เอกสารประกอบการเรยน
ี
่
ื
้
่
ี
ึ
รายวิชา แหลงเรยนรูเพอการศกษา 1 ง 20264
้
ี
ี
่
กลุมสาระการเรยนรูการงานอาชพและเทคโนโลยี
ึ
ชนมัธยมศกษาปที่ 2
้
ี
ั
่
เลมที่ 7
การจดบันทึกการอาน
่
นางวันทนย อนุศาสนอมรกุล
์
์
ี
ต าแหนง ครู วิทยฐานะ ครูชานาญการ
่
โรงเรยนเตรยมอุดมศกษานอมเกลา สมุทรปราการ
้
ึ
้
ี
ี
ึ
ึ
ั
ื
สานกงานเขตพ้นที่การศกษามัธยมศกษา เขต 6
ิ
ึ
สานกงานคณะกรรมการการศกษาขันพ้นฐาน กระทรวงศกษาธการ
้
ึ
ั
ื
ก
ค ำน ำ
ค ำน ำ
ี
เอกสารประกอบการเรยน เรอง ศูนย์การเรยนรห้องสมุด กลุ่มสาระการเรยนร ู ้
ี
้
ี
ื่
ู
ี
ื
ี
ี่
ุ
ี
ี
การงานอาชพและเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปท 2 ชดน้ มเน้อหาสาระครอบคลุม
ู
ึ
ุ
ตามหลักสตรแกนกลางการศกษาขั้นพ้นฐาน พทธศักราช 2551 ได้ก าหนดไว้ โดยได้
ื
ี
ื
สงเคราะห์เน้อหาทเหมาะสมกับวัยของนักเรยน และสอดคล้องกับบรบทของ
ี
่
ั
ิ
สังคมในปจจบัน ประกอบด้วย ค าช้แจงการใช้งานเอกสารประกอบการเรยน
ั
ี
ุ
ี
ี
ี
ี
ื่
ี
ั
ู
เรอง ศูนย์การเรยนรห้องสมุด ค าช้แจงส าหรบคร ค าช้แจงส าหรบนักเรยน
ู
้
ั
ี
ซงนักเรยนควรศึกษาให้เข้าใจอย่างชัดเจน เพื่อจะสามารถท ากจกรรมการเรยนร ู ้
่
ิ
ี
ึ
ได้อย่างมีประสทธภาพ และบรรลุผลการเรยนรตามจุดประสงค์เอกสารประกอบการเรยน
ี
ิ
ิ
้
ู
ี
ี
ี
ผู้จัดท าขอขอบพระคุณ ผู้อ านวยการโรงเรยนเตรยมอดมศึกษาน้อมเกล้า
ุ
ุ
ึ
ื
ู
สมุทรปราการ คณะกรรมการการศกษาขั้นพ้นฐาน และคณะครอาจารย์ทกทาน
่
ี่
ึ
ี่
ี
ทให้ค าแนะน าและค าปรกษาทด ตลอดจนการให้ก าลังใจในการจัดท าเอกสาร
ี
็
ประกอบการเรยน จนประสบผลส าเรจด้วยด ี
วันทนย์ อนศาสน์อมรกุล
ี
ุ
ข
สำรบัญ
สำรบัญ
ื่
้
เรอง หนำ
ั
ี
ี
ค าช้แจงส าหรบการใช้งานเอกสารประกอบการเรยน 1
ี
ั
ู
ค าช้แจงส าหรบคร 2
ค าช้แจงส าหรบนักเรยน 3
ี
ั
ี
สาระส าคัญ 4
ี
ตัวช้วัดชั้นป 4
ี
ี
แบบทดสอบก่อนเรยน 5
ี
กระดาษค าตอบแบบทดสอบก่อนเรยน 9
่
การจดบันทกการอาน 10
ึ
- กจกรรมการเรยนรท 1 29
ู
ี
ิ
ี่
้
ู
้
ี
- กิจกรรมการเรยนรท 2 30
ี่
- แบบทดสอบหลังเรยน 31
ี
ี
กระดาษค าตอบแบบทดสอบหลังเรยน 35
ภาคผนวก 36
ี่
้
ู
ี
ิ
- เฉลยกจกรรมการเรยนรท 1 37
ี่
- เฉลยกจกรรมการเรยนรท 2 38
ิ
ู
้
ี
ี
ี
- เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยน-หลังเรยน 39
บรรณานกรม 40
ุ
1
ค ำช้แจงสำหรบกำรใชงำนเอกสำรประกอบกำรเรยน
ี
้
ั
ี
เรอง ศูนยกำรเรยนรูหองสมุด
้
์
้
ี
ื่
ี
้
ู
ี
เอกสารประกอบการเรยน เรอง ศูนย์การเรยนรห้องสมุด กลุ่มสาระการเรยนร ้ ู
ื่
ี
การงานอาชพและเทคโนโลย ชั้นมัธยมศกษาปท 2 ประกอบด้วย เอกสารประกอบการ
ี
ี
ึ
ี
่
ี
ี
เรยน ทั้งหมด 8 เล่ม คือ
เล่มที่ 1 แหล่งเรยนรภายในโรงเรยนและแหล่งเรยนรภายนอกโรงเรยน
้
ู
ี
ู
้
ี
ี
ี
ี่
ี
เล่มท 2 ห้องสมุดโรงเรยนของเรา
ี่
เล่มท 3 ทรพยากรสารสนเทศ
ั
ี่
เล่มท 4 การจัดเก็บทรพยากรสารสนเทศ
ั
ี่
เล่มท 5 การค้นหาทรพยากรสารสนเทศในห้องสมุด
ั
เล่มท 6 หนังสออ้างอิง
ื
ี่
เล่มท 7 การจดบันทกการอ่าน
ี่
ึ
ี่
ี
เล่มท 8 การเรยบเรยงการเขียน
ี
้
ื่
ี
ู
เอกสารประกอบการเรยน เรอง ศูนย์การเรยนรห้องสมุด ทั้ง 8 เล่ม
ี
ี
ี
ิ
ิ
ี่
เปนเอกสารประกอบการเรยน ทเน้นให้นักเรยนได้ลงมือปฏบัตกจกรรม ท าให้
ิ
็
ี
ิ
นักเรยนเกดทักษะ กระบวนการ ตลอดจนสอดคล้องกับหลักสตรแกนกลาง
ู
ิ
ึ
ุ
การศกษาขั้นพ้นฐาน พทธศักราช 2551 ในการจัดกจกรรมจะใช้เอกสารประกอบการเรยน
ี
ื
็
เรอง ศูนย์การเรยนรห้องสมุด ทั้ง 8 เล่ม เพอให้นักเรยนได้ศกษาอย่างเปนขั้นตอน
ึ
ื
้
่
ี
ู
ื่
ี
มีความร ความเข้าใจและมีทักษะในด้านการจดบันทกการอาน นอกจากนั้น
่
ู
้
ึ
ี
ี่
นักเรยนสามารถน าความร และทักษะกระบวนการดังกล่าวทได้จากการท ากจกรรม
้
ู
ิ
ี่
ี่
ู
ี
ไปประยุกต์ใช้ในชวิตประจ าวัน และการศึกษาในกลุ่มสาระการเรยนรอื่นๆ ทเกยวข้อง
ี
้
2
คำชแจงสำหรบครู
ี
ั
้
ื่
ี
ี่
ี
เอกสารประกอบการเรยน เรอง ศูนย์การเรยนรห้องสมุด เล่มท 7
ู
้
ี
ิ
ึ
ั
่
การจดบันทกการอาน เล่มน้ ีใช้ประกอบการจัดกจกรรมการเรยนการสอน ส าหรบ
ี
ี
่
ึ
ึ
ุ
นักเรยนชั้นมัธยมศกษาปท 2 โรงเรยนเตรยมอดมศกษาน้อมเกล้า สมทรปราการ โดยมี
ุ
ี
ี
ี
ิ
ี
ขั้นตอนการจัดกจกรรมการเรยนการสอนดังน้ ี
ี
1. ครแจกเอกสารประกอบการเรยน เล่มท 7 การจดบันทกการอาน
ี่
่
ึ
ู
เล่มน้ ให้นักเรยน
ี
ี
ี
ี
ี
2. ครช้แจงการใช้เอกสารประกอบการเรยนเล่มน้ให้นักเรยนทราบ
ี
ู
ิ
ก่อนลงมอปฏบัต ิ
ื
่
่
3. ครให้นักเรยนท าแบบทดสอบก่อนเรยน เพอดวา นักเรยนแตละคน
ู
ื
ี
่
ู
ี
ี
ึ
ู
ี
ื
้
่
มพ้นฐานความร ความเข้าใจเกยวกับการจดบันทกการอ่านมากน้อยเพียงใด
ี
้
ี
ี
ี
ิ
ู
ู
