ตอนท่ี ๑
ระดับความสาเร็จในการพัฒนางานตามมาตรฐานตาแหนง่
๑. ด้านการจดั การเรยี นรู้
๑.๑ สรา้ งและหรือพัฒนาหลกั สูตร
กระผมไดท้ าการศึกษาหลกั สูตรในรายวิชาท่ีตัวเองได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติการสอน แล้ว
จัดทาแผนการสอน กาหนดการสอน ให้สอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้ และตัวช้ีวัดหรือผลการเรียนรู้
เพ่อื ให้ผู้เรยี นไดพ้ ัฒนาสมรรถนะและการเรียนรูเ้ ตม็ ตามศกั ยภาพ และความสามารถของแตล่ ะบคุ คล
๑. ดา้ นการจดั การเรยี นรู้
๑.๒ ออกแบบการจัดการเรยี นรู้
กระผมได้ออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ ท่ีหลากหลาย สามารถปรับเปล่ียนกิจกรรมได้ตาม
สถานการณ์ เน้นความรู้ ทักษะ ท่ีสามารถนาไปใช้ได้จริงในชีวิตประจาวัน เน้นการประปฏิบัติเป็นหลัก
เพื่อให้ผู้เรียนได้ลงมือจริง ได้พบเจอปัญหา และสามารถแก้ไขปัญหาได้จริงด้วยตัวเอง เป็นการสร้าง
ประสบการณใ์ หเ้ กิดข้นึ กบั ผ้เู รยี น นาส่อื เทคโนโลยมี าประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอนดว้ ย
๑. ด้านการจดั การเรยี นรู้
๑.๓ การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้
กระผมไดจ้ ัดกิจกรรมการเรียนรู้ ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วมในการทา
กิจกรรมการเรียนการสอน และได้ลงมือปฏิบัติจริง สร้างช้ินงานข้ึนมาจริงด้วยตัวนักเรียนเอง ส่งเสริม
ด้านอปุ กรณก์ ารเรียนการสอน และคอยอานวยความสะดวกในทุกขั้นตอนของกิจกรรมการเรียนการสอน
เพือ่ ใหผ้ ู้ได้เรียนพฒั นาและเรียนรู้เตม็ ศักยภาพ
๑. ดา้ นการจดั การเรยี นรู้
๑.๔ สรา้ งและหรอื พฒั นา ส่อื
นวตั กรรม เทคโนโลยี และแหลง่ เรยี นรู้
กระผมได้สร้างและพัฒนาส่ือ นวัตกรรม เทคโนโลยี และแหล่งเรียนรู้ที่สอดคล้องกับ
กิจกรรมการเรียนรู้ นามาประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอน โดยได้สร้างเว็บไซต์ห้องเรียนออนไลน์
ซึ่งสามารถสร้างเป็นแอพพลิเคชั่นติดต่ังลงในโทรศัพท์มือถือได้ด้วย เพื่อให้นักเรียนได้เข้าไปศึกษาหา
ความร้เู พิ่มเติม และใช้เปน็ ช่องทางในการทากจิ กรรมใบงาน หรอื การทดสอบอีกดว้ ย
๑. ด้านการจดั การเรยี นรู้
๑.๕ วัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้
กระผมได้ออกแบบวิธีการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ท่ีหลากหลาก เหมาะสม และ
