The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

บทที่ 2 กฏหมายว่าด้วยว่าบุคคลและนิติกรรม

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by krittiya1517, 2023-12-18 04:23:04

วิชากฏหมายธุรกิจ

บทที่ 2 กฏหมายว่าด้วยว่าบุคคลและนิติกรรม

กฏหมายว่า ว่ ด้ว ด้ ย บุคคล และนิติก ติ รรม บทที่ 2


สาระการเรียรี นรู้ จุดจุ ประสงค์กค์ ารเรียรี นรู้ 1. บุคคล2. นิติกติรรม 1. อธิบธิ ายความหมายและ บทบัญญัติญั ที่ ติ เ ที่กี่ยกี่ วข้อข้ งกับกั บุคคลและ นิติกติ รรมได้ 2. วิเวิ คราะห์บทบัญญัติญั ข ติ องกฎหมาย ที่เที่กี่ยกี่ วข้อข้ งกับกั บุคคลธรรมดาและ นิติบุติบุ คคลได้ 3. ประยุกยุ ต์ใต์ ช้กฎหมายว่าว่ด้วด้ ยบุคคล และนิติกติ รรมมาใช้ในการดำ เนิน ชีวิตวิได้


1. แสดงความรู้ข รู้ องหลัก ลั กฎหมายที่เ ที่กี่ย กี่ วข้อ ข้ งกับ กั บุคคลธรรมดา นิติบุ ติ บุ คคล และนิติก ติ รรม 2. วิเ วิ คราะห์บทบัญญัติ ญั ข ติ องกฎหมายเพื่อ พื่ การ ประกอบ ธุร ธุ กิจ กิ 3. ปฏิบั ฏิ บั ติต ติ นในการดำ เนินชีวิต วิ และประกอบ กิจ กิ การธุร ธุ กิจ กิให้เป็นไปตามที่กที่ ฎหมายบัญญัติ ญัไติ ว้ สมรรถนะประจำ หน่วย


1. บุคคล 2. นิติบุ ติ บุ คคล 3. สรุป 4. แบบฝึก


ประมวลกฎหมายแพ่ง พ่ และพาณิชย์ บรรพ 1 ลัก ลั ษณะ 2 ได้แ ด้ บ่งบุคคลออกเป็น 2 ประเภท คือ คื บุคคลธรรมดา ได้แ ด้ ก่ บุคคลทั่ว ทั่ ๆ ไป กับ กั นิติบุ ติ บุ คคล คือ คื บุคคลที่เ ที่กิด กิ ขึ้น ขึ้ มาโดยอาศัยอำ นาจของกฎหมาย 1. บุคคล


1.1 บุคคลธรรมดา ในทางกฎหมาย บุคคลธรรมดา หรือ รื บุคคล หมายถึง ถึ สิ่ง สิ่ ที่มีที่ ชี มีชี วิต วิ สามารถมีสิ มี ท สิ ธิแ ธิ ละหน้าที่ไที่ด้ต ด้ ามกฎหมาย คือ คื มนุษย์ทั้ ย์ งทั้ปวงจะเป็น หญิง ญิ ชาย เด็ก ด็ คนชรา หรือ รื เป็นผู้บ ผู้ กพร่อ ร่ งในความสามารถหรือ รื เป็น คนวิก วิ ลจริต ริ อย่า ย่ งใดก็ต ก็ ามคนวิก วิ ลจริต ริ อย่า ย่ งใดก็ต ก็ ามถือ ถื เป็นบุคคล ธรรมดาทั้งทั้สิ้น สิ้ ตามประมวลกฎหมาย ประมวลกฎหมายแพ่ง พ่ และ พาณิชย์ม ย์ าตรา 15 ที่ว่ ที่ า ว่ ไว้ดั ว้ ง ดั นี้


