The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วิชางานไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เบื้องต้น

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by nat160, 2021-08-17 04:50:38

หนังสือ e-book เรื่องตัวต้านทาน

วิชางานไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เบื้องต้น

เร่อื งตัวตำ้ นทำน

บทนำ

ตัวต้านทาน เป็นอุปกรณ์ทางไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ชนิดหน่ึง ผลิตข้ึนมาใช้งาน
โดยผลิตความต้านทานแตกตา่ งกันไปต้ังแต่ค่าต่าถึงค่าสูง มีคุณสมบัติในการต้านการไหล
ของตัวต้านทานท่ีผลิตขึ้นมาใงานมีหลายชนิด ท้ังจากลดุท่ีใช้ในการผลิต รูปร่าง คุณใน
การทางานและการทนกาลังไฟฟ้า การนาตัวต้านทานไปใช้งาน จาเป็นต้องศึกษาทาความ
เข้าใจถึงคุณสมบตั ิของตวั ตา้ นทานแต่ละชนดิ รูปแบบและโครงสรา้ ง หนว่ ยท่ีใช้บอกด่าความ
ตา้ นทานการอา่ นค่ารหสั สี และความผิดพลาดท่ีเกิดขึ้น

ควำมต้ำนทำนและตวั ต้ำนทำน

ความต้านทานและตัวต้านทาน
ส่ิงต่าง ๆ ท่ีอยู่บนโลก ไม่ว่าเป็นของแข็ง ของเหลว วัตถุ ธาตุ รวมถึงส่ิงมีชีวิต

ทั้งหมด จะมีความต้านทาน (Resistance) อยู่ภายในตัวท้ังส้ิน ความต้านทาน คือแรง
มต้าากนแทต่ีเกกดิ ตขา่ ึ้นงใกนนัส่ิงสต่ิง่าทง่ีมๆีควตา้ามนตก้าานรทไหาลนขตอ่างยกอรมะใแหส้กไรฟะฟแส้าไใฟห้สฟา้ามไาหรลถผไ่าหนลไผด่า้มนาไกปไถดูก้นเ้อรยียหกรวือ่า
ตัวนาไฟฟ้า (Conductor) ส่ิงท่ีมีความต้านทานสูงยอมให้กระแสไฟฟ้าผ่านได้น้อย ถูก
เรียกว่า ฉนวนไฟฟ้า (Insulator) วัตถุต่างชนิดกันจะมีความต้านทานแตกเช่น เงินเป็น
ตัวนาไฟฟ้า มคี า่ ความต้านทาน 1.6 x 10* 2 - cm ท่ี 20* C หรือยางเป็นฉนวนไฟฟ้า
มีค่าความต้านทาน 10" Q2 - cm ท่ี 20* C เปน็ ต้น

ความต้านทานมีผลต่อการทางานของอุ ปกรณ์ไฟฟ้ า เคร่ืองมือไฟฟ้ า
เคร่ืองใช้ไฟฟ้า รวมถึงระบบการทางานของวงจรทางไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ช่วยให้
ระบบการทางานสามารถทางานได้ตามความต้องทาให้มีการผลิตตัวต้านทาน (Resistor)
ออกมาใช้งาเพร่หลายมากมาย ทัง้ รูปรา่ ง ขนาด ชนดิ แบบ และคุณสมบัติในการทางาน

ชนดิ ของตัวต้ำนทำน

8.2 ชนิดของตวั ตา้ นทาน
ตัวต้านทานท่ีผลิตมาใช้งานมีด้วยกันหลายชนิด หลายรูปแบบ และหลายโครงสร้าง

เพ่ือใช้ความสะดวกและเหมาะสมกับการใช้งาน วัสดุท่ีใช้ในการผลิตมีทั้งใช้โลหะและอโลหะ
แบ่งชนดิ ศ
ใช้งาน แบ่งกวา้ งๆ ได้เปน็ ชนดิ ค่าคงท่แี ละชนิดปรบั คา่ ได้ แบง่ ออกตามโครงสรา้ งไดด้ งั นี้

1. ตัวตา้ นทานชนดิ คา่ คงท่ี
2. ตวั ตา้ นทานชนดิ แบ่งค่า
3. ตวั ตา้ นทานชนิดเปล่ยี นเลือกคา่
4. ตัวต้านทานชนดิ ปรบั เปล่ยี นคา่
5. ตัวต้านทานชนิดพิเศษ

8.2.1 ตัวตา้ นทานชนดิ คา่ คงท่ี
ตัวตา้ นทานชนิดคา่ คงท่ี (Fixed Resistor) เปน็ ตวั ตา้ นทานท่ีผลิตข้ึนมาใช้งาน

แต่ละตัวมีค่าความต้านทานคงท่ีตายตัว ผลิตค่าออกมาใช้งานมีความหลากหลายตั้งแต่ค่า
ความตา้ นทานต่า ๆ เปน็ เศษสว่ นของโอห์ม จนถึงค่าความต้านทานสูง ๆ เป็นเมกะโอห์ม
ข้ึนไป ผลิตด้วยวัสดุท้ังโลหะและอโลหะ โดยเรียกช่ือตัวต้านทานชนิดคงท่ีตามวัสดุท่ีใช้ผลิต
เช่น ชนิดลวดพัน ชนิดฟิล์มโลหะ ชนิดสนิมโลหะ ชนิดคาร์บอน และชนิดฟิล์มคาร์บอน
เป็นต้น มีค่าทนกาลังไฟฟ้าต้ังแต่ค่าต่าน้อยกว่าหน่ึงวัตต์ จนถึงค่าสูงเป็นพันวัตต์ขึ้นไป
รูปร่างและสัญลกั ษณต์ ัวต้านทานชนิดค่าคงท่ี แสดงดังรูปท่ี 1

