ใบความรทู้ ่ี 8
รายการปรับปรงุ บญั ชี การปิดบญั ชีและสรุปวงจรบญั ชี
เกณฑก์ ารบันทึกบัญชี
เกณฑค์ งค้าง (Accrual basis) หรอื เกณฑ์สิทธิ คือ วิธกี ารบญั ชที ่ีใชเ้ ป็นหลกั ในการพิจารณาเพื่อบันทึก
รายได้และค่าใชจ้ า่ ยให้อยใู่ นงวดเวลาตา่ งๆ โดยคำนึงถึงรายไดท้ ่ีพงึ รับและค่าใช้จา่ ยท่ีพงึ จา่ ยเพ่ือให้แสดงผลการ
ดำเนินงานของแต่ละงวดน้ันไดอ้ ยา่ งเหมาะสม โดยไมค่ ำนึงถึงรายรบั และรายจ่ายทเี่ ป็นเงินสดวา่ ได้เงินมาแลว้
หรือจ่ายเงนิ ไปแล้วหรอื ไมต่ ามเกณฑเ์ งินสด
ดังนนั้ รายได้ทเ่ี กดิ ขนึ้ ในระหวา่ งงวดบญั ชี ไมว่ า่ จะไดร้ ับเงินสดมาแล้วหรอื ไม่ก็ตามใหถ้ ือเป็นรายได้ของ
งวดบญั ชนี ั้น ส่วนคา่ ใช้จา่ ยกเ็ ชน่ เดยี วกนั ให้ถือเปน็ คา่ ใช้จ่ายทัง้ หมด สำหรบั รายการท่เี กิดขึน้ ในระหว่างงวดบัญชี
ไมว่ า่ จะจ่ายเงนิ ไปแลว้ หรอื ไม่กต็ าม การคำนวณกำไรขาดทุนตามเกณฑค์ งคา้ งจึงต้องมกี ารปรับปรุงบัญชีรายได้
และบัญชคี ่าใชจ้ า่ ยให้ถูกต้องตามงวดบัญชนี นั้ ๆ เพื่อแสดงผลกำไรขาดทนุ ใหถ้ ูกต้อง
การดำเนนิ งานต่อเนอื่ ง (Going Concern) เป็นข้อสมมติทกี่ ลา่ วถึงกจิ การทีจ่ ัดตั้งตามวัตถุประสงค์
ท่ีจะดำเนินงานอย่างต่อเนื่องและดำรงอยู่ต่อไปในอนาคต หากกจิ การมีเจตนาหรือความจำเป็นทเ่ี ลิกกจิ การ
ของการดำเนนิ งานอย่างมีนัยสำคัญ งบการเงินต้องจัดทำข้ึนโดยใช้เกณฑ์อน่ื และต้องเปิดเผยหลกั เกณฑ์ทใี่ ช้
ในงบการเงินนน้ั ๆ
กิจการไม่มีเจตนาหรือความจำเปน็ ท่ีจะเลิกกจิ การ หรอื ลดขนาดของการดำเนินงานอย่างมนี ัยสำคญั ข้อ
สมมตนิ ้ีมีความสำคญั มากถ้าหากไม่มีข้อสมมตนิ ้ี การกำหนดงวดบัญชีหรือรอบระยะเวลาบัญชีจะยงุ่ ยากมาก
เพราะไม่สามารถคาดการณไ์ ด้วา่ กจิ การจะเลิกเม่ือไร นอกจากนี้การวดั มูลค่าของสนิ ทรัพย์ ไม่อาจใช้ราคาทุนเดมิ
หรือราคาอื่นทเี่ หมาะสม แต่ต้องใช้ราคาบังคบั ขาย หากคาดว่าจะมีการเลิกกิจการในอนาคตอันใกล้ นอกจากน้จี ะมี
ปัญหาเรอื่ งการคดิ คา่ เส่อื มราคา หรอื ค่าตัดจำหนา่ ยของสินทรัพยท์ ่ีเส่ือมสภาพ เพราะไม่สามารถประมาณอายุการ
ใชง้ านของสนิ ทรัพย์ได้ และไมส่ ามารถแยกประเภทรายการสนิ ทรัพย์ และหน้ีสนิ ได้ ตลอดจนไมส่ ามารถรับรู้
รายจ่ายฝา่ ยทุนเป็นสนิ ทรพั ย์แล้วตดั จำหน่ายตามระยะเวลาทีเ่ หมาะสม
ถ้ากิจการมเี จตนาหรือความจำเป็นทไ่ี ม่สามารถใชเ้ กณฑก์ ารดำเนินงานต่อเนื่องต่อไปได้ เช่นกิจการกำลงั
อยใู่ นสถานะมีหนีส้ ินมาก หรือถูกฟ้องล้มละลาย กจิ การอาจใชเ้ กณฑ์อ่ืนในการจัดทำงบการเงนิ แตต่ ้องเปดิ เผย
ข้อเท็จจริงเก่ยี วกบั สาเหตุทที่ ำใหก้ จิ การไม่สามารถใชเ้ กณฑ์การดำเนินงานตอ่ เนอ่ื ง รวมทั้งเปดิ เผยเกณฑบ์ ญั ชีอ่ืนที่
ใช้ในการจดั ทำงบการเงินด้วย
ความหมายและประเภทของรายการปรบั ปรุงบัญชี
➢รายการปรบั ปรงุ บัญชี (Adjusting Entry) หมายถงึ การปรบั ปรุงจำนวนเงนิ ที่บนั ทึกไว้ในบญั ชีให้
ถูกต้องก่อนการจัดทำงบการเงินซง่ึ จะต้องบันทึกในสมุดรายวันท่วั ไปและผา่ นไปสมุดบัญชีแยกประเภททั่วไปที่
เกยี่ วข้อง โดยรายการปรับปรุงเปน็ รายการทีส่ ำคญั รายการหนง่ึ ทจ่ี ะต้องทำในวันสิ้นงวดบญั ชี เนื่องจากจะมผี ลทำ
ให้งบการเงนิ แสดงวา่ กจิ การมีสินทรัพย์ หนี้สิน และสว่ นของเจ้าของ
ณ วนั สน้ิ งวดจำนวนเท่าใด และยังทำให้ทราบว่ากิจการมผี ลการดำเนนิ งานอย่างไรบา้ ง
➢ประเภทของรายการปรับปรุง รายการปรับปรุงทจ่ี ำเป็นตอ้ งทำการบันทึกบัญชี ได้แก่ รายการ
ดังต่อไปน้ี
1. รายได้ค้างรับ (Accrued revenue)
2. ค่าใช้จ่ายคา้ งจา่ ย (Accrued expenses)
3. รายไดร้ บั ล่วงหนา้ (Deferred revenue)
4. ค่าใชจ้ ่ายล่วงหน้า (Prepaid expenses)
5. หน้ีสงสยั จะสญู (Doubtful Account or Doubtful debt)
6. วัสดสุ ำนักงาน (Office supplies)
7. ค่าเส่ือมราคา (Depreciation)
รายได้คา้ งรบั (Accrued revenue) หมายถึง รายไดท้ ีเ่ กิดขน้ึ แลว้ ในงวดบญั ชีปัจจบุ นั แต่กจิ การยัง
ไมไ่ ด้รบั ชำระเงินสด เพราะยังไมถ่ งึ วนั ครบกำหนดรบั เงนิ จนกว่าจะถงึ งวดบญั ชหี นา้ จึงตอ้ งปรบั ปรุงรายได้ค้างรับน้ี
ให้เปน็ รายได้ในงวดบัญชปี จั จบุ ัน เช่น รายได้ดอกเบยี้ ค้างรับ รายได้ค่าเชา่ ค้างรบั เป็นตน้ บญั ชรี ายไดค้ า้ งรบั เป็น
บญั ชีสินทรัพยห์ มุนเวียนซ่งึ จะต้องแสดงยอดไว้ในงบแสดงฐานะการเงนิ ณ วันส้นิ งวดบัญชีรายได้ค้างรบั มีวิธกี าร
ปรับปรุงในสมดุ รายวนั ดังนี้
คา่ ใชจ้ ่ายคา้ งจ่าย (Accrued expenses) หมายถงึ ค่าใชจ้ ่ายทเี่ กิดข้นึ แลว้ ในระหว่างงวดบญั ชีปจั จบุ นั
