The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ปรากฏการณ์ ลม ฟ้า อากาศ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ploypailinrumruamsin, 2023-07-30 19:34:39

ปรากฏการณ์ลม ฟ้า อากาศ

ปรากฏการณ์ ลม ฟ้า อากาศ

Keywords: วิทยาศาสตร์ ป.5

จัดทำ โดย นางสาวนารานลิน รุมรวมสิน ปรากฏการณ์ ลม ฟ้า อากาศ


แหล่งน้ำ เพื่อชีวิต และการอนุรักษ์น้ำ จากการสำ รวจพื้นผิวโลกทั้งหมด พบว่าพื้นที่ที่เป็นพื้นน้ำ มีถึง 71% หรือประมาณ 3 ใน 4 ส่วนของพื้นผิวโลกทั้งหมด ซึ่งแบ่งเป็นน้ำ ใน ทะเลและมหาสมุทรถึง 97.6% อีก 2.4% เป็นน้ำ จืด (เป็นน้ำ ในแม่น้ำ ทะเลสาบ 0.02% น้ำ ใต้ดิน 0.5% ธารน้ำ แข็ง 1.9% และน้ำ ในบรรยากาศ 0.0001%)


1. น้ำ ผิวดิน เป็นแหล่งน้ำ ธรรมชาติที่มนุษย์นำ มาใช้ประโยชน์มากที่สุด ซึ่งมีทั้งน้ำ จืดและน้ำ เค็ม แหล่งน้ำ จืดผิวดินที่สำ คัญ ได้แก่ แม่น้ำ ลำ คลอง น้ำ ตก ลำ ธาร ห้วย หนอง บึงต่างๆ ทะเล ทะเลสาบ มหาสมุทร น้ำ ตก เป็นทางน้ำ ที่ไหลผ่านความลาดชันของภูเขาที่มีความแตกต่างกันไปหลายๆ แบบ ขึ้นกับชนิดของหินที่น้ำ ไหลผ่าน เช่น น้ำ ตกเอราวัณ เป็นน้ำ ตกที่ไหลผ่านภูเขาหินปูน น้ำ พุ เกิดจากน้ำ บาดาลที่ไหลผ่านรอยแตก หรือรอยแยกของผิวโลกขึ้นมา ธารน้ำ เกิดจากร่องน้ำ เล็กๆ จำ นวนมากที่ไหลประสานกันและเชื่อมกัน แม่น้ำ เกิดจากธารน้ำ ที่ขยายตัวจนน้ำ ไหลมากขึ้น ตลิ่งถูกกัดเซาะอย่างต่อเนื่อง น้ำ พัดพาตะกอนขนาดต่างๆ ไปกับกระแสน้ำ บางบริเวณกระแสน้ำ ไหลแรง จะทำ ให้เกิดทางน้ำ คดโค้งไปมาเป็นทางน้ำ โค้งตวัด และถูกตัดขาดออกจากทางน้ำ เดิม ทำ ให้ร่องน้ำ เปลี่ยนทางไหลไปจากเดิม พร้อมกับทิ้งร่องรอยการคดโค้ง ของธารน้ำ ไว้ เช่น ทะเลสาบรูปแอก 2. น้ำ ใต้ดิน 2.1) น้ำ ในดิน คือ น้ำ ที่เกิดจากการไหลซึมของน้ำ ฝน หรือน้ำ จากผิวดินลงสู่ชั้นใต้ดินด้วยการ ซึมอยู่ในดินเหนือชั้นหิน ดินจะซับน้ำ เอาไว้จนอิ่มตัว น้ำ ที่เกินจะซึมลงจนถึงชั้นหินที่กั้นน้ำ ส่วนใหญ่ ไม่ให้ซึมผ่านลงไปได้ ดินเหนือชั้นหินจึงเต็มไปด้วยน้ำ น้ำ ที่อยู่ในดินนี้ เรียกว่า น้ำ ในดิน ระดับตอนบนสุดของน้ำ เรียกว่า ระดับน้ำ ในดิน ซึ่งอยู่ลึกประมาณ 2-3 เมตร จากผิวดินลงไป น้ำ ในดินเป็นแหล่งน้ำ ที่พืชใช้ในการดำ รงชีวิต และช่วยให้ดินชุ่มชื้น 2.2) น้ำ บาดาล เป็นแหล่งน้ำ จืดที่มีปริมาณมากที่สุดบนโลก อยู่ใต้ผิวดินต่ำ กว่าน้ำ ในดินลงไป น้ำ บาดาลเกิดจากน้ำ จากแหล่งต่างๆ บนผิวดินรวมทั้งน้ำ ฝน ที่ไหลซึมลงไปในระดับที่ลึกกว่าระดับน้ำ ในดิน โดยผ่านลงไปในช่องว่างของชั้นหิน แล้วขังอยู่ในช่องว่างนั้น ระดับตอนบนสุดของน้ำ บาดาล เรียกว่า ระดับน้ำ บาดาล หินที่เป็นแหล่งกักเก็บน้ำ บาดาล เรียกว่า หินอุ้มน้ำ ซึ่งอยู่ในชั้นหินอุ้มน้ำ ที่ถูกรองรับด้วย ชั้นหินกันน้ำ ทั้งด้านบนและด้านล่าง 3. น้ำ ในบรรยากาศ เป็นน้ำ ที่อยู่ในชั้นบรรยากาศ มีทั้งสามสถานะ คือ ของแข็ง เช่น เมฆชั้นสูง ลูกเห็บ และหิมะ ของเหลว ได้แก่ละอองน้ำ ในเมฆชั้นกลางและเมฆชั้นต่ำ หมอก น้ำ ฝนและน้ำ ค้าง และในสถานะแก๊ส ได้แก่


การอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ ในชุมชน วิธีประหยัดน้ำ รับวิกฤตภัยแล้งไม่ยากอย่างที่คิด แค่เปลี่ยน พฤติกรรมประจำ วันที่เราคุ้นชินสักหน่อย ลดการใช้น้ำ อย่างฟุ่มเฟือยลงสักนิด ก็ช่วยได้ เอ้า ! ไม่เชื่อก็ลองอ่านดู


การอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ ในชุมชน 1. การกักเก็บน้ำ ฝน การใช้อ่างเก็บน้ำ หรือภาชนะอื่นๆ กักเก็บน้ำ ฝน ทำ ให้มีน้ำ ใช้ทั้ง ชุมชน ที่สามารถนำ มาใช้ในการทำ การเกษตร หรืออื่นๆ 2. ปลูก ‘พืชใช้นํ้าน้อย’ หลังฤดูทำ นาลด ความเสี่ยง เสริมรายได้เกษตรกร เช่น พืชตระกูล ถั่ว มะละกอ ฟักทอง ฟักเขียว แก้วมังกร ลดความเสี่ยงจากปัญหาขาดแคลนน้ำ และภัยแล้ง 3.บริหารจัดการแหล่งน้ำ ในชุมชน การจัดการน้ำ ตั้งแต่ต้นน้ำ เช่น การขุดลอกขยายคลองธรรมชาติ เดิม เพื่อดักน้ำ หลากไหลลงทางน้ำ ไว้ นำ น้ำ หลากส่งตามแนวคลอง กักเก็บไว้ตามสระน้ำ แก้มลิง 4.ปลูกฝังการใช้น้ำ อย่างคุ้มค่าแก่คนในชุมชน สร้างจิตสำ นึกร่วมกันสู่การปฏิบัติเป็นกิจวัตร ปลูกฝังคุณค่าของ น้ำ ตั้งแต่ระดับในโรงเรียน ไปจนถึงชุมชน ทำ ให้เกิดวินัยในการใช้น้ำ อย่างรู้คุณค่า และเกิดประโยชน์สูงสุด ช่วยให้การประหยัดน้ำ ในชุมชนเป็นรูปธรรม