(ก) ชนดิ ลวดพัน (ข) ชนิดฟิล์มโลหะ

(ค) ชนิดสนมิ โลหะ (ง) ชนดิ คารบ์ อน

(จ) ชนดิ ฟิล์มคารบ์ อน (ฉ) สญั ลักษณ์

รูปท่ี 1 ตัวต้านทานชนดิ ค่าคงท่ี

ในปัจจุ บันอุปกรณ์ เคร่ืองมือ เคร่ืองใช้ทางไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์มีขนาดเล็กลง
ทาให้ตัวต้านทานชนิดค่าคงท่ีถูกปรับเปล่ียนรูปแบบให้มีขนาดเล็กลงตามไปด้วย เพ่ือให้
เหมาะสม เกิดความสะดวกต่อการนาไปใช้งาน และทันกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ตัวต้านทาน
ชนิดค่าคงท่ีจึงถูกพัฒนารูปแบบให้มีลักษณะแตกต่างไปเพ่ิมมากขึ้น เช่น แบบจัดกลุ่มขา
เรียงด้านเดียว หรือ SIL (Single in Line) แบบจัดกลุ่มขาเรียงสองด้าน หรือ DIL (Dual
in Line) และแบบแปะติด SMD (Surface Mounted Devices) เป็นต้น ตัวต้านทานชนิด
ค่าคงท่ีแบบใหม่ แสดงดงั รูปท่ี 2

(ก) แบบจดั กลุ่ม SIL (ข) แบบจัดกลมุ่ DIL

(ค) แบบแปะติด SMD
รูปท่ี 2 ตัวตา้ นทานชนดิ ค่าคงท่แี บบใหม่

ตวั ตำ้ นทำนชนดิ แบง่ คำ่

ตัวต้านทานชนิดแบ่งค่า (Tapped Resistor) เป็นตัวต้านทานท่ีผลิตข้ึนมาใช้งานแต่ละ
ตวั มีค่าคงท่ตี ายตัวเช่นเดยี วกับตัวตา้ นทานชนดิ คงท่ี แตแ่ ยกจานวนขาคงท่ีออกมาจากตัว
ต้านทานเพ่ิมข้ึนมากกว่า 2 ขาขึ้นไป เช่น 3 ขา 4 ขา และ 5 ขา เป็นต้น ความต้านทานท่ี
ต่อแยกออกมา ต่อแบบอนุกรมเรียงกันไป ตามค่าท่ีกาหนดไว้ ตัวต้านทานชนิดนี้เป็นชนิด
ลวดพัน ผลิตด้วยโลหะหลายชนิด หรือโลหะหลายชนิดผสมรวมกัน เช่น นิกเกิล สังกะสี
แคดเมียม ทองแดง โครเมียม และแมงกานีส เป็นต้น จะใช้โลหะชนิดใดผสมกันข้ึนอยู่กับ
จุ ดประสงค์ของการใช้งาน เช่น ทนความร้อนสูง ทนกระแสสูง หรือทนแรงดันสูง เป็นต้น
ผลิตมาใช้งานมีความตา้ นทานหลากหลายค่า ตั้งแต่ค่าต่าน้อยกว่าโอห์มจนถึงค่าสูงเป็นเม
กะโอห์มข้ึนไป และผลิตให้มีค่าทนกาลังไฟฟ้าสูงจากเป็นวัตต์ จนถึงเป็นพันวัตต์ข้ึนไป
รูปร่างและสัญลกั ษณ์ตัวตา้ นทานชนิดแบ่งค่า แสดงดงั รูปท่ี 3

(ก) รูปรา่ ง รูปท่ี 3 ตัวตา้ นทานชนดิ แบง่ คา่ (ข) สัญลกั ษณ์

ตวั ต้านทานชนดิ เปล่ยี นเลอื กคา่

ตวั ตา้ นทานชนดิ เปล่ยี นเลือกค่า (Adjustable Resistor) เป็นตัวต้านทานท่ีผลิตขึ้นมา
แต่ละตัวมีค่าคงท่ีตายตวั คล้ายกับตัวต้านทานชนิดแบ่งค่า ขาท่ีสามท่ีเพ่ิมเข้ามาสามารถ
เปล่ียนตาแหนง่ เลอื กคา่ ความตา้ นทานใหมไ่ ด้ตามต้องการ ตวั ตา้ นทานชนดิ นีเ้ ป็นชนดิ ลวด
พนั โดยพันเสน้ ลวดโลหะรอบแกนเซรามิกรูปทรงกระบอก มสี ่วนหน่ึงของเส้นลวดไม่ได้หุ้ม
ฉนวน ขาท่ีสามเป็นปลอกโลหะสวมล้อมรอบ มีส่วนหน่ึงสัมผัสกับเส้นลวดไม่ได้หุ้มฉนวน
บนตัวต้านทาน สามารถปรับเล่ือนไปมาได้ตามต้องการ มีสกรูขันยึดปลอกโลหะให้สัมผัส
ผแนล่นิตกมับาใเชส้ง้นาลนวมดีคทว่ีตาัมวตต้า้านนททาานนหเลพา่ือกปห้ ลอางยกคัน่ากาตรั้งเแลต่ือ่คน่าเปตล่ า่นีย้อนยตกาแวห่าโนอ่งห์มตจัวนตถ้าึงนคท่าาสนูงชเปน็นิดเนม้ี
กะโอห์มขน้ึ ไปเช่นเดยี วกัน มีคา่ ทนกาลังไฟฟ้าวัตต์สูงเป็น 10 วัตต์ จนถึงเป็นพันวัตต์ขึ้น
ไป รูปร่างและสัญลักษณต์ วั ต้านทานชนิดเปล่ียนเลือกคา่ แสดงดังรูปท่ี 8.10

