E-Book
กสื่าอรสเขาีรยน
ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔
การเขียนเพื่อการสื่อสาร
การเขียนเพื่อการสื่อสาร คือ การที่ผู้ส่งสารมีเจตนาถ่ายทอดความคิดไป
ยงัผู้รับสาร แล้วต้องการให้ผู้รับสารเกิดปฏิกิริยาตอบสนอง หรือเกิดความเข้าใจ
ใกล้เคียงสอดคล้องกับเจตนาของตน ทักษะการเขียนจึงมีส่วนสำคัญที่่ทำให้การ
สื่อสารของมนุษย์มีหลักฐาน
การเขียนสื่อสารที่ประสมความสำเร็จทำให้ผู้อ่านเข้าใจ รับรู้ เข้าใจ
วัตถุประสงค์ของผู้เขียนที่สื่อออกมาผ่านสารนั้นได้ จำเป็นต้องศึกษาวิธีการเขียน
เพราะการเขียนแต่ละรูปแบบมีวิธีการที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับเจตนาของผู้เขียนว่า
จะเสนอเรื่องใด กล่าวถึงอะไร อย่างไร ต้องคำนึงถึงการใช้ภาษาสื่อความให้ถูก
ต้องเหมาะสม ประกอบด้วย
๑. การเขียนคำแนะนำ
๒. การเขียนแนะนำตนเอง
๓. การเขียนแนะนำสถานที่
๔. การเขียนคำขวัญ
๑ การเขียนคำแนะนำ
การเขียนคำแนะนำ คือ การเขียนเพื่อบอกข้อปฏิบัติ ข้อควรรู้ วิธีใช้ หรือ
วิธีทำ ซึ่งจะช่วยสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่ผู้อ่าน ถือเป็นรูปแบบการเขียนที่ให้
ประโยชน์มาก
ลักษณะของการเขียนคำแนะนำ
๑. แนะนำวิธีการใช้
การเขียนในรูปแบบแรกจะเป็นลักษณะการเขียนเพื่อบอกวิธีใช้ ซึ่งเราอาจจะเห็นได้
ตามฉลากของใช้ เครื่องอำนวยความสะดวก ฯลฯ
๒. แนะนำแนวทาง
เป็นการเขียน แนะนำในลักษณะที่ให้แนวทางในการปฏิบัติ แนวทางในการป้องกัน
รักษา หรือบอกถึงแนวทางที่ให้ผู้อ่านได้นำไปปฏิบัติตามได้
๓. แนะนำข้อบ่งใช้
เช่น ฉลากของยา หรือผลิตภัณฑ์ที่ต้องมีการระบุข้อบ่งใช้ หรือ ข้อแนะนำสำหรับ
ผู้ใช้ยาให้เราสามารถใช้ ผลิตภัณฑ์ได้อย่างถูกต้องปลอดภัย
๔. แนะนำหลักการ
เป็นการให้ความรู้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน ให้หลักการในการทำสิ่งต่าง ๆ
หลักการเขียนคำแนะนำ
๑. ใช้ภาษาเขียนที่เข้าใจง่าย ๒. ใช้ถ้อยคำให้สุภาพ
ได้ใจความเพื่อให้ผู้อ่านสามารถ ภาษาที่เขียนต้องนุ่มนวลไม่หยาบ
เข้าใจได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องอ่าน คายหรือเป็นภาษปากมากเกินไป
ยาว ๆ เพราะไม่เหมาะกับการนำมาเขียน
ให้ความรู้
๓. นำเสนอด้วยวิธีที่หลากหลาย ๔. ใช้การยกตัวอย่างประกอบ
เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้อ่าน เพื่อช่วยให้ไม่ต้องใช้การอธิบายที่
ยืดยาว ทำให้ผู้อ่านเข้าใจได้ง่าย ๆ
ตัวอย่างคำแนะนำการรับบริการห้องสมุด
๑. วางกระเป๋าและของใช้ส่วนตัวที่จุดรับฝากของ
๒. ปิดเสียงเครื่องมือสื่อสารทุกชนิดก่อนเข้าใช้บริการ
๓.โปรดแต่งกายสุภาพ
๔. ห้ามนำอาหารและเครื่องดื่มเข้าห้องสมุด
๕. ห้ามส่งสียงดังรบกวนผู้อื่น
๖. เก็บหนังสือวางไว้ที่จุดพักหนังสือเมื่ออ่านเสร็จ
