The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คู่มือการนิเทศภายใน.doc

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by p-thienchai, 2022-03-08 03:36:53

คู่มือการนิเทศภายใน.doc

คู่มือการนิเทศภายใน.doc

2

คำนำ

คมู่ อื การนเิ ทศภายในโรงเรียนบา้ นหนองบัวน้อย สานักงานเขตพนื้ ท่กี ารศึกษาประถมศึกษา
สุรินทร์ เขต 2 จัดทาข้นึ เพอ่ื ใช้ในการดาเนินการนเิ ทศภายในโรงเรียน โดยไดด้ าเนนิ การนิเทศภายใน
ตามกระบวนการ 5 ขั้น และได้จัดกิจกรรมการนิเทศภายใน คือ กิจกรรมการเยย่ี ม ช้นั เรียน กิจกรรม
การใหค้ าปรึกษาแนะนา และกจิ กรรมการใหศ้ ึกษาเอกสารทางวิชาการ ท้งั น้โี รงเรยี นบ้านหนองบัวน้อย
ได้เหน็ ความสาคัญของการนเิ ทศภายในต่อการพฒั นาคุณภาพการศึกษาเพื่อพัฒนาคณุ ภาพผเู้ รยี น

การนเิ ทศภายในมจี ดุ ม่งุ หมายเพือ่ พฒั นาครูและบคุ ลากรทางการศึกษาในโรงเรยี นให้มคี วาม
รทู้ ันต่อการเปลย่ี นแปลงตา่ ง ๆ ใชท้ ักษะและมีเจตคติท่ดี ีต่อการปฏบิ ตั งิ าน อีกท้ังยังเป็นการสรา้ งขวญั
กาลังใจ สรา้ งความม่นั ใจในการปฏิบตั งิ านให้แก่ครูและบุคลากรทางการศกึ ษาในโรงเรยี น ซ่งึ จะส่งผล
โดยตรงตอ่ การพฒั นาการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนและคุณภาพของนักเรียนตามมาตรฐานที่
สถานศกึ ษาได้กาหนดไว้

หวังเปน็ อย่างย่งิ วา่ คู่มือการนิเทศภายในโรงเรียนบ้านหนองบัวนอ้ ย จะเปน็ ประโยชน์ในการ
นาไปใชป้ ระกอบการนเิ ทศภายในของโรงเรยี น ได้เป็นอย่างดี เพอ่ื พัฒนาคุณภาพการศึกษา ใหเ้ ปน็ ไป
ตามเปา้ หมายทก่ี าหนดไว้และเป็นประโยชนแ์ ก่ผู้ทสี่ นใจ

เทยี นชัย เทยี มทอง
ผู้อานวยการโรงเรียนบา้ นหนองบัวนอ้ ย

3

สำรบัญ

บทท่ี หน้ำ

1 บทนา ……......................................................................................................................... 4

2 การนิเทศภายในโรงเรียน ..................................................................................................... 7

3 แนวทางดาเนนิ การนิเทศภายในตามกระบวนการ 5 ขน้ั ตอน .................................. 9

4 แนวทางการดาเนินการกิจกรรมนิเทศภายใน …… ........................................................... 36

แนวทางดาเนินการนิเทศภายใน กิจกรรมเยีย่ มชั้นเรียน ................................................ 36

แนวทางดาเนินการนิเทศภายใน กิจกรรมใหค้ าปรึกษาแนะนา .................................... 39

แนวทางดาเนนิ การนเิ ทศภายใน กิจกรรมศึกษาเอกสารทางวิชาการ ............................ 42

บรรณานกุ รม ...................................................................................................................... 45

4

บทที่ 1
บทนำ

ควำมสำคัญและควำมเปน็ มำของปัญหำ
พระราชบัญญตั ิการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 และทแ่ี ก้ไขเพิม่ เติม (ฉบบั ที่ 2)

พ.ศ. 2545 เห็นความสาคญั ของการจัดการศึกษา จงึ กาหนดไว้ใน หมวด 4 มาตราท่ี 22–30 ในส่วนที่
เกีย่ วกับการบริหารจัดการกาหนดไว้ใน หมวดที่ 5 มาตราที่ 31 – 40 และการนิเทศภายในโดยเฉพาะ
นั้นมกี าหนดไว้ในกฎกระทรวงว่าด้วยระบบ หลักเกณฑ์และวิธีการประกันคุณภาพภายในสถานศกึ ษา
พ.ศ. 2542 ซ่ึงกาหนด การกากับ ติดตาม การจดั การศึกษาของผบู้ รหิ ารไวอ้ ยา่ งชดั เจน นอกจากน้ี
เกณฑ์การประเมินคุณภาพภายนอก ของสานักงานรบั รองมาตรฐานและประกนั คุณภาพการศึกษา
(สมศ.) ยงั ได้กาหนดให้มีการนิเทศภายในเป็นสว่ นหนงึ่ ของเกณฑ์การประเมินด้วย เพื่อให้ผบู้ รหิ าร
สถานศกึ ษา ได้ตระหนกั เห็นความสาคัญและนาไป ปฏบิ ตั ิในโรงเรยี นให้มีประสิทธภิ าพและไดผ้ ลอยา่ ง
เป็นรปู ธรรม

การนเิ ทศการศึกษา นับวา่ มีบทบาทสาคัญตอ่ การพัฒนาครูให้สามารถจดั กจิ กรรมและ
กระบวนการเรยี นรู้ ให้บรรลุผลตามจุดหมายของหลกั สตู รได้ แตใ่ นสภาพปัจจบุ นั มีข้อจากดั หลาย
ประการที่ทาให้ไม่สามารถปฏิบัติการนเิ ทศการศกึ ษาได้ครบถ้วน เน่อื งจากขาดปจั จยั สนับสนนุ
หลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องพาหนะในการเดินทางไปนิเทศเพราะว่าพนักงานขับรถมไี มเ่ พียงพอ
กอปรกบั ทกุ กลุม่ ในสานักงาน มีความจาเปน็ จะต้องออกไปนเิ ทศบคุ ลากรในสถานศกึ ษาเชน่ เดียวกนั
จงึ ทาใหไ้ ม่สะดวกในการปฏบิ ัติงานการนเิ ทศ นอกจากน้ีในสภาพปัจจุบันสถานศกึ ษาบางแหง่ มบี คุ ลากร
สว่ นหนึ่งทม่ี คี วามรูค้ วามสามารถในการจัดการเรียนรูไ้ ด้เป็นอยา่ งดี รวมทง้ั เปน็ ผูร้ ้แู ละเขา้ ใจสภาพ
ปัจจุบนั ปัญหาและความตอ้ งการของสถานศึกษาและชุมชน และมีความใกล้ชิดครู รู้จดุ เดน่ จดุ ด้อยได้
ดีกวา่ ดงั นนั้ ระบบการนเิ ทศการศกึ ษาท่ีเหมาะสมและควรนามาใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชนส์ งู สุดในสภาพการณ์
เชน่ นี้ ก็คือการนเิ ทศภายในโรงเรียน ดว้ ยเหตุผล คือ สามารถดาเนนิ การได้อยา่ งต่อเน่อื ง ซง่ึ วิไลรัตน์
บุญสวัสด์(ิ 2530) ไดใ้ ห้ความคิดเห็นเกี่ยวกบั การนิเทศภายในโรงเรียนไวว้ ่า “การจดั การนิเทศภายใน
โรงเรียนนา่ จะมีความสาคญั มากกว่า เพราะผู้ท่ีทาหนา้ ที่นิเทศเป็นผู้ที่อย่ใู นสถานศึกษาอย่แู ลว้ และมี
ความใกลช้ ิดกบั ครูและนักเรยี นมากกวา่ ผู้อื่น ยอ่ มมองเหน็ ปัญหาและลู่ทางทจ่ี ะทาการนิเทศให้ได้ผลดี
ท่ีสุด” สานกั งานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ( 2534 ) ได้แสดงความคิดเหน็ ไวว้ ่า ครูผู้สอน
ส่วนใหญย่ งั มีปัญหาในการปฏิบัตหิ น้าท่ีโดยเฉพาะอยา่ งย่งิ การจดั การเรียนการสอน ซึ่งเป็นหนา้ ทขี่ อง
ผบู้ ริหารสถานศกึ ษา จะต้องหาวธิ ีแก้ไขปรับปรงุ และพฒั นา ใหค้ รูมคี วามรู้ความสามารถในการปฏบิ ตั ิ
หน้าทีอ่ ยา่ งมีประสิทธภิ าพ จากข้อคดิ เหน็ ข้างต้นสรปุ ไดว้ า่ วิธีการทจี่ ะช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวกค็ อื
กำรนิเทศภำยในโรงเรยี น ในส่วนของศึกษานิเทศก์จะเปน็ เพียงผนู้ ิเทศ ติดตามการดาเนินงานของ
ผบู้ ริหารและคณะกรรมการนิเทศของสถานศกึ ษา โดยให้ความชว่ ยเหลอื ทางดา้ นวชิ าการท่สี ถานศกึ ษา
ขอความร่วมมอื อยา่ งเต็มความสามารถต่อไป

งานนเิ ทศภายในโรงเรยี น มีความสาคัญและจาเป็นอย่างยงิ่ ต่อการจัดการเรียนร้แู ละ
การพฒั นาคุณภาพการศึกษาใหบ้ รรลุตามเป้าหมาย ซ่งึ เปน็ หน้าทขี่ องผู้บริหารสถานศึกษาและบุคลากร
ทุกฝ่าย ในสถานศึกษาจะต้องร่วมมอื รว่ มใจกันดาเนนิ การพัฒนางานทกุ ด้านในสถานศกึ ษา สานกั งาน
เขตพนื้ ทีก่ ารศึกษา ในฐานะหนว่ ยงานหลกั ในการรับผดิ ชอบการจัดการศกึ ษาจะต้องให้ความสาคญั ของ

5

การนเิ ทศภายในโรงเรยี น โดยกาหนดไว้ในมาตรฐานของสานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษา เพื่อให้
สถานศกึ ษาได้ใช้เป็นแนวทางในการกาหนดมาตรฐานของสถานศึกษาให้ร้อยรัดกนั ทาให้เกิดผลใน
ทางการปฏิบตั ิท่ชี ัดเจนข้ึน แต่การดาเนินงานท่ผี า่ นมา ยังประสบปญั หาและอุปสรรคต่าง ๆ อีกมาก
ซง่ึ สนุ ทร ไคลมี (2528) ได้ทาการวิจยั เกย่ี วกับการนิเทศภายในโรงเรยี นพบวา่ “ปัญหาส่วนใหญท่ ี่พบใน
สถานศึกษาได้แก่ ขาดแคลนวิทยากรและแหลง่ วิทยาการท่ีจะให้ความรู้แก่ครูเพื่อใชใ้ นการจัดนิเทศ
ภายในโรงเรยี น” และงานวิจยั ของ สุชาติ ศรสี ุวรรณ (2528) ทไ่ี ด้ศึกษาพบว่า “โรงเรียนประสบ
ปัญหาเกีย่ วกับการได้รับการส่งเสรมิ สนับสนุน จากหนว่ ยงานต้นสงั กดั นอ้ ยไมเ่ พียงพอ” นน่ั แสดงให้
เห็นวา่ สถานศึกษายังคงต้องการความช่วยเหลือและสนับสนนุ เกีย่ วกับการนิเทศภายในจากหนว่ ยงาน
ตน้ สังกดั อีกมาก นอกจากนี้ สมเกยี รติ รัตนวิฑรู ย์ (2530) ไดศ้ ึกษาการจดั งานวิชาการภายในโรงเรยี น
ประถมศกึ ษา สังกดั สานักงานการประถมศึกษาจังหวดั น่าน พบวา่ “งานนิเทศภายในโรงเรยี น
สถานศึกษาส่วนใหญ่มีปญั หาเกี่ยวกับบุคลากรขาดความรคู้ วามเข้าใจในการจดั การนิเทศภายในโรงเรยี น
และขาดบุคลากรทีท่ าหน้าทน่ี ิเทศ” ตลอดจนได้สารวจสภาพปจั จุบนั ปัญหาและความต้องการ พบวา่
“ในสว่ นของการพัฒนาบคุ ลากรยงั ไม่เพยี งพอกับสภาพปัญหาและความจาเป็น” ซงึ่ สอดคลอ้ งกับ
ขอ้ ค้นพบของสานักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ (2534) ท่สี รปุ ไวว้ า่ “โรงเรียนขาด
บุคลากร ทมี่ ีความรู้ความสามารถในการนิเทศภายในโรงเรียนและขาดทกั ษะในการจัดการนิเทศ”

จากข้อมูลการประเมินคณุ ภาพภายนอก และจากรายงานผลการประเมินผูบ้ รหิ ารสถานศึกษา
พบวา่ “ผบู้ รหิ ารสถานศึกษาหลายแห่งละเลยการนเิ ทศภายในโรงเรียนโดยสิน้ เชิง สถานศึกษาบางแหง่
ไมม่ ีข้อมูลการนเิ ทศภายในเลยและบางแหง่ ไม่ได้ดาเนินการนเิ ทศภายในโรงเรยี น” จากข้อมลู ขา้ งตน้
ทาใหเ้ ปน็ ภาพสะท้อนให้เห็นว่า ผบู้ ริหารสถานศึกษาไมเ่ ห็นความสาคญั ของการนเิ ทศภายในโรงเรียน
ผลกระทบทเี่ กิดขึ้น กค็ ือ สถานศึกษาส่วนใหญ่ไมผ่ า่ นเกณฑ์การประเมินดา้ นการนเิ ทศภายในโรงเรียน
ในการประเมนิ คุณภาพภายนอกของ สมศ.