แต่กิจการยังมิได้ทำการจ่ายเงินซง่ึ อาจจะจา่ ยในงวดบญั ชหี น้า และกิจการยงั มิได้ทำการบนั ทึกรายการลงสมดุ บญั ชี
จึงทำใหก้ ิจการมีหน้สี นิ เกิดขึ้น เช่น ดอกเบ้ียคา้ งจ่าย ค่าแรงงานค้างจ่ายคา่ เช่าค้างจ่าย เปน็ ต้น ค่าใช้จ่ายคา้ งจ่าย
ถอื เปน็ หนส้ี นิ หมนุ เวียนทีต่ ้องแสดงไว้ในงบแสดงฐานะการเงนิ มวี ิธีการปรับปรงุ ดังน้ี
รายได้รบั ลว่ งหน้า (Deferred revenue) หมายถึง รายได้ทกี่ จิ การไดร้ บั มาลว่ งหน้าจากลกู ค้าแลว้ แต่
กจิ การยังไม่ได้ให้บริการตอบแทนแกล่ ูกค้า เมื่อรบั เงนิ มาแล้วจะยงั ไมถ่ ือวา่ เปน็ รายไดข้ องกจิ การแต่ถือว่ากิจการมี
พนั ธะในหนส้ี นิ เกิดขึ้น ซึ่งต้องชำระคนื เม่ือถึงกำหนดระยะเวลาท่ไี ด้ทำสญั ญากนั ไว้ เช่น ค่าเช่ารับล่วงหนา้ รายได้
ค่าบรกิ ารรับลว่ งหนา้ เป็นต้น รายไดร้ ับลว่ งหนา้ ถอื เป็นบัญชีหนส้ี ินหมนุ เวียนโดยจะแสดงยอดไว้ในงบแสดงฐานะ
การเงนิ ณ วนั สนิ้ งวดบญั ชี
รายได้รับลว่ งหน้ามกี ารบนั ทกึ รายการได้ 2 วธิ ี คือ
วธิ ที ่ี 1 บนั ทึกไว้เป็นรายได้ ณ วันทกี่ ิจการได้รับเงินสด เมอ่ื กจิ การบันทึกบญั ชเี ป็นรายไดท้ ้งั
จำนวน ณ วนั ที่ได้รับเงนิ กิจการตอ้ งทำการปรับปรุงบัญชเี ม่ือวนั ส้ินงวดบญั ชี เฉพาะส่วนท่ียังไม่ได้ใหบ้ ริการตอบ
แทนเปน็ รายไดร้ ับลว่ งหน้า โดยบันทึกรายการปรับปรงุ บญั ชีดังน้ี
วิธที ่ี 2 บนั ทกึ ไว้เป็นรายได้รับล่วงหน้า (หนีส้ นิ ) ณ วันทก่ี ิจการไดร้ บั เงินสด ณ วันที่รับเงิน กิจการจะ
บันทึกบัญชีเป็นหนี้สินทั้งจำนวน ดังนั้น กิจการจึงต้องปรับปรุงบัญชีเมื่อสิ้นงวดบัญชี เฉพาะส่วนที่ให้บริการตอบ
แทนแลว้ เปน็ รายได้ โดยมกี ารปรับปรุงบัญชีดังน้ี
ค่าใช้จ่ายลว่ งหน้า (Prepaid expenses) หมายถงึ ค่าใช้จา่ ยทกี่ จิ การได้จา่ ยไปก่อน สำหรับบริการที่จะ
ได้รับประโยชน์ในอนาคต และจะใช้หมดไปในระยะเวลาสั้น แต่มีบางส่วนที่เป็นของงวดบัญชีถัดไปรวมอยู่ด้วย
เช่นค่าเบ้ยี ประกันจ่ายลว่ งหน้าคา่ เชา่ จ่ายล่วงหน้า เป็นต้น
คา่ ใช้จ่ายลว่ งหนา้ เป็นค่าใชจ้ า่ ยทีก่ ิจการจา่ ยไปเปน็ ค่าบริการแลว้ ในงวดบัญชปี จั จุบัน แต่ยังได้รับ
ประโยชน์ไม่หมด เหลือบางส่วนทส่ี ามารถจะใช้ประโยชนใ์ นงวดบัญชถี ัดไป จงึ ต้องปรับปรงุ คา่ ใชจ้ ่ายส่วนที่ยังไม่ถึง
กำหนดเวลาการได้รับผลประโยชน์ตอบแทนเป็นค่าใช้จ่ายล่วงห น้าบัญชีค่าใช้จ่ายล่วงหน้าเป็นบัญชีสินทรัพย์
หมนุ เวยี นต้องแสดงยอดในงบแสดงฐานะการเงนิ ณ วนั ส้นิ งวดบัญชีมวี ิธบี ันทกึ รายการปรับปรุงได้ 2 วธิ ี ดังนี้
1. เม่ือมีคา่ ใชจ้ า่ ยเกิดขึ้นใหบ้ ันทกึ ไวเ้ ป็นบัญชคี า่ ใชจ้ ่าย ณ วันท่กี ิจการจา่ ยเงนิ
2. เมือ่ มีค่าใชจ้ า่ ยจ่ายล่วงหน้าเกดิ ข้ึนใหบ้ ันทกึ ไวเ้ ป็นบญั ชสี นิ ทรัพย์ ณ วนั ท่ีกิจการจา่ ยเงิน
วธิ ีที่ 1 บันทกึ ไวเ้ ปน็ คา่ ใช้จา่ ย ณ วนั ที่กจิ การจา่ ยเงิน เม่ือกิจการจา่ ยเงินสดจะบนั ทึกบญั ชีเปน็ คา่ ใช้จ่าย
ทั้งจำนวน เมือ่ สนิ้ งวดบัญชจี ึงปรับปรุงเฉพาะส่วนทย่ี ังไม่ถึงกำหนดเวลาท่จี ะไดร้ ับประโยชนต์ อบแทนเป็นค่าใช้จ่าย
ลว่ งหน้า โดยบันทกึ บัญชดี ังน้ี
วิธีที่ 2 บันทึกไว้เป็นสินทรัพย์ ณ วันที่กิจการจ่ายเงิน เมื่อกิจการจ่ายเงินสดก็จะบันทึกบัญชีค่าใช้จ่าย
ล่วงหน้าทั้งจำนวน หรือ ณ วันที่กิจการจ่ายเงิน บันทึกบัญชีค่าใช้จ่ายไปเป็นสินทรัพย์ทั้งจำนวน จึงต้องปรับปรุง
บัญชีเมื่อสิ้นงวดบัญชี เฉพาะส่วนที่ได้รับผลประโยชนต์ อบแทนไปแล้วเป็นค่าใช้จ่าย โดยบันทึกการปรับปรุงบัญชี
ดังนี้
หนสี้ งสัยจะสญู
ตามมาตรฐานการบัญชีฉบับที่ 101 เรื่อง หนี้สงสัยจะสูญและหนี้สูญ ของสภาวิชาชีพบัญชีได้ให้
คำนิยามและขอ้ พงึ ปฏบิ ัตเิ กยี่ วกับหน้สี งสัยจะสญู และหน้ีสูญไว้ดงั นี้
➢หนี้สงสัยจะสูญ (Doubtful Accounts) หมายถึง ลูกหนี้ที่คาดว่าจะเรียกเก็บไม่ได้ และถือ
เป็นค่าใช้จ่ายของรอบระยะเวลาบัญชีนั้น ดังนั้น จึงบันทึกเป็นบัญชีค่าใช้จ่ายแต่เนื่องจากเป็นค่าใช้จ่ายที่ยังไม่
เกิดขึ้นจึงให้ถือเป็นรายการปรับปรุงในวันสิ้นงวดบัญชีบัญชีหนี้สงสัยจะสูญเป็นบัญชีค่าใช้จ่ายแสดงในงบกำไร
ขาดทนุ
➢ลูกหนี้การค้า (Trade Receivable) หมายถึง ลูกหนี้ที่เกิดจากการดำเนินการค้าตามปกติ
ของธรุ กิจ และจะมชี อ่ื บัญชแี ตกต่างกนั ไดต้ ามประเภทของธรุ กจิ เชน่ ธรุ กิจธนาคารพาณิชย์ หมายถึงบญั ชีระหว่าง