สอดคลอ้ งกับมาตรฐานการเรียนรู้ มกี ารวัดประเมินผลครบ 3 ด้าน คือ ความรู้ (K) ทักษะ (P) และเจต
คติ (A) หลากหลายวิธี เช่น การทาใบงาน แบบทดสอบออนไลน์ การสรา้ งชิ้นงาน การลงมือปฏบิ ตั ิจรงิ
๑. ดา้ นการจัดการเรยี นรู้
๑.๖ ศกึ ษา วเิ คราะห์ และสงั เคราะห์
เพ่ือแก้ปญั หาหรือพฒั นาการเรียนรู้
กระผมได้มีการศึกษา วิเคราะห์ และสังเคราะห์ ข้อมูลพ้ืนฐานของนักเรียน รวมถึงข้อมูล
สารสนเทศของรายวชิ า แลว้ นามาวิเคราะห์ สังเคราะห์ ถึงพฤตกิ รรมผเู้ รยี น จนสามารถทาใหร้ ู้พฤตกิ รรม
การเรียน ความเอาใจใสต่ อ่ งานของผูเ้ รยี น นาไปสวู่ ธิ ีการแก้ไขปัญหา และพฒั นาผู้เรียนตอ่ ไป
๑. ดา้ นการจดั การเรยี นรู้
๑.๗ จัดบรรยากาศที่สง่ เสริมและพฒั นาผูเ้ รียน
กระผมได้มีการจัดบรรยากาศในกิจกรรมการเรียนการสอน บรรยากาศภายในห้องเรียนที่
ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนให้เกิดกระบวนการคิด ทักษะชีวิต ทักษะการทางาน ทักษะการเรียนรู้และ
นวัตกรรม ทักษะด้านสารสนเทศ สื่อและเทคโนโลยี เป็นประจาอย่างสม่าเสมอ มีการปรับประยุกต์ใน
กิจกรรมการสอน คอื สอนวิชาเดียวแต่ไดเ้ รียนสองวิชา เช่น การสอนวิชาศิลปะแต่ให้สร้างสรรค์ผลลงาน
ผา่ นคอมพวิ เตอร์
๑. ด้านการจัดการเรยี นรู้
๑.๘ อบรมและพฒั นาคณุ ลกั ษณะทดี่ ีของผู้เรยี น
กระผมได้มีการอบรมบ่มนิสัยให้ผู้เรียนพึงมีคุณธรรม จริยธรรม คุณลักษณะอันพึง
ประสงค์ และคา่ นยิ มความเปน็ ไทย เปน็ ประจาสมา่ เสมอ ไม่ว่าจะเป็นกจิ กรรมในห้องเรียน หรือกิจกรรม
อนื่ ๆ กระผมคอยอบรม และฝกึ นักเรยี นในการแสดงออกซึ่งคุณลักษณะอังพึงประสงค์ของนักเรียน เช่น
การอบรมนักเรียนหน้าเสาธง การอบรมนักเรียนในกิจกรรมหลังสวดมนไหว้พระ เป็นผู้นาใน การทา
กิจกรรมออกกาลังกาย เป็นผู้คอยกากบั ดแู ลการทาความสะอาดเขตรับผิดชอบของนักเรยี น
๒. ด้านการส่งเสรมิ และ
สนบั สนนุ การจัดการเรยี นรู้
๒.๑ จดั ทาข้อมูลสารสนเทศของผเู้ รยี นและรายวิชา
กระผมจัดทาข้อมูลสารสนเทศของผู้เรียนทุกชั้นท่ีทาการสอน เป็นข้อมูลพ้ืนฐานท่ีได้จาก
ระบบฐานข้อมูลของโรงเรียน และได้จากท่ีข้าพเจ้าเก็บรวบรวมจากนักเรียน เพื่อเป็นข้อมูลพ้ืนฐานใช้
สาหรับในการติดต่อส่ือสาร หรือแกป้ ญั หาทีเ่ กิดขึ้นกับผู้เรียน นอกจากน้ียังได้จัดทาข้อมูลสารสนเทศของ
