The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

สระในภาษาไทย ท 30216 หลักภาษา ม.6

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ศิริวรรณ ทับทิม, 2020-06-03 06:13:28

สระในภาษาไทย ท 30216 หลักภาษา ม.6

สระในภาษาไทย ท 30216 หลักภาษา ม.6

สระในภาษาไทย

จัดทาโดย ครศู ิรวิ รรณ ทบั ทมิ

รูปสระในภาษาไทยมี 21 รูป ซ่ึงรูปสระเหล่าน้ีจะนาไปประกอบเป็นรูปสระทใี่ ชแ้ ทนเสียงสระ •

รปู สระในภาษาไทย ะ เรียกวา่ วิสรรชนีย์ •" เรยี กว่า ฟนั หนู หรือ •อ เรยี กว่า ตัวออ

หรือ นมนางทั้งคู่ มูสิกทันต์ •ย เรียกว่า ตัวยอ

• ัเรียกว่า ไม้หนั • ัเรยี กวา่ ตนี เหยียด •ว เรยี กวา่ ตัววอ

อากาศ, หางกังหนั หรอื ลากตีน •ฤ เรยี กว่า ตัวรึ

หรอื ไม้ผดั • ัเรยี กวา่ ตนี คู้ •ฤๅ เรยี กว่า ตวั รอื

• ัเรยี กวา่ ไมไ้ ต่คู้ •เ เรียกวา่ ไม้หน้า •ฦ เรียกวา่ ตวั ลึ

หรือ ไมต้ ายคู้ •ใ เรียกวา่ ไม้มว้ น (ปัจจบุ นั เลกิ ใชแ้ ล้ว)

•า เรยี กวา่ ลากข้าง •ไ เรียกว่า ไมม้ ลาย •ฦๅ เรียกว่า ตัวลอื

• ัเรียกวา่ พนิ ท์อุ ิ •โ เรียกวา่ ไม้โอ (ปจั จุบนั เลิกใชแ้ ล้ว)

หรอื พินทอุ ิ

• ัเรียกว่า ฝนทอง

• ัเรียกวา่ นคิ หติ ,

นฤคหิต หรือ หยาด

นา้ ค้าง

โลโกห้ รอื ชอ่ื ของคณุ ทน่ี ี่ 2

เสยี งสระในภาษาไทย

สระ 21 รูปสามารถเขา้ มาประกอบกนั เป็นเสยี งสระได้ 32 เสยี ง
โดยสะกดดว้ ยรปู สระพน้ื ฐานหนง่ึ ตัวหรือหลายตัวรว่ มกัน ดงั น้ี

อะ อา อิ อี อึ อื อุ อู

เอะ เอ เเอะ เเอ เอียะ เอีย เอือะ เอือ
อวั ะ อวั โอะ โอ เอาะ ออ เออะ เออ

อา ใอ ไอ เอา ฤ ฤๅ ฦ ฦๅ

โลโกห้ รอื ชอื่ ของคณุ ทน่ี ี่ 3

1.สระเสยี งสน้ หรอื รสสระ ได้แก่
สระทีอ่ อกเสยี งส้ัน คอื อะ อิ อึ อุ
เอะ แอะ โอะ เอาะ เออะ เอียะ
เอือะ อัวะ
2.สระเสยี งยาว หรือ ทีฆสระ ได้แก่
สระทีอ่ อกเสยี งยาว คอื อา อี อื อู
เอ แอ โอ ออ เออ เอยี เออื อวั ฤๅ
ฦๅ