4. ครให้นักเรยนศึกษาเอกสารประกอบการเรยน และท ากจกรรมการเรยนร
้
ท 1 – 2 เพื่อให้นักเรยนได้ทบทวนและเกดความร ความเข้าใจอย่างถูกต้อง
ู
ี
ิ
ี่
5. ครสังเกตพฤตกรรมด้านทักษะกระบวนการเรยนร และด้าน
้
ู
ู
ี
ิ
ี
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ทางการเรยนและ บันทกผล
ึ
ี
6. ครให้นักเรยนท าแบบทดสอบหลังเรยน เพื่อดูวานักเรยนแต่ละคน
ี
ู
ี
่
ี
มีความร ความเข้าใจหลังเรยนมากน้อยเพียงใด
้
ู
ู
ึ
ึ
7. ครตรวจคะแนน และบันทกผลลงในแบบบันทกคะแนนการท า
ี
ี
ิ
กจกรรมการเรยนการสอนจากเอกสารประกอบการเรยนเล่มน้ ี
้
ู
ี
ู
8. ครประกาศผลคะแนนให้นักเรยนทราบและชมเชยผ้เรยน พรอมให้
ี
ิ
ิ
ค าแนะน าเพ่มเตม
3
ี
ี
ั
ค ำช้แจงสำหรบนักเรยน
ี
ื่
ี
เอกสารประกอบการเรยน เรอง ศูนย์การเรยนรห้องสมุด เล่มท 7 การจด
ี่
ู
้
บันทกการอ่านเล่มน้ ใช้ประกอบการจัดกจกรรมการเรยนการสอน ส าหรบนักเรยนชั้น
ี
ึ
ิ
ี
ั
ี
ี
ี่
ี
ี
มัธยมศึกษาปท 2 โรงเรยนเตรยมอุดมศึกษาน้อมเกล้า สมุทรปราการ โดยมี
ิ
ี
ขั้นตอนการจัดกจกรรมการเรยนการสอน ดังน้ ี
ศึกษำก่อนลงมือปฏิบัติกิจกรรมกำรเรียนรู้
ั
ี
ี
1. นักเรยนฟงค าช้แจงการใช้เอกสารประกอบการเรยน เล่มท 7 การจด
ี
ี่
บันทกการอ่าน
ึ
ึ
ั
ี่
ี
2. นักเรยนรบเอกสารประกอบการเรยน เล่มท 7 การจดบันทกการอ่าน
ี
่
่
ี
ื
ู
ี
ี
ื
3. นักเรยนเร่มท าแบบทดสอบก่อนเรยน เพอดวานักเรยนมพ้นฐานความร ้
ู
ิ
ี
ึ
่
ี่
ความเข้าใจเกยวกับการจดบันทกการอาน มากน้อยเพียงใด
้
ิ
ิ
ิ
ู
ิ
ี
4. ให้นักเรยนศึกษา และปฏบัตกจกรรมการเรยนรแต่ละกจกรรมจาก
ี
เอกสารประกอบการเรยน
ี
ึ
ี
5. นักเรยนศกษาเอกสารประกอบการเรยนโดยตั้งใจศกษาเน้อหาท า
ื
ึ
ี
่
่
ี
ความเข้าใจอย่างดตั้งแตหน้าแรกถึงหน้าสดท้ายตามล าดับโดยไมข้ามขั้นตอน
ุ
ื
ิ
ี
่
่
6. เมื่อพบค าช้แจง หรอค าถามในแตละกจกรรมให้อานท าความเข้าใจ
ิ
และท ากจกรรมอย่างรอบคอบ
ี
้
7. ให้นักเรยนสงผลงานการท ากจกรรมการเรยนร จากเอกสาร
ิ
่
ี
ู
ี
ู
ี
ึ
่
ประกอบการเรยนเล่มน้ เพอให้ครตรวจและบันทกผล
ื
ิ
8. เมื่อนักเรยนทกคนท าแบบทดสอบหลังเรยนครบทุกกจกรรมแล้วให้
ี
ุ
ี
ี
ี่
นักเรยนท าแบบทดสอบหลังเรยนจากเอกสารประกอบการเรยน เล่มท 7 การจด
ี
ี
่
ื
ั
ึ
บันทกการอ่าน ด้วยความตั้งใจและซอสตย์
4
สำระสำคัญ
้
ึ
ื
ื
็
การจดบันทกการอ่านเปนการจดบันทกความรจากการอ่านหนังสอหรอ
ึ
ู
ื
ึ
ื่
่
ื
ั
สอต่างๆซงง่ายกว่าการจดบันทกจากการฟง เพราะมีเล่มหนังสอหรอสอต่าง ๆท ี่
ึ
ื่
ี
่
ู
่
ี
เราอาน ให้ดตลอดเวลา จะอานซ ้ากเทยวก็ได้ จงสามารถจดรายละเอยดได้ดกวา
ึ
่
ี
่
่
ี
ึ
การจดบันทกจากการฟง
ั
ี
มำตรฐำน / ตัวช้วัด
้
มำตรฐำน ง 1.1 เข้าใจการท างาน มีความคิดสรางสรรค์ มีทักษะกระบวนการ
ท างาน ทักษะการจัดการ ทักษะกระบวนการแก้ปญหา ทักษะการท างานรวมกัน
่
ั
ู
้
ิ
และทักษะการแสวงหาความร มีคุณธรรม และลักษณะนสัยในการท างาน
ิ
ี
่
ื
ึ
มีจตส านกในการใช้พลังงาน ทรพยากรและส่งแวดล้อม เพอการด ารงชวตและ
ั
ิ
ิ
ั
ครอบครว
ู
้
ง 1.1 ม.2/1 ใช้ทักษะแสวงหาความรเพื่อพัฒนาการท างาน
ั
ง 1.1 ม.2/2 ใช้ทักษะกระบวนการแก้ปญหาในการท างาน
ิ
ง 1.1 ม.2/3 มีจตส านกในการท างานและใช้ทรพยากรในการปฏบัตงาน
ึ
ั
ิ
ิ
อย่างประหยัดและคุ้มค่า
5
แบบทดสอบกอนเรยน
่
ี
ี ี ื่ ี่
ค ำช้แจง ให้นักเรยนเขียนเครองหมายกากบาท X ทับข้อทเหมาะสม ถูกต้อง
ิ
ิ
ิ
ิ
1. ถ้าต้องการน าโคลงโลกนตมาประกอบในรายงานควรปฏบัตอย่างไร
ื่
ก. ลอกมาเหมือนต้นฉบับภายใต้เครองหมาย “ ”
ข. จัดพิมพ์ด้วยอักษรตัวโตเพื่อความเด่นชัด
่
ค. ขีดเสนใต้โคลงทน ามาอ้างองทั้งหมด
้
ิ
ี
ื่
ง. ลอกมาเหมือนต้นฉบับโดยมีเครองหมาย ... ไว้ท้ายโคลง
2. ข้อใดไม่ใชประโยชน์ของการเขียนอ้างอง
ิ
่
ก. ท าให้งานเขียนนาสนใจ
่
ี
ข. การให้เกยรตเจ้าของงานเขียน
ิ
ี่
ค. ทราบทมาของข้อมูล
ื
ง. ตามสบค้นข้อมูลได้
ี
ี
3. นักเรยนคนใดไม่ได้เขียนวิธเขียนอ้างอิง
ุ
ก. ชยพลเขียนบรรณานกรม
ข. วศินเขียนเชงอรรถ
ิ
ค. คงเดชเขียนสารบัญ
ุ
ิ
ง. จารภาเขียนอ้างองแทรกในเน้อหา
ื
6
ื
ิ
ิ
4. การเขียนอ้างองแบบแทรกในเน้อหานยมเขียนแบบใด
ื่
ก. เขียนชอผู้แต่ง ปทพิมพ์ และเลขหน้า
ี่
ี
ื
ื่
ข. เขียนชอหนังสอและหน้า
ค. เขียนเฉพาะชอผู้แต่ง
ื่
ื
ง. เขียนเฉพาะชอหนังสอ
ื่
ิ
5. การเขียนอ้างอง แบบแทรกในเน้อหานยมใช้ระบบใด
ิ
ื
ก. วัน – เดอน – ป
ี
ื
ข. นาม – ป ี
ค. นาม – ชอหนังสอ
ื่
ื
ื
ื่
ี่
ี
ง. ชอหนังสอ – ปทพิมพ์
ึ
ี่
่
่
6. ข้อใดไม่ใชสวนประกอบของบันทกการอ่านทส าคัญ
ื
ก. เน้อเรอง
ื
่
ข. แหล่งทมาของเรอง
ี่
ื่
ค. หัวเรอง
ื่
ง. ตัวละคร
7
7.
ิ
้
้
กอบแก้ว โชตกุญชร. กำรเขียนรำยงำนและกำรใชหองสมุด.
กรงเทพฯ : แม็ค, 2527.