(ก) รูปร่าง (ข) สัญลักษณ์
รูปท่ี 4 ตวั ตา้ นทานชนิดเปล่ียนเลือกคา่

ตวั ตา้ นทานชนิดปรบั เปล่ียนคา่

ตัวตา้ นทานชนิดปรบั เปลี่ยนค่า (Variable Resistor) เป็นตัวต้านทานที่ผลิตข้ึน มาแต่
ละตวั มีค่าคงที่ตายตัว คล้ายกับตัวต้านทานชนิดเปล่ียนเลือกค่า โดยมีขาท่ีสามเพิ่มเข้ามา
เพือ่ ปรับเปลย่ี นค่าความต้านทานใหมไ่ ดอ้ ย่างอสิ ระ ตง้ั แต่ค่าความต้านทานต่าสุด ไปจนถึง
ค่าความต้านทานสูงสุดอย่างต่อเน่ืองทุกเวลาตามความต้องการ วัสดุที่น่ามาใช้ผลิตมีทั้ง
ประเภทอโลหะและประเภทโลหะ ประเภทอโลหะผลิตจากวัสดุจ่าพวกคาร์บอน มีค่าการ
ทนก่าลังไฟฟ้าต่า ส่วนประเภทโลหะเป็นชนิดลวดพันผลิตจากลวดนิกเกิลและแคดเมียม
แบบนผ้ี ลิตให้ทนก่าลัง ไฟฟ้าสูงๆ ได้ โครงสร้างมี 2 แบบ คือแบบวงกลมทรงกระบอก (ใช้
ปรับหมนุ รอบตัว) และแบบแท่งส่ีเหล่ียมผืนผ้ายาว (ใช้ปรับเล่ือนไปมา) มีขาต่อออกมาใช้
งาน 3 ขา ขากลางเป็นขาสามารถปรบั เปลย่ี นค่าได้ รูปร่างและสัญลักษณ์ตัวต้านทานชนิด
ปรบั เปลีย่ นคา่ แสดงดังรปู ท่ี 5

ก) ปรบั หมุนคารบ์ อน (ข) ปรบั หมุนลวดพนั (ค) ปรบั เล่ือนคารบ์ อน

(ง) สัญลักษณ์
รูปท่ี 5 ตัวตา้ นทานชนดิ ปรบั เปล่ียนค่า

ตวั ต้านทานชนดิ พิเศษ

ตัวต้านทานชนดิ พิเศษ (Special Resistor) เป็นตัวต้านทานท่ีสร้างขึ้นมาใช้งานในหน้าท่ี
เฉพาะอย่าง ตามคุณสมบัติท่ีต้องการ ใช้วัสดุในการผลิตแตกต่างกันออกไป มีช่ือเรียก
ตัวตา้ นทานท่ีแตกต่างกันตามการทางาน และตามค่าของพลังงานท่ีใช้ในการควบคุมการ
ทางานของตวั ตา้ นทานชนิดนัน้ สง่ ผลให้ค่าความต้านทานเปล่ียนแปลงไป มีด้วยกันหลาย
ชนิด เช่น เทอร์มิสเตอร์ (Thermistor) วาริสเตอร์ (Varistor) และตัวต้านทานเปล่ียนค่า
ตามแสง (Light Dependent Resistor ; LDR) เปน็ ต้น

1. เทอรม์ ิสเตอร์

เป็นตัวต้านทานชนิดพิเศษท่ีค่าความต้านทานภายในตัวเอง สามารถ
เปล่ยี นแปลงไดต้ ามคา่ อุณหภมู ิท่ีไดร้ ับ ค่าความต้านทานท่ีเปล่ียนแปลงไปแตกต่างกันตาม
ชนดิ ของวสั ดุท่ใี ช้ผลิต วสั ดทุ ่ใี ช้ผลติ มีท้งั โลหะและสนมิ โลหะ รูปร่างท่ีสร้างมาใช้งานมีความ
แตกต่างกนั ไปหลายแบบ ขนึ้ อยูก่ ับความเหมาะสมในการใช้งาน เทอร์มิสเตอร์แบ่งได้ 2 ชนิด
คือ ชนิดสัมประสิทธ์ิอุณหภูมิเป็นบวก (Positive Temperature Coefficients ; PTC) ค่า
ความต้านทานเพ่มิ ขึน้ เม่อื อุณหภูมิเพ่ิมข้ึน วัสดุท่ีใช้ผลิต เช่น แบเรียม สตรอนเทียม และ
ตะก่ัวไททาเนต เป็นต้น อีกชนิดคือ ชนิดสัมประสิทธ์ิอุ ณหภูมิเป็นลบ (Negative
Temperature Coefficients ; NTC) ค่าความตา้ นทานเพ่ิมขน้ึ เม่ืออุณหภูมิลดลง วัสดุท่ี
ใช้ผลิต เช่ น ทองแดง นิกเกิล แมงกานีส เหล็ก และโคบอลต์ เป็นต้น รูปร่างและ
สัญลกั ษณข์ องเทอร์มสิ เตอร์ แสดงดงั รูปท่ี 6

(ก) รูปร่างชนิด PTC (ข) รูปรา่ งชนดิ NTC (ค) สัญลักษณ์
รูปท่ี 8.12 เทอร์มสิ เตอร์

2. วารสิ เตอร์

วาริสเตอร์ หรือตัวต้านทานเปล่ียนค่าตามแรงดัน (VoltageDependent
Resistor ; VDR) เปน็ ตวั ตา้ นทานท่ีคา่ ความต้านทานสามารถเปล่ียนแปลงได้ ตามค่าแรง
ดันท่ีป้ อนเข้ามา วาริสเตอร์มาจากคาเต็มว่าตัวต้านทานปรับเปล่ียนค่า (Variable
Resistor = Varistor) คุณสมบัติของวาริสเตอร์ทางานตรงข้ามกับแรงดัน ดังนี้ ความ
ต้านทานของวาริสตอ์ ร์จะลดลงเม่อื แรงดันเพ่มิ ข้ึน ในกรณที ่แี รงดนั เพ่มิ ขึ้นอย่างต่อเน่ือง
ค่าความต้านทานของวาริสเตอร์จะลดลงรวดเร็ว จากคุณสมบัติดังกล่าววาริสเตอร์
เหมาะสมกับการใช้งานเปน็ ตวั ป้องกันแรงดันกระโชก นิยมนาไปใช้งานเปน็ อุปกรณ์ป้องกนั
ฟ้าผ่า และช่วยคายประจุ ของไฟฟ้าสถิต เปน็ ต้น วสั ดุท่ีนามา ใช้ผลติ วาริสเตอร์ มที ้งั ชนิด
สนิมโลหะ ถูกเรียกว่าวาริสเตอร์ชนิดสนิมโลหะ (Metal Oxide Varistor ; MOV) วัสดุท่ีใช้
ได้แก่ สนิมสังกะสี (ZincOxide;ZnO) และวาริสเตอร์ชนิดสารก่ึงตัวนา (Semi
conductor) วัสดทุ ่ีใช้ได้แก่ ซิลคิ อนคาร์บอน (SiliconCarbon;SiC) รูปร่างและสัญลักษณ์
ของวาริสเตอร์ แสดงดังรูปท่ี 7

