การนเิ ทศภายใน
แนวคิดในการนเิ ทศการศึกษา
การจัดการศึกษาหรือการจัดการเรียนรตู้ ามพระราชบัญญัติการศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 ที่มุ่ง
ให้ผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ โดยถือว่าผู้เรียนสาคัญที่สุด ครูจะต้องมี
ศกั ยภาพในการจัดการเรียนรู้ให้มคี ุณภาพได้มาตรฐานสูงตามมาตรฐานหลักสูตรและ มาตรฐานการศึกษา
ชาติ และโรงเรียนมีศักยภาพในการบริหารจัดการเพื่อพัฒนาเข้าสู่ระบบ การประกันคุณภาพการศึกษา
และการยกระดับโรงเรียนชั้นนาของสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐานท่ีมีความพร้อมสู่การ
เปน็ โรงเรยี นมาตรฐานสากล ( World-Class Standard School ) ซ่ึงบคุ ลากรทกุ ฝา่ ยจะต้องเข้ามามีส่วน
ร่วมในการจัดการศึกษาเพ่ือให้เป็นโรงเรียนท่ีมีระบบการพัฒนาผู้เรียน สถานศึกษา แหล่งเรียนรู้
สภาพแวดล้อม หลักสูตร และการจัดการเรียนรู้ที่เอื้ออานวยให้ผู้เรียนสามารถแสดงถึงการพัฒนาตนเอง
ก้าวไกลตามความต้องการจนถึงระดบั สากล
ภารกิจทส่ี าคัญประการหนึ่งของผู้บรหิ ารสถานศึกษาและผรู้ ว่ มบริหาร ก็คือ การนิเทศ โดยเฉพาะ
การนิเทศภายในโรงเรียน เป็นแนวทางหน่ึงท่ีจะช่วยปรับปรุงคุณภาพการศึกษา ซึ่งจะช่วยแก้ไขปรับปรุง
สิ่งท่ีบกพร่องด้านวิชาการให้มีการพัฒนา และส่งเสริมให้การเรียนการสอนบรรลุวัตถุประสงค์ ผู้บริหาร
สถานศึกษาและผู้ร่วมบริหาร เป็นผู้ท่ีอยู่ใกล้ชิดกับคุณครูและนักเรียน จึงย่อมทราบถึงปัญหาต่าง ๆ ได้
ดีกว่าบุคลากรภายนอก เม่ือเป็นเช่นน้ีแล้ว การนิเทศภายในโรงเรียนจะสนองตอบความต้องการของ
บคุ ลากรในโรงเรียนได้อยา่ งถูกต้องและเหมาะสมทสี่ ุด
ความหมายของ “การนเิ ทศภายใน”
นกั การศึกษาทม่ี คี วามเชีย่ วชาญทางดา้ นการนเิ ทศการศึกษาไดใ้ หค้ วามหมายไว้ดงั น้ี
วไลรตั น์ บญุ สวัสด์(ิ 2538, หนา้ 62) ได้กล่าวไว้วา่ การนเิ ทศการศึกษาภายในโรงเรียน หมายถึง
การทางานของผู้บริหารโรงเรียนท่ีทางานร่วมกับครูในการพัฒนาการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพ
เปน็ ไปตามวตั ถปุ ระสงค์และเป้าหมายของการศึกษาที่กาหนดไว้
วัชรา เล่าเรียนดี(2545, หน้า 130) ได้กล่าวว่า การนิเทศภายในโรงเรียน เป็นกระบวนการ
บริหารการศึกษาท่ีจัดดาเนินการในโรงเรียนโดยบุคลากรในโรงเรียนเป็นหลัก ซ่ึงประกอบด้วย ผู้บริหาร
โรงเรียน คณะครูอาจารย์และบุคลากรท่ีเก่ียวข้องกับการศึกษาในโรงเรียนเพื่อพัฒนา คุณภาพการศึกษา
ในโรงเรียนโดยตรง
ชัด บุญญา (2546, หน้า 44) ได้ให้ความเห็นว่า การนิเทศภายในโรงเรียน หมายถึง การดาเนนิ
ใด ๆ ที่ทาให้ครูมีความพึงพอใจและมีกาลังใจที่จะพัฒนาการจัดการเรียนการสอน และพัฒนาการ
ดาเนินงานใด ๆ ของโรงเรียนให้เป็นไปตามมาตรฐานของโรงเรียนและของบุคลากรให้สูงขึ้นและรักษาไว้
จนส่งผลให้โรงเรียนเป็นท่ียอมรับของผู้รับประโยชน์จากโรงเรียนทุกฝ่าย อีกท้ังผ่านการประเมินภายใน
และภายนอก
จากความหมายของการนิเทศภายในโรงเรียนดังกล่าว สรุปได้ว่า การนิเทศภายในโรงเรียน เป็น
กระบวนการทางานและดาเนินกิจกรรมร่วมกัน ระหว่างผู้บริหารและบุคลากรภายในโรงเรียน ในการ
แนะนาช่วยเหลือ มขี วัญกาลังใจ สง่ เสรมิ เกย่ี วกับการเรียนการสอนและพัฒนาการดาเนนิ งานของโรงเรียน
ให้เป็นไปตามมาตรฐานของโรงเรียน เพ่ือปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้มีประสิทธิภาพ เป็นที่
ยอมรับของผู้รับประโยชน์จากโรงเรียนทุกฝ่าย เป็นไปตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายของการจัด
การศกึ ษาที่กาหนดไว้
จดุ มุง่ หมายของการนเิ ทศภายในโรงเรยี น
การนิเทศภายในมีจุดมุ่งหมายที่จะพัฒนาคนในองค์กร พัฒนาครูให้มีความรู้ความสามารถในงาน
พัฒนาหลักสูตร การจัดการเรียนการสอน ช่วยประสานงานและความร่วมมือให้เกิดความเข้าใจอันดี
ระหว่างงานทุกงานที่เกี่ยวข้อง อีกท้ังยังสร้างความมั่นคงในอาชีพครู สร้างสรรค์กาลังใจแก่บุคลากรเพื่อ
การพฒั นานกั เรยี นให้มีคุณภาพตามความมงุ่ หมายของการจดั การศึกษา
วตั ถปุ ระสงคข์ องการนเิ ทศภายใน
๑. เพ่อื สารวจความต้องการของครผู ้สู อน
๒. เพื่อศึกษาปญั หาของครูผู้สอน
๓. เพอ่ื ประเมนิ ผลการสอนของครูผู้สอน
๔. เพื่อกระตุ้นให้ครูผู้สอนปรบั ปรงุ พฒั นาการสอน
๕. เพ่ือใหค้ าปรึกษาแนะนาแก่ครผู สู้ อน
กระบวนการนิเทศภายใน
ในการดาเนินงานใดก็ตาม จาเป็นจะต้องมีข้ันตอนในการทางานเพ่ือให้งานสาเร็จเรียบร้อยดี
มีประสิทธภิ าพ สาหรับกระบวนการนิเทศการศึกษานน้ั มีแนวคดิ ของบคุ คลหลายคน เช่น
เบน เอ็ม แฮริส (Ben M. Harris) ได้สรุปกระบวนการในการนิเทศการศึกษาที่เรียกด้วย
ตวั อักษรย่อวา่ POLCA มดี งั น้ี
๑. Planning Processes (P) หมายถึง การวางแผนในการปฏิบัติงาน โดยคิดว่าจะทา
อย่างไร กาหนดจุดมุ่งหมายของงาน พัฒนาวิธีดาเนินการ กาหนดงานท่ีจะดาเนินการ คาดคะเนถึงผล
ทจี่ ะได้รับจากโครงการและวางโครงการ
๒. Organizing Processes (O) หมายถึง การจัดโครงสร้างของการดาเนินงานโดยสร้าง
หลักเกณฑ์ในการทางาน จัดหาทรัพยากรท่ีจะใช้ในการดาเนินงานโดยสร้างเกณฑ์ในการทางานสร้าง
ความสัมพนั ธ์ของงาน แบง่ งานโดยกาหนดหน้าทีใ่ นการปฏิบตั ิงาน มกี ารประสานงาน มอบหมายอานาจ
ให้ตามหนา้ ท่ี วางโครงการของหน่วยงานและพฒั นานโยบายตา่ ง ๆ
๓. Leading Processes (L) หมายถึง บทบาทในฐานะผู้นา โดยดาเนินการการวินิจฉัยสัง่
การ การคัดเลือกตัวบุคลากร กระตุ้นให้บุคลากรทางานลงมือปฏิบัติงานการสาธิตในการปฏิบัติงานการ
ให้คาปรึกษาช่วยเหลือ การติดต่อส่ือสาร การให้กาลังใจ การให้คาแนะนาให้มีความก้าวหน้าในการ
ปฏบิ ตั งิ าน ให้ความเรา้ ใจในการปฏบิ ตั งิ าน แสดงและอธบิ ายเก่ยี วกบั การปฏบิ ตั ิงาน
๔. Controlling Processes (C) หมายถงึ การควบคุมการปฏิบัติงาน ดาเนนิ งานโดยการ
พิจารณามอบหมายงาน ให้ความสะดวกในด้านต่าง ๆ พิจารณาลงโทษ มีการแก้ไขทันทีเม่ืองาน
ผดิ พลาด การให้บุคลากรออกจากงาน การตักเตือน และการกาหนดระเบียบในการปฏิบัตงิ าน
๕. Assessing Processes (A) หมายถึง การตรวจสอบผลการปฏิบัติงานโดยการ
ประเมนิ ผลการปฏิบัตงิ าน วดั ผลการปฏิบตั งิ าน วจิ ยั ผลการปฏิบัติงาน
ลูเธอร์ กูลิค (Luther Gulick) ได้กล่าวถึงกรับวนการบริหารที่เรียกด้วยอักษรย่อว่า
POSDCoRB ดังนี้
๑. Planning (P) หมายถึง การวางแผนหรือวางโครงการอย่างกวา้ งขวางๆ ว่ามีงานอะไรบาง
ท่ีจะต้องปฏิบัติตามลาดับ วางแผนวิธีปฏิบตั ิพร้อมด้วยวตั ถุประสงค์ของการปฏิบัติงานน้ัน ๆ ก่อนลงมือ
ปฏบิ ตั กิ าร
๒. Organizing (O) หมายถึง การจัดรูปโครงการหรือเค้าโครงของการบริหาร โดยกาหนด
อานาจหน้าท่ีของหน่วยงานย่อย หรือตาแหน่งต่าง ๆ ของหน่วยงานให้ชัดเจน พร้อมด้วยกาหนด