สภาพบุคคล การเริ่ม ริ่ ต้น ต้ และการสิ้น สิ้ สุด สุ แห่งสภาพบุคคล สภาพบุคคลเริ่ม ริ่ แต่เ ต่ มื่อ มื่ คลอดแล้ว ล้ อยู่ร ยู่ อดเป็นทารกและ สิ้น สิ้ สุด สุ ลงเมื่อ มื่ ตาย (มาตรา 15 วรรคหนึ่ง) สิทธิข ธิ องทารกในครรภ์ม ภ์ ารดา ทารกในครรภ์ม ภ์ ารดาก็ส ก็ ามารถมีสิ มี ท สิ ธิต่ ธิ า ต่ ง ๆ ได้ห ด้ ากว่า ว่ ภายหลัง ลั คลอด แล้ว ล้ อยู่ร ยู่ อดเป็นทารก (มาตรา 15 วรรคสอง)การนับอายุบุ ยุ บุ คคลให้เริ่ม ริ่ นับแต่วั ต่ น วั เกิด กิ ในกรณีที่รู้ที่ รู้ ว่ รู้ า ว่ เกิด กิ ในเดือ ดื นใดแต่ไต่ ม่รู้ ม่ รู้ วั รู้ น วั เกิด กิให้นับวัน วั ที่ห ที่ นึ่งแห่งเดือ ดื นนั้น 13 ความสามารถ ประมวลกฎหมายแฟงและพาณิชย์ กำ หนดให้บุคคลโดยทั่ว ทั่ไปมีสิมี ทธิก ธิ ระทำ การต่า ต่ ง ๆ แต่มี ต่ บุ มี บุ คคลถูก ถู จำ กัด กั ความสามารถในการใช้สิทธิ เ ธิ ช่น ผู้เ ผู้ ยาว์ ค ว์ นไร้ค ร้ วามสามารถ และคนเสมือ มื นไร้ค ร้ วามสามารถการ พ้น พ้ ภาวะผู้เ ผู้ ยาว์ บุคคลย่อ ย่ มพ้น พ้ จากภาวะผู้เ ผู้ ยาว์แ ว์ ละบรรลุนิ ลุ นิ ติภ ติ าวะเมื่อ มื่ มีอ มี ายุยี่ ยุ สิ ยี่ บปีบริบู ริ บู รณ์ (มาตรา 19)ผู้เ ผู้ ยาว์ย่ ว์ อ ย่ มบรรลุนิ ลุ นิ ติภ ติ าวะเมื่อ มื่ ทำ การสมรส หากการสมรสนั้นชายและหญิง ญิ มีอ มี ายุสิ ยุ บเจ็ด จ็ปีบริบ ริ ริบู ริ บู รณ์ (มาตรา 20)นิติก ติ รรมของผู้เ ผู้ ยาว์ ต้อ ต้ งได้รั ด้ บ รั ความยิน ยิ ยอมของผู้แ ผู้ ทนโดยชอบธรรมก่อ ก่ น การใด ๆ ที่ผู้ ที่ ผู้ เยาว์ไว์ ด้ทำ ด้ ทำลงปราศจากความยืน ยื ยอมจากผู้แ ผู้ ทนโดยชอบธรรมเป็นโมฆีย ฆี ะ เว้น ว้ แต่ก ต่ ฎหมายจะบัญญัติ ญัไติ ว้ เป็นอย่า ย่ งอื่น อื่ (มาตรา 21) ผู้แ ผู้ ทนโดยชอบธรรมของบุตรซึ่งยัง ยัไม่บ ม่ รรลุนิ ลุ นิ ติภ ติ าวะต้อ ต้ งอยู่ใ ยู่ ต้อำ ต้ อำนาจ ปกครองของบิคาและมารดา แต่อำ ต่ อำนาจการปกครองจะอยู่กั ยู่ บ กั บิดาหรือ รื มารดาฝ้ายใดฝ้ายหนึ่งในกรณี (มาตรา 1566)