ธนาคารท่มี ดี อกเบ้ยี เงินให้สนิ เช่ือและดอกเบย้ี ค้างรับ กิจการประกันภัย หมายถึง บญั ชเี บีย้ ประกนั ภยั ค้างรับ เงิน
ค้างรบั เกยี่ วกับการประกันตอ่ และเงนิ ใหก้ ยู้ ืม
➢ลูกหนี้อื่น (Other Receivable) หมายถึง ลูกหนี้ที่ไม่ได้เกิดจากการดำเนินการค้าตามปกติ
ของธรุ กจิ เชน่ ลกู หน้แี ละเงนิ ให้กยู้ ืมแกก่ รรมการและลูกจ้าง
เงินใหก้ ูย้ มื แกบ่ รษิ ัทในเครือและบริษทั รว่ ม
รายได้อื่นค้างรับ
➢หน้สี ญู (Bad Debt) หมายถงึ ลกู หน้ีทไ่ี ดต้ ดิ ตามทวงถามจนถึงท่ีสุดแล้ว แตไ่ มไ่ ด้รับชำระหน้ี
และไดต้ ัดจำหนา่ ยออกจากบัญชี ดงั น้ัน หนีส้ ูญจงึ เป็นบญั ชคี ่าใช้จา่ ยท่แี สดงในงบกำไรขาดทนุ
➢ค่าเผื่อหนี้สูญ หรือค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ (Allowance for Doubtful Accounts)
หมายถึง จำนวนที่กันไว้สำหรับลูกหนี้ที่คาดว่าจะเรียกเก็บไม่ได้ และถือเป็นบัญชีปรับมูลค่า ( Valuation
Account) ท่ีต้ังข้ึนเพอ่ื แสดงเป็นรายการหักจากบญั ชีลูกหน้ีในงบการเงินเพื่อให้คงเหลือเป็นมลู ค่าสุทธิของลูกหน้ีท่ี
คาดหมายว่าจะเก็บได้ ดงั น้นั เม่อื เป็นบญั ชปี รับมูลค่าจึงต้องนำไปหักออกจากบัญชลี ูกหน้ีในงบแสดงฐานะการเงิน
เพ่อื ให้คงเหลือลูกหนี้สุทธิท่ีคาดวา่ จะเก็บเงินได้ถ้าคิดค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญจากยอดลูกหนี้ปลายงวดต้องดูบัญชีค่า
เผอ่ื หนี้สงสยั จะสูญเดมิ ในบญั ชดี ว้ ยถา้ คิดจากยอดขายกค็ ดิ จากยอดขายของปนี ั้น
การบันทึกลูกหนท้ี เ่ี กบ็ เงินไมไ่ ด้ มี 2 วิธี คือ
1. วิธีตัดจำหน่ายโดยตรง (Direct Write- off method) จะไม่บันทึกรายการจนกว่าในรอบระยะเวลา
บัญชที ี่มลี ูกหนส้ี ูญจรงิ จึงบันทึกเปน็ ผลเสยี หายในรอบระยะเวลาบญั ชนี ้ัน โดย
เดบิต บัญชีหน้สี ญู (เปน็ บัญชคี ่าใช้จา่ ย) XX
เครดติ ลูกหนีก้ ารค้า XX
ในทางปฏิบัติวิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายและสะดวก แต่มีข้อบกพร่องที่ไม่เป็นไปตามหลักทฤษฎีว่าด้วยการ
เปรียบเทียบคา่ ใชจ้ ่ายกบั รายได้ของระยะเวลาบญั ชีอกี ทัง้ มลู ค่าของลูกหนท้ี ี่แสดงในงบแสดงฐานะการเงนิ กม็ ไิ ด้อยู่
ในมูลค่าทค่ี าดวา่ จะได้รับจริง วิธีน้จี ึงไม่เปน็ ทีย่ อมรับ เว้นแตว่ ่าหน้ีท่ีคาดว่าจะเก็บไมไ่ ด้มีจำนวนท่ีไมม่ นี ัยสำคัญ
2. วิธตี ้งั คา่ เผือ่ (Allowance method) จะประมาณหน้ีทคี่ าดว่าจะเกบ็ ไม่ได้ โดยคำนวณจากยอดขายหรือ
จากยอดลูกหนี้ แลว้ บันทกึ จำนวนที่ประมาณข้ึนนั้น โดย
เดบิต บัญชีหนส้ี งสยั จะสญู (เปน็ บัญชคี า่ ใช้จา่ ย) XX
เครดิต บัญชคี ่าเผือ่ หนสี้ งสัยจะสูญ (เปน็ บญั ชปี รบั มูลค่าลกู หนี)้ XX
รายการนที้ ำในรอบระยะเวลาบัญชีทบ่ี ันทึกรายการขายวิธีน้ีเป็นวธิ ีท่ีถูกต้องตามหลักการบัญชีว่าด้วยการ
เปรียบเทียบค่าใช้จ่ายกับรายได้ของรอบระยะเวลาบัญชี และบัญชีลูกหนี้ ณ วันสิ้นรอบระยะเวลาบัญชี จะแสดง
ในมลู คา่ ที่ใกล้เคยี งกับความเป็นจรงิ แมว้ า่ วิธนี ี้จะต้องมกี ารประมาณจำนวนหน้ีสงสัยจะสูญขนึ้ ก็ตาม การประมาณ
อาจจะทำได้โดยอาศัยประสบการณ์ที่ผ่านมาในอดีต สภาพของตลาดในปัจจุบันและการวิเคราะห์ยอดลูกหน้ี
คา้ งชำระ
เนือ่ งจากจำนวนเงนิ ของลูกหน้ีที่คาดว่าจะเก็บไม่ไดม้ ีลกั ษณะเป็นผลเสยี หายที่อาจจะเกิดข้ึน วิธีตั้งค่าเผื่อ
จะเป็นวิธีที่เหมาะสมก็ต่อเมื่ออยู่ในสภาพการณ์ที่มีความเป็นไปได้ค่อนข้างแน่ว่าทรัพย์สินจะมีมูลค่าลดน้อยลง
และผลเสียหายนนั้ สามารถประมาณได้โดยสมเหตุสมผล
วิธกี ารประมาณหนส้ี งสัยจะสญู
วิธกี ารประมาณหนส้ี งสยั จะสูญ ที่นยิ มใช้มี 3 วิธี ดังนี้
1. คำนวณเป็นร้อยละของยอดขาย (Percentage of Sales) วิธีนี้กิจการจะต้องวิเคราะห์จาก
ประสบการณ์ที่ผา่ นมาเกยี่ วกบั จำนวนลกู หนท้ี เี่ กบ็ ไมไ่ ด้ เทยี บเป็นอตั ราส่วนกบั ยอดขาย คือ
1.1 คำนวณเปน็ ร้อยละของยอดขายรวมโดยถือว่าการขายเป็นรายการที่ก่อให้เกิดลูกหนี้และ
อตั ราส่วนของการขายสัมพนั ธก์ ับจำนวนหนที้ เี่ กบ็ ไม่ได้
1.2 คำนวณเปน็ ร้อยละของยอดขายเชือ่ โดยถือว่าการขายเช่ือสัมพนั ธโ์ ดยตรงกบั ลูกหน้ี ส่วน
การขายเงินสดไมไ่ ดก้ อ่ ให้เกดิ ลกู หนี้แต่อย่างใด
2. คำนวณเปน็ รอ้ ยละของยอดลูกหน้ี (Percentage of Outstanding Receivable)
2.1 คำนวณเป็นร้อยละของยอดลูกหนี้ โดยถือว่าอัตราส่วนของจำนวนหนี้สงสัยจะสูญ
สำหรบั ลกู หน้ีท้ังหมดจะคงที่
2.2 คำนวณโดยจดั กลมุ่ ลูกหน้จี ำแนกตามอายุของหนีท้ ี่ค้างชำระ โดยถือวา่ ลกู หนี้ท่ีค้างชำระ
นานจะมโี อกาสไมช่ ำระหน้ีมากกวา่ ลูกหนท้ี เี่ ริม่ เกดิ ข้นึ