ลักษณะและวิธีการตดิ ต่องาน สมั พนั ธก์ นั ตามลาดบั ขน้ั แหง่ อานาจหนา้ ที่สูงต่าลดหล่ันกันไป
๓. Staffing (S) หมายถึง การบริหารงานอันเก่ียวกับตัวบุคคลหรือเจ้าหน้าท่ีทุกประเภท
ของหน่ายงาน การบริหารงานบุคคลดังกล่าว รวมตั้งแต่การแสวงหาคนมาทางาน การบรรจุแต่งต้ัง
การฝึกอบรมและพัฒนาบุคคลที่บรรจุแต่งต้ังไว้แล้ว การบารุงขวัญ การเล่ือนข้ันและการลดขั้น
ตลอดจนการพ้นจากงาน และการบารงุ รักษาสภาพการทางานท่ดี ี และมีประสทิ ธภิ าพใหค้ งอยู่ตลอดไป
๔. Directing (D) หมายถึง การวินิจฉัยส่ังการ หลังจากได้วิเคราะห์และพิจารณางานโดย
รอบคอบแล้ว รวมท้ังการติดตามดูแลให้มีการปฏิบัติตามคาสั่ งน้ัน ๆ ในฐานะผู้บริหาร เป็น
ผู้บงั คบั บญั ชาหน่วยงาน
๕. Coordinating (Co) หมายถึง การประสานงานหรือสือ่ สมั พันธ์หนว่ ยงานย่อยหรือตาแหน่ง
ต่าง ๆ ภายในองค์การหรือสานักงานใหญ่ เพ่ือก่อให้เกิดการทางานที่มีประสิทธิภาพ ไม่มีการซ้าซ้อน
หรือขัดแย้งกัน แต่ทุกหน่วยงานทางานประสานกลมกลืนกัน เพ่ือวัตถุประสงค์หลักขององค์การหรือ
หนว่ ยงานใหญ่รว่ มกัน
๖. Reporting (R) หมายถึง การเสนอรายงานไปยังผู้บังคับบัญชา หรือไปยังหน่วยงานท่ี
เก่ยี วขอ้ ง ทัง้ เบื้องบนและเบ้ืองลา่ ง การเสนอรายงานทาใหผ้ บู้ ังคับบัญชาทราบความกา้ วหน้าของงานทุก
ระยะ สะดวกแก่การประสานกับหน่วยงานอื่น ๆ ในขณะเดียวกันควรเสนอรายงานให้ผู้ร่วมงานหรือ
ผู้ใต้บังคับบัญชาได้ทราบด้วย จะเป็นการสร้างความเข้าใจอันดีร่วมกัน และเป็นการบารุงขวัญไปในตัว
การเสนอรายงานจาเป็นที่จะต้องมีการบันทึกหลักฐานท่ีเก่ียวกับการปฏิบัติงานไว้เป็นระยะ ๆ มีการ
วินิจฉัย การประเมินผล และการตรวจสอบเป็นระยะ ๆ จึงจะสามารถทารายงานได้ถูกต้องรัดกุมและ
สมบูรณ์
๗. Budeting (B) หมายถึง การจัดทางบประมาณการเงิน การวางแผนหรือโครงการในการ
ใชจ้ า่ ยเงิน การบญั ชี และการควบคุมดูแลการใชจ้ ่ายเงนิ หรือตรวจสอบบัญชโี ดยรอบคอบและรดั กุม
ขนั้ ตอนการนเิ ทศภายใน
การนิเทศภายในโรงเรียนอนุบาลตาก เป็นการดาเนินการอย่างมีข้ันตอนเป็นระบบและต่อเน่ือง
สรปุ ได้วา่ มี ๔ ขัน้ ตอน คือ
ขั้นท่ี ๑ สรา้ งข้อตกลงในการนิเทศภายใน
๑.๑ พบปะสนทนาสร้างความคุ้นเคยและสรา้ งเจตคติที่ดีในการนิเทศแกค่ รู
๑.๒ วางแผนการนิเทศถงึ ห้องเรียนร่วมกบั ครูในเรื่องต่าง ๆ ดงั น้ี
๑.๒.๑ กาหนดการเยี่ยมนิเทศภายใน
๑.๒.๒ กาหนดจดุ มงุ่ หมายในการเยีย่ มนิเทศภายใน
๑.๒.๓ กาหนดเรือ่ งท่ีจะนเิ ทศตามความต้องการ จาเปน็ ดังน้ี
๑) การจดั ทาเอกสารประจาช้ัน
๒) การจัดห้องเรยี นและบรรยากาศในห้อง
๓) การจดั กจิ กรรมการเรียนการสอนทงั้ ภายใน และภายนอกห้องเรยี น
๑.๒.๔ กาหนดวิธกี ารนเิ ทศ ดงั นี้
๑) สารวจปญั หา และความต้องการของครู
๒) สอบถามการปฏิบตั ิงานของครู
๓) ให้คาปรกึ ษาแนะนา
๔) สงั เกตการณ์สอน
ขั้นท่ี ๒ นเิ ทศถึงภายใน
ผนู้ เิ ทศเข้าเย่ียมชัน้ เรียนตามข้อตกลงที่กาหนดร่วมกบั ครู ดงั นี้
๒.๑ เข้าเยีย่ มนิเทศชน้ั เรียนตรงตามเวลาท่กี าหนด
๒.๒ ใหค้ วามเป็นกนั เองเพอื่ สร้างเจตคตทิ ่ดี แี ก่ครู
๒.๓ เยย่ี มนิเทศตามเรอื่ งทก่ี าหนด
๒.๔ เยยี่ มนเิ ทศช้ันเรยี นตามเวลาท่ีกาหนด
ขนั้ ท่ี ๓ วเิ คราะหผ์ ลการเยยี่ มนิเทศชั้นเรียน
๓.๑ วเิ คราะห์ผลการเยี่ยมชั้นเรยี นรว่ มกบั ครู
๓.๒ สรปุ ผลการเยี่ยมนิเทศช้นั เรียน
๓.๓ ให้คาปรึกษาแนะนาแกค่ รู
ขน้ั ที่ ๔ ปรับปรุงพัฒนาการทางาน
ครูนาผลการเยี่ยมนิเทศถึงห้องเรียนมาปรับปรุงพัฒนาแก้ไขการทางาน ผู้นิเทศนาผล
การนเิ ทศถงึ ห้องเรยี นมาปรบั ปรงุ พัฒนาแกไ้ ขในการนเิ ทศ/ บนั ทกึ ผลการนเิ ทศ
การนิเทศภายในโรงเรียนน้ัน การดาเนินการควรคานึงถึงปัญหาของโรงเรียน รวมทั้ง
ความต้องการของบุคลากรในโรงเรียนด้วย ดังน้ัน การดาเนินการนิเทศภายในโรงเรียนจึงต้องมีการ
วางแผนกาหนดแนวทางร่วมกัน ประสานสัมพันธ์ร่วมมือให้การช่วยเหลือซ่ึงกันและกัน และมี เป้าหมาย
เดยี วกัน คือพฒั นาคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนให้ไดต้ ามเกณฑม์ าตรฐานท่ีกาหนดไว้
การสงั เกตการสอน
หมายถงึ การจัดใหบ้ คุ คลหนง่ึ ที่มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องการเรียนการสอนมาสงั เกตพฤติกรรม
การสอนของครูในขณะทาการสอน มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ครูสามารถพัฒนาหรือปรับปรุงการสอนให้มี
ประสทิ ธิภาพโดยใช้ขอ้ มลู ยอ้ นกลบั จากการสังเกตการณ์สอนของผ้นู ิเทศ
ขัน้ ตอนการสังเกตการสอน
กระบวนการสังเกตการสอนในชั้นเรียน มีขั้นตอนที่ต่อเนื่องเกี่ยวโยงกันแบบวิทยาศาสตร์สรุปได้
ร่วม ๕ ขั้นตอนดงั นี้
๑. การสรา้ งความสัมพันธร์ ะหว่างครูกบั ผู้นิเทศ
๒. การปรบั ปรงุ การสอน/การนเิ ทศ
๓. การปรึกษาหารอื และการเตรียมแผนการสอน
๔. การสังเกตการณ์สอน
๕. วเิ คราะหพ์ ฤติกรรมการสอน
กระบวนการนเิ ทศ
กระบวนการนิเทศ ประกอบด้วย การศึกษาสภาพปัจจุบัน ปัญหา อุปสรรคและความต้องการ
การวางแผน ดาเนินการตามแผน การสร้างสื่อเคร่ืองมือและพัฒนาวิธีการนิเทศ ติดตามและประเมินผล
รายงานตามลาดับ ตามลาดับดังน้ี
๑) ศกึ ษาสภาพปัจจุบนั ปญั หาและความต้องการ
๒) การวางแผนและกาหนดทางเลือก
๓) การสรา้ งส่อื นวัตกรรมและเคร่ืองมอื
๔) การปฏิบัติการนิเทศภายในสถานศกึ ษา
๕) การประเมนิ ผลและรายงานผล
กระบวนการจดั กระบวนการเรยี นในชนั้ เรยี น
๑) การสรา้ งความสมั พนั ธ์ระหว่างผนู้ เิ ทศกับครูผู้สอน
๒) การวางแผนการจัดกระบวนการเรยี นรู้และการสร้างเครอื่ งมือ
๓) การสงั เกตพฤติกรรมการจัดกระบวนการเรยี นรู้
๔) การวเิ คราะห์พฤติกรรมการจัดการเรียนรูร้ ่วมกัน
๕) การปรบั ปรุงการจดั กระบวนการเรยี นรู้
บทบาทของผ้นู ิเทศในการจัดกระบวนการเรียนรู้
๑) ศึกษานเิ ทศก์
๑.๑ ร่วมวางแผนกับครูเปน็ รายบุคคลและเป็นกลุ่มเพ่ือพัฒนาคุณภาพการศึกษาตามนโยบาย
การจัดการศึกษาของสถานศึกษา วางโครงการดาเนินงานให้บรรลุ โดยทาหน้าท่ีปรึกษาและแนะนาการ
ขจัดปัญหาของครแู ต่ละคน
๑.๒ ร่วมมือด้านบริหารช่วยในการตัดสินใจดาเนินการและแนวทางการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ที่
เกี่ยวกบั การจดั การศึกษา กระบวนการจัดการเรียนรู้
๑.๓ จัดให้มกี ารประชุมปรึกษาหารือเกี่ยวกบั การจัดการเรียนรู้ ส่งเสริมใหค้ รูแสวงหาวชิ าการ
ใหม่ ๆ และนามาปรบั ปรุงการจดั กระบวนการเรียนรู้
๑.๔ เสนอแนะพัฒนาหลักสูตรของสถานศึกษา โดยช่วยคณะครูตั้งจุดประสงค์ของ
กระบวนการเรียนรู้ ของแตล่ ะกล่มุ สาระการเรียนรู้ เลอื กประสบการณ์ ท่มี คี ุณคา่ ให้แก่ครู เลอื กวธิ กี ารจัด