ุ
ข้อใดคือสถานทพิมพ์ของหนังสอเล่มน้ ี
ี่
ื
ุ
ก. กรงเทพฯ
ข. แม็ค
ค. ไม่ปรากฏ
ง. กรงเทพฯ และแม็ค
ุ
่
่
ี
่
8. หากต้องใสค าวา พมพ์คร้งท 2 ต้องใสหลัง รายการใด
่
ิ
ั
ก. ชอผู้แต่ง
ื่
ื่
ื่
ข. ชอเรอง
ี่
ค. สถานทพิมพ์
ี
ี่
ง. ปทพิมพ์
9. กรณมีผู้แต่ง 2 คน ลงรายการอย่างไร
ี
ก. ใช้ค าว่า และ เชอมระหว่างชอผู้แต่ง
ื่
ื่
ื
่
่
่
ข. ใช้ เครองหมาย , คั่นระหวางชอผ้แตง
่
ื
ู
่
ู
่
ื
่
ค. ใช้เครองหมาย / คั่นระหวางชอผ้แตง
ื
่
่
่
ื่
ง. ใช้เครองหมาย - คั่นระหวางชอผ้แตง
ู
ื
่
8
10.
จากภาพด้านบนคือการอ้างอิงประเภทใด
ิ
ิ
ก. เชงอรรถอ้างอง
ิ
ข. เชงอรรถโยง
ิ
ค. เชงอรรถเสรมความ
ิ
ง. บรรณานกรม
ุ
ตั้งใจท าแบบทดสอบนะคะ
9
กระดำษค ำตอบแบบทดสอบกอนเรยน
่
ี
่
ื
่
ี
ชอ................................นามสกุล...............................ชั้น...............เลขท..............
ขอ ก ข ค ง
้
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
รวม
10
กำรจดบันทึกกำรอำน
่
“การจดบันทึกการอ่าน
ควรจดอย่างไร
ถึงจะถูกต้องนะ”
ื
ึ
ื
การจดบันทกการอานเปนการจดบันทกความรจากการอ่านหนังสอหรอ
ึ
่
็
ู
้
ื่
ึ
ั
ื
ึ
ื
่
ื่
สอต่างๆซงง่ายกว่าการจดบันทกจากการฟง เพราะมีเล่มหนังสอหรอสอต่าง ๆท ี่
ี
ี
ึ
่
่
่
่
ี
เราอาน ให้ดตลอดเวลา จะอานซ ้ากเทยวก็ได้ จงสามารถจดรายละเอยดได้ดกวา
ี
่
ู
ั
การจดบันทกจากการฟง
ึ
่
ควำมหมำยของบันทึกกำรอำน
ื
่
ื
ึ
ึ
บันทกการอ่าน หมายถึงการบันทกข้อความทได้จากการอานหนังสอหรอ
ี่
ื
็
สอต่างๆ แล้วน ามาจดย่อ ๆ เปนภาษาของผู้บันทกเองจากการอานหนังสอหรอ
ึ
ื
ื่
่
็
ื
ื
่
ื
่
้
่
ื
ู
สอนั้นๆ ไว้เพอให้รเรองเดม เพื่อชวยเตอนความทรงจ าหรอเพื่อเปนหลักฐาน
ิ
่
ื
่
์
วัตถุประสงคของกำรจดบันทึกกำรอำน
1. เพื่อเปนเครองมือในการรวบรวมความรทได้จากการอ่าน
้
ู
ี่
็
ื่
2. เพื่อเปนหลักฐานในการประมวลความคิดทได้หลังจากการอาน
ี่
็
่
ั
ื
ั
่
่
3. เพอได้กรอบความคิดในเน้อหาสาระส าหรบการอานในคร้งตอไป
่
ื
11
สวนประกอบของบันทึกกำรอำน
่
่
ึ
่
ื
็
ี
่
1. เน้อเรอง เปนการบันทกสาระส าคัญทได้รบ จากการอาน ด้วยการเก็บ
ื
่
ั
ี
ี
ใจความและข้อความทส าคัญของเรองให้ถูกต้องตามทปรากฏโดยเรยบเรยงใหม่
ี่
ี่
ื่
ึ
็
ให้เปนภาษาของผู้บันทกเอง
2. แหล่งทมาของเรอง ให้บันทกแหล่งทมาแบบบรรณานกรมหนังสอซง
่
ื่
ี่
ุ
ื
ี่
ึ
ึ
ี่
ิ
ิ
่
ได้แก่ ชอผ้แตง ชอส่งพมพ์ สถานทพมพ์ ส านักพมพ์ ปทพิมพ์ ระบุหน้าทมี
ิ
ื
่
่
ิ
ื
ี
ี่
ู
ี
่
เรองราวนั้นอยู ่
่
ื
ื
ื
่
ึ
ื
่
ี
่
3. หัวเรอง คือ ค าหรอข้อความทสอถึงเน้อหาของเรองทบันทก ซงผ้ ู
ื
่
ื
่
ึ
ี
่
บันทกก าหนดไว้ทมุมบนขวามือของบัตรทใช้บันทกเพื่อสะดวกในการจัดเก็บ
ึ
ี่
ึ
ี่
ในการค้น และการน ามาใช้ประโยชน์ต่อไป
่
คณสมบติของผูบนทึกกำรอำน
ุ
ั
้
ั
่
ี
ี
ี
ึ
่
่
็
บันทกการอานทดนั้น ผ้จดบันทกการอานจ าเปนต้องมความสามารถใน
ึ
ู
่
ด้านตอไปน้ ี
1. จับใจความหรอข้อความส าคัญของเรองทอ่านได้
ี่
ื่
ื
2. ทราบว่าข้อมูลใดเกยวข้องกับเรองทตนต้องการศึกษา
ี่
ี่
ื่
ึ
ี
3. ใช้วิธการบันทกทเปนระบบ
็
ี่
4. สามารถเชอมโยงหัวข้อส าคัญต่างๆ เข้าด้วยกัน น าข้อมลเหล่านั้นไป
ื่
ู
ื
เขียนเปนแผนภูมิ หรอเขียนเปนผังมโนทัศน์ ให้เข้าใจได้ง่าย
็
็
5. เขียนบันทกด้วยถ้อยค าของตนเอง
ึ
6. บันทกแหล่งทมาของข้อมลนั้นๆได้อย่างชัดเจนถูกต้อง
ี
่
ึ
ู
12
ิ
้
่
ั
วธกำรจดบนทึกขอมูลจำกกำรอำน
ี
ึ
่
่
ื
ี
ี
ิ
การบันทกการอานมหลายวธขึ้นอยูกับความเหมาะสมของเน้อหา วิธ ี
ึ
ึ
บันทกการอ่าน ได้แก่ การบันทกแบบบอกขอบเขตหรอแนวคิด การบันทกแบบ
ื
ึ
ุ
็
ึ
ื
็
ย่อความหรอสรปความ การบันทกแบบคัดลอกความ เปนต้น ไม่ว่าจะเปนการ
ี
่
ึ
ื
่
ึ
บันทกการอานแบบใดควรบันทกเน้อหาลงในบัตรค าดกวาบันทก ลงสมุด
ึ
ึ
เพราะสะดวกในการบันทก สะดวกในการเก็บ สะดวกในการพกพาและน ามาใช้
ขนาดบัตรทนยมใช้กันคือ ขนาด 4x6 น้ว และ 5x8 น้ว ควรจะใช้บัตรขนาด
ิ
ิ
ิ
ี่
ื
เดยวกันเพอสะดวกในการเก็บ บัตรค าทใช้ไมจ าเปนต้องไปซ้อหามา ให้ตัดจาก
ื
่
ี
่
ี
็
่
ื
ื
ี่
ี่
่
กระดาษสมุดทใช้เหลือ ๆ ก็ได้ ข้อความทอยู่ในบัตรค าได้แก่ หัวเรองหรอค า
ส าคัญซงจะใสไว้มุมบนขวาของบัตร บรรทัดต่อมาคือรายละเอียดทาง
่
่
ึ
ี
่
่
ื
บรรณานกรม ของสอส่งพมพ์ แล้วจงตามด้วยข้อความทบันทก
ึ
ุ
ึ
ิ
ิ
“มาดูกันว่าวิธบันทึก
ี
การอ่านแต่ละวิธมี
ี
ี
วิธการบันทึกอย่างไร
บ้างนะครับ”
13
่
วิธีบันทึกกำรอำน
1. วิธบันทกการอ่านแบบบอกขอบเขตหรอแนวคิด คือการจดบันทก
ึ
ี
ื
ึ
ื
ื
็
่
ื่
ี่
ขอบเขตหรอแนวคิดเรองทอานไว้เพื่อเตอนความจ า และเปนประโยชน์ในการ
็
สบค้นในโอกาสหน้า จงเปนการบันทกสาระหลักของการอานนั้นส้นๆ
ั
ึ
ื
่
ึ
ุ
ี
ื
ึ
ึ
2. วิธบันทกการอ่านแบบย่อความหรอสรปความ คือการจดบันทกการ