ดังนั้น เรามาดู 10 วิธี วิธี ใช้น้ำ ที่บ้านอย่างคุ้มค่ากันเถอะ อย่าเปิดน้ำ ทิ้งไว้ นะจ้ะเด็กๆ


เด็กๆลองตอบคำ ถาม ท้ายเรื่อ รื่ งดูนะจ้ะ 1.แหล่งล่น้ำ คู่ใคู่ดแตกต่าต่งจากพวก ก น้ำ ตก แม่น้ำม่ น้ำ ข ลำ คลอง ทะเล คแม่น้ำม่ น้ำ น้ำ บาดาล ง มหาสมุทมุร ทะเลสาบ 2. ใครใช้น้ำช้ น้ำได้ปด้ระหยัดยัสุดสุ ก ทรายใช้ส้ช้วส้มแบบชักชัโครก ข ข้าข้วหอมรดน้ำ ต้นต้ ไม้เม้วลากลางวันวั คเตยอาบน้ำ โดยการเปิดปิฝักฝับัวบัไว้ ตลอดเวลา ง แป้งป้นำ น้ำ ที่เ ที่ หลือ ลื จากการถูบ้ ถู าบ้น ไปรดน้ำ ต้นต้ ไม้ 3. แหล่งล่น้ำ ที่ปที่ กคลุมลุพื้น พื้ ดินดิ เราเรีย รี กว่าว่อะไร ก น้ำ ใต้ดิต้นดิ ข น้ำ ผิวผิดินดิ ค น้ำ บาดาล ง น้ำ ในอากาศ 4. เนื่อ นื่ งจากน้ำ จืด จื มีปมี ริมริาณน้อน้ย แต่เต่รายังยัต้อต้งใช้ปช้ระโยชน์จ น์ ากน้ำ เราควรทำ อย่าย่งไร ก งดใช้น้ำช้ น้ำ ข หาแหล่งล่น้ำ ใหม่ ค ประหยัดยัการใช้น้ำช้ น้ำ ง ถูก ถู ทุกทุข้อข้ 5. แหล่งล่น้ำ ในข้อข้ใดที่มี ที่ ปมี ริมริาณมากที่สุ ที่ ดสุ ก น้ำ จืด จื ข น้ำ เค็ม ค็ ค น้ำ ใต้ดิต้นดิ ง น้ำ ในอากาศ


ปรากฏการณ์ลมฟ้าอากาศ เมฆ ไอน้ำ แสงแดด เมฆ เกิดจากไอน้ำ ในอากาศเกิดการควบแน่น เป็นละอองน้ำ เล็กๆ จำ นวนมาก และเกาะกลุ่มรวมกันลอยอยู่สูงจากพื้น ดินมาก เมฆ


ปรากฏการณ์ลมฟ้าอากาศ แสงแดด เมฆ การแบ่งประเภทและ ชนิดของเมฆ แบ่งตามรูปร่าง เมฆนั้นแบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ แบบเป็นชั้น ในแนวนอน และ แบบลอยตัวสูงขึ้น ในแนวตั้งโดยจะมีชื่อเรียกว่า สเตรตัส และ คิวมูลั ตามลำ ดับ นอกจากนี้แล้วยังมีคำ ที่ใช้ในการบอกลักษณะของ เมฆอีกด้วย - สเตรตัส (stratus) หมายถึง ลักษณะเป็นชั้น - คิวมูลัส (cumulus) หมายถึง ลักษณะเป็นกองสุม - เซอร์รัส (cirrus) หมายถึง ลักษณะเป็นลอนผม - นิมบัส (nimbus) หมายถึง ฝน แบ่งตามระดับความสูง เมฆยังอาจแบ่งเป็น 4 กลุ่ม ตามระดับความสูงของเมฆ โดยระดับความสูงของเมฆนี้จะวัดจากฐานของก้อนเมฆ ไม่ได้วัดจาก ยอด