๗. หนังสือพิมพ์ วารสารและนิตยสารเมื่ออ่านเสร็จนำเก็บที่เดิม
๘. เข้าแถวใช้บริการยืม - คืนหนังสือตามลำดับก่อนหลัง
๙. ห้ามเขียน ฉีก ตัด ทำสัญลักษณ์ต่าง ๆ ลงบนอุปกรณ์และ
ทรัพยากรทุกชนิดของห้องสมุด
๑๐. ห้ามนำหนังสือออกนอกห้องสมุดก่อนได้รับอนุญาต
ตัวอย่างคำแนะนำแนวทางป้องกัน COVID-19
ที่มา : https://nockacademy.com/thai-language/thai-language
๒ การเขียนแนะนำตนเอง
ธรรมชาติของการเขียนแนะนำตนเอง คือ การเขียนที่ผู้เขียนมีวัตถุประสงค์
เพื่ออธิบาย ชี้แจง หรือสร้างความกระจ่างในสิ่งใดสิ่งหน่ึ่งให้แก่ผู้อ่าน หรือผู้รับสาร
โดยสิ่งที่ผู้เขียนจะแนะนำนั้นเป็นได้ทั้ง
๑. สิ่งที่เป็นรูปธรรม เช่น การแนะนำบุคคล สิ่งมีชีวิต อาคารสถานที่ สิ่งของ
การเขียนแนะนำรายชื่อ การเขียน แนะนำพันธุ์ปลาสวยงาม การเขียนแนะนำหนังสือ
ให้น่าอ่าน เป็นต้น
๒. สิ่งที่เป็นนามธรรม เช่น การแนะนำวิธีการเทคนิค หรือแนวความคิดต่าง ๆ
การเขียนแนะนำวิธิีประหยดัค่าใช้จ่ายประจำวัน การเขียนแนะนำวิธิีการชำระจิตใจให้
บริสุทธิ์ด้วยพระธรรม เป็นต้น
โอกาสของการแนะนำตนเอง เกิดขึ้นเมื่อต้องเข้าไปเป็นสมาชิกใหม่ในกลุ่ม
สังคมต่าง ๆ เช่น เข้าเรียนที่โรงเรียนใหม่ เข้าทำงานเป็นวันแรกย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่
จะต้องแนะำาตนเองให้เป็นที่รู้จักแก่กลุ่มสังคมนั้น ซ่ึ่งอาจเป็นการแนะนำเฉพาะตัว
หรือเป็นหมู่คณะ เกิดขึ้นได้ทั้งในโอกาสที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ
“การเขียนแนะนำตนเอง มีความเกี่ยวข้องกบัการพูดแนะนำตนเองในมิติที่ว่า
การเขียนจะถูกใช้ เป็นร่างเนื้อหาของการพูดแนะนำตนเอง ”
ข้อมูลเพื่อการแนะนำตัวเอง การเขียนแะการพูดแนะนำตัวเองหากเนื้อหาสั้น
เกินไป การสื่อสารก็จะขาดความน่าสนใจ แต่ถ้าแนะนำตนเองยาวเกินไปหรือด้วยราย
ละเอียดที่ไม่จำเป็น ก็อาจทำให้ผู้รับสารเกิดควมเบื่อหน่าย ดั้งนั้น ข้อมูลในการแนะนำ
ตัวเอง คือ ชื่อและนามสกุล ส่วนข้อมูลอื่น ๆ ควรเลือกแนะนำตามความเหมาะสมขึ้น
อยู่กับผู้ฟัง สถานการณ์และโอกาส ข้อมูลเพื่อการแนะนำตัวเองประกอบด้วย
๑. ชื่อเล่น/สมญานาม
๒. ครอบครัว
๓. ภูมิลำเนา/ที่อยู่ปัจจุบัน
๔. การศึกษา
๕. วัน เดือน ปีเกิด
๖. ความถนัด/ความสนใจ
๗. งานอดิเรก
๘. อุปนิสัยส่วนตัว
๙. ความสามารถเฉพาะตัว
แนวทางเพื่อการแนะนำตนเอง การเขียนหรือพูดแนะำตนเอง เป็นสิ่งสำคัญใน
การสร้างความประทับใจให้แก่กลุ่มบุคคลที่รู้จักผู้สื่อสารเป็นครั้งแรก ขั้นตอนการ
แนะนำตนเอง สรุปได้ดังนี้
๑. กล่างคำทักทายอย่างสุภาพเหมาะสมกับผู้ฟัง
๒. กล่าวแสดงความยินที่เมื่อมีโอกาสได้แนะนำตนเอง
๓. นำเรื่องราวเกรี่ยวกับตนเองที่น่าสนใจมาสื่อสาร โดยคำนึงถึงภาพลักษณ์ของ
ตนเองในสายตาของผู้ฟัง
