บทพากย์เอราวัณ จัดทำ โดย นางสาวบุษญาภรณ์ ทองปาน
บทพากย์เอราวัณเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงละครใน เรื่องรามเกียรติ์ พระราชนิพนธ์โดย พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2) แสดงให้เห็นความลุ่มหลงในโทษของ รูป รส กลิ่น เสียง อันจะนำ มาซึ่งความประมาท
บทพากย์เอราวัณเป็นบทบรรยายเหตุการณ์ ขณะที่พระลักษมณ์ และไพร่พลวานร มัวแต่ เพ่งดูเทวดาอย่างเพลิดเพลิน ทำ ให้ถูกอินทรชิต แผลงศรใส่ เหตุนี้เกิดจากการลุ่มหลงในรูป รส กลิ่น เสียง นำ มาซึ่งความประมาท บทพากย์ เอราวัณนี้บรรยายถึงความยิ่งใหญ่ของกระบวน ทัพของอินทรชิตซึ่งแปลงตัวเป็นพระอินทร์ ช้าง เอราวัณ และเหล่าเทวดา
บทพากย์เอราวัณ แต่งด้วยกาพย์ฉบัง 16 ลักษณะคำ ประพันธ์ หนึ่งบท มี 3 วรรค แต่ละวรรคมี 6 คำ วรรคสอง 4 คำ และ วรรคสาม 6 คำ มีสัมผัสบังคับ 1 แห่ง ที่คำ สุดท้ายของวรรคแรก และคำ สุดท้ายของวรรคที่สอง และมีสัมผัสระหว่างบทอยู่ที่คำ สุดท้ายของบทแรกกับคำ สุดท้ายของวรรคแรกของบทต่อไป ลักษณะคำ ประพันธ์
อินทรชิตบิดเบือนกายิน เหมือนองค์อมรินทร์ ช้างนิมิตฤทธิแรงแข็งขัน เผือกผ่องผิวพรรณ สามสิบสามเศียรโสภา เศียรหนึ่งเจ็ดงา ทรงคชเอราวัณ สีสังข์สะอาดโอฬาร์ ดั่งเพชรรัตน์รูจี
งาหนึ่งเจ็ดโบกขรณี สระหนึ่งย่อมมี กอหนึ่งเจ็ดดอกดวงมาลย์ ดอกหนึ่งแบ่งบาน กลีบหนึ่งมีเทพธิดา เจ็ดองค์โสภา เจ็ดกออุบลบันดาล มีกลีบได้เจ็ดกลีบผกา แน่งน้อยลำ เพานงพาล
นางหนึ่งย่อมมีบริวาร อีกเจ็ดเยาวมาลย์ จับระบำ รำ ร่ายส่ายหา ชำ เลืองหางตา มีวิมานแก้วงามบวร ทุกเกศกุญชร ล้วนรูปนิรมิตมายา ทำ ทีดังเทพอัปสร ดังเวไชยันต์อมรินทร์
เครื่องประดับเก้าแก้วโกมิน ซองหางกระวิน ตาข่ายเพชรรัตน์ร้อยกรอง ผ้าทิพย์ปกตระพอง โลทันสารถีขุนมาร เป็นเทพบุตรควาญ สร้อยสายชนักถักทอง ห้อยพู่ทุกหูคชสาร ขับท้ายที่นั่งช้างทรง
บรรดาโยธาจัตุรงค์ เปลี่ยนแปลงกายคง ทัพหน้าอารักขไพรสัณฑ์ ทัพหลังสุบรรณ ปีกซ้ายฤาษิตวิทยา คนธรรพ์ปีกขวา เป็นเทพไทเทวัญ กินนรนาคนาคา ตั้งตามตำ รับทัพชัย
ล้วนถืออาวุธเกรียงไกร โตมรศรชัย ลอยฟ้ามาในเวหน รีบเร่งรี้พล พระขรรค์คทาถ้วนตน มาถึงสมรภูมิชัย ฯ
วิเคราะห์คุณค่าของวรรณคดี เรื่อง บทพากย์เอราวัณ
คุณค่าด้านเนื้อหา
