่นายปวีณ สาแหรกทอง และ นายภาณุเดช เร่บ้าน
เกาะ ร่วมกันแต่งขึ้นใหม่ มีทั้งบทที่เป็นทำนองทะแยมอญ และ เพลงประยุกต์ขึ้นใหม่
โดยใช้ทำนองเพลงลูกทุ่งที่คุ้นหูของไทยมาใส่เนื้อร้องเป็นภาษามอญแทน เวลาออก
แสดงจริง จะมีนักร้องและ นักดนตรีจากบางกระดื่มาร่วมด้วย มาร่วมแสดงเพื่อ
ความสนุกสนานและเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างมอญเจ็ดริ้วกับมอญบาง กระดี่
ในการอนุรักษ์วัฒนธรรมร่วมกัน
ในการฝึกข้อมก่อนการเรียนการสอนนั้น จำเป็นจะต้องมีการฝากตัวเป็นศิษย์ต่อครูบาอาจารย์ โดย วิธีการนี้ทำตามแบบแผนของ
นายปวีณ สาแหรกทอง ผู้สอนทะแยมอญที่มาจากบ้านบางกระดี่ โดยมีความ เชื่อว่าเพื่อให้การเรียนไม่มีอุปสรรค หากร้องรำจะได้มีปัญญา
ในการต้นดี เป็นนักดนตรีก็ฝึกหัดเป็นไว จำเพลง ได้แม่นยำ และสามารถหยิบจับเครื่องดนตรีได้โดยไม่มีโทษ โดยค่าครู จะประกอบไปด้วย
ดอกไม้ ธูป เทียน เงินกำนล 12 บาท เหล้า 1 ขวด และบุหรี่ 1 ซอง โดยมอบให้แก่ นายปวีณ สาแหรกทอง และมีการไหว้ครู ประจำปีด้วย โดย
ปกตินายภาณุเดช เร่บ้านเกาะ ได้จัดขึ้นเป็นปกติประจำทุกปีเพื่อไหว้ครูช่างของ นาย วรชาติ เร่บ้านเกาะ (บิดา) ไหว้ครูหนังสือตำรามอญ
และไหว้ครูหมอขวัญนาคมอญ จึงจัดไหว้ครูเครื่องดนตรีในวงทะแยมอญร่วมด้วย เพื่อความร่มเย็นเป็นสุขของชาวคณะ
หน้า 4
ขั้นตอนการแสดง โอกาสแสดง
ท่ารำ องค์ประกอบ บทร้อง
การแสดง
การแต่งกาย เครื่องดนตรี
หน้า 5
องค์ประกอบการแสดง
ขั้นตอนการแสดง
ขั้นตอนการแสดงแบบใหม่หลังจากที่คณะมอญมาถึงสถานที่
แสดงนักดนตรีก็จะวางเครื่อง ดนตรีทุกชิ้นอย่างเป็นระเบียบ
โดยมิได้กำหนดตำแหน่งที่แน่นอนของการวางเครื่องดนตรี
ซึ่งจะใช้บรรเลงเฉพาะช่วงที่เป็นทำนองเพลงต่อจากนั้นผู้
อาวุโสในคณะก็จะทำพิธีบูชาครู หลังจากเสร็จสิ้นพิธีบูชาครู
แล้ว นักดนตรีก็จะบรรเลง เพลงประมาณ ๒ - ๓ เพลง เพื่อ
เป็นการเรียกผู้ชม และเป็นการสำรวจเสียงของเครื่องดนตรี
ภาษามอญ เรียกว่า “หญัดกู่นอะจา” (ไหว้ครู) ซึ่งคล้ายกับ
การโหมโรงดนตรีไทยสำหรับเพลงที่ใช้บรรเลงเบื้องต้นก่อน
การแสดงนี้ได้แก่เพลงแขกมอญ จีนแส ลมพัดชายเขา และ
สีนวน (เพลงเหล่านี้ไม่มีชื่อเรียกเป็นภาษามอญ ส่วนการ
บรรเลงจะสั้นหรือยาวเพียงใดอยู่กับความเหมาะสมของเวลา
ปัจจุบันนี้เพลงที่ใช้ก่อนการแสดงได้แก่ จีนแส สามเส้า
สีนวน พอเข้าการแสดงก็บรรเลงอยู่ทำนองเดียว แต่จะมี
การทอดลงแล้วขึ้น ใหม่ในช่วงที่ผู้หญิงจะร้องแก้ ทำแบบนี้
๔ ครั้ง เรียกว่าเป็น ๑ เพลง
