The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คู่มือ PISA วิทยาศาสตร์.docx

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Kloyjai Jimanang, 2024-05-26 04:57:56

คู่มือ PISA วิทยาศาสตร์.docx

คู่มือ PISA วิทยาศาสตร์.docx

1 คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ด้านการรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวการประเมิน PISA


ก คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ด้านการรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวการประเมิน PISA คำนำ ตามที่ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษารายงาน การ ติดตามการประเมินผลการบริหารและการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ส่วนที่ ๒ กลยุทธ์ที่ ๓ ตัวชี้วัดที่ ๑๑ คือ ร้อยละของสถานศึกษาที่สอนในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นที่ได้รับการเตรียมความพร้อ มด้านการอ่าน คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ “ในการประเมินระดับนานาชาติตามโครงการ PISA” นั้น ในการนี้ สำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต ๓ ขอความอนุเคราะห์ ให้คุณครูผู้สอนภาษาไทย คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ สร้างข้อสอบตามแนวทาง PISA เพื่อจัดทำเป็นคลังข้อสอบออนไลน์ สำหรับสถานศึกษาในสังกัดที่เปิดสอนในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นทั้งหมด ดังนั้น เพื่อให้มีสื่อสำหรับทบทวนความรู้ และฝึกทักษะการเชื่อมโยงความรู้เพื่อแก้ปัญหาใน สถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิตประจำวัน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะ เกษ เขต ๓ จึงได้จัดทำนวัตกรรมด้านการอ่าน คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ ในการประเมินระดับนานาชาติ ตามโครงการ PISA สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต ๓ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าแบบฝึกพัฒนาทักษะ การแก้ปัญหาตามแนวทางการประเมินของ PISA จะเป็นประโยชน์ต่อครูผู้สอนและสถานศึกษาในการนำไปใช้ พัฒนาผู้เรียน และขอขอบคุณคณะทำงานที่ร่วมจัดทำแบบพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาตามแนวทางการประเมิน ของ PISA จนสำเร็จลุล่วงด้วยดี กลุ่มนิเทศ ติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต ๓


ข คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ด้านการรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวการประเมิน PISA คำชี้แจง เดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ ครบรอบการประเมินของ PISA (Programme for International Student Assessment) เพื่อเป็นการพัฒนาผู้เรียนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของการสอบให้มีสื่อสำหรับทบทวน ความรู้และฝึกทักษะการเชื่อมโยงความรู้เพื่อการแก้ปัญหาในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนิน ชีวิตประจำวัน ศูนย์PISA สพฐ. จึงได้จัดทำแบบฝึกทักษะการแก้ปัญหาตามแนวทางการประเมินของ PISA ขึ้น ประกอบด้วย แบบฝึกทักษะการแก้ปัญหาตามแนวทางการประเมินของ PISA ด้านการรู้เรื่องการอ่าน แบบฝึก ทักษะการแก้ปัญหาตามแนวทางการประเมินของ PISA ด้านการรู้เรื่องคณิตศาสตร์ และแบบฝึกทักษะการ แก้ปัญหาตามแนวทางการประเมินของ PISA ด้านการรู้เรื่องวิทยาศาสตร์ กรอบการจัดทำแบบฝึกทักษะ การจัดทำแบบฝึกทักษะการแก้ปัญหาตามแนวทางการประเมินของPISA ครั้งนี้กำหนดกรอบการ จัดทำโดยอิงตามกรอบการประเมินของ PISA แต่ละด้าน ดังนี้ นิยามของแบบฝึกทักษะ : แบบฝึกที่จัดทำขึ้นเพื่อพัฒนาทักษะและความสามารถของนักเรียนที่ นําไปสู่การแก้ปัญหาตามนิยามและกรอบโครงสร้างการประเมินการรู้เรื่องการอ่าน คณิตศาสตร์และ วิทยาศาสตร์ กรอบการจัดทำแบบฝึก : อิงตามกรอบโครงสร้างการประเมินของ PISA แต่ละด้าน ดังนี้ ➢ การรู้เรื่องการอ่าน สถานการณ์หรือบริบท (Situation) เป็นสาระหรือข้อมูลแวดล้อมที่นํามาเป็นสื่อเพื่อให้นักเรียนอ่าน ๔ บริบท ได้แก่ส่วนตัว สาธารณะ การงานอาชีพ และการอ่านเพื่อการศึกษา เนื้อเรื่อง (Text) เป็นรูปแบบของการนําเสนอทั้งในรูปของสื่อ สํานวนภาษา และการนําเสนอ ความสามารถด้านการอ่าน เป็นความสามารถของนักเรียนในการทำความเข้าใจต่อสิ่งที่อ่าน ได้แก่การเข้าถึง และค้นคืนสาระ การบูรณาการและการตีความ และการสะท้อนและประเมิน ➢ การรู้เรื่องคณิตศาสตร์ สถานการณ์หรือบริบท (Context) เป็นสาระหรือข้อมูลแวดล้อมที่ปัญหานั้นตั้งอยู่๔ บริบทได้แก่ ส่วนตัว สาธารณะ การงานอาชีพ และวิทยาศาสตร์ เนื้อหาคณิตศาสตร์ (Content) เป็นสาระความรู้ที่นักเรียนต้องนำมาใช้เชื่อมโยงเพื่อการแก้ปัญหา ได้แก่สาระความรู้คณิตศาสตร์ที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงและความสัมพันธ์ปริภูมิและรูปทรงปริมาณ และ ความไม่แน่นอนและข้อมูล กระบวนการทางคณิตศาสตร์ (Process) เป็นกระบวนการที่ใช้อธิบายสิ่งที่แต่ละคนทำเพื่อเชื่อมโยง บริบทของปัญหากับคณิตศาสตร์แล้วนําไปสู่การแก้ปัญหา ประกอบด้วย การคิดสถานการณ์ปัญหาในเชิง คณิตศาสตร์การใช้หลักการและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ในการแก้ปัญหา และการตีความและประเมินผล ลัพธ์ทางคณิตศาสตร์ ➢ การรู้เรื่องวิทยาศาสตร์ สถานการณ์และบริบทของวิทยาศาสตร์สถานการณ์ในชีวิตที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีระดับบุคคล ระดับท้องถิ่น ระดับประเทศ และระดับโลก สมรรถนะทางวิทยาศาสตร์เป็นความสามารถในการอธิบายปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในเชิงวิทยาศาสตร์ ประเมินและออกแบบกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์และแปลความหมายข้อมูลและใช้ ประจักษ์พยานเชิงวิทยาศาสตร์


ค คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ด้านการรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวการประเมิน PISA ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ความเข้าใจในข้อเท็จจริง แนวคิดหลัก และทฤษฎีสำคัญ ที่ทำให้เกิดความรู้ พื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ประกอบด้วย ความรู้ด้านเนื้อหา ความรู้ด้านกระบวนการ และความรู้เกี่ยวกับการ ได้มาของความรู้ เจตคติต่อวิทยาศาสตร์ ได้แก่ความสนใจในวิทยาศาสตร์การให้ความสำคัญกับวิธีการทาง วิทยาศาสตร์ที่นํามาสู่การสืบเสาะหาความรู้และความตระหนักถึงสิ่งแวดล้อม การนําแบบฝึกไปใช้สำหรับครูผู้สอน แบบฝึกทักษะการแก้ปัญหาตามแนวทางการประเมินของ PISA ทั้งการรู้เรื่องการอ่าน การรู้เรื่อง คณิตศาสตร์และการรู้เรื่องวิทยาศาสตร์จัดทำขึ้นเพื่อให้ครูผู้สอนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นใช้เป็นเครื่องมือใน การพัฒนาผู้เรียนให้มีศักยภาพตามกรอบการประเมินของ PISA ที่ไม่เน้นเพื่อการพิจารณาว่านักเรียนรู้หรือจำ เนื้อหาที่เรียนไปแล้วได้หรือไม่ แต่เป็นแบบฝึกทักษะที่เน้นทักษะการเชื่อมโยงความรู้ที่นักเรียนได้เรียนใน ห้องเรียนกับสถานการณ์ที่กําหนดให้ในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งมีแนวทางการนําไปใช้ ดังนี้ - ใช้เป็นสื่อประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในชั้นเรียน โดยเลือกใช้สถานการณ์ของ แบบฝึกที่มีเนื้อหา/ความรู้สอดคล้องกับเนื้อหาที่ต้องการพัฒนาในชั้นเรียนนั้น ๆ - ใช้เป็นสื่อแบบฝึกเมื่อจบบทเรียน การใช้แบบฝึกต้องมั่นใจว่านักเรียนมีความรู้ความเข้าใจใน เนื้อหาความรู้ที่ปรากฏในสถานการณ์ในระดับหนึ่งซึ่งครูผู้สอนสามารถใช้แบบฝึกนี้หลังจาก จบบทเรียนหรือจบกิจกรรมการเรียนการสอนในสาระหนึ่งได้ - ใช้เป็นเอกสารประกอบการจัดกิจกรรมเสริมให้กับผู้เรียนในชั่วโมงของกิจกรรมเสริมต่าง ๆ เพื่อการพัฒนาผู้เรียน การใช้แบบฝึกพัฒนาผู้เรียนควรเลือกนําไปใช้ครั้งละ ๑-๒ สถานการณ์ โดยการพิจารณาจากความ สอดคล้องของสาระความรู้ที่ปรากฏในสถานการณ์ของแบบฝึกและสาระความรู้ที่ต้องการพัฒนา/ประเมิน


ง คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ด้านการรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวการประเมิน PISA สารบัญ เรื่อง หน้า คำนำ ก คำชี้แจง ข สารบัญ ง กรอบที่ใช้ในการประเมิน ซ แบบฝึกพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาตามแนวทางการประเมินของ PISA 1 กรอบประเด็น สุขภาพและโรคภัย แบบฝึกพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาตามแนวทางการประเมินของ PISA 12 กรอบประเด็น ทรัพยากรธรรมชาติ แบบฝึกพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาตามแนวทางการประเมินของ PISA 29 กรอบประเด็น คุณภาพสิ่งแวดล้อมอันตราย แบบฝึกพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาตามแนวทางการประเมินของ PISA 35 กรอบประเด็น ความก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี คณะผู้จัดทำ 41


จ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ด้านการรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวการประเมิน PISA


ฉ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ด้านการรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวการประเมิน PISA


1 คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ด้านการรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวการประเมิน PISA แบบฝึกพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาตามแนวทางการประเมินของ PISA กรอบประเด็น สุขภาพและโรคภัย คำชี้แจง อ่านบทอ่านแล้วตอบคำถามข้อที่ 1 – 3 โรคหัวใจและหลอดเลือด ชุด 1


2 คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ด้านการรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวการประเมิน PISA ชุดคำถามที่ 1 : โรคหัวใจและหลอดเลือด คนที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐานมีโอกาสเกิดโรคใด 1. โรคหัวใจและหลอดเลือด 2. โรคกระเพาะ 3. โรคมะเร็ง 4. โรคโลหิตจาง ชุดคำถามที่ 2 : โรคหัวใจและหลอดเลือด บุคคลใดไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด 1. นุ่นชอบเล่นเกมจนดึก ทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอ 2. หน่อยชอบออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน 3. นิดชอบกินหมูกระทะทุกเย็น 4. นัดชอบสูบบุหรี่เวลาเครียด ชุดคำถามที่ 3 : โรคหัวใจและหลอดเลือด พฤติกรรมแบบใดที่จะทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................................................................................. ............................ .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ..................................................................................................................................... ......................................... ............................................................................................................................. .................................................