ภูมิ ภู ลำ มิ ลำเนา ภูมิ ภู ลำ มิ ลำเนาของบุคคลธรรมดา ได้แ ด้ ก่ ถิ่น ถิ่ อัน อั บุคคลนั้นมีส มี ถานที่อที่ ยู่เ ยู่ ป็น แหล่ง ล่ สำ คัญ คั (มาตรา 37)ถ้า ถ้ บุคคลธรรมดามีถิ่ มี น ถิ่ ที่อที่ ยู่ห ยู่ ลายแห่ง ซึ่งอยู่ สับ สั เปลี่ย ลี่ นกัน กั ไปหรือ รื มีห มี ลัก ลั แหล่ง ล่ ที่ทำ ที่ ทำการงานเป็นปกติห ติ ลายแห่งให้ ถือ ถื เอาแห่งใดแห่งหนึ่งเป็นภูมิ ภู ลำ มิ ลำเนาของบุคคลนั้น (มาตรา 38)ถ้า ถ้ ภูมิ ภู ลำ มิ ลำเนาไม่ปม่ รากฏ ให้ถือ ถื ว่า ว่ ถิ่น ถิ่ ที่อที่ ยู่เ ยู่ ป็นภูมิ ภู ลำ มิ ลำเนา (มาตรา 39)กรณ์ ไม่มี ม่ ถิ่ มี น ถิ่ ที่อที่ ยู่เ ยู่ ป็นหลัก ลั แหล่ง ล่ บุคคลธรรมดาซึ่งเป็นผู้ไ ผู้ ม่มี ม่ ที่ มี อที่ ยู่ป ยู่ กติเ ติป็น หลัก ลั แหล่ง ล่ หรือ รื เป็นผู้ค ผู้ รองชีพในการเดิน ดิ ทางไปมาปราศจากหลัก ลั แหล่ง ล่ ที่ทำ ที่ ทำการงาน พบตัว ตัในถิน ถิ ไหนให้ถือ ถื ว่า ว่ ถิน ถิ นันเป็นภูมิ ภู ลำ มิ ลำเนาขอ งบุคคลนัน (มาตรา 40


การสาบสูญสู การจัด จั การทรัพ รั ย์สิ ย์ น สิ ของผู้ไ ผู้ ม่อ ม่ ยู่ ถ้า ถ้ บุคคลใดไปเสีย สี จากภูมิ ภู สำ มิ สำเนาหรือ รื ถิ่น ถิ่ ที่อที่ ยู่โ ยู่ ดยมิไมิ ด้ตั้ ด้ ง ตั้ ตัว ตั แทนผู้รั ผู้ บ รั มอบอำ นาจ ทั่ว ทั่ไปไว้แ ว้ ละไม่มี ม่ โมี ครรู้ แน่ว่า ว่ บุคคลนั้นยัง ยั มีชี มีชี วิต วิ อยู่ห ยู่ รือ รืไม่ เมื่อ มื่ ผู้มี ผู้ ส่ มี ว ส่ นได้เ ด้ สีย สี หรือ รื พนักงาน อัย อั การร้อ ร้ งขอ ศาลจะสั่ง สั่ให้ทำ การอย่า ย่ งหนึ่งอย่า ย่ งใดไปพลางก่อ ก่ น ตามที่จำ ที่ จำเป็นเพื่อ พื่ จัด จั การทรัพ รั ย์สิ ย์ น สิ ของบุคคลผู้ไ ผู้ ม่อ ม่ ยู่นั้ ยู่ นั้ นก็ไก็ ด้เ ด้ มื่อ มื่ เวลา ได้ล่ ด้ ว ล่ งเลยไปหนึ่งปีนับแต่วั ต่ น วั ที่ผู้ ที่ไ ผู้ ม่อ ม่ ยู่นั้ ยู่ นั้ นไปเสีย สี จากภูมิ ภู ลำ มิ ลำเนาหรือ รื ถิ่น ถิ่ ที่อที่ ยู่แ ยู่ ละไม่มี ม่ ผู้ มีใ ผู้ ดได้รั ด้ บ รั ข่า ข่ วเกี่ย กี่ วกับ กั บุคคลนั้นประการใดเลยก็ดี ก็ดี หรือ รื หนึ่งปีนับแต่วั ต่ น วั มีผู้ มีไ ผู้ ด้พ ด้ บเห็นหรือ รืได้ท ด้ ราบข่า ข่ วมาเป็นครั้ง รั้ หลัง ลั สุด สุ ก็ดี ก็ดี เมือ มื บุคคล ดัง ดั กล่า ล่ วร้อ ร้ งขอ ศาลจะตั้ง ตั้ ผู้จั ผู้ ด จั การทรัพ รั ย์สิ ย์ น สิ ของผู้ ไม่อ ม่ ยู่ขึ้ ยู่ น ขึ้ ก็ไก็ ด้ (มาตรา 48)


