51
ตตำำนนาานนรรออยยพพรระะพพุทุทธธบบาาทท ((สสรระะบบรุ รุ ี))ี
ตามพระราชพงศาวดารกลา่ วไวว้ ่า ในสมัยสมเดจ็ พระเจา้ ทรงธรรม ไดม้ ีพระสงฆ์ไทยคณะหนง่ึ เดนิ ทาง
ไปนมสั การพระพทุ ธบาท ณ เขาสมุ นกฏู ในลงั กาทวีป ในคราวน้นั พระสงฆช์ าวลงั กาทวปี กำลงั สอบประวัติ และ
ที่ตงั้ แหง่ รอยพระพทุ ธบาททง้ั ปวงตามทป่ี รากฏอยใู่ นตำนาน ว่ามีเพยี ง 5 แหง่ และ 1 ใน 5 นนั้ ประดิษฐานอยู่
บนไหลเ่ ขาสุวรรณบรรพต ขา้ งทิศอดุ ร เหนือกรงุ ศรอี ยุธยา คร้นั บรรดาพระสงฆ์ไทยกลบั จากลงั กา ไดท้ ลู
สมเดจ็ พระเจา้ ทรงธรรมให้ทรงทราบ พระองคจ์ ึงโปรดเกลา้ ฯให้เทีย่ วตรวจดูภูเขาต่างๆตามหวั เมอื ง เจ้าเมอื ง
สระบุรไี ด้ความจากพรานบุญว่า มศี ิลาเป็นแอ่ง มนี ำ้ ขังอยู่แต่พอเนื้อ นก กินได้ ครน้ั พรานบุญยิงเน้ือทราย
บาดเจบ็ เนอ้ื นั้นหนีเข้าไปในพุ่มไมร้ กบนไหลเ่ ขา ครหู่ นง่ึ เม่ือกลับออกมา บาดแผลทถ่ี กู ยิงกห็ ายไปส้ิน พราน
บุญแปลกใจจึงเดินเข้าไปดู ก็พบศลิ ามแี อง่ นำ้ อยู่ จงึ ตักนำ้ ขน้ึ มาด่ืมกิน พรอ้ มกับลบู เนอ้ื ลูบตัว ทำใหเ้ กลื้อน
กลากทเ่ี ป็นอยู่ หายไปหมดสน้ิ นายพรานเหน็ ประหลาด จึงวกั นำ้ ออกมาจนแหง้ แล้วกเ็ หน็ พระลักษณะสำคญั
เป็นรอยเท้าคนโบราณ เจา้ เมอื งสระบุรไี ด้แจง้ เข้ามายงั กรงุ ศรีอยุธยา สมเดจ็ พระเจ้าทรงธรรมจึงเสดจ็ พระ
ราชดำเนินไปทอดพระเนตร แล้วทรงเหน็ ว่าเป็นรอยพระพทุ ธบาท ด้วยมีลายลักษณ์กงจักร ประกอบด้วยมหา
มงคล 108 ประการ ทรงโสมนสั เลื่อมใสยงิ่ นัก จงึ โปรดเกลา้ ฯ ใหส้ ร้างพระมหามณฑปสวมรอยพระพุทธบาท
พรอ้ มทงั้ สร้างพระอุโบสถ พระวหิ าร ศาลาการเปรยี ญ กุฏสิ งฆ์ สำหรบั พระภิกษสุ ามเณร เพอ่ื ดแู ลรักษารอย
พระพทุ ธบาท และบำเพญ็ สมณธรรมการก่อสร้างใชเ้ วลาทัง้ สิน้ 4 ปจี งึ แล้วเสร็จ สมเดจ็ พระเจา้ ทรงธรรมได้
เสดจ็ ฯไปประกอบพิธสี มโภช 7 วนั และพระราชทานนามว่า “วดั พระพุทธบาท” แต่ชาวบ้านนยิ มเรียกสนั้ ๆ
ว่า “วัดพระบาท”
52
วดั พระนอนจักรสีห์ (สิงห์บรุ )ี
วดั พระนอนจกั รสีห์ จงั หวดั สิงหบ์ รุ ี มเี รอื่ งเล่าเป็นตำนาน เลา่ ว่า สมัยน้ันมีสิงหห์ รือราชสหี ห์ นมุ่ ไปหลง
รกั ธดิ าเศรษฐนี างหนึง่ ด้วยบุพเพสันนิวาสทำให้ธิดาสาวสวยมีใจปฏิพทั ธร์ าชาแห่งสัตว์ป่า ในทีส่ ุดทงั้ คไู่ ปอยใู่ น
ถ้ำด้วยความสขุ สืบมา จนกระทง่ั มบี ุตรชายช่อื สงิ หนพาหุเมอื่ สงิ หนพาหเุ จริญวยั เป็นหนุ่มนอ้ ย เขาจงึ ถามบดิ า
ซึ่งเข้าใจว่าบดิ าเป็นมนุษย์ ในที่สุดบตุ รชายทราบความจริงจากมารดาว่าบิดาเป็นราชาแหง่ สัตวผ์ ยู้ ิ่งใหญ่ ทำให้
สิงหนพาหรุ สู้ กึ ไม่พอใจและเคียดแคน้ สงิ หอ์ ยา่ งยงิ่ ในทีส่ ุดสงิ หาพาหกุ ก็ ระทำปติ ฆุ าต เข้าจ้วงแทงสงิ ห์
จนตายและเอาก่งิ โพธิค์ ลุมศพไว้ เม่ือเขาเหน็ มารดาโศกเศร้าและรำพงึ รำพนั ถงึ สงิ ห์ ทำใหส้ งิ หนพาหสุ ำนกึ ใน
บาปกรรม เขาจึงสรา้ งพระพทุ ธไสยาสนอ์ งคใ์ หญ่ ซึง่ ตอ่ มาเรยี กวา่ “พระนอนจักรสหี ์” และสถานท่ีตรงน้นั
เรียกวา่ “สระลา้ งบาป”
(ประพนธ์ เรอื งณรงค์ , 2552, หน้า 74)
53
อีเมลน้ิ ดำ (สุโขทยั )
ตำนานอีเมลิ้นดำเปน็ เรื่องเลา่ พื้นบ้านของสุโขทัย ในทอ้ งถน่ิ บา้ นด่านลานหอย ท่กี ลา่ วถึง การสรู้ บ
ระหว่างไพร่พลเมอื งตากกบั เมืองสโุ ขทยั ในอดตี อีเม คือ ชือ่ ของธดิ าเจา้ เมอื งตาก ทมี่ ลี ้นิ สีดำ จึงถูกเรียกขานว่า
“อีเมลิน้ ดำ” เปน็ หญงิ ทม่ี ีจติ ใจกลา้ หาญเด็ดเด่ียวมาก ไดป้ ลอมตวั เปน็ ชายและข่ีช้างออกรบขณะทท่ี ำการสู้รบ