3. คำนวณโดยพิจารณาลูกหนี้แต่ละราย และจะรวมเฉพาะรายที่คาดว่าจะเรียกเก็บไม่ได้เท่านั้น
เป็นหนี้สงสยั จะสูญ วิธีนอ้ี าจจะกระทำได้ยากในธรุ กจิ ท่ีมลี ูกหน้ีจำนวนมากราย
การตัดจำหนา่ ยหนีส้ ญู
เมื่อมีการทวงถามหนี้จากลูกหนี้จนถึงที่สุดแล้วลูกหนี้ก็ยังไม่ชำระหนี้และกิจการได้ดำเนินการตามเงื่อนไข
ที่กำหนดในกฎหมายภาษีอากรแล้ว ใหก้ ิจการตดั จำหนา่ ยลูกหน้ีเป็นหนส้ี ญู โดย
เดบิต บัญชีหนีส้ ญู XX
เครดิต บัญชลี ูกหนีก้ ารค้า XX
และในขณะเดยี วกนั กใ็ หล้ ดจำนวนคา่ เผ่ือหนี้สงสยั จะสูญดว้ ยจำนวนเดียวกัน โดย
เดบิต บัญชีคา่ เผ่ือหนีส้ งสัยจะสูญ XX
เครดติ บัญชีหนสี้ งสัยจะสูญ XX
ในกรณีที่กิจการต้องการตัดจำหน่ายลูกหนี้เป็นสูญ เมื่อคาดหมายได้ค่อนข้างแน่นอนว่าจะไม่ได้รับชำระ
หนี้ และยังตัดจำหน่ายตามกฎหมายภาษีอากรไม่ได้ อาจจะเป็นการสมควรที่จะตัดจำหน่ายลูกหนี้เป็นสูญโดยการ
ลดจำนวนลกู หนลี้ งพร้อมกับจำนวนค่าเผ่ือหนส้ี งสัยจะสูญ มีผโู้ ตแ้ ย้งวา่ ถ้าไม่อาจตัดเป็นหน้ีสูญได้อย่างแท้จริงแล้ว
ก็ไม่ควรตัดจำหน่ายจากบัญชี ควรจะให้คงอยู่ทั้งบัญชีลูกหน้ีและบัญชีค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสญู เช่นเดิม เพราะแม้จะ
คงอยู่ก็มิได้ทำให้ลูกหนี้สุทธิแสดงมูลค่าเปลี่ยนแปลงไป แต่ก็มีผู้โต้แย้งว่าถ้าหากยังคงให้มีอยู่ในบัญชี และสะสม
เป็นเวลานานจะทำใหเ้ กิดความยุ่งยากในทางปฏบิ ตั ทิ างการบัญชี เพราะมจี ำนวนมาก
ค่าเผื่อหนีส้ งสยั จะสูญเกินความต้องการ
กรณที ห่ี นีส้ งสัยจะสูญคำนวณเป็นร้อยละของยอดลูกหน้ี บางครงั้ อาจจะพบวา่ หนีส้ งสัยจะสูญท่ีคำนวณได้
น้อยกว่าจำนวนค่าเผ่ือหน้สี งสัยจะสญู ทีต่ ั้งอย่ใู นบัญชีแล้ว ท้งั นี้อาจจะเป็นเพราะจำนวนลูกหน้ีลดน้อยลงเมื่อเทียบ
กับระยะเวลาบัญชีปีก่อน หรือได้รับชำระเงินจากลกู หน้ีที่คาดวา่ จะสูญ ซึ่งเป็นจำนวนมากเมื่อเทียบกับจำนวนหนี้
สงสัยจะสูญทั้งหมดดังนั้นจึงควรปรับปรุงจำนวนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญให้คงเหลือเท่ากับจำนวนที่ประมาณได้
เพราะมิฉะนั้นแล้วจะทำให้มูลค่าของลูกหนี้แสดงไว้ต่ำไป การปรับปรุงนี้อาจกระทำได้ 2 วิธี คือให้ถือเป็นรายได้
ของกิจการ แต่มีผู้โต้แย้งว่ารายการปรับปรุงดังกล่าวไมใ่ ช่ลักษณะการเกิดของรายได้แต่เป็นเพียงการเปล่ียนแปลง
ประมาณการทางบัญชีเท่านั้น อีกวิธีหนึ่ง คือนำไปลดค่าใช้จ่ายลง ซึ่งก็มีผู้โต้แย้งเช่นกันโดยให้เหตุผล
ว่าจะทำใหก้ ารแสดงคา่ ใชจ้ ่ายจรงิ มจี ำนวนต่ำไป
ในบางรอบระยะเวลาบญั ชี กิจการอาจจะได้รบั ชำระหน้จี ากลูกหน้ีท่ีได้จำหน่ายเป็นหน้ีสูญไปแลว้ วิธกี ารบัญชีอาจ
กระทำได้โดยถือเอาเงินที่ได้รับเป็นรายได้อื่น หรือนำไปเพิ่มบัญชีค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ ผู้สนับสนุนวิธีแรกให้
เหตุผลว่า เมื่อกิจการได้จำหน่ายลูกหนี้รายใดเป็นหนี้สูญแล้วก็ถือว่า ความสัมพันธ์กับลูกหนี้รายนั้นสิ้นสุดลงและ
กระบวนการเกีย่ วเนือ่ งกับการขายและชำระเงินครบถว้ นแล้วสำหรับลูกหนี้รายนั้น หากมีการชำระเงินในภายหลัง
ถอื วา่ เป็นการไดร้ บั เงินโดยไมไ่ ดค้ าดหวังไว้ จึงควรถือเปน็ รายไดอ้ ืน่
หนี้สูญได้รบั คนื
ผสู้ นบั สนนุ วิธีที่ 2 เหน็ วา่ ถา้ หากลกู หน้ีทจี่ ำหน่ายเป็นสญู แลว้ ชำระหนี้ให้กจิ การ การลงบัญชีกลับรายการ
เดิมโดยการตั้งบัญชีลูกหนี้รายนั้นขึ้นใหม่ และเพ่ิมบัญชีค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญด้วยจำนวนเดียวกันโดยถือเสมือน
หนึ่งวา่ ไม่เคยจำหน่ายลูกหนี้นนั้ เปน็ สูญมากอ่ น และลงรายการการชำระเงินทีไ่ ด้รับนัน้ เปน็ การชำระหนีป้ กติ
กรณที ี่การตัดหน้สี ูญเปน็ ไปตามเกณฑก์ ฎหมายภาษีอากร การลงรายการหนส้ี ญู ได้รับคนื คอื
(1) เดบิตตั้งบัญชีลูกหนี้นั้นขึ้นใหม่ และเครดิตหนี้สูญได้รับคืน ซึ่งถือเป็รายได้อื่น
เดบิต บญั ชลี ูกหนกี้ ารคา้ XX
เครดิต หน้สี ญู ได้รับคืน XX
(2) ลงบญั ชีรบั เงนิ สด และเครดติ บัญชีลกู หน้ี
เดบิต บัญชเี งนิ สด XX
เครดิต ลูกหนีก้ ารคา้ XX
ในกรณที ี่การตดั หนส้ี ูญเปน็ เพียงรายการทางการบัญชี การลงรายการหนี้สูญไดร้ ับคนื คือ
(1) เดบิตตั้งบัญชีลูกหนี้ขึ้นใหม่ และเครดิตบัญชีค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ เป็นการกลับรายการที่ลงไว้ใน
ตอนตดั จำหนา่ ยบญั ชี
เดบิต บญั ชีลูกหน้ีการค้า XX
เครดติ คา่ เผ่อื หนี้สงสยั จะสญู XX
(2) ลงบญั ชีเงนิ สด และเครดิตบญั ชีลูกหนก้ี ารคา้