กระบวนการเรียนรู้ สื่อ นวตั กรรมและเทคโนโลยี เพือ่ การเรยี นรู้ ท่ีเหมาะสมและเน้นผ้เู รยี นเปน็ สาคัญ
๑.๕ จัดการเก่ียวกับการสาธิต วิธีการจัดกระบวนการเรียนรู้ การใช้ส่ือ นวัตกรรมและ
เทคโนโลยีทางการศึกษา
๑.๖ มีส่วนร่วมในการวัดผลและประเมินผลการศึกษา รวมท้ังวิจัยในชั้นเรียน เพ่ือปรับปรุง
พฒั นาคุณภาพการจดั การเรียนรู้ให้ดีขน้ึ
๒) ผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา
๒.๑ ปฐมนิเทศครใู หม่
๒.๒ จัดประชมุ กอ่ นเปดิ ภาคเรียน
๒.๓ สังเกตการจดั กระบวนการเรียนรู้ในชั้นเรียน
๒.๔ เย่ยี มชน้ั เรยี น
๒.๕ สาระการจัดกระบวนการเรียนรู้
๒.๖ นเิ ทศเป็นรายบุคคลหรือหมู่คณะ
๒.๗ อบรมครู
๒.๘ จดั ประชมุ เชงิ ปฏบิ ัตกิ าร
๒.๙ สมั มนาครู
๒.๑๐ จัดหาหนังสอื ทด่ี มี ีคุณคา่ ใหห้ ้องสมุด
๒.๑๑ จดั หา สือ่ นวัตกรรมและเทคโนโลยเี พอื่ การเรยี นรู้ให้แกค่ รู
๒.๑๒ สนบั สนุนใหค้ รไู ปศกึ ษาเพ่มิ เตมิ ระหว่างปดิ ภาคเรียน
๓) หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ หรือคณะนิเทศการจัดกระบวนการเรียนรู้และรอง
ผู้อานวยการสถานศึกษาฝ่ายวิชาการ
๓.๑ ชว่ ยส่งเสริม สนบั สนนุ อานวยความสะดวกในการปฐมนิเทศครูใหม่
๓.๒ แนะนา ส่งเสริม สนับสนุน ให้ครูได้เจริญงอกงามในวิชาชีพครู การสร้างผลงานทาง
วชิ าการ
๓.๓ ช่วยจดั โปรแกรมการพฒั นาการจดั กระบวนการเรียนรู้ สาหรับครทู ีป่ ระสบความล้มเหลว
ในการจัดกระบวนการเรียนรู้
๓.๔ จดั ตัวอย่างการจัดกระบวนการเรียนรทู้ ่ดี ี ทีป่ ระสบผลสาเรจ็ ของกลมุ่ สาระการเรียนรู้ของ
ตน เพือ่ ท่ีจะนาไปสาธติ ให้ครทู ีม่ าขอคาปรกึ ษาหารือด้วยวิธีการจดั การเรยี นร้ทู ่ีเป็นของตนเอง
๔) ครูทีป่ รกึ ษา หรอื ครูประจาช้ันและครูผ้สู อนทมี่ คี วามชานาญหรอื เชีย่ วชาญ
๔.๑ นเิ ทศการจดั กระบวนการเรยี นรู้ ใหก้ บั เพ่อื นครูดว้ ยกันโดยปรึกษาหารือ รว่ มมือและคอย
ช้ีแนะ เพ่ือปรับปรุงในส่ิงท่ียังมีปัญหา ไม่ชัดเจน หรือช่วยครูผู้สอนท่ีมีประสบการณ์น้อยกว่าให้เป็นครูทดี่ ี
มคี ุณภาพในอนาคต
๔.๒ นิเทศการจดั กระบวนการเรียนรู้ ใหแ้ ก่ผเู้ รียน โดยให้คาปรกึ ษา ชแ้ี นะชว่ ยเหลือสนับสนนุ
ปรับปรุง และจัดสิ่งแวดล้อมที่ดใี ห้แก่ผู้เรียน เพื่อให้เรียนรู้ดว้ ยตนเองอย่างมีความสุขและสนุกการกับการ
เรียนรู้
ลักษณะสาคัญของการนิเทศ
๑. พฒั นารูปแบบการนเิ ทศใหส้ อดคลอ้ งกบั การเปลยี่ นแปลงของโลก
๒. พฒั นาศกึ ษานเิ ทศก์ใหท้ ันตอ่ ความก้าวหนา้ ทางวชิ าการ
๓. พัฒนาเครือข่ายการนิเทศเพื่อเป็นกลไกในการขบั เคล่ือนคณุ ภาพการศกึ ษาจากสว่ นกลาง
๔. พัฒนาระบบขอ้ มูลสารสนเทศเพ่อื การนิเทศและการยกระดบั คณุ ภาพการศึกษา
๕. ใชก้ ระบวนการวิจยั เป็นฐานในการนเิ ทศและพัฒนาคุณภาพการศึกษา
คุณลกั ษณะของผนู้ ิเทศ
ผูน้ เิ ทศ แสดงบทบาทนิเทศ ควรมพี ื้นฐานลกั ษณะนิสัยทีด่ ี ดังต่อไปน้ี
๑. การยอมรับความจริง
๒. เห็นอกเห็นใจ
๓. มองโลกในแงด่ ี
๔. กระตอื รอื ร้น
๕. ใหโ้ อกาส
๖. ยดื หยุ่น
๗. มน่ั ใจในตนเอง
๘. กล้ารับผิดและรบั ชอบ
๙. มีวิสยั ทศั น์
ผู้นิเทศ ควรหลีกเล่ียงลักษณะนิสัยท่ีไม่ดี คือ การไม่วางใจ ขี้ราคาญ เอาแต่ใจ ถือตัว ชอบ
เปรียบเทียบ รอไม่ได้ ไม่ม่ันใจในตนเอง ไมห่ วงั ดี และไม่รีบร้อน
รูปแบบของการเรียนรู้ และการรับรู้ของผรู้ บั การนิเทศ
การรับรู้ของครูแต่ละคนจะมีขีดจากัดตามระยะเวลาท่ีกาหนด ควรกาหนดระยะเวลาท่ีเหมาะสม
ไม่มาก หรือน้อยเกินไป ย่อมจะทาให้ครูสามารถรับรู้และเรียนรู้ในส่ิงที่ผู้นิเทศสอนงาน หรือถ่ายทอดได้
ดีกว่า และท่ีเหมาะสมคือประมาณหน่ึงชั่วโมงถึงหน่ึงชั่วโมงคร่ึง หากจาเป็นต้องใช้ระยะเวลามากกว่านี้
ควรจดั ใหม้ ีเวลาพัก (Break) เพื่อให้ครมู โี อกาสหยุดทบทวนความคิดและข้อมูลท่ีผนู้ ิเทศได้สอนงานไปแล้ว
การศึกษาวิเคราะห์และเลือกวิธีการหรือเทคนิคในการนิเทศสอนงานให้เหมาะสม โดยมี
วัตถุประสงค์หลัก เพ่ือให้การทางานบรรลุผลสาเร็จตามเป้าหมายที่กาหนด ตลอดจนการให้คาแนะนาถึง
แหล่งข้อมูลที่นาใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ และการเปิดใจและเต็มใจที่จะตอบข้อซักถามต่าง ๆ
ให้แก่ครู ไม่แสดงสีหน้าราคาญ หรือต่อว่าครู เม่ือครูพยายามคิดหาทางพัฒนา และปรับปรุงระบบ หรือ
กระบวนการทางานให้รวดเรว็ สะดวก และมีประสิทธภิ าพมากยงิ่ ขน้ึ และรว่ มกนั รบั ผลลัพธท์ ี่ออกมาไม่ว่า
ผลลพั ธ์น้นั จะออกมาดี หรอื ไมด่ ีเพียงใด
ปจั จยั ที่ทาใหก้ ารนเิ ทศไมบ่ รรลุผลสาเรจ็
ปัจจัยท่ที าให้การนิเทศไม่บรรลุผลสาเรจ็ มีดังน้ี
๑. การจดั สภาพแวดล้อม สถานทที่ ่ีใช้สาหรบั สอนงาน ครู ไมเ่ หมาะสม เชน่ กวา้ งหรอื แคบเกินไป
บรรยากาศในห้องประชุมดูเป็นทางการหรือเป็นกันเองเกินไป ห้องประชุมมีอากาศร้อน มีกล่ินหรือเสียง
รบกวน ทาลายสมาธขิ องผ้นู เิ ทศและครู
๒. การจัดหาอุปกรณ์เคร่ืองมือ การจัดหาและการจดั เตรียมอุปกรณ์ เคร่ืองมือต่าง ๆ ไม่ครบถ้วน
ไม่มีคุณภาพ ในการนาไปใชส้ อนงาน หรือไม่สามารถสาธิตวธิ กี ารใช้อุปกรณ์/เครื่องมือ ท่ีเก่ียวข้องกับการ
สอนงานได้
๓. บุคลากร คือ ปัญหาที่เกิดจากผู้ทาหน้าที่นิเทศสอนงาน โดยมีสาเหตจุ ากผทู้ าหน้าท่ีนิเทศสอน
งาน ดังน้ี
๓.๑ ขาดความร้แู ละไม่เขา้ ใจในเนือ้ หาทีจ่ ะสอนงาน
๓.๒ ขาดทกั ษะในการควบคุมเวลาในการสอนงาน
๓.๓ ขาดทกั ษะของการสื่อสาร และวธิ กี ารถา่ ยทอดใหค้ รเู ข้าใจ
๓.๔ ผนู้ เิ ทศสอนงานไม่มีความรู้ และประสบการณ์ หรอื มีไม่ตรงกับส่งิ ท่คี รูต้องการ
๓.๕ ไมเ่ ห็นความสาคญั และความจาเปน็ ของการสอนงาน
๓.๖ ทาตนไม่เป็นแบบอย่างทีด่ ตี ่อครู
๓.๗ อารมณ์หงดุ หงดิ หรอื แสดงความไม่พอใจ เม่อื ครมู คี าถามหรอื มขี ้อสงสยั
๓.๘ ขาดความพร้อมในดา้ นสขุ ภาพกายหรอื สุขภาพจติ ในขณะท่ีเขยี นสอนงาน
๔. ครู ครูผู้รับการนิเทศสอนงาน พบว่า เป็นสาเหตุหนึ่งท่ีทาให้การนิเทศสอนงานประสบความ
ล้มเหลว คือครูมักจะหลีกเล่ียงหรือปฏิเสธ ไม่ยอมทาตามท่ีผู้นิเทศสอนงานได้ให้การนิเทศไว้ ท้ังนี้สืบ
เนื่องจาก ไม่มีเป้าหมายในการทางาน หรือไม่สนใจทจ่ี ะพัฒนาตนเอง กลัวการเปลี่ยนแปลง ไม่พร้อมที่จะ
รับฟัง หรือขาดความเคารพศรัทธาผู้นิเทศ และอาจมีผู้นิเทศ (Coach) มากเกินไป ทาให้มีหลายแนวทาง
ทาให้ครูเกิดความสบั สน
๕. วัฒนธรรมองค์กรของสถานศึกษา ไม่เอื้อและไม่ได้รับการส่งเสริมจากผู้บริหารสถานศึกษา
นิเทศการสอนในยุคปฏิรูปการศึกษา ดงั น้ี
๕.๑ การนิเทศการสอนต้องเป็นไปเพื่อการช่วยเหลืออย่างแท้จริง มิใช่เพียงแต่การนาเสนอ
ทฤษฎี
ใหค้ รูทราบ แลว้ ผนู้ ิเทศก็จากไป ครผู รู้ บั รู้กร็ บั รอู้ ย่างเดียวมิได้ลงสภู่ าคปฏิบัติ ผลทางการศกึ ษากไ็ ม่เกิดขึ้น
เสียที
๕.๒ ผู้นิเทศการสอนต้องทาต้องใกล้ชิดกับครูมากกว่าเดิม ยอมรับฟังครูให้มากข้ึน เพ่ือจะได้