อย่นู น้ั หมวกของอเี มไดล้ ่วงหลุดจากศรี ษะ ทำใหฝ้ ่ายกองทพั สโุ ขทยั ร้วู า่ กำลงั สรู้ บกบั ผหู้ ญงิ ฝ่ายอเี มตกใจ จึง
ไสชา้ งหนีเข้าป่าเมอื่ ลงจากหลงั ช้างก็ตดั ล้ินของตนเองและขวา้ งลงในหนองนำ้ ใหญ่ ปจั จบุ ันหนองนำ้ ดงั กลา่ ว
ถูกเรยี กวา่ “หนองลนิ้ กา” จากนน้ั อเี มยงั ไดต้ ดั นมของตนเองทงิ้ บริเวณนั้นต่อมาจึงไดช้ อื่ ว่า “เขานมนาง”
และในท่สี ดุ เมื่ออเี มส้ินลมหายใจ ทหารทัง้ หลายจึงไดพ้ ร้อมใจกันฝงั รา่ งของอเี มในบรเิ วณทปี่ ัจจุบันเรยี กว่า
“หลมุ อเี ม” นอกจากนีใ้ นตำนาน ยงั ได้กล่าว ถึงอีเมลนิ้ ดำ
54
วงั ตาเพชร (สพุ รรณบุรี)
เรอ่ื งมีอยูว่ า่ นานมาแลว้ มชี ายแก่อยู่คนหนง่ึ นามว่า ตาเพชร เป็นผูท้ ร่ี ำ่ เรยี นวชิ าเวทมนต์คาถา ตา
เพชรอาศยั อยูก่ บั เมยี ท่ีบ้านคอวัง บางปลามา้ อยดู่ ้วยกนั สองตายาย วนั หน่งึ ตาเพชรจะพาเมยี ไปทำบุญ แก
เองไม่มเี รอื แตม่ ีคาถาแปลงรา่ งเปน็ จระเข้ แกจงึ รา่ ยมนต์แปลงรา่ งเปน็ จระเข้ตงั ใหญ่มหมึ า แล้วใหเ้ มียเดินทาง
ขา้ มไปฝากโนน้ เพ่ือจะไปทำบญุ ท่วี ัด โดยทำพิธเี สกนำ้ มนตไ์ วข้ ันหนง่ึ บอกเมยี แกว่า ระหว่างเดินขา้ มไปใหถ้ อื
ขนั นำ้ มนตไ์ ปดว้ ย และเม่ือข้ามถึงอกี ยงั ฝากหน่งึ แล้ว ให้เอานำ้ มนต์รดทหี่ วั จระเข้ แล้วตัวเองกจ็ ะกลบั
กลายเป็นคนตงั เดมิ แตค่ ร้นั เมื่อเมยี ตาเพชรเดินมาถงึ กลางแม่น้ำ ขนั นำ้ มนต์เกิดหกลงเสียกลางแม่น้ำน้นั ตา
เพชรกเ็ ลยไมส่ ามารถกลบั กลายเปน็ คนได้เชน่ เดมิ ต้องเปน็ จระเข้ใหญว่ นเวียนอย่ใู นบงึ แหง่ นัน้ จนส้นิ อายไุ ข
ชาวบ้านจึงขนานนามว่า บงึ ตาเพชร จนถึงปจั จบุ ัน
55
ตำนาน-นิทาน กระเหรีย่ งตะเพนิ คี่ (สุพรรณบุรี)
ตำนานเล่าว่ามี หมอ่ งกาย หม่องโช และ พเู้ ซิงละ เป็นหัวหนา้ ในการอพยพเขา้ มาอยู่เมืองไทย ฝ่าย
พระเจา้ แผน่ ดินไทยได้ทราบว่าพม่าไล่กะเหรี่ยงหนมี า จงึ สง่ ทหารไทยไปรบั ทหารไทยไปรบั กพ็ บกบั พวก
กะเหรี่ยง หวั หนา้ ทหารไทยจะขอผหู้ ญงิ กะเหร่ียงมาเปน็ เมียคืนละคน พวกกะเหรี่ยงทราบก็ไม่พอใจแต่ไม่รจู้ ะ
ทำอยา่ งไร ทจี่ ะไมต่ ้องให้ผหู้ ญงิ กะเหรย่ี งไปเป็นเมยี ทหารไทย พเู้ ซิงละจงึ คิดแกไ้ ข โดยเอา "ลองคุเด่ิง" (มี
ลกั ษณะเปน็ วงแหวนทองเหลอื ง เป็นของศกั ดส์ิ ิทธ์ปิ ระจำเผา่ ) ออกมาแชน่ ้ำ บนั ดาลใหเ้ กิดลมฝนพายใุ หญ่
เมอื่ เกดิ การผดิ ปกตเิ ชน่ นหี้ วั หนา้ ทหารไทยจงึ ถามวา่ การทจี่ ะขอผหู้ ญงิ กะเหร่ียงมานอนดว้ ยนั้นผิด
ประเพณอี ะไรหรอื ไม่ พเู้ ซงิ ละตอบวา่ ผดิ ประเพณีมาก หัวหนา้ ทหารไทยก็เขา้ ใจ ผหู้ ญงิ กะเหร่ยี งจงึ ไม่ต้องมา
เป็นเมียหัวหน้าทหารไทยหลงั จากนน้ั พวกกะเหรยี่ งไดพ้ ยายามติดตอ่ กับพระเจา้ แผน่ ดนิ เพ่อื จะขออย่ใู น
เมืองไทย พระเจ้าแผ่นดินไทยก็ปรกึ ษากบั พวกขุนนาง พวกขนุ นางให้ความเห็นว่าไม่ควรรับไว้เพราะเปน็ พวก
ทม่ี าจากตา่ งเมอื งต่างเผ่าตา่ งภาษา แตพ่ ระเจา้ แผน่ ดนิ ไทยทรงเหน็ ใจ ทรงตรสั วา่ "ยามเมือ่ เขาชะตาตกเราควร
ช่วยเหลือเขา เมอ่ื เราชะตาตกเขาคงจะช่วยเหลอื เราได"้ จงึ ตกลงรับพวกกะเหรย่ี งให้อยู่ในเมืองไทย โดยให้อยู่
ทล่ี ำห้วยตะเพนิ ค่ี จังหวดั สุพรรณบุรี ลำห้วยคอกควาย จังหวัดอทุ ยั ธานี แมน่ ำ้ แควใหญ่ (โลโหว)่ อำเภอสังขละ
บุรี อำเภอศรสี วัสดิ์ จงั หวัดกาญจนบุรี จงั หวัดราชบรุ ี จงั หวดั เพชรบรุ ี จงั หวดั ประจวบครี ีขนั ธ์ และท่ี