3 คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ด้านการรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวการประเมิน PISA คำชี้แจง อ่านบทอ่านแล้วตอบคำถามข้อที่ 1 – 2 การสูบบุหรี่ จากการวิจัยพบว่าโรคที่เกี่ยวข้องกับการสูบบุหรี่ ในแต่ละวันทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตเกือบ 13,500 คน ควันของบุหรี่มีสารที่เป็นอันตรายอยู่หลายชนิด ส่วนที่เป็นอันตรายมากที่สุด คือ น้ำมันดิน นิโคตินและ คาร์บอนมอนอกไซด์ ชุดคำถามที่ 1 : การสูบบุหรี่ ควันของบุหรี่จะถูกสูดเข้าไปสู่ปอด น้ำมันดินจากควันที่เกาะอยู่ที่ปอดและทำให้ปอดทำงานไม่ได้ เต็มที่ ข้อความใดต่อไปนี้เป็นหน้าที่ของปอด 1. สูบฉีดโลหิตไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย 2. แลกเปลี่ยนออกซิเจนจากอากาศที่หายใจไปสู่เลือด 3. ทำให้เลือดบริสุทธิ์โดยลดคาร์บอนไดออกไซด์จนเป็นศูนย์ 4. เปลี่ยนโมเลกุลของคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็นโมเลกุลของออกซิเจน ชุดคำถามที่ 2 : การสูบบุหรี่ การสูบบุหรี่เพิ่มความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งปอดและโรคอื่นๆ ความเสี่ยงในการเกิดโรคต่อไปนี้ เพิ่ม จากการสูบบุหรี่หรือไม่ จงเขียนวงกลมล้อมรอบคำว่า “ใช่” หรือ “ไม่ใช่” ในแต่ละคำถาม ความเสี่ยงของการเกิดโรคเหล่านี้เพิ่มขึ้นจาการสูบบุหรี่หรือไม่ ใช่ หรือ ไม่ใช่ โรคไข้หวัดใหญ่ ใช่ หรือ ไม่ใช่ โรคงูสวัด ใช่ หรือ ไม่ใช่ โรคถุงลมโป่งพอง ใช่ หรือ ไม่ใช่ ชุด 2


4 คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ด้านการรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวการประเมิน PISA คำชี้แจง อ่านบทอ่านแล้วตอบคำถามข้อที่ 1 – 2 ไวรัสโคโรนา สายพันธ์ใหม่2019 ที่มาของภาพ http://www.fdachiangmai.com สืบค้นเมื่อ 13 สิงหาคม 2564 ชุด 3


5 คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ด้านการรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวการประเมิน PISA ชุดคำถามที่ 1 : ไวรัสโคโรนา สายพันธ์ใหม่ 2019 ไวรัสที่ทำให้เกิดโรคโควิด-19 จะแพร่กระจายผ่านฝอยละอองเป็นหลัก ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อผู้ติดเชื้อไอ จาม หรือหายใจออก ฝอยละอองเหล่านี้มีน้ำหนักมากเกินกว่าจะลอยอยู่ในอากาศ และจะตกลงบนพื้นหรือพื้นผิว อย่างรวดเร็ว อาจติดเชื้อได้จากการหายใจเอาไวรัสเข้าสู่ร่างกายเมื่ออยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยโควิด-19 หรือโดยการ สัมผัสพื้นผิวที่มีเชื้อไวรัสแล้วสัมผัสตา จมูก หรือปากของตนเอง จะช่วยลดการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา อย่างไร 1. ทานข้าวในภัตตาคารเนื่องจากมีการเปิดเครื่องปรับอากาศ 2. ติดต่อบริษัทเพื่อทำประกันชีวิตบรรเทาค่าใช้จ่ายเมื่อนอนโรงพยาบาล 3. ใช้หน้ากากอนามัยที่ได้มาตรฐานการเพื่อไม่ให้ละอองจากอากาศเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ 4. เดินทางออกนอกประเทศเพื่อหลบโรคระบาด ชุดคำถามที่ 2 : ไวรัสโคโรนา สายพันธ์ใหม่ 2019 การล้างมือเป็นการขจัดสิ่งสกปรกต่างๆ เช่น เหงื่อ ไขมันที่ออกมาตามธรรมชาติ และลดจำนวนเชื้อ โรคที่อาศัยอยู่ชั่วคราวบนมือ การล้างมือด้วยน้ำธรรมดาไม่สามารถทำลายเชื้อได้ การล้างมืออย่างถูกวิธีต้อง ล้างด้วยสบู่ก้อนหรือสบู่เหลว ใช้เวลาฟอกมือนานประมาณ 15 - 20 วินาที ในกรณีที่ไม่มีสบู่ก้อนหรือสบู่เหลว ให้ล้างน้ำสะอาดปริมาณมากๆนานกว่า 20 วินาที และถูมือให้ทั่วถึง วิธีการทำความสะอาดเพื่อฆ่าเชื้อโรค จงเขียนวงกลมล้อมรอบคำว่า“ใช่” หรือ“ไม่ใช่” ในแต่ละคำถาม วิธีการทำความสะอาดเพื่อฆ่าเชื้อโรค ได้ หรือ ไม่ได้ ใช้เจลแอลกอฮอล์เข้มข้น 75% ได้/ไม่ได้ ใช้น้ำมันพืชสกัดเข้มข้น 90% ได้/ไม่ได้ ใช้น้ำหอมแท้ 100% ได้/ไม่ได้


6 คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ด้านการรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวการประเมิน PISA คำชี้แจง อ่านข้อความต่อไปนี้แล้วตอบคำถามข้อ ๑ – ๒ เมื่อเป็น.." โรคธาลัสซีเมีย " แล้วอันตรายหรือไม่ ? "ธาลัสซีเมีย" เป็นโรคโลหิตจางชนิดหนึ่งที่เกิดจากเม็ดเลือดผิดปกติ ทำให้เม็ดเลือดแดงอายุสั้น เปราะ แตก ถูกทำลายง่าย และถ่ายทอดทางพันธุกรรมแบบยีนด้อย จากการที่เกิดจากความผิดปกติของยีนในการ ควบคุมการสร้างฮีโมโกลบินซึ่งเป็นสารสำคัญในเม็ดเลือดแดง ภาพแสดงลักษณะเม็ดเลือดแดงปกติและเม็ดเลือดแดงผิดปกติ ผู้ที่เป็นโรคธาลัสซีเมียจะได้รับยีนผิดปกติมาจากพ่อและแม่ ส่วนคนที่เป็นพาหะธาลัสซีเมียจะได้รับยีน ผิดปกติมาจากพ่อหรือจากแม่คนใดคนหนึ่ง โดยคนที่เป็นพาหะธาลัสซีเมียจะมีสุขภาพดีเหมือนคนทั่วไป (หรือ ปัจจุบันเรียกว่าธาลัสซีเมียแฝง) แต่สามารถถ่ายทอดยีนผิดปกติให้ลูกได้ แผนภาพแสดงการถ่ายทอดยีนโรคธาลัสซีเมีย ชุด 4


7 คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ด้านการรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวการประเมิน PISA ชุดคำถามที่ 1 : โรคธาลัสซีเมีย ความอันตรายของโรคธาลัสซีเมีย คือ เม็ดเลือดผิดปกติ ทำให้เม็ดเลือดแดงอายุสั้น เปราะ แตก ถูกทำลายง่าย และถ่ายทอดทางพันธุกรรมแบบยีนด้อย “ธาลัสซีเมีย”สามารถป้องกันได้โดยวิธีการต่อไปนี้หรือไม่ จงเขียน วงกลมล้อมรอบคำว่า ใช่ หรือไม่ใช่ ในแต่ละคำถาม “ธาลัสซีเมีย”สามารถป้องกันได้โดยวิธีการต่อไปนี้หรือไม่ ใช่ หรือ ไม่ใช่ ตรวจคัดกรองผู้ที่มียีนแฝงตั้งแต่ก่อนการตั้งครรภ์ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนมีบุตร ใช่ / ไม่ใช่ นำโครโมโซมของพ่อและแม่ไปฉายสังสีเพื่อกำจัดพาหะธาลัสซีเมีย ก่อนการมีบุตร ใช่ / ไม่ใช่ ไม่ควรแต่งงานในกลุ่มเครือญาติ เพื่อลดโอกาสการถ่ายทอดยีนผิดปกติให้กับลูก ใช่ / ไม่ใช่ ชุดคำถามที่ 2 : โรคธาลัสซีเมีย จากแผนภาพแสดงการถ่ายทอดยีนโรคธาลัสซีเมีย แสดงให้เห็นว่า”ผู้ที่เป็นโรคธาลัสซีเมีย”ต้องได้รับการ ถ่ายทอดยีนจากพ่อและแม่ในลักษณะใด 1. ได้รับยีนผิดปกติมาจากพ่อและแม่ 2. ได้รับยีนปกติมาจากพ่อและแม่ 3. ได้รับยีนผิดปกติมาจากพ่อหรือจากแม่คนใดคนหนึ่ง 4. ได้รับยีนปกติมาจากพ่อและได้รับยีนผิดปกติจากแม่


8 คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ด้านการรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวการประเมิน PISA อ่านข้อความความต่อไปนี้แล้วตอบคำถามข้อที่1 – 4 การแปรงฟันของคุณ ฟันของเราสะอาดมากขึ้นและมากขึ้นเมื่อเรายิ่งแปรงนานขึ้นและแรงขึ้นใช่หรือไม่? นักวิจัยอังกฤษบอกว่าไม่ใช่ เขาได้ทดลองหลายๆ ทางเลือก และท้ายที่สุดก็พบวิธีที่สมบูรณ์แบบในการแปรง ฟัน การแปรงฟัน 2 นาที โดยไม่แปรงฟันแรงจนเกินไปให้ผลดีที่สุด ถ้าคุณแปรงฟันแรงคุณกำลังทำร้ายเคลือบ ฟันและเหงือกโดยไม่ได้ขจัดเศษอาหารฟรือคราบหินปูน เบนท์ ฮันเซน ผู้เชี่ยวชาญด้านการแปรงฟัน กล่าวว่าวิธีจับแปรงสีฟันที่ดีก็คือจับให้เหมือนจับปากกา “ เริ่มจากมุมหนึ่ง และแปรงไปตามฟันจนหมกแถว” เธอบอกว่า “อย่าลืมลิ้นของคุณด้วย! มันสามารถสะสม แบคทีเรียได้มากทีเดียว ซึ่งเป็นสาเหตุของกลิ่นปาก” ชุด 5