นิติบุ ติ บุ คคลเป็นบุคคลที่มีที่ ขึ้ มี น ขึ้ได้ด้ ด้ ว ด้ ยอาศัยอำ นาจแห่งกฎหมาย มี สิท สิ ธิแ ธิ ละหน้าที่ภ ที่ ายในขอบเขตแห่งอำ นาจหน้าที่ห ที่ รือ รื วัต วั ถุป ถุ ระสงค์ต ค์ ามที่ไที่ด้บั ด้ บั ญญัติ ญัไติ ว้ห ว้ รือ รื กำ หนดไว้ใว้ นกฎหมาย ข้อ ข้ บังคับ คั หรือ รื ตราสารจัด จั ตั้ง ตั้ มีสิ มี ท สิ ธิแ ธิ ละหน้าที่เ ที่ ช่นเดีย ดี วกับ กั บุคคล ธรรมดา เว้น ว้ แต่สิ ต่ ท สิ ธิแ ธิ ละหน้าที่ซึ่ ที่ ซึ่ งโดยสภาพจะพึง พึ มีพึ มี ง พึ เป็นได้ เฉพาะแก่บุ ก่ บุ คคลธรรมดาเท่า ท่ นั้นภูมิ ภู ลำ มิ ลำเนาของ นิตีบุ ตี บุ คคล ได้แ ด้ ก่ ถิ่น ถิ่ อัน อั เป็นที่ตั้ ที่ง ตั้ สำ นักงานใหญ่ 1.2 นิติบุ ติ บุ คคล


สมาคม การก่อ ก่ ตั้ง ตั้ สมาคม มีวั มี ต วั ถุป ถุ ระสงค์เ ค์ พื่อ พื่ กระทำ การใด ๆ อัน อั มีลั มี ก ลั ษณะต่อ ต่ เนื่องร่ว ร่ มกัน กั และมิใมิ ช่เป็นการหากำ ไรหรือ รื รายได้ม ด้ าแบ่งปันกัน กั ต้อ ต้ งมีช้ มีช้ อบังคับ คั และจดทะเบียนตามบทบัญญัติ ญั แ ติ ห่งประมวลกฎหมาย แห่งและพาณิชย์ (มาตรา 78)


มูล มู นิธิ ลัก ลั ษณะของมูล มู นิธิ มูล มู นิธิ ได้แ ด้ ก่ ทรัพ รั ย์สิ ย์ น สิ ที่จั ที่ด จั สรรไว้โว้ ดยเฉพาะ สำ หรับ รั วัต วั ถุป ถุ ระสงค์เ ค์ พื่อ พื่ การกุศ กุ ลสาธารณะการศาสนา ศิลปะ วิท วิ ยาศาสตร์ วรรณคดี การศึกษา หรือ รื เพื่อ พื่ สาธารณประโยชน์อย่า ย่ งอื่น อื่ โดยมิไมิ ด้มุ่ ด้ ง มุ่ หาผลประโยชน์มาแบ่งปันกัน กั และได้จ ด้ ดทะเบียนตาม บทบัญญัติ ญั แ ติ ห่งประมวลกฎหมายแพ่ง พ่ และพาณิชย์ การจัด จั หาทรัพ รั ย์สิ ย์ น สิ ของมูล มู นิธิต้ ธิ อ ต้ งมีใมี ช่เป็นการหาผลประโยชน์เพื่อ พื่ บุคคลใดนอกจากเพื่อ พื่ ดำ เนินการตามวัต วั ถุป ถุ ระสงค์ข ค์ องมูล มู นิธินั้ ธินั้ นเอง (มาตรา 110)


2. นิติบุ ติ บุ คคล กลุ่ม ลุ่ บุคคล องค์ก ค์ ร หรือ รื ทรัพ รั ย์สิ ย์ น สิ ที่จั ที่ด จั สรรไว้ เป็นกองทุน ทุ เพื่อ พื่ ดำ เนินกิจ กิ การอัน อั ใดอัน อั หนึ่ง ซึ่ง กฎหมายบัญญัติ ญัใติ ห้เป็นบุคคลอีก อีประเภทหนึ่งที่ มิใมิ ช่บุคคลธรรมดา นิติบุ ติ บุ คคลจะมีขึ้ มี น ขึ้ได้ก็ ด้ แ ก็ ต่ด้ ต่ ว ด้ ย อาศัยอำ นาจแห่งประมวลกฎหมายแพ่ง พ่ และ พาณิชย์ห ย์ รือ รื กฎหมายอื่น อื่