ทราบปญั หาและอุปสรรคในอันที่จะหาทางแก้ไขต่อไป
๕.๓ ผู้นิเทศการสอนต้องสง่ เสริมสนับสนนุ และให้รางวลั ครูซึ่งเปน็ นกั แก้ปัญหา และนักคดิ ที่
มคี วามคดิ สร้างสรรค์
๕.๔ ผู้นิเทศการสอนต้องชื่นชมในความสาเร็จของครูและยกย่องชมเชย จะต้องปฏิบัติต่อครู
ในฐานะเป็นผู้ประสบความสาเร็จและทาให้ครูรู้สึกว่าตนเองเป็นบุคคลสาคัญขององค์การ และเกิด
ความรสู้ ึกอยากทจ่ี ะเสยี สละอย่างจริงจัง
๕.๕ ผู้นิเทศการสอนต้องช้ีแจงและทาความเข้าใจถึงภารกิจ เป้าหมาย และจุดมุ่งหมาย ที่จะ
ดาเนินการไปสู่ความสาเร็จของการประกอบอาชีพ ส่ิงเหล่าน้ีจะต้องมีความชัดเจนเพ่ือก่อให้ความเป็น
เอกภาพ และมจี ุดรวมร่วมกันในการทางานใหบ้ รรลเุ ปา้ หมายนั้น ๆ
๕.๖ ผู้นิเทศการสอนต้องแนะนาต่อครูว่า มีประเด็นใดบ้างที่ควรต้องทาและรับผิดชอบ ซึ่ง
ประเดน็ ต่าง ๆ เหล่าน้ี หากอยใู่ นความรับผดิ ชอบแลว้ ก็ตอ้ งทาให้ดที ่ีสดุ เต็มกาลงั ความสามารถ
๕.๗ ผู้นิเทศการสอนต้องนาเสนอรูปแบบง่าย ๆ ในการทางาน ไม่สลับซับซ้อน ง่ายต่อความ
เขา้ ใจในเชงิ ปฏบิ ตั ิ และใชท้ รพั ยากรจานวนจากดั แตเ่ กิดประสิทธิภาพในการทางาน
๕.๘ การนิเทศการสอนต้องยึดหลักการกระจายอานาจไปท่ีโรงเรียน โดยใช้แนวคิดเกี่ยวกับ
การบริหารทยี่ ดึ ทีต่ ้งั (site-based management) โดยผนู้ เิ ทศต้องออกท้องทม่ี ากขึ้น หรอื สรา้ งเครือข่าย
ผู้นิเทศกระจายไปตามโรงเรียนต่าง ๆ เพ่ือให้เกิดความคล่องตัวต่อครูผู้ปฏิบัติ และส่งเสริมสนับสนุนการ
ตัดสินใจในระดับโรงเรยี น
หอ้ งเรยี นดีมคี ณุ ภาพ
หมายถึง ห้องเรียนที่มีการจัดสภาพแวดล้อมภายในและภายนอกท่ีเอื้อต่อคุณภาพนักเรียน
เกิดขึ้นในช้ันเรียนอย่างแท้จริง มีครูผู้สอนจัดการเรียนรู้ได้คุณภาพมาตรฐาน และนักเรียนมีคุณภาพตาม
มาตรฐานการศึกษาและมาตรฐานตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพ้นื ฐาน
ความสาคัญของห้องเรียนดมี ีคณุ ภาพ
มาตรฐานการศึกษาในทุกระดับ ทั้งสานักงานเขตพื้นที่การศึกษา สถานศึกษาและห้องเรียนมี
ความสาคัญอย่างยิ่งในในเชิงปรัชญา คือ สาคัญต่อการวางรากฐานของการพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้
เกดิ ความสมดุลในคุณภาพของผู้เรียน สามารถพฒั นาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ เพื่อให้สามารถ
ดารงตนอยู่ในสังคมได้อย่างเป็นปกติสุข สอดคล้องกับความต้องการของสังคม ชุมชน และมีเอกลักษณ์
ของทอ้ งถ่ินหรือชุมชน เมอ่ื มองในการปฏบิ ัติ มีความสาคญั ต่อการวางนโยบาย การกาหนดวิสยั ทศั น์ พันธ
กิจ และมาตรการในการพัฒนาการจัดการศึกษา ท้ังในปัจจุบันและอนาคตท่ีสภาพแวดล้อม มีความ
เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว นอกจากน้ียังมีความสาคัญในแง่ของการเป็นฐานข้อมูลสนับสนุนการ
พยากรณ์คุณภาพที่คาดหวังตามที่ต้องการ ก่อให้เกิดการวางแผนระยะส้ัน ระยะกลาง และระยะยาว
ลว่ งหนา้ ได้
องคป์ ระกอบของห้องเรยี นดีมีคุณภาพ แบ่งไดเ้ ปน็ ๓ ด้าน ดังนี้
ดา้ นบรรยากาศทางกายภาพ (Physical Atmosphere)
บรรยากาศทางกายภาพหรือบรรยากาศทางด้านวัตถุ หมายถึง การจัดสภาพแวดล้อมต่าง ๆ
ภายในห้องเรียนให้เป็นระเบียบเรียบร้อย น่าดู มีความสะอาด มีเคร่ืองใช้ และส่ิงอานวยความสะดวกตา่ ง
ๆ ท่ีจะส่งเสริมให้การเรียนของนักเรียนสะดวกข้ึน เช่น ห้องเรียนมีขนาดเหมาะสม แสงเข้าถูกทาง และมี
แสงสว่างเพยี งพอ กระดานดามีขนาดเหมาะสม โต๊ะเกา้ อมี้ ีขนาดเหมาะสมกับวัยนกั เรยี น เปน็ ต้น
การจัดบรรยากาศทางด้านกายภาพ เป็นการจัดวัสดุอุปกรณ์ส่ิงอานวยความสะดวกต่าง ๆ
ท่ีเกี่ยวกับการเรียนการสอน รวมตลอดไปถึงส่ิงต่าง ๆ ที่เสริมความรู้ เช่น ป้ายนิเทศ มุมวิชาการ ช้ันวาง
หนังสอื โต๊ะวางสือ่ การสอน ฯลฯ ใหเ้ ป็นระเบียบเรียบร้อย ทาให้เกดิ ความสบายตา สบายใจ แก่ผ้พู บเห็น
ถ้าจะกล่าวโดยละเอียดแลว้ การจัดบรรยากาศทางด้ายกายภาพ ไดแ้ ก่ การจัดสิ่งต่อไปน้ี
๑. การจดั โตะ๊ เรียนและเกา้ อขี้ องนักเรียน
๑.๑ ให้มขี นาดเหมาะสมกบั รปู รา่ งและวัยของนักเรยี น
๑.๒ ให้มีช่องวา่ งระหวา่ งแถวที่นักเรยี นจะลุกน่ังไดส้ ะดวก และทากิจกรรมได้คล่องตวั
๑.๓ ใหม้ คี วามสะดวกตอ่ การทาความสะอาดและเคลื่อนยา้ ยเปลี่ยนรูปแบบท่นี ่ังเรียน
๑.๔ ให้มีรูปแบบท่ีไม่จาเจ เช่น อาจเปล่ียนเป็นรูปตัวที ตัวยู รูปคร่ึงวงกลมหรือเข้ากลุ่มเป็น
วงกลม ได้อยา่ งเหมาะสมกับกิจกรรมการเรยี นการสอน
๑.๕ ให้นักเรียนทน่ี ัง่ ทกุ จุดอ่านกระดานดาได้ชดั เจน
๑.๖ แถวหนา้ ของโต๊ะเรียนควรอยู่ห่างจากกระดานดาพอสมควร ไมน่ ้อยกว่า ๓ เมตร ไม่ควร
จัดโต๊ะติดกระดานดามากเกินไป ทาให้นักเรียนต้องแหงนมองกระดานดา และหายใจเอาฝุ่นชอล์กเข้าไป
มาก ทาใหเ้ สียสุขภาพ
๒. การจดั โตะ๊ ครู
๒.๑ ให้อยู่ในจุดที่เหมาะสม อาจจัดไว้หน้าห้อง ข้างห้อง หรือหลังห้องก็ได้ งานวิจัยบางเรื่อง
เสนอแนะให้จัดโต๊ะครูไว้ด้านหลังห้องเพ่ือให้มองเห็นนัก เรียนได้อย่างท่ัวถึง อย่างไรก็ตาม การจัดโต๊ะครู
น้ันขึ้นอย่กู บั รูปแบบการจดั ท่นี ง่ั ของนกั เรยี นด้วย
๒.๒ ให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย ทั้งบนโต๊ะและในลิ้นชักโต๊ะ เพื่อสะดวกต่อการทางาน
ของครู และการวางสมดุ งานของนักเรยี น ตลอดจนเพอื่ ปลูกฝังลกั ษณะนิสยั ความเปน็ ระเบียบเรยี บร้อยแก่
นักเรยี น
๓. การจัดป้ายนเิ ทศ ป้ายนิเทศไว้ทีฝ่ าผนังของห้องเรียน ส่วนใหญ่จะตดิ ไว้ที่ข้างกระดานดาทั้ง ๒
ข้าง ครูควรใช้ปา้ ยนิเทศทเ่ี ป็นประโยชนต์ ่อการเรียนการสอน โดย
๓.๑ จัดตกแตง่ ออกแบบให้สวยงาม น่าดู สรา้ งความสนใจให้แกนักเรียน เหมาะกับวัยนักเรยี น
๓.๒ จัดเน้ือหาสาระให้สอดคล้องกับบทเรียน อาจใช้ติดสรุปบทเรียน ทบทวนบทเรียน หรือ
เสรมิ ความรู้ให้แกน่ ักเรยี น
๓.๓ จัดให้ใหม่อยู่เสมอ สอดคล้องกับเหตุการณ์สาคัญ หรือวันสาคัญต่าง ๆ ที่นักเรียนเรียน
และควรรู้
๓.๔ จัดตดิ ผลงานของนักเรียนและแผนภูมิแสดงความก้าวหน้าในการเรียนของนักเรียนจะเป็น
การให้แรงจงู ใจทนี่ ่าสนใจวิธหี น่งึ
แนวการจัดป้ายนเิ ทศ
เพ่อื ใหก้ ารจัดป้ายนเิ ทศได้ประโยชนค์ ุ้มค่า ครูควรคานงึ ถงึ แนวการจัดป้ายนเิ ทศในข้อตอ่ ไปนี้
๑. กาหนดเน้ือหาที่จะจัด ศึกษาเน้ือหาที่จะจัดโดยละเอียด เพื่อให้ได้แนวความคิดหลัก หรือ
สาระสาคญั เขยี นสรุป หรือจาแนกไว้เป็นข้อ ๆ
๒. กาหนดวัตถุประสงค์ในการจัดโดยคานึงถึงแนวความคิดหลักสาระสาคัญของเร่ือง และ
คานงึ ถึงกลุ่มเป้าหมายวา่ ต้องการเขารู้อะไร แคไ่ หน อยา่ งไร
๓. กาหนดช่ือเร่ือง นับว่าเป็นส่วนสาคัญท่ีจะช่วยดึงดูดความสนใจของผู้ดู ช่ือเร่ืองท่ีดีต้องเป็น