9 คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ด้านการรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวการประเมิน PISA จงใช้บทความเรื่อง “การแปรงฟันของคุณ”ข้างบนเพื่อตอบคำถามต่อไปนี้ ชุดคำถามข้อที่ 1 : การแปรงฟันของคุณ บทความนี้เกี่ยวกับเรื่องอะไร 1. วิธีที่ดีที่สุดในการแปรงฟัน 2. แปรงสีฟันชนิดที่ใช้ดีที่สุด 3. ความสำคัญของการมีฟันดี 4. วิธีการแปรงฟันที่แตกต่างกันของแต่ละคน ชุดคำถามข้อที่ 2 : การแปรงฟันของคุณ นักวิจัยชาวอังกฤษแนะนำว่าอย่างไร 1. แนะนำว่าคุณแปรงฟันได้บ่อยเท่าที่จะแปรงได้ 2. แนะนำว่าคุณไม่ควรพยายามแปรงฟัน 3. แนะนำว่าคุณไม่ควรแปรงฟันแรงเกินไป 4. แนะนำว่าคุณควรแปรงลิ้นให้บ่อยกว่าฟัน ชุดคำถามข้อที่ 3 : การแปรงฟันของคุณ ทำไมเราจึงควรแปรงลิ้น ตามคำกล่าวของเบนท์ ฮันเซน ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ชุดคำถามข้อที่ 4 : การแปรงฟันของคุณ ทำไมในเรื่องจึงกล่าวถึงปากกา 1. เพื่อช่วยให้เราเข้าใจว่าควรจับแปรงสีฟันอย่างไร 2. เพราะเราเริ่มจากมุมหนึ่งเหมือนกันทั้งปากกาและแปรงสีฟัน 3. เพื่อแสดงว่าเราสามารถแปรงฟันได้หลายๆวิธี 4. เพราะเราควรแปรงฟันอย่างจริงจังเช่นเดียวกับการเขียน


10 คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ด้านการรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวการประเมิน PISA อ่านข้อความความต่อไปนี้แล้วตอบคำถามข้อที่ 1 – 3 การออกกำลังกาย การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอแต่พอประมาณเป็นสิ่งที่ดีสำหรับสุขภาพของเรา ชุดคำถามที่ 1 : การออกกำลังกาย อะไรคือข้อดีของการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จงเขียนวงกลมรอบคำว่า “ใช่” หรือ “ไม่ใช่” ในแต่ละ ข้อความ ต่อไปนี้เป็นข้อดีของการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอใช่หรือไม่ ใช่ หรือ ไม่ใช่ การออกกำลังกายช่วยป้องกันโรคหัวใจและโรคที่เกิดจากการไหลเวียนโลหิต ใช่ / ไม่ใช่ การออกกำลังกายนำไปสู่การกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ใช่ / ไม่ใช่ การออกกำลังกายช่วยหลีกเลี่ยงการมีน้ำหนักมากเกินไป ใช่ / ไม่ใช่ ชุด 6


11 คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ด้านการรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวการประเมิน PISA ชุดคำถามที่ 2 : การออกกำลังกาย มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อกล้ามเนื้อได้ออกกำลัง จงเขียนวงกลมรอบคำว่า “ใช่” หรือ “ไม่ใช่” ในแต่ละข้อความ สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกล้ามเนื้อได้ออกกำลังใช่หรือไม่ ใช่ หรือ ไม่ใช่ กล้ามเนื้อมีเลือดไหวเวียนมากขึ้น ใช่ / ไม่ใช่ ไขมันเกิดขึ้นในกล้ามเนื้อ ใช่ / ไม่ใช่ ชุดคำถามที่ 3 : การออกกำลังกาย ทำไมขณะที่ออกกำลังกายจึงต้องหายใจแรงกว่าขณะที่กำลังพักผ่อน ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. .................................................


12 คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ด้านการรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวการประเมิน PISA แบบฝึกพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาตามแนวทางการประเมินของ PISA กรอบประเด็น ทรัพยากรธรรมชาติ เห็ดระโงก เห็ดระโงก เป็นราไมคอร์ไรซา(mycorrhizas) ที่มีความสัมพันธ์กับไม้วงศ์ยางในลักษณะการอยู่ร่วมกัน แบบพึ่งพาอาศัยกัน เอื้ออำนวยประโยชน์ซึ่งกันและกันกับเซลล์ของรากพืช โดยที่ต่างฝ่ายก็ได้รับประโยชน์ (mutualistic symbiosis) ราจะช่วยดูดน้ำและธาตุอาหารจากดิน โดยเฉพาะฟอสฟอรัส (P) ให้แก่พืช ส่วนรา ก็ได้สารอาหารจากพืชที่ขับออกมาทางรากสำหรับใช้ในการเจริญเติบโต เช่น น้ำตาล โปรตีน และวิตามินต่าง ๆ นอกจากนี้ราไมคอร์ไรซายังช่วยป้องกันรากพืชจากการเข้าทำลายของเชื้อก่อโรค พืชต้นกล้าที่มีราไมคอร์ไรซา จึงมีการอยู่รอดมากกว่าพืชที่ไม่มีราไมคอร์ไรซาเพราะสามารถทนแล้งและธาตุอาหารต่ำได้ดีกว่าต้นกล้าที่ไม่มี ราไมคอร์ไรซา และเมื่อความชื้นและปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ เหมาะสม ราไมคอร์ไรซาจะเจริญและพัฒนาเป็นดอก เห็ดให้เห็นได้ ใบโอเทค สวทช. ร่วมกับสำนักวิจัยและพัฒนาการป่าไม้ กรมป่าไม้ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัย สิ่งแวดล้อมต่อผลของเห็ดระโงกทั้งในและนอกฤดูกาล ณ แปลงสาธิตโครงการศูนย์พัฒนาการเกษตรภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ ในช่วงปี 2557 - 2558 พบว่าปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดเห็ดระโงก ได้แก่ ปริมาณแสง ความชื้น บริเวณผิวดิน อุณหภูมิ และความชื้นในอากาศ รวมถึงความหนาแน่นของอินทรีย์วัตถุเหนือพื้นดิน ผลการศึกษา พบว่าเห็ดระโงกเป็นเห็ดที่ให้ผลผลิตสูงสุดในแปลง โดยสามารถพบเห็ดระโงกถึง 3 ชุด คือ เห็ด ระโงกแดง เห็ดระโงกเหลือง และเห็ดระโงกขาว นอกจากนี้ในแปลงสาธิตดังกล่าว ยังพบเห็ดกินได้ชนิดอื่น ๆ คือ เห็ดถ่าน เห็ดหาด เห็ดครก เห็ดโคน และเห็ดตะไคล ซึ่งการออกดอกของเห็ดระโงกนั้นมีความสอดคล้องกับ ปริมาณน้ำในช่วงต้นฤดูเป็นอย่างมาก โดยพบว่าในช่วงเดือนมิถุนายน -กรกฎาคม จะพบปริมาณเห็ดระโงกเป็น จำนวนมาก นอกจากนี้การให้น้ำนอกฤดูก็มีส่วนทำให้เกิดเห็ดระโงกได้เช่นกัน ซึ่งความรู้ที่ได้จากการศึกษา อิทธิพลของปัจจัยแวดล้อมต่อผลผลิตเห็ดระโงกในครั้งนี้จะนำไปสู่การปรับสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมต่อการ ออกดอกของเห็ดระโงกซึ่งเป็นประโยชน์ต่อชุมชนทั้งด้านอาหารและรายได้ ที่มา : VincentE. C. Ooi and FangLiu 2000.Immunomodulation and anti-cancer activity of polysaccharide-protein complexes.Current MedicinalChemistry 7: 715 - 729. : https://www.nstda.or.th/th/nstda-r-and-d/5112 ชุด 1


13 คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ด้านการรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวการประเมิน PISA ให้นักเรียนอ่านทำความเข้าใจสถานการณ์ และใช้ความรู้วิทยาศาสตร์ ที่เกี่ยวข้อง ตอบคำถามต่อไปนี้ คำถามที่ 1 : เห็ดระโงก ( 1 คะแนน ) ความสัมพันธ์ของเห็ดระโงกกับไม้วงศ์ยาง เป็นความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตแบบใด 1. ภาวะพึ่งพากัน 2. ภาวะเป็นกลาง 3. ภาวะอิงอาศัย หรือภาวะมีการเกื้อกูล 4. ภาวะการได้ประโยชน์ร่วมกัน คำถามที่ 2 : เห็ดระโงก ( 3 คะแนน ) ความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตต่อไปนี้ มีความสัมพันธ์เช่นเดียวกับเห็ดระโงกและไม้วงศ์ยาง ใช่หรือไม่ จงให้เหตุผลประกอบ ความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิต ใช่ หรือ ไม่ใช่ เหตุผล การฝากกับต้นมะม่วง ใช่ / ไม่ใช่ ............................................................. .............................................................. กล้วยไม้กับต้นไม้ใหญ่ ใช่ / ไม่ใช่ ............................................................. .............................................................. แบคทีเรียในปมรากพืชตระกูลถั่ว ใช่ / ไม่ใช่ ............................................................. .............................................................. ไลเคน (รากับสาหร่ายสีเขียว) ใช่ / ไม่ใช่ ............................................................. .............................................................. คำถามที่ 3 : เห็ดระโงก นักวิจัยต้องการรู้ว่า“ต้นกล้าของไม้วงศ์ยางที่ปลูกพร้อมเห็ดระโงกกับต้นกล้าของไม้วงศ์ยางที่ไม่มีเห็ด ระโงกมีการเจริญเติบโตต่างกันหรือไม่” 3.1 จงเขียนสมมติฐานของการทดลองข้างต้น ( 1 คะแนน ) สมมติฐาน : ....................................................................................................... ....................................................................... ....................................................................................................... ....................................................................... ....................................................................................................... ....................................................................... ....................................................................................................... .......................................................................