2.1 ความหมายของนิติก ติ รรม นิติก ติ รรม หมายความว่า ว่ การใดๆ อัน อั ทำ ลงโดยชอบ ด้ว ด้ ย,กฎหมายและใจสมัค มั ร มุ่ง มุ่ โดยตรงต่อ ต่ การผูก ผู นิติสั ติ ม สั พัน พั ธ์ขึ้ ธ์ น ขึ้ ระหว่า ว่ งบุคคลเพื่อ พื่ จะก่อ ก่ เปลี่ย ลี่ นแปลง โอน สงวน หรือ รื ระงับ งั ซึ่ง สิท สิ ธิ (มาตรา' 149) เช่น ทำ สัญ สั ญาซื้อขายสิน สิ ค้า ค้ ต่า ต่ ง ๆ


วัต วั ถุป ถุ ระสงค์ที่ ค์ ทำ ที่ ทำให้นิติก ติ รรมเป็นโมฆะ ต้อ ต้ งทำ นิติก ติ รรมผูก ผู นิติสั ติ ม สั พัน พั ธ์ร ธ์ ะหว่า ว่ งบุคคล การใดมีวั มี ต วั ถุป ถุ ระสงค์เ ค์ป็นการต้อ ต้ งห้ามชัดแจ้ง จ้โดยกฎหมาย เป็นการพัน พั วิสัวิ ย สั หรือ รื เป็นการชัดต่อ ต่ ความสงบเรีย รี บร้อ ร้ ยหรือ รื ศีล ธรรมอัน อั ดีข ดี องประชาชน การนั้นเป็นโมฆะ (มาตรา 150)เช่น ทำ สัญ สั ญาจ้า จ้ งให้ไปฆ่า ฆ่ คู่อคู่ ริ


นิติก ติ รรมแตกต่า ต่ งจากบทบัญญัติ ญั ข ติ องกฎหมาย การใดเป็นการแตกต่า ต่ งกับ กั บทบัญญัติ ญั ข ติ องกฎหมาย ถ้า ถ้ มิใมิ ช่ กฎหมายอัน อั เกี่ย กี่ วกับ กั ความสงบเรีย รี บร้อ ร้ ยหรือ รื ศิลธรรมอัน อั ดีร ดี อง ประชาชน การนั้นไม่เ ม่ ป็นโมฆะ (มาตรา 151) นิติก ติ รรมที่ทำ ที่ ทำลงไป ไม่ขั ม่ ด ขั กับ กั ความสงบเรีย รี บร้อ ร้ ยและ ศิลธรรมอัน อั ดีข ดี องประชาชน นิติก ติ รรมนั้นยัง ยั คงสมบูร


นิติก ติ รรมไม่ถู ม่ ก ถู ต้อ ต้ งตามแบบ การใดมิไมิ ด้ทำ ด้ ทำให้ถูก ถู ต้อ ต้ งตามแบบที่กที่ ฎหมายบังคับ คั ไว้ การนั้น เป็นโมฆะ (มาตรา 152) เช่น การซื้อชายที่ดิที่ น ดิ ต้อ ต้ งจดทะเบียน ต่อ ต่ เจ้า จ้ พนักงานที่ดิที่ดิ นิติก ติ รรมที่ไที่ม่ไม่ ด้เ ด้ป็นไปตามบทบัญญัติ ญั ว่ ติ า ว่ ด้ว ด้ ยความสามารถ การใดมิไมิ ด้เ ด้ป็นไปตามบทบัญญัติ ญั ข ติ องกฎหมายว่า ว่ ด้ว ด้ ยความ สามารถของบุคคล การนั้นเป็นโมฆีย ฆี ะ (มาตรา 153)เช่น ผู้ เยาว์จ ว์ ะทำ นิติก ติ รรมสัญ สั ญาใด ๆ ได้ต้ ด้ อ ต้ งขอความยิน ยิ ยอมจากผู้ แทนโดยชอบธรรมก่อ ก่


2.2 การแสดงเจตนา ผู้ก ผู้ ระทำ ต้อ ต้ ง มุ่ง มุ่ ประสงค์ต้ ค์ อ ต้ งการให้เกิด กิ ผลผูก ผู พัน พั ในทางกฎหมาย ขึ้น ขึ้ มิใมิ ช่เป็นแต่เ ต่ พีย พี งเรื่อ รื่ ง มารยาทในทางสัง สั คม ซึ่งอาจ ต้อ ต้ งผูก ผู พัน พั กัน กั แต่ มิใมิ ช่มุ่ง มุ่ จะให้เกิด กิ ผลในทางกฎหมาย เช่น สัญ สั ญา กับ กั เพื่อ พื่ นฝูง ฝู ว่า ว่ จะเลี้ย ลี้ งถ้า ถ้ได้เ ด้ ลื่อ ลื่ นขั้น ขั้ พิเ พิ ศษ 2 ขั้น ขั้