ดงั น้ัน ปัญหาและความตอ้ งการของสถานศึกษาดังกล่าวมาแล้วน้ี จาเป็นอย่างยง่ิ ที่จะต้อง
ไดร้ บั การแกไ้ ขอย่างเร่งด่วน โดยให้ความรู้ความเขา้ ใจแก่ผู้บริหารสถานศกึ ษาและคณะกรรมการนิเทศ
ของสถานศึกษา เกย่ี วกับการจัดทาแผนการนเิ ทศภายในโรงเรียน เอกสาร “คู่มือการนิเทศภายใน
โรงเรียน” จะเป็นประโยชน์อย่างย่ิงสาหรบั ผทู้ ีม่ ีส่วนเก่ยี วข้องใชเ้ ปน็ แนวทางในการดาเนินงานนิเทศ
ภายใน อยา่ งเตม็ รูปแบบและมีคณุ ภาพ

จุดม่งุ หมำยของกำรนิเทศภำยในโรงเรียน
1. จดุ มงุ่ หมำยท่ัวไป
1.1 เพือ่ ให้ผู้บรหิ ารและคณะกรรมการนเิ ทศของสถานศึกษามีความรูค้ วามเข้าใจและ

ปฏิบัตกิ ารนเิ ทศภายในโรงเรียนได้
1.2 เพื่อพัฒนาความสามารถของครู
1.3 เพอ่ื ชว่ ยเหลอื และจัดสรรเคร่อื งมอื ส่ือการเรยี นรู้ ตลอดจนชว่ ยเหลือและปรบั ปรงุ

วิธจี ดั การเรียนรู้
1.4 เพ่ือให้ครูเกิดความเจริญงอกงามทางวิชาชีพ

6

2. จุดมงุ่ หมำยเฉพำะ
เพอื่ ใหค้ รสู ามารถพฒั นาพฤติกรรมการปฏิบัติงาน ในเรื่องต่อไปนี้
2.1 เพื่อให้สถานศึกษา มีแผนการนิเทศภายในโรงเรียน
2.2 เพอ่ื เนน้ ใหม้ ีการวเิ คราะห์ ปรบั ปรงุ หลักสูตรสถานศึกษาและในกลุ่มสาระการเรียนรู้

ที่ไดร้ บั มอบหมาย
2.3 เพอ่ื ให้ครจู ดั การเรยี นการสอนตามแนวปฏิรปู การเรยี นรทู้ ่เี นน้ ผ้เู รียนเป็นสาคัญ

การบรู ณาการ เน้นทกั ษะกระบวนการคิด ฯลฯ
2.4 เพอ่ื ปรับปรุงและพฒั นากระบวนการ / วธิ ีจัดการเรียนรู้ของครู
2.5 เพอ่ื ให้มกี ารจดั กิจกรรมเสรมิ การเรยี นรไู้ ด้อย่างเหมาะสม
2.6 เพื่อพฒั นาการใช้สอื่ และแหล่งเรยี นรู้
2.7 เพื่อให้มกี ารวัดและประเมินผลตามสภาพจรงิ และปรับปรงุ กระบวนการวัดและ

ประเมินผลใหม้ ีประสทิ ธภิ าพสงู ข้ึน

7

บทที่ 2
กำรนิเทศภำยในโรงเรียน

ควำมหมำยกำรนเิ ทศภำยในโรงเรียน
การนิเทศภายในโรงเรยี น หมายถึง การสง่ เสรมิ สนับสนุน หรอื ให้ความช่วยเหลือครูใน

โรงเรยี นใหป้ ระสบความสาเร็จในการปฏบิ ัตงิ านตามภารกิจหลัก ไดแ้ ก่ การจดั กจิ กรรมการเรยี น การ
สอนหรือการสร้างเสรมิ พัฒนาการของนักเรยี นทกุ ด้าน ท้ังทางด้านร่างกาย สงั คม อารมณ์ จติ ใจ และ
สติปญั ญา ให้เต็มตามวยั และศักยภาพ
ควำมจำเปน็ ของกำรนเิ ทศภำยในโรงเรียน

การนเิ ทศภายในโรงเรยี น มีความจาเป็น คือ
1. เพอื่ ปรบั ปรงุ คณุ ภาพของการจดั การศึกษา ให้ไดม้ าตรฐานใกล้เคยี งกัน
2. ปรมิ าณศึกษานเิ ทศก์ไมเ่ พียงพอกบั ความตอ้ งการของครูและสถานศึกษา
3. บุคลากรภายในสถานศึกษา มีความรู้ ความสามารถ มีความคุน้ เคยและใกลช้ ดิ ปัญหามากทส่ี ดุ
4. บรรยากาศในการนิเทศมคี วามเปน็ กนั เอง และสามารถปฏิบตั งิ านนเิ ทศไดอ้ ย่างตอ่ เนื่อง

องค์ประกอบของกำรนิเทศภำยในโรงเรียน
1. มีระบบข้อมลู และสารสนเทศ เพ่ือใช้ในการวางแผนนิเทศภายในโรงเรยี น
2. มรี ะบบการวางแผนนิเทศอยา่ งมยี ุทธศาสตร์
3. มรี ะบบการจดั การที่เนน้ การพัฒนาครูและนกั เรยี น
4. มีระบบการตดิ ตาม ประเมินผลที่เนน้ ผลงานครู
5. มรี ะบบการเผยแพร่และขยายผล

หลกั กำรนเิ ทศภำยในโรงเรยี น
1. การดาเนินการ นเิ ทศ จะต้องดาเนนิ การอยา่ งเปน็ ระบบและต่อเนื่อง ตามขัน้ ตอนกระบวนการ

นิเทศภายในโรงเรียน
2. บุคลากรทเ่ี ป็นหลักสาคญั ในการดาเนินการพัฒนาระบบนเิ ทศภายในโรงเรียน คือ ผบู้ รหิ าร

สถานศึกษา
3. การนิเทศภายในโรงเรียน จะต้องสอดคล้องกบั ความต้องการ/จาเปน็ ในการพัฒนาครูและนักเรยี น

บทบำทของบคุ ลำกรกำรนิเทศ
บุคลากรการนิเทศ หมายถึง ผบู้ ริหารและคณะกรรมการนิเทศของสถานศึกษา แตล่ ะแห่ง

มบี ทบาทและภารกจิ สาคัญ ดังน้ี
1. บทบาทในการสง่ เสริมและจัดให้มกี ารนิเทศภายในโรงเรียน เพื่อให้เกิดการพัฒนา

ตนเอง สามารถดาเนนิ งานตามนโยบายได้ถูกตอ้ ง ทาหน้าท่ีนเิ ทศภายในโรงเรียนได้อยา่ งสมบูรณ์
2. บทบาทในการใช้นวัตกรรม เทคโนโลยี เพ่อื การศึกษาเพ่ือพัฒนาศักยภาพครูโดยเฉพาะ

การจัดการเรียนรูใ้ ห้ดีข้นึ ส่งเสรมิ ใหม้ ีการใช้นวัตกรรม เทคโนโลยี ท่มี ีประสทิ ธภิ าพ
นามาปรบั ใชใ้ ห้เหมาะสมกบั ครูในโรงเรยี น

3. บทบาทในการจัดประชมุ อบรม มีการจัดประชุมอบรมในรูปแบบตา่ ง ๆ เชน่ การประชุม
ปฏิบัติการ การสัมมนา อภิปรายกลุ่ม เป็นต้น นอกจากน้ี ยังตอ้ งส่งเสรมิ ให้ครมู โี อกาสเข้ารบั การอบรม
ในการพฒั นาวชิ าชีพ นาทกั ษะความรมู้ าปฏบิ ัตงิ านไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ

8

4. บทบาทในการติดตามประเมินผล ซึง่ จะช่วยให้ครูพัฒนาศกั ยภาพได้ดีขนึ้ การประเมินเพ่ือ
นาผลทีไ่ ด้มาปรับปรุงแก้ไข ใหเ้ กดิ การพัฒนาเชิงสร้างสรรค์

5. บทบาทในการใช้กลุ่มโรงเรียน สมาคมวชิ าชพี หรือเครือข่ายเปน็ แนวทางเพือ่ กอ่ ใหเ้ กิด
ประโยชนแ์ ก่ครูในโรงเรยี น โดยใชก้ ลมุ่ หรือเครือข่ายชว่ ยเหลือด้วยวิธีการตา่ ง ๆ เช่น การจดั ประชมุ ทาง
วิชาการ การศกึ ษาเอกสาร การศึกษาดงู าน ฯลฯ

6. บทบาทในการสรา้ งครูตน้ แบบในสาขาวิชาต่าง ๆ ซ่งึ จะก่อใหเ้ กิดผลในการพัฒนาและ
เป็นแบบอยา่ งแก่ครูทัว่ ไปได้
บทบำทหน้ำทขี่ องผนู้ เิ ทศ

1. กาหนดนโยบายของการนเิ ทศภายในโรงเรยี น เช่น สง่ เสรมิ ใหใ้ ช้กระบวนการกลุม่
ในการทางาน เพ่ือใหเ้ กิดความสามัคคีในหมู่คณะ เป็นตน้

2. สง่ เสรมิ ให้ครมู คี วามรู้ความเข้าใจในเร่ืองหลกั สตู รและเรอื่ งอนื่ ๆ ที่ครสู ว่ นใหญม่ ีความ
ต้องการในการพัฒนา ซ่ึงจะเปน็ ประโยชน์ต่อการปรับปรุงการปฏิบตั ิงานในหน้าท่คี รู ตลอดจน
มเี จตคตทิ ี่ดีต่อการนเิ ทศภายในโรงเรียน

3. ปฏิบตั ิการนิเทศภายในโรงเรยี น ตามแผนการนิเทศของสถานศกึ ษา
4. เปิดโอกาสใหค้ ณะครู มีส่วนรว่ มในการดาเนินงานนิเทศภายในโรงเรยี นและมีการประเมินตนเอง
5. สรปุ และเผยแพร่งานท่ปี ระสบความสาเรจ็
แนวคิดในกำรปฏิบัตงิ ำนของผูน้ ิเทศ
ผบู้ ริหารสถานศึกษาและคณะกรรมการนเิ ทศภายในโรงเรยี น ควรเขา้ ใจและตระหนักเกีย่ วกับ
การนิเทศภายในโรงเรยี น ดังนี้

1. การเร่มิ ต้นจัดกจิ กรรมการนเิ ทศภายในโรงเรยี น ในระยะแรกควรหลีกเลยี่ งกจิ กรรม
ที่ต้องเผชญิ หน้ากัน เช่น การสงั เกตการสอน เพราะเปน็ เรื่องละเอียดอ่อนและเกิดความขดั แยง้ ได้งา่ ย ควร
เลอื กกจิ กรรมท่ีสร้างความคนุ้ เคย เชน่ การให้คาปรึกษาหารือ การศึกษาเอกสารทางวิชาการหรอื การศึกษา
ดูงาน เมอ่ื ครูค้นุ เคยกับการนเิ ทศภายในโรงเรียน และมีความพรอ้ ม จงึ ใชก้ ิจกรรมสังเกตการสอน

2. ความรกั ความสามัคคีในหมคู่ ณะ เป็นปจั จยั สาคญั ที่จะช่วยใหก้ ารนเิ ทศภายในโรงเรยี น
ประสบความสาเร็จ การใชก้ ระบวนการกลมุ่ ดาเนนิ งาน จะทาใหไ้ ด้ผลดเี ปน็ อยา่ งมาก

3. กจิ กรรมทใี่ ชใ้ นการนเิ ทศ ควรตอบสนองตอ่ ปัญหา ซ่ึงต้องรว่ มกันพจิ ารณา
อย่างรอบคอบ โดยผลท่เี กิดจากการแก้ปญั หา ให้เนน้ การพัฒนาบคุ ลากรและพฒั นางาน

4. คณะกรรมการนิเทศ ควรศึกษาหาความรแู้ ละประสบการณ์ เพือ่ นามาใชใ้ นการ
นเิ ทศครูในสถานศึกษา

5. สร้างศรทั ธาและความเขา้ ใจอันดกี บั ผู้รบั การนิเทศ
บทบำทของผูร้ ับกำรนิเทศ

1. รว่ มกิจกรรมในการเก็บรวบรวมข้อมูล และการจดั ทาแผนการนเิ ทศภายในโรงเรียน
2. นาแนวทางทีไ่ ด้รับจากการนเิ ทศ ไปแก้ปัญหาหรือพัฒนางาน
3. เสนอปัญหาต่อผนู้ ิเทศ เมื่อพบปัญหาระหวา่ งการปฏบิ ตั ิงานเพือ่ ร่วมกันหาแนวทางแก้ไข
4. ให้ความร่วมมือในการประเมนิ ผลการนิเทศ

9

บทท่ี 3
แนวทำงดำเนินกำรนเิ ทศภำยใน

ตำมกระบวนกำร 5 ข้ันตอน

กระบวนกำรนิเทศภำยใน
กระบวนการนเิ ทศภายในโรงเรยี นเปน็ กจิ กรรมทสี่ าคัญทีส่ ดุ โดยเปน็ การสนบั สนุน