14 คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ด้านการรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวการประเมิน PISA 3.2 จงระบุตัวแปรต้น ตัวแปรตาม และตัวแปรควบคุม ที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ( 3 คะแนน ) ตัวแปรต้น : ....................................................................................................... ....................................................................... ....................................................................................................... ....................................................................... ....................................................................................................... ....................................................................... ตัวแปรตาม : ....................................................................................................... ....................................................................... ....................................................................................................... ....................................................................... ....................................................................................................... ....................................................................... ตัวแปรควบคุม : ....................................................................................................... ....................................................................... ....................................................................................................... ....................................................................... ....................................................................................................... ....................................................................... 3.3 การทดลองของใครต่อไปนี้สามารถามตรวจสอบสมมติฐานตามข้อ 3.1 ได้( 1 คะแนน ) A : ปลูกต้นกล้าของไม้วงศ์ยางต้น 2 ต้น ในที่ที่มีปัจจัยในการเจริญเติบโตเหมือนกันแต่ต้นที่ 1 ปลูก พร้อมเห็ดระโงก ต้นที่ 2 ไม่มีเห็ดระโงก B : ปลูกต้นกล้าของไม้วงศ์ยางต้น 2 ต้น ในที่ที่มีปัจจัยในการเจริญเติบโตต่างกันแต่มีเห็ดระโงก อยู่ เหมือนกัน ....................................................................................................... ....................................................................... ....................................................................................................... ....................................................................... ....................................................................................................... ....................................................................... 3.4 ถ้า A เพาะเห็ดระโงกโดยเก็บดอกแก่มาขยี้และผสมกับน้ำเปล่านำไปรดบริเวณโคนต้นยาง ส่วน B เพาะ เห็ดระโงกโดยเก็บดอกแก่มาขยี้แล้วนำไปโปรยบริเวณโคนต้นยาง ทั้ง A และ B มีการควบคุมปัจจัยที่มีผลต่อ การเกิดของเห็ดระโงกเหมือนกัน การทดลองใดจะมีเห็ดระโงกเกิดขึ้นมากกว่า เพราะเหตุใด ( 2 คะแนน ) ....................................................................................................... ....................................................................... ....................................................................................................... ....................................................................... ....................................................................................................... .......................................................................


15 คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ด้านการรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวการประเมิน PISA คำถามที่ 4 : เห็ดระโงก ( 1 คะแนน ) สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการเกิดเห็ดระโงกกับต้นไม้วงศ์ยางในฤดูกาล เป็นดังนี้ สภาพแวดล้อม ค่าความเหมาะสม ลักษณะเนื้อดิน ดินทราย ความชื้นของดิน 13.05 – 14.35 % ปริมาณอินทรียวัตถุ 0.17 – 1.02 % ความชื้นของอากาศ 60 – 70 % อุณหภูมิของอากาศ 30 องศาเซลเซียส ถ้าต้องการจะผลิตเห็ดระโงกนอกฤดูกาล จะมีวิธีการจัดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมได้อย่างไร และมี วิธีการดำเนินการอย่างไร พร้อมให้เหตุผลประกอบ ฤดูกาล วิธีดำเนินการ เหตุผลประกอบ ฤดูร้อน ……………………………………………………. …………………………………………………….. ……………………………………………………. …………………………………………………….. ฤดูหนาว ……………………………………………………. …………………………………………………….. ……………………………………………………. ……………………………………………………..


16 คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ด้านการรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวการประเมิน PISA การอพยพของนก ชุด 2 การอพยพของนกคือการที่นกเคลื่อนย้ายตามฤดูกาลในปริมาณมาก เพื่อไปและกลับจากสถานที่ผสมพันธุ์ ทุกปีจะมีอาสาสมัครนับจำนวนนก อพยพตามสถานที่ที่กำหนด นักวิทยาศาสตร์จับนกบางตัวมาติดเครื่องหมายที่ มีทั้งวงแหวนและธงสีที่ขา นักวิทยาศาสตร์ใช้การมองหานกที่ถูกติด เครื่องหมายกับการนับจำนวนนกของอาสาสมัครเพื่อกำหนดเส้นทางอพยพ ของนก นกหัวโตหลังจุดสีทองเป็นนกอพยพที่ขยายพันธุ์อยู่ในยุโรปตอนเหนือ ในฤดูใบไม้ร่วงนกจะเดินทาง ไปยังสถานที่ที่อบอุ่นกว่าและมีอาหารมากกว่า ในฤดูใบไม้ผลินกจะเดินทางกลับสู่สถานที่สำหรับผสมพันธุ์ ของพวกมัน แผนที่ทั้ง 2 แผ่นนี้มาจากงานวิจัยมากกว่าสิบปีเกี่ยวกับการอพยพของนกหัวโตหลังจุดสีทอง โดย แผนที่ 1 แสดงเส้นทางการอพยพลงใต้ของนกหัวโตหลังจุดสีทองในช่วงฤดูใบไม้ร่วง และแผนที่ 2 แสดง เส้นทางการอพยพขึ้นเหนือในช่วงฤดูใบไม้ผลิ พื้นที่สีเทาคือแผ่นดิน และพื้นที่สีขาวคือน้ำ ความหนาของ ลูกศรแสดงถึงขนาดของกลุ่มนกที่อพยพ


17 คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ด้านการรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวการประเมิน PISA ชุดคำถามชุดที่ 1 เรื่องการอพยพของนก ( 1 คะแนน ) จากเรื่อง “การอพยพของนก” ให้เลือกคำตอบหนึ่งตัวเลือกเพื่อตอบคำถาม นกอพยพส่วนใหญ่รวมกลุ่มกันอยู่ในบริเวณหนึ่ง แล้วจึงอพยพเป็นกลุ่มใหญ่มากกว่าที่จะไปเพียงตัว เดียว พฤติกรรมนี้เป็นผลจากวิวัฒนาการ คำอธิบายใดต่อไปนี้ใช้อธิบายทางวิทยาศาสตร์ได้ดีที่สุดในเชิง วิวัฒนาการของพฤติกรรมลักษณะนี้ของนกอพยพส่วนใหญ่ 1. นกที่อพยพเพียงตัวเดียวหรือเป็นกลุ่มเล็ก มีโอกาสน้อยที่จะมีชีวิตรอดจนมีลูก 2. นกที่อพยพเพียงตัวเดียวหรือเป็นกลุ่มเล็ก มีโอกาสมากที่จะหาอาหารได้อย่างเพียงพอ 3. การบินเป็นกลุ่มใหญ่ทำให้นกสปีชีส์อื่นเข้าร่วมในการอพยพได้ 4. การบินเป็นกลุ่มใหญ่ทำให้นกแต่ละตัวมีโอกาสพบสถานที่ทำรังที่ดีกว่า ชุดคำถามชุดที่ 2 เรื่องการอพยพของนก ( 3 คะแนน ) จากเรื่อง “การอพยพของนก” จงระบุปัจจัยที่ทำให้การนับจำนวนนกอพยพของอาสาสมัครไม่แม่นยำ มา 3 ข้อ และอธิบายว่าปัจจัยนั้นมีผลต่อการนับอย่างไร ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ...............................................


18 คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ด้านการรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวการประเมิน PISA ชุดคำถามชุดที่ 3 เรื่องการอพยพของนก ( 1 คะแนน ) จากเรื่อง “นกหัวโตหลังจุดสีทอง” ให้เลือกคำตอบหนึ่งคำตอบหรือมากกว่าหนึ่งคำตอบเพื่อตอบ คำถาม ข้อความเกี่ยวกับการอพยพของนกหัวโตหลังจุดสีทอง ข้อความใดที่ใช้แผนที่นี้สนับสนุนได้ จำไว้ว่าสามารถเลือกตอบได้หนึ่งกรอบหรือมากกว่าหนึ่งกรอบ 1. แผนที่แสดงการลดลงของจำนวนนกหัวโตหลังจุดสีทองที่อพยพลงใต้ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา 2. แผนที่แสดงว่าเส้นทางการอพยพขึ้นเหนือของนกหัวโตหลังจุดสีทองบางส่วนแตกต่างจากเส้นทาง การอพยพลงใต้ 3. แผนที่แสดงว่านกหัวโตหลังจุดสีทองที่อพยพใช้เวลาในช่วงฤดูหนาวอยู่ในพื้นที่ทางใต้และตะวันตก เฉียงใต้ของสถานที่ผสมพันธุ์หรือสถานที่ทำรัง ………………………………….………………………………………….................................……………..............…………………… ………………………………….………………………………………….................................……………..............…………………… ………………………………….………………………………………….................................……………..............…………………… ………………………………….………………………………………….................................……………..............…………………… ………………………………….………………………………………….................................……………..............…………………… ………………………………….………………………………………….................................……………..............…………………… ………………………………….………………………………………….................................……………..............…………………… ………………………………….………………………………………….................................……………..............…………………… ………………………………….………………………………………….................................……………...............……………………


19 คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ด้านการรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวการประเมิน PISA แกรนด์แคนยอน แกรนด์แคนยอนตั้งอยู่ในทะเลทรายแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา เป็นหุบเขาที่กว้างใหญ่และลึกมาก ประกอบด้วยชั้นหินหลายชั้น ในอดีตกาลการเคลื่อนที่ของเปลือกโลกได้ยกชั้นหินเหล่านี้ขึ้นมาเหนือผิวดิน ปัจจุบันแกรนด์แคนยอนหลายส่วนมีความลึก 1.6 กิโลเมตร มีแม่น้ำโคโลราโดไหลผ่านด้านล่างสุดของหุบเขา จงดูรูปของแกรนด์แคนยอนที่ถ่ายจากขอบด้านทิศใต้ สามารถเห็นชั้นหินที่แตกต่างกันหลายชั้นได้ชัดตามแนว ผนังของหุบเขา ทุกๆ ปีมีคนประมาณห้าล้านคนไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติแกรนด์แคนยอน มีความกังวลกันว่าจะมีความเสียหาย ที่เกิดกับอุทยานเนื่องจากมีคนไปเที่ยวจำนวนมาก คำถามที่ 1 : แกรนด์แคนยอน ( 1 คะแนน ) คำถามต่อไปนี้สามารถตอบโดยการตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์ได้หรือไม่ จงทำเครื่องหมาย ✓ลงในช่อง "ใช่" หรือ "ไม่ใช่" ในแต่ละข้อ คำถามนี้สามารถตอบโดยการตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์ได้หรือไม่ ใช่ ไม่ใช่ 1. การกร่อนที่เกิดขึ้นจากการใช้เส้นทางเดิน มีมากน้อยเท่าใด 2. พื้นที่ของอุทยานมีความสวยงามเท่ากับเมื่อ 100 ปีก่อนหรือไม่ ชุด 3


20 คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ด้านการรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวการประเมิน PISA คำถามที่ 2 : แกรนด์แคนยอน ( 1 คะแนน ) อุณหภูมิในแกรนด์แคนยอนอยู่ในช่วงตั้งแต่ต่ำกว่า 0°C จนถึงสูงกว่า 40°C แม้ว่าจะเป็นบริเวณทะเลทราย บางครั้งรอยแตกของหินก็กักเก็บน้ำไว้การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิและน้ำในรอยแตกของหินไปเร่งการ แตกร้าวของหินได้อย่างไร 1. น้ำที่เป็นน้ำแข็งละลายหินที่ร้อน 2. น้ำทำให้หินเชื่อมติดกัน 3. น้ำแข็งขัดผิวหน้าของหินให้ราบเรียบ 4. น้ำที่กำลังแข็งตัวจะขยายตัวในรอยแตกของหิน คำถามที่ 3 : แกรนด์แคนยอน ( 1 คะแนน ) มีฟอสซิลของซากสัตว์ทะเลหลายชนิด เช่น หอยกาบ ปลา และปะการัง อยู่ในชั้นหินปูน A ของแกรนด์แคน ยอน มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อหลายล้านปีก่อนที่อธิบายว่าทำไมฟอสซิลเหล่านี้จึงถูกพบที่นั่น 1. ในสมัยโบราณ ผู้คนนำอาหารทะเลจากมหาสมุทรเข้ามาในบริเวณนี้ 2. ครั้งหนึ่งมหาสมุทรมีคลื่นรุนแรงมากและคลื่นยักษ์พัดพาสิ่งมีชีวิตในทะเลขึ้นมาบนบก 3. ในสมัยก่อนบริเวณนั้นเป็นบริเวณที่มีมหาสมุทรปกคลุม และได้เหือดแห้งไปในตอนหลัง 4. สัตว์ทะเลบางชนิดครั้งหนึ่งมีชีวิตอยู่บนบกก่อนที่จะอพยพลงสู่ทะเล