ปรากฏการณ์ลมฟ้าอากาศ เมฆ เมฆเซอรัส (Cirrus) เมฆเซอโรคิวมูลัส (Cirrocumulus) เมฆเซอโรสเตรตัส (Cirrostratus) เมฆระดับสูง เมฆระดับสูง (High Clouds) ก่อตัวที่ความสูงมากกว่า 16,500 ฟุต (5,000 เมตร) - เมฆเซอรัส (Cirrus) มีฐานสูงเฉลี่ย 10,000 เมตร มีลักษณะเป็นฝอยปุยสีขาวเหมือนขนนกบางๆ หรือเป็นทางยาว และอาจมีวงแสง (Halo) ด้วย - เมฆเซอโรคิวมูลัส (Cirrocumulus) มีฐานสูงเฉลี่ย 7,000 เมตร มีลักษณะเป็นเกล็ดบางๆ สีขาว โปร่งแสง อาจมองเห็นดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์ได้ - เมฆเซอโรสเตรตัส (Cirrostratus) มีฐานสูงเฉลี่ย 8,500 เมตร มีลักษณะเป็นแผ่นเยื่อบางๆ โปร่งแสงเหมือนม่านติดต่อกันเป็นแผ่นในระดับสูงมีสีขาวหรือน้ำ เงินจาง ปกคลุมเต็มท้องฟ้าหรือเพียงบางส่วน เป็นเมฆที่ทำ ให้เกิดวงแสงสีขาวหรือมีวงแสง (Halo) รอบดวงอาทิตย์หรือ ดวงจันทร์ได้


ปรากฏการณ์ลมฟ้าอากาศ เมฆ เมฆระดับกลาง เมฆอัลโตคิวมูลัส (Altocumulus) เมฆอัลโตสเตรตัส (Altostratus) เมฆระดับกลาง (Medium Clouds) ก่อตัวที่ความสูงระหว่าง 6,500 และ 16,500 ฟุต เมฆจะประกอบด้วยละอองน้ำ และ ละอองน้ำ เย็นยิ่งยวด - เมฆอัลโตคิวมูลัส (Altocumulus) มีลักษณะอยู่เป็นกลุ่มๆ คล้ายฝูง แกะ มีสีขาว บางครั้งสีเทา มีการจัดตัวเป็นแถวๆ - เมฆอัลโตสเตรตัส (Altostratus) มีลักษณะเป็นแผ่นหนา บาง สม่ำ เสมอในชั้นกลางของบรรยากาศ มองดูเรียบเป็นปุยหรือฝอยละเอียดแผ่ออก เป็นพืด เป็นลูกคลื่น ปกคลุมเต็มท้องฟ้า มีสีเทาหรือน้ำ เงินอ่อน และอาจมีบาง ส่วนที่บางจนแสงอาทิตย์จะส่องผ่านลงมายังพื้นดินได้ อาจมีแสงทรงกลด (Corona)


ปรากฏการณ์ลมฟ้าอากาศ เมฆ เมฆระดับต่ำ เมฆสเตรตัส (Stratus) เมฆสเตรโตคิวมูลัส (Stratocumulus) เมฆนิมโบสเตรตัส (Nimbostratus) - เมฆสเตรตัส (Stratus) มีลักษณะเป็นแผ่นหนาๆ สม่ำ เสมอในชั้นต่ำ ของ บรรยากาศ ใกล้ผิวโลกเหมือนหมอก มีสีเทา มองไม่เห็นดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์ - เมฆสเตรโตคิวมูลัส (Stratocumulus) มีสีเทา ลักษณะอ่อนนุ่ม เป็นก้อนกลมเรียงติดๆ กัน ทั้งทางแนวตั้งและทางแนวนอนทำ ให้มองเห็นเป็นลอนเชื่อม ติดต่อกันไป - เมฆนิมโบสเตรตัส (Nimbostratus) มีลักษณะเป็นแผ่นหนาสีเทาดำ เป็น แนวยาวติดต่อกันแผ่กว้างออกไป ไม่เป็นรูปร่าง เป็นเมฆที่ทำ ให้เกิดฝนตก จึงเรียกกันว่า เมฆฝน เมฆชนิดนี้จะไม่มีฟ้าแลบฟ้าร้อง เกิดเฉพาะในเขตอบอุ่นเท่านั้น เมฆระดับต่ำ (Low Clouds) ก่อตัวที่ความสูงต่ำ กว่า 6,500 ฟุต (2,000 เมตร) รวมถึงสเตรตัส (Stratus) เมฆสเตรตัสที่ลอยตัวอยู่ระดับ พื้นดินเรียก หมอก