อยธุ ยา จนกระทงั่ ถงึ ทกุ วันนี้
56
ต้นตาล (สุพรรณบุร)ี
กาลครง้ั หนงึ่ นานมาแลว้ มีสองชายหนมุ่ เมอื งสุพรรณ เดนิ ทางไปยังเมอื งเพชรบรุ ี ค่ำวนั หนง่ึ เพ่อื นฝงู
ชาวเมืองเพชรหลายคนชวนสองหนมุ่ สุพรรณไปกินเหล้าที่โรงสรุ า พอกนิ เหลา้ เมามายได้ท่ี กค็ ุยอวดอา้ งกนั ไป
ต่างๆ ตามประสาขเ้ี มา คนทเี่ ป็น ชาวบา้ นเมอื งเพชรคนหนง่ึ อวดข้นึ ว่า เมอื งไหนๆ ไมม่ ีต้นตาลมากเหมือน
เมอื งเพชรบรุ ี คนเมืองสพุ รรณก็แย้งวา่ ท่เี มืองสพุ รรณมีต้นตาลมากกวา่ ทเี่ มืองเพชรเปน็ ไหนๆ คนชาวเมือง
เพชรออกเคืองวา่ เมอื งสพุ รรณเลก็ ขปี้ ระต๋วิ เมอื งอื่นทใี่ หญก่ วา่ เมอื งสพุ รรณก็ไม่มีต้นตาลมากเท่าเมอื งเพชรบรุ ี
คนเมืองสพุ รรณขัดใจตอบวา่ อะไรๆ ท่ีเมอื งสพุ รรณมีดกี ว่าเมืองเพชรถมไปทำไมตน้ ตาลจะมมี ากกวา่ ไม่ได้ เลย
เถยี งกนั จนบังเกิดโทสะทัง้ สองฝ่าย เกอื บจะชกกนั ขึ้น คนชาวเมืองสุพรรณเห็นพวกเมอื งเพชรมากกว่ากร็ สู้ กึ ตัว
ยอมรบั ว่า “เอาเถอะต้นตาลเมืองสพุ รรณนะ มีน้อยกวา่ เมืองเพชรอยู่ตน้ หนงึ่ และตาลต้นนั้นมันยอดดว้ น”
พวกชาวเมอื งเพชรชนะก็พอใจเลยดีกันอยา่ งเดิม เปน็ เรือ่ งทเ่ี ขาเล่าขานสนุกสนานสืบตอ่ กนั ตอ่ ๆมาดังน้ี
57
นิทานเรือ่ งนกสองฝงู (อา่ งทอง)
นทิ านจากตำบลโรงชา้ ง อำเภอป่าโมก จังหวัดอา่ งทอง เรื่องนกสองฝูง เร่ืองเล่าวา่ นานมาแลว้ มนี ก
สองฝงู ต่างบินมาคนละทศิ ขณะนนั้ แดดกำลงั รอ้ นจดั จงึ ต้องอา้ ปากบนิ และรบี บินอยา่ งรวดเร็วจนกระท่งั เมื่อบนิ
สวนกันก็หลกี กนั ไม่ทนั นกทั้งสองฝูงจงึ บนิ ชนกนั และตกลงมาตายทั้งหมด
58
อุ้มพระดำนำ้ (เพชรบรู ณ์)
ตามตำนาน เค้าวา่ กันวา่ เม่อื ประมาณ 400 กวา่ ปีก่อน ในสมัยกลางกรงุ ศรอี ยุธยา “หลวงตาดอ่ น”
และภรรยา พากันพายเรอื มาหาปลา ท่แี ม่นำ้ ปา่ สัก แถวๆ วงั มะขามแฟบ (ตอนนี้ก็คอื แถวๆ ทา่ น้ำของวัด
โบสถช์ นะมาร) จๆู่ กเ็ กิดอภินหิ าร ปรากฏการณแ์ ปลกประหลาด แม่น้ำจากท่ีนิง่ ๆ กเ็ กดิ เปน็ พายนุ ้ำวนข้นึ เม่อื
มองไปตรงทน่ี ้ำวน ก็เหน็ องค์พระพทุ ธมหาธรรมราชา ดำผุดดำวา่ ยอยูเ่ รือ่ งนเี้ ลยแพร่งพราย รกู้ นั ทว่ั ในหมู่
ชาวบา้ น ด้วยความทีไ่ มเ่ คยเกิดเหตุการณแ์ บบนม้ี าก่อน จงึ มกี ารนำองค์พระพุทธมหาธรรมราชา ไป
ประดษิ ฐาน ท่วี ดั ไตรภูมิแต่ปฏหิ าริย์ ยงั ไม่จบแค่นั้นประเพณี “อุ้มพระดำนำ้ ” คูเ่ มืองเพชรบรู ณช์ ่วงเวลาผ่าน
ไป หลังนำไปประดษิ ฐานไดไ้ มน่ าน เกิดเหตุ องค์พระพุทธมหาธรรมราชา หายลกึ ลบั ชาวบา้ นชว่ ยกนั ตามหาที่
ไหนกไ็ ม่เจอกระทงั่ มาเจอว่ามาดำผุดดำวา่ ยอยทู่ ่แี มน่ ้ำป่าสัก ท่ีวังมะขามแฟบ ทเ่ี ดิมที่ หลวงตาดอ่ น และ
ภรรยามาเจอ ชาวบา้ นก็พากนั อญั เชิญไปประดษิ ฐานไว้ทวี่ ัดไตรภมู อิ ีกครั้งประเพณี “อมุ้ พระดำนำ้ ” คเู่ มือง
เพชรบรู ณจ์ ากนนั้ ก็มกี าร ทำพธิ ีอญั เชิญ องค์พระพทุ ธมหาธรรมราชา มาดำนำ้ ทีแ่ ม่น้ำปา่ สัก จดุ เดมิ โดยเจ้า
เมืองของสมยั นัน้ ๆ ในทกุ ปี เพ่ือไม่ให้ องค์พระพุทธมหาธรรมราชา หายไปจากท่ปี ระดษิ ฐานอกี ทั้งน้ี หากปี
ไหนไมจ่ ดั ทำพิธี ชาวบา้ นเชื่อวา่ ปีน้นั บา้ นเมอื งจะเป็นกาลกณิ ี โรคภยั ระบาด บ้านเมอื งไมส่ งบสุขนัน่ แหละคะ่
จึงกลายเปน็ ประเพณี “อุ้มพระดำน้ำ” สบื ทอดมาจนถึงทุกวนั นี้
59
ป่กู ะสาย่ากะสี (เพชรบรู ณ์)
กาลครงั้ หนง่ี นานมาแล้ว ได้เกดิ แผ่นดินและสิง่ มีชวี ติ ขน้ึ ในโลกน้ี มีทง้ั สวรรค์นรก อเวจี ครฑุ นาค