อ ง ค์ ป ร ะ ก อ บ ก า ร แ ส ด ง หน้า 6
โอกาสในการแสดง
๑) การแสดงเป็นมหรสพที่จัดในโอกาสต่างๆ เช่น งานฉลองกฐิน งานบวชนาค งานทำบุญใน
โอกาสต่างๆ ได้แก่ ขึ้นบ้านใหม่ งานศพ เทศน์มหาชาติ P18
๒) การแสดงในการประกอบพิธีกรรม การประกอบพิธีกรรมของชุมชนมอญบางแห่งต้องมี
ทะแยมอญเป็นส่วนประกอบของพิธีกรรมด้วย เช่น พิธีรำเจ้า พิธีทำบุญหมู่บ้าน เป็นต้น
๓) เป็นกิจกรรมเพื่อสันทนาการ ทะแยมอญถูกนำไปใช้เป็นกิจกรรมสำคัญในการสร้าง
บรรยากาศที่รื่นเริงสนุกเพลิดเพลิน และการสังสรรค์ของผู้คนในชุมชนร่วมกับกิจกรรมอื่น ๆ
เช่น การเล่นสะบ้า การแห่สงกรานต์ เป็นต้น
๔) กิจกรรมสำหรับการท่องเที่ยว ปัจจุบันชุมชนมอญหลายแห่งได้เป็นแหล่งท่องเที่ยว
และบางชุมชนกำลังส่งเสริมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ทะแยมอญเป็นการแสดงที่ได้นำเสนอให้
แก่นักท่องเที่ยวได้ชมกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน
หน้า 7
การแต่งกาย
ก า ร แ ต่ ง ข อ ง ผู้ แ ส ด ง ฝ่ า ย ช า ย ใ น ก า ร แ ส ด ง ท ะ แ ย
ม อ ญ ค ณ ะ ร า มั ญ บั น เ ทิ ง มี เ ค รื่ อ ง แ ต่ ง ก า ย ดั ง นี้
นิยมสวมเสื้อคอกลมแขนสั้น จะเป็นสีพื้น
หรือลายดอกก็ได้
ผ้านุ่ง ใช้ผ้าฝ่ายสีพื้นไม่มีลวดลาย พับ
แบบจับจีบด้านหน้าแล้วปล่อยชาย ทาง
มอญเรียกว่า ปักเกลิด หรือนุ่งลอยชาย
ผ้าสไบมอญ หรือผ้าหะเหริ่มโต่ะ พาดชาย
สไบ ทั้งสองข้างไว้ด้านหลัง ให้ด้านหน้ามี
ลักษณะ เหมือนตัววี
เครื่องประดับอื่น ๆ เช่น เข็มขัด ดอกไม้
ทัดหู และ แป้งกระแจะ
หน้า 8
การแต่งกาย
ก า ร แ ต่ ง ก า ย ข อ ง ฝ่ า ย ห ญิ ง ใ น ก า ร แ ส ด ง ท ะ แ ย ม อ ญ
ค ณ ะ ร า มั ญ บั น เ ทิ ง มี เ ค รื่ อ ง แ ต่ ง ก า ย ดั ง นี้
เสื้อ แต่เดิมนิยมใส่เสื้อกล้าม บ้างเรียกยกทรง
มอญ โดยชาวมอญ เรียกว่า อะเลาะห์ฟ้างโม่น
หรือแขนกระบอก แขนสามส่วน แต่ในปัจจุบัน
นิยมใส่เป็นลูกไม้ ตามยุคสมัยและความสะดวก
ผ้านุ่ง ชาวมอกเรียกว่า หนิ่ง แต่เดิมนิยมสีพื้น
ไม่มีลวดลาย อาจมีเชิงนิดหน่อย จะนุ่งให้สูงกว่า
ข้อเท้าเล็กน้อย พับไปทางด้านซ้าย แต่ปัจจุบัน
สามารถเลือกใส่ได้ตามความต้องการของแต่ละ
บุคคล อาจมัลวดลายต่างๆ หรือผ้าจากทางภาค
เหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตามความชอบ
ผ้าสไบ หรือผ้าหะเหริ่มโต่ะ นิยมพาดไหล่เดียว ทิ้ง
ชายสไบ ให้ด้านหลังยาวกว่าด้านหน้า หรือการ
คล้องคอปล่อยชายสไบทั้งสองข้างไว้ด้านหน้า แต่ถ้า