ปรากฏการณ์ลมฟ้าอากาศ หมอก หมอก เกิดจากไอน้ำ ในอากาศเกิดการควบแน่น เป็นละอองน้ำ เล็กๆ และเกาะกลุ่มรวมกันอยู่ใกล้พื้นดินมาก หมอก ไอน้ำ


ปรากฏการณ์ลมฟ้าอากาศ หมอก หมอก (Fog)หมอก เกิดจากไอน้ำ เปลี่ยนสถานะควบแน่น เป็นหยดน้ำ เล็กๆ เช่นเดียวกับเมฆ เพียงแต่เมฆเกิดจากการ เปลี่ยนแปลงอุณหภูมิเนื่องจากการยกตัวของกลุ่มอากาศ แต่หมอก เกิดขึ้นจากความเย็นของพื้นผิว ในวันที่มีอากาศชื้น และท้องฟ้าใส พอตกกลางคืนพื้นดินจะเย็นตัวอย่างรวดเร็ว ทำ ให้ไอน้ำ ในอากาศ เหนือพื้นดินควบแน่นเป็นหยดน้ำ หมอกซึ่งเกิดขึ้นโดยวิธีนี้จะมี อุณหภูมิต่ำ และมีความหนาแน่นสูง เคลื่อนตัวลงสู่ที่ต่ำ และมีอยู่ อย่างหนาแน่นในหุบเหว เมื่ออากาศอุ่นมีความชื้นสูง ปะทะกับพื้นผิวที่มีความหนาว เย็น เช่น ผิวน้ำ ในทะเลสาบ อากาศจะควบแน่นกลายเป็นหยดน้ำ ใน ลักษณะเช่นเดียวกับหยดน้ำ ซึ่งเกาะอยู่รอบแก้วน้ำ แข็ง เมื่ออากาศร้อนซึ่งมีความชื้นสูง ปะทะกับอากาศเย็นซึ่งอยู่ ข้างบน แล้วควบแน่นเป็นหยดน้ำ เช่น เวลาหลังฝนตก ไอน้ำ ที่ระเหย ขึ้นจากพื้นถนนซึ่งร้อน ปะทะกับอากาศเย็นซึ่งอยู่ข้างบน แล้ว ควบแน่นกลายเป็นหมอก หรือไอน้ำ จากลมหายใจเมื่อปะทะกับ อากาศเย็นของฤดูหนาว แล้วควบแน่นกลายเป็นละอองน้ำ เล็กๆ ให้ เรามองเห็นเป็นควันสีขาว


ปรากฏการณ์ลมฟ้าอากาศ น้ำ ค้าง น้ำ ค้าง เกิดจากอากาศที่อยู่ใกล้พื้นดินในเวลากลางคืนเย็นลงเร็วกว่า อากาศบนท้องฟ้า จึงทำ ให้ไอน้ำ ควบแน่นเป็นละอองน้ำ เกาะอยู่ บนพื้นผิววัตถุใกล้ๆพื้นดิน ไอน้ำ ควบแน่น น้ำ ค้าง