เทวดา พระอินทร์ พระพรหม และพระอาทติ ย์พระจนั ทรแ์ ตย่ งั ไม่มีแสงสอ่ งพ้นื โลก ไดบ้ งั เกิดมอี ากาศ
แปรปรวน มดื มัว นานเขา้ กบ็ งั เกิดมเี มฆ ควนั ลอยอยู่ในอากาศ มีลมแรงพัดเมฆควันลอยไปมา เควง้ คว้างไป
ทางเหนอื ทหี น่งึ แล้วกล็ อยมาทางใต้หาทิศทางไมไ่ ด้ เปน็ อยา่ งน้นั อย่นู านแสนนานจงึ ได้บงั เกดิ เปน็ นำ้
มหาสมทุ ร ในคมั ภรี เ์ รียกว่า ” ปฐมมลู ปฐมกัป ”ก่อนทจี่ ะมปี ลาอานนท์หนนุ แผ่นดินนน้ั มเี พยี งมหาสมทุ ร
ลอยไปมาอย่ใู นอากาศ ลมพัดลอยเคว้งควา้ งไปมาหาทิศทางไม่ได้ ลมพดั น้ำอยนู่ านจนเกดิ เป็นแผ่นดนิ เล็ก ๆ
คือ ” แผน่ ดนิ ทอ่ ฮอยไก้ ต้นไม่ ท่อลำเทยี น ” (เปน็ คำในภาษาอสี าน หมายถงึ แผน่ ดนิ เทา่ กบั รอยกระจง และ
ต้นไม้เทา่ ลำเทียน) ลมพัดจนแผ่นดนิ เลก็ ๆ นแ้ี ยกออกเป็นสองสว่ น ลอยไปในมหาสมุทร ลว่ งเวลาตอ่ มาอีก
นานแผ่นดินทัง้ สองกเ็ ร่ิมขยายตัวใหญ่ขึน้ บงั เกิดมนษุ ยผ์ ชู้ ายอยบู่ นแผ่นดนิ หนงึ่ ช่อื วา่ ” ปสู่ ังไกยสา ”และเกิด
มนษุ ย์ผหู้ ญงิ อกี แผน่ ดนิ หน่งึ ชอื่ วา่ ” ย่าสังไกยสี ”มนษุ ย์คู่แรกทั้งสองนเ้ี กิดจากการรวมตวั ของสรรพสง่ิ ต่าง ๆ
ป้ันรูปสตั วก์ เ็ ปน็ สงิ่ มีชวี ติ จริง ๆ มนษุ ย์คู่แรกทง้ั สองน้ไี ด้สรา้ งสรรพส่ิงข้ึนในโลกอยู่ตอ่ มาเกดิ ลมพายุพัดพา
แผ่นดินท้ังสองลอยไปตามน้ำมาพบกนั ปสู่ งั ไกยสา ยา่ สังไกยสี กไ็ ดพ้ ดู คยุ กัน และอยู่ด้วยกัน แล้วจงึ คิดจะ
สรา้ งมนุษยช์ ายหญงิ น่าจะมีความสขุ กว่าอยผู่ เู้ ดียวเหมอื นแต่ก่อนทแี่ ผ่นดินยงั แยกกนั มนษุ ย์ชายหญงิ ทป่ี สู่ งั
ไกยสา ย่าสังไกยสี สรา้ งขึ้นมามากมาย รวมกนั อยคู่ ร้ันอย่รู วมกันนานวันเขา้ ธรรมชาตกิ ด็ ลใจใหเ้ กิดตณั หาแก่
มนุษยท์ งั้ หลาย คนท่มี ตี ัณหาสมสกู่ นั จึงมลี กู หลานสบื ตอ่ มา เพราะมีตัณหาสมสกู่ ันมนุษย์ทปี่ ู่สงั ไกยสา ย่าสงั
ไกยสี สร้างมาน้นั จึงมรี ปู รา่ งเปล่ียนเป็นแก่ชรา และมนุษย์ชายหญิงก็ยิ่งมากทวีคณู สืบตอ่ มาถงึ ทกุ วันน้ี
ในตำนานยงั เล่าถึงการสรา้ งโลกสร้างจักรวาลของปู่ย่าทัง้ สองวา่ คร้นั สร้างมนษุ ย์ชายหญงิ แล้ว ปู่
ยา่ ท้สั องก็สร้างเขาพระสุเมรเุ ป็นแกนกลางของจกั รวาล ณ ทีแ่ หง่ น้ันได้เกิดดอกไม้งามสะพรงั่ ในบรเิ วณฝ่ังน้ำ
ทง้ั แม่นำ้ คงคา ยมุนา อจริ วดี สรภู มหมิ หาสาคเรศ นำ้ ไหลเรอื่ ยต่อไป แผ่กวา้ งสาขาอยู่ในชมพูทวปี มีแมน่ ำ้
ของ(โขง) เป็นเค้าในภาคพน้ื ชมพูทวีปและมเี กาะลังกาอย่ฟู ากน้ำ ปูส่ งั ไกยสายา่ สงั ไกยสเี ปน็ สามภี รรยาทสี่ ร้าง
สรรพสง่ิ ในโลก และไดส้ งั่ สอนให้มนุษย์โลกตง้ั ตนอยใู่ นศีล สร้างกศุ ลบำเพญ็ เพื่อจะไดไ้ ปเกิดในสวรรค์ หาก
ใครอยากจะไปเกดิ อยูใ่ นนรกอเวจี กใ็ หส้ รา้ งกรรมเวร จะได้จมอยูใ่ ตน้ รกอเวจี
http://นทิ านพ้ืนบา้ น.whitemedia.org/
60
ตตำำนนาานนนนาางงกกววัักก ((ลลพพบบุรุร)ี )ี
ตำนานหนง่ึ เก่ยี วกับนางกวักของไทย กลา่ วถึงมีความสืบเนือ่ งมาจากเรอ่ื ง รามเกยี รต์ิ ตอนพระราม
ออกตามหานางสีดา พระรามได้พบกบั ท้าวอุณาราชพญายกั ษเ์ จา้ นครสิงขร พระรามจงึ แผลงศรเอาต้นกกเปน็
ศรมาถกู ยอดอกท้าวอณุ าราช คนทง้ั หลายจงึ เรยี กกนั ว่า ท้าวกกขนาก พระรามไดส้ าปใหศ้ รตรงึ ทา้ วอณุ าราช
อยภู่ ายในถำ้ เขาวงพระจันทร์ ซ่งึ อยู่ทางทิศเหนือของจ.ลพบรุ ี แลว้ ยงั สาปสำทบั ไวว้ ่า ทา้ วกกขนากจะต้องทน
ทุกข์ทรมานอยูใ่ นถำ้ เขาวงพระจันทรจ์ นกระท่งั ถงึ ศาสนาพระศรอี ารยิ ์นางประจนั ทร์ธดิ าของท้าวอุณาราช