การเรยี นการสอนภายในโรงเรยี น ใหด้ าเนนิ ไปอยา่ งมปี ระสิทธิภาพ ขนั้ ตอนกระบวนการนเิ ทศภายใน
โรงเรียนประกอบด้วย การศึกษาสภาพปจั จุบนั ปัญหา การวางแผน การสรา้ งส่อื เครื่องมือ และพัฒนา
วธิ ีการการประเมนิ ผลและรายงานผล

แผนภูมิแสดงขน้ั ตอนการนิเทศภายในโรงเรียน

การศกึ ษาสภาพปจั จบุ นั การวางแผน การสร้างสอื่ เคร่ืองมือ
ปัญหา และความต้องการ และกาหนดทางเลือก และพัฒนาวธิ กี าร

การประเมนิ ผล การปฏบิ ตั ิการนิเทศ
และรายงานผล ภายในโรงเรียน

1. กำรศึกษำสภำพปัจจุบนั ปญั หำ และควำมตอ้ งกำร
1. วัตถปุ ระสงค์ของการศึกษาสภาพปจั จุบนั ปญั หา และความต้องการ มีดงั น้ี
1.1 เพอ่ื ทราบสภาพการศกึ ษาและคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนในขณะนัน้
1.2 เพื่อทราบสภาพท่เี ป็นปัญหา
1.3 เพ่ือทราบความต้องการ
1.4 เพอ่ื กาหนดแนวทางตัดสินใจในการแกป้ ญั หา
1.5 เพอ่ื กาหนดวตั ถปุ ระสงค์ เปา้ หมาย ไปสอู่ นาคตท่ีพึงประสงค์ อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ
1.6 เพอื่ ปฏบิ ตั งิ านให้บรรลุวตั ถปุ ระสงค์ และเป้าหมายอย่างมปี ระสิทธิภาพ
2. สภาพปัจจบุ ัน หมายถึง สภาพเป็นจรงิ กาลงั เปน็ อยหู่ รือกาลังดาเนินการอยู่ขณะนั้น
3. สภาพปัญหา หมายถงึ สภาพความแตกต่างของสง่ิ ท่ีเปน็ อยู่ หรอื ผลที่ปรากฏกับสิ่งที่

ต้องการใหเ้ ป็นหรือเป้าหมาย
4. ความต้องการ หมายถึง ส่ิงทพี่ งึ ปรารถนาตามจุดประสงคแ์ ละเป้าหมายทว่ี างไว้
5. วิธีการศึกษาสภาพปัจจบุ นั ปญั หา และความต้องการมี 4 ขั้นตอน
5.1 สารวจสง่ิ ท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั ปัญหาของโรงเรียน
5.2 ตรวจสอบข้อมูลใหแ้ น่ชดั
5.3 หามาตรฐานและคุณค่าของข้อมลู
5.4 บันทึกรายการความต้องการ

10

แบบบนั ทกึ กำรศกึ ษำสภำพปัจจุบัน ปัญหำ และควำมต้องกำร
โรงเรียนบำ้ นหนองบัวน้อย

สำนักงำนเขตพ้ืนที่กำรศกึ ษำประถมศกึ ษำสุรินทร์ เขต 2

ตำรำงที่ 1 คำ่ เฉลย่ี รอ้ ยละทุกสำระกำรเรยี นรู้ ชั้นประถมศกึ ษำปี ที่ 1 ถงึ ช้นั ประถมศึกษำปที ี่ 6
ปกี ำรศกึ ษำ .................

ชนั้ ค่ำเฉล่ียร้อยละของแตล่ ะกลุ่มสำระกำรเรยี นรู้
ไทย คณิต วิทย์ สังคม องั กฤษ สขุ ศลิ ปะ กำรงำน

ป.1

ป.2

ป.3

ป.4

ป.5

ป.6

รวม

ตำรำงท่ี 2 วิเครำะห์กำรไมผ่ ่ำนจดุ ประสงค์กำรเรยี นรู้ สำระกำรเรียนรู้ต่ำง ๆ แยกตำมช้นั เรียน

สำระกำรเรียนรู้ ระดับชั้น รวม ลำดบั
ป.1 ป.2 ป.3 ป.4 ป.5 ป.6 ควำมสำคัญ
ภาษาไทย
คณติ ศาสตร์
วทิ ยาศาสตร์
สงั คมศึกษา
ภาษาอังกฤษ
สขุ ศึกษา พลศึกษา
ศิลปะ
การงานฯ

11

ตำรำงท่ี 3 วเิ ครำะห์สขุ ภำพนกั เรยี น

ช้นั จำนวน นักเรยี นที่ผ่ำนเกณฑ์ ลำดับ หมำยเหตุ
นักเรยี น จำนวน รอ้ ยละ ควำมสำคัญ
เกณฑ์คอื ความ
ป.1 สมั พันธข์ องอายุ

ป.2 นน./ส่วนสูง
ตามเกณฑ์
ป.3 กระทรวง
สาธารณสุข
ป.4

ป.5

ป.6

รวม

ตำรำงที่ 4 จำนวนนักเรยี นท่ีไมผ่ ่ำนเกณฑม์ ำตรฐำนข้ันต่ำ

เกณฑ์มำตรฐำนข้นั ต่ำ ระดบั ชนั้ รวม รอ้ ยละ ลำดบั
คุณภำพนักเรยี น ป.1 ป.2 ป.3 ป.4 ป.5 ป.6

1. นักเรยี นมีความสามารถในการ

สือ่ ความทัง้ ดา้ นการฟงั การพูด

การอ่านการเขียนอยา่ งมี

วิจารณญาณ

2. นักเรยี นมีความสามารถในการ

คิดคานวณและแก้ปัญหาเกยี่ วกบั ตัว

เลขที่ใชอ้ ยใู่ นชีวิตประจาวนั

3. นกั เรยี นสามารถคาดหมาย

การเปล่ียนแปลง และปฏบิ ัติตนได้

สอดคลอ้ งกับการเปล่ยี นแปลง

4. นักเรยี นมนี สิ ยั ในการรักษาสขุ ภาพ

ทั้งร่างกาย และจิตใจของตน

ช่วยเหลอื ในการรักษาอนามัยชมุ ชน

5. นักเรียนมคี ่านิยมในการเสยี สละ

ไม่เอาเปรียบผอู้ น่ื และยนิ ดชี ่วยเหลือ

ผู้อน่ื เปน็ ประจา

6. นักเรยี นมีความสามารถในการ

แกป้ ญั หาอยา่ งเป็นระบบ

7. นกั เรยี นมีนิสัยในการหาแนวทาง

ใหม่ ๆ เพ่อื ปรบั ปรงุ งานให้ดีขึ้นอยู่

เสมอ

12

ตารางท่ี 4 (ต่อ)

เกณฑม์ ำตรฐำนขัน้ ต่ำ ระดบั ชัน้ รวม ร้อยละ ลำดับ
คุณภำพนกั เรยี น ป.1 ป.2 ป.3 ป.4 ป.5 ป.6

8. นักเรยี นมคี า่ นิยม ต่ออาชพี สจุ รติ

และปรับปรงุ อาชพี ให้ดีขึ้นอยเู่ สมอ

9. นักเรียนสามารถปฏิบตั งิ านและ

อยูร่ ่วมกบั ผอู้ ่นื ได้ และนิยม

กระบวนการกลุ่ม

10. นกั เรยี นมีนสิ ยั ในการปฏบิ ัติ

หน้าทีข่ องตนต่อบา้ น ชุมชน

ประเทศชาติ ศาสนา

พระมหากษตั ริยแ์ ละการปกครอง

ระบอบประชาธปิ ไตย

11. นักเรยี นมีนิสยั ในการบารุงรักษา

ศิลปวฒั นธรรม ชน่ื ชมตอ่ ความเป็น

ไทยและบารงุ รกั ษาทรพั ยากรดว้ ย

การใชป้ ระโยชน์ให้คมุ้ ค่า

ตำรำงที่ 5 สำรวจและประเมนิ ควำมต้องกำร

รำยงำนควำมต้องกำร ระดับควำมต้องกำร หมำยเหตุ
123
1. การพฒั นาตนเองเก่ยี วกบั หลกั สูตร
1.1 หลกั การ จดุ หมาย โครงสรา้ ง
1.2 กระบวนการจัดการเรียนการสอน
1.3 การจดั ทาสอื่ ประกอบการสอน
1.4 การวดั และประเมินผล

2. การพฒั นาตนเองเกย่ี วกบั การพฒั นา
วชิ าชพี

2.1 การทาผลงานทางวชิ าการ
2.2 การทาหนงั สอื อา่ นประกอบ
2.3 การทาหนังสอื สาหรับเดก็
2.4 การทาวิจยั ในชน้ั เรยี น
3. การพัฒนาโรงเรียน
3.1 พัฒนาหอ้ งสมุด
3.2 พฒั นาแหล่งเรยี นรตู้ ่าง ๆ

13

ตำรำงท่ี 6 ลำดบั ควำมสำคัญของปัญหำ และควำมต้องกำรจำกตวั บ่งช้แี ตล่ ะด้ำน

ด้ำนผลสมั ฤทธิ์ ปญั หำด้ำนคุณภำพ ด้ำนอนื่ ๆ ควำมต้องกำร

ดำ้ นกำรบริหำร มำตรฐำน
กำรศกึ ษำ

ตำรำงที่ 7 ลำดบั ควำมสำคัญของสำเหตุและกำหนดทำงเลือก ทำงเลือก /
แนวทำงแกไ้ ข
ปญั หำ สำเหตขุ องปญั หำทเ่ี ลอื กมำ
แก้ไขตำมลำดบั

2. กำรวำงแผนและกำหนดทำงเลือก
การวางแผนเพ่ือพฒั นาการเรียนการสอนภายในโรงเรยี นน้ัน จะตอ้ งสอดคล้องกบั นโยบาย

และแนวคิดในการพัฒนาของหน่วยงานท่เี ก่ียวข้องในแตล่ ะระดบั ดงั น้ี
1. เร่งรดั ยกระดับคณุ ภาพการเรยี นการสอน การพัฒนาบคุ ลากร การพฒั นาด้านวิชาการ

และเทคโนโลยใี หท้ ัดเทียมกัน
2. กระจายทรัพยากรอย่างเสมอภาค เป็นธรรมและประหยัดระหวา่ งช้ันเรยี นต่าง ๆ

ภายในโรงเรยี น
3. ใหค้ วามช่วยเหลือ สนับสนุนด้านโอกาสทางการศึกษาของนกั เรียน
4. จัดการศกึ ษาภายในโรงเรียน โดยใช้ทรพั ยากรท้องถน่ิ และสอดคลอ้ งกบั อาชีพในชมุ ชน
5. ใหช้ ุมชนตระหนักถงึ ความสาคญั ของการศึกษา และเข้ามามีส่วนร่วมแก้ไขปัญหา และ

พฒั นาการศกึ ษา
6. เกณฑเ์ ด็ก ทอี่ ยู่ในข่ายพระราชบัญญตั กิ ารศึกษาภาคบงั คบั ท่อี ยบู่ ริเวณโรงเรยี นอย่างทวั่ ถงึ
7. ชว่ ยสง่ เสริม ลดความสญู เปล่าทางการศึกษา

กำรวำงแผนกำรนิเทศภำยในมี 4 ขัน้ ตอน ดังแผนภูมิ

ข้นั เตรียมการ ข้นั ปฏิบตั ิ ข้นั ประสาน ข้นั เตรียมแผน
วางแผน การวางแผน แผน ปฏิบตั ิ

1 2 3 4

14

1. ขั้นเตรยี มการวางแผน มีการปฏิบัตดิ ังนี้
1.1 ทาความเข้าใจ ขอบข่าย อานาจหน้าท่แี ละบทบาทของผ้นู ิเทศภายในโรงเรยี น

ทาแผนและโครงการปรับปรุงคณุ ภาพการประถมศึกษาของโรงเรียน
1.2 นาผลการศกึ ษา ขอ้ มลู จากสภาพปจั จบุ นั ปญั หา และความตอ้ งการของโรงเรยี น

มาจัดลาดับความสาคญั ให้ทราบแน่ชัดวา่ ปัญหาใดทต่ี ้องดาเนินการปรับปรงุ แกไ้ ขก่อนหลงั
1.3 ศึกษานโยบาย วตั ถปุ ระสงค์และแนวปฏบิ ัตขิ องหน่วยเหนือเพื่อจดั ทาแผน

ให้สนองตอบส่วนทีเ่ กี่ยวข้องกับความรบั ผดิ ชอบของการนิเทศภายในโรงเรียน
2. ขัน้ ลงมอื ปฏบิ ัติการวางแผน
คณะทางานจัดประชมุ ครู โดยนาประเดน็ ปัญหาและความต้องการทส่ี าคัญจาก

การศึกษา สภาพปัจจุบัน และนโยบายของหน่วยเหนอื มาพจิ ารณาแล้วสรุปว่าปี งบประมาณนีม้ งี าน
สาคญั อะไรบ้าง

การกาหนดการวางแผน หรือการจัดทาโครงการเพ่ือสนองนโยบายและความต้องการ
ของโรงเรยี น จะต้องพจิ ารณาตดั สนิ ใจกาหนด ตามลาดับความสาคญั ของงานและเขยี นไว้เป็นแนว
ปฏบิ ตั ิต่อไป

รูปแบบของการเขียนแผนและโครงการ มีดังนี้
1. ความเป็นมาของโครงการ
2. วตั ถปุ ระสงค์
3. เป้าหมาย
4. ผดู้ าเนินการ
5. วธิ ีดาเนนิ การ
6. ช่วงเวลา
7. สถานทด่ี าเนินการ
8. งบประมาณ
9. ผลทคี่ าดว่าจะได้รับ
10. แนวทางการติดตามผล ประเมนิ ผล
3. ขั้นประสานแผน มีรายละเอยี ดเป็นขนั้ ตอน ได้แก่ การทบทวนเปา้ หมายและ
วัตถุประสงค์ งบประมาณ เวลา ประสานคนและประสานงาน
4. ข้ันเตรียมนาแผนไปปฏบิ ัติ โดยทาเป็นคู่มือปฏบิ ัตงิ าน
4.1 จดั ทาแผนเป็นรปู เล่ม
4.2 ทาปฏิทนิ ปฏบิ ตั งิ าน

15

แบบบนั ทึกกำรวำงแผน
กำรกำหนดกิจกรรม รำยละเอียดในกำรปฏิบตั ติ ำมทำงเลือก

โรงเรียนบ้ำนหนองบัวน้อย
สำนักงำนเขตพ้นื ทกี่ ำรศึกษำประถมศึกษำสรุ ินทร์ เขต 2

ตำรำงที่ 8 กำรพัฒนำครูเพอื่ กำรสอนซ่อมเสริม กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้...............................