ุ
อ่านโดยสรปย่อสาระส าคัญของเรองทอ่านและจดบันทกโดยใช้ค าทส าคัญบาง
ี่
ื่
ี่
ึ
ี่
ค าจากต้นฉบับทอานมาประสมกับข้อความซงเปนส านวนของผู้บันทกเอง
็
ึ
่
่
ึ
ึ
3. วิธบันทกการอ่านแบบคัดลอกข้อความ คือการจดบันทกการอ่านโดย
ี
ึ
การคัดลอกข้อความบางตอนจากข้อเขียนทอ่านเพื่อใช้ในการอ้างอิงมักจะใช้
ี่
ี
ึ
่
ี
บันทกการอานในกรณทข้อความนั้นมลักษณะดังตอไปน้ ี
่
่
ี
ิ
ึ
ื่
3.1 เปนเรองทส าคัญ หากไม่คัดลอกข้อความเดมอาจท าให้บันทกการ
็
ี่
อ่านผิดพลาด
ี
็
3.2 เปนข้อความทเขียนไว้อย่างด ถ้าใช้วิธสรปความอาจท าให้ไม่ดเท่า
ี
ี
ุ
ี่
ิ
ข้อความเดม
ุ
3.3 เปนข้อความทผู้เขียนต้องการอ้างอง เพื่อสนับสนนความคิดเหน
ิ
็
็
ี่
ของตน
3.4 เปนกฎระเบยบ ซงถ้าไม่คัดลอกอาจเกดการบดเบอนโดย
ิ
ื
ี
ึ
ิ
็
่
รเท่าไม่ถึงการณ์
ู
้
ิ
การคัดลอกข้อความทมีความยาวไม่เกน 3 บรรทัดให้เขียนแทรกไปใน
ี่
ื
ี
ี
ู
่
ื
่
่
ี
เน้อหา ทผ้เขียนเรยบเรยงขึ้นอย่างกลมกลืน โดยใสเครองหมายอัญประกาศ
“ ” ก ากับตอนต้นและตอนท้ายข้อความทคัดลอก สวนการคัดลอกข้อความท ี่
่
ี่
ิ
มีความยาวเกน 3 บรรทัดให้เขียนแยกจากเน้อหาโดยขึ้นย่อหน้าใหม่ และเว้น
ื
่
ื
่
ิ
่
ระยะจากรมขอบบัตรทั้งสองด้านเข้ามามากกวาเน้อหาสวนอนและไมต้องใส ่
ื
่
14
ื่
่
เครองหมายอัญประกาศ “ ” ก ากับข้อความ หากมีการละข้อความบางสวน
่
จากต้นฉบับทคัดลอกมา ให้ใสเครองหมาย มหัพภาค 3 จุด ( … ) ในต าแหน่ง
ี่
ื่
ี่
ู
ิ
ิ
ของข้อความทละไว้ และหากผ้เขียนต้องการเขียนข้อความเพ่มเตมเขาไปใน
่
่
ี
่
ู
ื
่
ี
่
ื
เน้อหาทคัดลอกมาบางตอนเพอให้ผ้อานเข้าใจงายขึ้นก็ต้องน าข้อความทเขียน
ื
่
ิ
่
่
่
เพ่มนั้นไปไว้ในเครองหมายวงเล็บใหญ [ ] เพอทผ้อานจะได้ทราบวาตอนใด
่
ู
ี
่
ื
ี่
เปนตอนทผู้เขียนน ามาแทรกเข้าไป
็
ื
ี
4. วิธบันทึกการอ่านโดยการถอดความ การถอดความหรอการถ่ายความ
หมายถึงการน าข้อความทั้งหมดทอานมาเขียนใหมด้วยถ้อยค าภาษาของเราเอง
่
ี
่
่
ี
่
ี
่
ิ
่
โดยไมเปลียนแปลงความหมายเดมของข้อความนั้น โดยไมมการตความ
่
ิ
ื
ื
ี
่
ื
วิพากษ์วจารณ์ หรอเลือกเขียนเฉพาะบางประเด็น เน้อหาของเรองทถอดความ
่
่
ิ
ี
มาจะต้องอานงายและชัดเจนขึ้นกวาเดม ตามปกตแล้วข้อความทถอดความมา
่
่
ิ
ึ
มักมีความยาวเท่ากับข้อความเดม ส่งส าคัญทควรค านงถึงก็คือ เราสามารถจับ
ิ
ิ
ี
่
ื่
ื
ี่
ประเด็นความคิดส าคัญทผู้เขียนต้องการสอได้ถูกต้องแม่นย าหรอไม่
ต่อไปเรามาดูตัวอย่าง
บัตรบันทกการอ่านกันนะคะ
ึ
15
่
่
ตัวอยำงบัตรบันทึกกำรอำน
่
ื
บันทึกกำรอำนแบบบอกขอบเขตหรอแนวคิด
ดนตรไทย
ี
ิ
ี
ิ
มนตร ตราโมท. “บทนพนธ์ของมนตร ตราโมท. ” ศลปวัฒนธรรม. 5, 8
ี
(2527) : 50-57.
ี
่
ิ
ิ
ุ
กล่าวถึงประวัต พัฒนาการดนตรไทยตั้งแตสมัยสโขทัย โดยอธบายถึง
วงแตรสังข์ วงปไฉน กลองชนะ และวงปพาทย์ พรอมเครองดนตรทใช้ ใน
ี่
้
ี่
ื่
ี
ี่
ี่
ื่
ี
สมัยอยุธยาได้อธบายถึงวงปพาทย์ วงมโหร และวงเครองสาย สมัยธนบุรไม่มี
ิ
ี
ี
่
ื
่
ิ
ิ
์
ั
ความเปลี่ยนแปลง สมัยรตนโกสนทรตอนต้นมีการเพ่มเครองดนตรใหมในวงป ี ่
ิ
ี
ึ
ี
ิ
ี่
พาทย์และวงมโหร สมัย ร.5 เกดวงปพาทย์ดกด าบรรพ์ ดนตรไทยเจรญในสมัย
ี
ร.6 มการตั้งกรมมหรสพ หลังเปลียนแปลงการปกครองสมัย ร.7 การดนตรไทย
ี
่
่
ื
่
ู
ี
ุ
เสอมลง จนหลังสงครามโลกคร้งทสอง จงฟนฟและเจรญขึ้นจนปจจบัน
ั
ิ
ั
ึ
ื้
่
ุ
บันทึกกำรอำนแบบสรปควำม
ดนตรไทย
ี
ิ
มนตร ตราโมท. “บทนพนธ์ของมนตร ตราโมท.” ศลปวัฒนธรรม. 5, 8
ี
ี
ิ
(2527) : 50-57.
ื่
ี
ี
็
การดนตรไทยมีระเบยบแบบแผน เปนวงเปนคณะ มีเครองดนตร ี
็
บรรเลง ไพเราะตามสมัย การดนตรไทยเจรญมาในอดต แตเพ่งปรากฏชัดใน
่
ิ
ิ
ี
ี
ื
ุ
่
่
ึ
สมัยสโขทัยดังหลักฐานจากศิลาจารกพอขุนรามค าแหง หนังสอไตรภูมิพระรวง
ื
ู
ุ
ึ
็
ี
ศิลาจารกเขาสมนกูฎ และหลักศลาจารกพระยนจังหวัดล าพน ช้ให้เหนวา
ิ
่
ึ
่
ี
็
ชาวเมืองกับดนตรใกล้ชดกันมาก โดยเปนผู้เล่นไม่ใชผู้ฟงวงดนตร
ิ
ี
ั
16
่
บันทึกกำรอำนแบบถอดควำม
์
ปพำทยดึกด ำบรรพ ์
ี่
ิ
มนตร ตราโมท. “บทนพนธ์ของมนตร ตราโมท.” ศลปวัฒนธรรม. 5, 8
ี
ี
ิ
(2527) : 50-57.
ึ
ึ
ิ
็
ี่
ปพาทย์ ดกด าบรรพ์เปนดนตรไทยซงเร่มขึ้นในรชกาลพระบาทสมเด็จ
ี
่
ั
่
ี
ุ
็
พระจลจอมเกล้าเจ้าอยูหัว มความเปนมาและลักษณะดังน้ ี
ี
ี
่
ิ
ั
่
่
ึ
สมัยรชกาลท 5 ได้เกดวงปพาทย์ขึ้นอกแบบหนงเรยกวา ปพาทย์ดกด าบรรพ์
ี
่
ึ
ี
ี่
็
ุ
ิ
ิ
ั
ุ
้
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟากรมพระยานรศรานวัตตวงศ์ เปนผู้ทรงปรบปรง
ุ
่
ื
่
ขึ้น เพอบรรเลงประกอบละครทพระองค์ทานได้ทรงปรบปรงให้ละครของ
ี
ั
่
เจ้าพระยาเทเวศรวงศ์ววัฒน์(ม.ร.ว.หลาน กุญชร) แสดง วงปพาทย์วงน้ เปนวงป ี ่
ี่
็
ิ
ี
์
้
พาทย์ ทมีเสยงไพเราะนมนวล ไม่แกรงกราวเหมือนวงปพาทย์อื่นๆ...