ปรากฏการณ์ลมฟ้าอากาศ น้ำ ค้าง น้ำ ค้าง เกิดจากการควบแน่นของไอน้ำ บนพื้นผิวของวัตถุ ซึ่งมีการแผ่รังสีออกจนกระทั่งอุณหภูมิลดต่ำ ลงกว่าจุดน้ำ ค้างของ อากาศซึ่งอยู่รอบๆ เนื่องจากพื้นผิวแต่ละชนิดมีการแผ่รังสีที่แตกต่างกัน ดังนั้นใน บริเวณเดียวกัน ปริมาณของน้ำ ค้างที่ปกคลุมพื้นผิวแต่ละชนิดจึงไม่ เท่ากัน เช่น ในตอนหัวค่ำ อาจมีน้ำ ค้างปกคลุมพื้นหญ้า แต่ไม่มีน้ำ ค้างปกคลุมพื้นคอนกรีต เหตุผลอีกประการหนึ่งซึ่ง ทำ ให้น้ำ ค้างมักเกิดขึ้นบนใบไม้ใบหญ้าก็คือ ใบของพืชคายไอน้ำ ออกมา ทำ ให้อากาศบริเวณนั้นมีความชื้นสูง


ปรากฏการณ์ลมฟ้าอากาศ น้ำ ค้างแข็ง น้ำ ค้างแข็ง เกิดจากเมื่ออุณหภูมิที่อยู่ใกล้พื้นดินต่ำ กว่าจุดเยือกแข็ง น้ำ ค้าง จะเกิดการแข็งตัวกลายเป็นน้ำ ค้างแข็ง ไอน้ำ ควบแน่น น้ำ ค้างแข็ง อุณหภูมิต่ำ กว่าว่ จุดเยือกแข็ง


1 เมฆเกิดจาก ก. ไอน้ำ ในอากาศกระทบความ เย็นกลั่นตัวเป็นละอองน้ำ ข. อุณหภูมิที่แตกต่างกันของ อากาศด้านล่างและด้านบน ค. ฝุ่นละอองที่มากในอากาศ ง. การระเหยของน้ำ เด็กๆลองตอบคำ ถาม ท้ายเรื่อ รื่ งดูนะจ้ะ 3 สิ่งใดมีลักษณะการเกิดคล้ายกัน ก. เมฆกับหมอก ข. เมฆกับน้ำ ค้าง ค. น้ำ ค้างกับลูกเห็บ ง. ลูกเห็บกับฝน 4 ในวันที่อากาศแจ่มใส เรามักจะ พบเห็นเมฆชนิดใดมากที่สุด ก. เมฆเซอรัส ข. เมฆคิวมูโลนิมบัส ค. เมฆสเตรตัส ง. เมฆนิมโบสเตรตัส 5 เมฆข้อใดก่อให้เกิด “ฝน” ก. เมฆเซอรัส ข. เมฆนิมโบสเตรตัส ค. เมฆคิวมูโลนิมบัส ง. ถูกทั้ง ข และ ค 2 สิ่งใดที่ช่วยให้เมฆก่อตัวได้ดีขึ้น คืออะไร ก. ลม ข. ความร้อน ค. ฝุ่นละอองในอากาศ ง. ไม่มีข้อถูก


หยาดน้ำ ฟ้า >> น้ำ ในสถานะต่างๆที่ตกจากฟ้าลงมาสู่ พื้นโลก ซึ่งสถานะแตกต่างกัน ดังนี้ หยาดน้ำ ฟ้าที่เป็นของเหลว ฝน หยาดน้ำ ฟ้าที่เป็นของแข็ง หิมะ ลูกเห็บ