(ก) รูปรา่ งชนิดขา (ข) รูปรา่ งชนดิ แปะตดิ SMD

V

(ค) สัญลักษณ์
รูปท่ี 7 วาริสเตอร์

3. ตัวตา้ นทานเปล่ียนคา่ ตามแสง (LDR)

เป็นตวั ต้านทานท่ีค่าความต้านทานสามารถเปล่ียนแปลงค่าได้ตามแสงสว่างท่ีมาตก
กระทบ แสงสว่างตกกระทบน้อย LDR มีความต้านทานสูง และแสงสว่างตกกระทบมาก
LDR มีความต้านทานต่า วสั ดุท่ใี ช้ผลิตตวั LDR ทามาจากสารก่ึงตัวนาหลายชนิดผสมกัน
เช่ น แคดเมียมซัลไฟล์ (Cadmium Sulfide ; CdS) และแคดเมียมซีลีไนด์ (Cadmium
Selenide ; CdSe) เป็นตน้ รูปรา่ งและสญั ลกั ษณข์ องตวั ต้านทานเปล่ียนคา่ ตามแสง แสดง
ดงั รูปท่ี 8

(ก) รูปรา่ ง (ข) สญั ลกั ษณ์

รูปท่ี 8 ตัวต้านทานเปล่ยี นคา่ ตามแสง (LDR)

กำรอ่ำนควำมตำ้ นทำนจำกรหสั ตวั เลขตวั อกั ษร

ตัวตา้ นทานท่ผี ลิตขึ้นมาใช้งานทกุ ตวั จะตอ้ งมคี ่าความตา้ นทานบอกไว้ เพ่ือให้ทราบ
ค่าความต้านทานของตัวต้านทานตัวน้ัน สามารถเลือกค่าไปใช้งานได้ง่ายและถูกต้อง
การบอกค่าความต้านทานบอกได้หลายวิธี วิธีหน่ึงท่ีนิยมใช้งานได้แก่ บอกค่าความ
ต้านทานไว้เป็นตัวเลขและตัวอักษร แบ่งได้เป็น 3 แบบ คือ แบบบอกค่าความต้านทาน
ออกมาโดยตรง แบบบอกค่าความต้านทานเป็นรหัสตัวเลขตัวอักษร และแบบใช้รหัส
EIA96 การอา่ นค่าความต้านทานในแต่ละแบบจะแตกตา่ งกันไป

1. บอกค่าความตา้ นทานออกมาโดยตรง

ตัวต้านทานท่บี อกคา่ ออกมาโดยตรง จะพิมพ์ค่าความต้านทานลงบนตัวต้านทาน
ตามค่าความต้านทานของตัวต้านทานตัวน้ัน พร้อมท้ังแสดงหน่วยกากับไว้เป็น , k
หรือ M บางคร้ังมีค่าการทนกาลังไฟฟ้า และค่าเปอร์เซน็ ต์ความผิดพลาดกากับไว้
ดว้ ยกไ็ ด้ ตัวตา้ นทานบางแบบอาจใช้ตัวอักษรกากับไว้บอกค่าเปอร์เซน็ ต์ความผิดพลาด
แทนตัวเลข มีตัวอักษรภาษา อังกฤษท่ีใช้บอกค่า 9 ตัว ได้แก่ A, B, C, D, F, G, J, K
และ M มีความหมายความผิดพลาด แสดงดังตารางท่ี 1

ตารางท่ี 1 คำ่ เปอร์เซน็ ตค์ วำมผดิ พลำดแสดงดว้ ยตัวอักษรภำษำองั กฤษ

วธิ บี อกค่าความต้านทานบนตวั ต้านทานด้วยวิธีนี้มีความแตกต่างกันไป การอ่าน
ค่าความต้านทานท่ีกากับไว้ จะต้องพิจารณาถึงค่าท่ีบอกไว้ ว่าส่วนใดเป็นค่าความ
ต้านทาน ส่วนใดเป็นค่ากาลังไฟฟ้า และส่วนใดเป็นค่าความผิดพลาด ค่าท่ีกากับไว้บาง
แบบบอกครบทกุ คา่ บางแบบบอกไว้เพียงบางส่วน การอ่านค่าจะต้องพิจารณาจากตัว
ต้านทานแตล่ ะตัวไป

ตัวอยา่ งท่ี 8.1 จงอ่ำนค่ำควำมต้ำนทำนของตัวต้ำนทำนท่บี อกคำ่ ไว้
โดยตรงต่อไปน้ี

470 k = ความตา้ นทาน 470 k
2 M K = ความตา้ นทาน 2 M ค่าผิดพลาด  10%
10W 200 J = ทนกาลงั ไฟฟ้าได้ 10 W ความต้านทาน 200  ค่าผิดพลาด  5%
20W 390 K K = ทนกาลงั ไฟฟ้าได้ 20 W ความต้านทาน 390 k ค่าผดิ พลาด  10%