21 คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ด้านการรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวการประเมิน PISA โคลนภูเขาไฟ ภาพเกาะใหม่ เกิดแผ่นดินไหว ระดับ 7.7 ตามมาตราริกเตอร์ที่เมืองเกตต้า ประเทศปากีสถาน โดยแผ่นดินไหวครั้งนี้ นอกจากจะสร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินแล้ว ยังส่งผลทําให้เกิด “เกาะใหม่” โผล่ขึ้นห่างจาก ชายฝั่งราว 600 เมตร จากรายงานข่าว เกาะเกิดใหม่นี้มีลักษณะเป็นรูปวงรีมีความยาวราว 76 - 91 เมตร สูง เหนือระดับน้ำทะเล 18 - 21 เมตร พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นผิวขรุขระและดินโคลน และมีการระบุว่าเกาะนี้มี ปรากฏการณ์คล้ายแก๊สกําลังพวยพุ่ง ไม่มีกลิ่น คล้ายแก๊สมีเทน แต่ติดไฟได้ไม่สามารถดับได้ด้วยน้ำ ดร.สันติภัยหลบลี้ภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อธิบายว่า ปรากฏการณ์ลักษณะนี้เรียกว่า “โคลนภูเขาไฟ (Mud Volcanoes)” ซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก นักวิทยาศาสตร์เชื่อ ว่าแหล่งกําเนิดของโคลนภูเขาไฟนั้น โดยปกติจะมาจากใต้โลกลึกราว 1 - 3 กิโลเมตร ขึ้นกับสภาพทาง ธรณีวิทยาบริเวณนั้น การปะทุหรือผุดขึ้นของโคลนภูเขาไฟมักเกิดขึ้นทันทีทันใด จากการที่มีความดันของ ของเหลวที่สูงขึ้น อาจเกิดจากแก๊สที่เคยแทรกอยู่ในเนื้อโคลนได้แยกออกมาและขยายตัว เกิดแรงลอยตัวของ ชั้นดินที่ปิดทับชั้นโคลน ทําให้ชั้นโคลนมีโอกาสแทรกตัวตามรอยแตกขึ้น สู่พื้น ผิวได้ซึ่งนักวิทยาศาสตร์พบว่า การปะทุของโคลนภูเขาไฟส่วนใหญ่มักสัมพันธ์กับแผ่นดินไหว ปรากฏการณ์ในลักษณะเช่นนี้ยังมีแบบที่เรียกว่า “ทรายเดือด (Liquefaction)” มีลักษณะคล้ายๆ กับการผุดขึ้นของโคลนภูเขาไฟ และมักจะเกิดหลังการเกิด แผ่นดินไหว โดยเกิดจากชั้นทรายอุ้มน้ำได้รับแรงสั่นสะเทือน แล้วเกิดการแทรกดันพุ่งขึ้นมา ซึ่งในเรื่อง ผลกระทบเมื่อเกิดขึ้นก็คือ ถ้าหากมีทรายบางส่วนผุดขึ้นมาก็จะต้องมีบางส่วนที่ทรุดลงไปแทนที่ จึงทําให้สภาพ ใต้แผ่นดินมีการเสียสมดุลหรือทรุดตัวลง เช่นที่เคยเกิดในญี่ปุ่น เมื่อปีพ.ศ.2507 จากแผ่นดินไหวขนาด 7.4 ตามมาตราริกเตอร์ ที่มา: ดัดแปลงจาก http://www.dailynews.co.th/Content/Article/145826 ชุด 4


22 คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ด้านการรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวการประเมิน PISA คําถามที่ 1 : โคลนภูเขาไฟ ( 2 คะแนน ) จากบทความ หากนักเรียนเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ต้องเข้าไปตรวจสอบบริเวณที่เกิดโคลนภูเขาไฟ ข้อความ ต่อไปนี้สามารถใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ตรวจสอบได้หรือไม่ จงเขียนวงกลมล้อมรอบคําว่า “ได้” หรือ “ไม่ได้” ในแต่ละข้อความ ข้อความต่อไปนี้สามารถใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ตรวจสอบได้หรือไม่ ได้หรือ ไม่ได้ 1. ชนิดและปริมาณของแก๊สที่เกิดขึ้นบริเวณที่เกิดโคลนภูเขาไฟ ได้ / ไม่ได้ 2. ระยะทางของบริเวณที่เกิดโคลนภูเขาไฟจากชายฝั่ง ได้ / ไม่ได้ 3. ลักษณะทางกายภาพและทางเคมีของโคลนภูเขาไฟ ได้ / ไม่ได้ 4. ความสวยงามของสถานที่เพื่อทําเป็นที่ท่องเที่ยว ได้ / ไม่ได้ คําถามที่ 2 : โคลนภูเขาไฟ ( 1 คะแนน ) จากบทความ นักเรียนคิดว่าจุดประสงค์ของบทความนี้คืออะไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… คําถามที่ 3 : โคลนภูเขาไฟ ( 2 คะแนน ) ให้เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง “โคลนภูเขาไฟ” และ “ทรายเดือด” ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร ในด้านกระบวนการเกิด และ วัตถุที่ปะทุหรอผุดขึ้นมา ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………


23 คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ด้านการรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวการประเมิน PISA สาหร่ายทะเล สาหร่ายทะเล (seaweed) จัดอยู่ในกลุ่มพืชชั้นต่ำที่ไม่มีราก ลำต้น และใบที่แท้จริง ไม่มีระบบท่อ ลำเลียงอาหารจากรากสู่ลำต้นแบบพืชชั้นสูง เช่น หญ้าทะเล บางชนิดมีเซลล์เดียว บางชนิดจับตัวกันเป็นกลุ่ม จะใช้วิธีดูดซับน้ำและแร่ธาตุจากน้ำทะเลสู่เซลล์ต่าง ๆ โดยตรง ขยายพันธุ์ด้วยการสร้างสปอร์และแบ่งตัว สามารถสร้างอาหารโดยการสังเคราะห์แสง ซึ่งสารสังเคราะห์แสงที่อยู่ในสาหร่ายแต่ละชนิดสามารถใช้ในการ แบ่งกลุ่มสาหร่ายทะเลได้ ดังนี้ สาหร่ายสีแดง สาหร่ายสีเขียว สาหร่ายสีน้ำเงิน ที่มา : http://www.biotec.or.th/brt/index.php/biodiversity/283-seaweeds-useful คำถามที่ 1 : สาหร่ายทะเล ( 1 คะแนน ) ข้อใดเป็นเกณฑ์ที่ใช้แบ่งประเภทของสาหร่ายทะเล 1. รงควัตถุ 2. การหายใจ 3. การขยายพันธุ์ 4. ขนาดของลำต้น คำถามที่ 2 : สาหร่ายทะเล ( 3 คะแนน ) ข้อความต่อไปนี้เป็นข้อเท็จจริงของสาหร่ายทะเลใช่หรือไม่ จงเขียนวงกลมล้อมรอบคำว่า “ใช่” หรือ “ไม่ใช่” ในแต่ละข้อ ข้อเท็จจริงของสาหร่ายทะเล คำตอบ สาหร่ายทะเลช่วยลดปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ในสภาพแวดล้อม ใช่ / ไม่ใช่ สาหร่ายทะเลเป็นอาหารของสิ่งมีชีวิต ใช่ / ไม่ใช่ สาหร่ายทะเลมีดอกสวยงาม ใช่ / ไม่ใช่ สาหร่ายทะเลมีขนาดเล็กมากมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น ใช่ / ไม่ใช่ ชุด 5


24 คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ด้านการรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวการประเมิน PISA คำถามที่ 3 : สาหร่ายทะเล ( 1 คะแนน ) มีการอ้างถึงการขายสาหร่ายปลอมให้แก่ผู้บริโภค ซึ่งเมื่อใช้ประกอบอาหารมีลักษณะภายนอกเหมือนสาหร่าย ทั่ว ๆ ไปทุกประการ เช่น สีสัมผัส สาหร่ายที่ใช้ประกอบอาหาร ข้อใดเป็นวิธีในการทดสอบว่า สาหร่ายดังกล่าวเกิดจากการสังเคราะห์หรือเกิดจากธรรมชาติ 1. ทดสอบโดยการชั่งน้ำหนัก 2. ทดสอบโดยการเผาไหม้ 3. ทดสอบโดยการใช้โครมาโทกราฟี 4. ทดสอบโดยการส่องกับแสงแดด คำถามที่ 4 : สาหร่ายทะเล ( 2 คะแนน ) มีการส่งตัวอย่างสาหร่ายที่สงสัยว่าจะเกิดจากการสังเคราะห์ โดยให้นักวิทยาศาสต์ทดสอบ โดยการส่องกล้อง จุลทรรศน์ได้ผลดังนี้ ภาพจากกล้องจุลทรรศน์ สาหร่ายนี้เป็นสาหร่ายที่เกิดจากธรรมชาติ หรือเกิดจากการสังเคราะห์ เพราะเหตุใด ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………