ร้องบทไหว้ครูจะสไบเฉียงพาดไหล่ไปทางด้านซ้าย
เพื่อความเรียบร้อย
เครื่องประดับ เข็มชัด ข้อเท้า และเครื่องประดับผม
สมัยก่อนนิยมเกล้าผมมวยใส่น้ำมันจนเงา เสียบที่
ปักผม 2 ชิ้น โดยจะมีลักษณะเป็นรูปตัวย (U) ชาว
มอญเรียก “อะนดซก” อีกชิ้นหนึ่งมีลักษณะคล้าย
สัญลักษณ์ปีกกา ( { ) ชาวมอญเรียก “อะนดซกหะ
เลี่ยง” ประดับด้วยพู่ไหมพรมร้อยลูกปัด ชาวมอญ
เรียก “แม่ยเฟ่ย์” และดอกไม้สวยงาม
หน้า 9
เครื่องดนตรีประกอบการแสดง
วงมโหรีมอญ
การแสดงทะแยมอญจะใช้เป็น วงเครื่องสายมอญ
บรรเลงประกอบการแสดงตลอด มีท่วงทำนองที่ช้ อ่อน
หวาน โดยชาวมอญจะ เรียกวงนี้ว่า วงมโหรีมอญ วงมโหรี
มอญนั้น แต่เดิมประกอบไปด้วยเครื่องดนตรี 5 ชนิด ได้แก่
จยาม (จะเข้) โกร่เจิกป๊อย (ซอสามสายมอญ) กะลด (ขลุ่ย)
หะเด (ดิ่ง) และปงตาง (กลองสองหน้าขนาดย่อม) ต่อมาจึง
ได้เพิ่ม โกร่ดอน (ซอด้วง) ฉาน (ฉาบเล็ก) และหลิกจั๊บ
(กรับ) เพื่อเพิ่มความสนุกสนานในเวลาร้องเพลงที่มีทำนอง
เร็ว ๆ หรือ เพลงรำวง ชาวบ้านมักสับสนระหว่างวงทะแย
มอญและวงมโหรีมอญ แท้จริงแล้วคือวงประเภทเดียวกัน
ต่างกัน ตรงที่มีคนร้องกับไม่มีคนร้องเท่านั้น หากมีคนร้องก็
จะเป็นวงทะแยมอญนั่นเอง
บทร้อง หน้า 10
ที่มาและบทเพลงในการแสดงของคณะรามัญบันเทิง มีดังนี้
เพลงไหว้ครู คือเพลงที่คณะรามัญบันเทิง ใช้บรรเลงโหมโรง หรือเป็นเพลงที่บรรเลงก่อนจะทำการร้องรำ
เพื่อเป็นการบรรเลงถวายต่อครูบาอาจารย์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และเจ้าที่ อีกทั่งเป็นเพลงที่ใช้เตรียมความพร้อม
ของนักแสดง โดยเพลงไหว้ครูของคณะรามัญบันเทิงนั้น มี 2 เพลง ได้แก่
เพลงอะเรียงตองหลิ เพลงศรีนวน
อะเรียงตองหลิ เป็นคำนภาษามอญ ซึ่งอาจแปลได้ว่า กระเหรี่ยง
รำ อัตราจังหวะสองชั้น เป็นเพลงเก่าไม่ทราบชื่อผู้แต่ง โดยวง เพลงศรีนวน (ทางมอญบางกระดี่) อัตราจังหวะสามชั้น
มโหรีมญของชุมชนเจ็ดริ้วนิยมบรรเลง และถือเป็นเพลงแรกที่ใช้ เป็นเพลงเก่าไม่ทราบชื่อผู้แต่ง โดยทาง คณะทะแยมอญ
โหมโรง ไหว้ครูโดย เพลงนี้ นับได้ว่าเป็นเพลงที่ชาวชุมชนเจ็ดริ้ว รามัญบันเทิง ได้รับการถ่ายทอดจาก นายปวีณ สาแหรก
มีการบรรเลงและถ่ายทอดกันมาอย่างช้านาน และเป็นเพลงแรก ทอง ผู้บันทึกเพลงและจัดทำโน้ต จากนายกัลยา ปุงบางกระ
ที่ผู้ฝึกซอ จะเข้ นิยมฝึกกัน ลักษณะพิเศษอีกด้านหนึ่งคือ เมื่อ ดี่ ปราชญ์ชาวบ้านผู้เชี่ยวชาญทางด้านดนตรีและเพลงพื้น
บรรเลงช้า ก็จะให้ความรู้สึกอ่อนหวาน เมื่อบรรเลงเร็วก็จะมี บ้านมอญชุมชนบางกระดี เพลงนี้ยังเป็นเพลงแรกที่ใช้