ทราบเรอ่ื งกเ็ ข้ามาเฝา้ ปฏบิ ัตเิ ป็นเพอื่ นบิดาทั้งยงั เอาใยบัวมาทอทำเป็นจวี ร เตรียมไวถ้ วายเมือ่ ถงึ คราวพระศรี
อารยิ ์เสด็จมา เปน็ การสร้างกุศลอทุ ศิ ให้บดิ า ขณะนน้ั ชาวเมอื งต่างเกรงกลวั ทา้ วอณุ าราชหรอื ท้าวกกขนาก จะ
ฟื้นคนื ชีพขนึ้ มาอาละวาด เห็นนางประจนั ทรเ์ อาน้ำสม้ สายชไู ปหลอ่ ทีศ่ รกพ็ ากันขับไลน่ างประจนั ทร์ พร้อมกับ
กลั่นแกล้งต่าง ๆ นานา ความได้ทราบไปถงึ "ปู่เจ้าเขาเขยี ว" ผู้เป็นสหายของท้าวอณุ าราชจงึ สง่ ธิดาองค์หนง่ึ
ซ่ึงมรี ูปโฉมงดงามเปน็ ทส่ี ุด เปน็ ทเี่ สนห่ าแก่มนุษย์และสตั ว์ทง้ั หลายทง้ั ปวงในแผน่ ดนิ มาเปน็ เพ่ือนนางประ
จนั ทร์ เพอ่ื นางประจนั ทร์จะไดเ้ สอื่ มคลายความเศรา้ โศกลงบา้ งปรากฏวา่ นับแต่ธดิ า ของปเู่ จ้าเขาเขยี วมาอยู่
เปน็ เพือ่ นนางประจนั ทรแ์ ล้ว ประชาชนที่เคยเกลยี ดชงั นางประจนั ทรม์ าแตก่ อ่ นกลบั ใจเป็นรกั ใคร่ นำของ
กำนัลตา่ งๆ มาให้นางประจนั ทรเ์ ป็นบรรณาการอยู่เสมอไมข่ าดแม้การเดนิ ทางจะแสนทรุ กันดารเพยี งไร
ประชาชนเหล่านัน้ กห็ าย่อทอ้ ไม่พยายามเดนิ ทางมาดว้ ยความรกั และเมตตาต่อนางประจันทรเ์ ป็นทย่ี ง่ิ มงุ่ หนา้
มาทำบุญกศุ ลกันอย่างมากมาย ความเกลยี ดชังที่ทว่ มทน้ เปน็ อนั เสอ่ื มสลายไปส้นิ ด้วยเหตนุ ี้ นางประจนั ทร์จึง
ตั้งชอื่ ใหธ้ ิดาของปเู่ จ้าเขาเขยี วว่า...."นางกวกั "ด้วยคณุ งามความดอี นั มหาศาลนส้ี ัตบุรษุ ทุ งั้ หลาย จงึ ได้ใหพ้ ระ
เกจิอาจารยผ์ ้ขู ลงั ทางเวทมนตร์สร้างรูป "แม่นางกวกั " ขึ้นไวเ้ ป็นทสี่ กั การบูชา เพือ่ ผลทางมหานิยมในการค้า
ขาย จะเหน็ ไดถ้ งึ ทม่ี า การเร่ิมต้นของเร่อื งและตำนานจะแตกตา่ งกนั ทง้ั สองเรอ่ื ง แต่ปลายทางของเร่อื งนั้น
เหมอื นกันคือ...."จารึกคณุ งามความดงี าม ความมนี ้ำใจ" ทุกเรือ่ งราวในตำนานต่าง ๆ ทผ่ี ู้เขยี นนำมาเสนอน้นั มี
หลากหลายแงม่ ุมและขอ้ คดิ มากมาย หากเราไม่มองเพยี งแคเ่ ร่ืองอทิ ธปิ าฎิหาริย์ หัวใจและแกน่ แทข้ องทุกเรอื่ ง
กค็ อื การทำความดี และส่งผ่านสงิ่ ดีๆ กบั คนรอบข้าง สิง่ ดๆี คนให้กอ็ ่มิ ใจ คนรบั กส็ ุขใจ ถงึ แมเ้ วลาล่วงผ่านไป
สกั กร่ี ้อยกพี่ ันปี ผคู้ นกย็ งั สรรเสรญิ เลา่ ขานในความดไี มร่ จู้ บ เฉกเช่นเรอื่ งราวของ....นางกวัก
61
ประเพณปี ลอ่ ยนกปลอ่ ยปลา (สมทุ รปราการ)
นานมาแลว้ ณ. วัดแหง่ หน่ึง ท่านเจ้าอาวาสเปน็ ผู้มีความสามารถในการทำนาย ทายทกั ตรวจดวง
ชะตาราศีได้อยา่ งแมน่ ยำ วันหนง่ึ เจา้ อาวาสเดนิ ผา่ นไปยงั ลานวัด ซึ่งมีสามเณรรปู หน่ึงกำลงั กวาดลานวัดอยู่
ทา่ นสมภารสังเกตเห็นใบหนา้ ของสามเณรหมองคล้ำ จงึ ถามวนั เดอื นปเี กดิ เพอ่ื ทำนายดวงชะตาของสามเณร
รูปนน้ั ปรากฏว่าดวงชะตาไมด่ ี จะสิน้ อายุขยั เรว็ ๆนี้ ท่านสมภารไมร่ จู้ ะช่วยอย่างไรดี แต่คิดว่ากอ่ นท่ีสามเณร
จะเป็นอะไรไป ใหก้ ลบั ไปเยีย่ มพี่น้องเสียก่อนคงช่วยได้เพยี งแคน่ ้ี เม่ือคิดดงั นัน้ แล้ว ทา่ นสมภารกเ็ รยี กสามเณร
รูปนน้ั มาคุยรุง่ เช้าสามเณรกอ็ อกเดินทางกลบั บ้าน ในระหวา่ งทางขณะทส่ี ามเณรเดินผา่ นทงุ่ นาทีม่ ีแตค่ วาม
แหง้ แลง้ หนองน้ำท่เี คยขังกแ็ หง้ ขอด สามเณรมองเห็นปลากำลังตกคล่ังอย่ใู นหนองนำ้ กเ็ กิดความรสู้ ึกสงสาร
และคิดวา่ ถา้ ไมช่ ว่ ยปลาเหล่านีค้ งต้องตายแนๆ่ เม่ือคดิ เชน่ นน้ั แล้ว สามเณรก็คอ่ ยๆเอามอื ชอ้ นปลาทลี ะตวั