ความต้านทาน 10  คา่ ผดิ พลาด  5% ทนกาลังไฟฟ้าได้ 2 W

ทนกาลังไฟฟ้าได้ 6 W ความต้านทาน 0.1  ค่าผิดพลาด  5%

ทนกาลังไฟฟ้าได้ 5 W ความต้านทาน 0.33  คา่ ผดิ พลาด  5%

การบอกค่าความต้านทานบางแบบจะใช้ตัวอักษรเข้าร่วมแสดงการบอกค่าด้วย
นอกจากใช้บอกค่าเปอร์เซ็นต์ความผิดพลาดแล้ว ยังแสดงค่าไว้ในรูปจุ ดทศนิยมของ
เลขฐานสิบ พร้อมท้ังบอกหน่วยความต้านทานในรูปตัวคูณร่วมด้วย ตัวอักษรท่ีนิยมใช้
คอื R, K, M และ E ตัวอักษรเหล่าน้ีเม่ืออยูห่ นา้ อยู่กลาง หรอื อยู่หลัง ตัวอกั ษรแสดงค่า
เป็นจุ ดทศนิยม นอกจากนั้นยังแสดงค่าเป็นตัวคูณ (จานวนค่าเลขศูนย์ท่ีเติมเข้าไป) ด้วย
ตวั อกั ษรแต่ละตัวมีความหมายดังนี้

ตวั อักษร R มีคา่ เปน็ ตวั คูณ = x1
ตัวอกั ษร K มีค่าเปน็ ตวั คณู = x103
ตวั อักษร M มคี า่ เป็นตัวคณู = x106
ตัวอักษร E แทนเคร่ืองหมาย = 

ตัวอยา่ งท่ี 8.2 จงอ่ำนค่ำควำมต้ำนทำนของตวั ต้ำนทำนท่บี อกค่ำไว้
โดยตรงตอ่ ไปน้ี

1M0 = ความต้านทาน 1 M
4R7 K = ความต้านทาน 4.7  ค่าผดิ พลาด  10%
2W 2K2 E = ทนกาลงั ไฟฟ้า 2 W ความต้านทาน 2.2 k
430E 3W J = ความต้านทาน 430  ทนกาลังไฟฟ้าได้ 3 W ค่าผิดพลาด  5%
0E25 10W J = ความตา้ นทาน 0.25  ทนกาลงั ไฟฟ้าได้ 10 W ค่าผดิ พลาด  5%

ทนกาลังไฟฟ้าได้ 5 W ความต้านทาน 50  คา่ ผดิ พลาด  5%

ทนกาลังไฟฟ้าได้ 2 W ความตา้ นทาน 2.7 k ค่าผิดพลาด  10%

บอกค่าเป็นรหัสตวั เลขตวั อกั ษร

ตัวตา้ นทานบางแบบตวั เลขและตวั อกั ษรท่ีกากบั ไวบ้ นตวั ตา้ นทานเหลา่ นัน้ ไม่ได้บอกค่า
ความตา้ นทานออกมาโดยตรง เพราะค่าท่แี สดงไว้บนตัวต้านทานบอกค่าออกมาในรูปรหัส
ต้องนามาแปลงรหัสให้กลับมาเป็นค่าความตา้ นทานก่อนท่ีจะอา่ นคา่ ออกมา การอ่านค่า
มหี ลายวิธแี ตกต่างกันไป รหัสค่าความตา้ นทานมักถูกแสดงไว้ในรูปตัวเลข และตัวอักษร
เขยี นเรยี งกัน 3 หรอื 4 ตวั การอา่ นค่าแตล่ ะแบบทาไดด้ งั น้ี

1. แบบตัวเลข 3 ตัว และอาจเพ่ิมตวั อกั ษร 1 ตัว

การอ่านค่า ให้อ่านตัวเลขจากซ้ายมือไปขวามือ ตัวเลข 2 ตัวแรกด้านซ้ายมืออ่าน
ค่าออกมาได้โดยตรง ตัวเลขตัวท่ี 3 แสดงจานวนเลขศูนย์ (0) ท่ีต้องเติมเข้าไป อ่านค่า
ออกมามีหน่วยเป็นโอห์ม () สว่ นตวั อกั ษรมักจะแสดงคา่ ไว้ในส่วนของค่าเปอร์เซน็ ต์ความ
ผดิ พลาด วิธกี ารอ่านค่าแสดงดงั รูปท่ี 8.15

472F 1=4
2=7
(ก) ตัวต้านทานท่วั ไป
2 = 00

F = +-1%

R = 4,700  = 4.7 k

+- 1%

1=1
2=0

3 = 000

J = +-5%

R = 10,000  = 10 k

+-5%

ข) ตวั ตา้ นทานแบบ SIL

.1 = 1
=()
2=6
1R6 R = 1.6 

1=3
2=9

= 0000
394 R = 390,000  = 390 k

(ค) ตวั ตา้ นทานแบบแปะตดิ SMD
รูปท่ี 8.15 การอา่ นคา่ รหสั ตวั ต้านทานแบบตวั เลข 3 ตวั

กรณีท่ตี วั ตา้ นทานมคี า่ ต่ากว่า 10 โอห์มลงมา จะใช้ตวั อกั ษร R วางไว้เป็นตัวแรก
หรอื ตวั ท่ีสองแทนตวั เลข เพ่อื แสดงค่าเป็นจุ ดทศนิยม () ส่วนตัวเลขทั้งสองตัวท่ีแสดง
คา่ ไว้ อ่านคา่ ออกมาไดโ้ ดยตรง

ตัวอย่างท่ี 8.3 จงอ่ำนคำ่ ควำมต้ำนทำนของตัวต้ำนทำนท่ีบอกค่ำไว้
ดว้ ยรหัส

R18 = ความต้านทาน 0.18 
7R5 = ความต้านทาน 7.5 
33R หรือ 330 = ความต้านทาน 33 
222 = ความตา้ นทาน 22 x 100 = 2,200  หรอื 2.2 k
470F = ความต้านทาน 47  ค่าผิดพลาด 1%
825D = ความต้านทาน 82 x 100,000 = 8,200,000  หรอื 8.2 M
คา่ ผดิ พลาด  0.5%