เจตนาซ่อนเร้น ร้ การแสดงเจตนาโดนม้ใม้ นใจจริง ริ ผู้แ ผู้ สดงจะมีไมี ด้เ ด้ จตนาให้ตนต้อ ต้ ง ผูก ผู พัน พั ตามที่ไที่ด้แ ด้ สดงออกมาก็ต ก็ าม หาเป็นมูล มู เหรุให้การแสดงเจตนา นั้นเป็นโมฆะไม่ เว้น ว้ แต่คู่ ต่ กคู่ รณีอีก อีฝ่ายหนึ่งจะได้รู้ ด้ รู้ ถึ รู้ ง ถึ เจตนาอัน อั ช่อนอยู่ ในใจของผู้แ ผู้ สดงนั้น (มาตรา 154)เป็นกรณีที่เ ที่ จตนาที่แที่ สดงออกมา ไม่ต ม่ รงกับ กั เจตนาของมูล มู เหตุจู ตุ ง จู ใจที่แที่ ท้จ ท้ริ


เจตนาลวง/นิติก ติ รรมที่ถู ที่ก ถู อำ พราง การแสดงเจตนาลวงโดยสมรู้กั รู้ บ กั คู่กคู่ รณีอีก อีฝ่ายหนึ่งเป็นโมฆะแต่จ ต่ ะยก ขึ้น ขึ้ เป็นข้อ ข้ ต่อ ต่ สู้บุ สู้ บุ คคลภายนอกผู้ก ผู้ ระทำ โดยสุจ สุ ริต ริ และต้อ ต้ งเสีย สี หาย จากการแสดงเจตนาลวงนั้นมิไมิ ด้ เช่น คู่กคู่ รณีทั้งทั้สองฝ่ายไม่ปม่ ระสงค์ จะให้การแสดงเจตนาที่แที่ สดงออกมานั้นมีผ มี ลผูก ผู หันกัน กั ตามกฎหมาย อย่า ย่ งแท้จ ท้ริง ริ แต่ก ต่ ระทำ ไปเพื่อ พื่ หลอกลวงให้บุคคลอื่น อื่ เข้า ข้ใจว่า ว่ นิติก ติ รรมนั้นเกิด กิ ขึ้น ขึ้ จริง ริ ถ้า ถ้ การแสดงเจตนาลวงตามวรรคหนึ่งทำ ขึ้น ขึ้ เพื่อ พื่ อำ พรางนิติก ติ รรมอื่น อื่ ให้นำ บทบัญญัติ ญั ข ติ องกฎหมายอัน อั เกี่ย กี่ วกับ กั นิติก ติ รรมที่ถู ที่ก ถู อำ พรางมาใช้ บังคับ คั (มาตรา 155) เช่น ประสงค์จ ค์ ะจำ นองที่ดิที่ น ดิ แต่ไต่ ปจดทะเบียน ขายฝา


2.3 โมฆะและโมฆีย ฆี ะกรรม การสำ คัญ คั ผิดผิในสาระสำ คัญ คั แห่งนิติก ติ รรม การแสดงเจ็ด จ็ ตนาโดยสำ คัญ คั ผิดผิในสิ่ง สิ่ ซึ่งเป็นสาระสำ คัญ คั แห่ง นิติก ติ รรมเป็นโมฆะ ความสำ คัญ คั ผิดผิในสิ่ง สิ่ ซึ่งเป็น สาระสำ คัญ คั แห่งนิติก ติ รรมตามวรรคหนึ่ง ได้แ ด้ ก่ ความสำ คัญ คั ผิดผิใน ลัก ลั ษณะของนิติก ติ รรม ความสำ คัญ คั ผิดผิในตัว ตั บุคคล ซึ่งเป็นคู่กคู่ รณีแห่ง นิติก ติ รรมและความสำ คัญ คั ผิดผิในทรัพ รั ย์สิ ย์ น สิ ซึ่งเป็นวัต วั ถุแ ถุ ห่งนิติก ติ รรม เป็นต้น ต้ (มาตรา 156)