กิจกรรม ระยะเวลำ ผู้รับผิดชอบ

1. ให้ความรูเ้ รอ่ื งการสอนซ่อมเสรมิ
สาระการเรียนรู้.................................................

1.1 อบรมครู โดยจัดใหม้ ีการบรรยาย
สาธติ การสอน

1.2 การประชมุ ปฏิบตั กิ ารสรา้ งสื่อการสอน
1.3 สาธติ การใช้สื่อประกอบการสอน
2. ประชมุ ปฏิบัติการ
2.1 กาหนดรปู แบบการสอนซอ่ มเสรมิ
2.2 จัดทาแผนการสอน
3. กาหนดแนวทางและปฏิบตั ิการนิเทศ กากับ
ตดิ ตาม
3.1 ประชุมนิเทศ (ให้คาปรกึ ษาแนะนาและ
ประเมนิ ผลระหว่างปฏิบัตงิ าน)
3.2 ตรวจสอบความรู้นักเรยี นเปน็ ระยะ
3.3 นเิ ทศเยี่ยมช้นั เรยี น
4. ประเมินผล
5. สรปุ ผล และรายงาน

16

ตำรำงท่ี 9 กำรพัฒนำครูเก่ยี วกบั กำรจดั กำรเรยี นกำรสอน

กิจกรรม ระยะเวลำ ผ้รู ับผิดชอบ

1. ให้ความรคู้ วามเข้าใจแก่ครูเรอ่ื งการจดั กจิ กรรม
การเรียนการสอนด้วยวิธี ดังนี้

1.1 เชิญวทิ ยากรมาบรรยาย
1.2 เชิญวทิ ยากรมาสาธิตการสอน
1.3 ใชส้ อ่ื นเิ ทศทางไกล (เอกสาร วดี ีทัศน์)
2. ประชมุ ปฏบิ ัติการการสร้างสื่อประกอบการสอน
3. กาหนดแนวทางการจัดการเรยี นการสอน
4. จดั ใหม้ กี ารทดลองสอนในรูปแบบการวจิ ัย
เชงิ ปฏบิ ัติการ
5. จดั ประชุมครเู พ่ือนาเสนอผลการวจิ ยั เป็นระยะ
6. ประชุมสมั มนาวิเคราะหผ์ ลการดาเนินงาน
7. สรุปผลการดาเนนิ งาน

ตำรำงท่ี 10 กำรพัฒนำครูเรอ่ื งหลักสูตรแกนกลำงกำรศกึ ษำขัน้ พน้ื ฐำน พุทธศักรำช 2551 และ
หลกั สูตรสถำนศกึ ษำฉบับปจั จุบัน

กิจกรรม ระยะเวลำ ผู้รบั ผดิ ชอบ

1. ให้ความรเู้ กีย่ วกับหลกั สูตรแกนกลางการศึกษา
ขัน้ พนื้ ฐาน พ.ศ. 2551 และหลกั สูตรสถานศึกษา
ฉบบั ปจั จบุ ัน โดย

1.1 ให้ศึกษาเอกสาร
1.2 ให้ศกึ ษาจากสื่อนเิ ทศทางไกล ( วีดีทัศน์ )
1.3 เชิญวทิ ยากรมาบรรยาย
2. ประชมุ จดั ทาแผนการสอน
3. สาธิตการสอน
4. ศกึ ษาดงู านโรงเรียนร่วมพัฒนาหลักสูตร
5. สงั เกตการสอน ประชุมนเิ ทศ
6. สรุป และรายงานผล

17

3. กำรสรำ้ งสอื่ เคร่ืองมือ และพัฒนำวิธีกำร
ความหมายของส่ือและเคร่อื งมอื
1. สือ่ การนิเทศการศึกษา หมายถึงสงิ่ ท่ชี ว่ ยในการปฏิบตั ิการนิเทศ เพื่อแก้ปัญหาและ

พิจารณาการทางานของครู เชน่ บทเรียนด้วยตนเอง วิดีโอเทป เครอื่ งบันทึกเสยี ง ฯลฯ
2. เครอื่ งมือนเิ ทศการศกึ ษา หมายถงึ สงิ่ ท่ีใช้ในการตรวจสอบ การปฏิบัติงานของผรู้ บั การ

นเิ ทศ เพ่ือใหผ้ ูน้ ิเทศทราบถึงทม่ี าของปัญหา และความต้องการ และวางแผนแกป้ ญั หาได้ถูกต้อง เช่น
แบบทดสอบ แบบสอบถาม แบบสารวจ แบบประเมนิ คา่ ฯลฯ ชนดิ ของส่ือและเครื่องมือ จาแนกตาม
ลกั ษณะใช้งานได้ 2 ชนิด คือ

1. สือ่ และเคร่ืองมือสาหรับตรวจสอบคุณภาพการศึกษา ซึง่ มดี งั น้ี
1.1 แบบทดสอบ เปน็ เครื่องมือทีจ่ ัดทาขนึ้ เพื่อตรวจสอบความพร้อมความรู้พ้ืนฐาน

ทางด้านการเรียนของนกั เรียน หรือแบบทดสอบครูผสู้ อนเกีย่ วกับเร่อื งหลักสตู รการเรยี นการสอน
1.2 แบบสอบถาม แบบสารวจ แบบประเมิน เปน็ เครือ่ งมือท่ีใช้รวบรวมข้อมูลและ

รายละเอยี ดทีต่ อ้ งการ เชน่ ข้อมลู สว่ นตวั ความคิดเห็น เจตคติ ซึ่งอาจใช้สอบถามครผู สู้ อนและบุคลากร
ทเ่ี ก่ียวข้อง

1.3 แบบสังเกต เปน็ เคร่ืองมอื สังเกตการสอนของครู ใชส้ ังเกตการจัดกจิ กรรม
การเรียนการสอนของครผู ู้สอน

2. สื่อเครอ่ื งมือสาหรบั ส่งเสริมคุณภาพการศึกษา ใชใ้ นการนิเทศการศึกษาเพ่ือ
พฒั นาด้านการเรยี นการสอน ผู้นิเทศจาเป็นต้องใชส้ ื่อและเคร่อื งมือ เพื่อให้ผูร้ บั การนิเทศมองเหน็
ทางเลือกท่เี หมาะสมกับตน ปรบั ปรงุ แก้ไขปัญหาการทางานของตนใหม้ ปี ระสิทธิภาพยิ่งขึ้น เชน่

2.1 เอกสารหลกั สูตร
2.2 เอกสารเสรมิ การเรยี น
2.3 เอกสารเผยแพรว่ ชิ าการ
แนวการสร้างส่ือ เคร่ืองมือ และการใช้ ควรคานงึ ถึงหลักการต่าง ๆ เหลา่ นี้
1. ตัดสนิ ใจวา่ จะเลือกใช้เครอ่ื งมือใดบ้าง โดยพจิ ารณาจากขอ้ มลู การศึกษาสภาพ
ปจั จบุ ัน ปญั หา และความต้องการวา่ มปี ญั หาเรื่องใด ควรปรับปรุงแก้ไขอย่างไร ปัญหามีสาเหตุ
มาจากอะไร แล้วจงึ เลือกสื่อและเคร่ืองมือให้เหมาะสมกับความต้องการ
2. ศกึ ษารายละเอียดของสอ่ื เคร่อื งมือ ท่ีพิจารณาเลือกไว้ในขอ้ แรกวา่ มรี ายละเอียด
ปลกี ย่อย จุดเดน่ จดุ ด้อย
3. ดาเนนิ การสร้างเคร่ืองมือ ตอ้ งคานึงถึงเร่ืองต่าง ๆ ดังน้ี
3.1 กาหนดเนอื้ หา
3.2 กาหนดวัตถุประสงค์
3.3 กาหนดรูปแบบ (การใช้งาน)
4. การทดลองใช้สอื่ เครือ่ งมือทุกชนดิ ที่สร้างข้นึ ทกุ ครั้ง ก่อนนาไปใชต้ ้องนาไป
ทดลอง ใช้กบั กลมุ่ ตัวอย่างเพ่ือหาข้อบกพรอ่ ง
5. การประเมินผล การใช้สื่อ เครอ่ื งมือควรคานึงถึงวัตถุประสงค์ 2 ประการ คือ
5.1 ประเมนิ ผลเพ่ือนาผลท่ไี ด้ไปปรบั ปรงุ การเรียนการสอนและการทางานของผู้รับการนิเทศ
5.2 ประเมินผลเพื่อหาทางปรับปรุง เพื่อพฒั นาสอื่ นั้นใหด้ ยี ่ิงข้นึ

18

เคร่อื งมือตดิ ตำมกำรนิเทศภำยใน
โรงเรยี นบ้ำนหนองบัวนอ้ ย

สำนกั งำนเขตพ้นื ที่กำรศกึ ษำประถมศกึ ษำสุรินทร์ เขต 2
แบบบันทึกกำรนเิ ทศภำยในกจิ กรรมกำรเยยี่ มชน้ั เรียน

ชื่อผรู้ ับกำรประเมิน…………………….............วนั ท่ี………เดือน………………..พ.ศ……………
***********************************

คำชแี้ จง ใหก้ ำเครื่องหมำย ในช่อง ทำงขวำมือตำมเกณฑก์ ำรประเมินดงั น้ี

รำยกำรประเมนิ 5 ระดบั ปฏบิ ัติ 1 หมำยเหตุ
432
1. การเตรียมการสอน แผนการสอนเปน็ ปัจจบุ นั เกณฑ์
2. จดั สื่อการเรยี นการสอนเป็นระเบยี บและมีร่องรอยการใช้
3. มสี มุดบนั ทกึ การนเิ ทศประจาชน้ั 5 ดมี าก
4. แต่งกายเหมาะสมกับความเป็นครู 4 ดี
5.เอกสารงานธุรการ ในช้นั เรียนเปน็ ปจั จุบัน 3 ปานกลาง
6.มีแฟม้ สะสมผลงานของนักเรียนรายบคุ คล 2 น้อย
7.มแี ฟม้ สะสมผลงานครู 1 แก้ไข
8. กล้าพูดคุยกบั คนแปลกหน้า
9. กล้าซกั ถาม
10. กระตือรือร้นท่ีจะตอบคาถามของครูขณะทีส่ อน
11. ต้ังใจปฏบิ ตั ิกิจกรรมการเรยี นทีไ่ ดร้ ับมอบหมาย
12. รา่ เริงแจม่ ใส
13. แต่งกายสะอาดเรียบรอ้ ย
14. มปี ้ายนิเทศเพื่อแสดงข่าวสารและความรตู้ ่าง ๆ
15. มปี ้ายแสดงข้อมูลสถติ ิของห้องเรียนทีเ่ ป็นปจั จุบนั
16. มสี ญั ลักษณ์ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
17. มกี ารจดั มุมประสบการณ์ตา่ ง ๆ
18. มีการแสดงผลงานนักเรยี น
19. ห้องเรียนสะอาดเป็นระเบยี บ
20. บรรยากาศในห้องเอ้ือต่อการเรียนการสอน

รวม
เฉล่ยี

19

แบบบนั ทกึ กำรนิเทศภำยในกจิ กรรมกำรใหค้ ำปรึกษำแนะนำ
โรงเรยี นบ้ำนหนองบัวน้อย

สำนักงำนเขตพนื้ ท่ีกำรศกึ ษำประถมศกึ ษำสุรนิ ทร์ เขต 2

ชอ่ื ผู้รับกำรประเมนิ ……………...........…….............วันท…ี่ ……เดือน………………..พ.ศ……………
**********************

คำชี้แจง ให้กำเคร่อื งหมำย ในช่อง ทำงขวำมือตำมเกณฑ์กำรประเมนิ ดงั น้ี
5 หมำยถึง ดีมำก
4 หมำยถงึ ดี
3 หมำยถึง ปำนกลำง
2 หมำยถงึ น้อย
1 หมำยถึง ต้องปรับปรุงแกไ้ ข