รายวิชาที่ทาการสอน เช่น ขอ้ มูลการมาเรียน ขอ้ มลู คะแนนเก็บ คะแนนสอบตา่ ง ๆ ของผเู้ รยี น
๒. ด้านการส่งเสรมิ และ
สนับสนนุ การจัดการเรียนรู้
๒.๒ ดาเนินการตามระบบดูแลช่วยเหลือผู้เรียน
กระผมไดใ้ ชข้ ้อมลู สารสนเทศของผู้เรียนและรายวิชา เป็นข้อมูลแสดงให้เห็นถึงพฤติกรรม
ทางการเรยี นของผู้เรียน เพื่อประสานความร่วมมือไปยังผู้ปกครอง เพ่ือรับทราบปัญหาและหาทางแก้ไข
พัฒนาผู้เรียน มีการติดต่อส่ือสารผ่านครูประจาช้ันเพ่ือปรึกษาหารือและหาทางแก้ไขปัญหาในการเรียน
ทาสารประชาสัมพันธ์แจ้งนักเรียนให้มาแก้ใบงานหรืองานที่ตกค้าง ให้คาแนะนาปรึกษา ช่วยเหลือ
นักเรยี นในดา้ นต่าง ๆ ท่นี กั เรียนขอคาปรึกษา
๒. ดา้ นการส่งเสริมและ
สนบั สนุนการจัดการเรยี นรู้
๒.๓ ปฏบิ ัตงิ านวิชาการและงานอน่ื ๆ ของสถานศึกษา
กระผมได้เข้าร่วมปฏิบัติงานวิชาการในทุก ๆ กิจกรรมเป็นประจาสม่าเสมอ รวมถึงการ
จัดทาเอกสารทางวิชาการต่าง ๆ ให้ความร่วมมือ คาแนะนา ปรึกษา ในการจัดทาเอกสารทางวิชาการ
นอกจากน้ีงานอน่ื ๆ ภายในสถานศึกษา กระผมก็มีส่วนรว่ มในทกุ ๆ กจิ กรรมไมเ่ คยขาด
๒. ด้านการส่งเสรมิ และ
สนับสนุนการจัดการเรยี นรู้
๒.๔ ประสานความร่วมมอื กบั ผ้ปู กครอง
ภาคเี ครอื ข่าย และหรอื สถานประกอบการ
กระผมได้มีการประสานความร่วมมือกับผู้ปกครอง เพ่ือร่วมกันพัฒนาผู้เรียน ซ่ึงในช่วง
เวลานี้ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นักเรียนหยุดเรียนปกติ จึงย่ิงทาให้ครูและ
ผู้ปกครองต้องร่วมมือร่วมใจในการพัฒนานักเรียน โดยการที่ครูเป็นคนออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ที่
ผปู้ กครองสามารถมสี ว่ นร่วมกบั ผ้เู รยี น และผูป้ กครองช่วยกากับดูแลนักเรียน
๓.ดา้ นการพัฒนาตนเองและวิชาชีพ
๓.๑ พัฒนาตนเองอย่างเปน็ ระบบและต่อเน่อื ง
กระผมได้ตระหนักเสมอว่าการแสวงหาความรู้ให้กับตนเอง เพื่อนาความรู้นั้นมาสอน มา
ถ่ายทอดให้กับผู้เรียน เพ่ือนร่วมงานนั้นเป็นหน้าท่ีอันสาคัญย่ิงที่กระผมควรกระทา จึงพัฒนาตัวเองอยู่
เปน็ ประจาสม่าเสมอ เขา้ ร่วมอบรมทุกการอบรมที่หน่วยงานท้ังภายในและภายนอกจัดขึ้น ในหลักสูตรที่
เกี่ยวข้องกับการจัดการเรยี นการสอน และอ่นื ๆ ทสี่ ามารถนามาประยกุ ต์ใชใ้ ห้เปน็ ประโยชนใ์ นวชิ าชีพครู
๓.ดา้ นการพฒั นาตนเองและวิชาชีพ
๓.๑ พัฒนาตนเองอย่างเป็นระบบและตอ่ เน่อื ง
๓.ดา้ นการพฒั นาตนเองและวิชาชีพ