ใจความส้นั ๆ กินใจความให้ความหมายชดั เจน ทา้ ทาย อาจมีลักษณะเป็นคาถามและชีใ้ ห้เห็นวัตถปุ ระสงค์
ในการจัดแผ่นปา้ ย
๔. การจดั สภาพหอ้ งเรียน ตอ้ งให้ถูกสุขลกั ษณะ กลา่ วคอื
๔.๑ มอี ากาศถ่ายเทไดด้ ี มีหนา้ ต่างพอเพยี ง และมปี ระตเู ข้าออกไดส้ ะดวก
๔.๒ มีแสงสว่างพอเหมาะ เพื่อช่วยให้ผู้เรียนอ่านหนงั สอื ได้ชัดเจน เพ่ือเป็นการถนอมสายตา
ควรใช้ไฟฟ้าชว่ ย ถ้ามแี สงสวา่ งนอ้ ยเกนิ ไป
๔.๓ ปราศจากสิง่ รบกวนตา่ ง ๆ เชน่ เสียง กลน่ิ ควนั ฝ่นุ ฯลฯ
๔.๔ มีความสะอาด โดยฝกึ ใหน้ ักเรยี นรบั ผิดชอบช่วยกันเก็บกวาด เช็ดถู เปน็ การปลกู ฝังนสิ ัย
รักความสะอาด และฝึกการทางานรว่ มกัน
๕. การจัดมุมตา่ ง ๆ ในห้องเรยี น ไดแ้ ก่
๕.๑ มุมหนังสือ ควรมีไว้เพ่ือฝึกนิสัยรักการอ่าน ส่งเสริมให้นักเรียนอ่านคล่อง ส่งเสริมการ
คน้ ควา้ หาความรู้ และการใช้เวลาว่างใหเ้ กิดประโยชน์ ครคู วรหาหนงั สือหลาย ๆ ประเภท ท่ีมคี วามยาก
ง่าย เหมาะสมกับวัยของนักเรยี นมาให้อ่าน และควรหาหนังสือชุดใหม่มาเปลี่ยนบ่อย ๆ การจัดมุมหนังสือ
ควรจดั ใหเ้ ป็นระเบยี บเรยี บร้อยเพือ่ สะดวกตอ่ การหยิบอ่าน
๕.๒ มมุ เสรมิ ความรู้กลุ่มประสบการณ์ต่าง ๆ ควรจัดไว้ใหน้ ่าสนใจ ช่วยเสรมิ ความรู้ ทบทวน
ความรู้ เช่น มุมภาษาไทย คณิตศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ สงั คมศึกษา มุมความรขู้ า่ ว เหตุการณ์ ฯลฯ
๕.๓ มุมแสดงผลงานของนักเรยี น ครูควรตดิ บนป้ายนเิ ทศ แขวนหรือจัดวางไว้บนโต๊ะ เพื่อให้
นักเรียนเกิดความภูมิใจในความสาเร็จ และมีกาลังใจในการเรียนต่อไป อีกทั้งยังสามารถแก้ไขพัฒนา
ผลงานของนกั เรยี นใหด้ ขี นึ้ โดยลาดับไดอ้ ีกด้วย
๕.๔ ต้เู ก็บส่ือการเรยี นการสอน เช่น บัตรคา แผนภูมิ ภาพพลิก กระดาษ สี กาว ฯลฯ ควรจัด
ไวใ้ หเ้ ป็นระเบยี บ เปน็ สดั ส่วน สะดวกตอ่ การหยิบใช้ อุปกรณ์ชน้ิ ใดทีเ่ ก่าเกินไปหรือไมใ่ ช้แล้วไมค่ วรเก็บไว้
ในตใู้ ห้ดรู กรุงรัง
๕.๕ การประดับตกแต่งห้องเรียน ครูส่วนใหญ่มักนิยมประดับตกแต่งห้องเรียนด้วยส่ิงต่าง ๆ
เช่น ม่าน มู่ล่ี ภาพ ดอกไม้ คาขวัญ สุภาษิต ควรตกแต่งพอเหมาะไม่ให้ดูรกรุงรัง สีสันที่ใช้ไม่ควรฉูดฉาด
หรือใช้สี สะท้อนแสง อาจทาให้นักเรียนเสียสายตาได้ การประดับตกแต่งห้องเรียน ควรคานึงถึงหลัก
ความเรยี บง่าย เป็นระเบียบ ประหยัด มุง่ ประโยชน์ และสวยงาม
๕.๖ มุมเก็บอุปกรณ์ทาความสะอาด ตลอดจนชั้นวางเครื่องมือเครื่องใช้ของนักเรียน เช่น
แปรงสีฟัน ยาสีฟัน แก้วน้า กล่องอาหาร ปิ่นโต ฯลฯ ควรจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบ และหม่ันเช็ดถูให้
สะอาดเสมอ
ความสาคัญของการจดั บรรยากาศในชน้ั เรยี น
๑. ช่วยส่งเสริมให้การเรียนการสอนดาเนินไปอย่างราบร่ืน เช่น ห้องเรียนท่ีไม่คับแคบจนเกินไป
ทาให้นักเรียนเกิดความคล่องตัวในการทากิจกรรม
๒. ช่วยสร้างเสริมลักษณะนิสัยที่ดีงามและความมีระเบียบวินัยให้แก่ผู้เรียน เช่น ห้องเรียนท่ี
สะอาด ท่ีจัดโต๊ะเกา้ อ้ไี ว้อย่างเป็นระเบียบ มีความเอ้อื เฟ้ือเผื่อแผ่ตอ่ กนั นักเรียนจะซึมซับส่ิงเหลา่ นี้ไว้โดย
ไม่รตู้ ัว
๓. ช่วยส่งเสริมสุขภาพที่ดีให้แก่ผู้เรียน เช่น มีแสงสว่างที่เหมาะสม มีที่น่ังไม่ใกล้กระดานดามาก
เกินไป มขี นาดโตะ๊ และเกา้ อ้ที ี่เหมาะสมกบั วัย รปู รา่ งของนกั เรียนนักศึกษา ฯลฯ
๔. ช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ และสร้างความสนใจในบทเรียนมากยิ่งข้ึน เช่น การจัดมุมวิชาการ
ตา่ ง ๆ การจัดป้ายนเิ ทศ การตกแตง่ ห้องเรยี นด้วยผลงานของนกั เรียน
๕. ชว่ ยส่งเสริมการเป็นสมาชกิ ท่ีดขี องสงั คม เช่น การฝกึ ใหม้ มี นษุ ยส์ มั พนั ธท์ ่ดี ีต่อกัน การฝกึ ให้มี
อัธยาศยั ไมตรใี นการอยู่ร่วมกนั ฯลฯ
๖. ชว่ ยสร้างเจตคติทีด่ ีต่อการเรียนและการมาโรงเรียน เพราะในช้ันเรียนมีครูท่ีเขา้ ใจนักเรียน ให้
ความเมตตาเอ้ืออารีต่อนักเรียน และนักเรียนมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน กล่าวโดยสรุปได้ว่า การจัด
บรรยากาศใน ช้ันเรียนจะช่วยส่งเสริมและสร้างเสริมผู้เรยี นในด้านสติปัญญา ร่างกาย อารมณ์ และสังคม
ได้เป็นอยา่ งดี ทาให้นักเรียนเรียนดว้ ยความสขุ รักการเรยี น และเปน็ คนใฝ่เรียนใฝร่ ใู้ นทีส่ ดุ
ด้านครู
๑. บคุ ลกิ ภาพของครู
สภาพบรรยากาศของห้องเรียนมีส่วนสัมพันธ์กับบุคลิกภาพของครู ครูที่มีบุคลิกภาพดี เช่น
การแต่งกาย การยืน การเดน ท่าทาง น้าเสียง การใช้คาพูด การแสดงออกทางสีหน้า แววตา ฯลฯ
เหมาะสมกับการเปน็ ครู จะช่วยส่งเสรมิ บรรยากาศการเรยี นรูไ้ ดด้ ี
๒. พฤตกิ รรมการสอนของครู
พฤติกรรมการสอนของครูมีบทบาทในการสร้างความรู้สึกท่ีดีให้แก่นักเรียน เช่นเดียวกับ
บุคลิกภาพ ของครู ในการสอนครูต้องใช้เทคนิคและทักษะการสอนที่สอดคล้องเหมาะสมกับนักเรยี นและ
บท เรียน เพ่ือให้นักเรียนเกิดความรู้ เจตคติ และทักษะตามที่หลักสูตรกาหนด พฤติกรรมของครูควรเป็น
ดังนี้
๒.๑ ตอบสนองพฤติกรรมของนักเรียนโดยใช้เทคนิคการเสริมแรงท่ีเหมาะสม เช่น ใช้วาจา
ใช้ท่าทาง ให้รางวัล และสัญลักษณ์ต่าง ๆ ตลอดจนให้ทากิจกรรมที่นักเรียนชอบ ครูควรเริมแรงให้ทั่วถึง
และเหมาะสม
๒.๒ เปดิ โอกาสใหน้ กั เรยี นแสดงความคิดเหน็ และยอมรับฟงั ความคดิ เหน็ ของนักเรยี น แสดง
ให้นักเรียนเห็นว่าความคิดของเขามีประโยชน์ พยายามนาความคิดเหล่านั้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในการ
เรยี นรู้
๒.๓ ฝกึ การทางานเป็นกลุ่ม การใหท้ างานเปน็ กลุ่มจะช่วยให้นักเรียนรูจ้ ักทางานรว่ มกับผู้อ่ืน
ได้ใช้ความ รู้ความคิดความสามารถที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ ฝึกการสร้างมนุษยสัมพันธ์ท่ีดีและได้ผลงาน
นามาสู่ความภาคภูมิใจในกลุ่มและตน เอง ในการมอบหมายงานให้กลุ่มทานั้น ครูควรคานึงถึงความยาก
ง่ายของงาน ความรู้และความสามารถของนักเรียนในกลุ่ม เพ่ือให้งานกลุ่มประสบความสาเร็จ เป็นการ
สร้างความรู้สึกทางบวกให้แก่นักเรยี น งานใดท่ีครูเห็นว่ายาก ครูควรเข้าไปดูแลกระตุ้นใหน้ ักเรยี นชว่ ยกัน
คดิ แก้ปญั หาในกลุม่ ของตน ครูจะต้องมีความอดทนท่จี ะไมร่ ีบช้ีแนะ หรอื บอกวิธกี ารแก้ปัญหาตรง ๆ ตอ้ ง
ฝึกให้นกั เรยี นใช้วิธกี าร ตา่ ง ๆ หลาย ๆ แบบจนสามารถแกป้ ัญหาไดส้ าเร็จ
๒.๔ ใช้เทคนิคและวิธีสอนที่ไม่ทาให้นักเรียนเบื่อหน่ายในการเรียน ครูควรคิดค้นคว้าและ
แสวงหาแนวทางวิธีการใหม่ ๆ มาใช้จัดการเรียนการสอน วิธีการสอนควรเป็นวิธีที่ยึดนักเรียนเป็น
ศูนย์กลาง หรือนักเรียนเป็นผู้กระทากิจกรรม เช่น วิธีการสอนแบบทดลอง แบบแก้ปัญหา แบบแสดง
บทบาทสมมุติ แบบสืบสวนสอบสวน แบบแบ่งกลุ่มทากิจกรรม แบบอภิปราย แบบศูนย์การเรียน