่
ี่
ี
ี่
ุ
่
ต่อไปเรามาดูวิธการจดบันทกการ
ี
ึ
อ่านของโรงเรยนเรากันนะคะ
ี
17
ี
ี
ั
ส าหรบโรงเรยนเตรยมอุดมศึกษาน้อมเกล้า สมุทรปราการ นักเรยนจะ
ี
ี่
ั
ึ
ึ
บันทกการอ่านลงในสมุดบันทกรกการอ่านทห้องสมุดแจกให้
่
ึ
ี
้
ตัวอยำงสมุดบันทึกกำรอำนโรงเรยนเตรยมอุดมศกษำนอมเกลำ สมุทรปรำกำร
่
้
ี
ภำพที่ 1 สมุดบันทึกกำรอำนโรงเรียนเตรยมอุดมศกษำนอมเกลำ สมุทรปรำกำร
ึ
่
้
้
ี
ี
ที่มำ: หองสมุดโรงเรียนเตรยมอุดมศกษำนอมเกลำ สมุทรปรำกำร
้
้
ึ
้
18
ุ
กำรเขียนอำงอิงและกำรเขียนบรรณำนกรม
้
้
กำรเขียนอำงอิง
้
ควำมหมำยกำรเขียนอำงอิง
การเขียนอ้างอิง คือ การบอกแหล่งทมาของข้อมูล หลักฐานทน ามาใช้ใน
ี่
ี่
ี่
ื
ี่
การเขียน ข้อความทผู้ท ารายงานอ้างถึงหรอคัดลอกมาว่าได้น าเอามาจากทใด
้
์
วัตถุประสงคของกำรเขียนอำงอิง
็
ิ
ิ
์
การเขียนอ้างองในรายงานเปนส่งจ าเปนและมประโยชนจัดท าขึ้นโดยม ี
็
ี
วัตถุประสงค์ดังน้ ี
ื
ี่
ี่
1. เพื่อบอกแหล่งทมาของข้อมูล หรอข้อความของบุคคลอื่นทน ามาอ้าง
ึ
ื่
ซงสามารถเชอถือได้
่
ึ
่
2. เพื่อเปนหลักฐานยืนยันข้อเท็จจรงซงจะชวยสรางความนาเชอถือให้กับ
่
่
ื่
็
้
ิ
รายงานของตน
์
ิ
ิ
ิ
ิ
ิ
3. เพื่อแสดงความมีจรยธรรมตามกฎหมายลิขสทธ ไม่ละเมิดสทธต่อ
ิ
เจ้าของผลงานเดม
ิ
ิ
ื
่
่
ู
ู
4. เพอให้ผ้อานสามารถตรวจสอบ ค้นคว้าข้อมลเพ่มเตมจากเอกสาร
ต้นฉบับทสนใจ
ี่
19
้
วิธีกำรเขียนอำงอิง
่
การเขียนอ้างอิงสามารถเขียนได้ 2 ลักษณะ ซงผู้เขียนสามารถเลือกใช้
ึ
ลักษณะใดก็ได้ แต่เมื่อเลือกแล้วควรใช้เหมือนกันตลอดเล่ม หรอใช้ตามท ี่
ื
ึ
ี
ิ
ิ
สถานศกษาก าหนดวธการเขียนอ้างอง สามารถเขียนได้ดังน้คือ
ี
ุ
ิ
ื
1. การเขียนอ้างองแบบแทรกในเน้อหา คือการระบแหล่งทน าข้อมลมา
ี
่
ู
ิ
ื
อ้างองไว้ในวงเล็บ แทรกไว้ในเน้อหาของรายงานตรงทมีการน าข้อมูลของผู้อื่น
ี่
ื่
มาใสไว้เพื่อท าให้รายงานของตนนาเชอถือ เรยกว่า ระบบนาม-ป ี
่
ี
่
ิ
ุ
2. การอ้างองแบบแยกจากเน้อหา คือการระบแหล่งทมาของข้อมล
่
ี
ื
ู
่
ข้อความของบคคลอนทน ามาอ้างองไว้ในรายงาน โดยแยกออกมาจากเน้อหา
ิ
ี
่
ื
ุ
ื
ึ
่
ของรายงาน ซงเราสามารถเขียนได้ 3 แบบ ดังน้ ี
ิ
ี
2.1 การอ้างอิงไว้ท้ายหน้ากระดาษ เรยกว่า “เชงอรรถ”
่
ื
ี
่
(Footnote) หมายถึงข้อความทลงไว้ตอนล่างของเน้อหารายงานในแตละหน้า
เปนหลักฐานอ้างอิงบอกทมาข้อความทปรากฏอยู่ในอัญประกาศวามาจากทใด
็
ี่
ี่
่
ี่
ื
้
ิ
ิ
ู
ี
่
หรอให้ความหมายของค าศัพท์ทยาก ค าเฉพาะ หรอให้ความรเพ่มเตม มี 3
ื
ประเภทคือ
ี่
ิ
็
ิ
2.1.1 เชงอรรถอ้างอง เปนเชิงอรรถทแจ้งให้ทราบวาข้อมูล
่
หรอข้อความทยกมาอ้างถึงนั้นได้มาจากทใด โดยใสตัวเลขเล็กๆไว้ด้านบนหลัง
ื
ี
่
ี
่
่
ี่
ข้อความแล้วน ามาเขียนทมาไว้ท้ายหน้ากระดาษ
้
ิ
ตัวอยำงเชงอรรถอำงอิง
่
20
ี่
ิ
็
ิ
2.1.2 เชงอรรถเสรมความ เปนเชิงอรรถทอธบายความ
ิ
ิ
ิ
ื
ู
่
ื่
่
่
เพ่มเตมเพอให้ผ้อานเข้าใจชัดเจนขึ้น โดยใสเครองหมายดอกจัน ( * ) ก ากับไว้
ิ
ด้านบนหลังข้อความ แล้วน ามาเขียนอธบายความเพ่มเตมไว้ท้ายหน้ากระดาษ
ิ
ิ
ตัวอยำงเชงอรรถเสรมควำม
ิ
่
ิ
ิ
ี่
็
2.1.3 เชงอรรถโยง เปนเชิงอรรถทแนะผู้อ่านให้ดู
ื
่
ี
ื
่
ื
ิ
่
รายละเอยดเพ่มเตมจากสวนอนๆ ของเน้อเรองทเคยเขียนมาแล้ว หรอโยงให้ไป
่
ี
ื
ิ
่
ดูข้อความทสัมพันธ์กันทปรากฏอยู่ในหน้าอื่นๆของรายงานโดยใสเครองหมาย
ื่
ี่
ี่
ดอกจัน ( * ) ก ากับไว้ด้านบนหลังข้อความแล้วน ามาเขียนแจ้งให้ผู้อ่านทราบว่า
ี่
ต้องไปดูทหน้าใดในรายงานไว้ท้ายหน้ากระดาษ
ตัวอยำงเชงอรรถโยง
ิ
่
21
ิ
วิธีกำรเขียนเชงอรรถ
่
ิ
ื
ิ
1. ก่อนลงเชงอรรถให้ขีดเสนคั่นระหวางเน้อหากับเชงอรรถจากขอบซ้าย
้
่
ื
ุ
่
ิ
ยาวประมาณ 2 น้วโดยหางจากเน้อหาบรรทัดสดท้าย หนงชวงบรรทัด บรรทัด
่
ึ
ุ
ิ
สดท้ายของเชงอรรถหางจากขอบกระดาษด้านล่าง 1 น้ว
่
ิ
่
2. การใสหมายเลขก ากับแต่ละหน้าทมเชงอรรถปรากฏอยูให้เร่มต้นท ี่
ิ
ี
ิ
่
ี
่
ื
่
ั
ุ
หมายเลข 1 ใหมทกคร้ง และลอยอยูเหนอตัวอักษรตัวแรกหน้าข้อความ ตัว
่
ี่
ี่
เลขทก ากับหน้าเชงอรรถตรงกับตัวเลขทก ากับหลังข้อความ
ิ
3. การลงเชงอรรถแตละรายการบรรทัดแรกย่อหน้าถ้าไมพอต้องขึ้น
ิ
่
่
ิ
บรรทัดใหม่ชดขอบซ้ายมือ
ิ
4. ทรพยากรสารสนเทศทน ามาเขียนเชงอรรถ ต้องน าไปรวมเขียน
ี่
ั
บรรณานกรมท้ายเล่มรายงานด้วย
ุ
22
ุ
กำรเขียนบรรณำนกรม
ควำมหมำยบรรณำนกรม
ุ
ุ
ั
ื
บรรณานกรมหรอเอกสารอ้างอิง คือ รายการของทรพยากรสารสนเทศ
ทุกประเภททผู้เขียนใช้ในการศึกษาค้นคว้าข้อมูล และน ามาอ้างองประกอบใน
ิ
ี่
ี่
การเขียนรายงานตามแบบทก าหนดไว้
ควำมสำคญของบรรณำนกรม
ุ
ั
็
ุ
่
ึ
บรรณานกรมมีความส าคัญ ซงผู้ศึกษาค้นคว้าและเขียนรายงานจ าเปน
่
ิ
จะต้องรวบรวมไว้ท้ายเล่มเสมอ เพื่อท าให้ผู้อ่านเกดความนาเชอถือโดย