ชนิดของหยาดน้ำ ฟ้าในประเทศไทย ฝน (Rain) เป็นหยดน้ำ มีขนาดประมาณ 0.5 – 5 มิลลิเมตร ฝนส่วนใหญ่ตกลงมาจากเมฆนิมโบสเตรตัส และเมฆคิวมูโลนิมบัส ฝนละออง (Drizzle) เป็นหยดน้ำ ขนาดเล็กกว่า 0.5 มิลลิเมตร เกิดจากเมฆสเตรตัส พบเห็นบ่อยบนยอดเขาสูง ตกต่อเนื่องเป็นเวลานานหลาย ชั่วโมง ละอองหมอก (Mist) เป็นหยดน้ำ ขนาด 0.005 – 0.05 มิลลิเมตร เกิดจากเมฆสเตรตัส ทำ ให้เรารู้สึกชื้นเมื่อเดินผ่าน มักพบบนยอดเขาสูง ลูกเห็บ (Hail) เป็นก้อนน้ำ แข็งขนาดใหญ่กว่า 5 เซนติเมตร เกิดขึ้นจากกระแสในอากาศไหลขึ้น (updraft) และไหลลง (downdraft) ภายในเมฆคิวมูโลนิมบัส พัดให้ผลึกน้ำ แข็งปะทะกับน้ำ เย็นยิ่งยวด กลายเป็นก้อน น้ำ แข็งห่อหุ้มกันเป็นชั้นๆ จนมีขนาดใหญ่ และตกลงมา หิมะ (Snow) เป็นผลึกน้ำ แข็งขนาดประมาณ 1 – 20 มิลลิเมตร ซึ่งเกิดจากไอน้ำ จากน้ำ เย็นยิ่งยวด ระเหิดกลับเป็นผลึกน้ำ แข็ง แล้วตกลงมา หยาดน้ำ ฟ้า เป็นชื่อเรียกรวมของ หยดน้ำ และน้ำ แข็ง ที่เกิดจาการ ควบแน่นของไอน้ำ แล้วตกลงมาสู่พื้น เช่น ฝน ลูกเห็บ หิมะ เป็นต้น หยาดน้ำ ฟ้าแตกต่างจากจากหยดน้ำ หรือละอองน้ำ ในก้อนเมฆ ตรงที่ หยาดน้ำ ต้องมีขนาดใหญ่และมีน้ำ หนักมากพอที่จะชนะแรงต้านอากาศ และตกสู่พื้นโลกได้โดยไม่ระเหยเป็นไอน้ำ เสียก่อน


ฝน ฝน เกิดจาก เมื่อไอน้ำ ในอากาศควบแน่นเป็นละออง น้ำ เล็กๆ เมื่อละอองน้ำ ในเมฆรวมตัวกันจนอากาศไม่ สามารถพยุงไว้ได้ จึงตกลงมาเป็นฝน


เด็กๆลองตอบคำ ถาม ท้ายเรื่อ รื่ งดูนะจ้ะ 1 หยาดน้ำ ฟ้าข้อใดมีสถานะเป็นของแข็ง ก ฝน ข หมอก ค น้ำ ค้าง ง ลูกเห็บ 2 ชนิดของหยาดน้ำ ฟ้าในประเทศไทย มีกี่ชนิด ก 2 ชนิด ข 3 ชนิด ค 4 ชนิด ง 5 ชนิด 3 เหมยขาบ หรือแม่คะนิ้ง คือ ก ฝน ข หิมะ ค ลูกเห็บ ง น้ำ ค้างแข็ง 4 ถ้านักเรียนต้องการชมแม่คะนิ้ง ตัองไปที่จังหวัดใด ก ยะลา ข เชียใหม่ ค อุบลราชธานี ง ประจวบคีรีขันธ์ 5 ลูกเห็บ เิดจากอะไร ก เกิดจากกระแสอากาศไหลขึ้น ไหลลง ข เกิดจากเมฆสเตรตัส ค เกิดจากไอน้ำ เย็น ง ถูกทุกข้อ


วัฏจักรน้ำ วัฏจักรของน้ำ คือ การเกิดและการหมุนเวียนของน้ำ ที่อยู่ในโลก การหมุนเวียนของน้ำ เป็น Cycle อาจเริ่มนับได้จากมหาสมุทร เมื่อน้ำ ระเหยจาก มหาสมุทรไปสู่บรรยากาศ เป็นไอน้ำ แล้ว ความแปรปรวน ของลมฟ้าอากาศจะทำ ให้เกิด ฝนตกลงสู่ผิวโลก การระเหย(Evaporation) น้ำ ในสถานะของเหลว เมื่อถูกความร้อนจากพลังงาน แสงอาทิตย์หรือแหล่งอื่นจะเปลี่ยนไปสู่ สถานะก๊าซ หรือเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า "การระเหย" หยาดน้ำ ฟ้า (Precipitation) เมื่อไอน้ำ ในอากาศถูกความเย็น ทำ ให้เกิดการกลั่นตัวกลายเป็นหยดน้ำ เล็ก ๆ เมื่อรวมตัวกันจนมีขนาดใหญ่ พวกมัน ก็จะตกลงมาในรูปของ "ฝน"