2. แบบตวั เลข 4 ตวั

นิยมใช้กับตัวต้านทานแบบแปะติด SMD การอ่านค่าให้อ่านตัวเลขจากซ้ายมือไป
ขวามือ ตวั เลข 3 ตัวแรกจากซ้ายมืออ่านค่าได้โดยตรง ตัวเลขตัวท่ี 4 แสดงจานวนเลข
ศูนย์ (0) ท่ีตอ้ งเติมเขา้ ไป กรณที ่ตี วั ตา้ นทานมคี ่าต่ากว่า 10 โอห์มลงมา ให้ใช้ตัวอักษร
R วางไว้เป็นตัวท่ีสองหรือตัวท่ีสามแทนตัวเลข เพ่ือแสดงค่าเป็นจุ ดทศนิยม () ส่วน
ตวั เลขสองตัวแรกอา่ นคา่ ออกมาโดยตรง ตวั เลขตัวสดุ ทา้ ยเป็นจานวนเลขศูนย์ (0) ท่ตี อ้ ง
เติมเข้าไปเช่นเดิม ค่าท่ีอ่านออกมาได้มีหน่วยเป็นโอห์ม () ค่าความผิดพลาดของตัว
ตา้ นทานแบบ 4 ตัวเลข มคี า่ ประมาณ  1% หรอื นอ้ ยกว่า

ตวั อย่างท่ี 8.4 จงอำ่ นคำ่ ควำมตำ้ นทำนของตัวตำ้ นทำนท่ีบอกค่ำไว้
ดว้ ยรหัสต่อไปนี้

0 . 56 = ความต้านทาน 0.56 
0R56 = ความตา้ นทาน 91 

91 . 0
91R0

330x1 = ความต้านทาน 330 x 1  = 330 
3300

16R9 = ความต้านทาน 16.9 
7322 = ความตา้ นทาน 732 x 102  = 73,200  = 73.2 k
4123 = ความต้านทาน 412 x 103  = 412,000  = 412 k
4304 = ความตา้ นทาน 430 x 104  = 4,300,000  = 4.3 M

3. แบบใช้รหัส EIA96

แบบใช้รหัส EIA96 หรือรหัส E – 96 เพราะในปัจจุ บันตัวต้านทานชนิดแปะติด
SMD ท่ีพัฒนามาใช้งานมขี นาดย่ิงเลก็ ลงเพ่มิ ข้ึน เป็นผลมาจากการพัฒนาเทคโนโลยี
ในการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ทาให้หลายบริษัทผลิตตัวต้านทานชนิดแปะติด
SMD ออกมาใช้งาน ได้คิดค้นรหัสบอกค่าความต้านทานใหม่ ๆ ออกมา เพ่ือให้มี
ความกะทัดรัดมากข้ึน พิมพ์ขนาดตัว อักษรได้ขนาดใหญ่ขึ้น รหัสแบบใหม่ท่ีนามาใช้
งาน ได้แก่ รหัส EIA96 ตัวต้านทานท่ีใช้รหัสชนิดนี้จะบอกค่าเป็นตัวเลข 2 ตัวแรก
และตัวอกั ษร 1 ตวั หลัง มคี วามผดิ พลาดไม่เกิน 1% หรือน้อยกว่า การอ่านค่าความ
ตา้ นทานต้องนารหัสท่บี อกไว้ไปเปิดตารางเทยี บคา่ รหัสตวั เลข 2 ตัวแรกบอกค่าความ
ต้านทาน และตัวอักษร 1 ตัวหลังบอกค่าตัวคูณ (จานวนศูนย์ท่ีเติม) ค่าท่ีอ่านออก
มาได้มีหน่วยเป็นโอห์ม () ตารางเทียบค่า แสดงดังตารางท่ี 8.3 และตารางท่ี 8.4
วิธีการอ่านค่าแสดงดังรูปท่ี 8.16

ตารางท่ี 8.2 ตำรำงค่ำควำมต้ำนทำนแสดงในรูปรหสั
ตัวเลขของรหัส EIA96

ตารางท่ี 8.3 ตำรำงตวั คณู ท่ตี อ้ งเตมิ คำ่ ลงไปแสดงในรูปตวั อักษร
ของรหัส EIA96

07 = 115
Y = x 0.01

07Y R = 115 x 0.01 = 1.15 

29 = 196
B = x 10

29B R = 196 x 10 = 1,960  = 1.96 k

รูปท่ี 8.16 การอา่ นค่าความต้านทานแบบใช้รหสั EIA96

ตวั อยา่ งท่ี 8.5 จงอำ่ นค่ำควำมตำ้ นทำนของตัวตำ้ นทำนท่บี อก
ค่ำไว้ด้วยรหสั

01X = ความตา้ นทาน 100 x 0.1  = 10 
44A = ความตา้ นทาน 280 x 1  = 280 
55B = ความตา้ นทาน 365 x 10  = 3,650  = 3.65 k
10C = ความต้านทาน 124 x 100  = 12,400  = 12.4 k
91D = ความต้านทาน 866 x 1,000  = 866,000  = 866 k

การอ่านความต้านทานจากรหัสสี

ตัวตา้ นทานบางแบบแสดงค่าความต้านทานด้วยแถบสี โดยใช้สีท่ีกาหนดไว้ระบายเป็น
เสน้ รอบตวั ตา้ นทานเรยี งตามลาดบั แทนตวั เลขและตวั อกั ษร ใช้แทนทงั้ คา่ ความตา้ นทานและ
คา่ ผดิ พลาด แถบสีท่ีใช้แบง่ ได้เป็น 2 แบบ คอื แบบ 4 แถบสี และแบบ 5 แถบสี การอ่าน
คา่ ความต้านทานออกมามีรายละเอยี ดแตกต่างกนั