โลโกห้ รอื ชอ่ื ของคณุ ทน่ี ่ี 4

1.สระเด่ยี ว หรอื สระแท้ คอื สระที่เกิดจากฐานเสยี งเพียงฐาน

เดียว เปล่งเสยี งออกมาเปน็ เสียงเดียว ไมม่ เี สียงอื่นประสม มี

ทงั้ สิ้น 18 เสียง ได้แก่ อะ อา อิ อี อึ อื อุ อู เอะ เอ แอะ แอ เออะ

เออ โอะ โอ เอาะ ออ

2.สระประสม หรือ สระเลอื่ น คอื สระทีเ่ กดิ จากสระเดยี่ วสอง

เสียงมาประสมกัน เกดิ การเลือ่ นของลนิ้ ในระดับสูงลดลงสรู่ ะดับ

ต่า มี 6 เสยี งดังนี้

1. เอียะ ประสมจากเสียงสระ อี กบั อะ

2. เอยี ประสมจากเสียงสระ อี กับ อา

3. เออื ะ ประสมจากเสียงสระ อือ กบั อะ

4. เอือ ประสมจากเสียงสระ ออื กับ อา

5. อัวะ ประสมจากเสียงสระ อู กบั อะ

6. อัว ประสมจากเสยี งสระ อู กับ อา โลโกห้ รอื ชอื่ ของคณุ ทนี่ ี่ 5

• สระเกน คือ สระทม่ี เี สียงซ้ากับสระเด่ยี ว ตา่ งกันก็แต่วา่ สระ
เกนิ จะมเี สียงพยัญชนะประสมหรอื สะกดอย่ดู ว้ ย มี 8 เสยี ง
ไดแ้ ก่อา ประสมจากเสยี งสระ อะ และพยัญชนะ ม สะกด (อัม)
เชน่ ขา บางครงั้ ออกเสียงยาว (อาม) เชน่ นา้

• ใอ ประสมจากเสียงสระ อะ และพยญั ชนะ ย สะกด (อยั ) เชน่
ใจ บางครง้ั ออกเสียงยาว (อาย) เช่น ใต้

• ไอ ประสมจากเสียงสระ อะ และพยัญชนะ ย สะกด (อัย) เช่น
ไหม้ บางคร้งั ออกเสยี งยาว (อาย) เช่น ไม้

• เอา ประสมจากเสยี งสระ อะ และพยัญชนะ ว สะกด (โอว) เชน่
เกา บางครงั้ ออกเสยี งยาว (อาว) เชน่ เกา้

• ฤ ประสมจากเสียงพยญั ชนะ ร และสระ อึ (รึ) เชน่ พฤกษา
บางคร้งั เปลี่ยนเสียงเปน็ ริ เช่น กฤษณะ หรอื เรอ เชน่ ฤกษ์

สระเกน คอื สระทมี่ ีเสียงซา้ กบั สระเดีย่ ว • ฤๅ ประสมจากเสยี งพยญั ชนะ ร และสระ อือ (รอื )
ตา่ งกนั ก็แต่ว่าสระเกนิ จะมเี สยี งพยญั ชนะ
ประสมหรอื สะกดอยดู่ ้วย มี 8 เสียง ได้แก่ • ฦ ประสมจากเสียงพยัญชนะ ล และสระ อึ (ลึ)
สระเกนิ
• ฦๅ ประสมจากเสยี งพยญั ชนะ ล และสระ ออื (ลอื ) 6