รำยกำรประเมิน 5 ระดับปฏิบตั ิ 1 หมำย
432 เหตุ

1. บรรยากาศของการหารือเปน็ กันเอง

2. สนทนาดว้ ยการยกย่อง ชมเชยผลงานท่ดี ีของผรู้ ับการนิเทศ

3. ผนู้ ิเทศและผูร้ บั การนเิ ทศเปิดใจกวา้ งและเป็นการสนทนา 2 ทาง

4. ผู้นเิ ทศเสนอแนะแนวทางปรบั ปรงุ แก้ไขข้อบกพร่องตา่ ง ๆ ได้

5.การสร้างความสัมพันธท์ ดี ีระหว่างผู้นเิ ทศและผู้รบั การนิเทศ

6.การสร้างขวญั กาลังใจทีด่ ีแก่ผ้รู บั การนเิ ทศ

7.การบนั ทึกการใหค้ าปรกึ ษาหารือ

8.การตดิ ตามให้คาปรึกษาอย่างต่อเน่ือง

9.มีการจัดตาราง ชว่ งเวลาในการใหค้ าปรึกษาแนะนา

10.ผรู้ ับการนิเทศ มีการนาผลการใหค้ าแนะนาไปปรับปรุงแก้ไข

รวม

เฉลี่ย

20

แบบบนั ทกึ กำรนิเทศภำยในกิจกรรมกำรให้ศึกษำเอกสำรทำงวิชำกำร
โรงเรยี นบำ้ นหนองบัวน้อย

สำนกั งำนเขตพื้นท่ีกำรศึกษำประถมศึกษำสรุ นิ ทร์ เขต 2

ชอื่ ผู้รับกำรประเมนิ ……………..……….............วันที่………เดือน………………..พ.ศ……………
******************************

คำชแี้ จง ใหก้ ำเครื่องหมำย  ในชอ่ ง ทำงขวำมือตำมเกณฑ์กำรประเมินดังนี้
5 หมำยถึง ดีมำก
4 หมำยถงึ ดี
3 หมำยถึง ปำนกลำง
2 หมำยถงึ น้อย
1 หมำยถงึ ต้องปรบั ปรุงแกไ้ ข

รำยกำรประเมิน 5 ระดบั ปฏิบตั ิ 1 หมำยเหตุ
432
1. ศกึ ษาเอกสารไดท้ นั ตามเวลาท่ีกาหนด
2. มีความกระตือรือร้นและให้ความสนใจ
3. มคี วามรูแ้ ละเขา้ ใจรายละเอยี ดเน้ือหาไดด้ ี
4. มที ักษะในการถ่ายทอดความรู้ใหก้ ับคณะครู
5. การเสนอแนะความคิดริเริ่ม
6. การศึกษาความรเู้ พ่มิ เติม
7. บุคลกิ ของผ้ถู า่ ยทอดความรู้
8. การใชส้ อ่ื ประกอบในการถ่ายทอดความรู้
9. ระยะเวลาในการถ่ายทอดความรู้มีความเหมาะสม
10. การสรุปประเด็นเน้ือหาสาระ

รวม
เฉลีย่

21

แบบประเมินควำมพึงพอใจของครทู ่ีมีต่อกำรนเิ ทศภำยใน
โรงเรียนบ้ำนหนองบัวน้อย

สำนกั งำนเขตพน้ื ทก่ี ำรศึกษำประถมศึกษำสรุ นิ ทร์ เขต 2

ชอื่ ผรู้ บั กำรประเมิน……………..……….............วนั ที่………เดือน………………..พ.ศ……………
**************************

คำชแี้ จง ให้กำเคร่ืองหมำย  ในชอ่ ง ทำงขวำมือตำมเกณฑ์กำรประเมนิ ดังนี้
5 หมำยถึง ดีมำก
4 หมำยถึง ดี
3 หมำยถงึ ปำนกลำง
2 หมำยถงึ น้อย
1 หมำยถึง ต้องปรับปรุงแก้ไข

รำยกำรประเมิน 5 ระดบั ปฏิบตั ิ 1 หมำยเหตุ
432

กำรดำเนินงำนตำมกระบวนกำรนิเทศ

1. การศึกษาสภาพปจั จุบัน ปัญหา และการวางแผน

1.1 นโยบายการนิเทศภายใน

1.2 โครงการนิเทศภายใน

1.3 ผูร้ ับผดิ ชอบโครงการนิเทศภายใน

1.4 กจิ กรรมท่ีกาหนดในโครงการนเิ ทศภายใน

1.5 แบบประเมนิ ผล และวธิ ีการประเมินผล

2. การปฏิบัติ

2.1 การปฏบิ ัตติ ามกาหนดในปฏทิ ินปฏิบตั ิงาน

2.2 ความร่วมมอื ของคณะครใู นการดาเนนิ กจิ กรรม

การนเิ ทศภายใน

2.3 บรรยากาศการนเิ ทศภายในโรงเรยี น

2.4 การใช้ส่ือ / เครอ่ื งมือในการนเิ ทศภายในโรงเรยี น

2.5 การให้ขวัญและกาลังใจในการปฏบิ ตั ิงาน

3. การประเมนิ ผล

3.1 วธิ ีการประเมินผล

3.2 การมสี ว่ นร่วมประเมนิ ผล

3.3 ระยะเวลาในการประเมินผล

รวม
เฉล่ีย

22

รำยกำรประเมนิ 5 ระดบั ปฏิบตั ิ 1 หมำยเหตุ
432
ผลกำรดำเนนิ งำนตำมกระบวนกำรนิเทศภำยใน
1. ครู

1.1 ครมู คี วามรู้ ความเข้าใจและทักษะในการ
ปฏิบัติงานเพมิ่ ขึ้น

1.2 ครปู ฏบิ ตั ิงานอย่างมีประสทิ ธิภาพ
1.3 ครมู คี วามสมั พนั ธอ์ นั ดีตอ่ กัน
1.4 ครใู หก้ ารยอมรับซ่งึ กันและกนั
1.5 ครูจัดทาผลงานเพือ่ พฒั นาการเรียนการสอน
(ส่ือ แบบฝึก แบบวัดผลประเมนิ ผล ฯ ล ฯ)
2. นักเรียน
2.1 นกั เรยี นมีความสนใจและความกระตือรือรน้
ในการเรยี นมากข้นึ
2.2 นักเรียนมีความรว่ มมือในการปฏบิ ัติงานดขี ้นึ
2.3 นกั เรียนมผี ลการเรียนดขี น้ึ

รวม
เฉล่ีย

23

4. กำรปฏบิ ัติกำรนิเทศภำยใน
การปฏิบตั ิการนเิ ทศ หมายถึง การดาเนนิ การตามกจิ กรรมที่กาหนดไว้ในโครงการนิเทศ

ภายในโรงเรียน
การปฏบิ ัตกิ ารนิเทศภายในโรงเรยี นบ้านหนองเหล็ก ได้พจิ ารณากจิ กรรมการนิเทศภายใน

ทีเ่ หมาะสมกบั สภาพบริบท ทรัพยากรของโรงเรยี น โดยได้ดาเนนิ การ การนเิ ทศภายในจานวน 3
กจิ กรรม ไดแ้ ก่

1. กิจกรรมการเยี่ยมช้ันเรยี น
2. กิจกรรมการใหค้ าปรึกษาแนะนา
3. กจิ กรรมการให้ศึกษาเอกสารทางวชิ าการ
การปฏิบัตกิ ารนิเทศดาเนนิ การได้ใน 2 ลกั ษณะ คอื
1. นิเทศเพ่ือตรวจสอบคุณภาพการศึกษา
2. นเิ ทศเพ่ือส่งเสรมิ คุณภาพการศกึ ษา
การปฏบิ ตั ิการนเิ ทศภายในให้ไดผ้ ลดีควรดาเนนิ การตามขั้นตอน ดังนี้

1 ประชุมผ้มู สี ่วนเกี่ยวขอ้ ง 5 นาขอ้ มูลไปใชด้ 5าเนินการต่อไป

- การกาหนดงานทจี่ ะทา
- แบง่ งานรับผดิ ชอบ
- ทาความเข้าใจการนเิ ทศ
- ตกลงระบบการเก็บข้อมูล

2 ปฏบิ ตั ิการนเิ ทศตามแผนงาน/โครงการ

3 ปฏบิ ัตกิ ารนิเทศตามแผนงาน/โครงการ 4 ประชมุ สรปุ ผลการนิเทศ

5. กำรประเมินผล และกำรรำยงำนผล
การประเมินผลการนิเทศหมายถึง การตรวจสอบความสาเร็จของโครงการกบั จุดประสงค์และ

เปา้ หมายท่ีวางไวก้ ารประเมนิ ผลการนเิ ทศภายในเพอื่ ทราบผลการดาเนินงาน อาจประเมินทัง้ กอ่ น
ระหวา่ ง และหลงั การนเิ ทศ โดยมขี อบข่ายการประเมนิ ตามกิจกรรมในโครงการ เชน่

- ประเมินผลสมั ฤทธิ์ของโครงการตามวัตถปุ ระสงค์ และเป้าหมาย
- ประเมนิ ความคดิ เหน็
- ประเมินกระบวนการนิเทศ
- สรุปผลรวมการประเมิน เพ่ือใชเ้ ปน็ ข้อมูลสาหรับการปรับปรุงการปฏิบตั งิ านในโอกาสตอ่ ไป

24

หลังจากที่มีการประเมินผลแลว้ ขน้ั ตอนต่อไปคือการสรุปและรายงานผลการประเมนิ
ทั้งนี้เพื่อรวบรวมขอ้ มลู 2 ประการ คือ

1. ปัญหาและอุปสรรคของการดาเนนิ งาน ได้แก่ ความพรอ้ มในการดาเนินงานการมอบ
อานาจหน้าท่ีให้ผรู้ ่วมงาน การอานวยการ การควบคมุ และการรายงาน

2. ผลสัมฤทธ์ิของโครงการ ได้แก่ ดา้ นปริมาณและดา้ นคุณภาพ
แบบรายงานการประเมินผลโครงการ มดี ังนี้

1. ชอ่ื โครงการ
2. วตั ถุประสงค์
3. เปา้ หมาย
4. ปัญหาและอุปสรรค
5. ผลสมั ฤทธ์ิของโครงการ
6. ขอ้ เสนอแนะ
7. ผู้รับผดิ ชอบโครงการ
8. ผรู้ ายงาน
การเสนอรายงานผลการประเมนิ เป็นหลกั ฐานท่รี วบรวมข้อมลู จากผลการประเมินไว้
ประกอบการพิจารณาการวางแผนในอนาคต คณะทางานควรเสนอรายงาน เมื่อได้สรุปการประเมนิ ผล
โครงการในท่ปี ระชุม เพื่อใหผ้ ู้ที่มีสว่ นเกี่ยวขอ้ งไดร้ ับทราบ

25

แบบประเมินผลกำรดำเนนิ งำนโครงกำรนเิ ทศภำยใน
โรงเรียนบ้ำนหนองบัวนอ้ ย

สำนักงำนเขตพ้ืนท่กี ำรศึกษำประถมศกึ ษำสุรนิ ทร์ เขต 2
*********************************

แบบสอบถำมควำมคิดเห็นของครผู ู้สอน ต่อสภำพกำรปฏิบัติกำรนเิ ทศภำยใน
ตำมกระบวนกำร 5 ขัน้ ตอน

ข้ันกำรศกึ ษำสภำพปจั จุบนั ปญั หำ และควำมต้องกำร

รำยกำรประเมนิ / กิจกรรม ระดับควำมคดิ เห็น
ต่อกำรปฏิบัติ
1. การศึกษาวิเคราะห์ข้อมลู ตัวบ่งชคี้ ุณภาพตามมาตรฐานการศึกษา
2. การศึกษาสภาพปจั จบุ ัน ปัญหา และความต้องการดา้ นต่างๆ อยา่ งเปน็ ระบบ 12345
3. การศึกษาวเิ คราะหผ์ ลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นของนักเรยี น
4. มกี ารประชมุ หารือการดาเนนิ การนเิ ทศภายในอยา่ งต่อเนื่อง
5. มีการสารวจ สอบถามปัญหา และความต้องการจากคณะครู
6. มีเคร่อื งมือ และการเก็บข้อมลู อย่างเปน็ ระบบ
7. เปิดโอกาสใหค้ รผู ู้สอนรว่ มในการวิเคราะห์สภาพปญั หาความตอ้ งการ
8. มีการรบั ฟังความคดิ เห็นจากคณะครใู นการวิเคราะห์สภาพปัจจบุ นั ปัญหา
และความต้องการ
9. เรียงลาดับความสาคัญของปญั หาทจี่ าเป็นต่อการแก้ไข
10. นาขอ้ มลู ท่ไี ดร้ ับมาวเิ คราะหห์ าสภาพปญั หาที่แทจ้ ริง เพอื่ นาไปใช้วางแผน
ดาเนนิ การ

26

แบบสอบถำมควำมคดิ เห็นของครผู สู้ อน
ต่อสภำพกำรปฏิบัตกิ ำรนิเทศภำยใน ตำมกระบวนกำร 5 ข้นั ตอน

ข้ันกำรวำงแผน

รำยกำรประเมนิ / กจิ กรรม ระดับควำมคิดเหน็
ต่อกำรปฏบิ ัติ
1. การประชุมคณะครเู พ่ือรว่ มกันวางแผนวิเคราะห์ปญั หาท่ีพบ
2. การประชมุ คณะกรรมการนิเทศภายในเพ่อื วางแผน 12345
การดาเนินการนเิ ทศภายใน
3. การกาหนดยทุ ธวธิ ีในการแก้ไขปัญหาร่วมกนั
4. การกาหนดกจิ กรรม รายละเอยี ด เป้าหมาย ตัวบ่งชี้
5. การกาหนดบทบาทหน้าที่ของคณะทางานตามความรู้ความสามารถ