25 คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ด้านการรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวการประเมิน PISA การผลิตพลังงานจากลม พลังงานลม เป็นพลังงานตามธรรมชาติที่เกิดจากความแตกต่างของอุณหภูมิ ความกดดันของ บรรยากาศและแรงจากการหมุนของโลก สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดความเร็วลมและกำลังลม เป็นที่ ยอมรับโดยทั่วไปว่าลมเป็นพลังงานรูปหนึ่งที่มีอยู่ในตัวเอง ซึ่งในบางครั้งแรงที่เกิดจากลมอาจทำให้บ้านเรือนที่ อยู่อาศัยพังทลายต้นไม้ หักโค่นลง สิ่งของวัตถุต่าง ๆ ล้มหรือปลิวลอยไปตามลม ฯลฯ ในปัจจุบันมนุษย์จึงได้ให้ ความสำคัญและนำพลังงานจากลมมาใช้ประโยชน์มากขึ้น เนื่องจากพลังงานลมมีอยู่โดยทั่วไป ไม่ต้องซื้อหา เป็นพลังงานที่สะอาดไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ สภาพแวดล้อม และสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างไม่ รู้จักหมดสิ้น พลังงานลมก็เหมือนกับพลังงานแสงอาทิตย์คือไม่ต้องซื้อ ซึ่งปัจจุบันได้มีการนำเอาพลังงานลมมา ใช้ประโยชน์มากขึ้น บางพื้นที่ยังมีปัญหาในการวิจัยพัฒนานำเอาพลังงานลมมาใช้งานเนื่องจากปริมาณของลม ไม่สม่ำเสมอตลอดปี แต่ก็ยังคงมีพื้นที่บางพื้นที่สามารถนำเอาพลังงานลมมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ เช่น พื้นที่ บริเวณชายฝั่งทะเลเป็นต้น ซึ่งอุปกรณ์ที่ช่วยในการเปลี่ยนจากพลังงานลมออกมาเป็นพลังงานในรูปอื่น ๆ เช่น ใชั กังหันลม (wind turbine) เพื่อเปลี่ยนให้เป็น พลังงานไฟฟ้า, กังหันโรงสี (หรือ windmill) เพื่อเปลี่ยนให้ เป็น พลังงานกล คือเมื่อต่อเข้ากับระหัดวิดน้ำเพื่อระบายน้ำหรือต่อเข้ากับจักรกลก็สามารถใช้สีข้าวหรือนวด แป้งได้ กังหันสูบน้ำ (หรือ wind pump, sails หรือใบเรือ เพื่อขับเคลื่อนเรือ เป็นต้น wind farm จะ ประกอบด้วยกังหันลมเป็นจำนวนมาก และต่อเข้ากับสายส่งกลางเพื่อผลิตไฟฟ้าให้กับผู้ผลิตไฟฟ้าหลัก (ในไทย คือ กฟผ.) ลมในทะเลจะมีความแรงและแน่นอนกว่าลมบนบก แต่การสร้างในทะเลถึงจะไม่ทำให้รกหูรกตา มากนักแต่ค่าใช้จ่ายและการบำรุงรักษาจะแพงกว่าการสร้างบนบกมากเลยทีเดียว แต่ก็ไม่แพงไปกว่าการ ก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลทั่วไป พลังงานลมถูกนำมาใช้เป็นพลังงานทางเลือกเพื่อมาแทนที่พลังงานฟอสซิล มีปริมาณมาก มีอยู่ทั่วไป สะอาด หมุนเวียนได้ และมีผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อมน้อยมาก พลังงานลมมีความสม่ำเสมอในแต่ละปี อาจมีบางช่วงที่ขาดหายไปบ้างแต่ก็จะไม่สร้างปัญหาในการผลิตไฟฟ้าถ้าออกแบบให้มีประสิทธิภาพเพียง 20% ของปริมาณความต้องการไฟฟ้าทั้งหมด การติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิดจะสามารถลดปัญหาลงได้ ชุด 6


26 คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ด้านการรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวการประเมิน PISA คำถามที่ 1 : การผลิตพลังงานจากลม ( 1 คะแนน ) กราฟข้างล่างนี้ แสดงความเร็วลมเฉลี่ยตลอดปีในสี่บริเวณต่างกัน กราฟในข้อใดชี้บอกบริเวณที่เหมาะสมใน การตั้งเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังลม 1. 2. 3. 4.


27 คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ด้านการรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวการประเมิน PISA คำถามที่ 2 : การผลิตพลังงานจากลม ( 1 คะแนน ) กราฟในข้อใดต่อไปนี้ที่แสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างความเร็วลมและกำลังไฟฟ้าที่ได้ออกมาภายใต้ภาวะ ดังกล่าวได้ดีที่สุด 1. 2. 3. 4.


28 คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ด้านการรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวการประเมิน PISA คำถามที่ 3 : การผลิตพลังงานจากลม ( 1 คะแนน ) “ในความเร็วลมเท่ากัน ที่ระดับความสูงยิ่งเพิ่มขึ้นกังหันลมจะยิ่งหมุนช้าลง” ข้อใดต่อไปนี้เป็นเหตุผลดีที่สุดที่อธิบายว่า ทำไมใบพัดของกังหันลมจึงหมุนช้าลงเมื่ออยู่ในที่สูงขึ้นเมื่อความเร็ว ลมเท่ากัน 1. อากาศหนาแน่นน้อยลงเมื่อความสูงเพิ่มขึ้น 2. อุณหภูมิลดลงเมื่อความสูงเพิ่มขึ้น 3. แรงโน้มถ่วงลดลงเมื่อความสูงเพิ่มขึ้น 4. ฝนตกบ่อยขึ้นเมื่อความสูงเพิ่มขึ้น คำถามที่ 4 : การผลิตพลังงานจากลม ( 1 คะแนน ) จงบอกถึงข้อดีและข้อเสียอย่างละ 1 ข้อของการใช้ลมผลิตไฟฟ้า เปรียบเทียบกับใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น ถ่าน หินและน้ำมัน ข้อดี ............................................................................................................................................................. ........... ข้อเสีย .................................................................................................................................................................... คำถามที่ 5 : การผลิตพลังงานลม ( 1 คะแนน ) “ปัจจุบันนี้มีนักธุรกิจกว้านซื้อที่นาจากชาวนาทั่วประเทศ โดยยกเว้นที่นาของชาวนาในภาคใต้เพื่อตั้ง โรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์” จากข้อมูล เหตุใดนักธุรกิจจึงต้องการตั้งโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้า โดยใช้พื้นที่ทุ่งนาจากทั่วประเทศยกเว้นใน ภาคใต้( 2 คะแนน ) ............................................................................................................................. .............................................. ........................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .............................................. ............................................................................................................................. .............................................. ........................................................................................................................................................................... ...........................................................................................................................................................................


29 คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ด้านการรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวการประเมิน PISA แบบฝึกพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาตามแนวทางการประเมินของ PISA กรอบประเด็น คุณภาพสิ่งแวดล้อมอันตราย อ่านข้อความความต่อไปนี้แล้วตอบคำถามข้อที่ 1 – 3 ภาวะเสี่ยงด้านสุขภาพ สมมติว่า นักเรียนอาศัยอยู่ใกล้โรงงานเคมีขนาดใหญ่ที่ผลิตปุ๋ยสำหรับใช้ในการเกษตร เมื่อไม่กี่ปีมานี้มี คนจำนวนมากในละแวกนั้น ป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจเรื้อรัง คนในท้องถิ่นเชื่อว่า อาการเหล่านั้นเกิดจาก ควันพิษที่ปล่อยออกมาจากโรงงานปุ๋ยเคมีที่อยู่ใกล้เคียง ชาวบ้านมาประชุมเพื่ออภิปรายถึงอันตรยที่น่าจะเกิดขึ้นจากโรงงานเคมี ต่อสุขภาพของผู้ที่อยู่อาศัย ในท้องถิ่น นักวิทยาศาสตร์ได้เสนอข้อสรุปต่อที่ประชุม ดังต่อไปนี้ คำกล่าวของนักวิทยาศาสตร์ที่ทำงานให้กับบริษัทเคมี “เราได้ศึกษาความเป็นพิษต่อดินในบริเวณใกล้เคียง เราไม่พบหลักฐานที่แสดงถึงพิษของสารเคมีใน ตัวอย่างดินที่เราเก็บมา” คำกล่าวของนักวิทยาศาสตร์ที่ห่วงใยชุมชนในท้องถิ่น “เราได้ศึกษาผู้ป่วยระบบทางเดินหายใจเรื้อรังหลายกรณีในท้องถิ่นเปรียบเทียบกับจำนวนกรณีใน บริเวณที่ห่างออกไปจากโรงงานเคมี ปรากฏว่ามีการเจ็บป่วยมากกว่าในบริเวณที่อยู่ใกล้กับโรงงาน” คำถามที่ 1: เจ้าของโรงงานเคมีใช้คำกล่าวของนักวิทยาศาสตร์ที่ทำงานให้กับบริษัทเพื่อโต้แย้งว่า “การปล่อย ควันจากโรงงานไม่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพของผู้ที่อยู่อาศัยในท้องถิ่น” จงให้เหตุผลหนึ่งข้อเพื่อแสดงความสงสัย ว่านักวิทยาศาสตร์ที่ทำงานให้กับบริษัทเข้าข้างเจ้าของบริษัทโดยใช้ข้อความที่ไม่เหมือนกับคำกล่าวของ นักวิทยาศาสตร์ที่ห่วงใยชุมชน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ชุดที่1


30 คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ด้านการรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวการประเมิน PISA คำถามที่ 2 : นักวิทยาศาสตร์ที่ห่วงใยชุมชนได้เปรียบเทียบจำนวนผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจเรื้อรังที่อาศัยอยู่ ใกล้กับโรงงานเคมีกับจำนวนผู้ป่วยที่อยู่ห่างจากโรงงาน จงบอกถึงความแตกต่างของทั้งสองบริเวณที่เป็นไปได้ หนึ่งประการที่ทำให้การเปรียบเทียบไม่สมเหตุสมผล .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ..............................................................................................................................................................................


31 คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ด้านการรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวการประเมิน PISA อ่านข้อความความต่อไปนี้แล้วตอบคำถามข้อที่ 1 – 3 สารพิษสะสม สารไนโตรฟูแรนหรือ (5 – Nitofuraldahyde) เป็นสารที่นำมาใช้ในการรักษาสัตว์เกี่ยวกับโรคติดเชื้อ ท่อปัสสาวะ และโรคผิวหนัง สารดังกล่าวเป็น สารก่อมะเร็งทั้งในคนและสัตว์ หากสะสมในร่างกายเป็นจำนวน มาก ทำให้มีความเสี่ยงสูงที่จะก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้นอกจากนี้ยังเข้าไปทำลายระบบประสาทส่วนปลายของ ปอด และอาจส่งผลกระทบทำให้เกิดอาการแพ้ที่บริเวณผิวหนังของคนอีกด้วยจึงนับว่าสารไนโตรฟูแรนเป็นสาร ที่อันตรายต้องห้ามในการเลี้ยงสัตว์ที่จะนำมาเป็นอาหารให้มนุษย์รับประทาน แต่เป็นสารที่มักจะพบตกค้าง อยู่ในสัตว์น้ำเป็นจำนวนมาก ดังตาราง ชนิดของสัตว์ ปริมาณสารพิษ (ng/g) กุ้งลายเสือ 0.002 ปูแสม 0.001 ปลาดุก ไม่พบ ปลาแซลมอน 0.011 ปลาทูน่า 0.002 ปลาเก๋า 0.025 ปลาฉลาม 0.981 *ค่ามาตรฐานต้องไม่เกิน 1ng/g, กระทรวงสาธารณสุข, 2545 ชุดที่2 คำถาม นักเรียนคิดว่า เพราะเหตุใดปลาฉลามจึงมีสารไนโตรฟูแรนสะสมมากที่สุด ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………….................. ......................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................ ............................................................................................................................. ............................................