บรรเลงโหมโรง และเพื่อปรับเสียงเครื่องดนตรีให้เข้าที่ หรือ
ความสนุกสนาน เป็นเพลงที่ใช้ไหว้ครูก่อนจะเริ่มทำการแสดงร้องรำด้วย
เพลงทะแยมอญ เพลงลมโชย
คือเพลงที่ใช้วงเครื่องสายมอญ บรรเลงคลอประกอบการร้อง ระหว่างฝ่ายชายและฝ้ายหญิง มี เป็นเพลงทำนองเก่า ไม่ทราบชื่อผู้แต่ง ลักษณะเป็นเพลงเร็ว ใช้ร้องเล่น และวง โดยแต่เดิม
ไม่มีชื่อเรียก แต่ต่อมาเพื่อง่ายต่อการฝึกซ้อม หรือนัดแนะเวลาร้อง จึงได้ตั้งชื่อโดยแปลมา
อัตราจังหวะสองชั้น
จากเนื้อร้องภาษามอญของทำนองเพลงนี้
เพลงสะบ้า
เป็นเพลงทำนองเก่า ไม่ทราบชื่อผู้แต่ง อัตราจังหวะสองชั้น ใช้บรรเลงเพื่อเพิ่มความ
สนุกสนานแก่ผู้ชมจะมีการร้องแก้กัน มีทั้งภาษามอญ และภาษาไทย ลักษณะการ นอกจากนี้ทางคณะรามัญยังมีเพลงที่ใช้ประกอบ
การแสดงทะแยมอญ ได้แก่ เพลงเจิกมัว เพลงโปดเซ
ดำเนินกลอนเหมือนลิเก แต่ใช้วงเครื่องสายมอญบรรเลงรับ ส่ง เช่น เพลงพม่ารำขวาน เพลงแม่เรียง เพลงกันตรึม เพลงดาว
ใหม่ๆก็ใสเหมือนแก้ว พอเก่าลงแล้วเปรียบเหมือนสังกะสี พระศุกร์ เพลงลมโชย เพลงโดงเลโดง เพลงสะบ้า เพลง
พี่อย่ามาทำให้ใจฉันกลุ้ม เลยนะพ่อหนุ่มเมียมี ดอกเอ๊ย ฯลฯ
เพลงดอกเอ๋ย ปัจจุบันได้มีการนิยมนำทำนองเพลงลูกทุ่งมาใช้
เป็นเพลงทำนองเก่า ไม่ทราบชื่อผู้แต่ง อัตราจังหวะชั้นเดียว เป็นเพลงลักษณะเร็ว สนุกสนาน เพื่อให้เกิดความสนุกสนาน แต่คงยังดัดแปลงจากภาษา
ใช้บรรเลงคลอกับการร้องแก้กัน มีทั้งภาษามอญ และภาษาไทย ลักษณะเนื้อเพลง จะนำชื่อ ไทยให้เป็นภาษามอญทั้งหมด เพื่อความเป็นเอกลักษณ์
ของทะแยมอญ คือ เพลงรำวง เป็นเพลงทำนองไทยทั่ว
ดอกไม้ต่าง ๆ มาร้องขึ้นต้น ดังนี้ ที่นำมาประยุกต์ในการแสดงช่วงสุดท้ายเพื่อเพิ่มความ
ช. ดอก ดอกเอ๊ย โอ้เจ้าดอกมะลิลา พอเห็นใบหน้า ช่างถูกชะตาจริงเอย สนุกสนานและให้ผู้ชมได้มีส่วนร่วม โดยมักจะใช้บรรเลง
ญ. ดอก ดอกเอ๊ย โอ้เจ้าดอกแค รูปร่างอย่าแก ฉันไม่อยากแลเลยเอย ในงานมงคล ของคณะรามัญบันเทิง โดยมีเพลงต่อไปนี้
เพลงตองแซง
ตองแซง เป็นคำในภาษามอญ อาจแปลได้ว่า ดึงดาบหรือชักดาบ เป็นเพลงทำนองเก่า
ไม่ทราบชื่อผู้แต่ง ลักษณะเป็นเพลงเร็ว สนุกสนาน ใช้ร้องเล่น และรำวง จะร้อง
ประกอบหรือไม่ก็ได้
กระบวนท่ารำประกอบ หน้า 11
การแสดงทะแยมอญ
การรำประกอบการแสดงทะแยมอญ ท่ารำของการแสดงทะแยมอญมีไม่มากนัก เป็นเพียงรำไปตามจังหวะที่ไม่มี
ท่ารำที่ตายตัว เป็นท่าที่คล้ายคลึงกับนาฏศิลป์ไทย แต่การรำมอญนั้น จะไม่มีการยกเท้าเหมือนของนาฏศิลป์ไทย เน้น