เดบิต บัญชีเงินสด XX
เครดิต ลกู หน้กี ารคา้ XX
วัสดุสำนักงาน (Office supplies) หรือเรียกว่า วัสดุสิ้นเปลือง (Supplies Used) หมายถึง วัสดุ
สิ้นเปลืองไปตามสภาพการใช้งาน เป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีอายุการใช้งานส่วนใหญ่ซื้อมาแล้วใช้หมดสภาพไปทันทีไม่
สามารถนำกลับมาใช้ได้อีกโดยทั่วไปอายุใช้งานมักจะไม่เกิน 1 ปี หรือเป็นของใช้เล็กๆ น้อยๆในสำนักงาน มี
ลักษณะเป็นสินทรัพย์หมุนเวียนที่ใช้แล้วหมดไป เช่น น้ำยาลบคำผิด น้ำยาลบกระดาษไขกระดาษอัดสำเนา ลวด
เย็บกระดาษ เป็นตน้
ในวันที่กิจการซื้อวัสดุสำนักงานมาใช้ กิจการจะบันทึกวัสดุสำนักงาน หรือวัสดุสิ้นเปลืองเป็นบัญชี
สินทรัพย์ทั้งจำนวน เมื่อวันสิ้นงวดบัญชีกิจการจะต้องตรวจนับวัสดุสำนักงานว่ามีจำนวนคงเหลือเท่าใดและจะ
ปรับปรงุ บัญชวี สั ดุสำนกั งานให้มยี อดคงเหลือเท่ากับจำนวนจริงท่ีตรวจนับได้และบันทึกบญั ชีวัสดุสำนักงานที่ใช้ไป
เป็นค่าใชจ้ า่ ยดังนี้
บัญชวี สั ดุสำนกั งานใช้ไป (Supplies Used) เป็นบัญชคี า่ ใช้จ่ายจะแสดงในงบกำไรขาดทุน
บัญชีวสั ดสุ ำนักงาน (Office Supplies) เปน็ สินทรัพย์หมนุ เวียนจะแสดงในงบแสดงฐานะการเงนิ
ค่าเสอื่ มราคา (Depreciation) ตามมาตรฐานการบัญชี ฉบบั ที่ 16 (ปรบั ปรงุ 2557) เรื่อง ทดี่ นิ อาคาร
และอปุ กรณ์ หมายถึง การปันส่วนจำนวนท่คี ิดคา่ เส่อื มราคาของสนิ ทรัพยอ์ ยา่ งมรี ะบบตลอดอายุการให้ประโยชน์
ของสินทรัพย์น้ัน
➢ มลู คา่ ตามบญั ชี หมายถึง มลู ค่าของสนิ ทรัพย์ที่รับรู้หลังจากหักค่าเสื่อมราคาสะสมและผล
ขาดทุนจากการด้อยค่าสะสมของสนิ ทรัพย์
➢ จำนวนทค่ี ดิ ค่าเสื่อมราคา หมายถึง ราคาของสนิ ทรัพยห์ รือมูลค่าอ่นื ทใี่ ช้แทนราคาทนุ หักด้วย
มูลค่าคงเหลือของสนิ ทรัพย์
➢ มลู ค่าเฉพาะกจิ การ หมายถงึ มูลค่าปจั จบุ ันของกระแสเงินสดซึ่งกจิ การคาดวา่ จะได้รบั จากการ
ใช้ประโยชนจ์ ากสินทรัพย์อย่างตอ่ เนื่องจากการจำหนา่ ยสนิ ทรัพยน์ ้ันเม่ือสน้ิ อายุการใหป้ ระโยชน์หรือทีค่ าดว่าจะ
เกิดเม่ือมกี ารโอนสินทรัพย์น้ันเพ่อื ชำระหน้ีสนิ
➢ มลู ค่ายุตธิ รรม หมายถึง ราคาทีจ่ ะไดร้ บั จากการขายสนิ ทรัพย์ หรือจา่ ยเพอื่ โอนหน้ีสนิ ในรายการ
ปกตริ ะหว่างผมู้ สี ว่ นรว่ มในตลาด ณ วนั ทว่ี ัดมูลคา่
➢ ทดี่ นิ อาคารและอปุ กรณ์ หมายถงึ สนิ ทรัพย์ที่มีตวั ตนซงึ่ เข้าเงอื่ นไขทุกข้อต่อไปนี้
1) กิจการมีไว้เพ่ือใชป้ ระโยชนใ์ นการผลติ ในการจำหนา่ ยสินค้าหรอื ให้บริการ เพื่อใหเ้ ชา่
หรือเพื่อใช้ในการบรหิ ารงาน
2) กจิ การคาดว่าจะใชป้ ระโยชนม์ ากกวา่ หนึ่งรอบระยะเวลาบัญชี
➢ มลู คา่ ที่คาดวา่ จะไดร้ บั คนื หมายถงึ มลู ค่ายุตธิ รรมหักต้นทุนในการขายของสนิ ทรัพย์ หรือมลู ค่า
จากการใช้ของสนิ ทรัพยน์ ั้นแล้วแต่จำนวนใดจะสูงกวา่
➢ มลู ค่าคงเหลอื หมายถงึ จำนวนเงินทก่ี ิจการคาดว่าจะไดร้ ับในปจั จบุ นั จากการจำหนา่ ยสนิ ทรพั ย์
หลงั จากหกั ตน้ ทุนท่คี าดวา่ จะเกดิ ขึน้ จากการจำหนา่ ยสินทรัพย์นั้นหากสนิ ทรัพย์นน้ั มีอายุและสภาพที่คาดวา่ จะ
เป็น ณ วันส้นิ สุดอายุการให้ประโยชน์
➢ ประเภทของที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ หมายถงึ กลมุ่ ของสินทรพั ย์ทม่ี ีลักษณะและประโยชนก์ าร
ใชง้ านทค่ี ล้ายคลงึ กันต่อการดำเนนิ งานของกิจการ ตัวอยา่ งการแบง่ ประเภทของท่ดี นิ อาคารและอุปกรณ์ ได้แก่
1. ทด่ี ิน 2. ทดี่ ินและอาคาร
3. เครอื่ งจักร 4. เรอื
5. เคร่อื งบนิ 6. ยานพาหนะ
7. เครือ่ งตกแต่งและตดิ ตัง้ 8. อปุ กรณส์ ำนักงาน
วธิ กี ารคดิ คา่ เส่ือมราคา
วิธีคิดค่าเสื่อมราคาที่ใช้ต้องสะท้อนรูปแบบของประโยชน์เชิงเศรษฐกิจ ในอนาคตที่กิจการคาดว่าจะได้รับจาก
สินทรัพย์ ดงั น้ันในการคำนวณคา่ เสอ่ื มราคาของสนิ ทรัพยแ์ ต่ละชนดิ ตอ้ งทราบข้อมูลเกยี่ วกบั
1. ราคาทนุ หมายถึง จำนวนเงินสดหรือรายการเทยี บเท่าเงนิ สดท่ีกิจการจ่ายไป หรอื มูลค่ายุติธรรม
ของสิ่งตอบแทนอื่นที่กิจการมอบให้เพื่อให้ได้มาซึ่งสินทรัพย์ ณ เวลาที่ได้สินทรัพย์น้ันมาหรือ ณ เวลาที่ก่อสร้าง
สินทรัพย์นั้น หรือในกรณีที่เกี่ยวข้อง ให้รวมถึงจำนวนที่แบ่งมาเป็นราคาทุนของสินทรัพย์ที่รับรู้เมื่อเริ่มแรก
ตามท่กี ำหนดไวใ้ นมาตรฐานการรายงานทางการเงนิ ฉบับอืน่
2. อายกุ ารให้ประโยชน์ หมายถงึ กรณีใดกรณหี น่ึงต่อไปน้ี
1) ระยะเวลาท่กี ิจการคาดว่าจะมีสินทรัพย์ไว้ใช้
2) จำนวนผลผลิตหรือจำนวนหน่วยในลักษณะอื่นที่คล้ายคลึงกันซึ่งกิจการคาดว่าจะได้รับ