แลว้ นำไปปลอ่ ยในลำคลอง ขณะท่ปี ลอ่ ยปลานัน้ สามเณรก็พดู ว่า “ข้าให้อิสระแกเ่ จา้ ขอใหเ้ จา้ มชี ีวิตทย่ี ืนยาว
ต่อไป” แล้วสามเณรกเ็ ดนิ ทางตอ่ ไปจนถงึ บ้าน ได้พบญาตพิ น่ี อ้ ง สนทนากบั ญาตโิ ยมจนเปน็ ทพ่ี อใจแลว้
สามเณรกเ็ ดินทางกลบั วัดท่านสมภารเมอ่ื เหน็ สามเณรกลบั มาด้วยความสดชน่ื แจม่ ใสก็ประหลาดใจย่ิงนกั เพระ
ไม่ไดเ้ ปน็ ไปตามคำทำนาย กลับมหี น้าตาแจม่ ใส สมภารจงึ ถามเณรว่า “ระหวา่ งเดนิ ทางกลบั บ้านมีอะไรเกดิ ขน้ึ
หรอื เปล่า” สามเณรจงึ เลา่ เรอ่ื งที่ช่วยปลาใหฟ้ งั สมภารจึงเขา้ ใจเรอื่ งราวของสามเณรได้เลา่ กนั ปากต่อปากถงึ
การทำความดีของสามเณร ชาวบ้านเกดิ ศรทั ธาเลือ่ มใสในจติ ใจอนั เปน็ กุศลและมีความเชือ่ วา่ การทำความดี
โดยการปล่อยปลาจะทำให้หมดเคราะห์และมีอายุยนื ตอ่ ไป ชาวบ้านจึงได้ปฏิบัตสิ บื ตอ่ กนั มาจนถึงทกุ วันน้ี
รวมทง้ั การปลอ่ ยนกด้วย
ผจงวาด กมลเสรรี ัตน์.นทิ านพื้นบา้ นภาคกลาง. กรงุ เทพฯ : สวุ รี ิยาสาสน์, 2543
62
หลวงพ่อโตวดั บางพลีใหญใ่ น (สมุทรปราการ)
ตำนานเลา่ สบื ตอ่ กนั มาว่าเม่ือประมาณ 200 กวา่ ปกี อ่ น มีพระพุทธรปู 3 องค์ ลอยลงมาจากทางเหนอื
ตามลำแมน่ ้ำเจา้ พระยา พระพทุ ธรปู ท้งั 3 องค์ ได้แสดงอภนิ หิ ารลอยล่องมาตามลำแมน่ ้ำและบางครั้งก็แสดง
อทิ ธิฤทธ์ปิ าฏหิ ารยิ ผ์ ุดใหผ้ ้คู นเห็นจนเป็นที่โจษจนั กันทวั่ ถงึ อภินิหารและความศักดสิ์ ิทธ์ิต่อมาพระพุทธรูปองค์
หนึ่งลอยวกเข้าไปในแม่น้ำท่าจีนจนได้ไปขึ้นประดิษฐานอยู่ที่วัดไร่ขิง จังหวัดนครปฐม ในเวลาไล่เลี่ยกัน
พระพทุ ธรปู อีกองค์หน่ึงก็ลอยวกเข้าไปทางปากแม่น้ำบางปะกง จนไดไ้ ปขึ้นประดิษฐานอยทู่ ่ี วัดโสธรว
ราราม จังหวัดฉะเชิงเทราส่วนอีกองค์หนึ่ง(หลวงพอ่ โต)กไ็ ดล้ ่องลอยเรื่อยมาตามลำแม่น้ำเจา้ พระยา ก่อนจะ
ลอยวกเข้ามาในลำคลองสำโรง ประชาชนทีพ่ บเห็นตา่ งกโ็ จษจนั กันไปทว่ั พรอ้ มกับได้ร่วมกนั พยายามอาราธนา
พระพุทธรูปข้ึนที่ปากคลองสำโรง แต่ก็ไม่สามารถอาราธนาพระพุทธรปู ขึ้นได้สำเร็จผู้มีปัญญาดีคนหนึ่งได้ให้
ความเห็นวา่ คงเป็นเพราะบุญญาอภนิ หิ ารของท่าน เพราะแม้ว่าจะใช้ผคู้ นจำนวนมากกย็ งั ไม่สามารถอาราธนา
ฉดุ ทา่ นข้ึนบนฝ่ังไดส้ ำเร็จ จึงควรจะเส่ยี งทายต่อแพผกู ชะลอกบั องคท์ า่ นแล้วใช้เรือพายฉดุ ท่านให้ลอยไปตาม
ลำคลองสำโรง พร้อมกับตั้งจติ อธิษฐานว่าหากทา่ นประสงค์จะขึ้นท่ใี ดกข็ อใหแ้ สดงอภินิหารใหแ้ พทีล่ อยมาหยดุ
ณ ที่นั้นเมื่อประชาชนทั้งหลายเห็นพ้องกันดังนั้นแล้ว ก็พร้อมใจกันทำแพผูกชะลอกับองค์ท่านแล้วใช้เรือ
ช่วยกันจ้ำพายจูงแพลอยเรือ่ ยมาตามลำคลอง ครั้นเมือ่ แพลอยมาถึงบริเวณหน้าวัดพลบั พลาชัยชนะสงคราม
หรือวดั บางพลใี หญ่ใน แพที่ผูกชะลอองคท์ ่านมาก็เกิดหยุดนง่ิ แม้ว่าจะพยายามจำ้ และพายกันอย่างเต็มท่ีเต็ม
กำลังแพนัน้ ก็ไม่ยอมขยบั เขย้ือนประชาชนที่มากับเรือและชาวบางพลจี ึงไดพ้ ร้อมใจกันอาราธนาอญั เชิญองค์
ท่านขนึ้ จากน้ำ ซ่ืงกเ็ ป็นทนี่ า่ อศั จรรยเ์ มื่อใช้คนเพยี งไมม่ ากนกั กส็ ามารถอาราธนาทา่ นขึ้นจากนำ้ ได้โดยง่าย ทำ
ให้ประชาชนต่างแซ่ซ้องในอภินหิ ารของท่านเป็นอย่างยิ่งและได้อาราธนาท่านขึ้นประดษิ ฐานอยู่ในวหิ ารน้ัน
เร่อื ยมา
63
ดดาาววจจรระะเเขข้้ ((สสมมทุ ุทรรสสงงคครราามม))
เศรษฐผี หู้ นง่ึ เป็นคนขี้เหนียว ไม่เคยคิดทำบญุ สรา้ งกศุ ล นำสมบตั ิ ไปฝงั ไว้ทีท่ ่านำ้ หนา้ บ้าน คร้ันตาย