6. การกาหนดปัญหาทชี่ ัดเจนต่อการแก้ไขในรปู แบบที่เปน็ ไปได้
7. จดั ทาแผนงาน/โครงการนิเทศภายในท่เี หมาะสมกบั สภาพบรบิ ทของ
โรงเรยี น
8. จัดทาปฏิทินปฏบิ ัติงานนิเทศภายใน ในรูปตาราง รายสัปดาห์/ รายเดือน
9. การจัดทาค่มู ือในการปฏิบัติงานการนิเทศภายในเพื่อเป็นแนวทางการ
ดาเนินงาน
10. สรปุ ผลการวางแผนและกาหนดทางเลือกในการดาเนินงานอย่างเป็นระบบ

27

แบบสอบถำมควำมคิดเหน็ ของครูผสู้ อน
ต่อสภำพกำรปฏิบตั ิกำรนิเทศภำยในตำมกระบวนกำร 5 ขน้ั ตอน

ขน้ั กำรสรำ้ งเครอ่ื งมือ สอ่ื และพฒั นำวิธีกำร

รำยกำรประเมิน / กิจกรรม ระดับควำมคดิ เหน็ ตอ่
กำรปฏบิ ตั ิ
1. การประชุมคณะครูเพื่อชแี้ จงแนวทางการสร้างส่ือและเคร่อื งมือนเิ ทศ
2. การเปิดโอกาสให้ครูมีสว่ นรว่ มในการออกแบบเครื่องมือในการตดิ ตาม 12345

การนิเทศภายใน
3. การสร้างความรู้ ความเข้าใจกบั คณะครู เก่ยี วกับ เครื่องมอื ท่ีใชต้ ิดตาม

การนิเทศภายใน
4. มีคูม่ อื ในการดาเนนิ การนิเทศภายในแตล่ ะกจิ กรรม
5. คู่มอื ในการดาเนินการนิเทศภายในแตล่ ะกิจกรรมมีความสะดวกใน

การใช้งาน
6. มกี ารสรา้ งความรู้ความเข้าใจแก่คณะครเู กยี่ วกบั คูม่ ือการนเิ ทศภายใน

แตล่ ะกจิ กรรม
7. การใชเ้ ครื่องมอื การนิเทศที่หลากหลาย
8. การปรบั ปรงุ เคร่ืองมือตดิ ตามการนเิ ทศ คู่มือการนเิ ทศภายใน
แต่ละกิจกรรม ตามความเหมาะสม
9. มีการติดตามการใช้เคร่ืองมือ คูม่ ือนเิ ทศภายในอย่างต่อเนื่อง
10. มกี ารสรปุ ผลการใชเ้ ครื่องมือ คู่มือการนเิ ทศภายใน

28

แบบสอบถำมควำมคิดเหน็ ของครผู ู้สอน ต่อสภำพกำรปฏิบตั กิ ำรนิเทศภำยใน
ตำมกระบวนกำร 5 ขน้ั ตอน
ขั้นดำเนินกำรนเิ ทศภำยใน

รำยกำรประเมิน / กจิ กรรม ระดบั ควำมคิดเห็นตอ่
กำรปฏบิ ัติ
1. การประชมุ ช้ีแจงคณะครใู นการดาเนินการนิเทศภายใน
และวางแผนในการดาเนินการนิเทศภายใน 12345

2. การสร้างความรู้ ความเข้าใจแกค่ ณะครูเกี่ยวกับกระบวนการนิเทศภายใน
3. การสรา้ งความรู้ ความเข้าใจแก่คณะครูในกิจกรรมการนิเทศภายใน

แตล่ ะกจิ กรรม
4. การรับฟงั ความคดิ เห็นของคณะครูในการดาเนินการนิเทศภายใน
5. การดาเนนิ การนิเทศภายในตามปฏิทนิ การนิเทศ
6. มีความยดื หยุ่น ในการดาเนนิ การนิเทศภายในแตล่ ะกจิ กรรม

เพอื่ ความเหมาะสม
7. ผู้ให้การนเิ ทศภายในปฏิบัติตนเป็นกัลยาณมติ ร
8. มีการปฏิสัมพนั ธ์ทด่ี รี ะหว่างผใู้ หก้ ารนเิ ทศภายในกับผ้รู ับการนิเทศ
9. การนาผลทีไ่ ดร้ บั จากการนิเทศภายในไปพัฒนาปรับปรงุ การเรียนการสอน
10. มีการปรบั ปรุงการนเิ ทศภายในให้มคี วามเหมาะสมมากยิ่งข้นึ

29

แบบสอบถำมควำมคิดเหน็ ของครูผสู้ อน ต่อสภำพกำรปฏบิ ตั ิกำรนเิ ทศภำยใน
ตำมกระบวนกำร 5 ข้นั ตอน

ขั้นกำรประเมินผลและรำยงำนผล

รำยกำรประเมิน / กจิ กรรม ระดับควำมคิดเห็นตอ่
กำรปฏบิ ตั ิ
1. การวางแผนและกาหนดแนวทางในการประเมินผลการดาเนินการ
2. การดาเนินการประเมนิ ผล 3 ระยะ คือ ก่อนดาเนนิ การ 12345

ระหวา่ งดาเนินการ และหลังดาเนนิ การ
3. มกี ารใช้เครื่องมือที่สร้างข้ึนในการประเมนิ ผลทกุ ครงั้
4. การกาหนดให้คณะครมู ีสว่ นร่วมกาหนดวิธีการประเมินผล
5. การประเมินผลการดาเนนิ การนิเทศภายในตามกระบวนการ 5 ขนั้ ตอน
6. การประเมินผลการดาเนินการนิเทศภายในแตล่ ะกจิ กรรม
7. มีการตดิ ตามผลการดาเนนิ การนิเทศภายในเปน็ ระยะ ๆ อยา่ งต่อเน่อื ง
8. นาผลจากการประเมินเกบ็ ไว้อย่างเปน็ ระบบ สะดวก ในการนามาใช้

ประโยชน์
9.นาผลจากการประเมินวเิ คราะหแ์ ละหาแนวทาง พัฒนาการนเิ ทศภายใน

คร้งั ต่อไป
10.ระดมความคิดเหน็ จากคณะครใู นการสรุปการประเมนิ ผลเพื่อหาแนวทาง

ในการพัฒนา

30

แบบสอบถำมควำมคิดเหน็ ของครูผู้สอน เก่ียวกับสภำพกำรปฏบิ ัตกิ ำรนเิ ทศภำยใน
โรงเรียนบำ้ นหนองบัวนอ้ ย

สำนกั งำนเขตพน้ื ทีก่ ำรศึกษำประถมศึกษำสุรนิ ทร์ เขต 2
กจิ กรรมกำรเยย่ี มชนั้ เรยี น
กจิ กรรมกำรให้คำปรกึ ษำแนะนำ
กจิ กรรมกำรให้ศึกษำเอกสำรทำงวชิ ำกำร

รำยกำรประเมนิ / กิจกรรม ระดบั ควำมคิดเห็น
ต่อสภำพกำรปฏบิ ัติ
1. มกี ารศกึ ษาและรวบรวมข้อมูลพนื้ ฐาน ซง่ึ เป็นสภาพปัจจบุ นั
ปัญหาการดาเนนิ งานดา้ นต่าง ๆ ของโรงเรียนไวอ้ ยา่ งเปน็ ระบบ 12345

2. มกี ารกาหนดเกณฑ์มาตรฐานของงานทุกดา้ นไว้อย่างเป็นระบบ
3. มกี ารค้นหาความสามารถของครูผู้สอนแต่ละคนในด้านต่าง ๆ
4. การศกึ ษาสภาพปัจจบุ ัน ปัญหา และความต้องการของครผู สู้ อน
5. มกี ารสารวจสภาพปัจจุบัน ปัญหา โดยใช้สอื่ หรือเคร่ืองมือตา่ ง ๆ

เช่น เครอื่ งมอื ประเมนิ คุณภาพนักเรยี น
6. มีการกาหนดวัตถุประสงค์ และเป้ าหมายในการวางแผนการ

นเิ ทศไวช้ ดั เจน
7. มีการกาหนดขัน้ ตอน หรือวิธีการดาเนนิ การตามแผนอย่างชดั เจน
8. กาหนดระยะเวลาในการนิเทศภายในอย่างเหมาะสม
9. มกี ารชี้แจงใหค้ รผู ้สู อนมคี วามเขา้ ใจในแผนการนเิ ทศ
10. มีการปฏิบัตกิ ารนิเทศภายในตามแผนที่กาหนดไว้
11. มีการนาสอื่ เครื่องมอื วิธีการท่เี ตรยี มไว้ในการนิเทศภายใน

มาใช้อย่างจริงจงั
12. ผู้ให้การนิเทศภายในไดป้ ฏิบตั กิ ารนเิ ทศ มีการปรบั วิธกี ารนเิ ทศ

ภายในใหเ้ หมาะสมกบั สถานการณ์

13. ผใู้ หก้ ารนเิ ทศภายในไดใ้ ช้การนเิ ทศภายใน ในการแก้ไขปญั หา
และขอ้ ขดั ข้องทีเ่ กิดขึ้น

14. ใช้หลักการนเิ ทศภายในโดยการสร้างความมมี นษุ ยสัมพนั ธ์
เพ่อื สร้างขวัญกาลังใจแก่ครผู ้สู อน

15. ส่งเสรมิ และสนบั สนนุ วัสดุ อปุ กรณ์และการบริการเพอ่ื
ความสะดวกในการปฏิบัติงานของครผู ้สู อน

16. สง่ เสรมิ และเปิดโอกาสให้ครผู ู้สอนได้คิดค้นวธิ ีการหรือพฒั นา
งานทร่ี บั ผดิ ชอบอยู่ด้วยตนเอง

31

รำยกำรประเมิน / กจิ กรรม ระดับควำมคิดเห็น
ต่อสภำพกำรปฏิบัติ
17. มกี ารประเมนิ ผลการนิเทศภายในตามแผนและโครงการ
ทกี่ าหนดไว้ 12345

18. มกี ารประเมินผลการนิเทศภายในตามวตั ถุประสงค์ที่กาหนดไว้
19. จดั ใหม้ ีการสรปุ ผลการนิเทศภายในตามแผนงานและโครงการ
20. จดั ใหม้ ีการรายงานผลการนเิ ทศภายในใหผ้ ทู้ ่ีมสี ่วนเกี่ยวขอ้ ง

รับทราบเป็นระยะ ๆ และนาผลการประเมินไปใชว้ างแผน
พฒั นาตอ่ ไป

32

แบบประเมนิ โครงกำรนเิ ทศภำยใน
โรงเรียนบ้ำนหนองบัวนอ้ ย

สำนักงำนเขตพ้นื ทก่ี ำรศึกษำประถมศึกษำสุรินทร์ เขต 2

รำยกำรประเมนิ ระดับค่ำกำรประเมิน หมำยเหตุ
1234
1. หลกั การและเหตผุ ล 1 หมายถึง
1.1 มีขอ้ มลู ยนื ยันชัดเจน นอ้ ย
1.2 ความสอดคล้องระหว่างปัญหากบั หลักการและเหตผุ ล 2 หมายถึง
1.3 มีความเป็นเหตุ เป็นผล นา่ เช่ือถอื ปานกลาง
3 หมายถึง
2. วัตถปุ ระสงค์โครงการ มาก
2.1 มีความชัดเจน เฉพาะเจาะจง 4 หมายถงึ
2.2 มีความเปน็ ไปได้ในการดาเนินงาน มากท่ีสดุ
2.3 สามารถวัดและประเมนิ ได้
2.4 มขี อบเขตของเวลาท่ีแน่นอนในการปฏิบัติงาน
2.5 สอดคล้องกับนโยบายของหนว่ ยเหนอื

3. มเี ป้าหมายทชี่ ัดเจน
4. วธิ กี ารดาเนินงานของโครงการ

4.1 สอดคล้องกับวัตถปุ ระสงค์
4.2 ความสมั พนั ธต์ อ่ เนื่องระหว่างกิจกรรม
4.3 วธิ ีดาเนนิ งานชดั เจน และเขา้ ใจงา่ ย
4.4 ชว่ งเวลาในการดาเนนิ งานมีความเหมาะสม
5. คา่ ใช้จ่ายเหมาะสมกับโครงการ
6. ผู้รับผิดชอบและบุคลากรดาเนนิ งานมีความเหมาะสม
7. มีระบบการติดตามและประเมนิ ผลทีช่ ัดเจน
8. มคี วามสัมพันธต์ ่อเนอื่ งกันระหวา่ งองคป์ ระกอบตา่ ง ๆ
ของโครงการ หลกั การและเหตุผล วตั ถปุ ระสงค์ วิธีดาเนนิ การ
เวลา งบประมาณ
9. โครงการมคี วามสอดคล้องกบั แผนงานหลกั ของโรงเรียน
10. ผลสาเร็จของโครงการเป็นไปตามวัตถุประสงค์ / เปา้ หมาย

33

แบบสรปุ ประเมินโครงกำร
โรงเรยี นบำ้ นหนองบัวน้อย
สำนักงำนเขตพื้นท่กี ำรศกึ ษำประถมศึกษำสุรนิ ทร์ เขต 2
ปีกำรศึกษำ ...............................
ช่ืองาน / โครงการ……………………………………………………
ลกั ษณะงาน / โครงการ ใหม่ ต่อเน่อื ง
วตั ถุประสงค์ของโครงการ
………………………………...……….............................................………………………………………………………………
………………………………................................................………………………………………………………………………
เป้าหมายด้านปริมาณ…………........................................……………………………………………………………………
……………………………………………................................................…………………………………………………………
ด้านคุณภาพ……………………………..........................................……………………………………………………………
…………………………………………………...............................................……………………………………………………
เรมิ่ โครงการ วนั ที่………….เดอื น…………………………………พ.ศ……………………
เสรจ็ ส้ินโครงการ วันที่…………เดอื น……………………………..พ.ศ…………………..