เป็นการกระเถิบเท้า ไม่ว่าจะรำท่าไหน เท้าของผู้แสดงก็จะไม่ยกขึ้นเลย และการร่ายรำนั้น จะเป็นการเคลื่อนไหว
ร่างกายมากกว่า เช่น การใช้สะโพก การตีไหล่ การลงน้ำหนักที่เท้า การทรงตัว งดงามยังคงเอกลักษณ์ของการร่ายรำ
ฉบับมอญเจ็ดริ้ว ผู้เชี่ยวชาญได้ถ่ายทอดท่ารำ คณะรามัญบันเทิง ดังนี้
เมื่อฝ่ายชายวิ่งเข้าหา ฝ่ายหญิง ท่าเดิน ธรรมชาติ การย่ำ การใช้ร่างกาย
ฝ่ายหญิงก็จะทำ ท่าอาย เป็นการเคลื่อนไหวตามจังหวะ การใช้เข่า และสะโพก เป็นหลัก
เป็นการเกี้ยวพาราสีกัน มือใช้การม้วนจีบ สลับซ้าย-ขวา
การร่ายรำในการแสดงทะแยมอญ มีลีลาที่
โย้ไปโย้มา เกี้ยวพาราสีระหว่างคู่ ชาย - หญิง ลีลา
ท่ารำไปตามจังหวะเพลง แต่จะใช้ท่าสอดสร้อย
มาลาเป็นหลัก ไม่ถึงกับออกไปทางนาฏศิลป์ไทย
ฝ่ายหญิงจะรำโยกตัวไปโยกตัวมาแต่พองาม ส่วน
ฝ่ายชายจะเป็นการรำตีบm ด้วยลีลาที่นุ่มนวล
สวยงามแบบฉบับชาวมอญ
หน้า 12
ทะแยมอญ
เชิญรับชมความสนุกและความเพลิดเพลินได้เลยค่ะ
ขอบคุณคลิปจาก https://www.youtube.com/watch?
v=sppsivr0OiE&list=RDMMDKmR9D69UhI&index=2&ab_channel=VDOschool
อ้างอิง
สัมภาษณ์
นายปวีณ สาแหรกทอง ผู้เชี่ยวชาญทางด้านทะแยมอญ และผู้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับองค์ประกอบการแสดง
ทะแยมอญ คณะรามัญบันเทิง สัมภาษณ์ เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2565
คลังข้อมูลชุมชน. (2562). ทะแยมอญเจ็ดริ้ว คณะรามัญบันเทิง. สืบค้นเมื่อ ตุลาคม 15 , 2564
จาก https://communityarchive.sac.or.th.
_________. ชุมชนชาติพันธุ์ : มอญ (ต.เจ็ดริ้ว อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร). สืบค้นเมื่อ ตุลาคม 16 , 2564
แหล่งที่มา : https://www.sac.or.th.
_________. เรียนรู้ ฟื้นฟู อนุรักษ์ ศิลปะการแสดงทะแยมอญ. สืบค้นเมื่อ ตุลาคม 29 , 2564
แหล่งที่มา : https://www.sac.or.th/exhibition/24communities/jedriew.
_________. วิถีชีวิตชาวมอญเจ็ดริ้ววิกฤตใกล้สูญ. เดลินิวส์ สืบค้นเมื่อ ตุลาคม 15 , 2564
แหล่งที่มา : https://d.dailynews.co.th.
_________. (2561). เสียงรามัญ(ฉบับบที่ 48). กรุงเทพฯ : ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน).
ทะแยมอญ
รามัญบั นเทิง
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เรื่อง องค์ประกอบการแสดงทะแยมอญ
สแกนศึกษาได้ที่เว็บไซต์
https://anyflip.com/homepage/zmkiu