ลงจึงไปเกิดเป็นจระเข้เฝ้าสมบัตขิ องตน ไดร้ บั ความทกุ ขเวทนา จึงไปเข้าฝนั ภรรยาใหม้ าขดุ สมบตั ิ ไปทำบญุ
กุศล ภรรยาจึงจัดให้มีการทอดกฐนิ ขน้ึ จระเขเ้ ศรษฐนี ้นั กบ็ งั เกดิ ความยินดี วา่ ยน้ำตามขบวนเรือแหอ่ งค์กฐินไป
แต่ยังไม่ทันถงึ วดั กห็ มดแรง ไปตอ่ ไมไ่ หว จึงบอกภรรยาให้วาดรปู จระเข้ ใสใ่ นธงไปแทน
"คตคิ วามเชอื่ เร่อื งน้ีถือวา่ ตรงกับเรอ่ื งบาปบญุ ทางพทุ ธศาสนา เตือนสตใิ ห้คนรจู้ กั เสยี สละ ทำบญุ บ้าง เมื่อ
ตายแล้ว หากยงั หวงสมบตั อิ ยู่ กจ็ ะเกดิ เป็นสตั ว์ มาเฝ้าสมบตั ิ ตรงกับหลกั ธรรมทว่ี า่ ตายด้วยความโลภ จะเกดิ
เปน็ เปรต ตายด้วยความโกรธจะตกนรก ตายด้วยความหวง จะเกิดเปน็ สัตว์เดรัชฉาน
64
โกงกาง หง่ิ ห้อยและลำพู (สมทุ รสาคร)
ตำนานรกั อนั ย่ิงใหญ่...ของหิ่งห้อยและต้นลำพู อีกเร่ืองหนง่ึ ทจ่ี ะขอนำมาเล่าไว้ ณ ท่นี ้ี มเี น้อื ความที่
สนุกสนานดงั นี.้ ..ณ หม่บู า้ นแหง่ หนง่ึ มชี ายหนุ่มชาวสวนผขู้ ยนั ขนั แขง็ ชอ่ื ลำพู ไดป้ ลกู พชื ผัก และตน้ ไม้
ท้งั หลาย ไวใ้ นสวนของเขาอยา่ งมากมาย ทำใหส้ วนของลำพมู แี ตค่ วามร่มร่ืนหิ่งห้อย คือสาวน้อยแสนสวย
ประจำหมบู่ ้าน นางเปน็ หญิงสาวท่ีอ่อนหวาน มีจติ ใจออ่ นโยน และนางเปน็ ท่ีรกั ของชายหนมุ่ ลำพ.ู . ทกุ ๆเยน็
สาวนอ้ ยหิ่งห้อยจะมานง่ั พรอดรกั กับคู่รกั ของนาง ทส่ี วนของชายหนุ่มเปน็ ประจำภายในหมูบ่ ้านแหง่ นี้มเี ศรษฐ
คนหนง่ึ มีลกู สาวทชี่ ื่อว่ากง่ิ ก้าน กิ่งก้านเปน็ ผูห้ ญงิ ทเี่ ด็ดเดี่ยว และบ้าบิน่ สงิ่ ใดที่นางตอ้ งการ นางจะตอ้ ง
หาทางเอามาใหไ้ ด้ ไม่วา่ ของสง่ิ น้ันจะไดม้ าด้วยความยากลำบากสกั เพยี งใดวนั หนึง่ กง่ิ ก้านได้เดินทางไปถงึ สวน
ของชายหนมุ่ ลำพู นางชนื่ ชมในความรม่ รืน่ ของสวนย่งิ นกั จงึ ได้สงั่ ใหค้ นรบั ไชไ้ ปตามเจ้าของสวนออกมาพบ
แต่ทวา่ พอนางไดพ้ บหนา้ หนมุ่ ลำพู นางกห็ ลงใหลในตวั ของชายหน่มุ ย่ิงนักกง่ิ ก้านได้แต่พร่ำเพอ้ หาหนุ่มลำพู
นางตอ้ งการหนมุ่ ลำพมู าเปน็ ค่คู รองของนางให้ได้ โดยท่ีไมส่ นใจว่าหนุ่มลำพมู คี ่รู กั อยู่แลว้ กค็ ือ สาวหง่ิ หอ้ ย
ลำพอู ัดอัดใจเปน็ ยงิ่ นกั ชายหนมุ่ ปฎเิ สธความรกั ของสาวกิ่งกา้ นอย่างไม่ใยดี สาวกง่ิ กา้ นรุกหนกั ไมย่ อมแพ้
และนั่นทำใหห้ นมุ่ ลำพูตดั สนิ ใจชวนคนรกั แม่สาวหงิ่ หอ้ ย หนไี ปด้วยกนั สาวหง่ิ หอ้ ยตอบตกลง คนรกั ท้งั คูน่ ัด
กนั ในคนื เดือนแรมทจี่ ะมาถึงน้ี บรเิ วณสวนของชายหนมุ่ แต่นนั่ ไมไ่ ด้รอดพน้ จากสายตาของสาวกงิ่ กา้ น เมื่อถงึ
คืนเดือนแรม ในเวลานดั สาวกงิ่ ก้านก็คอื อปุ สรรคความรกั ของลำพู และหง่ิ หอ้ ยท่ามกลางฝนฟ้าคะนอง มีแต่
เพียงชายหาปลาคนหนึง่ เทา่ นนั้ ท่ีมองเห็นวา่ สาวก่งิ กา้ นย้อื ยดุ ฉุดกระชากหนมุ่ ลำพไู ว้ และหลงั จากนั้น กไ็ มม่ ี
ใครได้พบกับคนทงั้ 3 อกี เลย...จนกระท่ังเวลาผา่ นไป บรเิ วณคลองนำ้ รมิ สวนของหนมุ่ ลำพู ก็มีต้นไม้ต้นหนึ่ง
โผลข่ ึ้นมา และพอตกกลางคนื รอบๆตน้ ไมต้ น้ นัน้ กจ็ ะมีแมลงตัวเลก็ ๆมีแสงสวยงาม บนิ รอบๆตน้ ไม้ สอ่ งแสง
อยา่ งมีความสขุ แตต่ รงโคนของตน้ ไมน้ นั้ เล่า กลบั มีตน้ ไม้อกี ชนดิ หน่งึ แผร่ าก งอกขน้ึ มายดึ โคนตน้ ไมไ้ ว้
ชาวบ้านจึงเรียกตน้ ไมน้ น้ั วา่ ต้นลำพู และเรียกแมลงทส่ี ่องแสงสวยงามนั้นวา่ ห่ิงหอ้ ย และน่ีกค็ ือตำนานรกั
ของต้นลำพู และห่งิ ห้อย
65
ตำนานสรา้ งศาลหลักเมอื ง (เพชรบรู ณ)์
