ใบความรู้
ความรทู้ ่วั ไปเก่ียวกับการผกู ผา้ และการจีบผ้า
ประเทศไทยเป็นประเทศท่ีมีธรรมชาติ สวยงาม มีพรรณไม้ดอก ไม้ประดับหลากหลาย ซึ่งคนไทย
นิยมนาทรัพยากรธรรมชาติเหล่านั้นมาใช้ประดับตกแต่งสถานที่ ในงานพิธี หรืองานเทศกาลและการจัดงาน
ตา่ ง ๆ แต่ปัจจบุ ันทรัพยากรเหล่าน้ันมีจานวนลดน้อยลง หายากขึ้น เนอ่ื งจากความเจริญทางวัตถุได้รุกล้าพื้นท่ี
ทเี่ ปน็ ธรรมชาติมากขนึ้ จงึ มกี ารนาวัสดุอน่ื ๆ มาใชใ้ นการตกแต่งทดแทน เชน่ การใช้ลูกโปง่ การใช้ผา้ เปน็ ตน้
สาหรับการใช้ผ้าเป็นวัสดุที่ใช้ในการตกแต่งสถานที่ กาลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน เพราะเป็นวัสดุที่
สามารถนากลับมาใช้ได้ในภายหลัง และสามารถเลือกสีของผ้า และรปู แบบของการตกแต่งได้ตามลักษณะของ
งาน จงึ ทาใหม้ ผี ู้ศกึ ษาวธิ ีการตกแตง่ สถานทด่ี ้วยการผูกผ้าและจบั จีบผ้าเพ่ิมมากขึ้น
ปัจจุบันผ้าเป็นวัสดุที่เข้ามามีบทบาทสาคัญในงานพิธีหรือราชพิธีการต่าง ๆ ท้ังในรูปแบบของ
โครงสร้างใหม่ ๆ เช่น ฉากและม่านหรือในรูปแบบของเคร่ืองประดับตกแต่งเป็นระบายดอก เฟื่อง และระย้า
เป็นต้น ทั้งน้ีอาจเป็นเพราะผ้ามิใช่วัสดุส้ินเปลือง เม่ือเสร็จสิ้นประโยชน์ใช้สอยแต่ละครั้ง ก็สามารถนามาทา
ความสะอาดและเก็บรักษาไว้ใช้ในงานคร้ังต่อ ๆ ไปนานหลาย ๆ ครั้ง ต่างจากวัสดุธรรมชาติที่ถูกนามา
ดัดแปลงประดิษฐ์ใช้ในการประดับตกแต่ง เช่น ดอกไม้สด ใบ ก่ิง ก้าน และลาต้น เหล่านี้ล้วนมีขีดจากัดทาง
กายภาพ การนามาใช้งานจะอยู่ได้ภายในระยะเวลาจากัด ส้ินเปลืองค่าใช้จ่าย และต้องคอยดูแลรักษาอย่าง
สมา่ เสมอให้คงสภาพอยูไ่ ด้ นบั เป็นความยุ่งยากและสนิ้ เปลืองกว่าเม่อื เทยี บกบั การใช้ผ้า
ความหมายของการผูกผ้าและการจบั จบี ผ้า
การผูกผ้า ( Bind Down ) หมายถงึ การปฏบิ ตั ิงานในการสรา้ งสรรค์รูปแบบของผลงานดว้ ยการผกู
การมดั และการจับดอก เพื่อสร้างงานและเพ่มิ มูลค่าของผลงานใหเ้ กดิ ความสวยงาม
การจับจีบ ( Pleating ) หมายถึง การสรา้ งสรรคร์ ูปแบบของงานในการปฏิบัตงิ านดว้ ยการมว้ น การ
พบั การซ้อน การจีบ การบดิ เกลียว การรดู หรอื การยน่
รปู แบบของการผูกผา้ และการจบั จบี ผ้า รูปแบบของการผูกผ้า มี 3 รปู แบบ คอื
1. ดอก คือ ส่วนสาคญั ขององค์ประกอบการทั้งหมด ถูกกาหนดใหเ้ ปน็ จดุ เดน่
2. เฟอ่ื ง คอื องค์ประกอบในการผูกผา้ เพื่อแกป้ ญั หาดา้ นพื้นท่ี เวลา และโครงสร้าง
