อึ่ง หสิตะเสน
จัดทำโดย
นส. ปิยธิดา ไทยดำรงค์ ม.5/12 เลขที่7
ประวัติ
เกิด อึ่ง อภัยกุล ณ อยุธยา
คู่สมรส กรมพระราชวังบวรวิไชย
ชาญ
เปล่ง หสิตะเสน
บุตร ปริก หสิตะเสน
แส หสิตะเสน
บิดามารดา หม่อมหลวงชม อภัยกุล
อึ่งเป็นธิดาของหม่อมหลวงชม อภัยกุล[ต้องการอ้างอิง] ต่อมาได้เข้ามาเป็นตัวละครในเจ้าคุณจอม
มารดาเอม ซึ่งคณะละครนั้นได้ตกทอดไปถึงกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญพระราชโอรสในเจ้าคุณจอม
มารดาเอม ต่อมาได้ถวายตัวเป็นพระสนมในกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญมีบรรดาศักดิ์เป็น เจ้าจอม
อึ่ง[2]
ต่อมาจากกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญทิวงคตแล้วได้กราบบังคมทูลลาออกจากพระราชวังบวรสถาน
มงคล ไปสมรสกับเปล่ง หสิตะเสน มีบุตรธิดา 2 คนคือ
1. ปริก (ช.) เป็นพระอาจารย์สอนตีขิมแก่เจ้านายหลายพระองค์
2. แส (ญ.)
ภายหลังได้เข้ามาเป็นครูละครวังสวนกุหลาบ เป็นผู้วางรากฐาน และเป็นผู้ถ่ายทอดท่ารำละครตัวพระ
ทั้งหมดของคณะละครวังสวนกุหลาบ อึ่งมีความเชี่ยวชาญในกระบวนลีลาท่ารำตัวพระทุกประเภท ได้เป็น
ครูให้กับละครคณะต่างๆ อาทิ ละครหลวงในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว อึ่งสิ้นชีวิตเมื่อใดไม่
ปรากฏ แต่สันนิษฐานว่าสิ้นชีวิตหลังหม่อมครูนุ่ม[3]
(สันนิษฐานว่าเป็นเจ้าจอมในกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ ใน
รัชกาลที่ 5) หม่อมครูอึ่ง หสิตะเสน หรือ เจ้าจอมอึ่ง เป็นผู้
วางรากฐานท่ารำตัวละครพระทั้งหมด ของคณะละครวังสวน
กุหลาบ เดิมเป็นนางละครใน “เจ้าคุณจอมมารดาเอม” ในรัชกาล
ที่ 2(พระมารดากรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ) สอนคู่กับหม่อม
ครูนุ่ม นวรัตน์ ณ อยุธยา เป็นผู้มีความสามารถสูงส่งในการร่าย
รำบทบาท ตัวละครพระ ถ่ายทอดท่ารำเพลงหน้าพาทย์ต่างๆ ท่า
รำเฉพาะบทบาท และท่ารำฉุยฉายของ ตัวพระ ท่ารำบทบาท
พระเอก พระรอง และอื่นๆ
วิชาความรู้จากหม่อมครูอึ่งที่ถ่ายทอดผ่านมายังวังสวนกุหลาบ โดยมีศิษย์เอกทั้งสามท่านที่เป็นศิลปินในตำนาน คือ
ท่านผู้หญิงแผ้ว สนิทวงศ์เสนี คุณครูลมุล ยมะคุปต์ และคุณครูเฉลย ศุขะวณิช เผยแพร่และมีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อ
วงการนาฏศิลป์ และการเรียนการสอนในหลักสูตรนาฏศิลป์ไทยของกระทรวงศึกษาธิการให้พวกเราทุกคนได้เรียนกันใน
ปัจจุบัน มีดังนี้
1. ท่ารำเฉพาะบทบาทของตัวพระเอกต่างๆ เช่น พระวิศณุกรรม พระมาตุลี พระสังข์ พระราม ฯ ล ฯ
2. ท่ารำเฉพาะบทบาทของตัวยักษ์ เช่น อินทรชิต รามสูร ฯลฯ