คุณค่าด้านเนื้อหา สาระสำ คัญที่ปรากฏคือ “ ความประมาทเพราะ ลุ่มหลงเป็นเหตุให้เกิดความสูญเสียและพ่ายแพ้” ดังที่ปรากฏ ในเรื่อง เหตุที่พระลักษมณ์ต้องศรพรหมาสตร์เพราะหลงมอง ความงามของขบวนทัพพระอินทร์ ทั้งที่สุครีพได้กล่าวเตือนแต่ เพราะประมาทจึงต้องพ่ายแพ้ในศึกครั้งนี้
คุณค่าด้านวรรณศิลป์
สัมผัสสระ เช่น กลวิธีการประพันธ์ ได้แก่ ผึ้งภู่หมู่ค มู่ ณาเหมหงส์ ร่อนราถาลง แทรกไซ้ในสร้อยสุมาลี
สัมผัสอักษร เช่น เดือนดาวดับเศร้าแสงใส สร่างแสงอโณทัย ก็ผ่านพยับเรืองรอง
การใช้ภาพพจน์
อุปมา เช่น มีวิมานแก้วงามบวร ทุกเกศกุญชร ดังเวไชยันต์อัมรินทร์
อติพจน์ เช่น เสียงพลโห่ร้องเอาชัย เลื่อนลั่นสนั่นใน พิภพเพียงทำ ลาย
บุคคลวัต เช่น สัตภัณฑ์บรรพตทั้งหลาย อ่อนเอียงเพียงปลาย ประนอมประนมชมชัย
คุณค่าด้านสังคม
(๑) อาวุธในการทำ สงคราม อาวุธในการทำ สงครามที่ปรากฏในบทพากย์เอราวัณ ส่วนใหญ่เป็นอาวุธของฝ่ายทัพอินทรชิต เช่น โตมร (หอกด้ามสั้น) ศร พระขรรค์ คทา ดังคำ ประพันธ์ที่ว่า ล้วนถืออาวุธเกรียงไกร โตมรศรชัย พระขรรค์คทาถ้วนตน
(๒) ช้างเอราวัณ บทพากย์เอราวัณกล่าวถึงลักษณะของช้างเอราวัณที่อินทรชิต ได้สร้างขึ้น ซึ่งสารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคกลาง เล่มที่ ๑๕ กล่าวถึงช้าง เอราวัณว่า คือ ช้างของพระอินทร์อยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ บางทีเรียกว่า ไอยรา หรือ ไอยราพรต ในไตรภูมิ พระร่วงบรรยายว่าช้างนี้ไม่ใช่สัตว์เดรัจฉาน เพราะ ในเมืองสวรรค์มีแต่เทวดา ดังนั้น เมื่อพระอินทร์จะไปที่ใดและปรารถนาจะขี่ช้าง เทวดาองค์หนึ่งชื่อ “ไอราวัณเทพบุตร” ก็จะนิมิตกายเป็นช้างเผือกขนาดใหญ่ ซึ่งก็คือช้างเอราวัณนั่นเอง
(๓) สัตว์ป่าในหิมพานต์ เมื่อกล่าวถึงการเคลื่อนทัพของพระราม กวีได้พรรณนาความถึงแสนยานุภาพที่ยิ่งใหญ่ แม้แต่สัตว์ต่างๆ ใน ป่าหิมพานต์ก็ตื่นตกใจในอำ นาจของกองทัพสัตว์ที่กล่าวถึง เช่น ลูก ครุฑที่อาศัยอยู่ในรัง ไม้งิ้ว และนกหัสดีลิงค์
(๔) ฤๅษีและอมนุษย์ บทพากย์เอราวัณได้กล่าวถึงเหล่าบริวารของ อินทรชิตที่แปลงกายเป็นฤาษีและอมนุษย์ต่างๆ ได้แก่ - วิทยาธร มีลักษณะเป็นครึ่งคนครึ่งเทพ สามารถเหาะเหินเดิน อากาศได้ มีพระขรรค์วิเศษประจำ ตน ชอบนำ นารีผลซึ่งเป็นผลของ ต้นไม้ในป่าหิมพานต์มาสมสู่
- กินนร มีลักษณะครึ่งคนครึ่งนก หากเป็นหญิงจะเรียกว่า “ กินรี” กล่าวกันว่ากินนรหรือกินรีอาศัยอยู่บริเวณเขาไกรลาส และ มีสระอโนดาตไว้สำ หรับอาบน้ำ