1. ภาวะแวดลอ้ ม ระดับคุณคา่

สภาวะแวดลอ้ ม มาก ปาน น้อย น้อย
กลาง มาก
1.1 สภาพปญั หาท่ีต้องจัดทางาน /โครงงานนม้ี ีความสาคัญ
1.2 งาน /โครงการสนองนโยบายความเช่อื สพฐ.
1.3 ความเปน็ ไปได้ท่จี ะบรรลุวตั ถปุ ระสงค์
ข้อที่ 1
ข้อท่ี 2
ขอ้ ท่ี 3
1.4 ความเปน็ ไปได้ท่ีจะบรรลุเปา้ หมาย
1. ด้านปรมิ าณ
2.ดา้ นคณุ ภาพ

34

2. ปัจจัย / ทรัพยำกร เป็นไปได้ ระดับคุณภาพ
ตามแผน
ปจั จัย / ทรัพยากร ไมเ่ ป็นไปตามแผน ไม่เป็นไปตามแผน
แต่ดาเนินการได้ ควรปรับปรงุ
2.1 บคุ ลากรที่เปน็ ครู/ อาจารย์
2.2 บคุ ลากรอ่นื ๆ (ระบุ)………
2.3 นักเรยี น
2.4 งบประมาณ
2.5 วัสดุอปุ กรณ์
ก. ปรมิ าณ
ข. คุณภาพ
2.6 เอกสาร
ก. ปริมาณ
ข. คุณภาพ
2.7 ระยะเวลาดาเนินการ
2.8 สถานทด่ี าเนนิ การ
2.9 อืน่ ๆ (ระบุ)……………

3. กำรดำเนินงำน ข้นั ตอนและรำยกำรปฏิบัตขิ องงำน / โครงกำร

ระดบั คุณภาพ

การดาเนนิ งาน ข้ันตอนและรายการปฏิบตั ขิ องโครงการ ดี พอใช้ ควร
ปรบั ปรุง
3.1 การเตรยี มการ
3.2 การปฏิบตั ิงานเป็นไปตามแผนในงาน/โครงการ
3.3 การประสานงาน
3.4 การปฏบิ ตั ิ (ระบุกิจกรรมหลกั )
3.5 การปฏิบตั ิงานเป็นไปได้ตามระยะเวลาทกี่ าหนด
3.6 กระบวนการในการปฏิบัติให้บรรลุวตั ถปุ ระสงค์ได้

35

4. ผลผลติ ผลที่ไดเ้ ม่ือสนิ้ สดุ งำน / โครงกำร

ระดับคุณภำพ

ผลผลติ มำก มำก ปำน นอ้ ย น้อย
ทส่ี ดุ กลำง ท่ีสดุ
4.1 ผลท่ีได้บรรลวุ ัตถุประสงค์
ขอ้ ที่ 1.
ขอ้ ที่ 2.
ขอ้ ที่ 3.
4.2 ผลงานบรรลุเป้าหมาย
ก. ด้านปริมาณ
ข. ด้านคณุ ภาพ

5. เครือ่ งชี้วัดควำมสำเรจ็ ของงำน / โครงกำร มี ไมม่ ี

ถ้ามี เครื่องมือ แบบสอบถาม แบบสังเกต แบบสมั ภาษณ์ แบบทดสอบ

จากการใช…้ ……………...............................……..สารวจความคดิ เห็นของ……………………จานวน……….ราย

มผี ลการประเมินโครงการดังน้ี

……………………………………………………………………….....…….......................................……………………………

……………………………………………………………............................................……………………………………………

ความคิดเหน็ และข้อเสนอแนะ

………………………………………………………….............................................………………………………………………

……………………………………………………………………............................................……………………………………

(ลงชื่อ) ………………………………. ผรู้ ายงาน

(…………………………………)

วนั ที่………เดอื น…………………….พ.ศ…………

ความคิดเห็นของผูบ้ รหิ ารโรงเรียน

……………………………………………………................................................…………………………………………………

…………………………….............................................……………………………………………………………………………

(ลงชื่อ) ………………………………

(นายเทยี นชยั เทียมทอง)

ผอู้ านวยการโรงเรียนบา้ นหนองบัวน้อย

………/………………../…………

36

บทท่ี 4
แนวทำงกำรจดั กิจกรรมกำรนิเทศภำยใน

การจดั การนิเทศภายในโรงเรียนมกี ิจกรรมท่จี ะจดั ไดห้ ลายกจิ กรรม แตจ่ ะใช้กจิ กรรมใดบ้าง
ข้นึ อยู่กับสภาพแวดล้อม ความรู้ ความสามารถของผู้นิเทศ และผู้รับการนเิ ทศ ความเป็นไปได้และ
ความคาดหวงั ต่อความสาเร็จในการปรบั เปลีย่ นพฤติกรรมของครู ทง้ั ยงั ต้องสอดคล้องกับจุดประสงค์
การนิเทศด้วย โรงเรยี นบ้านหนองเหลก็ ได้พจิ ารณาเลือกกจิ กรรมนเิ ทศภายใน 3 กิจกรรม ได้แก่

1. กจิ กรรมการเย่ียมชั้นเรยี น
2. กจิ กรรมการใหค้ าปรึกษาแนะนา
3. กจิ กรรมการให้ศึกษาเอกสารทางวชิ าการ

แนวทำงกำรจัดกจิ กรรมกำรเยี่ยมชน้ั เรยี น

ควำมหมำยกำรเย่ียมนิเทศช้ันเรียน
การเย่ยี มนเิ ทศชั้นเรยี น หมายถงึ การทีผ่ นู้ เิ ทศไปพบและสังเกตการณ์ทางานของครใู นชั้น

เรียน เพือ่ ร่วมกนั พัฒนาการทางานให้มคี ุณภาพ

วัตถปุ ระสงค์
2.1 เพ่ือสารวจความต้องการของครู
2.2 เพอ่ื ศึกษาปญั หาของครใู นสถานศกึ ษา
2.3 เพอ่ื ประเมนิ ผลการสอนของครู
2.4 เพ่อื กระตุน้ ให้ครูปรบั ปรงุ การจัดการเรยี นรู้
2.5 เพื่อให้คาปรึกษาแนะนาแก่ครู

ขน้ั ตอนกำรนิเทศแบบเยี่ยมนเิ ทศชัน้ เรยี น

สรำ้ งข้อตกลงในกำรเยี่ยมช้ัน
เรียน

ปรบั ปรงุ กำรทำงำน เย่ยี มนเิ ทศชน้ั เรียน

วิเครำะหผ์ ลกำรเยีย่ มนเิ ทศชั้น
เรียนเรียน

37

รำยละเอยี ดข้นั ตอนกำรนิเทศแบบเย่ียมนิเทศช้นั เรยี น

ขั้นที่ 1 สรำ้ งขอ้ ตกลงในกำรเยยี่ มนิเทศช้นั เรยี น
การสรา้ งข้อตกลงในการเย่ยี มนเิ ทศช้นั เรียน มขี นั้ ตอนดังนี้
1.1 พบปะสนทนา สร้างความค้นุ เคยและสรา้ งเจตคติท่ีดีในการนเิ ทศแก่ครู
1.2 วางแผนการเยี่ยมนเิ ทศช้นั เรียน ร่วมกบั ครใู นเรื่องต่าง ๆ ดงั น้ี
1.2.1 กาหนดการเย่ยี มนิเทศชัน้ เรียน
1.2.2 กาหนดจุดมงุ่ หมายในการเยีย่ มนเิ ทศชน้ั เรยี น
1.2.3 กาหนดเรื่องท่ีจะนิเทศตามความต้องการ / จาเป็น ดังนี้
1) การจดั ทาเอกสารและงานธุรการประจาหอ้ งเรยี น
2) การจดั ห้องเรยี นและบรรยากาศในห้องเรยี น
3) การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้
1.2.4 กาหนดวธิ ีการนิเทศ ดังนี้
1) สารวจปัญหาและความต้องการของครู
2) สอบถามการปฏบิ ตั งิ านของครู
3) ให้คาปรึกษาแนะนา
4) สังเกตการสอน

ข้ันท่ี 2 ปฏิบัติกำรเย่ียมชัน้ เรียน
ผู้นเิ ทศปฏบิ ตั กิ ารเย่ยี มนเิ ทศช้นั เรยี น ตามขอ้ ตกลงที่กาหนดร่วมกันกับครู ดังน้ี
2.1 เข้าเยีย่ มนเิ ทศช้ันเรียน ตรงตามเวลาที่กาหนด
2.2 ให้ความเป็นกนั เอง เพื่อสรา้ งเจตคติทด่ี ีแก่ครู

ขน้ั ท่ี 3 วเิ ครำะห์ผลกำรเยี่ยมนิเทศชนั้ เรยี น
ข้ันวิเคราะหผ์ ลการเย่ียมนเิ ทศชัน้ เรยี น มีขัน้ ตอนดังนี้
3.1 วเิ คราะห์ผลการเยยี่ มนเิ ทศชัน้ เรียนร่วมกับครู
3.2 สรุปผลการเยีย่ มนเิ ทศชน้ั เรยี น
3.3 ใหค้ าปรึกษาแนะนา

ขัน้ ที่ 4 ปรับปรุงกำรทำงำน
ครูนาผลการเยีย่ มนเิ ทศชั้นเรียน มาปรับปรุงแก้ไข

38

แบบบนั ทกึ นิเทศแบบเยี่ยมนิเทศช้นั เรยี น
โรงเรียนบำ้ นหนองบัวนอ้ ย

สำนกั งำนเขตพ้ืนที่กำรศกึ ษำประถมศึกษำสุรนิ ทร์ เขต 2

ชอ่ื ผนู้ เิ ทศ………………………..…ชอ่ื ผู้รบั กำรนเิ ทศ……….……………………ชน้ั ……………

วัน เดือน ปี วิเครำะหผ์ ล สรปุ ผล ใหค้ ำปรึกษำ
กำรเยย่ี มนิเทศช้ันเรียน กำรเย่ยี มนิเทศช้นั เรยี น แนะนำ

39

แนวทำงกำรจดั กิจกรรมกำรใหค้ ำปรึกษำแนะนำ

ควำมหมำย
การใหค้ าปรึกษาแนะนาเป็นการพบปะกันระหวา่ งผ้นู เิ ทศกับผรู้ บั การนิเทศซึ่งอาจกระทา

ไดห้ ลายวิธี แตใ่ นทน่ี ้ขี อเสนอเทคนคิ การนเิ ทศแบบ โคชชง่ิ (Coaching Techniques) ซึ่งเป็นวิธีการ
พัฒนาบุคลากรอย่างมแี บบแผน โดยกระทา ณ จดุ ปฏิบัติงาน

วตั ถปุ ระสงค์
เพ่ือชว่ ยใหผ้ ปู้ ฏิบัติงานก้าวหน้าไปถงึ จดุ หมายปลายทางได้ เชน่ ความก้าวหน้าทางวชิ าชีพ

ความสามารถทจ่ี ะรับผิดชอบงานในหน้าที่สงู ขึน้ (เชน่ ในกรณีแตง่ ต้งั เป็นผูน้ ิเทศ) หรือ เปน็ ทย่ี อมรบั ของ
เพื่อนรว่ มงานมากขน้ึ

วธิ กี ำรให้คำปรกึ ษำแนะนำ
การใหค้ าปรึกษาแนะนา มี 2 วิธี คือ
วธิ ีท่ี 1 กำรให้คำปรึกษำแนะนำแบบไม่เปน็ ทำงกำร
เป็นการให้คาปรึกษาแนะนา โดยใช้เวลาว่างพดู คุยกัน เชน่ ตอนรับประทานอาหาร

กลางวนั เป็นต้น วธิ ีนผี้ ู้นิเทศสามารถใหค้ วามชว่ ยเหลือผู้รับการนิเทศ ได้ 3 ลกั ษณะ คือ
1.1 บอกวธิ ีแก้ปัญหาโดยตรง
1.2 เสนอขอ้ มลู และใหโ้ อกาสผู้รับการนเิ ทศวิเคราะห์ปญั หาเอง
1.3 แบบผสมผสาน ทั้งลกั ษณะท่ี 1 และ 2
ข้ันตอนกำรนิเทศ
1) รับรูป้ ัญหา
2) วิเคราะหป์ ัญหา
3) แก้ไขปัญหา โดยเลอื กวิธลี กั ษณะใดลักษณะหนึง่ ข้างต้นนี้

วิธที ่ี 2 กำรให้คำปรกึ ษำแบบเป็นทำงกำร
การให้คาปรึกษาแบบเป็นทางการใช้ข้ันตอนการนเิ ทศแบบ โคชชง่ิ เขียนเปน็