กลฉ้อฉล การแสดงเจตนาเพราะถูก ถู กลฉ้อฉลเป็นโมฆีย ฆี ะ การถูก ถู กลฉ้อฉลที่จ ที่ ะ เป็นโมฆีย ฆี ะตามวรรคหนึ่งจะต้อ ต้ งถึง ถึ ขนาดซึ่งถ้า ถ้ มิไมิ ด้มี ด้ ก มี ลฉ้อฉลดัง ดั กล่า ล่ ว การอัน อั เป็นโมฆีย ฆี ะนั้นคงจะมิไมิ ด้ก ด้ ระทำ ขึ้ ข่ม ข่ ขู่ เป็นโมฆีย ฆี ะ การช่มยู่ที่ ยู่ จ ที่ ะทำ ให้การใดตกเป็นโมฆีย ฆี ะนั้น จะต้อ ต้ ง เป็นการข่ม ข่ ขู่ที่ ขู่ จ ที่ ะให้เกิด กิ ภัย ภั อัน อั ใกล้จ ล้ ะถึง ถึ และร้า ร้ ยแรงถึง ถึ ขนาดที่จ ที่ ะ จูง จู ใจให้ผู้ถู ผู้ ก ถู ข่ม ข่ ชู่มีมู มี ล มู ต้อ ต้ งกลัว ลั ซึ่งถ้า ถ้ มิไมิ ด้มี ด้ ก มี ารข่ม ข่ ขู่เ ขู่ ช่นนั้นการนั้นก็ คงจะมิไมิ ด้ก ด้ ระทำ ขึ้น ขึ้ (มาตรา 164)


ผลของโมฆะกรรม โมฆะกรรมนั้นไม่อ ม่ าจให้สัต สั ยาบันแก่กั ก่ น กั ได้แ ด้ ละผู้มี ผู้ ส่ มี ว ส่ นได้เ ด้ สีย สี คนหนึ่งคน ใดจะยกความเสีย สี เปล่า ล่ แห่งโมฆะกรรม ขึ้น ขึ้ กล่า ล่ วอ้า อ้ งก็ไก็ ด้ (มาตรา 172 วรรคแรก) ผลของการบอกล้า ล้ งโมฆีย ฆี ะกรรม โมฆีย ฆี ะกรรมเพื่อ พื่ บอกล้า ล้ งแล้ว ล้ให้ถือ ถื ว่า ว่ เป็นโมมะมาแต่เ ต่ ริ่ม ริ่ แรก และให้คู่กคู่ รณีกลับ ลั คืน คื สู่ฐสู่ านะเดิม ดิ ถ้า ถ้ เป็นการพัน พั วิสัวิ ย สั จะให้กลับ ลั คืน คื เช่นนั้นได้ก็ ด้ใก็ ห้ได้รั ด้ บ รั ค่า ค่ เสีย สี หายชดใช้ให้แทน (มาตรา 176 วรรคแรก


บุคคล ประมวลกฎหมายแพ่ง พ่ และพาณิชย์แ ย์ บ่งบุคคลออกเป็น 2 ประเภท คือ คื บุคคลธรรมดา ได้แ ด้ ก่บุ ก่ บุ คคลทั่ว ทั่ไปกับ กั นิติบุ ติ บุ คคลคือ คื บุคคลที่เ ที่กิด กิ ขึ้น ขึ้ มา โดยอาศัยอำ นาจของกฎหมาย เช่น บริษั ริ ษั ทจำ กัด กั มูล มู นิธิบุ ธิ บุ คคลธรรมดามี สภาพบุคคล ความสามารถ ภู่มิ ภู่ ลำ มิ ลำเนา แตกต่า ต่ งตามกัน กั ไปตามประเภท บุคคล ส่ว ส่ นนิติบุ ติ บุ คคล มีสิ มี ท สิ ธิแ ธิ ละหน้าที่เ ที่ ช่นเดีย ดี วกับ กั บุคคลธรรมดา เว้น ว้ แต่สิ ต่ ท สิ ธิแ ธิ ละหน้าที่ซึ่ ที่ ซึ่ งโดยสภาพจะพึง พึ มีพึ มี ง พึได้เ ด้ ฉพาะแก่บุ ก่ บุ คคลธรรมดา และภายในชอบแห่งอำ นาจหน้าที่ห ที่ รือ รื วัต วั ถุป ถุ ระสงค์ต ค์ ามที่กำที่ กำหนดไว้ใว้ น กฎหมาย ข้อ ข้ บังคับ คั หรือ รื ตราสารจัด จั ตั้ง ตั้ 3. สรุป