32 คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ด้านการรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวการประเมิน PISA ปรากฎการณ์เรือนกระจก จงอ่านข้อความต่อไปนี้แล้วตอบคำถาม ปรากฎการณ์เรือนกระจก : เรื่องจริง หรือ นวนิยาย? สิ่งที่มีชีวิตต้องการพลังงานในการดำรงชีวิต และพลังงานสำหรับสิ่งมีชีวิตบนโลกมาจากดวงอาทิตย์ ซึ่ง แผ่มาในอวกาศได้เพราะร้อนมาก แต่พลังงานที่มีถึงโลกมีสัดส่วนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น บรรยากาศของโลกทำ ตัวเหมือนผ้าห่มคลุมป้องกันผิวโลกของเรา คอยป้องกันการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ ซึ่งจะเกิดขึ้นหากโลกนี้ ไม่มีอากาศ พลังงานที่แผ่มาจากดวงอาทิตย์ส่วนใหญ่จะผ่านบรรยากาศของโลก โลกจะดูดซับพลังงานไว้ บางส่วน และสะท้อนพลังงานบางส่วนกลับไป พลังงานที่สะท้อนกลับนี้บางส่วนจะถูกดูดซับโดยชั้นบรรยากาศ ผลที่เกิดขึ้นคือ หากไม่มีบรรยากาศดังกล่าว อุณหภูมิโดยเฉลี่ยเหนือผิวโลกจะสูงกว่าที่เป็นอยู่นี้ ทำให้ บรรยากาศของโลกเกิดผลทำนองเดียวกับเรือนกระจก จึงเรียกว่า “ปรากฏการณ์เรือนกระจก” ปรากฏการ เรือนกระจกนี้ มีการกล่าวถึงกันมากในศตวรรษที่ 20 อุณหภูมิโดยเฉลี่ยของบรรยากาศของโลกได้เพิ่มสูงขึ้น จริง หนังสือพิมพ์และวารสารต่างๆ มักบอกว่า ตัวการสำคัญที่ทำให้อุณหภูมิเพิ่มขึ้นในศตวรรษที่ 20 คือ การ เพิ่มขึ้นของคาร์บอนได้ออกไซด์ นักเรียนคนหนึ่งชื่ออัจฉริยะ สนใจที่จะศึกษาความสัมพันธ์ที่อาจเป็นไปได้ ระหว่างอุณหภูมิเฉลี่ยของบรรยากาศของโลก และ ปริมาณของคาร์บอนไดออกไซด์ที่ถูกปล่อยออกมาบนโลก เขาค้นพบกราฟ 2 รูป ในห้องสมุดดังต่อไปนี้ อัจฉริยะสรุปจากกราฟสองรูปนี้ว่า อุณหภูมิเฉลี่ยของบรรยากาศของโลกที่สูงขึ้น เป็นเพราะคาร์บอน ได้ออกไซด์ถูกปล่อยออกมาสู่โลกเพิ่มากขึ้น คำถามที่ 1 : ปรากฎการณ์เรือนกระจก ข้อมูลส่วนใดของกราฟที่สนับสนุนการสรุปของอัจฉริยะ ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................. ................ .............................................................................................................................................................. ............... ชุดที่3


33 คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ด้านการรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวการประเมิน PISA คำถามที่ 2 : ปรากฎการณ์เรือนกระจก นักศึกษาอีกคนหนึ่งชื่อจินตนา ไม่เห็นด้วยกับการสรุปของอัจฉริยะ เธอเปรียบเทียบกราฟทั้งสองและ บอกว่ามีกราฟบางส่วนไม่สนับสนุนของอัจฉริยะ จงยกตัวอย่างว่า กราฟส่วนใดไม่สนับสนุนข้อสรุปของอัจฉริยะ พร้อมทั้งอธิบายคำตอบ ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. คำถามที่ 3 : ปรากฎการณ์เรือนกระจก อัจฉริยะยืนยันข้อสรุปของเขาที่ว่า อุณหภูมิเฉลี่ยของบรรยากาศของโลกสูงขึ้น เป็นผลมาจากการ เพิ่มขึ้นของคาร์บอนไดออกไซด์ แต่จินตนาคิดว่าการสรุปของอัจฉริยะไม่มีข้อมูลพอ เธอบอกว่า “ก่อนที่จะ ยอมรับข้อสรุปนี้ คุณต้องแน่ใจว่าปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจมีผลต่อปรากฎการณ์เรือนกระจกต้องมีค่าคงที่” จงบอกปัจจัยที่จินตนากล่าวมา 1 อย่าง ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ....................................................................................................................................................................... ....... ............................................................................................................................. ................................................. ที่มา : โครงการ PISA ประเทศไทย สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. ตัวอย่างการประเมินผลวิทยาศาสตร์ นานาชาติ: PISA และ TIMSS. อรุณการพิมพ์:กรุงเทพฯ . 2550.


34 คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ด้านการรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวการประเมิน PISA ฝนกรด รูปถ่ายข้างล่างนี้ เป็นรูปแกะสลักที่เรียกว่า แคริยาทิด ซึ่งถูกสร้างไว้ที่มหาวิหารอโครโพลิสในกรุง เอเธนส์เมื่อกว่า 2,500 ปีมาแล้ว รูปแกะสลักนี้ทำด้วยหินชนิดหนึ่งที่เรียกว่าหินอ่อน หินอ่อนประกอบด้วย แคลเซียมคาร์บอเนต ในปี ค.ศ. 1980 รูปแกะสลักเดิมถูกย้ายมาอยู่ภายในพิพิธภัณฑ์ของอโครโพลิสและเอารูปสลักจำลอง วางไว้แทนที่ เนื่องจากรูปแกะสลักเดิมถูกกัดกร่อนจากฝนกรด คำถามที่ 1 : ฝนกรด น้ำฝนปกติมีความเป็นกรดเล็กน้อย เพราะดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์จากอากาศ ส่วนฝนกรด มีความ เป็นกรดมากกว่าฝนปกติ เพราะฝนกรดดูดซับก๊าซ เช่น ออกไซด์ของซัลเฟอร์และออกไซด์ของไนโตรเจนไว้ด้วย ออกไซด์ของซัลเฟอร์ และออกไซด์ของไนโตรเจนในอากาศมาจากไหน ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ............................................... ชุดที่4


35 คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ด้านการรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวการประเมิน PISA แบบฝึกพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาตามแนวทางการประเมินของ PISA กรอบประเด็น ความก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การถ่ายโอนพลังงานความร้อน การพาความร้อนคือ การถ่ายโอนพลังงานความร้อนจากที่ที่มีอุณหภูมิสูงไปยังที่ที่มีอุณหภูมิต่ำโดย อาศัยตัวกลางที่ได้รับความร้อนแล้วเคลื่อนที่นำความร้อนนั้นไปด้วย การนำความร้อน คือ การถ่ายโอนพลังงานความร้อนจากที่ที่มีอุณหภูมิสูงไปยังที่ที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า โดยอาศัย วัตถุตัวกลาง ซึ่งไม่ได้เคลื่อนที่ไปด้วย การแผ่รังสี คือ การถ่ายโอนพลังงานความร้อนออกไปโดยไม่ตองอาศัยตัวกลางใดๆ คำถามที่ 1 : การถ่ายโอนพลังงานความร้อนมนุษย์ใช้ ประโยชน์จากการแผ่รังสีโดยมีต้นกำเนิดมาจากแหล่ง ใดมากที่สุด …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …….…… คำถามที่ 2 : การถ่ายโอนพลังงานความร้อน ให้นักเรียนพิจารณาวิธีการประกอบอาหารในแต่ละข้อว่า ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์แบบใดมาก ที่สุด โดยทำเครื่องหมาย ✓ ในช่องที่ตรงกับคำตอบของนักเรียน อาหาร การพาความร้อน การนำความร้อน การแผ่รับสีความร้อน หมูย่าง ถั่วนึ่ง มะม่วงกวนตาก การลวกเส้นบะหมี่ ชุดที่ 1


36 คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ด้านการรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวการประเมิน PISA คำชี้แจง ให้นักเรียนอ่านทำความเข้าใจสถาณการณ์และใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง ตอบคำถามต่อไปนี้ ข้าวโพดดัดแปลงพันธุกรรมควรถูกห้าม กลุ่มอนุรักษ์พันธุ์พืชและสัตว์ป่ากำลังเรียกร้องให้ยกเลิก ข้าวโพดดัดแปลงพันธุกรรม (GM) ข้าวโพดดัดแปลงพันธุกรรม ถูกออกแบบมาเพื่อไม่ให้ถูกทำลายโดยสารฆ่า วัชพืชชนิดใหม่ที่มีประสิทธิภาพฆ่าข้าวโพดพันธุ์เดิมได้ สารฆ่าวัชพืชใหม่นี้จะฆ่าวัชพืชเกือบทุกชนิดในไร่ ข้าวโพด นักอนุรักษ์บอกว่า เนื่องจากวัชพืชเป็นอาหารของสัตว์เล็กๆ โดยเฉพาะแมลง การใช้สารฆ่าวัชพืชใหม่ กับข้าวโพดดัดแปลงพันธุกรรมจะเป็นผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม แต่ผู้สนับสนุนการใช้ข้าวโพดดัดแปลงพันธุกรรม บอกว่า การศึกษาทางวิทยาศาสตร์ได้แสดงว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น ต่อไปนี้คือ รายละเอียดของการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ที่กล่าวถึงในบทความข้างบน: ● มีการปลูกข้าวโพด 200 แปลงทั่วประเทศ ● แต่ละแปลงถูกแบ่งเป็นสองส่วน ครึ่งหนึ่งปลูกข้าวโพดดัดแปลงพันธุกรรม (GM) ที่ใช้สารฆ่าวัชพืชใหม่ ส่วนอีกครึ่งหนึ่งปลูกข้าวโพดพันธุ์เดิมที่ใช้สารฆ่าวัชพืชเดิม ● จำนวนแมลงที่พบในแปลงข้าวโพดดัดแปลงพันธุกรรมที่ใช้สารฆ่าวัชพืชใหม่มีจำนวนพอๆ กับแมลงใน แปลงที่ปลูกข้าวโพดพันธุ์เดิมที่ใช้สารฆ่าวัชพืชเดิม ● จากเรื่อง "พืชดัดแปลงพันธุกรรม" ทางด้านขวา ให้คลิกตัวเลือกในตารางเพื่อตอบคำถาม คำถามที่ 1 : พืชดัดแปลงพันธุกรรม การศึกษาทางวิทยาศาสตร์ที่กล่าวถึงข้างต้น มีปัจจัยใดที่ตั้งใจทำให้แตกต่างกันจงเขียนวงกลมล้อมร้อมคำ ว่า “ใช่” หรือ “ไม่ใช่” ในแต่ละปัจจัย การศึกษาตั้งใจทำให้ปัจจัยนี้แตกต่างกันหรือไม่ ใช่ หรือ ไม่ใช่ จำนวนของแมลงในสิ่งแวดล้อม ใช่ / ไม่ใช่ ชนิดของสารฆ่าวัชพืชที่ใช้ ใช่ / ไม่ใช่ คำถามที่ 2 : พืชดัดแปลงพันธุกรรม ข้าวโพดถูกปลูกในที่ต่างๆ 200 แปลงทั่วประเทศ เพราะเหตุใดนักวิทยาศาสตร์จึงใช้พื้นที่ปลูกมากกว่าหนึ่งแห่ง 1. เพื่อเกษตรกรจำนวนมาก จะได้ลองปลูกข้าวโพดดัดแปลงพันธุกรรม 2. เพื่อดูว่าข้าวโพดดัดแปลงพันธุกรรมจะเจริญเติบโตได้มากเพียงใด 3. เพื่อให้ข้าวโพดดัดแปลงพันธุกรรมครอบคลุมพื้นที่ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ 4. เพื่อให้มีสภาวะที่แตกต่างกันหลายๆ แบบในการเจริญเติบโตของข้าวโพด ชุดที่ ๒