๔. แนะนำชื่อ-สกุล และเลือกข้อมูลอื่น ๆ ข้างต้นมาแนะนำตามความเหมาะสม
๕. แสดงความรู้สึกเชิงสร้างสรรค์ที่มีต่อการแนะนำตนเอง รวมถึงความคาดหวัง
มิตรภาพที่ยั่งยืน
๖. กล่าวคำ "ขอบคุณ หรือ สวัสดี"
ตัวอย่างคำแนะนำการรับบริการห้องสมุด
สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อเด็กหญิงปลายฟ้า รุ่งทวี ชื่อเล่นฟ้าค่ะ ดิฉันเกิดวันที่ ๒๘ มกราคม
ที่จังหวัดเชียงราย ปัจจุบันกำลังศึกษาและอาศัยอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ค่ะ ครอบครัวของ
ดิฉันมีทั้งหมด ๔ คนฉันเป็นลูกคนเล็กของครอบครัว ทุกคนรักและดูแลฉันให้ความอบอุ่น
แก่ฉันเสมอมาค่ะ ฉันเป็นคนที่ร่าเริง ชอบร้องเพลง เห็นใจคนรอบข้าง มีน้ำใจต่อเพื่อน ๆ
และฉันยังชอบประดิษฐ์ของเล่นเองด้วยนะคะ ความสามารถและความภูมิใจของฉันคือ
การได้เป็นตัวแทนของทางโรงเรียนเข้าร่วมการแข่งขัน ถือเป็นโอกาสที่ดีมาก ๆ เลยค่ะ
และฉันพร้อมแลกเปลี่ยนความรู้ความคิดเห็นจากทุกคนนะคะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ขอบคุณค่ะ
๓ การเขียนแนะนำสถานที่
ธรรมชาติของการเขียนแนะนำสถานที่ คือ รูปแบบหนึ่งของการเขียนเล่าเรื่อง
จากประสบการณ์ตามความเป็นจริง โดยประสบการณ์นั้นเกิดขึ้นกับผู้เขียนหรือได้รับ
การบอกเล่ามาจากผู้อื่นซึ่งผู้เขียนจะสอดแทรกความคิดข้อสังเกตต่าง ๆ ของตนไว้
ข้อมูลเพื่อการแนะนำสถานที่ ในการเขียนจะต้องผ่านถ้อยคำภาษาที่เลือกใช้
โดยคำนึงถึงความถูกต้องเหมาะสม และอรรถรสที่ผู้อ่านจะได้รับ ผู้เขียนควรให้ข้อมูล
เกี่ยวกับสถานที่ที่เขียนถึงให้ครบทุกมิติ
เช่น
๑. ข้อมูลด้านภูมิศาสตร์
๒. ข้อมูลด้านประวัติศาสตร์
๓. ข้อมูลด้านสังคม วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต
๔. ข้อมูลด้านภาษาการแต่งกายอาหารการกิน
๕. ข้อมูลด้านการเดินทางแหล่งอาหาร ที่พัก ค่าใช้จ่ายในการเดินทางและ
การเตรียมความพร้อมสำหรับการเดินทาง
การแนะนำสถานที่ผู้เขียนจะต้องมีความรู้ ความเข้าใจในทุกแง่มุมเกี่ยวกับ
สถานที่นั้น ๆ ไม่ควร ฟังผ่านคำบอกเล่าของผูอื่น แต่ควรเขียนขึ้นจากประสบการณ์
ตรง รวมทั้งมีความรู้ ความเข้าใจ ความสามารถในการในการใช้ถ้อยคำอย่างมีศิลปะ
เพื่อให้ผู้อ่านได้รับทั้งความรู้และความบันเทิง
แนวทางเพื่อการแนะนำสถานที่ การเขียนแนะนำสถานที่เพื่อใหผู้อ่านเกิด
อรรถรส ความประทับใจ หรือเกิดความรู้สึกกระหายใคร่รู้ ความต้องการที่จะเดินทาง
ไปยังสถานที่ที่ผู้เขียนบอกเล่าด้วยตนเองขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ
ได้แก่
๑. การกำหนดขอบเขต
เนื้อหาของการเขียนแนะนำสถานที่ไม่ควรมีความยาวจนเกินไป เพราะอาจทำ ให้
ผู้อ่านเกิดความเบื่อ
ต้องให้ข้อมูลรอบด้านอย่างเพียงพอในขอบข่ายที่ว่า "ข้อมูลต้องทำให้ผู้อ่านรู้จัก