3. ระย้า คอื การผูกผ้าท่ีมีลักษณะเปน็ พวงพุ่ม จะอย่ภู ายใต้ดอกหรอื เฟ่ือง
โอกาสที่ใชใ้ นการผูกผ้าและจับจีบผา้
การผูกผ้าและจับจีบผา้ นยิ มใช้ในงานเทศกาลและงานพิธีในโอกาสตา่ ง ๆ ดังนี้
งานพระราชพิธี ( Royal Ceremony ) หมายถึง งานท่ีอยู่ในขนบธรรมเนียมและราชประเพณีของ
พระมหากษัตริย์ มีระเบียบ แบบแผนและข้ันตอนมีหมายกาหนดการอย่างเป็นพิธีการ เรียบร้อย รัดกุม และ
คานึงถงึ ความปลอดภยั ซึ่งการประดับตกแตง่ สถานท่ี นิยมใชผ้ า้ เป็นส่วนประกอบ
การจดั งานพิธี (Ceremony ) คอื งานทก่ี าหนดรูปแบบ โดยมกี าหนดการที่ชดั เจน ทราบจุดมงุ่ หมาย
และวตั ถปุ ระสงค์ของงาน เชน่ งานแหเ่ ทียนพรรษา งานวันมาฆบชู า งานศพ พธิ มี อบใบประกาศนียบตั ร
การจัดงานทางธุรกิจ คือ การที่ใช้สถานท่ีตกแต่ง เพ่ือให้เกิดความสวยงาม โดยมีวัตถุประสงค์ของ
เจา้ ของงานเป็นหลกั เชน่ งานแตง่ งาน การประชมุ งานแถลงข่าว งานจัดเล้ียง
ประโยชน์ของการผกู ผา้ และการจับจีบผา้
ประโยชนข์ องการผูกผา้ คือ การนาผลงานไปใชใ้ ห้ตรงกับวตั ถปุ ระสงคข์ องงานที่ได้รับมอบหมาย กับ
ผลงานที่ได้รับมอบหมาย ประโยชน์ท่ีใช้ในการตกแต่งสถานที่ที่ต้องการเน้นให้เป็นจุดเด่น อันมีประธานและ
รองประธาน โดยเรียงลาดับตามความสาคัญ ใช้ตกแต่งโครงสร้างเคลื่อนท่ีและโครงสร้างถาวร โดยใช้การ
ตกแตง่ ดว้ ยการผูกผ้า ด้วยดอก,เฟอื่ ง,ระยา้
ประโยชน์ของการจับจีบ หมายถึง การนาผลงานไปใช้ให้ตอบสนองความต้องการของงานน้ันๆ ได้
อย่างเหมาะสม ใช้ในการจัดตกแต่งสถานที่ในงานประเภทต่างๆ เช่น งานแต่งงาน งานสาธิตต่างๆ การ
ประชุมสัมมนา การจัดเล้ียงแบบบฟุ เฟ่ การจัดเลี้ยงโต๊ะจีน โต๊ะลงทะเบียน ซ่ึงถือเป็นองค์ประกอบของการจดั
งานท่ีสาคัญ เพราะถือเป็นโครงสร้างพื้นฐาน ( Structure Standard) ก่อนท่ีส่วนต่างๆจะลงมือตกแต่งได้
ปัจจุบันได้มีวิวัฒนาการมาเป็นส่วนหนึ่งของการจัดตกแต่งสถานที่ในโรงแรม และการบริการจัดเลี้ยงโต๊ะจีน
ฯลฯ
ตัวอยา่ งและวธิ ีทาการจับผา้ ทาลายตา่ งๆ
ลายจีบตาม
ขั้นตอนการทา
1. นาผ้าสีขาวมาคลุมโต๊ะ ดึงผ้าให้ เรียบตึง แล้วพับผ้าส่วนเกินเข้ามุม แล้วกลัดด้วยเข็มหมุดให้เรียบร้อย
จากน้ันเร่ิมทาลายโดยการนาผ้าสีเข้ม มากลัดติดกับขอบโต๊ะเป็นจุดเร่ิมตน้ โดยให้ด้านที่มีความมันวาวอยดู่ า้ น
นอก
2. ดงึ ผา้ ไปยังจดุ ตอ่ ไปใหถ้ งึ โดยให้มี ความยาวระหว่างจดุ ประมาณ 6 นวิ้ แลว้ กลัดตดิ กับขอบโต๊ะ