นิติก ติ รรม คือ คื การใดๆ ที่ทำ ที่ ทำลงไปโดยชอบด้ว ด้ ยกฎหมายและด้ว ด้ ยใจ สมัค มั ร มุ่ง มุ่ โดยตรงต่อ ต่ การผูก ผู นิติสั ติ ม สั พัน พั ธ์ขึ้ ธ์ น ขึ้ ระหว่า ว่ งบุคคล เพื่อ พื่ จะก่อ ก่ เปลี่ย ลี่ นแปลง โอนสงวนหรือ รื ระงับ งั ซึ่งสิท สิ ธิ นิติก ติ รรมมีลั มี ก ลั ษณะสำ คัญ คั ดัง ดั นี้ • ต้อ ต้ งมีก มี ารแสดงเจตนาคือ คื การแสดงออกซึ่งความประสงค์ข ค์ องผู้ กระทำ นิติก ติ รรม อาจเป็นการแสดงออกโดยชัดแจ้ง จ้โดยปริย ริ ายหรือ รื โดยการนิ่งก็ไก็ ด้ • การกระทำ นั้นชอบด้ว ด้ ยกฎหมาย หากการแสดงออกนั้นต้อ ต้ งห้ามชัด แจ้ง จ้โดยกฎหมายหรือ รื ขัด ขั ต่อ ต่ ความสงบเรีย รี บร้อ ร้ ยของประชาชน


นิติก ติ รรมนั้นก็เ ก็ป็นโมฆะ • นิติก ติ รรมนั้นต้อ ต้ งกระทำ โดยมุ่ง มุ่ จะก่อ ก่ ให้เกิด กิ นิติสั ติ ม สั พัน พั ธ์ร ธ์ ะหว่า ว่ งบุคคล เช่น การทำ สัญ สั ญาซื้อขายที่ดิที่ น ดิ • นิติก ติ รรมนั้นต้อ ต้ งกระทำ โดยสมัค มั รใจ ปราศจากการสำ คัญ คั ผิดผิการข่ม ข่ ชู่ กลน้อฉล • นิติก ติ รรมต้อ ต้ งทำ ให้ลูก ลู ต้อ ต้ งตามแบบที่กที่ ฎหมายบังคับ คั ไว้


4. แบบฝึก ตอนที่ 3 จงตอบคำ ถามต่อ ต่ ไปนี้ให้ได้ใด้ จความสมบูรณ์ (ทำ ลงในสมุด มุ ) 1. ผู้แ ผู้ ทนโดยชอบธรรม บุตรซึ่งยัง ยัไม่บ ม่ รรลุนิ ลุ นิ ติภ ติ าวะต้อ ต้ งอยู่ใ ยู่ ต้อำ ต้ อำนาจปกครองของบิดาและมารดา แต่ อำ นาจการปกครองจะอยู่กั ยู่ บ กั บิดาหรือ รื มารดาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในกรณีใดบ้าง 2. ผู้ใ ผู้ ดบ้างที่มีที่สิ มี ท สิ ธิร้ ธิ อ ร้ งขอต่อ ต่ ศาลให้สั่งให้บุคคลวิก วิ ลจริต ริ เป็นคนไร้ค ร้ วามสามารถ 3. บุคคลลัก ลั ษณะอย่า ย่ งไรที่ศที่ วลจะสั่งให้เป็นคนเสมือ มื นไร้ค ร้ วามสามารถ 4. บุคคลย่อ ย่ นมีเ มี สรีภ รี าพในการัต รั นส่ารอะไรมาสัมยา แต่ปต่ ระมวลกมหมายแพ่ง พ่ และพานิชย์ข้ ย์ อ ข้ จำ กัด กั เสรีภ รี าพในการทำ นิติก ติ รรม ข้อ ข้ จำ กัด กั ตัง ตั กล่า ล่ วมีอ มี ะไรบ้าง 5. ในการวินิ วินิ จฉัยกรณีความสำ คัญ คั ผิดผิ กลน้อนล หรือ รื การข่ม ข่ ยู่ ใ ยู่ ห้นำ เรื่อ รื่ งใดมาพิเ พิ คราะห์ถึง ถึ ด้ว ด้ ย


Click to View FlipBook Version