ค่ารหัสสีท่ีระบายไว้บอกท้ังค่าความต้านทานและค่าผิดพลาด จะต้องแปลงรหัสสีท่ี
กากับไว้กลบั มาเป็นตวั เลขท้งั หมด รหัสสที ่ีบอกไว้สามารถนามาแทนเป็นตัวเลขได้ทั้งค่าตัวตั้ง
คา่ ตัวคณู และค่าผดิ พลาด นาตัวเลขมาแทนลงไปให้ถูกต้องตามค่าสีท่ีกาหนด พร้อมท้ัง
จดั ค่าและจัดหน่วยให้เหมาะสม จะได้ค่าความต้านทาน และค่าผิดพลาดของตัวต้านทานตัว
นัน้ ออกมา

แบบรหัส 4 แถบสี

ตัวต้านทานแบบรหัส 4 แถบสี มีแถบสีท่ีแสดงไว้ท้ังหมด 4 แถบ
การอ่านค่าให้อา่ นแถบสที ่อี ยูช่ ิดกนั 3 แถบกอ่ น โดยให้แถบสแี รกท่ีชิดขาตัวตา้ นทานเปน็ แถบ
สที ่ี 1 อยูท่ างซ้าย มือ แถบสีต่อมาเป็นแถบสีท่ี 2 ท้ังแถบสีท่ี 1 และแถบสีท่ี 2 แทนค่าเป็น
ตัวเลขลงไป และอา่ นคา่ ตัวเลขนั้นออกมาโดยตรง ส่วนแถบสตี อ่ มาเป็นแถบสที ่ี 3 เป็นแถบสี
ตัวคูณหรือจานวนเลขศูนย์ (0) ท่ีต้องเติมเข้าไป และแถบสีสุดท้ายเป็นแถบสีท่ี 4 ซ่ึงอาจ
อยู่ตดิ กนั หรอื อยูห่ า่ งออกมาเลก็ น้อย เปน็ แถบสแี สดงคา่ ผดิ พลาด ตัวตา้ นทานแบบ 4 แถบ
สี และตารางแสดงค่าสี แสดงดังรูปท่ี 8.17

รูปท่ี 8.17 ตารางแสดงค่าแถบสตี ัวต้านทานแบบรหัส 4 แถบสีการสังเกตหาแถบสีแถบ
ท่ี 1 พจิ ารณาดงั นี้

1. แถบสีท่ีอยูช่ ิดขาตวั ต้านทานมากกวา่ เป็นแถบสีท่ี 1
2. แถบสี 3 แถบอยู่ชิดกนั แถบสีแรกท่ีอยูช่ ิดขาตวั ต้านทานเปน็ แถบสที ่ี 1
3. แถบสที ่ี 1 เส้นแถบสจี ะเล็กกวา่ ปกติ
4. สเี งิน หรอื สีทอง ไมส่ ามารถเปน็ แถบสีท่ี 1 ได้

ตวั อยา่ งท่ี 8.6 จงอำ่ นค่ำควำมต้ำนทำนของตวั ต้ำนทำนแบบรหสั 4
แถบสี ตำมค่ำท่ีกำหนด

1
2
3
4

1
2
3
4

1
2
3
4

2. ระบบรหสั 5 แถบสี

ตัวต้านทานแบบรหัส 5 แถบสี มีแถบสีท่ีแสดงไว้ทั้งหมด 5 แถบ การอ่านค่าให้
อ่านแถบสีท่ีอยู่ชิดกัน 4 แถบก่อน โดยให้แถบสีแรกท่ีชิดขาตัวต้านทานเป็นแถบสีท่ี 1 อยู่
ทางซ้ายมือ แถบสีตอ่ มาเปน็ แถบสที ่ี 2 และ 3 ตามลาดับ แถบสีท่ี 1, 2 และ 3 แทนค่าเป็น
ตวั เลขลงไป และอา่ นค่าตัวเลขนน้ั ออกมาโดยตรง สว่ นแถบสีต่อมาเปน็ แถบสีท่ี 4 เป็นแถบสี
ตัวคูณ หรือจานวนเลขศูนย์ (0) ท่ีต้องเติมเข้าไป และแถบสีสุดท้ายแถบสีท่ี 5 ซ่ึงอาจอยู่
ติดกนั หรอื อยู่หา่ งออกมาเลก็ น้อย เป็นแถบสแี สดงค่าผิดพลาด ตัวต้านทานแบบ 5 แถบสี
และตารางแสดงคา่ สี แสดงดังรูปท่ี 8.18

รูปท่ี 8.18 ตารางแสดงคา่ แถบสตี วั ต้านทานแบบรหสั 5 แถบสี

การสังเกตหาแถบสแี ถบท่ี 1 พจิ ารณาดงั น้ี
1. แถบสที ่อี ยูช่ ิดขาตัวตา้ นทานมากกว่าเป็นแถบสที ่ี 1
2. แถบสี 3 แถบ หรือ 4 แถบท่ีอยู่ติดกัน แถบสีแรกท่ีอยู่ชิดขาตัวต้านทาน

เปน็ แถบสที ่ี 1
3. สีเงนิ หรือสที อง ไม่สามารถเป็นแถบสีท่ี 1 หรอื แถบสีท่ี 2 ได้
4. แถบสีค่าเปอร์เซน็ ต์ผิดพลาดจะอยู่ห่างออกมา หรือทาให้มีขนาดแถบเล็ก

หรือใหญก่ ว่าแถบสอี ่นื ๆ

ตัวอยา่ งท่ี 8.7 จงอ่ำนค่ำควำมตำ้ นทำนของตวั ตำ้ นทำนแบบรหัส
5 แถบสี ตำมคำ่ ท่บี อกไว้

1
2
3
4
5

1
2
3
4
5

1
2
3
4
5

การต่อตวั ต้านทาน

การต่อตัวต้านทาน คือ การนาตัวต้านทานมาต่อวงจรรวมกัน เพ่ือปรับเปล่ียนค่า
ความต้านทานให้ได้ตามต้องการ การต่อตัวต้านทานแบ่งออกได้เป็น 3 แบบ คือ ต่อแบบ
อนุกรม ต่อแบบขนาน และต่อแบบผสม การต่อตัวต้านทานแต่ละแบบมีผลทาให้ค่าความ
ต้านทานรวมท่ีได้ออกมาเปล่ยี นแปลงไป