โลโกห้ รอื ชอ่ื ของคณุ ทนี่ ่ี

1.คาท่ีสะกดด้วย —ะ + ร จะลดรปู เปน็ —รร ไม่มีไมห้ นั อากาศ เช่น สรร บรร เป็นตน้
ซึ่งก็จะซ้อน ร เข้าไปอกี ตัวหนึ่ง เรยี กวา่ ร หัน
2.คาท่ีสะกดด้วย –ะ + ว จะลดรูปเป็น โ—ว จากวสิ รรชนยี เ์ ป็นไมโ้ อ เช่น โป๊ว โต๋ว เป็น
ต้น
ซงึ่ กจ็ ะไปซา้ กับสระ โ— ดังนั้นคาที่สะกดดว้ ย โ— + ว จึงไมม่ ี
3.สระ เ-ะ แ-ะ เ-าะ ทม่ี ีวรรณยกุ ต์ ใช้รูปเดียวกับสระ เ– แ- -อ ตามลาดับ เชน่ เผน่
เล่น แลน่ แวน่ ผอ่ น กร่อน
4.คาท่สี ะกดด้วย แ— + ง จะลดรปู เปน็ แ—ง็ จากไมห่ นา้ รปู ทสี่ องเป็นไม้ไตค่ ู้ เชน่
แขง็
5.คาที่สะกดด้วย –อ + ร จะลดรปู เปน็ –ร ไมม่ ีตัวออ เช่น พร ศร จร
ซงึ่ ก็จะไปซา้ กับสระ โ–ะ ดงั น้นั คาท่ีสะกดดว้ ย โ–ะ + ร จงึ ไมม่ ี
6.สระ เ–อะ ที่มตี วั สะกดใช้รูปเดียวกับสระ เ–อ เชน่ เงนิ เปิน่ เหย่
7.คาท่ีสะกดดว้ ย เ–อะ + ย จะลดรูปเป็น เ–็ย ไม่มีพินทุอ์ ิ เช่น เคย็ เนย็ เลย็
ซ่ึงกจ็ ะไปซ้ากบั สระ เ—ะ อย่างไรก็ตาม คาทสี่ ะกดด้วย เ–ะ + ย จะไมม่ ีในภาษาไทย
8.คาท่สี ะกดด้วย เ–อ + ย จะลดรปู เป็น เ–ย ไม่มพี นิ ทอ์ุ ิ เชน่ เคย เนย เลย
ซง่ึ กจ็ ะไปซา้ กับสระ เ– อย่างไรก็ตาม คาท่สี ะกดด้วย เ– + ย จจะไมม่ ีในภาษาไทย
9.พบไดน้ ้อยคา เชน่ เทอญ เทอม
10.คาท่สี ะกดด้วย —วั ใชไ้ มห้ ันอากาศกบั ตัววอ เชน่ หวั ตัว
ซึ่งกจ็ ะไปซ้ากบั สระ —ะ + ว ดงั นน้ั คาที่สะกดด้วย —ะ + ว จึงเปน็ โ—ว แ

โลโกห้ รอื ชอ่ื ของคณุ ทน่ี ี่ 7

การเปลย่ี นแปลงรปู สระ โลโกห้ รอื ชอื่ ของคณุ ทน่ี ี่

สระเป็นส่วนประกอบส่วนหนง่ึ ของการประสมอักษร ซึง่ มี
วิธีการใชแ้ ตกตา่ งกัน ดงั นี้
1.สระคงรป คอื การเขยี นสระตามรูปเดิมเมอ่ื ประสมอกั ษร เชน่
กะ เตะ โปะ เคาะ กอ กา หัว เป็นตน้ สระ -ะ, เ-ะ, โ-ะ … ในคาที่
ยกมาไมม่ กี ารเปล่ยี นแปลงรูปเมอ่ื ประสมอักษร
2.สระเปลยี่ นรป คอื สระที่มกี ารเปล่ยี นแปลงรูปเมอ่ื ประสม
อกั ษร เช่น กับ ( ก + ะ + บ) เจ็บ (จ + เ-ะ + บ) แขง็ (ข + แ + ง)
เกนิ (ก + เ-อ + น ) เลย (ล + เ-อ + ย) เป็นต้น
3.สระลดรป คอื สระทเี่ ขียนลดรปู เมื่อประสมอกั ษร เช่น สรร (ส
+ -ะ ร) งก (ง + โ-ะ + ก) จร (จ + -อ + ร) เคย (ค + เ-อ + ย)
4.สระเตมรป คือสระที่เขียนเตมิ รปู เมื่อไมม่ ีตัวสะกด เช่น มือ (ม
+ —ืั)
สระบางรูปเมอ่ื มพี ยัญชนะสะกดจะมีการเปลยี่ นแปลงรูปสระ

8

โลโกห้ รอื ชอ่ื ของคณุ ทน่ี ่ี 9

ขอบคณุ คะ่


Click to View FlipBook Version