จากสนิ ทรัพย์
3. มูลค่าซาก คือจำนวนเงินทีจ่ ะได้รบั จากการขายสินทรพั ย์นั้นหลังจากที่ได้ใชส้ นิ ทรพั ย์นั้นจนครบ
อายุการใช้งานตามหลังจากทไ่ี ด้ใช้สินทรัพยน์ น้ั จนครบอายุการใชง้ านตามท่ปี ระมาณไว้
กิจการต้องทบทวนวิธีการคิดค่าเสื่อมราคาของสินทรัพย์อย่างน้อยที่สุดทุกสิ้นรอบปีบัญชี หากพบว่าลักษณะ
รูปแบบของประโยชนเ์ ชิงเศรษฐกิจทีค่ าดว่าจะได้รับในอนาคตจากสินทรัพย์นัน้ เปลี่ยนแปลงไป กิจการต้องเปลี่ยน
วิธีการคิดค่าเสื่อมราคาเพื่อสะท้อนถึงลักษณะรูปแบบของประโยชน์เชิงเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป
การเปลย่ี นแปลงดงั กล่าวถือเปน็ การเปลีย่ นแปลงประมาณการทางบัญชีซง่ึ ต้องปฏบิ ัตติ ามข้อกำหนดของมาตรฐาน
การบัญชีฉบับที่ 8 (ปรับปรุง 2557) เร่ือง นโยบายการบัญชี การเปลี่ยนแปลงประมาณการทางบัญชีและ
ข้อผิดพลาด กิจการสามารถใช้วิธีการคิดค่าเสื่อมราคา ซึ่งมีหลายวิธีปันส่วนจากจำนวนที่คิดค่าเสื่อมราคาของ
สนิ ทรพั ยอ์ ยา่ งมรี ะบบตลอดอายกุ ารใหป้ ระโยชน์ของสินทรพั ย์ ซง่ึ มีหลายวธิ ี เช่น
1. วิธีเส้นตรง (Straight line Method) วิธีนี้มีผลทำให้คา่ เสือ่ มราคามีจำนวนคงที่ตลอดอายุการ
ใหป้ ระโยชน์ของสินทรพั ย์ หากมูลคา่ คงเหลอื ของสินทรพั ยน์ ั้นไม่เปลีย่ นแปลง
2. วิธียอดคงเหลือลดลง (Diminishing balance Method) วิธีนี้มีผลทำให้ค่าเสื่อมราคาลดลง
ตลอดอายกุ ารให้ประโยชน์ของสินทรพั ย์
3. วิธีจำนวนผลผลิต (Unit output Method) วิธีจำนวนผลผลิตมีผลทำให้ค่าเสื่อมราคาขึ้นอยู่
ประโยชน์ (ประโยชน์ หมายถึง วิธีการคิดค่าเสื่อมราคาที่สะท้อนรูปแบบของประโยชน์เชิงเศรษฐกิจในอนาคตที่
กิจการคาดวา่ จะได้รับจากสินทรัพย์ และกจิ การต้องทบทวนวิธกี ารคิดค่าเส่อื มราคาของสนิ ทรัพย์อยา่ งน้อยที่สุดทุก
สิ้นรอบปีบัญชี) หรือผลผลิตที่คาดว่าจะได้รับจากสินทรัพย์ในหน่วยการเรียนนี้ จะนำเฉพาะวิธีคิดค่าเสื่อมราคา
แบบเส้นตรงมาใช้เทา่ นั้น คำนวณได้ดงั น้ี
แนวคดิ
การปดิ บัญชี (Closing Entries) เปน็ การโอนบัญชที ่ีเกี่ยวขอ้ งกบั บัญชที ุนซ่งึ เป็นบัญชีชวั่ คราว ได้แก่ บัญชี
ถอนใช้ส่วนตัว/เงินถอน (หมวด 3) บัญชีรายได้ (หมวด 4) และบัญชีค่าใช้จ่าย (หมวด 5) ไปยังบัญชีทุน เพื่อหา
ยอดคงเหลอื ของบญั ชีทนุ ท่ีถูกต้อง ณ วนั ส้นิ งวดบัญชีรวมทั้งการหายอดคงเหลอื ของบญั ชีสินทรัพย์ (หมวด 1) และ
บัญชีหนี้สิน (หมวด 2) หรือการทำให้ยอดรวมของเดบิตเท่ากับยอดรวมของด้านเครดิตของแต่ละหมวดบัญชี โดย
การปดิ บัญชใี นสมดุ รายวันท่ัวไป และการปดิ บัญชแี ยกประเภททวั่ ไปจากนน้ั จึงจัดทำงบทดลองหลังปิดต่อไป
ความหมายของการปดิ บัญชี
การปิดบัญชี (Closing entries) หมายถึง วิธีปฏิบัติเพื่อโอนปิดบัญชีรายได้และค่าใช้จ่ายไปเข้าบัญชี
กำไรขาดทุน และโอนปิดบัญชีกำไรขาดทุนไปเข้าบัญชีส่วนของเจ้าของ รวมทั้งการปิดบัญชีถอนใช้ส่วนตัว (ถ้ามี)
ไปเข้าบญั ชีสว่ นของเจ้าของ (ทนุ )
โ ดยจะเป็นการทำให้ยอดรว มของด้านเดบิตเท่า กับยอดรวมของด้านเครดิตของแต่ละหมวดบัญชี
เช่น บัญชีแยกประเภทมียอดคงเหลือด้านเดบิตจะต้องบันทึกทางด้านเครดิตด้วยจำนวนเงินที่มียอดคงเหลือ
เช่น บัญชีเงินเดือน หรือบัญชีเงินสด ในทางตรงกันข้ามถ้ากิจการมียอดคงเหลือทางด้านเครดิตในบัญชี
แยกประเภท เช่น เจ้าหนี้ หรือบัญชีรายได้ค่าบริการ เมื่อเวลากิจการต้องการปิดบัญชีในแยกประเภท
ตอ้ งนำยอดเงนิ คงเหลอื ไปปิดด้านเดบิต
การบนั ทึกรายการปิดบญั ชี ปกตแิ ล้วจะกระทำเม่ือตอนสิ้นงวดหรือสิน้ รอบระยะเวลาบัญชี เชน่ 1 ปี จะทำ
การบันทึกรายการปิดบัญชีโดยการโอนยอดดุลบัญชีรายได้ และยอดดุลบัญชีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นทุกบัญชี โอนไป
บัญชีที่เปิดขึ้นใหม่ คือ บัญชีกำไรขาดทุน (Profitand Loss Account) ซึ่งเป็นบัญชีชั่วคราว เพื่อที่ทำการ
เปรียบเทียบและคำนวณหาผลกำไรขาดทนุ จากการดำเนินงานประจำงวดบัญชีนั้น เนื่องจากผลกำไรจะทำใหส้ ่วน
ของเจ้าของเพิ่มขึ้น และผลขาดทุนจะทำให้ ส่วนของเจ้าของลดลงหลังจากนั้นจึงโอนปิดบัญชีกำไรขาดทุนเข้าไป
บญั ชสี ่วนของเจา้ ของ
ข้นั ตอนการปดิ บัญชี
การปิดบัญชีจะบันทึกตามหลักการบันทึกบัญชีปกติ คือ จะทำการบันทึกในสมุดรายวันทั่วไปแล้วผ่านไป
ยงั บญั ชีแยกประเภทดังนี้
1.บนั ทกึ รายการปิดบญั ชปี ระเภทรายไดแ้ ละประเภทคา่ ใช้จา่ ยในสมดุ รายวันทวั่ ไป
2.ผา่ นรายการปิดบญั ชีในสมุดรายวันท่ัวไป ไปยังบญั ชีแยกประเภทท่ีเกยี่ วขอ้ ง การปดิ บญั ชี มขี ้นั ตอนดังนี้