ื่
ุ
สามารถสรปความส าคัญได้ดังน้ ี
่
ี
็
่
ี
1. เพอแสดงให้ทราบวารายงานฉบับนั้นเปนรายงานทมเหตผล มีสาระ
ุ
่
ื
ื่
สามารถเชอถือได้
็
ิ
ิ
2. เพื่อแสดงให้ทราบว่าผู้เขียนรายงานเคารพสทธและความคิดเหนของผู้
่
ื
แตงหนังสอทได้น ามาใช้ประกอบการเขียนรายงานเล่มนั้น
ี
่
ิ
ี่
็
3. เพื่อเปนแนวทางให้ผู้อ่านทมีความสนใจตดตามศึกษารายละเอียด
ิ
ิ
็
ื
ี
่
หรอข้อเทจจรงทน ามาประกอบการเขียนรายงานเพ่มเตมได้
ิ
ื
่
ิ
4. เพอใช้ตรวจสอบหลักฐานดั้งเดมทผ้เขียนน ามาประกอบในรายงาน
ี
ู
่
หลักเกณฑกำรจัดท ำบรรณำนกรม
ุ
์
1. เขียนค าว่า “บรรณานกรม” ไว้กลางหน้ากระดาษด้านบน
ุ
2. เขียนบรรณานกรมแต่ละรายการในบรรทัดแรกชดขอบซ้าย ถ้าเขียน
ิ
ุ
ี่
่
ไม่พอบรรทัดถัดไปให้เว้น 7 ชวงตัวอักษรจากขอบซ้ายแล้วเขียนรายการทเหลือ
จนครบ
23
ี
3. เรยงล าดับบรรณานกรมตามล าดับตัวอักษรของรายการแรก ก-ฮ หรอ
ื
ุ
A-Z โดยไม่มีเลขล าดับก ากับ
ี
่
4. หากทรพยากรสารสนเทศทจะน ามาเขียนบรรณานกรมมทั้งภาษาไทย
ั
ี
ุ
และภาษาอังกฤษให้เรยงบรรณานกรมภาษาไทยไว้ก่อนบรรณานกรม
ี
ุ
ุ
ภาษาอังกฤษ
ุ
ู
ู
่
5. ถ้ารายการแรกในบรรณานกรมซ ้ากัน เชน ผ้แตง ผ้เขียนบทความ
่
ื
ื
ื่
ี
หรอสถาบัน ให้เรยงตามล าดับตัวอักษรของชอหนังสอหรอชอบทความทอยู่
ื
ื่
ี่
ิ
่
ี
ื
ุ
ถัดไป และบรรณานกรมทเขียนในล าดับหลังไมต้องเขียนหรอพมพ์สวนแรกซ ้า
่
่
่
ื
ื่
โดยให้ใช้เครองหมายสัญประกาศ ( _______ ) หรอขีดเส้นยาว 7 ชวงตัวอักษร
แทน
6. หลังเครองหมายมหัพภาค ( . ) เว้น 2 ชวงตัวอักษร และหลัง
่
ื่
เครองหมายอื่นๆ เว้น 1 ชวงตัวอักษร
่
ื่
7. ผู้แต่งคนเดยวกัน แต่บางเล่มมีผู้อื่นแต่งรวมด้วยให้ลงเล่มผู้แต่งคน
่
ี
ี
ื
ู
่
ี
่
่
ี
เดยวก่อนจนหมด แล้วจงตามด้วยเล่มทมผ้อนแตงรวมด้วย
ึ
่
ี
ี
8. ชอสารสนเทศให้ขีดเส้นใต้ด้วยหมึกสเดยวกับตัวอักษรหรอพิมพ์ด้วย
ื
ื่
ตัวหนา
ั
9. ถ้าสารสนเทศไม่ปรากฏชอผู้แต่ง ผู้จัดท า หรอผู้รบผิดชอบ ให้ใส ่
ื่
ื
ชอเรองเปนรายการแรกของบรรณานกรม
ุ
ื่
ื่
็
่
10. บรรณานกรมจะอยู่สวนท้ายของเล่ม
ุ
่
์
หลักเกณฑกำรลงรำยกำรตำงๆ ในบรรณำนกรม
ุ
ุ
ิ
ิ
ี
การลงรายการต่างๆ ในบรรณานกรมมหลักปฏบัตดังน้ ี
้
1. ผู้แต่ง ผู้เขียนบทความ ผู้ผลิต ผู้บรรยาย ผู้ให้สัมภาษณ์ ผู้ขับรอง
็
ื่
1.1 ถ้าเปนคนไทยให้ลงชอ ตามด้วยนามสกุล ไม่ต้องใสค าน าหน้า
่
นาม ยศต าแหนง
่
24
ุ
ดังตัวอย่าง พวา พันธ์เมฆา
ุ
็
ื
่
่
1.2 ถ้าเปนชาวตางชาตให้เขียนนามสกุล คั่นด้วยเครองหมายจลภาค
ิ
ตามด้วยชอต้น และชอกลาง
ื่
ื่
ดังตัวอย่าง Wilson, T.D.
1.3 ผู้แต่งทมีราชทนนาม ฐานันดรศักด บรรดาศักด ล าดับพระ
ี่
ิ
ิ
์
ิ
์
ี
ี
่
่
ื
ิ
์
ั
ิ
ราชวงศ์ สตรทได้รบเครองราชอสรยาภรณชั้นสง ให้ลงไว้หลังนามสกุล คั่น
ู
ื่
ด้วยเครองหมายจุลภาค
ดังตัวอย่าง เทพรตนราชสดาฯ สยามบรมราชกุมาร, สมเด็จพระ
ี
ั
ุ
ิ
์
ี
ี
่
่
1.4 พระสงฆ์ทมสมณศักดตั้งแตชั้นสมเดจพระราชาคณะขึ้นไป
็
ื
่
็
ื
จนถึงชั้นสมเดจพระสงฆราช ให้ลงไว้หลังชอหรอหลังสมศักด ตามด้วยวงเล็บ
ิ
ั
์
ชอเดม หรอฉายานาม
ื่
ิ
ื
ิ
ิ
่
ั
ดังตัวอย่าง วันรต (ปุน ปุณณสร), สมเด็จพระ
ี
์
ื
ิ
ุ
่
่
พระภกษทมสมณศักดชั้นอนพระภกษทั่วไป ให้ลงนามตามท ี่
ี
ิ
ุ
ิ
ั
ปรากฏในทรพยากรสารสนเทศนั้น
ดังตัวอย่าง พุทธทาสภิกขุ
่
ื่
1.5 ผู้แต่งเปนสถาบัน องค์การ หนวยราชการ ให้ลงชอสถาบัน
็
ุ
่
องค์การ หนวยราชการ คั่นด้วยเครองหมายจลภาค แล้วตามด้วยหนวยงาน
่
่
ื
ิ
ดังตัวอย่าง ศึกษาธการ, กระทรวง
1.6 ผู้แต่ง 2 คนให้ลงชอ นามสกุลคนแรก เชอมด้วยค าว่า “และ”
ื่
ื่
แล้วตามด้วยชอ นามสกุล คนท 2
ี่
ื่
ดังตัวอย่าง นยม เช้อไทย และสทธชัย ประสานวงศ์
ิ
ิ
ื
ิ
่
่
ื
ื
1.7 ผ้แตง 3 คนให้ลงชอ นามสกุล ของคนท 1 คั่นด้วยเครองหมาย
่
ี
ู
่
ื่
่
ื่
่
ื่
ึ
จุลภาคตามด้วย ชอ นามสกุล คนที่ 2 เชอมด้วยค าวา “และ” แล้วจงใสชอ
ี่
นามสกุลผู้แต่งคนท 3
25
ิ
ิ
ิ
ี
ดังตัวอย่าง พงษ์วุฒ สทธพล, ธต ธาตรนรานนท์ และศรณรงค์
ิ
ิ
ี
ตู้ทองค า
1.8 ผ้แตงมากกวา 3 คนขึ้นไป ให้ลงชอ นามสกุล คนแรก ตามด้วย
่
ู
่
่
ื
ื
ค าว่า “และคนอื่นๆ” หรอ “และคณะ”
ดังตัวอย่าง วิจตร ตัณฑสทธ และคนอื่นๆ
ิ
์
ิ
ุ
ี่
1.9 ผู้แต่งทใช้นามแฝงหากไม่ทราบนามจรงให้ลงนามแฝงแล้ว
ิ
ิ
วงเล็บต่อท้ายว่า “นามแฝง”หากทราบนามจรงให้ลงนามจรงแล้วใสนามแฝงต่อ
่
ิ
ื
จากชอหนังสอ
ื่
ิ
ื
่
ิ
้
ดังตัวอย่าง ธารทอง (นามแฝง) หรอ โชต แพรพันธ์. ผูชนะสบ
ทิศ. โดยยาขอบ (นามแฝง)
ี่
ี่
็
ิ
1.10 ผู้แต่งทมีฐานะเปน ผู้รวบรวม บรรณาธการ ให้ระบุค าทแสดง
หน้าทไว้หลังนามสกุลโดยคั่นด้วยเครองหมายจลภาค
ื
่
ุ
่
ี
ิ
ิ
ดังตัวอย่าง สทธชัย ประสานวงศ์, บรรณาธการ
ิ
ื่
ื่
ื
ื