ตำนานการสร้างหลกั เมือง มเี รอื่ งเลา่ วา่ เม่อื จะสรา้ งเมอื งเพชรบูรณ์นั้น เจา้ เมืองไดป้ ระกาศปา่ วร้อง
หาคนที่ชื่อมน่ั กบั ช่ือคง เพ่ือนำมาฆา่ ฝงั ไว้กน้ หลุม กอ่ นทจี่ ะฝังหลกั เมอื งลงไป เมอ่ื ขบวนที่ป่าวประกาศไดผ้ ่าน
วดั แห่งหนง่ึ ซงึ่ มสี ามเณรสองรปู ชือ่ มั่น กบั ชือ่ คง กำลังฉันอาหารอยู่ เมือ่ ได้ยินเสียงปา่ วประกาศก็ขานรบั
สามเณรท้งั สองจงึ ถกู จบั ตวั ไป แตเ่ จา้ อาวาสขอร้องวา่ ใหเ้ ณรทั้งสองรปู ฉันภัตตาหารเพลให้เสรจ็ ก่อน แตผ่ ทู้ ่ีมา
จบั ตวั ไม่ยอม สามเณรทง้ั สองจงึ ถกู จบั ตวั ไปฝงั ทัง้ เปน็ ทำใหเ้ จ้าอาวาสโกรธเจา้ เมอื งมาก จึงไดเ้ อ่ยปากสาปแชง่
ไวว้ ่า ใครกต็ ามจะมาเป็นเจา้ เมอื งเพชรบูรณ์ ถา้ เกินสามปีขอใหม้ อี ันเป็นไป เรอ่ื งนเี้ ปน็ ที่เช่อื ถือของชาว
เพชรบรู ณต์ ลอดมา
66
ตำนานวัดช้างเผือก (เพชรบูรณ)์
ตำนานวัดชา้ งเผือก มีเร่ืองเล่าวา่ มีเจา้ เมอื ง เมอื งหนึง่ ครองเมืองทต่ี ัง้ อยทู่ างทิศเหนอื ของจงั หวัด
เพชรบรู ณ์ เข้าใจว่าอยู่ใกลก้ ับเมอื งราด หรืออาจอยู่ใกลเ้ มอื งนครเตดิ (สนั นิษฐานวา่ อย่ทู ่ีบ้านนำ้ ดกุ อำเภอ
หลม่ สกั ) เจา้ เมอื งมีธิดาชือ่ นางผมหอม มคี วามงามมากแตย่ งั ไมม่ คี คู่ รอง จงึ ไดป้ ระกาศหาคู่ครองให้ธดิ า โดย
ประกาศว่า หากใครหาขอนดอกมาให้ได้ก็จะยกธดิ าให้ ตอ่ มามชี ายหนุ่มชาวบา้ นป่าคนหนง่ึ อยู่บา้ นชาวบน
(บา้ นนำ้ เสาปจั จบุ ัน) หาขอนดอกมาถวายเจ้าเมอื งได้ เจา้ เมอื งกย็ กธิดาให้ นางผมหอมมคี วามเสยี ใจมากเลย
หนไี ปกระโดดน้ำในลำนำ้ ป่าสกั เจ้าเมอื งได้ยกไพร่พล ตดิ ตามลงมาตามลำน้ำถงึ ทแ่ี หง่ หนงึ่ กห็ ยุดพักขบวน ท่ี
น้นั เลยเรียกวา่ พระยาพักช้าง แตก่ ่อนมคี ลองผ่านสายหนึ่งเรียกวา่ สองพระยาโศก ตอ่ มาเพี้ยนเป็นคลองแสน
พระยาโศก แลว้ ให้ไพร่พลไปทำลี่ (ทำนบทท่ี ำดว้ ยไม้ไผร่ วกเหมือนเผอื ก) กัน้ แมน่ ำ้ ป่าสกั ข้าง ๆ วัดโพธเิ ย็น
และใหค้ นเลยี้ งชา้ งเผอื กไปเล้ียงที่ชายปา่ บริเวณวัดชา้ งเผอื กปจั จบุ นั เจา้ เมอื งมารอจนศพธิดาลอยมาติดทลี่ ี่
แลว้ เจา้ เมืองจงึ ไดส้ รา้ งเจดยี บ์ รรจุศพธดิ าไวห้ นง่ึ องค์ ชาวบา้ นเรยี ก พระใจรายี และได้สรา้ งเจดียบ์ รรจกุ ระดูก
ช้างเผอื กอีกหน่งึ องค์ เนอ่ื งจากชา้ งเผอื กท่ีเอาไปเล้ียงไวช้ ายปา่ ลม้ ในครง้ั น้ัน
67
สามเสน (กรงุ เทพมหานคร)
มีเรอ่ื งราวทเี่ ลา่ ขานสบื ต่อกนั มาว่า กาลครง้ั หนง่ึ มีพระเจา้ ไตรตรึงษ์ ครองเมอื งพระนครอโยธยา มี
พระราชธดิ าทรงพระสริ ิโฉมงดงาม ความงามของพระองคเ์ ลอ่ื งลอื ไปทั่ว จนเจ้าชายไชยสงคราม โอรสของผู้
ครองหวั เมืองฝา่ ยเหนือ เสดจ็ ลงมาลกั ลอบไดเ้ สียกบั พระราชธดิ า เมื่อความรถู้ ึงพระเจา้ ไตรตรงึ ษว์ ่า เจา้ ชาย
แปลงกายเขา้ มาทางทอ่ นำ้ จงึ ทำลอบดกั ไว้ เจา้ ชายจงึ ติดลอบสิน้ พระชนม์ เมอื่ เพอ่ื นเจ้าชายทราบขา่ วจงึ ลงมา
แกแ้ คน้ โดยแปลงกายเปน็ พระพทุ ธรูปองค์ใหญล่ อยนำ้ มาถึงเมอื งอโยธยากห็ ยดุ น่งิ ไมล่ อยตอ่ ไป พระเจ้า
ไตรตรงึ ษใ์ ห้ฉดุ พระพทุ ธรปู ไว้ แต่ไม่สำเร็จ จนกระทง่ั พระพทุ ธรูปลอยมาถึงตำบลบางกอก ผู้คนพากนั แตกต่นื
ช่วยกันฉุดพระพทุ ธรปู อกี แต่กไ็ มส่ ำเรจ็ จนในท่สี ุดต้องระดมคนจำนวนถึงสามแสนคนจึงสามารถฉุด
พระพทุ ธรูปขน้ึ มาได้ แต่พระพทุ ธรปู ปรากฏอย่เู พียงช่วั ครูก่ ห็ ายไป นับแตน่ น้ั มาผู้คนจงึ เรียกสถานทน่ี ้วี ่า สาม
แสน ซึ่งตอ่ มาคงกรอ่ นเหลือเพียง “สามเสน” เทา่ นน้ั
68