ในการปดิ บัญชีของกจิ การจะกระทำในวนั สิน้ งวดบญั ชีสามารถปิดบญั ชตี ามขัน้ ตอนดังน้ี
ข้ันตอนที่ บันทกึ รายการปิดบัญชีในสมุดรายวันท่ัวไป
1.1 บันทึกรายการปิดบัญชีในหมวดรายได้เข้าบัญชีกำไรขาดทนุ
1.2 บนั ทกึ รายการปิดบญั ชใี นหมวดค่าใชจ้ า่ ยเขา้ บญั ชกี ำไรขาดทุน
1.3 บันทกึ รายการปดิ บัญชกี ำไรขาดทุนเขา้ บัญชสี ว่ นของเจา้ ของ (ทุน)
1.4 บันทึกรายการปดิ บญั ชีถอนใชส้ ว่ นตัวหรอื เงินถอนเข้าบัญชที ุน
ขัน้ ตอนที่ ผา่ นรายการปดิ บญั ชีจากสมดุ รายวันทั่วไปไปยงั สมุดแยกประเภทท่ัวไป
ขนั้ ตอนท่ี การปดิ บญั ชสี นิ ทรพั ย์ หนส้ี ิน และส่วนของเจา้ ของในสมดุ บญั ชแี ยกประเภทท่ัวไป
ขนั้ ตอนที่ การจดั ทำงบทดลองหลงั การปดิ บญั ชี
การปดิ บญั ชใี นสมดุ รายวนั ทัว่ ไป
การบันทกึ รายการปิดบญั ชใี นสมุดรายวันทว่ั ไป มีขัน้ ตอนปฏิบตั ิ ดงั น้ี
1.การปิดบัญชีในหมวดรายได้เข้าไปบัญชีกำไรขาดทุน ปกติบัญชีรายได้จะมียอดดุลทางด้านเครดิต
เม่อื บนั ทึกปดิ บัญชีกจ็ ะบนั ทึกในดา้ นตรงกันข้ามคือด้านเดบิต เมื่อบัญชรี ายไดถ้ กู โอนไปบญั ชีกำไรขาดทุนแลว้ ยอด
ดุลหรือยอดคงเหลือของบัญชีรายได้จะหมดไปหรือคงเหลือเป็นศูนย์ โดยจะเดบิตรายได้ และเครดิตกำไร
ขาดทุน (หรือสรุปผลกำไรขาดทุน)
2.การปดิ บัญชใี นหมวดคา่ ใชจ้ า่ ยไปเขา้ บญั ชีกำไรขาดทุน ปกติบญั ชคี ่าใช้จา่ ยจะมียอดดุลทางด้านเดบิต
เมือ่ บันทกึ ปิดบัญชกี ็จะบนั ทึกในด้านตรงกันขา้ มคือดา้ นเครดิตเช่นเดยี วกันเมื่อบัญชีคา่ ใช้จา่ ยแต่ละบัญชีถูกโอนไป
บัญชีกำไรขาดทุนแล้ว ยอดดุลหรือยอดคงเหลือของบัญชีค่าใช้จ่ายแต่ละบัญชีจะหมดไปหรือคงเหลือเป็นศูนย์
โดยจะเดบิตกำไรขาดทนุ (หรอื สรุปผลกำไรขาดทนุ ) และเครดติ คา่ ใชจ้ ่าย
3.การปิดบัญชีกำไรขาดทุนไปเข้าบัญชีส่วนของเจ้าของ (ทุน) เมื่อโอนปิดบัญชีรายได้และบัญชี
ค่าใช้จ่ายเข้าบัญชีกำไรขาดทนุ แล้ว ให้ทำการเปรียบเทียบหาผลตา่ งระหวา่ งด้านเดบิตกับด้านเครดิตในบัญชีกำไร
ขาดทนุ ถา้ ด้านเครดติ (รายได้) สูงกว่าดา้ นเดบติ (คา่ ใชจ้ า่ ย) แสดงวา่ มผี ลกำไรเกิดข้ึน แต่ถ้าด้านเดบิต (ค่าใช้จ่าย)
สูงกว่าด้านเครดิต (รายได)้ ก็แสดงว่ามผี ลขาดทนุ จากการดำเนินงาน การบนั ทกึ บัญชีจะเป็นดงั นี้
3.1 ถ้ายอดรวมด้านเดบิตของบัญชีกำไรขาดทนุ มากกวา่ ยอดรวมด้านเครดิตผลต่างของยอด
รวมทั้งสองคือขาดทุนสุทธิ ซึ่งทำให้ส่วนของเจ้าของ (ทุน) ลดลง โดยจะเดบิตบัญชีทุน เจ้าของกิจการและเครดิต
บญั ชีกำไรขาดทุน เท่ากับจำนวนผลขาดทนุ สทุ ธนิ ั้น
3.2 ถ้ายอดรวมด้านเครดิตของบัญชีกำไรขาดทุนมากกวา่ ยอดรวมด้านเดบิตผลต่างของยอด
รวมทั้งสองคือกำไรสุทธิ ซ่ึงทำใหส้ ว่ นของเจา้ ของ (ทุน) เพิ่มขึ้น โดยจะเดบิตบัญชกี ำไรขาดทุน และเครดิตบัญชีทุน
เจา้ ของกจิ การเทา่ กับจำนวนผลกำไรสุทธินั้น
4.การปิดบัญชีถอนใช้ส่วนตัวไปเข้าบัญชีทุน บัญชีถอนใช้ส่วนตัวซึ่งมียอดดุลเดบิต จะโอนปิดบัญชี
โดยเดบิตบัญชีทุนเจา้ ของกิจการ และเครดติ บญั ชีถอนใช้สว่ นตวั เนื่องจากบญั ชถี อนใช้สว่ นตวั ทำให้ทุนของกิจการ
ลดลง
หมายเหตุ
บญั ชกี ำไรขาดทุน เรียกอีกอยา่ งหนึง่ ว่า “บัญชสี รุปผลกำไรขาดทุน”
การผ่านรายการปิดบญั ชจี ากสมุดรายทั่วไปไปสมดุ บัญชีแยกประเภท
เมื่อปิดบัญชีในสมุดรายวันทั่วไปแล้ว ก็จะผ่านรายการไปบัญชีแยกประเภทที่เกี่ยวข้องรวมทั้งอ้างอิงเลข
ที่บัญชีด้วย ได้แก่ บัญชีแยกประเภทรายได้ ค่าใช้จ่าย กำไรขาดทุน และถอนใช้ส่วนตัว เป็นต้นซึ่งจะมีผลทำให้
บัญชเี หล่าน้ันถูกปดิ ไปในทส่ี ุด ซึ่งเรียกบัญชีแยกประเภทเหล่านวี้ ่าบัญชีในนาม (Nominal accounts)
การปดิ บญั ชีแยกประเภททัว่ ไป แบ่งเปน็ 2 ขนั้ ตอน ได้แก่
ขน้ั ตอนท่ี 1 การผา่ นรายการปิดบญั ชจี ากสมุดรายวันท่วั ไป ไปบัญชแี ยกประเภททวั่ ไป
ขั้นตอนท่ี 2 การหายอดคงเหลือ (Balancing) ของบัญชีที่มียอดคงเหลืออยู่จะมีเพียง 3 หมวดเท่านั้น คือ หมวด
สินทรัพย์ หน้ีสิน และสว่ นของเจ้าของบญั ชีแยกประเภทจะเหลือเฉพาะบัญชสี นิ ทรัพย์ หนีส้ ินและส่วนของเจ้าของ
ซง่ึ บัญชแี ท้ (Real accounts) โดยจะหายอดคงเหลอื ของบัญชีเหลา่ นี้เพือ่ นำไปจดั ทำงบแสดงฐานะการเงิน
การหายอดคงเหลือยกไป (Balancing the account) เพื่อนำยอดคงเหลือในงวดบัญชีปัจจุบันยกไปบันทึกในงวด
บญั ชหี น้า จงึ ตอ้ งคำนวณหายอดดุลหรอื ยอดคงเหลือของแต่ละบัญชใี นบญั ชแี ยกประเภทแล้วบันทกึ ในชอ่ งรายการ