วัฏจักรน้ำ (water cycle) น้ำ เป็นองค์ประกอบสำ คัญในเซลล์ของสิ่งมีชีวิต เป็นตัวกลางของ กระบวนการต่างๆในสิ่งมีชีวิต อีกทั้งยังเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิต มากมายเพราะโลกของเราประกอบด้วยน้ำ 3 ใน 4 ส่วน วัฏจักรของน้ำ จึงนับ ว่ามีความสำ คัญต่อสิ่งมีชีวิตเป็นอย่างมาก การเกิดวัฎจักรของน้ำ ตามธรรมชาติแบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอน 1. การระเหย (evaporation) หมายถึง การที่น้ำ ในแหล่งน้ำ เช่น แม่น้ำ ทะเล และมหาสมุทร ฯลฯ กลายเป็นไอเมื่อได้รับความร้อนจากแสงอาทิตย์ 2. การควบแน่น (condensation) หมายถึง การที่ไอน้ำ ในบรรยากาศเปลี่ยนสถานะเป็นของเหลวในรูปของ เมฆเมื่อได้รับความเย็น 3. การเกิดฝนตก (precipitation) หมายถึง ปรากฏการณ์ของการเกิดการรวมตัวของน้ำ ในอากาศ เกิดเป็น ฝนและหิมะตกสู่พื้นโลก ซึ่งส่วนใหญ่ตกลงสู่พื้นที่มหาสมุทร นอกจากนั้นตกลงมา ในรูปของฝนและหิมะและบางส่วนก็ซึมลงดินและไหลลงสู่แหล่งน้ำ ต่างๆ 4. การรวมตัวของน้ำ (collection) หมายถึง การที่น้ำ ไหลรวมกันสู่แหล่งน้ำ เช่น แม่น้ำ ทะเล หรือ มหาสมุทร ที่เป็นแหล่งอุปโภคและบริโภคของมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ต่อไป


เด็กๆลองตอบคำ ถาม ท้ายเรื่องดูนะจ้ะ 1 ข้อใดแสดงวัฏจักรของน้ำ ได้ถูกต้อง ก เมฆ --> ไอน้ำ --> ฝน ข ฝน --> เมฆ --> ไอน้ำ ค ไอน้ำ --> เมฆ --> ฝน ง ไอน้ำ --> ฝน --> เมฆ 2 ปลายทางที่น้ำ ไหลลงสู่ทะเลเรียกว่า ก มหาสมุทร ข ปากน้ำ ค โอเชี่ยน ง เเม่น้ำ 3 น้ำ ที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้มีการระเหยอยู่ ตลอดเวลาเหตุใดน้ำ จึงไม่หมดไป จากโลกนี้ ก พืชมีการคายน้ำ ข มีวัฏจักรของน้ำ ค มนุษย์ช่วยกันประหยัดน้ำ ง สัตว์มีการแลกเปลี่ยนน้ำ 4 ถ้าน้ำ ฝนไหลซึมลงไปในดินและ ไปกักเก็บอยู่ในช่องว่างของชั้นหิน ซึ่งน้ำ ซึมผ่านได้ยากเรียกระดับน้ำ ตอนบนสุดว่าอะไร ก ระดับน้ำ ใต้ดิน ข ระดับน้ำ ในดิน ค ระดับน้ำ บนหิน ง ระดับน้ำ บาดาล 5 ข้อใดเป็นแหล่งน้ำ ที่แตกต่างจากข้ออื่น ตัวเลือกคำ ตอบ ก น้ำ ตก แม่น้ำ ข ทะเลสาบ ลำ คลอง ค ทะเล มหาสมุทร ง น้ำ ใต้ดิน น้ำ บาดาล


Click to View FlipBook Version