๓.๑ พัฒนาตนเองอย่างเป็นระบบและตอ่ เน่อื ง
๓.ดา้ นการพฒั นาตนเองและวิชาชีพ
๓.๑ พัฒนาตนเองอย่างเป็นระบบและตอ่ เน่อื ง
๓.ดา้ นการพฒั นาตนเองและวิชาชีพ
๓.๑ พัฒนาตนเองอย่างเป็นระบบและตอ่ เน่อื ง
๓.ด้านการพฒั นาตนเองและวิชาชพี
๓.๒ มีส่วนรว่ มในการแลกเปล่ยี นเรียนรู้ทางวชิ าชีพ
กระผมได้เข้ารว่ มในกิจกรรมการแลกเปล่ียนเรียนรู้ทางวิชาชีพ ในทุกครั้งที่มีโอกาส ไม่ว่า
จะเป็นการแลกเปล่ียนกับครูภายในสถานศึกษาเดียวกัน หรือต่างสถานศึกษา มีการสร้างกลุ่มเครือข่าย
ติดตามข้อมูลข่าวสารในกลุ่มเครือข่ายต่าง ๆ ด้านการศึกษาหลากหลายช่องทาง เพ่ือนาความรู้ และ
ประสบการณ์ที่ได้จากการแลกเปล่ียนเรียนรู้มาปรับใช้ในการจัดการเรียนการสอนและพัฒนาตนเอง
รวมถึงพฒั นาเพ่อื นรว่ มงาน และสถานศกึ ษาต่อไป
๓.ด้านการพฒั นาตนเองและวิชาชพี
๓.๓ นาความรู้ ความสามารถ ทกั ษะ
ทไี่ ด้จากการพัฒนาตนเองและวิชาชีพมาใช้
กระผมได้แสวงหาความรู้และนาความรู้ ความสามารถ ทักษะที่ได้จากการพัฒนาตนเอง
และวิชาชีพมาใช้ในการจัดการเรียนการสอน การพัฒนาคุณภาพผู้เรียน และการพัฒนานวัตกรรมการ
จดั การเรียนรู้ อยา่ งต่อเนื่อง เขา้ ร่วมอบรมในหลายกจิ กรรม และนากิจกรรมเหล่านั้นมาให้นักเรียนได้ลง
มอื ปฏิบตั ิ กระผมยังไดส้ ร้างส่อื นวัตกรรมทใี่ ชใ้ นการจดั การเรยี นการสอน เพอ่ื นามาพัฒนาผูเ้ รยี นอกี ด้วย
ตอนที่ ๒
ระดบั ความสาเรจ็ ในการพัฒนางานท่ีเสนอเป็นประเดน็ ทา้ ทายใน
การพฒั นาผลัพธก์ ารเรยี นร้ขู องผเู้ รยี น
๑. วิธดี าเนินการ
การวางแผน (Plan)
๑. ศึกษา วิเคราะห์ และสงั เคราะหข์ ้อมูล แนวคดิ ทฤษฎพี ้ืนฐานที่เก่ียวข้องกบั เรอ่ื งที่เป็น
ประเด็น คือเร่ือง การสร้างและเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้เรียนให้มีลักษณะตามคุณลักษณะอันพึง
ประสงค์ เพื่อเป็นหนทางนาไปสู่การพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้ ความสามารถ ทักษะทางด้านวิชาการ
กระผมจึงได้ศึกษาเนือ้ หาเกย่ี วกบั ทฤษฎีการเสิรมแรง ของ สกินเนอร์
๑. วธิ ีดาเนนิ การ
การวางแผน (Plan)
๒. หลังจากที่ได้ศึกษาทฤษฎีพ้ืนฐานท่ีเกี่ยวข้อง กระผมได้สร้างและออกแบบกิจกรรม
หรอื กระบวนการจัดการเรียนการสอน ท่ีส่งผลต่อการเปล่ียนแปลงพฤติของนักเรียน เป็นโมเดลกิจกรรม
ชอ่ื วา่ “เสรมิ ทางลบ เพื่อพบทางบวก” เพอ่ื จะนาโมเดลกิจกรรมนีม้ าจดั กิจกรรม หรอื กระบวนการจัดการ