ว่า “ยอดยกไป” และใส่จำนวนยอดคงเหลอื ในชอ่ งจำนวนเงิน เมื่อเริ่มรอบระยะเวลาบัญชีใหมก่ ็จะบันทึกรายการ
เปิดบัญชีโดยบันทึกในช่องรายการว่า “ยอดยกมา” และใส่จำนวนเงินในช่องจำนวนเงินซึ่งจะเท่ากับ
“ยอดยกไป” แต่จะบันทึกคนละด้านกับยอดยกไปและทำเครื่องหมาย (Check Mark) ในช่องหน้าบัญชี
ของรายการยอดยกไปและยอดยกมาเป็นการอ้างอิงโดยหายอดคงเหลือยกไปและยกมาในงวดบัญชีใหม่
หรือปดิ ให้หมดไปถ้าบญั ชนี ้ันไมม่ ยี อดคงเหลอื เลย
การจดั ทำงบทดลองหลงั การปิดบญั ชี
งบทดลองหลังปิดบัญชี (After-closing trial balance) คือ งบทดลองที่จัดทำขึ้นหลังจากปิดบัญชีเมื่อสิ้นงวด
บัญชีแล้ว บัญชีที่แสดงในงบทดลองจะประกอบด้วยบัญชีแท้ (Real accounts) ได้แก่ บัญชีสินทรัพย์ หนี้สินและ
ส่วนของเจา้ ของเทา่ นน้ั โดยยอดเดบิตตอ้ งเทา่ กบั ยอดเครดติ เสมอการทำงบทดลองหลังปดิ บญั ชีมวี ิธีการ ดงั น้ี
1.เขยี นหวั งบทดลอง
2.เขยี นชือ่ บัญชลี งในช่องช่ือบัญชีโดยเรยี งตามผงั บญั ชีและเขียนเฉพาะบญั ชที ม่ี ยี อดคงเหลอื
3.เขียนเลขที่บัญชีลงในช่องเลขท่บี ญั ชี
4.เขียนจำนวนเงินลงในช่องเดบิตหรือเครดิตแล้วแต่ลักษณะของบัญชี โดยดูยอดคงเหลือในบัญชีแยก
ประเภททัว่ ไปตรงยอดยกไปหรือยอดยกมา
5.รวมยอดทงั้ 2 ชอ่ ง ซึง่ จะไดเ้ ทา่ กัน
การจัดทำงบทดลองหลังจากปิดบัญชี จะนำยอดคงเหลือของบัญชีแยกประเภทหมวดสินทรัพย์
หนี้สิน และส่วนของเจ้าของมาจัดทำงบทดลองหลังปิดบัญชีเพื่อพิสูจน์ความถูกต้องของการบันทึกรายการทาง
บัญชีอีกครั้งหนึ่ง ยอดคงเหลือของบัญชีที่ปรากฏในงบทดลองหลังปิดบัญชีก็คือ ยอดคงเหลือที่จะยกไปเริ่มต้น
ในงวดบัญชใี หมต่ ่อไป
การสรปุ วงจรบัญชี
วงจรบัญชี (Accounting Cycle) หมายถงึ ลำดบั ขั้นตอนทางบัญชีในการจดบันทกึ รายการคา้ ทีเ่ กดิ ขึ้นลงในสมุด
บัญชีต่างๆ จนถงึ การตรวจสอบความถูกต้องในการจดบนั ทึกบญั ชีการปดิ บัญชตี ลอดจนการจัดทำรายงานเกี่ยวกับ
ผลการดำเนินงานและฐานะการเงนิ ของกิจการ
วงจรบัญชีของกจิ การแบ่งเปน็ 2 ลักษณะ คอื กิจการท่ไี ม่ใชก้ ระดาษทำการโดยในลักษณะน้ีก็จะไม่ต้อง
จัดทำกระดาษทำการ และกจิ การท่ีใชก้ ระดาษทำการ
วงจรบัญชี เปน็ ขั้นตอนทั้งหมดในการทำบัญชี ซ่ึงประกอบด้วย
1.การวิเคราะห์รายการค้า (Transaction Analysis) เป็นขั้นตอนแรกและสำคัญมากของวงจรบัญชี
คือ เป็นการวิเคราะห์รายการค้าที่เกิดขึ้นในกิจการว่ารายการค้าที่เกิดขึ้นส่งผลให้สินทรัพย์ หนี้สิน และส่วนของ
เจา้ ของของกจิ การเปลย่ี นแปลงอยา่ งไร
2.บันทึกรายการลงในสมุดรายวันทั่วไป (General Journal) เมื่อวิเคราะห์รายการค้าได้แล้วว่า
รายการค้าที่เกิดขึ้นนั้นทำให้สินทรัพย์ หนี้สิน และส่วนของเจ้าของเปลี่ยนแปลงอย่างไรแล้ว จากนั้นจึงนำผลการ
วิเคราะหร์ ายการคา้ มาบนั ทกึ ลงในสมดุ รายวันทั่วไป
3.ผ่านรายการ (Posting) จากสมุดรายวันทั่วไปไปสมุดบัญชีแยกประเภท (Ledger) เป็นการนำ
รายการค้าทบี่ นั ทึกไว้ในสมุดรายวนั ไป แลว้ จดั บัญชใี ห้เป็นหมวดหม่ใู นสมดุ บญั ชแี ยกประเภทตา่ งๆ
4.จัดทำงบทดลอง (Trial Balance) โดยหายอดคงเหลือในบัญชีแยกประเภทแต่ละบญั ชี
5.การปรับปรุงบัญชีในวันสิ้นงวด (Adjusting Entries) เมื่อถึงวันสิ้นงวดบัญชีของกิจการ หากมี
รายการค้าใดที่ได้บันทึกและผ่านรายการแล้วยังไม่ถูกต้อง จะต้องมาทำการปรับปรุงรายการ โดยบันทึกรายการ
ปรับปรุงลงในสมุดรายวันเหมือนรายการค้าที่เกิดขึ้นใหม่แล้วผ่านรายการปรับปรุงไปยังสมุดบัญชีแยกประเภท
เหมือนเดิม
6.จัดทำกระดาษทำการ (Worksheet) ประกอบด้วย งบทดลอง งบกำไรขาดทุน และงบแสดงฐานะ
การเงิน (กจิ การท่ไี มใ่ ชก้ ระดาษทำการกจ็ ะไม่มีข้ันตอนน้ี)
7.จัดทำงบการเงิน (Financial Statement) หลังจากจัดทำกระดาษทำการแล้ว จะต้องนำยอด
คงเหลอื ที่ถูกตอ้ งของบัญชีต่างๆ มาจัดทำงบการเงิน ได้แก่ งบกำไรขาดทุนและงบแสดงฐานะการเงิน
8.การปรับปรุงบัญชี (Adjusting Entry) โดยบันทึกรายการปรับปรุงบัญชีในสมุดรายวันทั่วไป
และผา่ นรายการไปบญั ชแี ยกประเภท
9.การปิดบัญชี (Closing Entries) หลังจากปรับปรุงรายการ และจัดทำงบการเงินเสร็จแล้ว ก็จะ
ปิดบัญชีต่างๆ ที่ต้องปิดในแต่ละงวดบัญชีในสมุดรายวันทั่วไป และผ่านรายการไปยังสมุดบัญชีแยกประเภท
ทเี่ กย่ี วข้อง สำหรบั บญั ชีทไี่ มไ่ ดป้ ดิ กจ็ ะทำการยกยอดบญั ชนี ัน้ ไปในงวดบัญชใี หมต่ ่อไป
10.จดั ทำงบทดลองหลังปิดบัญชี (After-closing trial balance) โดยหายอดคงเหลือยกไปของ
บญั ชีสินทรัพย์ หนส้ี นิ และส่วนของเจ้าของ