2. ชอหนังสอหรอชอเอกสารสารสนเทศให้ลงรายการตามหน้าปกใน
โดยพิมพ์ด้วยตัวอักษรหนา หรอขีดเส้นใต้
ื
ื่
่
3. ชอบทความให้ลงรายการโดยใสไว้ในเครองหมาย “ ________”
ื่
ี
ั
ิ
่
่
ี
4. คร้งทพมพ์ หนังสอทพมพ์คร้งแรกไมต้องลงรายการ ให้ลงรายการ
่
ิ
ื
ั
ี
่
่
ั
ิ
ตั้งแตพมพ์คร้งท 2 เปนต้นไป
็
ั
ี
ดังตัวอย่าง พมพ์คร้งท 3
ิ
่
5. สถานทพิมพ์ ให้ลงรายการเปนชอเมืองหรอชอจังหวัดทสถานทผลิต
ี่
ื
ี่
ื่
็
ื่
ี่
นั้นตั้งอยู ่
ดังตัวอย่าง กรงเทพฯ
ุ
26
ี่
ั
ื่
ี่
ื
6. ส านักพิมพ์ ให้ลงชอแหล่งทผลิตหรอแหล่งทรบผิดชอบในการ
็
่
จัดพิมพ์ โดยเปนส านักพิมพ์ไม่ต้องใสค าว่า “ส านักพิมพ์” แต่หากเปนโรง
็
่
่
พิมพ์ให้ใสค าว่า “โรงพิมพ์” ไว้ด้วย แต่หากไม่ปรากฏแหล่งทผลิตให้ใส “ม.
ี่
ึ
่
ี่
ป.ท.” ซงย่อมาจากไม่ปรากฏสถานทพิมพ์ ภาษาอังกฤษใช้ “ n.p.” ย่อมาจาก
no publisher
ี
7. ปทพิมพ์ ให้ลงรายการ โดยใสเฉพาะตัวเลขไม่ต้องระบุค าวา พ.ศ.
ี่
่
่
ี
่
ิ
่
่
ี
หรอ ค.ศ. ดังตัวอย่าง 2556 แตหากไมปรากฏปทพมพ์สารสนเทศนั้น ให้ใส ่
ื
ี่
“ม.ป.ป.” ย่อมาจากไม่ปรากฏปทพิมพ์ ภาษาอังกฤษใช้ “n.d.” ย่อมาจาก no
ี
date
รูปแบบกำรเขียนบรรณำนกรมจำกสำรสนเทศชนิดตำงๆ
ุ
่
รปแบบการเขียนบรรณานกรมจากสารสนเทศชนดต่างๆ ทนักเรยนมักใช้
ู
ี่
ิ
ี
ุ
็
เปนประจ า ได้แก่
ุ
ื
1. การเขียนบรรณานกรมหนังสอ
่
ิ
ี
ผู้แต่ง.// ชอหนังสอ.// คร้งทพมพ์.// สถานทพมพ์/:/ ส านักพิมพ์, /ปทพิมพ์.
ี
ี่
ั
ิ
่
ี
ื่
ื
ิ
เกรยงศักด เจรญวงวงศ์ศักด. ลกษณะชวตสูควำมสำเรจ 2. พมพ์คร้งท 3.
ี
์
ิ
่
์
ี
ิ
ั
ิ
็
ี
ิ
่
ั
กรงเทพฯ : ซัคเซสมีเดย, 2545.
ี
ุ
27
ุ
2. การเขียนบรรณานกรมบทความในวารสาร
ี่
ี
ี่
ื
ื่
ี
ื่
ผู้เขียนบทความ.// “ชอบทความ.”/ชอวำรสำร.// ปท,/ฉบับท(เดอน ป)/: /เลขหน้า.
์
ิ
ั
ศิรรตน์ ทวะศิร. “ครก าลังส าคัญต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคม.” วิทยำจำรย. 99,
ิ
ู
ิ
7(ตุลาคม 2543) : 9-10.
ื
ุ
3. การเขียนบรรณานกรมหนังสอพิมพ์
ื่
ื่
ื
ื
์
ผู้เขียนบทความ.// “ชอบทความหรอชอคอลัมน์.”/ชอหนังสอพิมพ.//
ื่
ี
(วัน เดอน ป)/ :/เลขหน้า.
ื
ู
์
สมยศ มเทศน. “ คร 2890 รายได้ย้ายคืนถิ่น.” มติชนรำยวัน. (22 มกราคม
ี
2544) : 10.
4. การเขียนบรรณานกรมของบทความในสารานกรม
ุ
ุ
ี่
ี
ี่
ื่
ผู้เขียนบทความ.// “ชอบทความ.”/ ชอสำรำนกรม/ เล่มท (ปทพิมพ์)/:/เลขหน้า.
ื่
ุ
สรพรรณ ธรศิรโชต. “พิพิธภัณฑสถานแหงชาตพิมาย.” สารานกรมวัฒนธรรม
ุ
ิ
ิ
ิ
ิ
่
ิ
ิ
ิ
ภาคอีสาน 9 (2542) : 3100-3104.
28
5. การเขียนบรรณานกรมของข้อมูลสารสนเทศอื่นบนอินเทอรเน็ต
ุ
์
ี่
ผู้เขียน.// “ชอเรอง.”//[ ประเภทของสอ ].//เข้าถึงได้จาก/:/แหล่งข้อมูล,/ วันเดือนปทค้น
ี
ื่
ื่
ื่
“กำรแนะน ำโฮมเพจใหมสำหรบนักศกษำ.” [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก :
ั
ึ
่
ิ
http://www.kmitl.ac.th/, 22 สงหาคม 2544.
เมื่อทุกคนเข้าใจแล้ว เรามาท า
กจกรรมกันเลยค่ะ
ิ
\
29
กิจกรรมที่ 1
ี
ี่
ิ
ิ
ี
ค ำช้แจง ให้นักเรยนอธบายคุณสมบัตของผู้บันทกการอาน ตามทได้ศึกษามา
ึ
่
(10 คะแนน)
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
30
กิจกรรมที่ 2
ี่
ี
ี
ิ
่
ค ำช้แจง ให้นักเรยนอธบายวิธบันทกการอานตามทได้ศึกษามา (10 คะแนน)
ึ
ี
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................
31
ี
แบบทดสอบหลังเรยน
ี ี ื่ ี่
ค ำช้แจง ให้นักเรยนเขียนเครองหมายกากบาท X ทับข้อทเหมาะสม ถูกต้อง
ิ
1. ถ้าต้องการน าโคลงโลกนตมาประกอบในรายงานควรปฏบัตอย่างไร
ิ
ิ
ิ
ก. ลอกมาเหมือนต้นฉบับภายใต้เครองหมาย “ ”
ื่
ข. จัดพิมพ์ด้วยอักษรตัวโตเพื่อความเด่นชัด
้
ิ
่
ี
ค. ขีดเสนใต้โคลงทน ามาอ้างองทั้งหมด
ง. ลอกมาเหมือนต้นฉบับโดยมีเครองหมาย ... ไว้ท้ายโคลง
ื่
ิ
2. ข้อใดไม่ใชประโยชน์ของการเขียนอ้างอง
่
ก. ท าให้งานเขียนนาสนใจ
่
ข. การให้เกยรตเจ้าของงานเขียน
ิ
ี
ค. ทราบทมาของข้อมูล
ี่
ง. ตามสบค้นข้อมูลได้
ื
3. นักเรยนคนใดไม่ได้เขียนวิธเขียนอ้างอิง
ี
ี
ก. ชยพลเขียนบรรณานกรม
ุ
ิ
ข. วศินเขียนเชงอรรถ
ค. คงเดชเขียนสารบัญ
ุ
ง. จารภาเขียนอ้างองแทรกในเน้อหา
ื
ิ
32
ื
ิ
ิ
4. การเขียนอ้างองแบบแทรกในเน้อหานยมเขียนแบบใด
ื่
ก. เขียนชอผู้แต่ง ปทพิมพ์ และเลขหน้า
ี่
ี
ื
ื่
ข. เขียนชอหนังสอและหน้า
ค. เขียนเฉพาะชอผู้แต่ง
ื่
ื
ง. เขียนเฉพาะชอหนังสอ
ื่
ิ
5. การเขียนอ้างอง แบบแทรกในเน้อหานยมใช้ระบบใด
ิ
ื
ก. วัน – เดอน – ป
ี
ื
ข. นาม – ป ี
ค. นาม – ชอหนังสอ
ื่
ื
ื
ื่
ี่
ี
ง. ชอหนังสอ – ปทพิมพ์
ึ
ี่
่
่
6. ข้อใดไม่ใชสวนประกอบของบันทกการอ่านทส าคัญ
ื
ก. เน้อเรอง
ื
่
ข. แหล่งทมาของเรอง
ี่
ื่
ค. หัวเรอง
ื่
ง. ตัวละคร
33
7.