สถานที่นั้น ๆ ในทุกแง่มุม"
๒. การเลือกสถานที่
ควรเลือกสถานที่ที่น่าสนใจ สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ข้างต้นของผู้เขียน และ
กลุ่มเป้าหมายที่ต้องการสื่อสาร
๓. การใช้ภาษา
ผู้เขียนควรเลือกใช้ถ้อยคำภาษากึ่งทางการที่คงความสุภาพสื่อสารตรงไปตรงมา
ถ้อยคำเข้าใจง่าย และสร้างภาพในจินตนาการเกี่ยวกับสถานที่นั้น ๆ แก่ผู้อ่าน
๔. การลำดับเนื้อหา
ผู้เขียนควรถ่ายทอดเนื้อหาอย่างกระชับ ไม่สับสน
๕. ลีลาในการเขียน
ควรใช้ภาษาในระดับกึ่งทางการที่สุภาพและเป็นกันเองกับผู้รับสาร ใช้ภาษาที่
ถ่ายทอดบรรยากาศของสถานที่
๔ การเขียนคำขวัญ
คำขวัญ หมายถึง ถ้อยค้าที่ดีเป็นสิริมงคล บำรุงจิตใจ ให้ข้อคิดในการปฏิบัติ
และส่งเสริมกิจการไปในทางที่ดี
คำขวัญทั่วไปเป็นคำขวัญที่หน่วยงาน สถาบัน หรือองค์การต่าง ๆ คิดขึ้นใช้เพื่อ
เป็นคติเตือนใจ ให้ข้อคิด เชิญชวนให้ปฏิบัติหรือละเว้น
"มักเป็นข้อความกะทัดรัด มีสัมผัสคล้องจอง การเขียนคำขวัญทำให้จดจำได้ง่าย"
รูปแบบในการเขียนคำขวัญ
การเขียนแบบ๑ค. ำคล้องจอง
คือ
กาหรเรขือียคนำทสีั่ใมชผ้ัสมรเะดีเยดีวยกวันกัน
การเขียนคำขวั๒ญ.แบบร้อยกรอง ๓.
กขโาอครงลเคขงีำยฉปนันรคะทำ์พคตืักอนาามธ์พชแยบน์ิดบกนบลัั้นองคนัๆบ การเขียนคำขวัญแบบร้อยแก้ว
คือ
การเขียนที่เรียบเรียงขึ้นอย่าง
ไพเราะ โดยไม่มีข้อบังคับใน
เรื่องการสัมผัส เอก โท ทำให้
เขียนง่าย
หลักการใช้ภาษาในการเขียนคำขวัญ
๑. ใช้ถ้อยคำสั้นกะทัดรัด มีความหมายลึกซึ้ง ใช้คำตั้งแต่ ๒ คำขึ้นไป แต่ไม่
ควรเกิน ๑๖ คำ แบ่งเป็นวรรคได้ ตั้งแต่ ๑ - ๔วรรค
"เด็กฉลาด ชาติเจริญ"
"ห้องสมุด ดุจขุมคลัง แห่งปัญญา"
๒. เขียนให้ตรงจุดมุ่งหมาย แสดงความคิดในเรื่องใด เรื่องหนึ่งอย่างเด่นชัดหรือ
มีใจความสำคัญเพียงอย่างเดียวเพื่อให้จำง่าย
"ทิ้งขยะไม่เลือกที่ หมดราศีไปทั้งเมือง"
"ขับรถถูกกฎ
ช่วยลดอุบัติเหตุ"
๓. จัดแบ่งจังหวะคำสม่ำเสมอ
"ยอมลำบากเมื่อหนุ่ม ดีกว่ากลุ้มเมื่อแก่"
"กตัญญูระลึกอยู่ในจิต สุจริตระลึกอยู่ในใจ"
๔. เล่นคำทั้งเสียง สัมผัส และการซ้ำคำช่วยให้จำง่าย
"เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติเจริญ"
"ขับเร็วชิดขวา ขับช้าชิดซ้าย "
๕. เป็นคำตักเตือนให้ปฏิบัติในทางที่ดี
"ทำดีให้คนเกรง ดีกว่าเป็นนักเลงให้คนกลัว"
"เลือกตั้งเป็นหน้าที่ เลือกคนดีมาปกครอง"
ลักษณะของคำขวัญที่ดี
๑. เขียนตามวัตถุประสงค์
๒. ใช้ถ้อยคำถูกต้งตามหลักภาษาไทย
๓. คำขวัญนิยมใชคำสัมผัสคล้องจอง
๔. ใช้โวหารสำนวนเปรียบเทียบ
๕. คำชวัญ มีความกระชับ กะทัดรัด ชัดเจน
๖. แนวความคิดสร้างสรรค์
๗. มีเนื้อหาครอบคลุมเป้าหมาย
๘. มีพลังโน้มน้าวใจผู้ฟังให้จำและปฎิบัติตาม
๙. มีเจตนาที่ดี ต่อผู้ฟัง
๑๐. มีเป้าหมายชัดเจนเพียงเป้าหมายเดียว