1 การตอ่ ตัวตา้ นทานแบบอนุกรม
การต่อตัวต้านทานแบบอนุกรม (Series Resistor) เป็นการต่อตัวต้านทานเข้า

ด้วยกันแบบเรียงลาดับต่อเน่ืองกันไป ในลักษณะท้ายของตัวต้านทานตัวแรกต่อเข้าหัวตัว
ต้านทานตัวท่ีสอง และท้ายของตัวต้านทานตัวท่ีสองต่อเข้าหัวตัวต้านทานตัวท่ีสาม ต่อเช่นน้ี
เร่ือยไป การต่อวงจรตวั ตา้ นทานแบบอนกุ รม แสดงดงั รูปท่ี 8.19

R1 R2 R3 R4

(ก) รูปวงจร R4
R1 R2 R3

(ข) สญั ลักษณว์ งจร
รูปท่ี 8.19 การตอ่ ตัวตา้ นทานแบบอนุกรม

การต่อตัวต้านทานแบบนี้ ทาให้ค่าความต้านทานรวมของวงจรเพ่ิมขึ้นตามจานวนตัว
ต้านทานท่นี ามาตอ่ เพ่มิ การหาคา่ ความตา้ นทานรวมในวงจรแบบอนกุ รม สามารถเขยี นเปน็
สมการได้ดงั น้ี

RT = R1 + R2 + R3 + R4 + ....

เม่ือ RT = ความตา้ นทานรวมของวงจร หนว่ ย 
R1, R2, R3, R4 = ความต้านทานของตัวตา้ นทาน 1, 2, 3 และ 4 ตามลาดบั หนว่ ย 

ตัวอยา่ งท่ี 8.8 จงหาค่าความต้านทานรวมของวงจรอนุกรมตาม
รูปท่ี 8.20

R1 R2 R3
220  470  100 

วิธีทา RT = R1 + R2 + R3
จากสูตร RT = 220  + 470  + 100 
แทนค่า RT = 790  ตอบ



การตอ่ ตวั ต้านทานแบบขนาน

การต่อตัวตา้ นทานแบบขนาน (Parallel Resistor) เป็นการต่อตัวต้านทานแต่ละตัว
ในลกั ษณะคร่อมขนานรว่ มกันทกุ ตัว มจี ุ ดตอ่ รว่ มกนั 2 จุ ด คอื จุ ดรวมขาแตล่ ะดา้ นของ
ตัวตา้ นทานแตล่ ะตวั ลกั ษณะการตอ่ วงจรตวั ต้านทานแบบขนาน แสดงดังรูปท่ี 8.21

R1 R1

R2 R2

R3 R3

R4 R4

(ก) รูปวงจร (ข) สัญลกั ษณ์วงจร

รูปท่ี 8.21 การตอ่ ตัวตา้ นทานแบบขนาน

การต่อตัวต้านทานแบบนี้ ทาให้ค่าความต้านทานรวมของวงจรลดลง ได้ค่าผล
รวมของความตา้ นทานในวงจร น้อยกวา่ ค่าความต้านทานของตัวต้านทานตัวท่ีมคี า่ น้อย
ท่ีสุดในวงจร การหาค่าความต้านทานรวมในวงจรแบบขนาน สามารถเขียนสมการได้
ดังน้ี

เม่ือ RT = ความต้านทานรวมของวงจร หนว่ ย 
R1, R2, R3, R4 = ความต้านทานของตวั ตา้ นทาน 1, 2, 3 และ 4 ตามลาดบั หนว่ ย 

ตัวอยา่ งท่ี 8.9 จงหำค่ำควำมตำ้ นทำนรวมของวงจร
ตำมรูปท่ี 8.22

R1 = 10 
R2 = 24 

R3 = 20 
R4 = 12 

การต่อตัวต้านทานแบบผสม

การต่อตัวต้านทานแบบผสม (Compound Resistor) เป็นการต่อตัวต้านทานผสม
รวมกัน ระหว่างการต่อแบบอนุกรมและการต่อแบบขนานอยู่ในวงจรเดียวกัน การต่อ
ตัวต้านทานแบบผสมไม่มีวงจรตายตัว สามารถเปล่ียนแปลงไปตามลักษณะการต่อ
วงจรท่ีตอ้ งการ การหาค่าความตา้ นทานรวมของวงจร ให้ใช้วธิ ีหาแบบอนุกรมและวธิ ี
หาแบบขนานร่วมกัน โดยพิจารณาการต่อทีละส่วน ลักษณะการต่อวงจรตัวต้านทาน
แบบผสมลักษณะหน่งึ แสดงดงั รูปท่ี 8.23

R1 R2 R3
R4 R5

(ก) รูปวงจร

R1 R2 R3
R4 R5

(ข) สญั ลักษณ์วงจร
รูปท่ี 8.23 การตอ่ ตวั ต้านทานแบบผสมลักษณะหน่ึง

ตวั อย่างท่ี 8.10 จงหำค่ำควำมตำ้ นทำนรวมของวงจรตำมรูปท่ี 8.24

R1 = 10  R2 = 24  R3 = 20 
R4 = 56  R5 = 22 

วธิ ีทา R123 = R1 + R2 + R3
สูตรอนุกรม R123 = 10  + 24  + 20 
แทนคา่ R123 = 54 



สตู รอนุกรม R45 = R4 + R5
แทนค่า R45 = 56  + 22 
R45 = 78 


สตู รขนาน 1 = 1 + 1
RT R123 R45

หรือใช้สตู ร RT = R123 R45
RT = R123 + R45
5478
54+ 78

 RT = 31.91  ตอบ


Click to View FlipBook Version