สญั ลกั ษณ์ คือ CQCD ซงึ่ ย่อมาจากคาต่อไปน้ี
C - Compliment (ชมเชย)
Q - Question (สอบถำม)
C - Correct (แก้ไข)
D - Demonstrate (สำธติ )
ดังแผนภมู ิ

ชมเชย

สำธติ สอบถำม

แกไ้ ข

40

รำยละเอียดขั้น ตอนกำรนิเทศแบบกำรใหค้ ำปรกึ ษำแนะนำ
ขน้ั ท่ี 1 ชมเชย
เมือ่ มีใครคนหนง่ึ กาลงั รบั การนิเทศ เขาอาจรสู้ ึกวา่ เขาถกู วิพากษว์ ิจารณ์ เขาจงึ

พยายามหาขอ้ แก้ตัวตา่ ง ๆ และพยายามสรา้ ง “กาแพงใจ” มาขวางก้ันการตดิ ต่อสื่อสารระหวา่ งเขากับ
ผู้นเิ ทศ

แตเ่ มอ่ื เร่ิมการสนทนาด้วยการชมเชย ยกย่องผลงานทดี่ ขี องเขากอ่ น (ดว้ ยความ
บริสุทธิ์ใจ) เขาก็จะ “ปลดอาวธุ ตนเอง” ข้อแก้ตัวของเขาก็จะถูกเกบ็ เอาไว้ และ “กาแพงใจ”
จะเปิดออก แล้วเขาก็พรอ้ มท่ีจะรับฟัง

ข้นั ที่ 2 สอบถำม
ในข้ันท่แี ล้วมา แมว้ า่ จะได้คาชมเชยแกเ่ ขาไปบา้ งแล้ว บางทคี วามคิดต่อตา้ น

อาจเกดิ ขนึ้ ได้อีกอย่างงา่ ยดาย หรอื กระทาในเชิงวิจารณ์ หรือเสนอแนะเรว็ ขึ้น
การถามในขน้ั น้ี ทาให้ผูร้ ับการนิเทศมคี วามม่ันใจว่า ผ้นู ิเทศยนิ ดรี บั ฟังเหตผุ ล

ของเขา และเขารูส้ ึกวา่ ผนู้ เิ ทศตอ้ งการมาให้ความช่วยเหลอื มจี ิตใจเปิดกวา้ งและการส่ือสารเปน็ แบบ
ค่ปู รึกษามากกวา่ แบบเจ้านายกับลูกน้อง

“ข้อควรระวงั กค็ อื อย่ำถำมใหเ้ ขำรสู้ ึกว่ำ เป็นกำรจับผิด”
ขั้นที่ 3 แก้ไข
เม่อื ผา่ นมา 2 ข้นั ตอนแลว้ ผู้นเิ ทศก็มาถึงขัน้ ทีจ่ ะเสนอแนะแนวทางปรบั ปรุงแก้ไขขอ้ บกพร่อง
ตา่ ง ๆ ได้ เพราะมีความเข้าใจท่ีดีต่อกัน
ขนั้ ที่ 4 สำธติ

บางคร้งั การอธิบายตามข้ันตอนท่ี 3 อาจไม่ชัดเจนเพยี งพอ จึงอาจสาธิตหรือ
ยกตวั อยา่ ง ยกเหตุการณ์ มาแสดงใหเ้ ห็นจรงิ

การนิเทศแบบ โคชช่งิ สามารถนาไปใช้นเิ ทศไดท้ ้ังงานวชิ าการและงานอ่ืน ๆ
อีก 3 งาน ได้เปน็ อย่างดี

เมอ่ื ผู้นิเทศ ใหค้ าปรึกษาแนะนาผ้รู บั การนิเทศเสรจ็ แล้ว จงึ บนั ทึกลงใน แบบบันทึกการ
ใหค้ าปรกึ ษาแนะนาดงั น้ี

41

แบบบันทกึ กำรให้คำปรกึ ษำแนะนำ
โรงเรียนบ้ำนหนองบัวนอ้ ย

สำนกั งำนเขตพน้ื ท่กี ำรศึกษำประถมศึกษำสุรินทร์ เขต 2

วัน เดือน ปี เรือ่ งทใี่ ห้ รำยละเอียด ผรู้ ับ
คำปรกึ ษำแนะนำ กำรใหค้ ำปรกึ ษำแนะนำ กำรนเิ ทศ

(ลงชอ่ื )………………………..ผู้นิเทศ
(…………..…………….)

ตาแหนง่ ……………………………………

42

แนวทำงกำรจัดกิจกรรมกำรให้ศกึ ษำเอกสำรทำงวชิ ำกำร

1. ควำมหมำย
การใหศ้ ึกษาเอกสารทางวิชาการ หมายถงึ การมอบหมายเอกสารให้ผู้รับการนเิ ทศไป

ศึกษาคน้ คว้าเร่ืองใดเรื่องหนึง่ หรือตอนใดตอนหนึ่งแล้วนาความร้นู น้ั มาถ่ายทอดให้แก่คณะครู

2. วตั ถุประสงค์
2.1 เพอ่ื ใหผ้ ูร้ บั การนิเทศมโี อกาสได้ศึกษาหาความรคู้ วามเข้าใจดว้ ยตนเอง จากเอกสาร

ทางวชิ าการ
2.2 เปน็ การเสริมแรงให้แกผ่ ู้รับการนเิ ทศในการทจี่ ะศึกษาหาความรคู้ วามเขา้ ใจเพิ่มเตมิ

เพ่ือเตรียมตวั ไปถา่ ยทอดความรู้ใหผ้ ูอ้ ื่นต่อไป

3. ขั้นตอนกำรศึกษำเอกสำรทำงวิชำกำร

เตรยี มผรู้ บั กำรนิเทศ

สรุปข้อมูล เอกสำรทำงวิชำกำร

กำรประเมนิ ผล ถำ่ ยทอดควำมรู้

รำยละเอยี ดขั้นตอนกำรนิเทศแบบกำรศกึ ษำเอกสำร
ขน้ั ท่ี 1 เตรียมผูร้ บั กำรนิเทศ
ข้นั เตรยี มผ้รู ับการนิเทศ มีขนั้ ตอนดงั นี้
1.1 ผู้บรหิ ารศกึ ษาสภาพปัจจุบัน ปญั หา เมื่อพบว่าครูไมเ่ ข้าใจการจัดกระบวนการ

เรียนการสอน เช่น ไม่ได้เตรยี มความพร้อมเดก็ แรกเรียน เด็กไม่เข้าใจ ทักษะกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์ ครไู มเ่ ข้าใจวิธีการสอนคณิตศาสตร์ ในเร่ืองโจทยป์ ัญหา หรอื เรื่องเศษสว่ น เป็นต้น

1.2 ผบู้ รหิ ารเลือกผู้รับการนิเทศ จากการศึกษาข้อมลู โดยมุ่งเนน้ ผู้ท่ีมปี ญั หามาก
และเหมาะสมจะใช้กจิ กรรมการนเิ ทศน้ี

1.3 ผู้บริหารจูงใจให้ผ้รู บั การนเิ ทศ รับมอบหมายงานด้วยความเต็มใจ และพอใจโดย
ใชค้ าพูดจูงใจหรือวธิ ีการตา่ ง ๆ เชน่ “เห็นวา่ คณุ เปน็ ผู้อา่ นหนังสือเก่ง สรุปใจความเก่ง พดู เข้าใจง่าย ฯลฯ
จงึ มอบเอกสารให้อ่าน เพ่อื นามาเลา่ ให้เพื่อนครูฟงั จะได้มีความเขา้ ใจได้ตรงกนั ทุกคน” ฯลฯ

ขัน้ ท่ี 2 ศกึ ษำเอกสำรทำงวชิ ำกำร
ข้ันศกึ ษาเอกสารทางวชิ าการ มขี นั้ ตอนดังนี้
2.1 ผ้บู รหิ าร มอบเอกสารทางวชิ าการ ใหผ้ ้รู ับการนเิ ทศไปศกึ ษาค้นคว้าใช้เวลา

ประมาณ 3 – 5 วนั
2.2 ผ้รู ับการนิเทศ ศึกษาเอกสารและสรุปยอ่ ความรู้ทไี่ ด้จากเอกสาร

43

ขัน้ ท่ี 3 ถ่ำยทอดควำมรทู้ ำงวิชำกำร
ขน้ั ถา่ ยทอดความรทู้ างวิชาการ มขี ้ันตอนดังน้ี
3.1 ผู้บริหารเตรยี มสถานท่ีประชุม อาจจะใช้ห้องพักครูหรือหอ้ งประชมุ ใชเ้ วลา

หลงั รบั ประทานอาหารกลางวัน หรอื ใช้ชว่ งเวลาและสถานทอ่ี ่นื ๆ ทเ่ี ห็นว่าเหมาะสม
3.2 แจง้ ผรู้ บั การนิเทศและคณะครูในโรงเรยี น ทราบวัตถุประสงค์ใหต้ รงกนั พร้อม

ทัง้ แจ้งกาหนดวัน เวลาและสถานทีป่ ระชมุ
3.3 ผู้รบั การนเิ ทศ ใช้เวลาถา่ ยทอด 15 – 30 นาที ไมค่ วรใชเ้ วลานานเกนิ กว่า

ชว่ งความสนใจ และไม่เสียเวลาในการทากิจกรรมอนื่ ๆ
ขน้ั ท่ี 4 ประเมินผล
4.1 ผบู้ รหิ ารสังเกตการเปลยี่ นแปลงการจัดการเรียนรูข้ องครู ซึ่งเปน็ ผรู้ บั การนิเทศ

หลังจากทถี่ ่ายทอดความร้ไู ปแลว้
4.2 ผบู้ ริหารสนทนา สอบถาม ผ้รู ับการนเิ ทศ เพอ่ื สังเกตความเข้าใจความสนใจและ

การนาไปใช้
ข้ันที่ 5 สรุปข้อมูล
ขนั้ ประเมนิ ผล มีขนั้ ตอนดังนี้
5.1 ผู้บริหารสรปุ ข้อมูลของผู้รบั การนิเทศ จากการประเมนิ ถา้ เป็นไปตามท่ีมุ่งหวงั

ควรยกย่องชมเชยผู้รับการนเิ ทศ เปน็ การสรา้ งขวัญ กาลังใจ
5.2 ควรหมนุ เวียนให้ผอู้ น่ื ได้รบั การนเิ ทศแบบเดียวกันบ้าง

เม่อื ปฏิบตั กิ ำรนเิ ทศเสร็จแลว้ จงึ บันทึกลงในแบบบนั ทึกนเิ ทศ ดงั น้ี

44

แบบบนั ทกึ กำรให้ศึกษำเอกสำรทำงวิชำกำร
โรงเรยี นบ้ำนหนองบัวนอ้ ย

สำนกั งำนเขตพืน้ ท่ีกำรศึกษำประถมศกึ ษำสุรนิ ทร์ เขต 2

ชือ่ ผนู้ ิเทศ………………………………..................................................................................

วนั เดอื น ปี เร่อื งทศ่ี กึ ษำ สรปุ เรื่องทศ่ี ึกษำ หมำยเหตุ

45

บรรณำนุกรม

กรองทอง จิรเดชากลุ . ค่มู ือกำรนิเทศภำยในโรงเรียน. กรงุ เทพ ฯ : บริษัท สานักพิมพธ์ ารอกั ษร จากดั ,
2550.

วิไลรัตน์ บญุ สวัสด์ิ . หลักกำรนิเทศกำรศึกษำ. ภาควชิ าบรหิ ารการศกึ ษา คณะครศุ าสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั , 2530.

สชุ าติ ศรีสวุ รรณ . กำรจดั กำรนเิ ทศภำยในโรงเรยี น สงั กดั สำนกั งำนกำรประถมศกึ ษำจังหวัด :
กำรศกึ ษำเฉพำะกรณจี ังหวัดเลย. วิทยานพิ นธป์ ริญญามหาบัณฑติ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั ,
2528.

สนุ ทร ไคลมี . กำรจดั กำรนิเทศภำยในโรงเรยี น สังกัดสำนกั งำนกำรประถมศึกษำจงั หวัด :
กำรศึกษำเฉพำะกรณจี งั หวดั กำญจนบุรี. วทิ ยานพิ นธป์ รญิ ญามหาบัณฑิต
จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั , 2528 .

สรุ ศักด์ิ ปาเฮ . “การนิเทศภายในหัวใจของการปฏิรปู การเรียนรใู้ นโรงเรยี น” วำรสำรวชิ ำกำร.
ปีท่ี 5 ฉบับท่ี 8 สิงหาคม 2545.

สมเกยี รติ รัตนวฑิ ูรย์ . กำรจัดงำนวิชำกำรภำยในโรงเรียนประถมศึกษำ สังกดั สำนกั งำน
กำรประถมศกึ ษำจังหวดั : กำรศึกษำเฉพำะกรณีจงั หวัดน่ำน. วทิ ยานิพนธ์ปรญิ ญา
มหาบัณฑติ จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย . 2530.

สานกั งานคณะกรรมการการประถมศึกษาแหง่ ชาติ . คู่มือผู้บรหิ ำรโรงเรยี น : กำรดำเนนิ กำรนเิ ทศ
ภำยในโรงเรียนประถมศกึ ษำ. เอกสาร ศน. ที่ 56/2534, 2534.

46


Click to View FlipBook Version