3. จับผ้าย้อนกลับไปทางขวา ความ ยาวประมาณ 3 นิ้ว แล้วกลัดติดกับ ขอบโต๊ะ จากนั้นจึงให้ตึงไปยังจุด
ต่อไป ทางซ้ายแล้วกลัดติดกบั ขอบโต๊ะ
4. ทาํซา้ ตามข้นั ตอนท่ี 3 โดยรอบ ขอบโตะ๊ แลว้ จดั ตกแตง่ ให้สวยงาม
5. ควรให้ชายผ้าระบายอยู่เหนือจาก พ้ืนขึ้นมาประมาณ 1 น้ิว เพ่ือจะได้ไม่ กองท่ีพื้น และทาให้ผ้าท้ิงตัว
สวยงาม
6. ภาพสาเร็จ
ลายสับปะรด
ข้ันตอนการฝกึ
1. กรดี ผ้าทง้ิ กลบี ให้ตรง วัดลงมาประมาณ 1 คืบ
2. จบั กลบี ยึดด้วยเขม็ หมดุ สับหว่างลงมาเร่ือย ๆ ระยะห่างประมาณ 1-2 นิ้ว ทาประมาณ 4-5 ชั้น เม่อื
สาเร็จแล้วโตะ๊ จะมที รงเอวคอด
3. ใช้นิว้ กดผ้าด้านบนใหพ้ องออก
4. แบบสาเร็จ (ทาจนรอบโต๊ะ)
บทสรุปการ ผูกผ้าและจับจีบผา้ จดั เป็นองค์ประกอบโครงสรา้ งข้ันพื้นฐานของการจดั ตกแตง่ สถานที่
โดยแบ่งเป็น 2 ชนิด คือ การผูกผ้า การผูก การมัดและการจับดอก การทาเฟื่อง การทาระย้า นิยมใช้กับ
โครงสร้างขนาดใหญ่และใช้พ้ืนท่ีท่ีมีความกว้างและความยาว เช่น การตกแต่งกาแพง เต้นท์ เวที การจับจีบ
ผ้า การซอ้ น , การพบั , การจีบ , การบิดเกลียว ใหเ้ ปน็ ลวดลายตา่ งๆ โดยสรา้ งจดุ เดน่ ด้วยสีและผวิ สมั ผัสของ
ผ้า ใช้ในการตกแต่งสถานท่ีท่ีมีพื้นที่เฉพาะและเน้นรายละเอียด จากส่วนประกอบของการตกแต่ง เช่นงาน
แตง่ งาน งานวนั เกิด
จับจบี ผ้าลายดอกไม้
ขนั้ ตอนการฝกึ
1. ปูผา้ ปูโต๊ะ ใชล้ วดผกู ยึดผ้าปูโต๊ะใหต้ ึงและตดิ กับโตะ๊
2. นาผ้าจบั จีบมาทาบเพ่อื เทียบความสูงให้เทา่ กับโต๊ะ พบั ทบผา้ ให้ดา้ นมนั อยู่ดา้ นนอก
3. กลดั เข็มหมดุ ทป่ี ลายผ้าเพือ่ ยดึ ผ้าตดิ กับโต๊ะ
4. กลัดเขม็ หมุดที่มุมโต๊ะ เพือ่ เริม่ จับจบี ผ้า (หมายเลข 1)
5. กลดั เขม็ หมดุ หา่ งจากมุมโตะ๊ ระยะ 4 นิ้ว (หมายเลข 2)
6. จับจีบผ้าขนาด 7 น้ิว กลัดเข็มหมุดตรึงไว้ ดึงผ้าขนานกับขอบโต๊ะ ห่างจากจีบที่ 1 ระยะ 8 นิ้ว กลัดเข็ม
หมุดตรึงกบั ขอบโต๊ะ (หมายเลข 3)
7. จับจีบที่ 2 ขนาด 7 นิ้ว ใช้เข็มหมุดกลัดตรึงกับขอบโต๊ะ จากน้ันทาตามข้ันตอนในข้อ 7 และ8 ไปจนครบ
โดยใหร้ ะยะห่างและขนาดของจบี ให้เท่ากนั เพอ่ื ความสวยงาม
8. เม่ือจับจีบผ้าครบตามต้องการ ให้จบการจับจีบโดยจับจีบผ้าขนาด 8 น้ิว ดึงจีบผ้าขนานกับขอบโต๊ะ กลัด
เข็มหมุดตรึงติดกับขอบโต๊ะ เก็บชายผ้าท่ีเหลือไว้ใต้โต๊ะ การจัดลายดอกไม้ จับชายผ้าด้านนอกของจีบ จับจีบ
ผ้าไล่ขึ้นจนถงึ สนั จีบ ใชห้ ัวแม่มือกบั นิว้ ช้กี ดผา้ ท่จี บั จีบไวแ้ ลว้ จงึ กลดั เขม็ หมดุ ตรงกง่ึ กลางผ้าทีจ่ บั จบี ไว้