3. ท่ารำเพลงช้า เพลงเร็ว
4. ท่ารำเพลงหน้าพาทย์ ต่างๆ เช่น เพลงเชิด เพลงเสมอ เพลงพญาเดิน เพลงเสมอจีน เพลงกราวใน เพลงกราว
นางยักษ์ เพลงตระนิมิต เพลงตระบองกัน เพลงชำนาญ เพลงสาธุการ เพลงเสมอมาร เพลงเสมอเถร เพลง
พราหมณ์เข้า เพลงพราหมณ์ออก
เพลงตระนารายณ์บรรทมสินธุ์ เพลงตระบรรทมไพร เพลงตระสันนิบาต
5. ท่ารำกริชคู่สะระหม่า (รบกริชอิเหนา)
6. ท่ารำกริชมลายูสะระหม่าแขก
7. ท่ารำกระบี่
8. ท่ารำทวน
9. ท่ารำหอกซัด (ละครเรื่อง อิเหนา ตอน ศึกกระหมังกุหนิง)
10. ท่ารำง้าว (รำอาวุธเดี่ยวถวายหน้าพระทีนั่ง)
11. ท่ารำปฐมหางนกยูง (พระมาตุลีจัดพล)
และ วิชาความรู้ด้านการรำในบทบาท “ตัวละครพระ” อื่นๆ อีกเป็นอันมาก แต่ชีวิตของครู
ละครมักอาภัพ คุณครูประเมษฐ์ บุณยะชัย ผู้เชี่ยวชาญด้านนาฏศิลป์ สถาบันบัณฑิตพัฒน
ศิลป์ บอกเล่าโดยจำมาจากบทสัมภาษณ์คุณครูลมุล ยมะคุปต์ ให้ข้าพเจ้า(ผู้เขียน) ฟังว่า
“หม่อมครูอึ่ง กับ หม่อมครูนุ่ม เป็นหม่อมละคร ชีวิตหม่อมละครมักอาภัพ เมื่ออยู่ที่วัง
สวนกุหลาบท่านได้เบี้ยเลี้ยงเดือนละไม่กี่บาท พอทูลกระหม่อมอัษฏางค์สิ้น ท่านก็ออกมาอยู่
ข้างนอก ไม่มีลูกหลานคอยปรนนิบัติ คุณครูลมุล เล่าให้ฟังว่า พอถึงเวลาสิ้นเดือน หม่อม
ครูนุ่ม กับหม่อมครูอึ่ง จะจูงมือกันมาหาคุณครูลมุล ศิษย์รัก คุณครูลมุลตอบแทนพระคุณ
ด้วยการเอื้อเฟื้อค่าใช้จ่ายจำนวนหนึ่งให้กับหม่อมครูทั้งสองท่าน ท่านน่าสงสารมากเพราะไม่มี
ลูกไม่มีหลาน จนบั้นปลายชีวิตท่านก็จากไปอย่างสงบ แต่ที่น่าเห็นใจมากกว่านั้น คือท่านสิ้น
เมื่อครั้งสงครามโลก ไม่มีศิษย์ผู้ใดไปไว้อาลัยในพิธีศพท่านได้เลย เพราะต่างคน ต่างก็ลี้ภัย
สงครามกันไปหมด หม่อมครูจึงจากโลกนี้ไปอย่างเดียวดาย เป็นเส้นทางชีวิตที่ทำคุณ
ประโยชน์เพื่อผู้อื่น โดยเฉพาะแก่ประเทศชาติ แต่ชีวิตอาภัพนัก ถ้าไม่มีหม่อมครูอึ่ง พวก
เราชาวนาฏศิลป์ก็ไม่มีท่ารำตัวพระสวยสง่าไว้รำกันหรอก ป่านนี้คงรำกันอย่างหัวมังกุท้าย
มังกร”
ผลงาน
1. ท่ารำเพลงช้าเพลงเร็วของตัวพระที่เป็นแบบแผนของวิทยาลัยนาฏศิลปในปัจจุบัน ซึ่ง
คุณครู ลมุล ยมะคุปต์ ได้เป็นผู้วางรูปแบบไว้
2. กระบวนท่ารำของ พระอรชุน พระอินทร์ ในเรื่องรามเกียรติ์
3. กระบวนท่ารำของท้าวสามล พระสังข์ ในเรื่องสังข์ทอง
4. กระบวนท่ารำ พระอุณรุท พระบรมจักรกฤษณ์ ในเรื่องอุณรุท
5. กระบวนท่ารำ จรกา ในเรื่อง อิเหนา
6. กระบวนท่ารำ รามปรศุ พระคเณศร์ ในเรื่องอิเหนา
อึ่งมีศิษย์คนสำคัญอาทิ ท่านผู้หญิงแผ้ว สนิทวงศ์เสนี[4] และเฉลย ศุขะวณิช ศิลปินแห่ง
ชาติ สาขาศิลปะการแสดง พ.ศ. 2530[5] และครูลมุล ยมะคุปต์
ขอบคุณค่ะ