ตลอดจนนวัตกรรมการสอน ที่น่าสนใจ การจะใช้วิธีสอนแบบใดนั้นครูต้องเลือกให้เหมาะสมกับบทเรียน
ระยะเวลา สติปญั ญา และวัยของนกั เรียน
ด้านนักเรยี น
๑. ปฏิสัมพันธ์ระหว่างครูกับนักเรียน ถ้าปฏิสัมพันธ์ระหว่างครูกับนักเรียนเป็นไปด้วยดี
หมายถึง ทั้งครูและนักเรียนต่างมีความสัมพันธ์อันดีตอ่ กัน ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ซักถาม ครูให้ความ
เป็นกันเองแก่นักเรียน ให้นักเรียนมีอิสระ และมีความสบายใจในการทากิจกรรม บรรยากาศภายใน
ห้องเรยี นก็จะไมต่ งึ เครยี ด เป็นบรรยากาศท่รี ืน่ รมย์ น่าเรียน นา่ สอน ซ่ึงจะสง่ เสริมใหเ้ กดิ การเรยี นรทู้ ีด่ ี
๒. ปฏิสัมพันธ์ระหว่างนักเรียนกับนักเรียน บรรยากาศในห้องเรียนจะเต็มไปด้วยความอบอุ่น
สร้างความรู้สึกท่ีดีให้แก่นักเรียนได้ถ้านักเรียนมีปฏิสัมพันธ์ท่ีดีต่อกัน คือ มีความสมัครสมานสามัคคี รัก
ใคร่กลมเกลียวกัน ช่วยเหลือซ่ึงกันและกัน มีน้าใจเอื้อเฟ้ือเผ่ือแผ่ซ่ึงกันและกัน ฯลฯ นักเรียนจะมี
ปฏิสัมพันธ์ท่ีดีต่อกันได้นั้น ขึ้นอยู่กับครูเป็นสาคัญ กล่าวคือ เป็นแบบอย่างที่ดีแก่นักเรียน ปกครองดูแล
นักเรียนได้ทั่วถึง ส่ังสอนอบรมบ่มนสิ ัย และแก้ไขพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของนักเรยี นได้ถูกต้อง นักเรียน
ก็จะค่อย ๆ ซึบซาบและซับเอาสิ่งที่ดีงามไวป้ ฏิบัติจนเปน็ คุณลกั ษณะเฉพาะตนที่พึงประสงค์ เมื่อนักเรียน
ทุกคนต่างเป็นคนดี เพราะมีครูดี ทุกคนก็จะมีปฏิสัมพันธ์ท่ีดีต่อกัน อันเป็นส่วนสร้างเสริมให้เกิด
บรรยากาศท่ีพึงปรารถนาข้นึ ในหอ้ งเรียน
๓. ปฏสิ ัมพันธท์ างวาจา หมายถึง การพูดจาร่วมกันในชั้นเรียนระหว่างครูกับนักเรียน อาจเป็น
การบรรยาย การอภิปราย การถามคาถาม การมอบหมายงาน การพูดของนักเรียน เป็นต้น ท้ังหมดนี้มี
อิทธพิ ลตอ่ การสรา้ งบรรยากาศในชนั้ เรยี นเชน่ กนั
ความสาคญั ของการสรา้ งบรรยากาศการเรียนรูอ้ ย่างมคี วามสุข
การสร้างบรรยากาศใหผ้ ้เู รียนได้เรียนรู้อย่างมีความสุข ก่อใหเ้ กิดประโยชน์ต่อผู้เรยี นทั้งปัจจุบัน
และอนาคต ดงั นี้
๑. ทาให้ผู้เรียนมีสุขภาพจิตดี มีความสุข สดช่ืน เบิกบาน ซ่ึงเป็นพ้ืนฐานของการเป็นผู้ใหญท่ ี่มี
สขุ ภาพ ทีด่ ใี นอนาคต
๒. ทาให้ผ้เู รียนเกดิ กาลังใจ ใฝเ่ รียนรู้ ไมท่ อ้ แท้ หรอื ทอ้ ถอย เปน็ การสง่ เสริมนสิ ัย ใฝ่รู้ ใฝ่เรียน
และรักการเรยี นรูส้ งิ่ ต่าง ๆ ตลอดชีวติ
๓. ทาให้ผู้เรียนมีจิตใจที่ดีงาม เพราะเด็กที่เจริญเติบโตข้ึนในบรรยากาศแห่งความรักก็จะรู้จัก
รักผอู้ นื่ เผอ่ื แผ่ความรูส้ ึกและความสมั พันธท์ ่ดี ีกวา้ งอออกไป และพรอ้ มที่จะช่วยเหลือผ้อู ่ืนตอ่ ไป
๔. ทาให้ผู้เรยี นเห็นคณุ ค่าของตนเอง และมกี าลังใจทจ่ี ะทาสง่ิ ทด่ี ีงามตลอดไป
๕. ทาให้ผู้เรียนได้เรียนรู้การอยู่ร่วมกับผู้อื่น เพราะการเรียนรู้ท่ีมีความสุขเป็นการเรียนรู้ท่ี
ผู้เรียนได้มีปฏสิ ัมพันธ์ กับเพ่ือน เป็นการฝึกการยอมรบั การเข้าใจ เห็นใจผู้อ่ืน ไม่มุ่งม่ันเอาชนะ มีเหตุผล
ฝึกความอดทน อดกลั้น รู้จักผ่อนปรน รจู้ ักให้อภยั เป็นต้น
ข้อควรคานึงในการจดั การเรยี นรู้
เพอ่ื ให้ผ้เู รียนเกดิ ความสขุ ในการเรยี น ผู้สอนได้จัดการเรียนรู้ โดยคานงึ ถงึ ข้อตอ่ ไปนี้
๑. บทเรียนเริม่ จากงา่ ยไปยาก โดยคานึงถึงวฒุ ิภาวะและความสามารถในการรบั รู้ของเด็กแต่ละ
วัย มีความต่อเน่ืองในเน้ือหาวิชาและขยายวงไปสู่ความรู้แขนงอื่น ๆ เพ่ือเสริมสร้างความเข้าใจต่อชีวิต
และโลกรอบตัว
๒. วิธีการเรียนสนุกไม่น่าเบื่อ และตอบสนองความสนใจใคร่รู้ของนักเรียน การนาเสนอเป็นไป
ตามธรรมชาติ ไมย่ ดั เยียดหรอื กดดนั เนอื้ หาท่ีเรยี นไมม่ ากเกินไปจนเด็กหมดความสนใจ
๓. ทุกข้ันตอนของการเรียนรู้มุ่งพัฒนาและส่งเสริมกระบวนการคิดในแนวต่าง ๆ ของ เด็ก
รวมทั้งความคิดสร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์ จากการประมวลผลข้อมูลและเหตุผลต่าง ๆ และคิดแก้ปัญหา
อยา่ งมีระบบ
๔. แนวการเรียนรู้ควรสัมพันธ์ และสอดคล้องกับธรรมชาติ เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กได้สัมผัสความ
งามและความเป็นไปของสรรพส่ิงรอบตัว บทเรียนไม่จากัดสถานที่ หรือเวลา และทุกคนมีสิทธิ์เรียนรู้
เทา่ เทียมกัน
๕. มีกิจกรรมหลากหลาย สนุก ชวนให้นักเรียนเกิดความสนใจต่อบทเรียนน้ัน ๆ เปิดโอกาส
ให้นกั เรยี นทุกคนได้มีสว่ นร่วมในกิจกรรม ใช้ภาษาที่นมุ่ นวลใหก้ าลงั ใจและเป็นไปในทางสร้างสรรค์
เอกสารอ้างองิ
โกวิท ประวาลพฤกษ์, ดร. พัฒนาการศึกษาแท้ และแฟ้มพัฒนางาน. กรุงเทพมหานคร :
สานักพิมพ์บรษิ ทั เคอะมาสเตอร์กรุป แมแนจเมน้ ท์, 2542.
ชัด บุญญา. เทคนิคการกากับ ติดตามผลการปฏิบัติการสอน เพ่ือการนิเทศงานวิชาการภายใน
โรงเรียน. สารพัฒนาหลักสูตร., ปีที่ 14 อันดับที่ 12 กรกฎาคม - กันยายน 2538.
กรงุ เทพมหานคร : โรงพิมพ์คุรสุ ภาลาดพร้าว, 2538.
ชดั บญุ ญา. หลักการและแนวคิดและแนวคิดในการนเิ ทศการศกึ ษายคุ ใหม.่ 2546.
พะนอม แก้วกาเนิด. การนิเทศการศึกษา. หน่วยศึกษานิเทศก์ กรมสามัญศึกษา : ม.ป.ป.
(อดั สาเนา)
วไลรตั น์ บุญสวัสด.์ิ หลกั การนิเทศการศึกษา. กรงุ เทพ : อารต์ กราฟคิ , 2538.
วัชรา เล่าเรียนดี. เทคนิคการจัดการเรียนการสอนและการนิเทศ. โครงการส่งเสริมการผลิตตารา
และเอกสารการสอนคณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั ศลิ ปกร นครปฐม, 2545.
วินัย เกษมเศรษฐ. หลักการและเป้าหมายของการนิเทศการศึกษา. หน่วยศึกษานิเทศก์ กรม
สามัญศกึ ษา, ม.ป.ป. (อัดสาเนา)
วิโรจน์ สารรัตนะ, ดร. การวางแผน ในโรงเรียนมัธยมศึกษา. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์อักษร
บัณฑิต, 2532.
ศิริวรรณ ฉายะเกษตริน การค้นคว้าจากเอกสารเก่ียวกับความหมายของการนิเทศการบริหาร
และความมงุ่ หมายของการนิเทศการศกึ ษาในประเทศไทย, ม.ป.ป. (อัดสาเนา)
หน่วยศึกษานิเทก์ กรมสามัญศึกษา.. เอกสารชุดการประกันคุณภาพการศึกษา เล่ม 1-4
กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พ์คุรสุ ภาลาดพร้าว, 2542.
. การนเิ ทศเพือ่ ให้โรงเรยี นพฒั นาตนเอง. กรมสามญั ศึกษา , 2532.
. การบรหิ ารงานเชงิ ระบบ. กรมสามัญศกึ ษา , 2537.
ภาคผนวก
แบบนเิ ทศภายใน
แบบบนั ทกึ การนเิ ทศภายในการประเมนิ ความพร้อมของห้องเรียน
โรงเรียนอนุบาลตาก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศกึ ษาตาก เขต ๑
ชือ่ ผไู้ ด้รบั การนิเทศ..................................................................................ระดับชัน้ ......................................
วนั ทไี่ ด้รับการนเิ ทศ.................. เดือน................................. พ.ศ. .................................