37 คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ด้านการรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวการประเมิน PISA อัลตราซาวด์ ในหลายประเทศมีการถ่ายภาพของทารกในครรภ์โดยการถ่ายภาพด้วยอัลตราซาวด์ซึ่งมีการพิจาราณาแล้วว่า ปลอดภัย ทั้งมารดาและทารกในครรภ์ แพทย์จะถือเครื่องตรวจจับคลื่นและเคลื่อนที่ไปมาบนท้องของแม่ คลื่นอัลตราซาวด์ถูกส่งผ่านไปใน ท้อง คลื่นจะสะท้อนที่ผิวของทารกในครรภ์ คลื่นสะท้อนเหล่านี้ถูกตรวจจับได้โดยเครื่องตรวจจับคลื่นและ ส่งผ่านไปยังเครื่องสร้างภาพ คำถามที่ 1 : อัลตราซาวด์ ในการสร้างภาพ เครื่องอัลตราซาวด์ต้องคำนวณระยะทางระหว่างทารกในครรภ์กับเครื่องตรวจจับ คลื่นคลื่นอัลตราซาวด์เคลื่อนที่ผ่านท้องด้วยความเร็ว 1540 เมตร /วินาที เพื่อให้สามารถคำนวณระยะทางได้ เครื่องจะต้องวัดอะไรด้วย ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……… คำถามที่ 2 : อัลตราซาวด์ ภาพทารกในครรภ์อาจได้จากการใช้รังสีเอ็กซ์เช่นเดียวกัน แต่ผู้หญิงที่อยู่ระหว่างการตั้งครรภ์จะ ได้รับคำแนะนำให้หลีกเลี่ยงการฉายรังสีเอ็กซ์บริเวณหน้าท้อง ทำไมผู้หญิงโดยเฉพาะที่อยู่ระหว่างตั้งครรภ์จึงควรหลีกเลี่ยงการฉายรังสีเอ็กซ์บริเวณท้อง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……… ชุดที่ ๓


38 คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ด้านการรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวการประเมิน PISA คำถามข้อที่ 1 การเคลลื่อนผ่านของดาวศุกร์ การเคลื่อนผ่านของดาวศุกร์ วันที่ 8 มิถุนายน ค.ศ. 2004 สามารถมองเห็นดาวศุกร์เคลื่อนที่ผ่านดวงอาทิตย์ได้ในหลายบริเวณของ โลก เรียกปรากฎการณ์นี้ว่า “การเคลื่อนผ่าน” ของดาวศุกร์ และจะเกิดขึ้นเมื่อวงโคจรของดาวศุกร์มาอยู่ ระหว่างดวงอาทิตย์และโลก การเคลื่อนผ่านของดาวศุกร์ครั้งที่แล้วเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1882 และมีการทำนายว่า ครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 2012 รูปข้างล่าง แสดงถึงการเคลื่อนผ่านของดาวศุกร์ในปี ค.ศ. 2004 โดยส่องกล้องโทรทรรศน์ไปที่ดวง อาทิตย์และฉายภาพลงบนกระดาษขาว ทำไมการสังเกตการณ์เคลื่อนผ่านของดาวศุกร์ จึงต้องฉายภาพลงบนกระดาษแทนที่จะมองผ่าน กล้องโทรทรรศน์ด้วยตาเปล่าโดยตรง 1. แสงอาทิตย์สว่างมากเกินไปที่จะมองเห็นดาวศุกร์ได้ 2. ดวงอาทิตย์มีขนาดใหญ่มากจนมองเห็นได้โดยไม่ต้องขยาย 3. การมองดวงอาทิตย์ผ่านกล้องโทรทัศน์อาจไม่เป็นอันตรายต่อดวงตา 4. ต้องทำภาพให้เล็กลงด้วยการฉายลงบนกระดาษ คำถามข้อที่ 2 : การเคลื่อนผ่านของดาวศุกร์ เมื่อมองจากโลก สามารถมองเห็นการเคลื่อนผ่านดวงอาทิตย์ของดาวเคราะห์ดวงใดได้ในบาง เวลา 1. ดาวพุธ 2. ดาวอังคาร 3. ดาวพฤหัส 4. ดาวเสาร์ ชุดที่ 4


39 คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ด้านการรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวการประเมิน PISA แสงของดาว ธงชัยชอบดูดาว อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถสังเกตเห็นดาวได้อย่างชัดเจนในเวลา กลางคืนเนื่องจาก เขาอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่เมื่อปีที่แล้ว ธงชัยไปเที่ยวชนบทและปีนขึ้นไปบนเขา ซึ่งเขาสังเกตเห็นดาวเป็นจํานวน มากในขณะที่ไม่สามารถมองเห็นได้เมื่ออยู่ในเมือง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. คำถามที่ 1: แสงของดาว ทำไมจึงสามารถมองเห็นดวงดาวได้เป็นจำนวนมากในชนบทเมื่อเทียบกับในเมืองที่มีผู้คนอาศัยอยู่มาก 1. ในเมืองมีดวงจันทร์ที่สว่างกว่าและบดบังแสงจากดาวอื่นๆ 2. ในชนบทมีฝุ่นอยู่ในอากาศมากจึงสะท้อนแสงได้ดีกว่าในเมือง 3. ความสว่างของแสงไฟในเมืองทำให้มองเห็นดวงดาวได้ยาก 4. อากาศในเมืองอบอุ่นกว่าเนื่องจากการปล่อยความร้อนจากรถยนต์ เครื่องจักร และบ้านเรือน คำถามที่ 2: แสงของดาว ธงชัยใชกลองโทรทรรศนที่เลนสมีเสนผานศูนยกลางขนาดใหญ เพื่อสองดูดาวที่มีความสวางนอย ทําไมการใชกลองโทรทรรศนที่เลนสมีเสนผานศูนยกลางขนาดใหญ จึงทําใหสังเกตเห็นดาวที่มีความ สวางนอยได 1. เลนสที่มีขนาดใหญขึ้นจะรับแสงไดมากขึ้น 2. เลนสที่มีขนาดใหญขึ้นจะมีกําลังขยายมากขึ้น 3. เลนสขนาดใหญจะทําใหมองเห็นทองฟาไดมากขึ้น 4. เลนสขนาดใหญจะสามารถรับสีเขมจากดาวได ชุดที่ 5


40 คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ด้านการรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวการประเมิน PISA กลางวัน คำถามข้อที่ 1: กลางวัน ข้อใดอธิบายถึงการเกิดกลางวันและกลางคืนบนโลก 1. โลกหมุนรอบแกนของตัวเอง 2. ดวงอาทิตย์หมุนรอบแกนของตัวเอง 3. แกนของโลกเอียง 4. โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์ ชุดที่ 6


41 คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ด้านการรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวการประเมิน PISA คณะทำงาน ที่ปรึกษา 1. นายภัทธศาสน์ มาสกุล ผู้อำนวยการ สพป.ศรีสะเกษ เขต 3 2. นายทวี สอนคำเสน รองผู้อำนวยการ สพป.ศรีสะเกษ เขต 3 3. นายจิมจง ทองคำวัน รองผู้อำนวยการ สพป.ศรีสะเกษ เขต 3 4. นางกฤติยา โพธิ์เสนา รองผู้อำนวยการ สพป.ศรีสะเกษ เขต 3 ผู้รับผิดชอบโครงการ 1. นางสาวกลอยใจ จิมานัง ศึกษานิเทศก์ 2. นายประจักษ์ ทองเลิศ ศึกษานิเทศก์ 3. นางสาวชรินทร วงศาเคน ศึกษานิเทศก์ คณะกรรมการดำเนินการสร้างนวัตกรรมวิทยาศาสตร์ 1. นายทวี สอนคำเสน รองผู้อำนวยการ สพป.ศรีสะเกษ เขต 3 2. นายสมควร โมทะจิตร ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดบ้านประอางฯ 3. นายสิรวิชญ์ ภูติยา ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านโคกตาล 4. นางนิตยา จำปาจีน ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหนองบัวตาคง 5. นางสาวนราธิป สมพงษ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านกันตรวจ 6. นางสาวนัฐนันท์ ธนาศิริกุลศักดิ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านตาเจา 7. นางสาวอุทัย ศรีเลิศ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านเรือทองคลองคำ 8. นางสาวนิตยาภรณ์ ตรีแก้ว ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านโคกสูง 9. นายชาญวิทย์ สันดอน ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านธาตุพิทยาคม 10. นางนริษา ชุมภักดี รองผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านตะเคียนราม 11. นางศิริรัตน์ ชินบุตร รองผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านละลม 12. นางอนงค์ บุดดาวงษ์ รองผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านไพรพัฒนา 13. นายชูสกุล คำขาว ศึกษานิเทศก์ 14. นายธนกฤต เดชนาเกร็ด ศึกษานิเทศก์ 15. นางสาวกฤตยา สาสังข์ ศึกษานิเทศก์ 16. นางสาวนภัทร จันทเสน ครู โรงเรียนสวัสดีวิทยา 17. นายพรหมมา ทองคณทา ครู โรงเรียนวัดบ้านประอางฯ 18. นายศักดา ดาระหงษ์ ครู โรงเรียนบ้านแทรง 19. นางสาวกัลยาทิพย์ ไชยปัญญา ครู โรงเรียนบ้านเค็ง 20. นางสาวศิริรัตน์ ใจดี ครู โรงเรียนบ้านภูมิศาลา คณะทำงานจัดทำรูปเล่ม 1. นางสาวกลอยใจ จิมานัง ศึกษานิเทศก์ 2. นายทิวากร คำศรี ครู โรงเรียนศรีสะอาดวิทยาคม 3. นางสาวธนกร รามภักดี ครู โรงเรียนบ้านติ้ว 4. นางสาวบุณยาวีย์ เหลามี ครูโรงเรียนบ้านดองดึง


42 คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ด้านการรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวการประเมิน PISA


Click to View FlipBook Version