เรยี นการสอน ท่สี ามารถสง่ ผลต่อการเปล่ียนแปลงพฤตกิ รรมของนกั เรียน
เสริมแรงลบ พบแรงบวก
ให้ในสิ่งท่ีไม่ชอบ พฤติกรรมดีแล้ว
เม่อื พฤติกรรไมด่ ี จะให้ในสิ่งที่ชอบ
จากโมเดลกิจกรรมข้างต้น อาศัยทฤษฎีการเสริมแรงในด้านลบเป็นหลัก เพื่อพบเจอ
พฤติกรรมที่ไม่ดีของนักเรียน จะให้การเสริมแรงทางลบ คือการให้ส่ิงที่นักเรียนไม่ชอบ ให้ส่ิงที่นักเรียน
ไม่อยากได้ เพื่อให้เกิดการเปล่ียนแปลงพฤติกรรม เม่ือเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเป็นพฤติกรรมอังพึง
ประสงค์แล้ว ถึงจะเสรมิ แรงทางบวก คือ การให้ในส่ิงทีน่ กั เรยี นอยากได้ ใหใ้ นสิ่งที่นักเรยี นตอ้ งการ
ตัวอยา่ งกิจกรรม
ในการเข้าเรียนในรายวิชาวิทยาการคานวณ ครูต้องการให้นักเรียนตั้งใจเรียนและตั้งใจ
ทางาน จะสร้างเง่ือนไขให้กับผู้เรียน โดยเง่ือนไขเป็นการเสริมแรงทางลบ เช่น ไม่ให้เล่นเกมหลักจาก
ทางานเสร็จ ให้ยืนเรียน ให้กวาดห้องหลังเลิกเรียน หากนักเรียนมีพฤติกรรมที่ไม่ดี ไม่ทางาน หรือไม่ส่
งานท่คี รมู อบหมายให้ แต่สงิ่ เหล่าน้ีตอ้ งทาเป็นประจา สม่าเสมอ เพอ่ื ให้ผเู้ รยี นจดจา
๑. วิธดี าเนนิ การ
การปฏิบตั ิ (Do)
๒. หลังจากท่ีได้ศึกษาทฤษฎีพ้ืนฐานที่เกี่ยวข้อง กระผมได้สร้างและออกแบบกิจกรรม
หรอื กระบวนการจัดการเรียนการสอน ท่ีส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติของนักเรียน เป็นโมเดลกิจกรรม
ช่อื วา่ “เสรมิ ทางลบ เพอ่ื พบทางบวก” เพอื่ จะนาโมเดลกจิ กรรมนม้ี าจัดกจิ กรรม หรอื กระบวนการจัดการ
เรียนการสอน ทีส่ ามารถส่งผลตอ่ การเปลย่ี นแปลงพฤตกิ รรมของนักเรียน
๒. ผลลัพธ์การเรยี นรู้ของผเู้ รยี นท่ีคาดหวงั
๒.๑ เชงิ ปริมาณ
นกั เรียนในระดับชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 5-6 จานวน 94 คน มีพฤตกิ รรมที่ดีขึ้นตาม
ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
๒.๒ เชิงคณุ ภาพ
พฤติกรรมของผู้เรียนตรงตามลักษณะอันพึงประสงค์ สามารถเรียนรู้ได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ ส่งผลทาให้มผี ลการเรยี นที่ดขี ้ึน
เน่ืองจากผลการประเมินพฤติกรรมของผู้เรียน และผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของ
นกั เรียนประจาปกี ารศกึ ษา 2564 ยงั ไม่สามารถสรุปผลได้ จึงยงั ไม่มีตารางกราฟเปรียบเทยี บ