รายการประเมนิ ม/ี ไมม่ /ี ขอ้ เสนอแนะ
ปฏบิ ตั ิ ปฏบิ ตั ิ
๑. ปา้ ยช่ือครูประจาชั้น/ป้ายชัน้ เรียน
๒. ทาเนยี บสมาชกิ ในห้องเรียน
๓. ขอ้ ตกลงในช้นั เรยี น
๔. สัญลกั ษณ์เกีย่ วกบั ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตรยิ ์
๕. นาฬกิ าบอกเวลา
๖. ตารางเวรประจาวัน
๗. ตารางเรียน/ซ่อมเสรมิ
๘. ทีเ่ กบ็ อุปกรณ์ทาความสะอาดช้ันเรยี น
๙. ท่เี กบ็ อปุ กรณ์การแปรงฟนั
๑๐. เอกสารธรุ การชน้ั เรียน
๑๐.๑ บันทึกการเยยี่ มบ้าน/ศึกษาเด็กเป็นรายบคุ คล
๑๐.๒ แบบรายงานประจาตวั นักเรียน (แบบ ปพ.6)
๑๐.๓ ระเบยี นสะสม
๑๐.๔ แบบบนั ทกึ ผลการจัดกิจกรรมพัฒนาผูเ้ รียน
๑๐.๕ บันทึกการสอนซอ่ มเสริม
๑๐.๖ บันทึกการผลิตส่ือ/อุปกรณ์/การใช้สื่อและ
แหลง่ เรียนรู้
๑๐.๗ แบบบนั ทึกโฮมรูม
รวม
ลงชอื่ .................................................ผนู้ ิเทศ
(................................................
แบบบันทกึ การนิเทศภายใน แผนการจัดการเรยี นรู้ทเ่ี นน้ ผูเ้ รียนเปน็ ศูนย์กลาง
โรงเรยี นอนุบาลตาก สังกัดสานกั งานเขตพ้ืนทก่ี ารศกึ ษาประถมศกึ ษาตาก เขต ๑
ชื่อผไู้ ด้รับการนเิ ทศ..................................................................................ระดับชนั้ ......................................
รายวิชา……………………………………………………….กลมุ่ สาระการเรยี นรู้……………………………………….
วันทไ่ี ดร้ บั การนเิ ทศ.................. เดือน................................. พ.ศ. .................................
ผู้ประเมิน ตนเอง ครูในกลุม่ สาระการเรียนรู้
ครูระหวา่ งกลุม่ สาระการเรียนรู้ วิชาการระดบั ชนั้ ปฐมวยั /ชน้ั ประถมศึกษา
หัวหน้าวชิ าการ รองผอู้ านวยการ/ผอู้ านวยการโรงเรียน
ระดับความคิดเหน็
ลาดับ กจิ กรรม ไม่ ปฏบิ ตั ิ ตอ่ การปฏิบตั ิ ขอ้ สังเกตและ
ท่ี ปฏบิ ตั ิ ข้อเสนอแนะ
ดีมาก ปาน พอใช้
กลาง
1. การจดั หนว่ ยการเรียนรู้ สอดคล้องกบั หลกั สตู ร
และคาอธิบายรายวชิ า
2. การกาหนดสาระการเรยี นรู้ทส่ี อนสอดคลอ้ งกบั
ตวั ช้วี ดั
3. กาหนดสอื่ สอดคลอ้ งกับกิจกรรมการเรยี นรู้
4. กาหนดเคร่ืองมือวัดและประเมินผลได้
สอดคล้องกับตัวช้ีวัด ด้วยการประเมินสภาพ
จริง มเี ครือ่ งมือความหลากหลาย
5. แผนการจดั การเรียนรู้เป็นแผนทมี่ กี าร
ออกแบบเน้นนกั เรียนเปน็ ศนู ย์กลาง
6. แผนการจัดการเรียนรู้เขียนวัตถุประสงค์มี
ความครอบคลุมผลการเรียนรู้ ด้านความรู้
ความเขา้ ใจ (K) ด้านทักษะการปฏบิ ตั ิ (P) ด้าน
คุณลักษณะทพ่ี ึงประสงค์ ( A )
7. แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้โอกาส
นกั เรยี นมสี ว่ นร่วม
8. แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ส่งเสริมให้
นกั เรยี นมีปฏสิ ัมพนั ธ์กบั แหล่งเสริมเรยี นรู้
9. แผนการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ส่งให้นักเรยี นใช้
การคดิ และทักษะกระบวนการคดิ
ระดับความคดิ เหน็
ลาดับ กจิ กรรม ไม่ ปฏิบตั ิ ตอ่ การปฏบิ ัติ ขอ้ สงั เกตและ
ท่ี ปฏบิ ัติ ขอ้ เสนอแนะ
ดีมาก ปาน พอใช้
กลาง
10. แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ส่งเสริมให้
นักเรยี นทางานเปน็ กล่มุ เปน็ ทีม
11. แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ส่งเสริมให้
นักเรียนสรา้ งความรดู้ ้วยตนเอง
12. แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ส่งเสริมให้
นักเรยี นมคี ณุ ธรรมตามอตั ลกั ษณ์เปา้ หมาย
13. แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้สามารถให้
นกั เรยี นทากจิ กรรมนาความรไู้ ปประยุกต์หรือมี
การเชื่อมโยงความรู้กบั ชีวติ ประจาวนั
14. แผนการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้บรู ณาการกับ
สาระการเรียนร้อู นื่ ๆ (เศรษฐกิจพอเพียง , ยา
เสพตดิ , คา่ นยิ ม 12 ประการ , ทกั ษะศตวรรษ
ที่ 21)
รวมคะแนน
รวมคะแนนคณุ ภาพของการปฏิบัติ
บนั ทกึ เพ่มิ เติม
………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชอื่ .................................................ผนู้ ิเทศ
(................................................)
แบบบนั ทกึ การนเิ ทศภายใน กระบวนการจดั การเรียนรู้
โรงเรียนอนบุ าลตาก สงั กัดสานักงานเขตพน้ื ที่การศึกษาประถมศกึ ษาตาก เขต ๑
ชอ่ื ผ้ไู ดร้ บั การนิเทศ..................................................................................ระดับชนั้ ......................................
รายวิชา……………………………………………………….กลมุ่ สาระการเรยี นรู้……………………………………….
วนั ท่ไี ดร้ บั การนิเทศ.................. เดอื น................................. พ.ศ. .................................
ผ้ปู ระเมนิ ตนเอง ครใู นกล่มุ สาระการเรียนรู้
ครูระหว่างกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วิชาการระดับช้ันปฐมวยั /ประถมศกึ ษา
หัวหนา้ วชิ าการ รองผอู้ านวยการ/ผู้อานวยการโรงเรียน
ระดบั ความคิดเห็น
ลาดับ กจิ กรรม ไม่ ปฏิบตั ิ ต่อการปฏิบตั ิ ข้อสังเกตและ
ท่ี ปฏบิ ตั ิ ขอ้ เสนอแนะ
ดีมาก ปาน พอใช้
กลาง
1. การนาเข้าสบู่ ทเรยี น
เร้าความสนใจของนักเรียน
วดั ความรพู้ ้นื ฐานของนักเรยี นกอ่ นเรียน
เหมาะสมกับเวลาและเนื้อเรือ่ งท่ีสอน
บอกจุดประสงค์และแนวทางการเรยี น
2. การดาเนินการสอน
เนอื้ หาการสอนสอดคลอ้ งกบั จุดประสงคใ์ นการ
เรียน
อธิบายตามข้ันตอนทาให้เข้าใจง่ายและใช้
ภาษาถูกตอ้ ง
สามารถยกตัวอย่างที่ใช้ประกอบเร่ืองที่สอน
เหมาะกับเน้ือหาและสัมพันธ์กับชวี ติ จรงิ
ใช้เทคนิคการตั้งคาถามหลาย ๆ แบบ เพ่ือให้
นกั เรียนมีส่วน รว่ มแสดงความคิดเห็น
ใหค้ วามสนใจนักเรียนอย่างทว่ั ถงึ
ตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนระหว่างการ
สอนรวมท้ังเปดิ โอกาสให้นกั เรียนซกั ถาม
ระดับความคิดเห็น
ลาดับ กจิ กรรม ไม่ ปฏบิ ตั ิ ตอ่ การปฏบิ ตั ิ ขอ้ สงั เกตและ
ที่ ปฏบิ ตั ิ ขอ้ เสนอแนะ
ดีมาก ปาน พอใช้
กลาง
2. การดาเนินการสอน (ต่อ)
ใชเ้ ทคนิคการสอนเหมาะสมกับเน้อื หา
ใช้การเสรมิ แรงกบั นักเรียนอย่างเหมาะสม
ใช้สอ่ื การสอนไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งและคมุ้ ค่า
หมอบหมายงานหรือแบบฝกึ หัดอยา่ งเหมาะสม
กับความสามารถของกล่มุ ผู้เรยี นหรอื รายบคุ คล
ฝกึ ใหน้ กั เรียนมีพฤติกรรมประชาธิปไตย
ช่วยเหลือเด็กนกั เรยี นบกพร่องและสง่ เสริมเด็ก
เรียนเก่ง
สอดแทรกคณุ ธรรมจรยิ ธรรม
3. การสรุป
สรปุ ได้กะทดั รดั ช่วยใหน้ กั เรียนเกดิ แนวคิดตรง
ตามจดุ ประสงค์
สั่งงานหรือให้นักเรียนเตรียมล่วงหน้า สาหรับ
การเรยี นครั้งต่อไป
4. การประเมินการเรียนการสอน
ตรงตามจดุ ประสงค์การเรยี นร้ทู ่ีกาหนดไว้
ประเมินใหค้ รอบคลุมเนื้อหาทงั้ หมด
รวมคะแนน
รวมคะแนนคุณภาพของการปฏบิ ตั ิ
บนั ทึกเพม่ิ เติม
………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงช่ือ.................................................ผู้นิเทศ
(................................................)
แบบบนั ทกึ การนเิ ทศภายใน ด้านพฤตกิ รรม
โรงเรยี นอนุบาลตาก สังกัดสานกั งานเขตพ้นื ทก่ี ารศึกษาประถมศกึ ษาตาก เขต ๑
ช่อื ผู้ได้รบั การนิเทศ..................................................................................ระดับชนั้ ......................................
รายวิชา……………………………………………………….กล่มุ สาระการเรยี นรู้……………………………………….
วนั ทไ่ี ดร้ บั การนิเทศ.................. เดือน................................. พ.ศ. .................................
ผปู้ ระเมนิ ตนเอง ครใู นกลมุ่ สาระการเรียนรู้
ครูระหวา่ งกลุ่มสาระการเรยี นรู้ วชิ าการระดับช้นั ปฐมวัย/ประถมศึกษา
หวั หนา้ วชิ าการ รองผอู้ านวยการ/ผู้อานวยการโรงเรยี น
ระดบั ความคิดเหน็
ลาดับ กจิ กรรม ไม่ ปฏิบัติ ตอ่ การปฏิบตั ิ ขอ้ สังเกตและ
ท่ี ปฏบิ ตั ิ ข้อเสนอแนะ
ดมี าก ปาน พอใช้
กลาง
1. พฤตกิ รรมของครู
แตง่ กายสภุ าพเรยี บรอ้ ย
พดู ด้วยนา้ เสยี งน่าฟงั และเร้าความสนใจ
การปกครองนักเรยี นในช้ันเรยี น
การแก้ไขความประพฤตินักเรยี น
การจดั ทางานธรุ การประจาหอ้ งเปน็ ปจั จุบัน
2. พฤติกรรมนกั เรียน
กลา้ ซักถามและกระตอื รือรน้ ในการตอบคาถาม
ร่าเริงแจ่มใส ต้ังใจปฏิบัติกิจกรรมที่ได้รับ
มอบหมาย
ร่างกายสะอาด แต่งกายเรยี บร้อย
นักเรียนรจู้ กั ใช้กระบวนการกลุ่ม
รวมคะแนน
รวมคะแนนคุณภาพของการปฏิบัติ
ลงชื่อ.................................................ผนู้ ิเทศ
(................................................)