ิ
้
้
กอบแก้ว โชตกุญชร. กำรเขียนรำยงำนและกำรใชหองสมุด.
ุ
กรงเทพฯ : แม็ค, 2527.
ื
ี่
ข้อใดคือสถานทพิมพ์ของหนังสอเล่มน้ ี
ุ
ก. กรงเทพฯ
ข. แม็ค
ค. ไม่ปรากฏ
ง. กรงเทพฯและแม็ค
ุ
่
ิ
ี
8. หากต้องใสค าว่า พมพ์คร้งท 2 ต้องใสหลัง รายการใด
่
่
ั
ก. ชอผู้แต่ง
ื่
ข. ชอเรอง
ื่
ื่
ี่
ค. สถานทพิมพ์
ี่
ี
ง. ปทพิมพ์
9. กรณมีผู้แต่ง 2 คน ลงรายการอย่างไร
ี
ก. ใช้ค าว่า และ เชอมระหว่างชอผู้แต่ง
ื่
ื่
ื่
ื
่
่
่
ข. ใช้ เครองหมาย , คั่นระหวางชอผ้แตง
ู
ู
่
่
่
ื
่
ื
ค. ใช้เครองหมาย / คั่นระหวางชอผ้แตง
ง. ใช้เครองหมาย - คั่นระหวางชอผ้แตง
่
ื
่
่
ื่
ู
34
10.
จากภาพด้านบนคือการอ้างอิงประเภทใด
ิ
ิ
ก. เชงอรรถอ้างอง
ิ
ข. เชงอรรถโยง
ิ
ิ
ค. เชงอรรถเสรมความ
ง. บรรณานกรม
ุ
ตั้งใจท าแบบทดสอบนะคะ
35
ี
กระดำษค ำตอบแบบทดสอบหลังเรยน
ี
่
ชอ................................นามสกุล...............................ชั้น...............เลขท..............
่
ื
ขอ ก ข ค ง
้
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
รวม
36
ภำคผนวก
37
เฉลย กิจกรรมที่ 1
่
ี
ี่
ิ
ค ำช้แจง ให้นักเรยนอธบายคุณสมบัตของผู้บันทกการอาน ตามทได้ศึกษามา
ิ
ึ
ี
(10 คะแนน)
ึ
ี
่
ี
ิ
็
่
คุณสมบัตของผู้บันทกการอานทดนั้น ผู้จดบันทกการอ่านจ าเปนต้องมี
ึ
่
ความสามารถในด้านตอไปน้ ี
ื่
ี่
ื
1. จับใจความหรอข้อความส าคัญของเรองทอ่านได้
2. ทราบว่าข้อมูลใดเกยวข้องกับเรองทตนต้องการศึกษา
ี่
ื่
ี่
็
ี่
ี
ึ
3. ใช้วิธการบันทกทเปนระบบ
่
ู
4. สามารถเชอมโยงหัวข้อส าคัญตางๆ เข้าด้วยกัน น าข้อมลเหล่านั้นไป
่
ื
เขียนเปนแผนภูมิ หรอเขียนเปนผังมโนทัศน์ ให้เข้าใจได้ง่าย
ื
็
็
ึ
5. เขียนบันทกด้วยถ้อยค าของตนเอง
6. บันทกแหล่งทมาของข้อมลนั้นๆได้อย่างชัดเจนถูกต้อง
ึ
ู
ี
่
38
เฉลย กิจกรรมที่ 2
่
ี่
ี
ิ
ึ
ค ำช้แจง ให้นักเรยนอธบายวิธบันทกการอานตามทได้ศึกษามา (10 คะแนน)
ี
ี
ี
ึ
ื
ึ
1. วิธบันทกการอ่านแบบบอกขอบเขตหรอแนวคิด คือการจดบันทก
่
ื่
ื
ี่
็
ื
ขอบเขตหรอแนวคิดเรองทอานไว้เพื่อเตอนความจ า และเปนประโยชน์ในการ
ึ
่
ึ
ื
สบค้นในโอกาสหน้า จงเปนการบันทกสาระหลักของการอานนั้นส้นๆ
็
ั
ุ
ี
2. วิธบันทกการอ่านแบบย่อความหรอสรปความ คือการจดบันทกการ
ื
ึ
ึ
ึ
ี่
ี่
ุ
อ่านโดยสรปย่อสาระส าคัญของเรองทอ่านและจดบันทกโดยใช้ค าทส าคัญบาง
ื่
่
่
ึ
็
ค าจากต้นฉบับทอานมาประสมกับข้อความซงเปนส านวนของผู้บันทกเอง
ึ
ี่
3. วิธบันทกการอ่านแบบคัดลอกข้อความ คือการจดบันทกการอ่าน
ี
ึ
ึ
โดยการคัดลอกข้อความบางตอนจากข้อเขียนทอ่านเพื่อใช้ในการอ้างอิง
ี่
ี
ื
4. วิธบันทกการอ่านโดยการถอดความ การถอดความหรอการถ่าย
ึ
่
่
ี
ความ หมายถึงการน าข้อความทั้งหมดทอานมาเขียนใหมด้วยถ้อยค าภาษาของ
่
ิ
เราเองโดยไม่เปลี่ยนแปลงความหมายเดมของข้อความนั้น
39
เฉลย กระดำษค ำตอบแบบทดสอบ
้
ขอ ก ข ค ง
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
รวม
40
บรรณำนุกรม
กอบแก้ว โชตกุญชร และคณะ. กำรเขียนรำยงำนและกำรใชหองสมุด.
ิ
้
้
ุ
กรงเทพฯ : แม็ก, ม.ป.ป.
“กำรอำนและกำรเขียนบันทึกกำรอำน.” [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก :
่
่
https ://sites.google.com/site/aomliby/les8 [ม.ป.ป.].
ิ
10 พฤศจกายน 2559.
ชตมา สัจจานันท์ และพันทพา มีแต้ม. หองสมุดและกำรศกษำคนควำ.
ิ
ิ
ุ
้
้
้
ึ
กรงเทพฯ : โรงพิมพ์คุรสภาลาดพราว, 2530.
ุ
ุ
้
ธาดาศักด วชรปรชาพงษ์. หองสมุดและกำรศกษำคนควำ. กรงเทพฯ :
์
ิ
ิ
ี
ุ
้
ึ
้
้
์
ี
โอเดยนสโตร, 2534.
ุ
่
ิ
์
ิ
นงลักษณ ไม่หนายกจ. “สารสนเทศอิเล็กทรอนกส : การอ้างอิง, บรรณานกรม”
์
ั
วำรสำรหองสมุดสำรนิเทศและกำรศกษำคนควำ. พมพ์คร้งท 2 แก้ไข
ี
่
ิ
้
้
ึ
้
์
ี
ิ
ิ
เพ่มเตม. กรงเทพฯ : ดี.ด.บุ๊คสโตร, 2535.
ุ
รญจวน อินทรก าแหง. แบบเรยนกำรใชหองสมุด ส 011. กรงเทพฯ :
ุ
ั
้
้
ี
วัฒนาพานช, 2520.
ิ
ั
่
ุ
ั
ิ
์
่
ี
์
้
ศรรตน เจงกลิ่นจันทร. กำรอำนและกำรสรำงนิสยรกกำรอำน. กรงเทพฯ :
ั
ิ
ไทยวัฒนาพานช, 2544.
ิ
ุ
ั
่
ี
ิ
สทธลักษณ์ อ าพันวงศ์. พมพ์คร้งท 7. หนังสอเรยนภำษำไทย รำยวิชำ ท 081
ื
ี
้
กำรศกษำคนควำเบ้องตน. กรงเทพฯ :โรงพิมพ์คุรสภาลาดพราว,
ุ
ุ
้
ื
้
้
ึ
2530.