แบบประเมนิ การนเิ ทศเคร่อื งมอื วัดและประเมนิ ผล (แบบทดสอบ)
โรงเรยี นอนุบาลตาก สงั กดั สานกั งานเขตพน้ื ที่การศึกษาประถมศกึ ษาตาก เขต ๑
ชือ่ ผู้ออกแบทดสอบ…………………………………………………………………………………………………………..………
กลุ่มสาระ………………………………………………………………………ระดับชน้ั ……………………………………………….
รายวชิ า…………………………………………………….......................รหัสวชิ า……………………………………………….
ภาคเรียนที่……………………..ปกี ารศึกษา……………………………………
รายการประเมนิ ปฏิบัติ ไม่ปฏบิ ัติ ขอ้ เสนอแนะ
๑. เน้ือหาในข้อสอบครอบคลุมมาตรฐาน ตัวช้ีวัด/ผลการ
เรยี นรู้ (ความตรง)
๒. เนื้อหาในข้อสอบวัดความรู้ตรงตามระดับคาอธิบาย
รายวิชา (คาถามลึก)
๓. ขอ้ คาถามไม่กากวม สามารถเขา้ ใจและวเิ คราะหไ์ ด้
(ความเปน็ ปรนยั )
๔. ข้อสอบมีการใช้ภาษาในการต้ังคาถามมีความชัดเจน
เหมาะกับระดับช้ันของผู้เรียน
๕. ระยะเวลาของแบบทดสอบ
๖. องคป์ ระกอบของรูปแบบครบตามที่กาหนด
รวม
ระดับคณุ ภาพ
คาอธบิ ายระดบั คุณภาพ
ไมป่ ฏบิ ตั ิ หมายถึง 0 คะแนน
คะแนน
ปฏิบัติ หมายถงึ 1
การแปลความหมายระดับคุณภาพ ลงชื่อ………………………………………………ผู้ตรวจสอบ
(………………………………………………)
คะแนน ระดบั คุณภาพ
วชิ าการสายชน้ั ……………………..
๕ - ๖ ดีมาก
๔ - ๓ ดี
๒ พอใช้
ตา่ กว่า ๒ ปรับปรงุ
การคิดค่าคะแนน และการแปลความหมายระดบั คณุ ภาพแบบบันทกึ การนเิ ทศ
โรงเรยี นอนบุ าลตาก สงั กัดสานกั งานเขตพน้ื ทกี่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษาตาก เขต ๑
1. แบบบนั ทึกการนิเทศภายในการประเมนิ ความพร้อมของห้องเรียน
คาอธบิ ายระดับคณุ ภาพ
ไมป่ ฏิบตั ิ หมายถึง 0 คะแนน
ปฏบิ ัติ หมายถึง 1 คะแนน
การแปลความหมายระดับคณุ ภาพ
คะแนน ระดบั คณุ ภาพ
12 - 16 คะแนน ดีมาก
8 -11 คะแนน ดี
4 - 7 คะแนน พอใช้
0 - 3 คะแนน ปรับปรุง
2. แบบบันทกึ การนิเทศภายใน แผนการจัดการเรียนรทู้ เ่ี นน้ ผู้เรียนเปน็ ศนู ยก์ ลาง
คาอธิบายระดบั คุณภาพ
ไมป่ ฏบิ ตั ิ หมายถงึ 0 คะแนน
ปฏบิ ตั ิ หมายถึง มีคะแนนระดบั ความคิดเหน็ ต่อการปฏบิ ตั ิ ดงั น้ี
3 หมายถึง มคี วามชดั เจน/สอดคลอ้ ง/ครอบคลุม/เหมาะสมดมี าก
2 หมายถึง มคี วามชดั เจน/สอดคลอ้ ง/ครอบคลุม/เหมาะสมปานกลาง
1 หมายถงึ มีความชดั เจน/สอดคล้อง/ครอบคลุม/เหมาะสมพอใช้
การแปลความหมายระดับคณุ ภาพ
คะแนน ระดับคุณภาพ
31 - 42 คะแนน ดีมาก
21 - 30 คะแนน ดี
11 - 20 คะแนน พอใช้
0 - 10 คะแนน ปรบั ปรงุ
3. แบบบันทกึ การนเิ ทศภายใน กระบวนการจดั การเรยี นรู้
คาอธบิ ายระดบั คุณภาพ
ไม่ปฏบิ ตั ิ หมายถงึ 0 คะแนน
ปฏบิ ัติ หมายถงึ มีคะแนนระดับความคิดเห็นต่อการปฏิบัติ ดังน้ี
3 หมายถึง มีความชดั เจน/สอดคลอ้ ง/ครอบคลุม/เหมาะสมดีมาก
2 หมายถึง มคี วามชดั เจน/สอดคลอ้ ง/ครอบคลุม/เหมาะสมปานกลาง
1 หมายถึง มคี วามชัดเจน/สอดคลอ้ ง/ครอบคลมุ /เหมาะสมพอใช้
การแปลความหมายระดับคุณภาพ
คะแนน ระดับคุณภาพ
46 - 63 คะแนน ดีมาก
31 - 45 คะแนน ดี
16 - 30 คะแนน พอใช้
0 - 15 คะแนน ปรบั ปรุง
4 แบบบันทกึ การนเิ ทศภายใน ด้านพฤตกิ รรม
คาอธิบายระดับคณุ ภาพ
ไม่ปฏิบัติ หมายถงึ 0 คะแนน
ปฏบิ ตั ิ หมายถึง มคี ะแนนระดบั ความคิดเห็นต่อการปฏบิ ตั ิ ดงั นี้
3 หมายถงึ มคี วามชดั เจน/สอดคลอ้ ง/ครอบคลมุ /เหมาะสมดีมาก
2 หมายถึง มีความชดั เจน/สอดคล้อง/ครอบคลุม/เหมาะสมปานกลาง
1 หมายถงึ มคี วามชัดเจน/สอดคล้อง/ครอบคลมุ /เหมาะสมพอใช้
การแปลความหมายระดับคุณภาพ
คะแนน ระดบั คุณภาพ
24 - 27 คะแนน ดมี าก
16 - 23 คะแนน ดี
8 - 15 คะแนน พอใช้
0 - 7 คะแนน ปรบั ปรุง
๕. แบบบนั ทกึ การนิเทศเคร่อื งมอื วัดและประเมินผล
คาอธิบายระดบั คณุ ภาพ
ไมป่ ฏิบัติ หมายถงึ 0 คะแนน
ปฏบิ ัติ หมายถงึ 1 คะแนน
การแปลความหมายระดับคุณภาพ
คะแนน ระดบั คุณภาพ
12 - 16 คะแนน ดมี าก
8 -11 คะแนน ดี
4 - 7 คะแนน พอใช้
0 - 3 คะแนน ปรับปรุง
การคิดคา่ คะแนนแบบบนั ทกึ การนิเทศภายใน ดา้ นท่ี 1 - 4
ด้านที่ ระดบั คุณภาพ แปลผลระดบั คณุ ภาพ
4
ดีมาก 3
2
1. การประเมนิ ความพร้อมของหอ้ งเรยี น ดี 1
พอใช้ 4
3
ปรับปรงุ 2
1
2. แผนการจัดการเรียนรู้ท่เี น้นผ้เู รยี นเป็นศนู ย์กลาง ดีมาก 4
3
ดี 2
1
พอใช้ 4
3
ปรบั ปรุง 2
1
3. กระบวนการจัดการเรยี นรู้ ดมี าก 4
3
ดี 2
1
พอใช้
ปรับปรุง
4. พฤติกรรม ดีมาก
ดี
พอใช้
ปรบั ปรงุ
๕. เคร่อื งมือวดั และประเมินผล (แบบทดสอบ) ดมี าก
ดี
พอใช้
ปรบั ปรุง
สรุปการแปลความหมายระดับคะแนนแบบบันทึกการนิเทศภายใน ดา้ นท่ี 1 - ๕
คะแนน ระดบั คุณภาพ
๑๖ - ๒๐ คะแนน ดีมาก
๑๑ – 1๕ คะแนน ดี
๖ - ๑๐ คะแนน พอใช้
0 - ๕ คะแนน ปรบั ปรุง
รายงานผลการนเิ ทศของคณะกรรมการนเิ ทศภายใน
ชื่อ – สกลุ ........................................................................
ภาคเรยี นที่………… ปีการศกึ ษา.........
โรงเรียนอนบุ าลตาก สงั กดั สานักงานเขตพื้นท่ีการศกึ ษาตาก เขต ๑
๑. ดา้ นปริมาณ
๑.๑ รองผอู้ านวยการ/ผู้อานวยการโรงเรยี น ได้นเิ ทศหอ้ งเรยี น จานวน…………..ครง้ั
๑.๒ กรรมการนเิ ทศ ได้นเิ ทศห้องเรยี น จานวน………….คร้งั
๒. ดา้ นคุณภาพ (การวเิ คราะหผ์ ลการนิเทศรายด้านและรายการประเมนิ )
การแปลความหมายระดับคะแนนแบบบันทึกการนเิ ทศภายใน ด้านท่ี 1 – 4 อยใู่ นระดบั ....................
๒.๑ ความพรอ้ ม/ปจั จัยพ้ืนฐานของหอ้ งเรียน
จดุ เดน่ ...............……………………………………....……………………………...……………………………..………………
จดุ ทค่ี วรพัฒนา.………………………………………………………………………………….……………..…………………….
๒.๒ แผนการจัดการเรียนรู้
จดุ เด่น...............……………………………………....……………………………...……………………………..………………
จุดทค่ี วรพัฒนา.………………………………………………………………………………….……………..…………………….
๒.๓ กระบวนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
จุดเดน่ ...............……………………………………....……………………………...……………………………..………………
จุดท่ีควรพฒั นา.………………………………………………………………………………….……………..…………………….
๒.๔ พฤติกรรมครู และนักเรยี น
จดุ เดน่ ...............……………………………………....……………………………...……………………………..………………
จดุ ที่ควรพัฒนา.………………………………………………………………………………….……………..…………………….
๒.๕ เคร่ืองมอื วดั และประเมนิ ผล (แบบทดสอบ)
จุดเดน่ ...............……………………………………....……………………………...……………………………..………………
จุดที่ควรพฒั นา.………………………………………………………………………………….……………..…………………….
ลงชอ่ื .................................................ผ้นู ิเทศ
(................................................)
รองผู้อานวยการโรงเรียนอนุบาลตาก
ลงชื่อรบั ทราบ.................................................ผไู้ ด้รับนิเทศ
(................................................)
ช้ัน............................................